ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เงาจันทร์

    ลำดับตอนที่ #4 : รถไฟชนกัน

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 48


        \"หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้\" เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ภูริกดโทรศัพท์หาปิ่นแล้วไม่สามารถติดต่อได้ นี่ก็ล่วงวันที่ 2 ที่เขากลับจากมาเลเซียแล้ว หลังจากที่เขาต้องไปทำงานที่สิงคโปร์ กลับมาได้ไม่ถึงเดือน ทางบริษัทก็ให้เขาไปที่มาเลเซียต่อ งานที่มาเลเซียยุ่งมาก จนเขาแทบจะไม่ได้คุยโทรศัพท์กับใครเลย แม้แต่ปิ่น คนที่เขาอยากเจอที่สุด





        \"โทรหาใครว่ะไอ้ภู เห็นกดอยู่นั่นแหละ\" เสียงเพื่อนคนหนึ่งของเขาทักขึ้น เมื่อเห็นเขาเอาแต่กดโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ





        \"คน\" ภูริตอบสั้นๆ ด้วยความหงุดหงิดใจ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องหงุดหงิดขนาดนี้ เขากังวลไปสารพัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับปิ่นหรือเปล่า หรือว่าเธอปิดมือถือหนีเขา ไม่ว่าอะไรที่เขาสามารถจะคิดได้วนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา





        \"เออ รู้ว่าคน มึงคงไม่ได้โทรหาหมาหรอก หมาที่ไหนจะมีโทรศัพท์ว่ะ\" เสียงเพื่อนคนเดิมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งๆ หมั่นไส้ แต่ภูริเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ตอนนี้เขาหงุดหงิดใจเกินกว่าที่จะพูดอะไรกับใคร เขาเก็บมือถือไว้ในกระเป๋า และหยิบเหล้าขึ้นมาดื่มด้วยความเบื่อหน่าย \'หายไปไหน\' นี่คือคำถามเดียวในหัวของเขา นอกจามือถือแล้วเขาก็ไม่มีช่องทางอื่นๆ ที่จะติดต่อเธอได้เลย แม้ว่าเขาจะเคยไปส่งเธอที่คอนโด แต่ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ห้องไหน ชั้นไหน และคอนโดห้องนั้นก็ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านบาร์บาร์บาร์





        



        \"ดูสิ เมาเหมือนหมา\" เสียงเพื่อนคนหนึ่งของภูริพูดขึ้น เมื่อเห็นสภาพของเพื่อนตัวเองหลังจากที่ราตรีผ่านไปเกินครึ่งทางแล้ว ตอนนี้ภูริเมามายไม่ได้สติ นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะที่ใช้สังสรรค์กัน





        \"สงเคราะห์พามันไปส่งบ้านหน่อยละกัน\" เสียงเพื่อนอีกคนพูดขึ้น  เพื่อนแต่ละคนได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา ก่อนที่จะช่วยกันหิ้วปีกพาไปที่รถ





        ความจริงภูริเองก็ไม่คิดที่จะดื่มเหล้าจนเมาอย่างนี้เลย แต่พอคิดถึงปิ่นทีไร เขาเองก็อยากจะลืม ทำให้เขากระดกเหล้าเข้าปากทีละแก้วสองแก้ว เผื่อจะทำให้เขาคลายความคิดถึงนี้ไปได้ น่าแปลกเหลือเกินที่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง กลับมีอิทธิพลกับเขาได้มากมายถึงเพียงนี้ ปกติเขาไม่เคยเป็นฝ่ายที่ต้องวิ่งเข้าหาผู้หญิง มีแต่ผู้หญิงจะวิ่งเข้าหาเขา และถึงแม้เขาจะโทรหาผู้หญิงคนไหนไม่ติด เขาก็มักจะโทรหาคนอื่นเป็นการทดแทน แต่สำหรับปิ่น เขารู้สึกว่าไม่มีใครที่สามารถมาแทนเธอได้







