คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : โคนันไขคดีเป็นร้อยคดีภายในปีเดียว แล้วโคนันเอาเวลาจากไหนไปเรียนหนังสือ
อุ้มดูภาพพร้อมเสียงจากกล้องวงจรปิดจากห้องสี่ทับสองพลางดื่มกาแฟเพื่อให้สมองกระตุ้น ชายลึกลับใส่หมวกกันน็อกขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาในห้อง ชนเข้ากับหัวประธานาธิบดีอย่างจัง รถมอเตอร์ไซค์จอดดังเอี๊ยด แล้วคนขับถอดหมวกกันน็อกแต่ภาพพร่ามัวเกินกว่าที่อุ้มจะรู้ได้ว่าเป็นใครก็พูดว่า “ซื้อน้ำแข็งแห้งมาแล้ว เอาไงต่อ” ทุกคนในห้องเงียบ ล่ามที่ดูเหมือนจะติดอ่างในสถานการณ์แบบนั้นชี้หน้าฆาตกรด้วยมือแล้วพูดว่า “กะ...กะ...แก...แกฆ่าเขา” เขาดูตื่นกลัวในทุกคำพูด “กะ...แก...แกต้องชดใช้” ฆาตกรทำเสียงแค่นหัวเราะ แล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า “คนที่ขวางทางมอเตอร์ไซค์ของข้ามันก็แค่มดปลวกที่สมควรตาย” อุ้มกัดฟันกรอด ไอ้ใจโหด “จะบอกให้รู้ว่าข้าฆ่าคนมานับร้อย และกฎบ้านเมืองไม่มีแม้แต่ทำอะไรข้าได้ มันเป็นกำแพงที่ป้องกันข้าจากการถูกล้างแค้นด้วยซ้ำ หากเจ้าคิดว่าเจ้ามีน้ำยาพอที่จะทำอะไรข้าได้ ดวลกันหลังพระอาทิตย์ตกได้ ตอนนี้มีดของข้ายังไม่ตื่น” ล่ามขาสั่น สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตของชายลึกลับ เขารวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดแล้วบอกกับชายคนนั้นว่า “สะ...สักวันเจ้าจะต้องชดใช้!” แล้ววิ่งหนีหายไปด้วยความกลัว ฆาตกรตะโกนบอกกับล่ามที่กำลังวิ่งลับไปว่า “เราสมชายนะ เก๋าเจอได้”
อุ้มรับสมัครเป็นนักสืบอาสาเพราะหวังว่างานอดิเรกเล็กๆของเธอทำให้เธอจะสร้างผลงานที่ดีได้ในอนาคต แต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องพบกับคดีที่น่าสะพรึงขวัญ นักสืบรุ่นพี่หลายคนได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดนี้แล้ว แต่ยังไม่สามารถยืนยันตัวฆาตกรได้ อุ้มเองก็จนปัญญาเพราะฆาตกรไม่ทิ้งเบาะแสอะไรไว้ให้เลย ภาพหน้าของเขาก็เบลอจนไม่คุ้นตา เธอจะต้องเปิดโปงให้ได้ว่าเบื้องหลังการตายของประธานาธิบดีมีเงื่อนงำที่มากกว่าแค่ไฟไหม้ธรรมดา นี่จะเป็นผลงานสำคัญที่นำไปสู่อนาคตตำรวจหญิงที่มั่นคงและแน่นอน ถึงภาพเคลื่อนไหวจะไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของฆาตกรได้ แต่เธอยังมีไพ่ตายอีกใบ และเธอจะใช้มันชนะเกมแห่งการฆาตกรรมนี้
เล้งหยิบผ้าห่มและโกโก้เข้ามาในห้องขณะที่อุ้มกำลังนั่งอยู่ในห้องสอบสวนกับคนคนหนึ่งอยู่ เขาดูตื่นกลัวและประหม่า อุ้มยิ้มขอบใจขณะที่เล้งวางมันให้กับคนคนนั้น คนคนนั้นยิ้มขอบคุณ อุ้มหยิบเครื่องอัดเสียงขึ้นมาและใช้มันบันทึกเสียง “ต่อไปนี้คือการสัมภาษณ์พยานปากสำคัญในคดีเผาอาคารเรียนครั้งยิ่งใหญ่ มิสเตอร์เฟรเดอริก โชแปง ล่ามแปลภาษาไทยของประธาธิบดีสแวกกิ้ง โยโล่ที่เป็นหนึ่งในเหยื่อจากคดีฆาตกรรมครั้งนี้” อุ้มวางเทปอัดเสียงลงบนโต๊ะ และการสอบสวนก็เริ่มขึ้น
