ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 59


    CR.SHL

    - Chapter 6 -

     

                ครืด...ครืด...

     

                ภายในห้องสีเหลี่ยมที่เงียบสนิท นอกจากเสียงหายใจของชายหนุ่มเจ้าของห้องและเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดำเนินอยู่ยังมีเสียงสมาร์ทโฟนสีขาวที่กำลังสั่นอยู่

     

    ชายหนุ่มผิวแทนร่างสูงในเสื้อยืดสีเหลืองกับกางเกงยีนส์ตัวโปรดที่กำลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนุ่มของตัวเองก็ต้องละความสนใจจากหนังสือตรงหน้าและปรายตามองสมาร์ทโฟนสีขาวของตัวเองที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ

     

    เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหน่ายๆและวางหนังสือลงในที่สุดก่อนจะพาร่างสูงๆของตัวเองไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ

     

                หนังสือมากมายถูกกองระเนระนาดอยู่บนโต๊ะอย่างไม่เป็นระเบียบ บางเล่มก็ถูกเปิดไว้ราวกับเพิ่งถูกอ่านมาหมาดๆกับแก้วกาแฟที่ไม่ได้ถูกล้างมาตั้งแต่เมื่อคืน อุปกรณ์เครื่องเขียนทั้งดินสอและปากกาบ้างก็ถูกวางไว้ระเนระนาดปะปนกับหนังสือ บ้างก็ถูกใส่ไว้ในแก้วที่ตั้งอยู่ข้างๆโคมไฟตั้งโต๊ะ

     

                มือหนาสีแทนยื่นไปหยิบสมาร์ทโฟนสีขาวที่วางคว่ำหน้าอยู่กับโต๊ะและยังคงสั่นไม่หยุดก่อนจะหงายหน้าจอขึ้นมาดูชื่อผู้โทรเข้า

     

                << Doffy >>

     

                เมื่อเห็นชื่อที่คุ้นเคยโชว์หราอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนของเขาเขาก็กดรับสายและเอาสมาร์ทโฟนมาแนบหูโดยไม่พูดอะไร

     

    โดยไม่รอช้าเจ้าของสายรีบกล่าวทักทายแบห้วนๆตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอตามแบบฉบับเจ้าตัว

     

                ไง...หึๆ


                เสียงกวนประสาทดังกรอกหูเจ้าของสมาร์ทโฟนทง่าลอว์ยังคงนิ่งเงียบไม่ไหวติ่งและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

     

                แกหายหน้าหายตาไปเลยนะ 3 วันนี้น่ะ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง อกหักมารึไง? หึๆ

     

                ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าแค่พูดกวนประสาทเพื่อหยอกเล่นๆเท่านั้นแต่ทำไมอยู่ๆในใจมันก็เจ็บแปล๊บขึ้นมากันนะ...

     

                แต่ก็ถูกต้องตามที่หมอนั่นพูดมานั่นล่ะ...เขาไม่ได้ออกจากห้องไปไหนมาสามวันแล้วอาหารหรือของกินก็ไม่แตะเลยแม้แต่ปลายเล็บ ก็เจอเหตุการณ์แบบนั้นเข้าไป..เป็นใครใครก็ต้องรู้สึกเจ็บทั้งนั้นแหละ แล้วยิ่งอยู่ๆไปรุกเขาแบบนั้นจะยิ่งทำให้เขาเกลียดเอาน่ะสิ...

     

    ลอว์สะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไปก่อนจะยกมือขึ้นยีผมสีดำขลับของตัวเอง

     

    ทั้งๆที่พยายามลืมมาตลอดแต่กลับทำไม่ได้เสียที ในหัวของเขามีเพียงใบหน้าหวานที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตาของเด็กคนนั้น...ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง แต่...ในใจลึกๆแล้วเขาก็แอบเป็นห่วงหมอนั่นอยู่ไม่น้อย

     

    ลูฟี่...จะเป็นยังไงมั่งนะ?

