คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : วิทยาศาสตร์ ความเชื่อ และความตาย และการปรับทัศนคติ แค่นั่งก็สำเร็จแล้ว ยอดไปเลย
ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์หัวหน้ากลุ่มที่เข้าประกวด ‘สร้างสิ่งประดิษฐ์บั่นทอนความฉลาดปราศจากข้อดีมีแล้วอันตรายทำลายชาติและสังคม’ ได้รางวัลชนะเลิศดีเด่น
นักข่าว : สวัสดีค่ะคุณธนกร
คุณธนกร : อัดแล้วเหรอครับ
นักข่าว : เออ ไอ้โง่___ ห้องสมชายนี่___กันทั้งห้องเลยเหรอ
คุณธนกร : เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ
นักข่าว : เออ ไอ้โง่___ ห้องสมชายนี่___กันทั้งห้องเลยเหรอ
คุณธนกร : ทำไมเวลาพูดบางคำถึงถึงโดนตัดเสียงออกล่ะครับ
นักข่าว : (สบถเบาๆว่า___) ในฐานะที่คุณธนกรเป็นตัวแทนจากกลุ่มแพะโง่___และธาม กลุ่มชนะเลิศดีเด่น___จากการแข่งขันประกวดสิ่งประดิษฐ์___________________________________________________________ รู้สึกอย่างไรกับรางวัลที่ได้รับคะ
คุณธนกร : ก็รู้สึกดีครับ
นักข่าว : แค่นั้นเหรอคะ
คุณธนกร : ครับ
นักข่าว : _________
คุณธนกร : ____________________________และ_________กลับบ้านไป______เลยไป๊
นักข่าว : (เงียบไปพักหนึ่ง) เล่าเกี่ยวกับความเป็นมาสิ่งประดิษฐ์ของกลุ่มแพะโง่___และธามหน่อยค่ะ
คุณธนกร : พวกเราก็เลยอยากลองสร้างเครื่องย้อนเวลาดู ตอนสร้างนี่ก็ลำบากครับเพราะสมาชิกในกลุ่มมีทะเลาะกันนิดหน่อย อีกทั้งวัตถุดิบอย่างที่หายากตามท้องตลาดอย่างเช่นพลูโตเนียม-สองสามเก้า สมองไอสไตน์ กับลูกกระเดือกยีราฟ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพ่อเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นสุลต่าน โครงงานของเราก็สำเร็จด้วยดีครับ
นักข่าว : เครื่องนี้มันทำงานอย่างไรคะ
คุณธนกร : (ลูบคางด้วยความครุ่นคิด) อธิบายยากนะครับ ลองโยงให้เข้ากับเรื่องง่ายๆดีกว่า คุณนักข่าวเคยรำไทเก๊กไหมครับ
นักข่าว : (ขมวดคิ้ว) ก็เคยนะคะ
คุณธนกร : ดีครับ คุณนักข่าวคงจะเข้าใจคำอธิบายได้ง่ายขึ้น ผมจะบอกว่าคุณนักข่าวกลับบ้านไปรำไทเก๊กเถอะครับ ฟังผมอธิบายไปก็ไม่เข้าสมอง เสียเวลาทำมาหากินของทั้งสองฝ่ายไปอย่างเปล่าประโยชน์
นักข่าว : (เงียบไปพักหนึ่ง) ___เถอะ
คุณธนกร : ________________เถอะอะไรล่ะ เป็นนักข่าวคิดว่าเจ๋งนักเรอะ เดี๋ยวเรียกพ่อการันต์ให้เอานิวเคลียร์ไปยิงบ้านเลย ____เถอะ ถุย กาก
นักข่าว : (สูดลมหายใจลึก) มาที่คำถามต่อไปดีกว่าค่ะ ___ หลังจากความสำเร็จของสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกได้ว่าอาจเปลี่ยนแปลงโลกและวิถีการดำเนินชีวิตของเรา อยากให้คุณธนกรเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ขึ้นมาหน่อยค่ะ
คุณธนกร : เป็นคำถามที่น่าสนใจมากครับ ก่อนอื่นต้องเท้าความไปถึงเรื่องเล่าสนุกๆสำหรับเด็กสักเล็กน้อยเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ คุณนักข่าวรู้จักไอแซ็ก นิวตันหรือเปล่าครับ
นักข่าว : ใช่คนที่เป็นนักฟิสิกส์หรือเปล่าคะ