อุ้ม : คุณเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดีครั้งนี้ จากในภาพเคลื่อนไหวที่ทางโรงเรียนเจริญพวงบันทึกไว้ คุณอยู่ในที่เกิดเหตุใช่หรือไม่คะ
โชแปง : ชะ... ชะ... ชา... ใช่ ใช่ ใช่ (ริมฝีปากสั่นด้วยความประหม่า)
อุ้ม : เราเข้าใจว่าเหตุการณ์ทั้งหมดยังคงสะเทือนใจคุณ และฉันไม่หวังจะเข้าถึงรายละเอียดที่จะต้องทำให้คุณรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ คุณผ่านอะไรโหดร้ายมาเยอะกว่าคนทั่วไปต้องเผชิญ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันหวังจากคุณจะให้กับฉัน และเหยื่อทุกคนในคดีนี้ได้ ในเหตุการณ์นั้นฆาตกรเปิดเผยใบหน้าของเขาให้คุณเห็น คุณจดจำใบหน้าของฆาตกรรึเปล่า
โชแปง : ชะ... ชะ... ใช่ ใช่แล้ว (มือที่หยิบถ้วนโกโก้ขึ้นดื่มของเขาสั่นเทา)
อุ้ม : และจากภาพทำประวัติอาชญากรที่คุณได้ผ่านตามาตลอดสองชั่วโมงนี้ มีใบหน้าของเขาอยู่หนึ่งในนั้นหรือไม่
โชแปง : มะ... มะ... มี (เขาหลับตาเหมือนพยายามลบภาพของฆาตกรออกไปจากความทรงจำ)
อุ้ม : (ยิ้มอย่างมีชัยชนะ) คุณกล่าวเอาไว้ในเหตุการณ์นั้นว่าคุณจะทำให้ชายที่ทำให้ประธานาธิบดีเสียชีวิตต้องชดใช้ ชื่อของเขาจะทำให้ความตายของเขานี้ไม่สูญเปล่า ประธานาธิบดีและผู้บริสุทธิ์คนอื่นที่ต้องสังเวยชีวิตไปกับความบ้าเลือดของชายใจร้ายคนนี้ คำให้การจะทำให้ความโอหังของเขาเป็นเพียงความน่าสมเพชเมื่อเขาคุกเข่าอ้อนวอนชีวิต มีเพียงคุณเท่านั้นที่คลี่คลายทุกสิ่ง ชื่อของเขาคืออะไร
โชแปง : (ข่มความกลัวเอาไว้) สะ... สะ...
อุ้ม : ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ฉันเชื่อว่าคุณมีอำนาจเหนือความกลัว ในที่นี้เขาไม่อาจทำลายคุณได้ เราต้องการชื่อของเขา เพื่อผู้บริสทธิ์ไงล่ะ เพื่อให้เขาได้ชดใช้ทุกสิ่งที่เขาได้ทำลาย แล้วเราจะร่วมหัวเราะบนความล้มเหลวของเขา เมื่อความยโสอันน่าสมเพชของเขาหักหลังเขา และเขาต้องยอมสยบใต้ฝ่าเท้าของเรา ของกฎหมาย มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้ คุณคงไม่อยากทำให้ทุกอย่างกลับไปล้มเหลวใช่ไหม พูดออกมาเลย
โชแปง : สะ...
อุ้ม : พูดออกมาเลย! ให้ตายสิโชแปง ตลอดเวลาที่ผ่านมารู้ไหมว่าฉันเคยผ่านสถานการณ์แบบคุณมามากขนาดไหน รู้ไหมว่ากว่าฉันจะมาถึงจุดนี้ได้ ฉันต้องเผชิญกับความกลัวมามากขนาดไหน ฉันต้องยอมให้ทุกคนเรียกฉันว่ายัยปิศาจ แล้วรู้ไหมเพราะอะไร เพราะฉันเป็นคนเดียวที่ควบคุมสถานการณ์ได้ไงล่ะ ฉันรู้ตัวดีว่าฉันสำคัญ และคุณเองก็สำคัญ หากคุณมีกำลังในการต่อสู้แบบฉัน คุณจะชนะทุกความกลัว มันเป็นแค่ชื่อ โชแปง พูดออกมาเลย!
โชแปง : สแวกกิ้งโยโล่!