     

                เฮ้ยๆ อย่าเงียบสิวะ เสียงปลายสายดังกรอกหูลอว์อีกครั้งปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ เออ ยังไงก็ช่างเถอะ ฉันแค่จะโทรมาบอกแกว่าฉันเห็นเสื้อกันหนาวสีเทาที่แกเคยบ่นว่าอยากได้อยากได้หนาที่ร้านพังค์ ช้าหมดอดไม่รู้ด้วยนะ หึหึหึ

     

                พูดจบก็กดตัดสายไปทันที เป็นอันว่าบทสนทนาครั้งนี้เหมือนอีกฝ่ายจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า...

     

                ลอว์วางสมาร์ทโฟนไว้ที่เดิมที่มันเคยวางอยู่แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงฝังร่างของตัวเองลงบนเตียงนุ่มก่อนจะเอาใบหน้าได้รูปนั่นฝังลงบนผ้าห่มหนาๆของตัวเอง

     

    ในหัวก็พลางคิดถึงแต่เรื่องเมื่อสามวันก่อน ยิ่งพยายามลืมกลับยิ่งจำ ยิ่งพยายามไม่คิดถึงกลับยิ่งคิดถึง ให้ตายสิ โลกนี้มันกลับตาลปัดไปหมดแล้วหรือไงนะ

     

    ลอว์พลิกตัวนอนหงายเหม่อมองเพดานอันว่างเปล่าก่อนมือหนาสีแทนคู่เดิมจะยกขึ้นยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด หงุดหงิดตัวเองชะมัด...

     

                เขาลุกออกจากเตียงเดินตรงไปยังโซฟายาวสีดำแล้วหยิบเสื้อกันหนาวสีเหลืองสลับดำที่พาดไว้กับพนักพิงและหมวกขนสัตว์สีขาวใบโปรดมาสวมก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้องโดยไม่ลืมที่จะหยิบกุญแจรถกับกุญแจห้องที่ห้อยติดกันไว้มาด้วย

     

                เขาติดสินใจแล้ว...ออกไปซื้อเสื้อกันหนาวสีเทาตัวนั้นก็ยังดีกว่านอนเป็นผักอยู่ในห้องนี้ล่ะนะ ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยนี่นา

     

    อีกอย่าง...อยู่เฉยๆแบบนี้ก็มีแต่จะคิดเรื่องสามวันก่อนนั้นเปล่าๆ ออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้างก็คงจะไม่แย่เท่าไหร่


                เมื่อลอว์เปิดประตูห้องออกมาเขาก็ต้องพบกับข้าวกล่องจำนวนมากแขวนอยู่กับกลอนประตูจากข้างนอก ซึ่งบางกล่องดูเหมือนจะเสียแล้ว...แต่บางกล่องก็ยังดูใหม่ๆอยู่

     

    เขาเลือกที่จะไม่สนใจข้าวกล่องเหล่านั้นและเดินตรงไปยังลิฟท์โดยไม่ลืมที่จะล็อคประคูห้องก่อนไป

     

    ไม่นานลิฟท์ก็มาหยุดอยู่ที่ชั้นล่างสุด ประตูลิฟท์เปิดออกช้าๆและทันทีที่มันเปิดออกมากพอจะให้เขาเอาตัวผ่านมาได้เขาก็รีบสาวเท้ายาวๆของตัวเองออกมาก่อนจะตรงไปยังลานจอดรถของคอนโดที่เขาอาศัยอยู่

     

     

     

                รถบีเอ็มสีดำคันสวยมาจอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้ดินของห้าง ลอว์ก้าวลงมาจากรถและล็อคมัน ขายาวๆพาร่างของเขาตรงไปยังทางเข้าห้าง

     

    ในหัวก็คิดแต่เรื่องเมื่อสามวันก่อนอย่างหยุดไม่ได้ อา..ทั้งๆที่ออกมาเพื่อลืมเรื่องนั้นแท้ๆแต่ก็ยังลืมไม่ได้ คิดได้อย่างนั้นคิ้วหนาของเข่ก็ขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง หงุดหงิด..หงุดหงิดตัวเองชะมัด!

     

    ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ลืมไม่ได้เสียที ไม่มีทาง...เขาไม่มีทางลืมเรื่องนั้นได้แน่ๆ...

     

                ลอว์เดินไปตามทางในห้างโดยมีจุดมุ่งหมายคือร้านพังค์ที่มีเสื้อกันหนาวสีเทาตัวที่เขาอยากได้มาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในแคตตาล็อกของนิตยาสารฉบับหนึ่ง

     

                แต่ตอนนั้นเองสายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเสียนี่...

