คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ▣ พระราชพงศาวดาร
|
|
|||
พระยศอย่างปางนารายณ์วายุกูล |
มาเพิ่มภูลภิญโญในโลกา |
||
ทุกประเทศเขตรขอบมานอบน้อม |
สพรั่งพร้อมเปนศุขทุกภาษา |
||
ขอเดชะพระคุณกรุณา |
ด้วยเสภาถวายนิยายความ |
||
๏ จะกล่าวพงศาวดารกาลแต่หลัง |
เมื่อแรกตั้งอยุธยาภาษาสยาม |
||
ท้าวอู่ทองท่านอุส่าห์พยายาม |
ชีพ่อพราหมร์ปโรหิตคิดพร้อมกัน |
||
มีจดหมายลายลักษณ์ศักราช |
เจ็ดร้อยสิบสองคาดเปนข้อขัน |
||
ปีขาลโทศกตกสำคัญ |
เดือนห้าวันศุกร์ขึ้นหกค่ำควร |
||
เพลาสามนาฬิกากับเก้าบาท |
ตั้งพิธีไสยสาตรพระอิศวร |
||
ได้สังขทักษิณาวัฏมงคลควร |
ใต้ต้นหมันตามกระบวนแต่บุราณ |
||
เปนมหามงคลเลิศประเสริฐศักดิ์ |
สร้างปราสาทสำนักไพฑูรย์สถาน |
||
สำเร็จแล้วจึงให้สร้างปรางปราการ |
ชื่อไพชยนต์ทิพพิมานอลงการ์ |
||
แล้วสร้างพระที่นั่งใหญ่ไอสวรรย์ |
สามปราสาทเสร็จพลันด้วยหรรษา |
||
ท้าวอู่ทองครองเสวยสวรรยา |
พระชัณษาสามสิบเจ็ดเสร็จสมปอง |
||
ชีพ่อพราหมณ์ถวายนามตามที่ |
พระรามาธิบดีไม่มีสอง |
||
นามบุรีศรีอยุธยาครอง |
ให้ถูกต้องตามนามพระรามา ฯ |
||
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ |
จุลจักรจอมทศทิศา |
||
บำรุงเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา |
ฝูงประชาชมชื่นทุกคืนวัน |
||
มีเมืองขึ้นสิบหกพระบุรี |
คือเมืองตะนาวศรี นครสวรรค์ |
||
เมืองชวา มละกา พิจิตรนั้น |
เมืองสวรรคโลก ศุโขทัย |
||
เมาะลำเลิงบุรี ศรีธรรมราช |
ทั้งสงขลามาภิวาทไม่ขาดได้ |
||
พิษณุโลก กำแพงเพ็ชร เมืองพิชัย |
ทวายใหญ่ เมาะตมะ จันทบูร |
||
แสนอุดมสมพงษ์วงศ์กระษัตริย์ |
เจ้าจังหวัดราเชนทร์นเรนทร์สูร |
||
โภชนาสาลีบริบูรณ์ |
ยิ่งเพิ่มพูนผาศุกทุกนิรันดร์ |
||
ทรงรำพึงถึงองค์พระเชษฐา |
ร่วมครรภาอัคเรศนรังสรรค์ |
||
จำจะให้ไปบำรุงกรุงสุพรรณ |
ด้วยท่านนั้นสิร่วมสุริวงศ์ |
||
อนึ่งราชกุมารชาญศักดา |
องค์พระราเมศวรควรประสงค์ |
||
จำเริญไวยใหญ่ยิ่งประยูรวงศ์ |
ควรดำรงเมืองลพบุรี |
||
ดำริห์พลางทางออกพระโรงรัตน์ |
ตั้งกษัตริย์ขนานนามต้องตามที่ |
||
เฉลิมเดชเชษฐาธิบดี |
ให้เปนที่พระบรมราชา ฯ |
||
๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงสุพรรณ |
พระราเมศวรนั้นก็หรรษา |
||
ต่างองค์ทรงคำนับรับบัญชา |
แล้วลีลาไปสู่พระบูรี ฯ |
||
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช |
มิ่งมงกุฎอยุธเยศจำเริญศรี |
||
สถิตย์แท่นแสนสำราญดาลฤดี |
ด้วยบุรีขอมคดประทษร้าย |
||
จำจะให้ราชบุตรสุดสงสาร |
ไปรอนราญไล่ริบให้ฉิบหาย |
||
เสด็จออกพระโรงคัลพรรณราย |
แล้วเผยผายสิงหนาทประภาษมา |
||
เฮ้ย เสนีย์รีบร้อนจรโดยด่วน |
บอกพระราเมศวรมาหน่อยหวา |
||
ตำรวจรับพระโองการคลานออกมา |
ลงนาวารีบไปดังใจจง |
||
วันหนึ่งก็ถึงลพบุรี |
อัญชลีทูลความตามประสงค์ |
||
ว่าพระทรงฤทธิ์บิตุรงค์ |
เชิญเสด็จเสร็จลงไปกรุงไกร ฯ |
||
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช |
ฟังอำมาตย์ทูลแจ้งแถลงไข |
||
ให้จัดเรือเร็วพลันในทันใด |
รีบครรไลคืนหนึ่งถึงบุรี |
||
ประทับจอดทอดท่าน่าตำหนัก |
ขึ้นเฝ้าองค์หริรักษรังษี |
||
น้อมประนมบังคมคัลอัญชลี |
สถิตย์ที่พระโรงรัตน์ชัชวาลย์ ฯ |
||
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช |
ทอดพระเนตรแลมาตรงน่าฉาน |
||
เห็นลูกยามาประนตบทมาลย์ |
มีโองการทักทายภิปรายเปรย |
||
นี่แน่ เจ้าเยาวยอดปิโยรส |
อ้ายขอมคดดูถูกนะลูกเอ๋ย |
||
พ่อสุดแสนแค้นใจไม่เสบย |
แม้นละเลยจะกระเจิงละเลิงใจ |
||
เจ้าแก้วตายาจิตรของปิตุเรศ |