        \"ตื่นแล้วเหรอไอ้ควาย เมาเป็นหมาเชียวนะ\" เสียงคีเพื่อนของภูริพูดขึ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นจากที่นอน และนั่งนิ่งอยู่นาน





        \"ตกลงจะให้เป็นควายหรือหมา เอาสักอย่าง\" ภูพูดพลางสะบัดหัวสองสามที เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อยจากอาการเมาค้าง \"ขอยาแก้เมาค้างหน่อย\" เขาพูดกับเพื่อนตัวดีของเขา ก่อนที่คีจะโยนยาให้





        \"เล่าได้เปล่า ว่าเป็นอะไร ไม่ต้องมาส่ายหัว คบกันมานานรู้ว่าถ้าแกไม่มีเรื่องในใจไม่มีทางกินจนเป็นหมาหรอก\" คีพูดขึ้นอย่างรู้ใจ พลางลุกขึ้นไปรินน้ำเย็นใส่แก้วส่งให้เพื่อนที่คบกันมาเกือบ 10 ปี \"ว่ามา\"



        

        ภูริมองหน้าคีก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังโดยไม่ปิดบัง เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่าความรู้สึกของเขาตอนนี้มันคืออะไร เขากำลังตกหลุมรักเข้าไปเต็มเปา คีก็ได้แต่ฟังแล้วก็ส่ายหัวไปมา





        \"ปีนี้มึงตกหลุมรักกี่ครั้งแล้ว\" คีย์ถามพลางเลิกคิ้วสูงด้วยความหมั่นไส้





        \"คนนี้มันไม่เหมือนคนก่อนๆ มันมีอะไรที่พิเศษออกไป\" เขาพยายามอธิบายให้เพื่อนของเราฟัง แต่เพื่อนของเขาก็ไม่มีแววที่จะเชื่อสักนิด





        \"ถ้าเป็นไอ้มินก็ว่าไปอย่าง รายนั้นรักมั่น รักจริงหวังแต่ง\" คีพูดขำๆ อย่างไม่เชื่อว่าเพื่อนเขาคนนี้จะรักใครจริงได้ ก็เป็นธรรมดาที่จะไม่เชื่อ เพราะเพื่อนของเขาคนนี้ควงผู้หญิง 7 วันแทบจะไม่ซ้ำคนเลยทีเดียว





        \"คอยดูแล้วกันไอ้คี\"









        หลังจากที่โต้เถียงกับเพื่อนรักอยู่ครู่หนึง ภูก็เดินทางกลับมาที่คอนโดด้วยความเหนื่อยล้า เขาถอดเสื้อเชิ้ต และโยนมันไปอย่างไม่ใส่ใจ ล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยใจที่อ่อนล้า พลางคิดทบทวนบทสนทนาเมื่อครู่ นั่นสินะ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ชอบปิ่นจริงๆ เพียงแต่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างปิ่นเท่าไหร่นัก หรือว่าบางทีเขาแค่อยากจะเอาชนะเท่านั้น เขาคิดอะไรอยู่ได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นรบกวนโสตประสาทของเขา เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหัวเตียง มองชื่อที่โชว์ แล้วกดรับ พยายามบังคับเสียงให้ดูปกติ





        \"ว่าไงครับ\"



        

        \"กลับมาแล้วทำไมไม่โทรหาผิงเลย\" เสียงต่อว่าต่อขานดังขึ้นจากโทรศัพท์ ทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่แล้ว ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่





        \"ก็พี่เพิ่งกลับ ผิงอย่าทำอย่างนี้น่า พี่เหนื่อย\"





        \"พี่ภู\" ผิงตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีที่จะสนใจตนแม้แต่น้อย



        

        \"ผิง อย่าทำอย่างนี้นะพี่ไม่ชอบ\" คำว่าไม่ชอบและเสียงเข้มๆ ของอีกฝ่ายทำให้ผิงชะงักไปทันที และเก็บเอาความไม่พอใจเอาไว้ข้างใน





