ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : รอยร้าวในใจ
   
    \"ปิ่นก็ให้คนอื่นทำไปสิ มันไม่ใช่หน้าที่ปิ่นเลยนะ\" เสียงคนพูดตอนนี้บ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เขากำลังหงุดหงิด เขานักกับปิ่นเอาไว้แล้ว แต่พอเขากำลังออกจะไปรับเธอ เธอกลับมาบอกว่าติดงาน ไปด้วยไม่ได้แล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปิ่นทำอย่างนี้ เพราะถ้าเป็นเรื่องงานเมื่อไหร่ ปิ่นจะดื้อแพ่ง ไม่ยอมตามใจเขาเหมือนกับทุกที ทำให้เขาหงุดหงิดใจยิ่งนัก
    \"พี่ภูอย่าโกรธสิคะ นะนะ เปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ ไปดูหนังพรุ่งนี้นะ รับรองปิ่นไม่เบี้ยวแน่ๆ\" ปิ่นพยายามพูดเอาใจ แต่ก็ไม่ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นแม้แต่น้อย
   
    \"ตามใจปิ่นแล้วกัน\" เขาพูดจบก็กดวางสายทันที เขาเกลียดคำว่า \'งาน\' ของปิ่นที่สุดเลย เพราะถ้าเป็นเรื่องงานทีไร ปิ่นจะไม่ยอมตามใจเขาอย่างเด็ดขาด และวันนี้ก็เช่นกัน คอยดูนะ พอเขาแต่งงานกับปิ่นเมื่อไหร่ เขาจะให้ปิ่นลาออกจากงานทันที
    ........แต่งงาน.........เขาชะงักค้างกับความคิดตัวเอง เขาคบกับปิ่นแค่ 2-3 เดือน นี่เขาคิดเรื่องแต่งงานกับเธอแล้วเหรอเนี่ย ความคิดของตัวเองทำให้เขาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เขาจินตนาการภาพของปิ่นในชุดเจ้าสาวสีขาว ดูอ่อนหวานและน่ารัก และในอนาคตเขาอาจจะมีลูกกับปิ่นสัก 2 คน ผู้ชายคนผู้หญิงคน วันหยุดก็พาลูกไปเที่ยว ช่างเป็นภาพครอบครัวที่สุขสันต์เสียเหลือเกิน
    ภูริตัดสินใจไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ที่ร้านบาร์บาร์บาร์ ที่กลายเป็นร้านประจำของกลุ่มเพื่อนของเขาแล้วตอนนี้ เขามารู้หลังจากคบกับปิ่นว่า ร้านนี้ปิ่นก็เป็นหุ้นส่วนอยู่ แต่ก็ไม่มากมาย เพราะตอนที่กวางกำลังจะเปิดร้านนี้ กวางขาดเงินอยู่นิดหน่อย ปิ่นก็เลยเสนอให้ยืมก่อน แต่กวางขอให้ปิ่นเอาเงินจำนวนนี้มาลงทุน เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน ปิ่นจึงตกลงใจด้วยความที่อยากช่วยเพื่อน
    \"นึกว่ามึงจะไม่มาเสียแล้ว แล้วปิ่นล่ะ โดนทิ้งแล้วเหรอว่ะ\" เสียงคีเพื่อนคนนึงเอ่ยหยอกเย้า เพราะเมื่อตอนชวน ภูให้เหตุผลพร้อมรอยยิ้มที่เป็นประกายว่า \'จะไปดูหนังกับปิ่น\'
    \"ไอ้เวร ปากมึงเนี่ยนะ ใส่หมาเอาไว้กี่ตัว ปิ่นติดงาน\" เขาพูดพลางกระดกแก้วเหล้าเข้าปากด้วยความหงุดหงิด หวังเหลือเกินว่า น้ำสีอำพันจะสามารถดับความน้อยใจที่ปิ่นเห็นงานดีกว่าเขาได้
    \"ทำหน้าเหมือนหมาโดนปล่อยวัดเลยว่ะ บอกไว้ก่อนนะโว้ย ว่าถ้าเมาเหมือนหมาคราวนี้ กูไม่แบกมึงอีกแล้ว ตัวก็ยังกับควาย\" คีพูดขึ้นทำให้อีกฝ่ายยิ้มแยกเขี้ยวขึ้นมา
    \"พูดถึงงาน ไอ้มินก็มาไม่ได้อีกแล้ว ไอ้ตัวนี้ก็ติดงานตลอด แต่ไม่รู้ติดงานหรือติดสาวว่ะ ได้ข่าวว่าเพื่อนร่วมงานมันน่ารักใช่ย่อย\" เสียงโจพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
    \"เออว่ะ ไม่ได้เจอหน้ามันตั้งนานแล้วเนี่ย ยังไม่ได้แนะนำปิ่นให้มันรู้จักเลย\" ภูพูดขึ้น ใจก็ประหวัดไปถึงเพื่อนที่มีผิวสีน้ำผึ้ง ร่างสูง นัยน์ตามั่นคง นานแล้วที่เขาไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้
    \"เออไอ้ภู วันก่อนกูเจอมิวด้วย\" พอพูดถึงชื่อนี้ใบหน้าของภูก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
    \"เขากลับจากอิตาลี่แล้วเหรอ\" ภูถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
   
    \"ไม่รู้ว่ากลับมาอยู่อย่างถาวรหรือเปล่า กูก็แกล้งถามถึงพี่อาร์มนะ แต่มิวก็ตอบเลี่ยงๆ ข่าวเขาบอกมาว่า ไม่ได้คบกันแล้ว\" คีพูดต่อ พลางสังเกตสีหน้าของเพื่อนรัก
   
    ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า ภูเพื่อนรักของเขาคนนี้รักเพื่อนร่วมรุ่นที่ชื่อมิวแค่ไหน รักจนแทบจะคลั่งตายด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ภูเป็นคนหน้าตาดี และมีนิสัยเจ้าชู้หน่อยๆ ชอบทำตัวเป็นหมาหยอกไก่ ทำให้มิวทนไม่ไหว ม้ว่าภูจะไม่เคยมีใครอื่นนอกจากมิวก็ตาม หลังจากนั้นสักพักมิวก็ไปสนิทสนมกับรุ่นพี่ที่ชื่ออาร์ม จนทำให้ภูแทบเป็นบ้าตาย เมื่อมิวมาบอกเลิกกับเขาแล้วบอกว่าชอบพี่อาร์ม บาดแผลในใจครั้งนี้ของภูนับว่าเป็นเรื่องสาหัสอยู่ นับตั้งแต่นั้นภูก็ไม่เคยคบกับผู้หญิงคนไหนจริงจังอีกเลย จนกระทั่งมีปิ่นเนี่ยแหละ
   
    \"จะโทรไปหาเขาหน่อยไหมว่ะ\" โจตัดสินใจถามขึ้น
    \"ไม่ ไม่มีธุระต้องคุยกัน\" ภูตอบเสียงแข็ง คำพูดประโยคนั้นของภูเป็นสัญญาณให้เพื่อนๆ จบการสนทนาในหัวข้อดังกล่าว และเริ่มหัวข้อสนทนาใหม่ ที่น่ารื่นรมย์กว่าเดิม
    เสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะ ทำให้จิตใจที่ขุ่นมัวของใครๆ หลายๆ คนเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าบึ้งตึงที่ยังไม่คลายโกรธจากการผิดนัดคราวก่อนดูเหมือนจะผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ทำให้ร่างเล็กที่นั่งๆ อยู่ข้างๆ แอบอมยิ้มเล็กๆ
    \"พี่ภูกินหอยแครงไหมค่ะ ปิ่นแกะให้\" ปิ่นถามอย่างเอาใจ ภูพยักหน้าเบาๆ ปิ่นค่อยๆ แกะแล้วก็ส่งให้ภู แต่ภูส่ายหน้าไม่ยอมรับมา พร้อมกับอ้าปากรอ ปิ่นก็ได้แต่ส่ายหน้ากับลูกแมวตัวใหญ่ขี้อ้อน แต่ก็เอาเถอะ ถ้าทำแล้วเขาเลิกทำหน้าบึ้งก็คุ้มค่าที่จะทำ ปิ่นค่อยๆ เอาซ้อมจิ้มหอยแครงแล้วใส่ปากภูอย่างบรรจง
    \"อร่อยไหมคะ\" ปิ่นถามเสียงใส ทำให้คนตัวใหญ่ยิ้มกริ่ม
    \"อะไรที่ปิ่นป้อนก็อร่อยทั้งนั้นแหละ\" ดูเหมือนว่าตอนนี้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของเขาได้จางหายไปหมดแล้ว เหลือแต่อารมณ์ที่สดใส เวลาที่เขาหงุดหงิดใจ พอเจอปิ่นเอาใจนิดหน่อย เขาก็มักจะหายเป็นปริดทิ้ง
    \"ถ้าท้องเสียอย่ามาโทษปิ่นนะ\" ปิ่นพูดยิ้มๆ \"เออแล้วตกลงพี่ภูพาปิ่นมานั่งมองทะเลเหรอคะ ลงไปเล่นน้ำกันเถอะ\"
    \"ไม่เอา ร้อนจะตาย คนก็เยอะ\" ภูค้านความคิดของเธอ พร้อมๆ กับเอนหลังลงไปนอนบนเตียงผ้าใบ
    \"อ้าว แล้วอย่างนี้จะมาทำไมล่ะคะ\" ปิ่นถามด้วยความสงสัย มาทะเล แต่มาดูทะเล
    \"ก็มากินอาหารทะเลแล้วก็กลับ ปิ่นไม่เสียดายผิวสวยๆ บ้างเหรอ ถึงปิ่นไม่เสียดาย แต่พี่ก็ไม่ยอมให้แดดเผาปิ่นหรอกนะ\" คำพูดของเขาทำให้เธอเขินขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่าหน้าตาเธอร้อนผ่าว ผู้ชายคนนี้ชอบพูดอะไรให้เธอรู้สึกเขินอายได้ทุกเวลาเลยจริงๆ
   
    เวลาผ่านไปสักพัก ภูริก็เริ่มที่จะง่วงขึ้นมา เขาผลอยหลับไปโดยที่ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ปิ่นก็ได้แต่มองคนตรงหน้ายิ้มๆ กินแล้วก็นอน เป็นคนที่เลี้ยงง่ายอะไรอย่างนี้ ปิ่นนั่งมองทะเลสักพักก็เริ่มเบื่อ เพราะไม่มีเพื่อนคุยให้รู้สึกสนุกสนาน ปิ่นจึงตัดสินใจเดินไปที่ร้านค้า เพื่อหาซื้อโปสการ์ดสวยๆ ส่งให้เพื่อนๆ ของเธอ
    ระหว่างที่ปิ่นยืนเลือกโปสการ์ดอย่างเพลิดเพลิน ก็มีเสียงเสียงหนึ่งทักขึ้น
    \"มาเที่ยวเหรอครับ\" เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น พร้อมๆ กับปลุกความทรงจำเก่าๆ ของปิ่นขึ้นมา
    \"มาเที่ยวเหรอครับ\" เสียงคำถามที่เปล่งออกมาเป็นภาษาไทยทำให้ปิ่นเงยหน้าด้วยความสงสัย
   