ไปเหยียบเขตรดับเข็ญให้เย็นใส |
||
จักประหารผลาญชีวันให้บรรไลย |
จะได้ฤๅฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ |
||
๏ ครานั้น พระโอรสยศยง |
ศิโรราบกราบลงแล้วทูลว่า |
||
ซึ่งข้อขอมคบคิดจิตรพาลา |
จะอาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ ฯ |
||
๏ ครานั้น พระภูเบนทร์นิเรนทร์สูร |
ได้ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน |
||
จึงเอื้อนอรรถตรัสมาไม่ช้านาน |
จงจัดการรีบร้อนอย่านอนใจ |
||
พลของเราห้าวหาญชำนาญยุทธ |
เจียนจะขุดกัมพุชาก็ว่าได้ |
||
อย่าถอยหลังรั้งรอไปพ่อไป |
แม้นมีไชยพ่อจะภูลรางวัลครัน ฯ |
||
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช |
เคารพรับอภิวาทขมีขมัน |
||
มาเกณฑ์พวกโยธาได้ห้าพัน |
ล้วนฉกรรจ์แข็งข้อจะต่อตี |
||
ทั้งอาจองคงทนด้วยมนต์เวท |
แสนวิเศษฤทธิไกรชาญไชยศรี |
||
ถืออาวุธครบมือล้วนฦๅดี |
โพกแพรสีแสดเสียดประเจียดรัด |
||
บ้างก็ผูกลูกสะกดตะกรุดคาด |
ล้วนองอาจโล่ห์เขนก็เจนจัด |
||
มาพร้อมพรั่งนั่งเบียดเยียดยัด |
สารวัดตรวจตราพลากร ฯ |
||
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงยศ |
เอกโอรสชาญไชยดังไกรสร |
||
เสด็จเข้าที่สรงอลงกรณ์ |
แล้วสอดซ้อนเครื่องทรงณรงค์ครบ |
||
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับพระแสง |
โดยตำแหน่งสงครามตามขนบ |
||
มาทูลลาบิตุรงค์ทรงพิภพ |
ประนมนบคอยสดับรับโองการ ฯ |
||
๏ ครานั้น พระองค์ดำรงราชย์ |
สถิตย์อาศน์รจนามุกดาหาร |
||
เห็นพระปิยะบุตรสุดสำราญ |
จึงมีรศพจมานประภาษมา |
||
เจ้าดวงใจพ่อจะไปกัมพุชประเทศ |
ระวังเหตุกลศึกฤกหนักหนา |
||
จะหยุดยั้งจงระวังพระกายา |
ไม่ได้ท่าแล้วอย่าหาญเข้าราญรอน |
||
ชื่อว่าศึกแล้วอย่านึกประมาทหมิ่น |
คอยประคิ่นจดจำเอาคำสอน |
||
อย่าให้อายขายหน้าประชากร |
จงถาวรสวัสดีอย่ามีไภย |
||
รีบปรามปราบราบเตียนที่เสี้ยนหนาม |
ดังองค์รามดับเข็ญให้เย็นใส |
||
จงมีโชคไชยะชนะไภย |
ให้สมในมโนรถหมดทุกอัน |
||
ยื่นพระแสงสาตราอาญาสิทธิ์ |
ใครคดคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ |
||
จงอุดมสมศุขทุกนิรันดร์ |
ซึ่งไภยันตร์สิ่งใดอย่าใกล้กราย ฯ |
||
๏ ครานั้น พระโอรสยศยง |
กราบลงแทบบาทพระฤาสาย |
||
เคารพรับพรพลางแล้วย่างกราย |
ผันผายมาทรงคชาธาร |
||
ได้มหาพิชัยฤกษ์ให้เลิกทัพ |
โห่รับแซ่เสียงสำเนียงขาน |
||
ลั่นฆ้องหึ่งอึงออกนอกทวาร |
เสียงสะท้านลั่นเลื่อนสเทื้อนสทึก |
||
ทหารธงโบกธงตรงไปน่า |
เสียงช้างม้าเริงร้องอยู่กองกึก |
||
ทวยหาญขานโห่โอฬารฦก |
อึกกะทึกข้ามทุ่งพ้นกรุงไกร |
||
ประทับร้อนนอนค้างกลางอารัญ |
หลายวันตั้งพลับพลาหยุดอาไศรย |
||
เลี้ยวลัดตัดทุ่งเดินมุ่งไป |
ถึงเวียงไชยกัมพูชาพอราตรี |
||
มิทันตั้งค่ายคูอยู่สำนัก |
สั่งให้พักพลทหารชายไชยศรี |
||
ขึ้นประทับพลับพลาพนาลี |
ให้โยธีล้อมรอบเปนขอบคัน ฯ |
||
๏ ครานั้น พระองค์ทรงนัครา |
กัมพูชาธิราชรังสรรค์ |
||
รู้เรื่องราวข่าวศึกฮึกฉกรรจ์ |
มาบุกบันตั้งประชิดติดภารา |
||
แสนพิโรธโกรธกริ้วกระทืบบาท |
ดำรัสเรียกอุปราชโอรสา |
||
กับข้าเฝ้าเจ้าพระยาและพระยา |
มาปฤกษาสงครามตามทำนอง |
||
จะผ่อนผันฉันใดไฉนเล่า |
ภาราเราเกิดวุ่นจะขุ่นหมอง |
||
จะคิดอ่านการศึกเร่งตรึกตรอง |
ใครเห็นช่องฉันใดให้ว่ามา ฯ |
||
๏ ครานั้น เจ้าพระยาอุปราช |
เคารพรับอภิวาทแล้วทูลว่า |
||
ซึ่งทัพไทยเดินบกยกกันมา |
ขออาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ |
||
จะหักโหมโจมจับสัปรยุทธ |
ให้ม้วยมุดยับแยกถึงแตกฉาน |
||
ซึ่งทัพมาล้าเมื่อยเดินเหนื่อยนาน |