     

    เด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของเรือนผมสีดำขลับ ดวงตากลมโตคู่สวยที่เข้ากับใบหน้าได้อย่าลงตัว นัยน์ตาสีดำสนิททอประกายราวกับท้องฟ้ายามราตรีที่ดารดาษด้วยดวงดาวนับล้าน ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อและพวงแก้มใสทั้งสองที่ขึ้นสีแดงจางๆบ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวา...

     

    ลูฟี่ในเสื้อยืดสีแดงลายการ์ตูนกับกางเกงยีนส์สามส่วนที่เขามักจะใส่ประจำและหมวกฟางใบเก่าเป็นเอกลักษณ์กำลังยืนเลือกไอศกรีมพลางคุยกับพนักงานอย่างร่างเริงตามแบบฉบับเจ้าตัว

     

    เด็กบ้า...คนเขาอุส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ

     

    แต่เห็นแบบนี้ก็โล่งใจขึ้นมาในระดับหนึ่งล่ะนะ ลอว์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เขาดีใจที่ลูฟี่ไม่ได้คิดมากเรื่องสามวันก่อน...เหมือนเขา...

     

                แต่ดีใจได้ไม่นานลอว์ก็ต้องเม้มริมฝีปากแน่น ในใจก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาเสียอย่างนั้นราวกับถูกหยิกด้วยมือที่มองไม่เห็น เขาหันหน้าหนีไปอีกทางและลากขาวยาวๆของตัวเองออกจากตรงนั้น...


    แน่ล่ะ วันนั้นก็เกือบจะไปทำอะไรไม่ดีกับเขาแล้ว ไม่มีทางที่ลูฟี่จะอยากเห็นหน้าเขาอีกแน่ๆ...

     

    ลูฟี่...จะต้องเกลียดเขาแน่ๆ...


           “โอ่ยยยยย โทราโอะ!

     

                เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นไล่หลังมาทำเอาลอว์ถึงกับสะดุ้งเฮือกจนการก้าวเท้าของเขาถึงกับสะดุดไม่ครู่หนึ่ง แต่ก็จำใจต้องเดินออกมา...เขาเม้มริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะรีบสาวเท้าเร็วขึ้นกว่าเก่า

     

    เสียงหวานเมื่อครู่หายไปแล้ว...ดีแล้วล่ะ...

     

    นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้ยินเสียงของเด็กนั่น เขาจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอันสดใสนั่นอีก เขาจะไม่ได้เห็นดวงตาทอประกายนั่นอีก เขา...จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกแล้ว...

     

    อา...รู้สึกเจ็บยังไงก็ไม่รู้แฮะ...

     

                “โทราโอะ!

     

                เสียงตะโกนของลูฟี่ดังขึ้นในระยะเผาขนทำเอาลอว์สะดุ้งเฮือกจนต้องหยุดการก้าวเท้าของตัวเองแต่ยังไม่ทันที่เขาจะหันไปหาต้นเสียงเจ้าตัวก็โผล่มาพร้อมกับถาโถมใส่เขาจากข้างหลังทพเอาร่างของทั้งสองล้มลงไปนอนกับพื้นเรียกสายตาจากคนรอบข้างให้หันมามองเป็นตาเดียว


    ลอว์ส่งเสียงโอดครวญเบาๆในลำคอด้วยความเจ็บ ส่วนลูฟี่ที่นั่งทับร่างของลอว์อยู่ก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่อีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจทั้งๆที่คนที่ไม่พอใจน่ะควรจะเป็นฝ่ายที่กำลังถูกนั่งทับอยู่ตอนนี้ต่างหาก...

     

                “ทำบ้าอะไรของนาย!?”

     

                ลอว์ตะคอกพลางเงยหน้าขึ้นมองร่างบางที่กำลังนั่งทับเขาอยู่แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อพบกับใบหน้าหวานที่กำลังจ้องเขากลับด้วยดวงตากลมโตคู่สวย ถึงแม้จะมีประกายความไม่พอใจอยู่ในแววตาคู่นั้นแต่มันก็ยังคงทอประกายไม่แพ้ดวงดาวบนท้องฟ้าเลยแม้แต่ดวงเดียว...