    \"คนไทยเหรอคะ\" ปิ่นยิ้มกว้าง เหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นถูกใจ
   
    \"ครับ เห็นยืนเลือกโปสการ์ดอยู่นาน ซื้อฝากเพื่อนเหรอครับ\"
    นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของปิ่นกับใครบางคน และเป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำที่สวยงามและเจ็บปวดด้วยเช่นกัน เสียงชายหนุ่มคนเก่าถามขึ้นอีกครั้ง ทำให้ปิ่นออกจากภวังค์ หันมายิ้มให้ชายหนุ่มผิวสีแทน ผมเปียกลู่ลีบลงมา ตามร่างกายมีหยดน้ำพราว บ่งบอกว่าเพิ่งขึ้นมาจากทะเล และหาอะไรดื่มแก้รสเค็มที่เพิ่งลิ้มรสไป
    \"ค่ะ\" คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ของปิ่น พร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆ ไปให้ ทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มขึ้นมาเพราะความน่ารัก
    \"มากับเพื่อน?\" เขารุกต่อ ความน่ารักของสาวที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป
   
    \"ค่ะ\" ปิ่นยังคงตอบแบบประหยัดถ้อยคำเหมือนเดิม ปิ่นไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะนั่นอาจจะทำให้พี่ภูของเธอไม่พอใจ
    \"อยากบินขึ้นไปบนท้องฟ้าไหมครับ\" คำพูดของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทำให้ปิ่นเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
    \"ยังไงคะ\" ได้ผล ชายหนุ่มตรงหน้าแอบยิ้มน้อยๆ เมื่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเริ่มที่จะพูดคำอื่นนอกจากคำว่า \'ค่ะ\' เขาชี้ขึ้นไปบนฟ้า มีคนอยู่บนฟ้าพร้อมร่มชูชีพที่ลอยอยู่เหนือพื้นดิน โดยมีเรือเร็วเป็นผู้ชักจูง
    \"พอดีผมขับเรือนั่นอยู่ ถ้าสนใจผมบริการฟรี กลัวความสูงหรือเปล่าครับ\" เขาพูดพลางส่งยิ้มประกายแปลกๆ มาให้ เขารู้สึกยินดียิ่งนัก เพราะดวงตาของหญิงสาวคนนี้บอกออกมาหมดว่าเธอสนใจการเล่นแบบนี้ ปิ่นส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้น
    \"คงไม่ได้หรอกนะ ผมไม่อนุญาต\" เสียงแข็งๆ ดังขึ้นด้านหลังคนสองคน พร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึง เขาเดินมาข้างๆ หญิงสาวแล้วโอบไหล่เธอเอาไว้ ราวกับจะประกาศความเป็นเจ้าของ
   
    \"งั้นเหรอครับ\" สายตาของชายหนุ่มผิวสีแทน ยังคงจับจ้องหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ตอนนี้มีแววหวาดหวั่นในแววตา \"ถ้าสนใจก็บอกผมได้นะครับ เรือของผมอยู่ทางด้านนู้น\" เขาพูดพร้อมชี้นิ้วไปทางหนึ่ง
    \"ค่ะ ขอบคุณค่ะ\" ปิ่นฝืนยิ้มให้เขา ทั้งๆ ที่หวั่นใจกับท่าทีของคนตัวสูงที่ยืนโอบไหล่เธออยู่
    \"ใคร แล้วทำคุยกับปิ่นได้ยังไง\" เขาถามเสียงแข็ง ด้วยความไม่พอใจ หลังจากที่ชายหนุ่มคนเมื่อกี้เดินจากไป ปิ่นรู้ดีว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะมาเยือนเธออีกครั้ง
    \"เขาแค่มาทักทายธรรมดา พี่ภูอย่าทำอย่างนี้สิคะ\" เขาพูดเบาๆ ราวกับเด็กทำอะไรผิด ภูริมองหน้า แม้ว่ารู้ว่าเธอไม่ผิดที่พูดประโยคนี้ออกมา แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันพาลให้เจาคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ที่แสนปวดร้าว
    \"พี่เขาแค่มาทักทายธรรมดา ภูอย่าทำอย่างนี้สิ\" เสียงใสๆ ของแฟนสาวพูดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวในใจเขาจางหายไปบ้างเลย
    และคนที่เคยพูดประโยคนั้นกับเขามาก่อน ก็ปันใจไปให้กับคนที่เธอบอกว่าเขาแค่มาทักทายธรรมดา
    \"ธรรมดาก็ไม่ได้ ปิ่นห้ามไปคุยกับผู้ชายคนอื่น ถ้าพี่ไม่อนุญาต\" ความหึงเข้าตา ทำให้เขาพูดจาไร้เหตุผลออกไป ปิ่นมองเขาตาค้าง คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดประโยคนี้ออกมา
    \"พี่ภู\" ปิ่นครางออกมาด้วยความไม่เข้าใจ \"พี่ภูไม่มีเหตุผล ปิ่นไม่อยากคุยด้วยแล้ว\" ปิ่นพูดแล้วก็สะบัดตัวออกห่างจากพี่ภูของเธอ \'ไม่มีเหตุผล ไม่เชื่อใจกัน\' เป็นคำที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมาปิ่นก็ทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมคุยกับภูอีกเลย
    ระหว่างขับรถกลับ ภูก็ลอบมองปิ่นที่หันหน้ามองวิวข้างท้างโดยไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เวลาเขาถามก็ถามคำตอบคำ ตั้งแต่คบกับปิ่นมา ปิ่นไม่เคยโกรธหรืองอนเขาแม้แต่ครั้งเดียว จะมีแต่เขาที่งอนปิ่นบ่อยๆ ราวกับจะเรียกร้องความสนใจและความรักจากเธอ
    \"ปิ่นพี่ขอโทษนะครับ พี่หึงไปหน่อย ยกโทษให้พี่นะ\" เขาเริ่มง้อเธอ เมื่อเขาทบทวนดูแล้วเขาผิดเต็มประตู ปิ่นไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย มีแต่เขาที่เอาเรื่องเจ็บปวดบ้าๆ ในอดีตมาเป็นบรรทัดฐาน
    ...............เงียบ.............ไม่มีเสียงตอบจากปิ่น ปิ่นยังคงหันข้างมองวิวข้างทาง และในที่สุดความอดทนของภูก็เริ่มสิ้นสุด เขาจอดรถที่ข้างทาง หวังจะให้เธอหันมาถามเขาว่าจอดทำไม แต่เปล่าเลย เธอกลับยังคงหันหน้าไปทางนั้นนิ่งๆ
    \"ปิ่นครับ\" เขาเอื้อมมือไปคว้ามือเล็กๆ ของเธออย่างแผ่วเบา แล้วปัดปอยผมที่ปิดหน้าซีกขวาของเธอ แล้วเขาก็ต้องขำตัวเองอยู่นาน เพราะผู้หญิงที่เขาพยายามพูดง้อตอนนี้ กำลังหลับตาพริ้ม ท่าทางกำลังหลับอย่างสบายใจ ภูออกรถไปอีกครั้ง พยายามขับช้าๆ ให้นิ่มนวล เพื่อไม่ให้ร่างบางตื่นจากการหลับใหล
   
    ภูขับรถมาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย เขาแล่นรถไปจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง อาหารทะเลมื้อเย็นที่กินมาไม่อร่อยสำหรับเขาเลยสักนิด จะอร่อยได้อย่างไร ในเมื่อร่างบางที่นอนหลับอยู่ตอนนี้ไม่พูดกับเขาสักคำ สิ่งที่เธอทำอย่างเดียวก็คือนั่งกินเงียบๆ การกระทำของเธอทำให้เขากินแทบจะไม่ลงเลยทีเดียว พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ท้องของเขาก็ประท้วงขออาหารรอบดึก ตามประสาคนกินจุ
    \"ปิ่น ตื่นเถอะ กินข้าวกัน\" เสียงเขาภูแรงเขย่าที่แขนเบาๆ ทำให้ปิ่นงัวเงียตื่นขึ้น
   
    \"กินอีกแล้วเหรอคะพี่ภู\" ปิ่นประท้วงด้วยน้ำเสียงหวานๆ ดูเหมือนว่าความง่วงจะทำให้เธอลืมความโกรธเคืองไปหมดสิ้น ภูริยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นอาการของคนรัก แล้วท่าทีของเธอก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีเมื่อได้สติคืนมา
   
    \"พี่ภูกินเถอะค่ะ ปิ่นไม่หิว เดี๋ยวปิ่นเรียกแท็กซี่กลับเอง\" ปิ่นพูดโดยที่ไม่หันไปมองคู่สนทนาแม้แต่น้อย ความโกรธและน้อยใจยังคงเต็มตื้นอยู่ในความรู้สึก ภูริถอนหายใจเบาๆ ก่อนคว้ามือเล็กๆ ของเธอมาเกาะกุมเอาไว้
   
    \"พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่กลัว กลัวว่าใครจะมาเอาปิ่นไปจากพี่ พี่รักปิ่นมากนะ\" เขาพูดพลางยกมือเล็กของเธอขึ้นมาจุมพิตเบาๆ
    \"พี่ภูทำเหมือนไม่ไว้ใจปิ่น ปิ่นดูเป็นผู้หญิงใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ\" ปิ่นถามขึ้น หันมามองเขาด้วยแววตาที่แข็งกร้าว
    เมื่อเห็นแววตาของปิ่น เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น ความหึงหวงของเขาอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้คนที่เขารักต้องขุ่นเคืองในใจ เขาชูสามนิ้วขึ้นมาอย่างลูกเสือสำรอง
    \"ข้าพเจ้าขอสัญญาว่า ข้าพเจ้าจะไม่หึงไม่หวงโดยที่ไม่มีเหตุผลอีกแล้วครับ\" ท่าทางที่ดูขึงขัง ในสไตส์ขี้เล่นของเขา ทำให้ปิ่นอดที่จะอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้
    \"พี่ภูขี้โกง\" ปิ่นเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา เอามือเล็กๆ อีกข้างที่เป็นอิสระตีแขนเขาเบาๆ
    \"โอ้ย ปิ่นทำพี่เจ็บ\" เขาโอดครวญ พลางทำหน้าเหมือนลูกหมาน่าสงสาร ท่าทางของเขาทำให้ปิ่นหัวเราะเบาๆ
    \"ตีเบาๆ ไม่เจ็บสักหน่อย\" ปิ่นประท้วงเบาๆ ทำให้ภูอมยิ้มขึ้นมา
    \"ไปกินข้าวกันนะครับ ตอนกินอยู่ริมทะเล ปิ่นทำหน้าบึ้ง เล่นเอาพี่กินข้าวไม่ลงเลย\" เขาพูดอ้อนๆ พร้อมส่งยิ้มหวานๆ มาให้ ท่าทางเหมือนลูกแมวอย่างนี้สินะ ที่ทำให้เธอใจอ่อนแทบจะทุกครั้ง
    \"ก็ได้ค่ะ\" ปิ่นพูดเบาๆ แล้วเปิดประตูรถออกไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เจอกันวันที่ 6 จ้า
    \"ปิ่นก็ให้คนอื่นทำไปสิ มันไม่ใช่หน้าที่ปิ่นเลยนะ\" เสียงคนพูดตอนนี้บ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เขากำลังหงุดหงิด เขานักกับปิ่นเอาไว้แล้ว แต่พอเขากำลังออกจะไปรับเธอ เธอกลับมาบอกว่าติดงาน ไปด้วยไม่ได้แล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปิ่นทำอย่างนี้ เพราะถ้าเป็นเรื่องงานเมื่อไหร่ ปิ่นจะดื้อแพ่ง ไม่ยอมตามใจเขาเหมือนกับทุกที ทำให้เขาหงุดหงิดใจยิ่งนัก
    \"พี่ภูอย่าโกรธสิคะ นะนะ เปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ ไปดูหนังพรุ่งนี้นะ รับรองปิ่นไม่เบี้ยวแน่ๆ\" ปิ่นพยายามพูดเอาใจ แต่ก็ไม่ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นแม้แต่น้อย
   