คุณธนกร : อ้า ใช่แล้วครับ ก่อนที่จะวกเข้าเรื่องแรงบันดาลใจของกลุ่มเรา ผมจะขอเล่านิทานเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์บิดาแห่งแคลคูลัสสักนิดหนึ่ง ไอแซ็ก นิวตันเกิดในวันคริสต์มาส ปี ค.ศ. 1642 ในหมู่บ้านเล็กๆอบอุ่นแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ หลังจากพ่อของเขาเสียชีวิตสามเดือน ส่วนแม่ก็ทิ้งเขาอยู่กับยาย ปมชีวิตในวัยเด็กทำให้เขาเป็นคนเก็บตัว พึ่งพาตนเอง และให้ความสำคัญกับผลงานของตัวเอง นิวตันเป็นคนที่เรียกได้ว่าแทบไม่มีเพื่อน ด้วยฐานะอันดีของครอบครัวเขาสามารถผลักดันตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งใบปริญญาบัตร และเนื่องจากประกายความอัจฉริยะที่เขาแสดงออกมา เขาได้รับการเสนอชื่อโดยศาสตราจารย์ที่ชื่นชมในความสามารถให้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแคมบริจด์ หากแต่ในเวลาต่อมาโรคปอดบวมได้ระบาดทั่วลอนดอน ทำให้มหาวิทยาลัยต้องปิดทำการชั่วขณะ แต่นั่นนับว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับนิวตัน เพราะเขาได้มีเวลาในการใช้ความคิดเพื่อไขความลับของความเป็นไปในสิ่งต่างๆ ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้กันอย่างชัดเจนในสมัยนั้น ว่ากันว่าเขาศึกษาศาสตร์หลายแขนง แต่ตีพิมพ์เพียงน้อยนิดในสิ่งที่ตนได้ค้นพบ เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม ปี ค.ศ. 1665 มันเกิดขึ้นขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล
นักข่าว : เขาไปทำอะไรใต้ต้นแอปเปิ้ลคะ
คุณธนกร : ทำไมคุณไม่ไปถามเขาเองละครับมาถามผมทำไม เขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล เหม่อมองพระอาทิตย์พลางสงสัยว่าทำไมพระอาทิตย์จึงอยู่บนท้องฟ้าและหายไป แล้วก็โผล่กลับขึ้นมาอีกในวันถัดมา ทำไมมันจึงไม่ลอยหายไป แล้วเมฆล่ะ อีกทั้งพระจันทร์ ทำไมทุกอย่างถึงเป็นอย่างที่มันเป็น ขณะที่กำลังคิดอยู่นั่นเอง...
นักข่าว : แอปเปิ้ลก็ร่วงใส่หัวของนิวตัน!
คุณธนกร : ใช่ครับ และเขาก็ได้ความคิดขึ้นมาว่า เพราะโลกมีความเร่งที่ทำให้สิ่งของพุ่งเข้าหามัน ในขณะนั้นเขาพิสูจน์ไม่ได้ถึงเหตุผลของการมีอยู่ของมัน แต่เขาได้ความคิดว่ามันเป็นกฎแห่งการเคลื่อนที่ของทุกสิ่ง นั่นถือเป็นวินาทีที่เริ่มต้นทุกอย่างที่เรามีอยู่ เป็นวินาทีสำคัญแห่งมนุษยชาติอย่างแท้จริง เมื่อนิวตันค้นพบแรงโน้มถ่วง
นักข่าว : น่าสนใจมากค่ะ แล้วกลุ่มของคุณได้แรงบันดาลใจจากนิวตันใช่ไหมคะ
คุณธนกร : เขาถือเป็นเป้าหมายของการทำงานของเราเลยล่ะครับ เพราะไม่มีเขาคงไม่มีเครื่องย้อนเวลา
นักข่าว : แล้วกล่มของคุณวางแผนจะนำสิ่งประดิษฐ์นี้ไปใช้ทำอะไรคะ
คุณธนกร : จากการค้นพบของนิวตันเราจะเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในปัจจุบันเกิดจากการค้นพบเล็กๆของเขา ทุกอย่างที่เราต้องอ่านเพื่อไปสอบ ต้องมานั่งทำการทดลอง มันช่างงี่เง่าสิ้นดี ไม่คิดเหรอว่าหากคุณมีทางเลือก หรือโอกาสครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะได้มาซึ่งทุกอย่างที่คุณต้องการในชีวิตนี้ คุณจะคว้ามันไว้ หรือปล่อยให้มันหลุดมือไป โย่...