     

    คิ้วบางทั้งสองขมวดเข้าชนกันมุ่น ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อบุ้ยออก พวงแก้มใสทั้งสองข้างพองออกและขึ้นสีแดงจางๆบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

     

                “นายนั่นแหละที่ผิด! ฉันตะโกนเรียกนายตั้งหลายรอบ ใครใช้ให้นายไม่ได้ยินฉันล่ะ!

     

                พูดจาเอาแต่ใจเสียจริง...

     

                ลอว์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหน่ายๆให้กับความเอาแต่ใจของคนตรงหน้าแต่ก็ยอมแพ้แต่โดยดีเพราะเขารู้ดีว่าไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะเอาชนะความเอาแต่ใจของลูฟี่ได้

     

                “โอเคๆ ฉันผิดเอง แต่ตอนนี้ลุกออกไปได้แล้ว...”

     

                “โอ๊ะ จริงด้วย ฉันนั่งทับนายอยู่นี่นา โทษทีๆ ชิชิชิ”

     

                ลูฟี่พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างและหัวเราะตามแบบฉบับเจ้าตัวก่อนจะลุกออกจากตัวอีกฝ่ายแต่โดยดีปล่อยให้ลอว์เป็นอิสระในที่สุด

     

    ฝ่ายลอว์เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ลุกขึ้นปัดฝุ่นตามเนื้อตัวและเก็บหมวกขนสัตว์สีขาวที่หล่นอยู่ข้างๆขึ้นมาสวมโดยไม่ลืมที่จะจัดทรงให้มันเข้าที่

     

    ลอว์มองใบหน้าระบายยิ้มของลูฟี่ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แบบนี้สินะ...ที่เขาเรียกว่า ปลงน่ะ...เพิ่งจะได้รู้ความหมายของคำนี้ก็วันนี้นี่แหละ

     

                ลอว์ยังคงเดินต่อไปโดยมีจุดมุ่งหมายเดิมคือร้านพังค์แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเขามีเจ้าลิงตัวแสบที่เดินตามเขาเป็นเงาและคุยจ้อไม่หยุดตลอดเวลามาด้วยนี่สิ

     

    ลูฟี่ยังคงคุยกับเขาปกติและยังยิ้ม หัวเราะราวกับเมื่อสามวันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่เกือบโดนเขา...

     

                “โทราโอะ นายเคยกินไอนี่รึเปล่า? ฉันว่ามันอร่อยมากเลยล่ะ...”

     

                เสียงของลูฟี่ดังขึ้นปลุกลอว์ให้ตื่นจากภวังค์ ลอว์สะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป เขาหันไปมองลิงตัวแสบที่กำลังสาธยายเรื่องของกินอย่างไม่รู้จบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

     

    แต่แล้วคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันช้าๆเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้...

     

    ลูฟี่ไม่ชอบอยู่คนเดียว? ดูจากพฤติกรรมของลูฟี่ในวันแรกที่เจอกันในสวนสาธารณะก็รู้แล้วว่าเขาไม่ชอบอยู่คนเดียว แต่เท่าที่เห็นเมื่อกี้ลูฟี่อยู่ที่ร้านไปศกรีมคนเดียวนี่...เป็นไปไม่ได้แน่ๆที่หมอนี่จะมาคนเดียวน่ะ หรือว่าถูกพี่ชายสองคนนั้นทิ้งอีกแล้ว..?

     

                “นายมาคนเดียวหรอ?”

     

                ลอว์ถามออกไปอย่างอ้อมๆแม้ในใจจะเป็นห่วงคนตัวเล็กใจแทบขาดแต่เพราะไม่อยากให้เขารู้จึงทำได้เพียงถามออกไปอ้อมๆแบบนั้น ในใจก็คิดว่าถ้าถามไปตรงๆยังไงอีกฝ่ายก็คงไม่รู้หรอก...ก็ซื่อบื้อซะขนาดนี้นี่ แต่เพลย์เซฟไว้ก่อนคงจะดีกว่า

     

    ฝ่ายลูฟี่ที่กำลังคุยจ้ออยู่ก็ต้องหยุดการกระทำของตัวเอง เขากระพริบตาปริบๆมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง

     

                “อ๋อ ไม่ใช่หรอก จริงๆฉันมากับนามิและอุซปปน่ะ แต่ดันหลงกันซะได้นี่ ชิชิชิ”

     

                ก็สมกับเป็นหมอนั่นแหละนะ...