    \"ตามใจปิ่นแล้วกัน\" เขาพูดจบก็กดวางสายทันที เขาเกลียดคำว่า \'งาน\' ของปิ่นที่สุดเลย เพราะถ้าเป็นเรื่องงานทีไร ปิ่นจะไม่ยอมตามใจเขาอย่างเด็ดขาด และวันนี้ก็เช่นกัน คอยดูนะ พอเขาแต่งงานกับปิ่นเมื่อไหร่ เขาจะให้ปิ่นลาออกจากงานทันที
    ........แต่งงาน.........เขาชะงักค้างกับความคิดตัวเอง เขาคบกับปิ่นแค่ 2-3 เดือน นี่เขาคิดเรื่องแต่งงานกับเธอแล้วเหรอเนี่ย ความคิดของตัวเองทำให้เขาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เขาจินตนาการภาพของปิ่นในชุดเจ้าสาวสีขาว ดูอ่อนหวานและน่ารัก และในอนาคตเขาอาจจะมีลูกกับปิ่นสัก 2 คน ผู้ชายคนผู้หญิงคน วันหยุดก็พาลูกไปเที่ยว ช่างเป็นภาพครอบครัวที่สุขสันต์เสียเหลือเกิน
    ภูริตัดสินใจไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ที่ร้านบาร์บาร์บาร์ ที่กลายเป็นร้านประจำของกลุ่มเพื่อนของเขาแล้วตอนนี้ เขามารู้หลังจากคบกับปิ่นว่า ร้านนี้ปิ่นก็เป็นหุ้นส่วนอยู่ แต่ก็ไม่มากมาย เพราะตอนที่กวางกำลังจะเปิดร้านนี้ กวางขาดเงินอยู่นิดหน่อย ปิ่นก็เลยเสนอให้ยืมก่อน แต่กวางขอให้ปิ่นเอาเงินจำนวนนี้มาลงทุน เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน ปิ่นจึงตกลงใจด้วยความที่อยากช่วยเพื่อน
    \"นึกว่ามึงจะไม่มาเสียแล้ว แล้วปิ่นล่ะ โดนทิ้งแล้วเหรอว่ะ\" เสียงคีเพื่อนคนนึงเอ่ยหยอกเย้า เพราะเมื่อตอนชวน ภูให้เหตุผลพร้อมรอยยิ้มที่เป็นประกายว่า \'จะไปดูหนังกับปิ่น\'
    \"ไอ้เวร ปากมึงเนี่ยนะ ใส่หมาเอาไว้กี่ตัว ปิ่นติดงาน\" เขาพูดพลางกระดกแก้วเหล้าเข้าปากด้วยความหงุดหงิด หวังเหลือเกินว่า น้ำสีอำพันจะสามารถดับความน้อยใจที่ปิ่นเห็นงานดีกว่าเขาได้
    \"ทำหน้าเหมือนหมาโดนปล่อยวัดเลยว่ะ บอกไว้ก่อนนะโว้ย ว่าถ้าเมาเหมือนหมาคราวนี้ กูไม่แบกมึงอีกแล้ว ตัวก็ยังกับควาย\" คีพูดขึ้นทำให้อีกฝ่ายยิ้มแยกเขี้ยวขึ้นมา
    \"พูดถึงงาน ไอ้มินก็มาไม่ได้อีกแล้ว ไอ้ตัวนี้ก็ติดงานตลอด แต่ไม่รู้ติดงานหรือติดสาวว่ะ ได้ข่าวว่าเพื่อนร่วมงานมันน่ารักใช่ย่อย\" เสียงโจพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
    \"เออว่ะ ไม่ได้เจอหน้ามันตั้งนานแล้วเนี่ย ยังไม่ได้แนะนำปิ่นให้มันรู้จักเลย\" ภูพูดขึ้น ใจก็ประหวัดไปถึงเพื่อนที่มีผิวสีน้ำผึ้ง ร่างสูง นัยน์ตามั่นคง นานแล้วที่เขาไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้
    \"เออไอ้ภู วันก่อนกูเจอมิวด้วย\" พอพูดถึงชื่อนี้ใบหน้าของภูก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
    \"เขากลับจากอิตาลี่แล้วเหรอ\" ภูถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
   
    \"ไม่รู้ว่ากลับมาอยู่อย่างถาวรหรือเปล่า กูก็แกล้งถามถึงพี่อาร์มนะ แต่มิวก็ตอบเลี่ยงๆ ข่าวเขาบอกมาว่า ไม่ได้คบกันแล้ว\" คีพูดต่อ พลางสังเกตสีหน้าของเพื่อนรัก
   
    ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า ภูเพื่อนรักของเขาคนนี้รักเพื่อนร่วมรุ่นที่ชื่อมิวแค่ไหน รักจนแทบจะคลั่งตายด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ภูเป็นคนหน้าตาดี และมีนิสัยเจ้าชู้หน่อยๆ ชอบทำตัวเป็นหมาหยอกไก่ ทำให้มิวทนไม่ไหว ม้ว่าภูจะไม่เคยมีใครอื่นนอกจากมิวก็ตาม หลังจากนั้นสักพักมิวก็ไปสนิทสนมกับรุ่นพี่ที่ชื่ออาร์ม จนทำให้ภูแทบเป็นบ้าตาย เมื่อมิวมาบอกเลิกกับเขาแล้วบอกว่าชอบพี่อาร์ม บาดแผลในใจครั้งนี้ของภูนับว่าเป็นเรื่องสาหัสอยู่ นับตั้งแต่นั้นภูก็ไม่เคยคบกับผู้หญิงคนไหนจริงจังอีกเลย จนกระทั่งมีปิ่นเนี่ยแหละ
   
    \"จะโทรไปหาเขาหน่อยไหมว่ะ\" โจตัดสินใจถามขึ้น
    \"ไม่ ไม่มีธุระต้องคุยกัน\" ภูตอบเสียงแข็ง คำพูดประโยคนั้นของภูเป็นสัญญาณให้เพื่อนๆ จบการสนทนาในหัวข้อดังกล่าว และเริ่มหัวข้อสนทนาใหม่ ที่น่ารื่นรมย์กว่าเดิม
    เสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะ ทำให้จิตใจที่ขุ่นมัวของใครๆ หลายๆ คนเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าบึ้งตึงที่ยังไม่คลายโกรธจากการผิดนัดคราวก่อนดูเหมือนจะผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ทำให้ร่างเล็กที่นั่งๆ อยู่ข้างๆ แอบอมยิ้มเล็กๆ
    \"พี่ภูกินหอยแครงไหมค่ะ ปิ่นแกะให้\" ปิ่นถามอย่างเอาใจ ภูพยักหน้าเบาๆ ปิ่นค่อยๆ แกะแล้วก็ส่งให้ภู แต่ภูส่ายหน้าไม่ยอมรับมา พร้อมกับอ้าปากรอ ปิ่นก็ได้แต่ส่ายหน้ากับลูกแมวตัวใหญ่ขี้อ้อน แต่ก็เอาเถอะ ถ้าทำแล้วเขาเลิกทำหน้าบึ้งก็คุ้มค่าที่จะทำ ปิ่นค่อยๆ เอาซ้อมจิ้มหอยแครงแล้วใส่ปากภูอย่างบรรจง
    \"อร่อยไหมคะ\" ปิ่นถามเสียงใส ทำให้คนตัวใหญ่ยิ้มกริ่ม
    \"อะไรที่ปิ่นป้อนก็อร่อยทั้งนั้นแหละ\" ดูเหมือนว่าตอนนี้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของเขาได้จางหายไปหมดแล้ว เหลือแต่อารมณ์ที่สดใส เวลาที่เขาหงุดหงิดใจ พอเจอปิ่นเอาใจนิดหน่อย เขาก็มักจะหายเป็นปริดทิ้ง
    \"ถ้าท้องเสียอย่ามาโทษปิ่นนะ\" ปิ่นพูดยิ้มๆ \"เออแล้วตกลงพี่ภูพาปิ่นมานั่งมองทะเลเหรอคะ ลงไปเล่นน้ำกันเถอะ\"
    \"ไม่เอา ร้อนจะตาย คนก็เยอะ\" ภูค้านความคิดของเธอ พร้อมๆ กับเอนหลังลงไปนอนบนเตียงผ้าใบ
    \"อ้าว แล้วอย่างนี้จะมาทำไมล่ะคะ\" ปิ่นถามด้วยความสงสัย มาทะเล แต่มาดูทะเล
    \"ก็มากินอาหารทะเลแล้วก็กลับ ปิ่นไม่เสียดายผิวสวยๆ บ้างเหรอ ถึงปิ่นไม่เสียดาย แต่พี่ก็ไม่ยอมให้แดดเผาปิ่นหรอกนะ\" คำพูดของเขาทำให้เธอเขินขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่าหน้าตาเธอร้อนผ่าว ผู้ชายคนนี้ชอบพูดอะไรให้เธอรู้สึกเขินอายได้ทุกเวลาเลยจริงๆ
   
    เวลาผ่านไปสักพัก ภูริก็เริ่มที่จะง่วงขึ้นมา เขาผลอยหลับไปโดยที่ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ปิ่นก็ได้แต่มองคนตรงหน้ายิ้มๆ กินแล้วก็นอน เป็นคนที่เลี้ยงง่ายอะไรอย่างนี้ ปิ่นนั่งมองทะเลสักพักก็เริ่มเบื่อ เพราะไม่มีเพื่อนคุยให้รู้สึกสนุกสนาน ปิ่นจึงตัดสินใจเดินไปที่ร้านค้า เพื่อหาซื้อโปสการ์ดสวยๆ ส่งให้เพื่อนๆ ของเธอ
    ระหว่างที่ปิ่นยืนเลือกโปสการ์ดอย่างเพลิดเพลิน ก็มีเสียงเสียงหนึ่งทักขึ้น
    \"มาเที่ยวเหรอครับ\" เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น พร้อมๆ กับปลุกความทรงจำเก่าๆ ของปิ่นขึ้นมา
    \"มาเที่ยวเหรอครับ\" เสียงคำถามที่เปล่งออกมาเป็นภาษาไทยทำให้ปิ่นเงยหน้าด้วยความสงสัย
   