นักข่าว : นี่มันแค่ลอกเอมิเน็มเอามาแปลไทย ไม่เห็นจะคมเลย
คุณธนกร : นิวตันไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะหยุด เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเล่นกับไฟ เล่นกับสิ่งที่เขาไม่รู้จัก สิ่งที่เขาค้นพบจะกลับมาทำร้ายตัวของเขา นิวตันจะต้องเสียใจกับทุกสิ่งที่เขาทำไว้กับเด็กนักเรียนทุกรุ่น ทุกคำกรีดร้องสาปแช่งนิวตันของนักเรียนเหล่านั้นจะกลายเป็นจริง สูตรฟิสิกส์สูตรไหนที่เขาค้นพบก็ไม่มีทางหยุดมันได้เพราะครั้งนี้คือของจริง เขาอาจโกงข้อสอบคณิตศาสตร์ได้ เขาอาจโกงตำแหน่งมาได้...
นักข่าว ; อย่าบอกนะว่า...
คุณธนกร : (แสยะรอยยิ้มชั่วร้าย) ...แต่เขาโกงความตายไม่ได้...
(เสียงฆ้องแบบหนังจีนดัง ผ่างๆๆๆๆๆ)
ณ สักแห่งในลอนดอน ประเทศอังกฤษ คืนของวันที่ 14 มกราคม ปี ค.ศ. 1665 ไอแซ็กตื่นขึ้นมาเนื่องจากเสียงฆ้องจากข้างบ้านที่ตีไล่รามสูร เขาบินออกจากหน้าต่างเพื่อไปต่อว่าข้างบ้าน การที่ทุกคนบินได้บนโลกไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะแรงโน้มถ่วงยังไม่ถูกค้นพบในขณะนั้น ไอแซ็กบินกลับไปนอนในเตียงอบอุ่นอย่างหัวเสีย เขาประสาทเสียได้ง่ายหากพักผ่อนไม่พอ
เมื่อรู้ตัวว่าข่มตาหลับไม่ลงจากเสียงตีและประทัดที่ดังต่อเนื่อง ไอแซ็กตัดสินใจบินออกไปยังทุ่งหญ้าใหญ่ ที่ที่เต็มไปด้วยฝูงแกะน่ารักกำลังหลับใหลและต้นไม้ที่ออกดอกผล และเขาก็หลับลงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างสบายใจ
เมื่อตื่นเช้าขึ้นเขาก็บิดขี้เกียจและหันไปด้านหลัง พระอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนฟ้าช่างสดใสเสียจริง เขาสงสัยเหลือเกินว่าทำไมมันถึงไม่ร่วงหล่นลงมา หลังจากคิดอยู่สิบนาทีอยู่ไอแซ็กสรุปได้ว่าเขาหิวมาก ช่างหัวพระอาทิตย์เถอะ และหันไปบนต้นไม้ที่อยู่เหนือเขา ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจ! ทำไมต้นกล้วยมาอยู่ในอังกฤษได้ น่าแปลกจริงๆ เขาเด็ดกล้วยหวีหนึ่งยัดใส่ปากโดยไม่ปอกเปลือก ก่อนจะบ้วนทิ้งออกมา
เขาเดินไปยังต้นแอปเปิ้ลฟูจิต้นหนึ่ง และเด็ดผลของมันกินลูกแล้วลูกเล่าอย่างเอร็ดอร่อยแม้ว่ารสชาติมันจะประหลาด ทันใดนั้นเขาก็สังเกตความผิดปกติบางอย่างเมื่อแอปเปิ้ลลูกหนึ่ง หลังจากใคร่ครวญอยู่นานในที่สุดไอแซ็กก็รู้ความจริง “ในแอปเปิ้ลมียาพิษ!” เสียงสุดท้ายก่อนที่ไอแซ็กจะสิ้นสติไปคือเสียงแม่มดยืนหัวเราะเขาจากด้านหลัง