อุ้ม : อะไรวะ
โชแปง : สแวกกิ้งโยโล่โย่สแวกโย่สแวกกิ้ง
อุ้ม : ___เป็น___อะไรวะไอ้ฝรั่ง___ ___เจ๋งนักเหรอ ให้ตายเถอะไอ้____________ ฉันอุตส่าห์ฝากความหวัง___ให้แกแล้วแกกลับมา___มัน ไอ้___เลว___ พ่อแก___บีโทเฟ่น แม่แกเป็นหนูแฮมสเตอร์ ลูกแก___และ___ ฉันจะตัด___แกแล้วเอาไปให้___กิน แล้วแกอย่าหวังนะว่าฉันจะ_______เพราะแกมันไอ้______ บ้าที่สุด ___ ___ ___ ไอ้ฝรั่ง___ กลับบ้านไปเล่นเปียโนไป๊
โชแปง : สแวกกิ้งโยโล่สแวกสแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโย่โย่สแวกโลโย่โยโล่สแวกสแวกสแวกกิ้งกิ้งโยสแวกโยสแวกกิ้งกิ้งโยโล่โยโล่สแวกสแวกโยโล่โยโล่โยโล่สแวก สแวกกิ้งโยโล่สแวกสแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโล่โยโล่สแวกกิ้งสแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโล่...
หลายวันต่อมาห้องสี่ทับสองก็ถูกเรียกขึ้นศาลที่ชุมนุมรักษากฎหมายแห่งโรงเรียนเจริญพวงในฐานะตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเพลิงไหม้โรงเรียน ในตอนแรกหมอกและธามเป็นกังวลในเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะคลี่คลายเมื่อพ่อของการันต์ซึ่งเป็นสุลต่านจัดหาทนายฝีมือเป็นหนึ่งในยุทธภพมาสู้คดีให้ หมอกถามชื่อของทนายแต่การันต์บอกว่าจำไม่ได้ ธามบอกว่าการันต์ลืมตัดผมนานเกินไปจนหญ้าขึ้นสมอง ถึงกระนั้นทุกคนก็ดูประหม่า จะมีก็แต่สมชายที่ดูจะเชื่อมั่นว่าโชค ไม่สิ ฝีมือการปกปิดหลักฐานจะเข้าข้างพวกเขา
ในวันพิจารณาคดีนักเรียนห้องสี่ทับสองทุกคนรวมตัวกันนั่งในห้องพิจารณาคดี ทุกคนลุกขึ้นทำความเคารพเมื่ออาจารย์ระเบียบซึ่งเป็นผู้พิพากษาเดินเข้ามาประจำตำแหน่ง อิงฟ้าถ่ายรูปคู่กับทนายซึ่งเธอจำชื่อไม่ได้หลังจากถามแล้วห้ารอบ สมชายนั่งเท้าคางอย่างเซ็ง ฝ่ายนักสืบต้องพยายามมากในการจะเอาผิดพวกเขาได้
พยาบาลอาสาที่สมชายเจอในตอนที่หนึ่งลุกขึ้นพูด “จากคำให้การของพยานปากเอก เราอาจสืบหาชื่อจริงของฆาตกรได้คะ” พยาบาลเปิดเสียงที่อัดไว้ ทั้งห้องเงียบเพื่อรอฟัง “...สแวกกิ้งโยโล่สแวกสแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโย่โย่สแวกโลโย่โยโล่สแวกสแวกสแวกกิ้งกิ้งโยสแวกโยสแวกกิ้งกิ้งโยโล่โยโล่สแวกสแวกโยโล่...” หมอกพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่พยานพูด “...โยโล่โยโล่สแวก สแวกกิ้งโยโล่สแวกสแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้งโยโล่สแวกกิ้ง...”
ทนายถาม “พยานบอกว่าประธานาธิบดีเป็นคนเผาโรงเรียนหรือ” พยาบาลบอก “ดิฉันเปิดผิดท่อนค่ะ” กรอย้อนเสียงกลับไป
เทปหยุดกรอและมีเสียง “...พ่อแก___บีโทเฟ่น แม่แกเป็นหนูแฮมสเตอร์...” พยาบาลทำหน้าเซ็ง “กรอไปอีกหน่อยนะคะขอเวลาสักนิด”
ทนายมือหนึ่งพูดขัดขึ้น สมชายตั้งใจดู ถึงเวลาแล้วที่เขาจะแสดงฝีมือ “ผมว่าเราเสียเวลากับเรื่องไร้สาระกันมาพอแล้วนะครับ เรามาฟังอะไรที่เป็นรูปธรรมและมีแก่นสารมากกว่านี้กันดีกว่า” พยาบาลถามด้วยสีหน้าโกรธ “มิทราบว่าคุณเป็นใครกล้าดียังไงมาขัดดิฉัน”
ทนายยิ้มและใช้มือปรับเน็กไทเพื่อให้ดูเท่ “พวกคุณไม่รู้จักชื่อของผมกันรึครับ ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าผมเคยเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนเจริญพวงแห่งนี้ ชื่อของผมคือคุณคมคาย คมคมน์คตคนธ์คง ผมเชี่ยวชาญในคดีประเภทนี้เป็นพิ...”