     

                ลอว์ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆแต่ก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อปล่อยให้อีกฝ่ายคุยจ้อต่อไปอย่างไม่หยุดไม่หย่อน แต่เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแหละนะ...ช่วงสามวันมานี้ไม่มีเสียงแบบนี้มาคอยกวนเขาเลย รู้สึกเคว้งๆยังไงชอบกลเหมือนกัน

     

                ไม่กี่นาทีต่อมาฝีเท้าของทั้งสองก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าจุดหมาย...ร้านพังค์

     

    มันเป็นร้านที่ไม่ใหญ่หรือโดดเด่นอะไรมากนักและถูกตกแต่งด้วยโทนสีเทาเรียบๆดูอึมครึมเล็กน้อยแบบเดียวกันกับห้องนอนของลอว์ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าแต่ลอว์มาเจอร้านนี้หลังจากที่เขาแต่งห้องของตัวเสร็จได้ไม่นาน

     

    แม้ราคาของเสื้อแต่ละตัวนั้นจะแพงหูฉี่แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยสักนิด เขามักจะมาร้านนี้กับโคราซอนบ่อยๆ มันเป็นร้านประจำของเขา

     

                ไม่รอช้าลอว์ตรงปรี่ไปยังเสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีเทาที่แขวนเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบบนราวแสตนเลสก่อนจะหยิบมันขึ้นดูอย่างไตร่ตรองแล้วนำมาทาบกับร่างของตนทีละตัวๆเพื่อหาขนาดที่พอดีตัว

     

                “ทำไมนายไม่ลองล่ะ? ทาบไปแล้วมันได้อะไรเล่า” เสียงใสที่คุ้นเคยดังขึ้นเป็นเรื่องปกติของลูฟี่ที่เสียงมักจะมาก่อนตัวเสมอ แล้วลูฟี่ก็โผล่มาพร้อมกับมือบางทั้งสองที่ประสานกันไว้หลังหัว “เดี๋ยวฉันช่วย ชิชิชิ”

     

                ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้างที่กว้างจนแทบจะไปถึงใบหูทั้งสองก่อนจะหยิบเสื้อกันหนาวในมือหนาของอีกฝ่ายไปไว้ในมือของตัวเองอย่างถือวิสาสะ

     

    เขาจัดการใส่มันให้ลอว์ทีละตัวๆซึ่งลอว์ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เขายืนอยู่นิ่งๆให้อีกฝ่ายจัดการกับเสื้อผ้าอาภรของตนราวกับภรรยาที่กำลังจัดชุดสูทให้สามีก่อนไปทำงานทุกเช้าที่มักจะพบเห็นกันในหนังบ่อยๆ

     

    อยากทำหน้าที่ภรรยามากรึไงนะ...? เดี๋ยวก็จับทำภรรยาเสียจริงๆเลยนี่...

     

                “อ๊ะ ตัวนี้พอดีตัวเลย”

     

                ลูฟี่พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งเรียกลอว์ให้หลุดจากภวังค์ เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงงๆซึ่งลูฟี่ก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับแบบไร้เดียงสาตามแบบฉบับเจ้าตัว

     

                “นี่ไง ตัวนี้พอดีตัวเลย ไม่เชื่อก็ลองส่องกระจกดูสิ”

     

                ลอว์ทำตามที่ลูฟี่บอก เขามองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าก่อนจะบิดตัวไปมาเพื่อสำรวจว่ามันพอดีตัวอย่างที่อีกฝ่ายว่าหรือเปล่า

     

    และก็ต้องพบว่ามันพอดีตัวอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ แต่ดูเหมือนที่แขนเสื้อจะมีด้ายหลุดออกมานิดหน่อยแฮะ

     

                “แต่ตัวนี้มันมีด้ายหลุดออกมานะ”

     