ถึงสถานมิทันยั้งตั้งกระบวน |
||
จะหักหาญรานทำค่ำวันนี้ |
เห็นจะมีไชยาสักห้าส่วน |
||
ไม่มีค่ายถ่ายเทคงเรรวน |
ใคร่ครวญเห็นจะได้ดังใจปอง ฯ |
||
๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพูชา |
ได้ฟังว่าเปรมปริ่มค่อยยิ้มย่อง |
||
จึงเอื้อนอรรถตรัสความตามทำนอง |
ดีแล้วลูกถูกต้องคลองฤไทย |
||
แล้วผินภักตร์ถามบรรดาพวกข้าเฝ้า |
ซึ่งลูกเราว่าเห็นเป็นไฉน |
||
จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้ |
ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ |
||
๏ ฝ่ายว่าข้าเฝ้าเหล่าพวกขอม |
ต่างเห็นพร้อมเพรียงกันยิ่งหรรษา |
||
จึงกราบทูลตามมูลกิจจา |
ซึ่งตรัสมาต้องที่เห็นดีนัก |
||
ด้วยทัพไทยไพร่นายยังไรเรี่ย |
ทำลายเสียจู่โจมรีบโหมหัก |
||
อย่าให้ตั้งค่ายมั่นขยันนัก |
แม้นหน่วงหนักนิ่งไว้ไม่สู้ดี ฯ |
||
๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพุชประเทศ |
สดับเหตุปรีดี์เปรมเกษมศรี |
||
ทรงสำรวลสรวญร่าแล้วพาที |
เหวยเสนีตรวจตราพลากร |
||
แล้วตรัสสั่งอุปราชรชโอรส |
จงคุมทศทวยหาญชาญสมร |
||
ไปโจมทัพจับไทยไพรีรอน |
จงถาวรกูลสวัสดิ์กำจัดไภย ฯ |
||
๏ ครานั้น พระอุปราชราชบุตร์ |
เกษมสุดยินดีจะมีไหน |
||
บังคมลามาเตรียมพลไกร |
จำนวนไพร่โยธาหมื่นห้าพัน |
||
ถึงยามสองกองทัพไม่สับสน |
ดำเนินพลออกทวารปราการกั้น |
||
ห้ามมิให้เฮฮาพูดจากัน |
ถึงกองทัพฉับพลันในทันที |
||
ให้ยิงปืนครื้นครึกเสียงกึกก้อง |
โห่ร้องเลื่อนลั่นสนั่นมี่ |
||
ดาบดั้งพรั่งพร้อมล้อมวารี |
ต้อนตีทัพมาไม่รารอ ฯ |
||
๏ ครานั้น แม่กองสองทหาร |
อลหม่านตกใจเอ๊ะใครหนอ |
||
ฉวยดาบโดดโลดไล่ไม่ย่อท้อ |
ร้องรับพ่อพวกเราเอาให้ตาย |
||
หมู่ทหารราญรัญรับสัปรยุทธ |
ปรายอาวุธหอกดาบกำซายสาย |
||
พวกขอมแขงแทงกระทั่งพุงทลาย |
ไทยตาแตกตื่นเสียงครื้นครึก |
||
เขมรโดดโลดไล่พวกไทยล่า |
มัวหลับตาเสียกระบวนเมื่อจวนดึก |
||
ขอมกระทำซ้ำเติมโห่เหิมฮึก |
อึกกะทึกรบรับจนทัพไชย ฯ |
||
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช |
ทรงไสยาศน์ในพลับพลาที่อาไศรย |
||
เสียงครั่นครื้นตื่นพลันในทันใด |
ตกพระไทยผลันผลุนหมุนออกมา |
||
เห็นพลเมืองเนืองหนุนขนาบไร่ |
กองทัพไทยย่อหย่อนอ่อนหนักหนา |
||
แสนพิโรธโดดกลับเข้าพลับพลา |
ทรงสาตราวิ่งวางออกกลางทัพ |
||
ขับพหลพลไกรไล่ตระหลบ |
ใครไม่รบหลกเลี่ยงจะเสียงสับ |
||
ทหารกลัวตัวตายเข้ารายรับ |
ทั้งสองทัพแขงขันประจัญบาน |
||
ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงยุทธ |
ฤทธิรุทฟันฟาดกันฉาดฉาน |
||
พวกขอมอ่อนหย่อนยืนไม่ทนทาน |
ไทยทหารฮึกโห่เปนโกลา ฯ |
||
๏ ครานั้น มหาอุปราช |
กริ้วตวาดพลนิกายทั้งซ้ายขวา |
||
ต้อนกระตุ้นหนุนซ้ำกระหน่ำมา |
พวกโยธาร้อนตัวกลัวความตาย |
||
ฟันแทงแย้งยุทธอาวุธสั้น |
แขงขันต่อตีไม่หนีหาย |
||
ทั้งสองข้างต่างระทมบ้างล้มตาย |
ไพร่นายกลิ้งกลาดอนาถใจ ฯ |
||
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช |
องอาจมิได้พรั่นประหวั่นไหว |
||
ทรงม้าร่ารับด้วยฉับไว |
ต้อนไพรพลทหารเข้าราญรบ |
||
ทั้งสองข้างต่างแขงกำแหงฮึก |
อึกกะทึกกรูเกรียวเลี้ยวตระหลบ |
||
ข้างทัพไทยไพร่น้อยต้องถอยทบ |
พวกขอมรบบุกบันประจัญบาน |
||
จนเพลาฟ้าขาวเช้าตรู่ตรู่ |
ยังเกรียวกรูฮึกโห่ด้วยโมหานธ์ |
||
ไพร่ยิ่งตายนายต้อนเข้ารอนราญ |
อลหม่านจนสว่างขึ้นรางรอง ฯ |
||
๏ ฝ่ายว่าพระราเมศวรราช |
องอจมิได้หลบสยบสยอง |
||
แต่ห็นพลน้อยกว่าท่าเปนรอง |
จำจะต้องผ่อนพักไว้สักที |
||
ดำริห์พลางทางให้โบกธงทัพ |