ไอแซ็กตื่นขึ้นบนเตียงผ้าไหมอย่างดี ภาพแรกที่เขาลืมตาเห็นคือเจ้าชายกำลังจุมพิตเขาเพื่อถอนคำสาป ไอแซ็กถอยไปสุดเตียงอย่างตกใจ ไม่เคยมีใครใกล้กับเขาขนาดนี้มาก่อน และครั้งแรกของเขา...เป็นชายแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก ความคิดนั้นทำให้แก้มของเขาแดงฉานจากความเขินอาย
“เต้นรำกับผมเถอะนะ” เจ้าชายพูดด้วยเสียงเข้มปานเทพบุตร ทำเอาหัวใจไอแซ็กแทบจะละลายไปดั่งหิมะที่โปรยปรายอยู่ด้านนอก เจ้าชายกุมมือของไอแซ็กไว้ ในทีแรกไอแซ็กคิดจะปล่อยมือ แต่บางสิ่งดลใจให้เขาถูกเจ้าชายนำทางไปยังบานประตูใหญ่
เมื่อเปิดออกก็เผยให้เห็นงานเลี้ยงหรูหราของบรรดาผู้สูงศักดิ์ ทุกคนต่างปรบมือเมื่อทั้งสองเดินเข้ามา เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นทุกคู่ก็ต่างเต้นรำไปตามท้วงทำนองที่อ่อนหวาน ไอแซ็กสบลงบนไหล่ของเจ้าชายรูปงาม ไม่คิดไม่ฝันว่าชายยากจนอย่างเขาจะได้มีโอกาสร่วมงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ราวกับความฝัน
แต่ไอแซ็กนึกสิ่งหนึ่งขึ้นได้ พรจากแม่ทูนหัวจะหมดลงหลังเที่ยงคืน! เสื้อผ้าหรูหราของไอแซ็กเริ่มจางหายไป เขากำลังกลับกลายเป็นเด็กที่ยากจนเหมือนเดิม! ไอแซ็กสะบัดจากอ้อมกอดของเจ้าชายและวิ่งไปยังประตูทางออก เจ้าชายและเหล่าผู้ร่วมงานต่างงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าชายสั่งให้ทหารรีบจับตัวไอแซ็กกลับมายังอ้อมกอดของเขา
ไอแซ็กมองดูชายกระโปรงของเขาที่กำลังจางหายไป เข็มนาฬิกาเข้าใกล้เลขสิบสอง ด้วยความรีบร้อน ไอแซ็กสะดุดจนเกือบล้มแต่ยังคงวิ่งต่อไปเมื่อได้ยินเสียงตามมาจากด้านหลัง ทิ้งรองเท้าแก้วข้างหนึ่งไว้ ไอแซ็กวิ่งต่อไปอย่างเร่งรีบ
เขาวิ่งไปยังสวนหย่อมในพระราชวัง และตัดสินใจหลบลงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ใจของเขาเต้นระรัวเมื่อทหารล่ำกว่าสิบนายเดินออกตามหาโดยมีเสียงเจ้าชายคอยสั่งอยู่แต่ไกล ไอแซ็กพยายามเก็บเสียงของตัวเองให้เงียบ แอปเปิ้ลลูกหนึ่งหล่นใส่ศีรษะของเขาทำให้เขาร้องออกมาดังมากว่า “___” และเรียกความสนใจจากทหารล่ำในละแวกนั่น