                “หือ? จริงด้วย งั้นเปลี่ยนตัวดีกว่า”


           ลูฟี่พูดก่อนจะถอดเสื้อออกให้ลอว์แล้วเอามันใส่ไม้แขวนเสื้อไปแขวนไว้ที่เดิม เขาหาเสื้อกันหนาวอีกตัวบนราวที่มีขนาดเดียวกันกับตัวนั้นและเมื่อเจอก็หยิบมันมาให้ลอว์อีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

     

                “อ่ะ ตัวนี้แหละ คราวนี้ไม่พลาดแน่”

     

                ลูฟี่พูดพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย ลอว์หยิบเสื้อมาจากมือลูฟี่และเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานหนุ่มน่าตาดีไม่แพ้ยืนประจำการอยู่

     

    หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเสื้อผ้า ลอว์ถูกลูฟี่ลากไปร้านนู้นร้านนี้เรื่อยเปื่อยซึ่งมีหรอที่ลอว์จะเอาชนะความเอาแต่ใจของลูฟี่ได้น่ะ...ไม่มีทางซะล่ะ

     

    ร้านที่ลูฟี่พาเขาเข้าไปนั้นส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ขายพวกอาหารหรือขนมเสียมากกว่า แน่นอนว่าคนที่ออกค่าใช้จ่ายก็เป็นเขาทั้งหมดนั่นแหละ...

     

    เดินไปได้ไม่นานสายตาเจ้ากรรมของเขาก็เหลือบไปเห็นร้านเล็กๆในตรอกร้านหนึ่ง..

     

                “โทราโอะๆ ตรงนั้นมีร้านขายปลาด้วยล่ะ”

     

                ลูฟี่ที่กำลังเคี้ยวขนมหยุบๆอยู่เต็มปากกระตุกเสื้อลอว์เบาๆมืออีกข้างก็พลางชี้ไปที่ร้านนั้น โดยไม่รอช้าลูฟี่รีบลากอีกฝ่ายตรงไปยังร้านนั้นทันที

     

                ภายในร้านถูกประดับด้วยโคมไฟหลากสีที่ถูกห้อยลงมาตามผนังร้าน ตรงกลางร้านมีโคมไฟระย้าสีสันสวยงามห้อยอยู่ดูตระการตา ตามชั้นมีตูปลา อาหารปลายี่ห้อต่างๆและของตกแต่งตู้ปลาวางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ

     

    ในร้านมีปลาเยอะพอสมควร มีทั้งปลาที่ลอว์เคยเห็นและไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนลูฟี่ก็เดินสำรวจดูตู้ปลาต่างๆอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กตัวน้อยๆที่เพิ่งมาซื้อปลาครั้งแรก

     

                สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่ลอว์ได้ปลามาสามตัว แน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือเขาหรอก...ลูฟี่ตัดสินใจเลือกปลามาสามตัวโดยบอกว่าจะให้ลอว์เลี้ยง แม้ตอนแรกเขาจะปฏิเสธหัวชนฝาแต่มีหรือที่คนอย่างลูฟี่จะยอมน่ะ...

     

    ลอว์ถือตู้ปลาใบใหญ่เต็มทั้งสองมือภายในตู้ปลาที่ยังไม่ได้รับการทำความสะอาดมีอาหารปลาหนึ่งถุง ของตกแต่งตู้ปลา และปลาสามตัวที่ถูกใส่ไว้ในถุงที่มีน้ำวางไว้

     

    เขาทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆให้กับความเอาแต่ใจแบบเด็กๆของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เคยจะปฏิเสธอีกฝ่ายได้เลยสักครั้งเดียว ให้ตายสิ...น่าโมโหตัวเองชะมัด

     

     

     

                “ว้าว ห้องโทราโอะใหญ่จังเลยน้า~

     

                ลูฟี่พูดในขณะที่ตรงปรี่ไปทิ้งตัวลงบนเตียงของลอว์อย่างไม่มีความเกรงใจ ฝ่ายลอว์ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกไป

     

    ลอว์ถอดรองเท้าออกและเตะมันทิ้งให้วางกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบด้วยความเคยชินก่อนจะเดินไปวางตู้ปลาไว้บนโต๊ะกระจกใสที่ยังว่างอยู่โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูห้อง