        \"ก็ผิงคิดถึง\" คิดถึงงั้นเหรอ เขาคิดด้วยใจที่อ่อนล้า ทำไมนะคนที่คิดถึงเขาในตอนนี้ถึงไม่เป็นอีกคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ สวรรค์ช่างแกล้งเขาเสียเหลือเกิน





        \"พี่ขอโทษนะผิง พอดีพี่เหนื่อยน่ะ เอางี้เป็นการไถ่โทษ วันนี้เราไปเที่ยวกันไหม\" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง บางทีไปเที่ยวกับผิงอาจทำให้ความคิดถึงที่มีต่ออีกคนลดน้อยถอยลงก็เป็นได้









        การไปเที่ยวของเขากับผิงก็คือการไปช็อปปิ้งในห้าง เขาไม่ลืมที่จะหยิบของฝากให้ผิงไปด้วย เพราะถ้าลืม เขาเองจะเป็นฝ่ายที่ปวดหัวเอง เขารู้ดีว่าผู้หญิงแต่ละคนของเขาต้องการอะไร ความเอาใจใส่ สิ่งของ หรือว่าเวลา แต่เขาก็ให้ได้เท่าที่เขาจะให้ได้ และที่สำคัญ เขาย้ำกับผู้หญิงของเขาทุกคนว่า เขาไม่ต้องการการผูกมัดใดๆ ถ้าทำได้ก็คบกันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องเลิกรากันไป





        \"พี่ภูคะเข้าร้านนี้หน่อย\" ผิงพูดพลางดึงเขาเข้าไปในร้านเสื้อผ้าผู้หญิงร้านนึง เขาพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ แล้วผิงก็ปล่อยเขาเอาไว้กลางร้าน แล้วเดินไปดูเสื้อผ้าตัวนู้นทีตัวนี้ที นานๆ จะหันมาถามความเห็นของเขา





        \"พี่ภูค่ะ สีแดงกับสีฟ้า ตัวไหนดีคะ\" เสียงหญิงสาวพูด พลางเอาเสื้อผ้ามาเทียบกับตัวเอง เขายิ้มๆ ก่อนที่จะชี้สีฟ้า หญิงสาวมีท่าทีกระดี๊กระด๊าก่อนที่จะเดินไปดูตัวอื่นอีก ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงสายตาของใครบางคนที่จ้องมองมาทางเขา ทำให้เขาหันหลังกลับไป





        \"ปิ่น\" เขาพึมพำชื่อเธอเสียงเบา เขาคิดว่าเธอคงจะเดินหนีเขาไป และทำท่างอนๆ เพราะท่าทีที่มีต่อปิ่นในช่วงก่อนที่เขาจะไปมาเลเซียมันก็ออกแน่ชัดแล้วว่า เขากำลังจีบเธออยู่ แต่ปิ่นไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น เธอฝืนยิ้มให้เขา และเดินเข้ามาทักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ในใจเธอเจ็บปวดยิ่งนัก แต่เธอเองก็พยายามที่ข่มใจบอกกับตัวเองว่า เขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย อีกอย่างเขาก็ไม่เคยบอกว่าเขาไม่มีแฟน และท่าทีที่เขามีต่อเธอก็คงเป็นแค่เพียงหมาหยอกไก่เท่านั้นเอง



        

        \"กลับมาจากมาเลเซียแล้วเหรอคะ\" ปิ่นถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบธรรมดา ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น



        

        \"ครับ\" เขานิ่งเงียบไป และมองหน้าเธอราวกับไม่ได้มองมานาน



        

        \"พี่ภูคะ นั่นใครเหรอคะ\" ผิงพูดพลางเอามือมาคล้องแขนเขา สายตาของปิ่นจับจ้องไปที่แขนของเขา และมองด้วยความปวดร้าว ปิ่นรู้สึกว่าตัวเองหายใจขัดๆ แต่ก็ต้องฝืนตัวเองให้ยิ้มออกไป