    \"คนไทยเหรอคะ\" ปิ่นยิ้มกว้าง เหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นถูกใจ
   
    \"ครับ เห็นยืนเลือกโปสการ์ดอยู่นาน ซื้อฝากเพื่อนเหรอครับ\"
    นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของปิ่นกับใครบางคน และเป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำที่สวยงามและเจ็บปวดด้วยเช่นกัน เสียงชายหนุ่มคนเก่าถามขึ้นอีกครั้ง ทำให้ปิ่นออกจากภวังค์ หันมายิ้มให้ชายหนุ่มผิวสีแทน ผมเปียกลู่ลีบลงมา ตามร่างกายมีหยดน้ำพราว บ่งบอกว่าเพิ่งขึ้นมาจากทะเล และหาอะไรดื่มแก้รสเค็มที่เพิ่งลิ้มรสไป
    \"ค่ะ\" คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ของปิ่น พร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆ ไปให้ ทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มขึ้นมาเพราะความน่ารัก
    \"มากับเพื่อน?\" เขารุกต่อ ความน่ารักของสาวที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป
   
    \"ค่ะ\" ปิ่นยังคงตอบแบบประหยัดถ้อยคำเหมือนเดิม ปิ่นไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะนั่นอาจจะทำให้พี่ภูของเธอไม่พอใจ
    \"อยากบินขึ้นไปบนท้องฟ้าไหมครับ\" คำพูดของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทำให้ปิ่นเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
    \"ยังไงคะ\" ได้ผล ชายหนุ่มตรงหน้าแอบยิ้มน้อยๆ เมื่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเริ่มที่จะพูดคำอื่นนอกจากคำว่า \'ค่ะ\' เขาชี้ขึ้นไปบนฟ้า มีคนอยู่บนฟ้าพร้อมร่มชูชีพที่ลอยอยู่เหนือพื้นดิน โดยมีเรือเร็วเป็นผู้ชักจูง
    \"พอดีผมขับเรือนั่นอยู่ ถ้าสนใจผมบริการฟรี กลัวความสูงหรือเปล่าครับ\" เขาพูดพลางส่งยิ้มประกายแปลกๆ มาให้ เขารู้สึกยินดียิ่งนัก เพราะดวงตาของหญิงสาวคนนี้บอกออกมาหมดว่าเธอสนใจการเล่นแบบนี้ ปิ่นส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้น
    \"คงไม่ได้หรอกนะ ผมไม่อนุญาต\" เสียงแข็งๆ ดังขึ้นด้านหลังคนสองคน พร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึง เขาเดินมาข้างๆ หญิงสาวแล้วโอบไหล่เธอเอาไว้ ราวกับจะประกาศความเป็นเจ้าของ
   
    \"งั้นเหรอครับ\" สายตาของชายหนุ่มผิวสีแทน ยังคงจับจ้องหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ตอนนี้มีแววหวาดหวั่นในแววตา \"ถ้าสนใจก็บอกผมได้นะครับ เรือของผมอยู่ทางด้านนู้น\" เขาพูดพร้อมชี้นิ้วไปทางหนึ่ง
    \"ค่ะ ขอบคุณค่ะ\" ปิ่นฝืนยิ้มให้เขา ทั้งๆ ที่หวั่นใจกับท่าทีของคนตัวสูงที่ยืนโอบไหล่เธออยู่
    \"ใคร แล้วทำคุยกับปิ่นได้ยังไง\" เขาถามเสียงแข็ง ด้วยความไม่พอใจ หลังจากที่ชายหนุ่มคนเมื่อกี้เดินจากไป ปิ่นรู้ดีว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะมาเยือนเธออีกครั้ง
    \"เขาแค่มาทักทายธรรมดา พี่ภูอย่าทำอย่างนี้สิคะ\" เขาพูดเบาๆ ราวกับเด็กทำอะไรผิด ภูริมองหน้า แม้ว่ารู้ว่าเธอไม่ผิดที่พูดประโยคนี้ออกมา แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันพาลให้เจาคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ที่แสนปวดร้าว
    \"พี่เขาแค่มาทักทายธรรมดา ภูอย่าทำอย่างนี้สิ\" เสียงใสๆ ของแฟนสาวพูดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวในใจเขาจางหายไปบ้างเลย
    และคนที่เคยพูดประโยคนั้นกับเขามาก่อน ก็ปันใจไปให้กับคนที่เธอบอกว่าเขาแค่มาทักทายธรรมดา
    \"ธรรมดาก็ไม่ได้ ปิ่นห้ามไปคุยกับผู้ชายคนอื่น ถ้าพี่ไม่อนุญาต\" ความหึงเข้าตา ทำให้เขาพูดจาไร้เหตุผลออกไป ปิ่นมองเขาตาค้าง คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดประโยคนี้ออกมา
    \"พี่ภู\" ปิ่นครางออกมาด้วยความไม่เข้าใจ \"พี่ภูไม่มีเหตุผล ปิ่นไม่อยากคุยด้วยแล้ว\" ปิ่นพูดแล้วก็สะบัดตัวออกห่างจากพี่ภูของเธอ \'ไม่มีเหตุผล ไม่เชื่อใจกัน\' เป็นคำที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมาปิ่นก็ทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมคุยกับภูอีกเลย
    ระหว่างขับรถกลับ ภูก็ลอบมองปิ่นที่หันหน้ามองวิวข้างท้างโดยไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เวลาเขาถามก็ถามคำตอบคำ ตั้งแต่คบกับปิ่นมา ปิ่นไม่เคยโกรธหรืองอนเขาแม้แต่ครั้งเดียว จะมีแต่เขาที่งอนปิ่นบ่อยๆ ราวกับจะเรียกร้องความสนใจและความรักจากเธอ
    \"ปิ่นพี่ขอโทษนะครับ พี่หึงไปหน่อย ยกโทษให้พี่นะ\" เขาเริ่มง้อเธอ เมื่อเขาทบทวนดูแล้วเขาผิดเต็มประตู ปิ่นไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย มีแต่เขาที่เอาเรื่องเจ็บปวดบ้าๆ ในอดีตมาเป็นบรรทัดฐาน
    ...............เงียบ.............ไม่มีเสียงตอบจากปิ่น ปิ่นยังคงหันข้างมองวิวข้างทาง และในที่สุดความอดทนของภูก็เริ่มสิ้นสุด เขาจอดรถที่ข้างทาง หวังจะให้เธอหันมาถามเขาว่าจอดทำไม แต่เปล่าเลย เธอกลับยังคงหันหน้าไปทางนั้นนิ่งๆ
    \"ปิ่นครับ\" เขาเอื้อมมือไปคว้ามือเล็กๆ ของเธออย่างแผ่วเบา แล้วปัดปอยผมที่ปิดหน้าซีกขวาของเธอ แล้วเขาก็ต้องขำตัวเองอยู่นาน เพราะผู้หญิงที่เขาพยายามพูดง้อตอนนี้ กำลังหลับตาพริ้ม ท่าทางกำลังหลับอย่างสบายใจ ภูออกรถไปอีกครั้ง พยายามขับช้าๆ ให้นิ่มนวล เพื่อไม่ให้ร่างบางตื่นจากการหลับใหล
   
    ภูขับรถมาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย เขาแล่นรถไปจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง อาหารทะเลมื้อเย็นที่กินมาไม่อร่อยสำหรับเขาเลยสักนิด จะอร่อยได้อย่างไร ในเมื่อร่างบางที่นอนหลับอยู่ตอนนี้ไม่พูดกับเขาสักคำ สิ่งที่เธอทำอย่างเดียวก็คือนั่งกินเงียบๆ การกระทำของเธอทำให้เขากินแทบจะไม่ลงเลยทีเดียว พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ท้องของเขาก็ประท้วงขออาหารรอบดึก ตามประสาคนกินจุ
    \"ปิ่น ตื่นเถอะ กินข้าวกัน\" เสียงเขาภูแรงเขย่าที่แขนเบาๆ ทำให้ปิ่นงัวเงียตื่นขึ้น
   
    \"กินอีกแล้วเหรอคะพี่ภู\" ปิ่นประท้วงด้วยน้ำเสียงหวานๆ ดูเหมือนว่าความง่วงจะทำให้เธอลืมความโกรธเคืองไปหมดสิ้น ภูริยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นอาการของคนรัก แล้วท่าทีของเธอก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีเมื่อได้สติคืนมา
   
    \"พี่ภูกินเถอะค่ะ ปิ่นไม่หิว เดี๋ยวปิ่นเรียกแท็กซี่กลับเอง\" ปิ่นพูดโดยที่ไม่หันไปมองคู่สนทนาแม้แต่น้อย ความโกรธและน้อยใจยังคงเต็มตื้นอยู่ในความรู้สึก ภูริถอนหายใจเบาๆ ก่อนคว้ามือเล็กๆ ของเธอมาเกาะกุมเอาไว้
   
    \"พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่กลัว กลัวว่าใครจะมาเอาปิ่นไปจากพี่ พี่รักปิ่นมากนะ\" เขาพูดพลางยกมือเล็กของเธอขึ้นมาจุมพิตเบาๆ
    \"พี่ภูทำเหมือนไม่ไว้ใจปิ่น ปิ่นดูเป็นผู้หญิงใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ\" ปิ่นถามขึ้น หันมามองเขาด้วยแววตาที่แข็งกร้าว
    เมื่อเห็นแววตาของปิ่น เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น ความหึงหวงของเขาอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้คนที่เขารักต้องขุ่นเคืองในใจ เขาชูสามนิ้วขึ้นมาอย่างลูกเสือสำรอง
    \"ข้าพเจ้าขอสัญญาว่า ข้าพเจ้าจะไม่หึงไม่หวงโดยที่ไม่มีเหตุผลอีกแล้วครับ\" ท่าทางที่ดูขึงขัง ในสไตส์ขี้เล่นของเขา ทำให้ปิ่นอดที่จะอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้
    \"พี่ภูขี้โกง\" ปิ่นเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา เอามือเล็กๆ อีกข้างที่เป็นอิสระตีแขนเขาเบาๆ
    \"โอ้ย ปิ่นทำพี่เจ็บ\" เขาโอดครวญ พลางทำหน้าเหมือนลูกหมาน่าสงสาร ท่าทางของเขาทำให้ปิ่นหัวเราะเบาๆ
    \"ตีเบาๆ ไม่เจ็บสักหน่อย\" ปิ่นประท้วงเบาๆ ทำให้ภูอมยิ้มขึ้นมา
    \"ไปกินข้าวกันนะครับ ตอนกินอยู่ริมทะเล ปิ่นทำหน้าบึ้ง เล่นเอาพี่กินข้าวไม่ลงเลย\" เขาพูดอ้อนๆ พร้อมส่งยิ้มหวานๆ มาให้ ท่าทางเหมือนลูกแมวอย่างนี้สินะ ที่ทำให้เธอใจอ่อนแทบจะทุกครั้ง
    \"ก็ได้ค่ะ\" ปิ่นพูดเบาๆ แล้วเปิดประตูรถออกไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เจอกันวันที่ 6 จ้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น