รอรับรบไปแต่ไม่หนี |
||
เขมรโห่โกลาตามราวี |
พวกไทยตีถอยทนร่นมาพราง ฯ |
||
๏ ครานั้น อุปราชราชบุตร |
เห็นสิ้นสุดแดนเมืองเครื่องขัดขวาง |
||
จะติดตามข้ามเขตรประเทศทาง |
ก็เหินห่างเวียงชัยไม่ชอบกล |
||
ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร |
ทางกันดารสารพัดจะขัดสน |
||
ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน |
ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ |
||
๏ ฝ่ายพระราเมศวรสุริยวงศ์ |
ให้พักพวกจัตุรงค์กลางสนาม |
||
แล้วชุมนุมเสนาปฤกษาความ |
แม้นวู่วามเล่าก็เห็นจะเปนรอง |
||
พลเรามาห้าพันถึงกลั่นกล้า |
ก็น้อยกว่าสิบเอาหนึ่งไม่ถึงสอง |
||
จึรอราล่าให้ใจคนอง |
คงจะต้องแก้เผ็ดไม่เข็ดมือ |
||
บอกขอพลคนเพิ่มเติมมาใหม่ |
ไม่มีไชยแล้วพากันกลับอย่านับถือ |
||
ได้เรียนรู้สู้เขาเอาให้ฦๅ |
แต่งหนังสือบอกพลันให้ทันที ฯ |
||
๏ ครานั้นข้าเฝ้าเหล่าทหาร |
กราบกรานเห็นพร้อน้อมเกษี |
||
แต่งหนังสือปิดตราไม่ราวี |
ให้เสนีสิบม้ารีบคลาไคล ฯ |
||
๏ ครานั้นพระราเมศวรราช |
ให้เคลื่อนพยุหบาตรทั้งน้อยใหญ่ |
||
ประทับอยู่เขตแคว้นแดนกรุงไกร |
ตั้งพระไทยท่าทัพอยุธยา ฯ |
||
๏ ครานั้นเสนีปรีชาชาญ |
จำทูลสารทรงยศโอรสา |
||
แรมร้อนนอนในพนาวา |
ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยฉับพลัน |
||
ก็เข้าในนักเรศเขตรสถาน |
แจ้งสารเสนีขมีขมัน |
||
ถึงเวลามาเตรียมอยู่พร้อมกัน |
คอยเฝ้าองค์ทรงธรรม์พระโรงไชย ฯ |
||
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช |
เนานิเวศน์ปรางทองอันผ่องใส |
||
แสนสำราญบานาชหฤไทย |
อนงค์ในเคียงคู่เข้าอยู่งาน |
||
บ้างหมอบเมียงเคียงคอยชม้อยม้วน |
เปนนวลนวลน่าชมสมสัณฐาน |
||
บ้างกล่อมขับรับเพลงบรเลงลาน |
พระสำราญรื่นเริงบรรเทิงใจ |
||
พอสายแสงสุริยาภนุมาศ |
ยุรยาตรออกพระโรงวินิจฉัย |
||
สถิตย์แท่นเนาวรัตน์ใต้ฉัตรไชย |
เสนาในหมอบเฝ้าเปนเหล่ากัน |
||
เสียงประโคมโครมครึกพิฦกก้อง |
ตามทำนองขันติยราชสังสรรค์ |
||
ดังจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงสุบรรณ |
ผันพระภักตร์ซักถามความบุรี ฯ |
||
๏ ครานั้นพระยามหาอำมาตย์ |
อภิวาททูลความไปเต็มที่ |
||
ขอเดชะพระองค์ทรงธรณี |
อันชีวีอยู่ใต้พระบาทา |
||
บัดนี้พระโอรสยศยง |
ให้ขุนโจรจัตุรงค์แม่กองน่า |
||
กับหลวงศักดิเสนีศรีเสนา |
นำสารมาเคารพอภิวันท์ |
||
พอทูลเสร็จคลี่สารอ่านถวาย |
บรรยายโดยคดีขมีขมัน |
||
อ่านจบนบนิ้วบังคมคัล |
ตรงหน้าบัลลังก์รัตน์ชัชวาลย์ ฯ |
||
๏ ครานั้นพระองค์ดำรงวัง |
ได้ทรงฟังอึ้งอั้นไม่บรรหาร |
||
คนึงนึกตรึกตราเปนช้านาน |
มีโองการสิงหนาทประภาษมา |
||
เอออะไรลูกเราช่างเบาจิตร |
แพ้ความคิดข้าศึกนึกขายหน้า |
||
ทำให้เสียท่วงทีในปรีชา |
ดีแต่กล้าดื้อดื้อถือทนง |
||
จนเสียพระศรีสวัสดิ์น่าขัดแค้น |
เข้าเขตแดนอรินไยมาใหลหลง |
||
ไม่ระวังเนื้อตัวมัวทนง |
อ้ายขอมคงเหิมฮึกนึกดูเบา |
||
ครั้นจะนิ่งทิ้งไว้ให้กำเริบ |
จะโตเติบใหญ่เยี่ยมแทบเทียมเขา |
||
เขม้นหมายหยิ่งเย่อลเมอเมา |
โอรสเราหมิ่นประมาทถึงพลาดพลั้ง |
||
จำจะให้พระบรมราชา |
ยกโยธาตามไปดังใจหวัง |
||
ทำลายล้างภาราเข้าผ่าพัง |
คงได้ดังมโนรถหมดโพยไภย |
||
เหวยมหามนตรีขมีขมัน |
ไปสุพรรณภาราอย่าช้าได้ |
||
เชิญเสด็จเชษฐามาไวไว |
จึงรีบไปเร็วหวาอย่าช้าที ฯ |
||
๏ ครานั้นตำรวจในได้รับสั่ง |
ถวายบังคมคล้อยถอยจากที่ |
||
เรียกฝีพายบ่ายหน้าลงวารี |
ไม่รอรีคืนหนึ่งก็ถึงพลัน |
||
ประทับท่าคลาไคลขึ้นไปเฝ้า |
ก้มเกล้าอัญชลีขมีขมัน |
||
ทูลว่าองค์พระทรงยศทศธรรม์ |