     

    เขามองเด็กชายตรงหน้าที่กำลังนั่งแกว่งขาไปมาพลางฮัมเพลงอย่างสบายใจเฉิบโดยไม่พูดอะไร

     

                ตอนแรกเขากะไว้แค่ว่าจะไปซื้อเสื้อกันหนาวที่ตัวเองอยากได้เท่านั้นแต่ทำถึงมาลงเอยอย่างนี้ได้นะ...เขาได้ปลากัยมาเลี้ยงให้เป็นภาระเพิ่มสามตัวกับลิงตัวแสบที่มานั่งเล่นอยู่ในห้องเขาโดยที่ไม่มีความเกรงกลัวหลังจากเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อน!

     

                “นี่ๆ โทราโอะ ใส่น้ำแล้วเอาปลาใส่เลยสิ”

     

                ลูฟี่พูดพร้อมกับเด้งตัวออกจากเตียงและเดินตรงปรี่มายังตู้ปลาที่ตั้งอยู่ เขามองปลาตัวน้อยๆสามตัวที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในถุงเล็กๆใบนั้นอย่างตื่นเต้น

     

    ลอว์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะดีดหน้าผากอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง

     

                “โอ๊ย! มันเจ็บนะ!

     

                “ใครเขาทำกันแบบนั้นล่ะ เขาต้องล้างตู้ก่อนต่างหาก”

     

                ลอว์พับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอกเผยให้เห็นรอยสักตรงแขนที่ก่อนหน้านี้เคยถูกซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อที่เขาสวมอยู่ เขายกตู้ปลาไปวางไว้ในห้องน้ำก่อนจะจัดการทำความสะอาดมันโดยใช้ฝักบัวฉีด ส่วนลูฟี่ก็ทำได้แค่มองดูและให้กำลังใจอยู่ข้างหลัง

     

    หลังจากที่ทำความสะอาดตู้ปลาเป็นอันเรียบร้อยแล้วเขาก็ยกตู้ปลาไปวางไว้ที่เดิมและเริ่มใช้ผ้าแห้งเช็ดมัน

     

    ลูฟี่บอกว่าเขาจะเป็นคนตกแต่งตู้ปลา ลอว์ก็ไม่ได้ขัดอะไรเขาไม่ค่อยชอบขั้นตอนนี้มากนักอยุ่แล้วจึงปล่อยให้หน้าที่นี้ตกเป็นของลูฟี่ไป แม้มันจะออกมาดูเละๆไปเสียหน่อยแต่ด้วยความที่ไม่อยากไปขัดความตั้งใจของอีกฝ่ายเขาจึงไม่คิดจะตกแต่งใหม่

     

    ลอว์ค่อยๆเทน้ำลงไปทีละนิดเพื่อไม่ให้ของต้นไม้และสาหร่ายปลอมที่วางลงไปก่อนหน้านี้ล้มลง เมื่อจัดการเทน้ำลงไปเสร็จสรรพเขาก็ปล่อยปลาสามตัวนั้นลงไปทันที

     

                “ว้าว~~

     

                ลูฟี่ที่เกาะตู้ปลาอยู่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นก่อนจะแนบหน้าลงกับตู้กระจกราวกับเด็กน้อยไม่มีผิด..

     

    ลอว์ที่นั่งอยู่บนเตียงมองอีกฝ่ายพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยใจด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

     

    ทั้งๆที่บอกว่าเหนื่อยใจแท้ๆแต่...ในใจมันกลับรู้สึกโล่งๆแปลกๆ อบอุ่น...ราวกับมีดอกไม้ดอกใหญ่กำลังบานสะพรั่งอยู่ในใจของเขา อา...

     

    ไม่ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้หรือได้อยู่ใกล้เด็กคนนี้เขามักจะอยากได้ยินเสียงหัวเราะและอยากเห็นรอยยิ้มนั่นเสมอ...ทำไมกันนะ...