หมอกตะโกนขัดขึ้นว่า “เดี๋ยวๆ เมื่อกี้คุณบอกคุณชื่ออะไรนะ” ทนายบอก “คุณคมคาย คมคมน์คตคนธ์คง” พยาบาลส่ายหน้าในความไม่รู้เรื่องของคนพวกนี้ บอกกับหมอกว่า “ง่ายจะตายหมอก คุณคมคาย คมคมคงคมคมน์”
ทนายหันมามองพยาบาล “ไม่ใช่ครับ ดูปากทนายนะครับ คุณคมคาย คมคมน์คตคนธ์คง” ทุกคนพยายามพูดตาม และอารมณ์เสียมากเมื่อทนายมาบอกกับตนว่าพวกเขาฟังชื่อของทนายไม่รู้เรื่อง
ธามลุกขึ้นตะโกนว่า “ไอ้พวกโง่! คุณคมคาย คมคมน์คตคนธ์คม” ทนายหันมาบอกกับธามว่า “ใกล้เคียงครับ อีกนิดเดียว” ธามด่าทนายว่าชื่อโง่ๆอย่างนี้เอาเวลาพ่อแม่ที่ใช้ตั้งไปพัฒนาสมองน่าจะดีกว่า
ห้องพิจารณาคดีเริ่มโกลาหล ทำให้อาจารย์ระเบียบต้องใช้ค้อนไม้ทุบเพื่อให้ทุกคนรู้ตัวว่าควรเงียบ เมื่อทุกคนเงียบอาจารย์ก็ถือโอกาสบ่น “ไม่มีสำนึกเลยนักเรียนพวกนี้ เชิญพูดต่อได้ คุณคมคิด...” ทนายแก้ “คุณคมคาย คมคมน์คตคนธ์คง”
อาจารย์นิ่วหน้า “อะไรนะ” ทนายพูดอีกรอบ “คุณคมคาย คมคมน์คตคนธ์คง” อาจารย์ถาม “แปลว่าอะไร” ทนายนิ่วหน้า “ชื่อของผมมันเกี่ยวอะไรกับคดีด้วย”
ผู้พิพากษาโบกมือพลางหัวเราะ “ฉันแค่ถามเพราะอยากรู้น่ะ คนแก่ก็อย่างนี้แหละ เจออะไรแปลกๆก็ถามนิดถามหน่อย ว่าแต่เธอไม่โกรธใช่ไหม” ทนายยิ้มอย่างมีมารยาท “ไม่โกรธหรอกครับ ว่าแต่อาจารย์จำไม่ได้หรือครับว่าเคยประจำชั้นผม”
อาจารย์ทำตาโต “จริงเหรอ เมื่อไหร่น่ะ” ทนายบอก “เจ็ดปีที่แล้วครับ ห้องมอห้าทับเจ็ด” อาจารย์พยายามนึกแล้วก็พยักหน้า แต่จริงๆนึกไม่ออก “ใช่ๆ เธอคนที่ทรงผมเกาหลีๆใช่ไหม” ทนายส่ายหน้า “นั่นมันอาจารย์วีนาครับ”
อาจารย์ระเบียบหัวเราะ “คนแก่ก็หลงๆลืมๆอย่างนี้ล่ะนะ ขอโทษๆ ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ บอกหน่อยเผื่อฉันจำได้” หนายถอนหายใจ “คุณคมคาย คมคมน์คงคนธ์คง” อาจารย์พยายามนึกอีกรอบ “นึกไม่ยักออก อ้อลืมเลย พูดถึงเรื่องคดีต่อ...”