        \"ปิ่นค่ะ คุณภูเคยมาช่วยปิ่นเอาไว้ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ\" ปิ่นพูดยิ้มๆ ซ่อนวามรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ข้างใน





        \"ฉันชื่อผิง เอ เราน่าจะอายุพอกันนะ\" ผิงพูดขึ้นด้วยท่าทีที่เรียบเฉย ผิงเป็นคนหนึ่งที่คบกับภูมานานทำให้เธอ เธอรู้ดีว่าควรทำตัวยังไงในสถานการณ์เช่นนี้





        \"งั้นปิ่นไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ บ๊ายบายค่ะคุณผิง\" ปิ่นยิ้มให้คนทั้งสองก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไป





        ภูริเองก็จ้องมองปิ่นที่เดินออกจากร้านไปอย่างนิ่งงัน เขารู้ว่าเธอกำลังเข้าใจผิด แต่ความน้อยใจที่เธอไม่รับโทรศัพท์เขายังคงสั่งสมอยู่ เขามองดูหลังของปิ่นที่เดินออกไปไกล แล้วอะไรบางอย่างบอกกับเขาว่า ถ้าเขาไม่ตามเธอไปตอนนี้ เขาจะต้องสูญเสียเธอไปตลอดกาล





        \"ผิง พี่มีธุระด่วน เอาไว้เจอกันวันหลังนะ\" เขาพูดพลางแกะมือของผิงออกจากแขน แล้ววิ่งไปหาปิ่นทันที ทำให้ผิงได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว แล้วเธอก็เริ่มรู้ว่า ปิ่นไม่ใช่เพียงคนรู้จักธรรมดาเสียแล้ว ความรู้สึกหึง โกรธ และชิงชังแล่นขึ้นมาทันที แม้เธอจะรู้กฎของเขาดี แต่การทำใจให้ทำให้ได้อย่างนั้น มันง่ายซะที่ไหน







        

        ภูริวิ่งไปตามทางที่ปิ่นเดินจากไป เขามองซ้ายมองขวา ท่าทางเธอจะเดินเร็วพอสมควรเลยทีเดียว ใจของเขาร้อนเป็นไฟ เขากดโทรศัพท์หาเธอ แต่เสียงจากโทรศัพท์ก็บอกเหมือนเดิมว่าไม่สามารถติดต่อได้ เขาเดินวนหาเธออยู่นาน แต่ก็ไม่มีวี่แววของเธอเลย





        ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจนั่งลงกับม้านั่ง แล้วคิดทบทวนเรื่องทุกอย่าง บางทีเป็นอย่างนี้ก็คงจะดีเหมือนกัน เธอดีเกินไปสำหรับเขา เขาไม่เหมาะกับผู้หญิงดีๆ อย่างนี้หรอก เขาคิดอย่างรวดร้าว เพราะแม้ว่าเขาจะคิดอย่างนี้ แต่คนดีๆ ใครล่ะจะไม่อยากได้





        \"คุณภู\" เสียงเธอดังขึ้น ขณะที่เห็นเขานั่งอยู่ที่ม้านั่ง





        \"ปิ่น ปิ่นต้องฟังผมอธิบายนะ\" ภูริพูดขึ้นเสียงดังและรัวเร็ว จนทำให้เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย





        \"เรื่องอะไรคะ\" ปิ่นแสร้งถาม ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาคงจะหมายถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้ แต่จะให้คิดว่ามันเป็นการเข้าใจผิดก็ไม่ได้ เพราะท่าทีของผิงก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นอะไรกัน





        \"ไปกับผมนะ ไปคุยที่อื่นกัน ตรงนี้คงไม่สะดวก\" เขาพูด พลางมองไปรอบๆ ที่ตอนนี้คนเริ่มจะมองเขาทั้งสองคน ไม่ทันที่เขาจะฟังคำตอบจากเธอ เขาก็คว้าถุงที่เธอถืออยู่ แล้วจับมือเธอเดินออกมาทันที แม้ว่าเธอจะพยายามดึงมือออกด้วยรู้ว่าไม่สมควร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วจับมือเธอแน่นขึ้นไปอีก