ให้เชิญเสด็จผายผันยังกรุงไกร ฯ |
||
๏ ครานั้นพระบรมราชา |
ฟังเสนาทูลแจ้งแถลงไข |
||
สั่งให้จัดนาวาแล้วคลาไคล |
คืนหนึ่งถึงในอยุธยา |
||
เรือที่นั่งเข้าประทับกับฉนวน |
เสด็จด่วนแห่แหนแน่นหนา |
||
ครั้นถึงวังยั้งกระบวนด่วนลีลา |
เข้าพระโรงรัตนาในทันที ฯ |
||
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช |
ทอดพระเนตรปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
||
เห็นเชษฐาสุริวงษ์ทรงยินดี |
เชิญสถิตย์ร่วมที่บัลลังก์รัตน์ |
||
ต่างองค์คำนับอภิวาท |
ร่วมอาศน์อดิเรกเสวตรฉัตร |
||
มนตรีเข้าเฝ้าเบียดกันเยียดยัด |
สองกระษัตริย์ปราไสกันไปมา ฯ |
||
๏ ครานั้นฝ่ายพระนรินทร์ปิ่นประเทศ |
อยุธเยศยอดสยามภาษา |
||
ตรัสประภาษตามราชกิจจา |
พระนัดดาท่านไปปราบไพรี |
||
เสียฤทธิ์เหลวแหลกต้องแตกทัพ |
ระยำยับไพร่พลก็ป่นปี้ |
||
ท่านเอนดูกู้ภักตร์ไว้สักที |
ช่วยขยี้เหยียบยำให้ทำลาย ฯ |
||
๏ ครานั้นพระบรมราชา |
สำรวลร่าทูลไปดังใจหมาย |
||
ศึกเพียงนี้มิพอที่จะวุ่นวาย |
พระหลานชายพ่ายแพ้ขอแก้มือ |
||
ทำไมกับทัพเขมรเดนเขาเลือก |
มีแต่เปลือกสู้ไทยจะได้ฤๅ |
||
เสียแต่หย่อนอ่อนหัดไม่ฟัดปรือ |
ได้ลงมือแม้นไม่สรรพไม่กลับมา |
||
อย่าได้ทรงพระวิตกยกธุระ |
ศึกนี้จะขอคำนับรับอาสา |
||
แต่ไพร่พลของข้าเจ้าไม่เอามา |
รับประทานโยธาสักหมื่นปลาย ฯ |
||
๏ ครานั้นพระภูเบนทร์นเรนทร์สูร |
ยิ่งเพิ่มภูลสำราญรมย์ด้วยสมหมาย |
||
สำรวลเรียงเสียงประสานบานสบาย |
แล้วผันผายพจนาดถ์ประภาษพลัน |
||
เหวยเสนีกรีธาพยุหะ |
ให้แด่พระเจ้าพี่ขมีขมัน |
||
จะยกไปกัมพูชาอีกห้าวัน |
ให้เกณฑ์กันไว้หวาอย่าช้าที |
||
ประภาษพลางทางเชิญพระเชษฐษา |
เข้าปรางค์ปราปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
||
ทรงเสวยโภชนาสาลี |
สถิตย์ที่มณเฑียรวิเชียรพราย ฯ |
||
๏ ครานั้นเจ้าพระยามหาอำมาตย์ |
ผู้รับราชโองการให้บัตรหมาย |
||
กะเกณฑ์พวกพหลพลนิกาย |
แต่ตัวนายยี่สิบถ้วนกระบวนจร |
||
กองอาสาหกเหล่าเข้าบรรจบ |
เคยรุกรบห้าวหาญชาญสมร |
||
ไพร่สามหมื่นมีฝีมือฦๅขจร |
เคยราญรอนยืนยงคงกระพัน |
||
ทั้งคชาม้ามิ่งสิ่งละร้อย |
หมอควานคอยขับขี่ดีขยัน |
||
จ่ายอาวุธเสื้อผ้าสารพัน |
มาพร้อมกันเข้ากระบวนถ้วนทุกกอง ฯ |
||
๏ ครานั้นพระบรมราชา |
ครั้นโยธาพร้อมพรั่งกันทั้งผอง |
||
สดวกได้ฤกษ์ยามตามทำนอง |
เข้าสู่ห้องแต่งองค์ทรงอาวุธ |
||
ทูลลาองค์พงศ์นรินทร์ปิ่นประเทศ |
พระทรงเดชยินดีเป็นที่สุด |
||
ทรงอำนวยพรประสิทธิ์ฤทธิรุท |
จงโค่นขุดให้แหลกแตกทำลาย ฯ |
||
๏ ครานั้นพระเจ้ากรุงสุพรรณ |
รับพรจรจรัลด้วยจวนสาย |
||
เสด็จทรงช้างบัลลังก์ที่นั่งพลาย |
ให้คลี่คลายทัพโห่เปนโกลา |
||
ประโคมแซ่แตรสังข์ดังสนั่น |
พลขันธ์แลหลามงามสง่า |
||
เสียงครื้นครึกกึกก้องกลองประดา |
กระบวนน่านำออกนอกปราการ |
||
ข้ามทุ่งมุ่งหมายออกชายป่า |
โยธาโห่ร้าวฉาวฉาน |
||
หลายวันดั้นเดินในดงตาล |
ถึงสถานกองทัพที่พลับพลา ฯ |
||
๏ ครานั้นพระเมศวรปรเมศ |
ทอดพระเนตรทัพใหญ่ใจหรรษา |
||
แจ้งว่าองค์ทรงฤทธิปิตุลา |
รีบไคลคลามารับในฉับไว |
||
ประนตนั่งบังคมประนมหัตถ์ |
เชิญกระษัตริย์สู่พลับพลาที่อาไศรย |
||
ทั้งโยธาทหารสำราญใจ |
เข้าเฝ้าไทพร้อมพรั่งดังบัญชา ฯ |
||
๏ ครานั้นพระเจ้ากรุงสุพรรณ |
สรวลสันต์ตรัสถามตามกังขา |
||
ยังไรพ่อหน่อกระษัตริย์ผู้นัดดา |
ยกออกมาเสียไชยแก่ไพรี |
||
พระองค์ทรงฤทธิคิดวิตก |
ให้ลุงยกตามตะบึงจนถึงที่ |
||
ทำไฉนจึงได้เปลี้ยเสียท่วงที |
แจ้งคดีเดิมไปจะใคร่ฟัง ฯ |
||
๏ ครานั้นพระราเมศวรราช |
อภิวาททูลไปดังใจหวัง |
||