ทนายดีใจที่ในที่สุดก็วกมาเรื่องการงานสักที “ครับ จากหลักฐานที่น้องผู้หญิงหน้าโหดคนนั้นนำมาให้ทุกคนได้รับรู้ ซึ่งไม่ได้เรื่องเลยนั้น ผมสรุปจากความเห็น...” อิงฟ้ายกมือขึ้นขัด “เดี๋ยวก่อนค่ะ เมื่อสักครู่พี่บอกชื่อพี่ไม่เหมือนเดิม” ทนายเริ่มเซ็ง “ผมบอกว่าผมชื่อคุณคมคาย คมคมน์คตคนธ์คง” อิงฟ้าพยักหน้า “ใช่คะ แต่เมื่อกี้พูดอีกอย่างนึง พี่บอกว่าพี่ชื่อคุณคมคาย คมคมน์คงคนธ์คง ตกลงพี่ชื่ออะไรกันแน่คะ”
หมอกค้าน “พี่เขาก็พูดเหมือนเดิมทุกครั้งแหละอย่ามัวเสียเวลากับเรื่องแบบนี้เลย” อิงฟ้าหันมา “เราได้ยินว่ามันไม่เหมือนเดิมนี่ ใช่ไหมต้อง” ต้องลุกขึ้นมาเต้นแล้วเพลงดิสโก้ดังขึ้นบอกว่า “ใช่ๆๆๆๆ” หมอกถอนหายใจ “ทำไมต้องทะเลาะกันในเรื่องแบบนี้ด้วย” อิงฟ้าเริ่มโกรธ “หมอกคิดว่าตัวเองถูกทุกเรื่องเลยใช่ไหม คิดว่ามีทำตัวเหตุผลแล้วมันเท่นักรึไง” ทนายพูดต่อ “คดี...” อิงฟ้าหันไปตะคอก “หุบปากไปเลย เราไม่ต้องคุยกันแล้วหมอก เราเข้าใจ” แล้วอิงฟ้าก็นั่งและไม่พูดอะไรอีกเลย
ทนายถือโอกาสพูดต่อ “คดี...” หมอกพูดขัดขึ้น “แล้วทำไมอิงต้องเอาแต่ใจวะ แค่เรื่องโง่ๆอย่างชื่อคนเนี่ยต้องขุดขึ้นมาทะเลาะด้วยเหรอ คุณคมคิดอะไรเนี่ย...” ทนายแก้ “คุณคมคาย...” หมอกหันไปตะคอก “หุบปากไปเลย แล้วทำตัวให้คนอื่นพึ่งพาได้มันมีอะไรผิดวะ เวลาอิงมีอะไรก็มาหาเรา เราแบ่งเวลาให้ทุกคนเท่ากัน แค่นั้นยังเป็นเหตุผลไม่พออีกเหรอ อิงต้องการอะไร ถ้ายังทำตัวไม่มีเหตุผลอย่างนี้เราก็ไม่อยากคุยเหมือนกัน” หมอกนั่งลงและไม่พูดอะไรอีก ทนายถือโอกาสพูดต่อ “คดี...” เสียงระฆังดังขึ้นพร้อมเสียงตะโกนว่า “หมดเวลาพิจารณาคดีแล้วจ้า”
การพิพากษาต้องเลื่อนไปเป็นครั้งหน้า การันต์พอใจกับผลงานของทนายมากจนถึงกับต้องไปขอลายเซ็น เมื่อได้ลายเซ็นมาก็สงสัยว่า “พี่เซ็นผิดหรือเปล่า ไม่เห็นเหมือนชื่อพี่” ทนายพูดชื่อของตัวเองอีกรอบและการันต์ก็ยังคิดว่าลายเซ็นไม่เหมือนกับที่ได้ยิน ต้องขอให้ทนายเล่าประสบการณ์ “จะบอกอะไรให้ พี่เจอมาจะสิบคดีแล้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไรเวลาหมดตลอด”
“เอาตัวรอดไปได้ครั้งหนึ่งนะ” สมชายที่กำลังฟุบนอนอยู่เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง อุ้มนั่นเอง “แต่อย่าคิดว่าคน___ๆอย่างนายจะ______ไปได้ทุกครั้ง ครั้งนี้ฉันพลาดเอง ฉันมานึกออกที่หลังว่ามอเตอร์ไซค์___นั้นเป็นมอเตอร์ไซค์คันโปรด___ของนาย แต่มันก็ไม่พอที่จะเอาหัว___ของนายไปไว้ในคุก___” สมชายนึกอะไรเท่ๆจะพูด แต่นึกไม่ออก “ไม่มี___จะพูดเหรอ นึกออกแล้ว___มาบอกละกัน” แล้วอุ้มก็เดินออกไปพร้อมกับเล้ง สมชายสบตากับเธอครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะเดินลับออกไปจากประตูไม้บานใหญ่ซึ่งปิดตามหลัง
ความคิดเห็น