        เขาพาเธอมาที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งที่อยู่ในห้างแห่งนี้ และดึงเธอมานั่งมุมนึงของร้านที่ลับตาผู้คน เขาเลือกเก้าอี้ที่เป็นโซฟาสีเหลืองและรั้งเธอให้นั่งที่โซฟาด้านเดียวกัน





        \"คุณภูมีอะไรกับปิ่นคะ\" เธอถามอย่างใคร่รู้





        \"ทำไมปิ่นปิดมือถือ\" เป็นคำถามที่เขาอยากถามมานาน ตั้งแต่เขากลับจากมาเลเซีย \"รู้ไหมว่าผมคิดไปสารพัด ทั้งเป็นห่วงทั้งน้อยใจ\"





        \"ปิ่นไปเชียงใหม่มาค่ะ แล้วลืมมือถือไว้ที่บ้าน เนี่ยเพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้เอง เอาของไปเก็บที่บ้าน แล้วปิ่นก็ออกมาซื้อของเข้าบ้าน ตอนนี้ปิ่นก็ชาร์ตแบตเอาไว้\"





        \"ผมคิดถึงปิ่นมาก ปิ่นรู้ไหม\" คำพูดง่ายๆ ของเขาบวกกับนัยน์ตาหวานซึ้งที่จ้องมองเธอ ทำให้เธอรู้สึกเขินอาย แต่พอคิดถึงผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้ เธอก็รู้สึกสลดใจอย่างบอกไม่ถูก ปิ่นจึงค่อยๆ เอามือของเธอออกจากการเกาะกุมของเขา ราวกับว่าเขาจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงดึงมือเธอมาจับเอาไว้อีกครั้ง





        \"ปิ่น ปิ่นอย่าเข้าใจผิดนะ ผมกับผิงไม่มีอะไรกัน\" เขาพูดปฏิเสธเสียงอ่อย เพราะจะบอกว่าไม่มีอะไรกันก็พูดได้อย่างไม่เต็มปาก ปิ่นมองหน้าเขาอย่างเค้นเอาคำตอบ แต่แล้วเธอก็รู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคาดคั้นจากเขา





        \"มันไม่เกี่ยวกับปิ่นนี่คะ คุณภูจะไปไหนกับใคร หรือจะไปทำอะไรกับใคร ปิ่นก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้าม หรือแม้แต่โกรธ\" คำพูดประโยคหลังปิ่นพูดราวกับจำย้ำกับตัวเองว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรเลย





        \"ปิ่น\" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ขณะที่เธอหันไปมองทางอื่น ตอนนี้ไม่ว่าใครที่หันมาเห็นคนทั้งคู่ก็ต้องแอบอมยิ้ม เพราะดูเหมือนคู่รักที่กำลังง้องอนกันมากกว่าคนรู้จักธรรมดาอย่างที่ปิ่นกำลังพยายามบอกกับตัวเองอยู่





        \"ปิ่นเพลียน่ะค่ะ ปิ่นขอตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวต้องไปทำงานอีก\" ปิ่นพูดยิ้มๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความจริงแล้วมันมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในใจของปิ่น





        \"ให้ผมไปส่งนะ\" เขาพูดแต่เธอส่ายหน้า



        

        \"คุณภูไปกับผิงถอะค่ะ เธอคงรอนานแล้ว\" ปิ่นพูดพลางจะหยิบของที่วางอยู่ข้างๆ ตัวเขา ที่เขาถือวิสาสะเอาไปถือ แต่เขาเองก็มีสติพอที่จะจับมือบางๆ นั้นไว้





        \"ผมบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ\" เขาพูดดุๆ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมฟังเขาเลยแม้แต่น้อย \"ผมไปส่ง\" เขาพูดพลางฉุดข้อมือเล็กของเธอให้เดินตามเขามา