ตั้งแต่ต้นจนล่าเข้าป่ารัง |
เหลือกำลังพลน้อยจึงถอยมา |
||
มันทั้งเมืองเนื่องหนุนขนาบไล่ |
จึงเสียไชยปัจจามิตรผิดนักหนา |
||
ขอพระองค์ทรงฤทธิ์ปิตุลา |
ให้นัดดาแก้กลได้พ้นอาย ฯ |
||
๏ ครานั้นพระบรมราชา |
สำรวลร่าตอบไปดังใจหมาย |
||
ลุงมาด้วยจะได้ช่วยพระหลานชาย |
จะผันผายพรุ่งนี้ไปตีทัพ |
||
พระรามราชรับรองเปนกองน่า |
คุมโยธาล้วนฉกรรจ์ห้าพันสรรพ |
||
มีเกียกกายยกรบัตรปลัดทัพ |
โดยตำหรับสงครามตามมีมา |
||
ตรัสพลางสายัณห์ลงทันใด |
พลไกรพรั่งพร้อมล้อมแน่นหนา |
||
ตีฆ้องกองไฟใกล้พลับพลา |
คอยตรวจตรานั่งยามตามทำนอง ฯ |
||
๏ ครั้นรุ่งรางส่างแสงสุริยา |
ไก่ป่าขานขันสนั่นก้อง |
||
น้ำค้างพรมลมชายปลายลออง |
ดุเหว่าร้องเร่งรัดพระสุริยง |
||
ผกากานบานแย้มแซมสาโรช |
ริมเขื่อนโขดบรรพตาป่าระหง |
||
แสงหิรัญพรรณรายขึ้นชายดง |
จัตุรงค์ต่างตื่นฟื้นกายา |
||
จัดแจงแต่งกายทั้งนายไพร่ |
ประจำให้เข้ากระบวนไว้ถ้วนหน้า |
||
บ้างผูกช้างพระที่นั่งอลังการ์ |
มารอท่ารับองค์พระทรงธรรม์ ฯ |
||
๏ ครานั้นพระบรมราชา |
ชวนกระษัตริย์นัดดาขมีขมัน |
||
ประดับองค์ทรงสรรพแล้วฉับพลัน |
จรจรัลมาเกยรัตน์ตระบัดใจ |
||
สองพระองค์เสร็จทรงช้างที่นั่ง |
พร้อมสพรั่งคนแห่แลไสว |
||
โห่สนั่นครั่นครื้นยิงปีนไฟ |
จากค่ายใหญ่เกรียวตรงเข้าดงดอน |
||
ถึงประเทศเขตรทุ่งกรุงกัมพุช |
ไม่ยั้งหยุดทวยหาญชาญสมร |
||
พอราตรีอ้อมล้อมนคร |
โห่สท้อนปล้นปีนตีนกำแพง |
||
เสียงสนั่นครั่นครื้นยิงปืนตับ |
เข้ารบรับผ่าพังกำแพงแขง |
||
จุดปืนไฟไล่ล้างกันกลางแปลง |
ยื้อแย่งเย่าเรือนเกลื่อนทำลาย ฯ |
||
๏ ครานั้นพระเจ้ากรุงกัมพูชา |
มัวหลับตาองอาจประมาทหมาย |
||
รู้สึกตนวนเวียนสิเจียนตาย |
ก็วุ่นวายหนีออกนอกบุรี |
||
ราษฎรร้อนจิตรไม่คิดสู้ |
ต่างเกรียวกรูพาลูกแลเมียหนี |
||
โยธาไทยไล่ลัดสกัดตี |
เสียงโศกีแซ่เสียงทั้งเวียงไชย |
||
ผัวผลัดเมียเมียพรากจากลูกผัว |
วิ่งแต่ตัวผู้เดียวเที่ยวร้องไห้ |
||
พวกกองทัพจับมัดด้วยขัดใจ |
ยกมือไหว้ท่วมหัวกลัวเต็มที ฯ |
||
๏ ครานั้นพระบรมราชา |
กับกระษัตริย์นัดดาจำเริญศรี |
||
ครั้นมีไชยได้โดยสดวกดี |
สั่งโยธีเที่ยวประกาศราษฎร |
||
ผู้ที่มาอ่อนน้อมยอมโดยดี |
จะให้อยู่บุรีสโมสร |
||
ที่สู้รบหลบลี้หนีซอกซอน |
จงกวาดต้อนรอมชอมไปพร้อมกัน |
||
รับสั่งพลางทางพานัดดาราช |
เที่ยวประพาศทั่วไปในไอสวรรย์ |
||
ประทับอยู่กัมพูชาสิบห้าวัน |
พระทรงธรรม์กลับมายังธานี ฯ |
||
หมดความ ตอนที่ ๑ |
|||
|
|
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ |
มหาจักรพรรดิราชานาถนาถา |
|
เฉลิมวงศ์มงกุฎอยุธยา |
บำรุงราษฎร์สาสนาให้ถาวร |
|
พระปกเกล้าชาวบุรีเปนที่ชื่น |
สำราษรื่นร่มโพธิ์สโมสร |
|
มีคชาพาหนะนรินทร |
ห้ากุญชรเผือกผู้คู่บารมี |
|
กับเผือกพังทั้งสองล้วนผ่องแผ้ว |
ชาติช้างแก้วเกิดสำหรับกับกรุงศรี |
|
เปนเจ็ดช้างต่างนามล้วนงามดี |
อยู่โรงที่ริมปราสาทในราชวัง |
|
ตั้งพานทองรองหญ้าผลาผล |
ผ้ารัดกัมพลนั้นปกหลัง |
|
พเนกฟูกผูกม่านเพดานบัง |
หมอควานทั้งพราหมณ์กล่อมอยู่พร้อมเพรียง |
|
บ่ายสามโมงลงน้ำนำกลองชนะ |
ปิ๋งเปิงปะเปิงครื่มกระหึ่มเสียง |
|
เครื่องสูงสำหรับช้างสองข้างเคียง |
พร้อมเพรียงเพราะพระบารมี |
|
อุดมทั้งโภไคยไอสูรย์ |
เพิ่มภูลภิญโญดังโกสีย์ |
|
ทั้งเหนือใต้ไพร่ฟ้าประชาชี |
ล้วนมั่งคั่งมั่งมีต่างปรีดา |
|
อาณาจักรนัคเรศประเทศราช |
พึ่งพระบาทบุญฤทธิ์ทุกทิศา |
|
ทุกถิ่นฐานบ้านเมืองเลื่องฦๅชา |
พระเจ้าช้างเผือกมหาจักรพรรดิ |
|
ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร |
ต่างเริงร่านการศึกพร้อมฝึกหัด |
|
ยิงปืนทั้งช้างม้าฝึกสารพัด |
สนามน่าจักรวรรดิหัดทุกวัน ฯ |
|
๏ จะกลับกล่าวถึงพระเจ้าเมืองหงษา |
เปนปิ่นรามัญประเทศทุกเขตรขัณฑ์ |
|
พม่าทวายฝ่ายลาวเมื่อคราวนั้น |
อภิวันท์หงษาพึ่งบารมี |
|
เธอทราบเรื่องเมืองไทยที่ใหญ่กว้าง |
มีเจ็ดช้างเผือกอยู่บุรีศรี |
|
คิดจะใคร่ได้มาไว้ธานี |
ให้มนตรีคิดอ่านแต่งสารตรา ฯ |
|
๏ ครั้นเสร็จสรรพพับผนิดปิดตราแล้ว |
ใส่กล่องแก้วมรกฎตามยศถา |
|
ให้สมิงโยคราชมาตยา |
คุมไพร่ห้าสิบตรงเข้าดงตาล |
|
ยี่สิบวันดั้นเดินตามแผนที่ |
ถึงเจดีย์สามองค์ลงทางบ้านด่าน |
|
พบขุนพลพามาในป่าลาน |
เข้าแจ้งเรื่องเมืองกาญจนบุรี ฯ |
|
๏ ฝ่ายผู้รั้งปลัดยกรบัตรแจ้ง |
ให้ขุนแพ่งรีบพามากรุงศรี |
|
นำเข้าหาเจ้าพระยาจักรี |
พร้อมอยู่ที่ศาลาว่าราชการ |
|
ให้มอญล่ามถามซักตระหนักแน่ |
อ่านเขียนเปลี่ยนแปลพระราชสาร |
|
เปนคำไทยได้ระเบียบแล้วเทียบทาน |
พนักงานนำเข้าคอยเฝ้าพลัน ฯ |
|
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช |
ปิ่นปักนัคเรศรังสรรค์ |
|
สถิตย์แท่นแม้นมหาเวชายันต์ |
เสมอชั้นบัณฑุกัมพล์อัมรินทร์ |
|
สาวสุรางค์นางบำเรอเสนอบาท |
บำรุงราชรู้เชิงบรรเทิงถวิล |
|
บ้างร้องรับขับขานประสานพิณ |
บำเรอปิ่นปัถพีให้ปรีดา |
|
ครั้นสายแสงสุริกาญจน์พระผ่านเกล้า |
เสด็จเข้าที่สรงทรงภูษา |
|
ประดับเครื่องเรืององค์อลงการ์ |
ออกข้างน่าพนักงานไขม่านทอง |
|
เสด็จเหนือพระที่นั่งบัลลังก์อาศน์ |
พร้อมมหาดเล็กฟังรับสั่งสนอง |
|
ประโคมดังสังข์แตรเสียงแซ่ซ้อง |
มโหรทึกกึกก้องท้องพระโรง |
|
ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าขุนนางต่างตำแหน่ง |
ก็ตกแต่งกายาล้วนอ่าโถง |
|
นุ่งสมปักชักกลีบจับจีบโจง |
เข้าพระโรงบังคมก้มกราบกราน ฯ |
|
๏ เจ้าพระยาจักรีศรีสมุหะ |
ขอเดชะทูลความตามราชสาร |
|
เบิกทูตรเข้าเฝ้าประนตบทมาลย์ |
อาลักษณ์พนักงานอ่านสารตรา ฯ |
|
๏ ในลักษณพระราชสารสวัสดิ์ |
จอมกระษัตริย์ซึ่งดำรงเมืองหงษา |
|
ทรงพระยศทศธรรม์กรุณา |
ให้เย็นใจไพร่ฟ้าประชาชี |
|
มีเมืองน้อยร้อยเอ็ดเปนเขตรขอบ |
มานบนอบน้อมประนตบทศรี |
|
กับกรุงเพทวาราวดี |
เปนทางราชไมตรีได้มีมา |
|
ทราบว่าองค์ทรงยศมีคชเรศ |
ล้วนเผือกผู้คู่พระเดชพระเชษฐา |
|
เสมอบุญจุลจักรทรงศักดา |
จนฦๅชาปรากฎบทมาลย์ |
|
เมืองหงษาวดีที่ใหญ่กว้าง |
ไม่มีช้างเผือกผู้คู่ถิ่นฐาน |
|
ขอพระองค์ทรงมหาปรีชาชาญ |
โปรดประทานให้น้องสักสองช้าง |
|
จะฦๅนามงามภักตร์สูงศักดิ์แสง |
สมประเทศเขตรแขวงที่กว้างขวาง |
|
ให้ร่วมแดนแผ่นดินร่วมถิ่นทาง |
ขอพระองค์จงสร้างทางไมตรี |
|
แม้นทรงศักดิ์รักข้างช้างเผือกผู้ |
ไม่ช่วยชูภักตร์น้องจะหมองศรี |
|
กรุงอยุธยากับหงษาวดี |
จะขาดราชไมตรีซึ่งมีมา ฯ |
|
๏ พอจบสารกรานกราบพระทราบเรื่อง |
ให้ขุ่นเคืองในพระไทยแต่ไม่ว่า |
|
ให้จ่ายเสบียงเลี้ยงดูพวกทูตา |
แล้วตรองตรึกปฤกษาเสนาใน |
|
ซึ่งหงษามาขอช้างเผือกผู้ |
จงคิดดูใครจะเห็นเปนไฉน |
|
จะแขงอ่อนผ่อนผันทำฉันใด |
เร่งตรึกไตรใคร่ครวญให้ควรการ ฯ |
|
๏ ฝ่ายเสนาข้ารองลอองบาท |
อยู่พร้อมพรั่งทั้งมหาดไทยทหาร |
|
ต่งปฤกษาว่าแต่ก่อนเคยรอนราญ |
กับผู้ผ่านหงษาเจ้ารามัญ |
|
จับลูกเธอทั้งสองพี่น้องได้ |
ก็คุมไว้ไม่ฆ่าให้อาสัญ |
|
เมื่อโปรดให้ไปขอพระหน่อนั้น |
เจ้ารามัญคืนให้เปนไมตรี |
|
เดี๋ยวนี้เล่าเขาขอคชสาร |
ควรประทานหงษาเปนราษี |
|
แม้นไม่ให้เห็นจะมารบราวี |
ในธานีก็คงเกิดสงคราม ฯ |
|
๏ ฝ่ายพระราเมศวรพระยาจักรี |
พระสุนทรอยู่ที่เฝ้าทั้งสาม |
|
ต่างปฤกษาว่จะให้เห็นไม่งาม |
จะลวนลามล่วงประมาทบาทยุคล |
|