แต่แล้วมือหนึ่งก็คว้าตัวไอแซ็กวิ่งหนีออกมา ไอแซ็กมองไม่เห็นใบหน้าของเขาในความมืด เสื้อของเขาบ่งบอกว่าเขาเป้นทหารคนหนึ่งที่ตัดสินใจช่วยไอแซ็กออกมาจากฮาเร็ม ทั้งสองหยุดพักเหนื่อยที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง
“เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงช่วยข้า” ไอแซ็กพูดพลางหอบ
“นามของข้าไม่สำคัญหรอก แม่หญิง ข้าเป็นแค่ชายต่ำต้อยจากแดนไกล” ชายคนนั้นหัวเราะเหมือนอาจารย์ในหนังจีน “ข้าใคร่อยากรู้นามของเจ้ามากกว่า”
“นามของข้าคือไอแซ็ก ไพโรจน์”
ชายคนนั้นขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ไอแซ็ก นิวตันหรอกรึ”
“อ๋อ คนนั้นเป็นเพื่อนบ้านของข้าเอง เขาเป็นคนตลกดีนะ ชอบนั่งพึมพำกับตัวเองทั้งวัน เขาเป็นคนเพี้ยนๆน่ะ ท่านถามทำไมรึ”
ชายคนนั้นสบถ “ก็หมายถึงข้าเสียเวลาเปล่าน่ะสิ”
“อย่าพูดกระนั้นเลย ข้าซาบซึ้งในบุญคุณของท่าน” ไอแซ็กพูด “คราวนี้ถึงตาท่านบอกนามของท่านแล้ว”
สายตาของเขาสบตากับไอแซ็ก “นามของข้านั่นมีมากมาย แต่นามของข้าจะเป็นนามที่เจ้าจะต้องจดจำ...” มือของเขาล้วงบางสิ่งออกจากย่าม มันคือรองเท้าแก้วที่ไอแซ็กทิ้งไว้ “มันเป็นนามที่ทุกคนจะต้องเคยได้ยิน นามของข้าเป็นสิ่งสวยงาม แม้ว่าทุกคนจะขยาดเมื่อได้ยิน... นามของข้า... คือความตาย”
ชายคนนั้นปาดรองเท้าแก้วลงบนลำคอของไอแซ็ก เลือดทะลักออกอย่างรวดเร็วขณะที่ไอแซ็กพยายามสูดลมหายใจเข้าในลำคอของเขา ภาพของชายคนนั้น ที่มีนามว่าความตาย กำลังจางหายไปพร้อมกับลมหายใจของไอแซ็ก
“ภารกิจล้มเหลว” ปืนหยิบโทรศัพท์ขึ้นพูดกับปลายสาย “เป้าหมายเป็นแค่ตัวปลอม เป้าหมายหลักอาจไหวตัวทันแล้ว ขอให้ระมัดระวังมากขึ้นด้วย”
มือหนึ่งสัมผัสข้อเท้าของกัน มันคือมือของไอแซ็กที่คว้าอย่างอ่อนแรง กันแค่นหัวเราะ มือหยิบบางสิ่งออกจากย่าม มันคือแอปเปิ้ลลูกมหึมา
“หากนายได้ความคิดอย่างหนึ่งตอนที่แอปเปิ้ลโง่ๆนี่หล่นใส่หัวนาย” ปืนพูด “นายควรจะคิดว่านายผิดตั้งแต่กล้าแหยมกับฟิสิกส์แล้ว” และกันก็ปล่อยแอปเปิ้ลให้ร่วงลงใส่ศีรษะของไอแซ็ก เมื่อกระทบอย่างแรงก็ทำให้ศีรษะระเบิดกระจุยกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กันยิ้มพอใจเล็กน้อยก่อนจะทิ้งร่างที่เคยมีชีวิตของไอแซ็กจากไป
ความคิดเห็น