        ครั้งนี้เธอเดินตามเขามาเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ เธอรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าเขากำลังโมโห แต่โมโหอะไร และเธอเป็นต้นเหตุหรือเปล่า เธอก็ไม่อาจจะรู้ได้ ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้ดีที่สุดก็คือเดินตามเขาไปที่รถ เขาเปิดประตูให้เธอ และขับรถออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ





        \"คุณภูคะ ปิ่นทำอะไรผิด\" เธอตัดสินใจพูดขึ้น ทำให้เขาหันมามองหน้าเธอ



        

        \"ปิ่นอายุเท่าไหร่แล้ว\" เขาถามเสียงเรียบ ทำให้เธอทำหน้างงๆ





        \"24 ค่ะ\" เธอตอบเขาเสียงเบา และรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เขาถามอายุเธอ



        

        \"พี่ภู ปิ่นลองเรียกสิ ไม่น่ายากนะ\" เขาพูดขึ้น พลางเลิกคิ้วให้เธอ และส่งสายตาบังคับให้เธอพูดตาม





        \"พี่ภู\" ไม่รู้เหมือนกันว่าคำพูดง่ายๆ แค่นี้ ทำไมถึงทำให้เธอรู้สึกเขินอาย อาจจะเป็นเพราะสายตาคมๆ ที่มองมาที่เธอก็เป็นได้ ท่าทางและคำพูดของเธอทำให้เขาแอบอมยิ้ม





        \"เก่งมาก เก่งแบบนี้ต้องเลี้ยงข้าว เลี้ยงหนัง ไปดูหนังกันนะครับ\" เขาพูดโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทำให้เธออ้าปากค้าง กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา



        

        \"คุณภูบอก.....\"



        

        \"พี่บอกให้ปิ่นแทนเรียกพี่ว่าอะไร\" เขาเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับเธอกะทันหัน





        \"พี่ภู\" ปิ่นพูดเสียงอ่อย



        

        \"ดีมาก เป็นการลงโทษ ต้องไปดูหนังกับพี่ แล้วก็กินข้าวเย็นเป็นเพื่อนด้วย พี่เหงา\"





        \"พี่ภูไม่น่าเหงานะค่ะ ก็มีคุณผิงแล้ว\" ปิ่นประชดเล็กน้อย ทำให้เขาเอามือมาหยิบแก้มเธอเบาๆ





        \"หึงเหรอ\" เขาพูดพลางอมยิ้มน้อยๆ ทำให้เธอหน้าขึ้นสีขึ้นมาทันที





        \"ปิ่นไม่มีสิทธิ์หึงหรอกค่ะ\" ปิ่นพูดพลางเสมองไปทางอื่น



        

        \"อยากมีสิทธิ์นั้นไหมล่ะ พี่ให้ได้เลยนะ\" เขาพูดพร้อมแฝงความนัยบางอย่าง ทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาอมยิ้มเล็กๆ กับท่าทีที่เขินอายของเธอ แต่เขาก็อมยิ้มอยู่ได้สักพักก่อนหันมาหาเธอ



        

        \"มีอะไรจะถามพี่เรื่องผิงไหม ถามมาเถอะ พี่ไม่อยากให้ปิ่นเก็บเอาไว้\" เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนทำให้เธออดที่จะหวั่นไหวไม่ได้ เพราะท่าทีของเขาบอกเธอได้ทันทีว่าเขาแคร์เธอมาก





        \"ถ้าพี่ภูบอกไม่มีอะไร ปิ่นก็ไม่สงสัยอะไรหรอกค่ะ\" ปิ่นยิ้มให้เขาด้วยความจริงใจ ความจริงก็มีบางอย่างที่ติดใจเธออยู่ แต่ท่าทางที่ดูจริงใจของเขาในตอนนี้ ทำให้เธอไม่อยากจะถามอะไร ความรักคือการที่เราต้องเชื่อใจกัน และเธอก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×