จึงทูลว่าข้าพเจ้าทั้งสามนี้ |
เห็นไม่สมควรที่ให้ช้างต้น |
|
ที่ไมตรีมีแต่ก่อนได้ผ่อนปรน |
ให้ช้างดีศรีมงคลทวีปไป |
|
ถึงสองช้างข้างมอญพม่านั้น |
จะขี่ขับสับฟันไม่หวั่นไหว |
|
จึงคืนให้ไว้กับเราก็เอาไว้ |
เราได้ให้ได้มีไมตรีกัน |
|
ช้างเผือกผู้คู่บุญทูลกระหม่อม |
มิควรยอมให้ไปจากไอสวรรย์ |
|
เหมือกลัวดีฝีมือพวกรามัญ |
จะเสียชั้นเชิงมอญเพราะอ่อนตาม |
|
แม้นหงษามาตีบุรีเรา |
ข้าพเจ้าพร้อมพรั่งกันทั้งสาม |
|
ขออาสาพระองค์ออกสงคราม |
มิให้ลามล่วงมาถึงธานี ฯ |
|
๏ ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินปิ่นพิภพ |
หมายจะรบรับศึกไม่นึกหนี |
|
จึงตรัสสั่งทั้งสามว่าตามที |
ให้เสนีที่ชำนาญแต่สารตรา |
|
เปนความตอบมอบสมิงโยคราช |
บังคมลาฝ่าพระบาทนาถนาถา |
|
กับไพร่ห้าสิบถ้วนด่วนเดินมา |
ถึงหงษาเข้าฝ้าเจ้าธานี |
|
กราบทูลความตามราชสารตอบ |
แล้วนอบน้อมประนตบทศรี |
|
ฝ่ายเสนารามัญอัญชลี |
แล้วก็คลี่ราชสารออกอ่านพลัน ฯ |
|
๏ ในสารว่าพระมหาจักรพรรดิ |
เจ้าจังหวัดเวียงไชยไอสวรรย์ |
|
เฉลิมวงศ์ทรงยศทศธรรม์ |
ครองเขตรขัณฑ์กรุงทวาราวดี |
|
ซึ่งพระน้องต้องประสงค์ข้างเผือกผู้ |
เปนของคู่บุญบำรุงชาวกรุงศรี |
|
อันวิไสยในจังหวัดปัถพี |
ผู้ใดมีบุญญากฤดาการ |
|
จึงย่อมจักเกิดช้างแลนางแก้ว |
ใช่บุญแล้วถึงจะได้ไว้ถิ่นฐาน |
|
ไม่รุ่งเรืองเครื่องจะอันตรธาน |
เหมือนบุราณท่านเปรียบทำเนียบความ |
|
ประเวณีมีบุญการุญโลก |
อุประโภคโภไคยก็ไม่หลาม |
|
มีม้าแก้วแล้วมีช้างมีนางงาม |
ศึกสงครามก็มักมาถึงธานี |
|
ซึ่งมิได้ให้ช้างเผือกไปเลี้ยง |
เพราะผิดเยี่ยงอย่างพระน้องอย่าหมองศรี |
|
เชิญดำรงหงษาประชาชี |
จะได้มีเกียรติยศปรากฎไป ฯ |
|
๏ พอจบสารอ่านแสนแค้นเคืองขุ่น |
ให้หมกมุ่นโมโหเสโทไหล |
|
จะฮึกฮักยักเยื้องเจ้าเมืองไทย |
จะไปไล่ลุยล้างชิงช้างมา |
|
ยิ่งฮึดฮัดตรัสสั่งมัสุระ |
บอกอังวะทวายเชียงใหม่หวา |
|
เดือนสิบสองจะไปตีศรีอยุธยา |
ใครไม่มาเหมือนหมายจะวายปราณ |
|
เกณฑ์ให้ทั่วหัวเมืองเครื่องรบพุ่ง |
เร่งบำรุงช้างม้าโยธาทหาร |
|
มังสุระประนมก้มกราบกราน |
หมายประกาศราชการทุกบ้านเมือง ฯ |
|
๏ พอถึงเดือนสิบสองพวกกองทัพ |
ต่างต้อนขับเกวียนต่างม้าช้างเครื่อง |
|
เมืองปรอนแปรแซ่ซ้องมานองเนือง |
เมืองเสี่ยงเมืองเมาะตมะมะลำเลิง |
|
เมืองตองอูภุกามเมืองบัวเผื่อน |
มากลาดเกลื่อนเมืองพสิมเมืองิมตะเคลิ่ง |
|
เชียงใหม่ทั้งอังวะเมืองละเคิง |
มาสิ้นเชิงทั้งจิตตองกองทวาย |
|
รวบรวมล้อมพร้อมเข้าสิบเก้าหมื่น |
หอกดาบปืนพร้อมหมดเหมือนกฎหมาย |
|
ทั้งเกวียนต่างช้างม้ามามากมาย |
พม่าทวายมอญลาวเฝ้าพร้อมกัน ฯ |
|
๏ ฝ่ายพระองค์หงษาตรึกตราตรัส |
อันจังหวัดเมืองไทยไอสวรรย์ |
|
มีทุ่งลำน้ำรอบเปนขอบคัน |
ดูเหมือนกันกับลงกากลางสาชล |
|
มีเรื่องราวคราวพระรามข้ามทหาร |
ต้องคิดการถมน้ำทำถนน |
|
ครั้งนี้เราเล่าจะไปพร้อมไพร่พล |
ต้องคิดกลการปีจึงมีไชย |
|
ด้วยเมืองรายฝ่ายเหนือเมืองไทยนั้น |
แม่น้ำคั่นเขาขวางล้วนกว้างใหญ่ |
|
เมืองพิจิตรพิศณุโลกศุโขไทย |
เมืองพิไชยเมืองกำแพงระแหงนั้น |
|
จะระดมสมทบช่วยรบพุ่ง |
ป้องกันกรุงเทพเหมือนดังเขื่อนขัณฑ์ |
|
ทั้งเข้าน้ำลำเลียงพร้อมเพรียงกัน |
เปนที่มั่นกันศรีอยุธยา |
|
เราตีให้ได้ก่อนพักผ่อนตั้ง |
จะย่อหย่อนอ่อนกำลังลงหนักหนา |
|
จะได้ไทยได้ทั้งช้างเผือกมา |
ท้าวพระยาใครจะเห็นเปนอย่างไร ฯ |
|
๏ เจ้าอังวะพระเจ้าแปรบุตรเขยหลาน |
เหล่าทหารพร้อมเพรียงทั้งเชียงใหม่ |
|
ต่างบังคมชมพระปัญญาไว |
เห็นจะได้กรุงทวาราวดี ฯ |
เว็บนี้เหมาะสำหรับเปิดในเบาเซอร์
ความคิดเห็น