     

    ลอว์ดีใจที่อีกฝ่ายยังคงร่าเริงเหมือนปกติ เขาอยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป เขาอยากเห็นใบหน้าไร้เดียงสานั่น เขาอยากได้ยินเสียงหัวเราะอันสดใสนั่น เขาอยากเห็นรอยยิ้มที่ทำให้ดอกไม้บานได้และดวงตาคู่สวยคู่นั้นที่ทอประกายไม่แพ้ดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน...ตลอดไป

     

    และก็เป็นอีกครั้งที่มุมปากของเขากระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มในองศาเล็กๆอย่างควบคุมไม่ได้

     

                “อ๊ะ จริงสิ โทราโอะ ข้าวกล่องที่ห้อยไว้หน้าห้องนายนั่นทำไมมันเยอะจัง นายไม่กินเลยหรอ?”

     

                ลูฟี่ละความสนใจจากตู้ปลาเขาหันมาหาลอว์พร้อมเอียงคอมองอีกฝ่าย

     

                “อย่าไปสนใจเลยมันเสียหมดแล้ว” ลอว์ตอบข้อข้องใจของอีกฝ่ายก่อนจะลุกขึ้นยืน “ว่าแต่..นายไม่กลัวรึไง? ใครเขาใข้ให้เข้าบ้านของตนแปลกหน้ากัน?”

     

    โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้าที่เกือบจะข่มขืนตัวเองน่ะ...

     

              “บ่นอะไรของนาย” ลูฟี่เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจังคิ้วบางทั้งสองก็พลางขมวดเข้าชนกันมุ่น “นายน่ะ...ไม่ใช่คนแปลกหน้าสักหน่อย”

     

    ลูฟี่ตอบก่อนจะหันมายืนประจันหน้ากับลอว์ มือบางๆข้างหนึ่งก็พลางยกขึ้นจับหมวกฟางใบเก่าที่สวมอยู่ราวกับกลัวมันจะปลิวหายไปเสียตรงนั้น

     

    ~’

     

    สมาร์ทโฟนในกระเป๋าของลูฟี่แผดเสียงบ่งบอกว่ามีคนโทรเข้า เขาสะดุ้งเล็กน้อย มือบางก็ตะปปกระเป๋ากางเกงสามส่วนที่ใส่อยู่ก่อนจะล้วงมือลงไปหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นขึ้นมาดู

     

    ทันทีที่เห็นชื่อคนโทรเข้าที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอใบหน้าจริงจังของเขาเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเหยเกบอกบุญไม่รับสุดๆแทน

     

    เขากดรับสายก่อนจะยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู

     

                ลูฟี่!!! นายอยู่ไหนเนี่ย! อุซปปโทรมาบอกว่านายหายไปเป็นชั่วโมง หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับ!’

     

                เสียงทุ้มต่ำแบบผู้ชายดีงทะลุลำโพงสมาร์ทโฟนออกมาจนลอว์สามารถได้ยินชัดแจ๋วทุกคำโดยไม่ต้องแม้แต่จะเงี่ยหูฟังเลยแม้แต่น้อย

     

    ให้เดาคงจะเป็นคนผมดำสินะ..

     

                “จ..ใจเย็นๆน่า...” ลูฟี่ตอบพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ

     

                นายอยู่ไหน?!’

     

                “ไม่ต้องห่วงน่า ฉันอยู่กับโทราโอะ..”

     

                อะไรนะ!? นายอยู่กับหมอนั่นหรอ? ที่ไหน!?

     

                “คอนโดของ..”

     

                นายอยู่คอนโดของหมอนั่นหรอ!? คอนโดไหน?

     

                ลูฟี่หันมามองหน้าลอว์และกำลังจะอ้าปากถามแต่ลอว์ที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดมาตั้งแต่เริ่มรีบชิงตอบก่อนทันที

     

                “ซาบาวดี้”

     

                “ซาบาวดี้” ลูฟี่ที่ได้รับคำตอบมาอย่างนั้นก็บอกพี่ชายของตัวเองไป

     

                ฉันจะไปรับนายเดี๋ยวนี้แหละ!’

     

                เมื่อคำพูดสุดท้ายของผู้เป็นพี่จบลงลูฟี่ก็กดตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่มีการกล่าวทักทายหรือไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรต่อ

     

                ลอว์เองก็อดสงสัยไม่ได้..ทั้งๆที่วันนั้นเขาเกือบจะข่มขืนหมอนั่นแท้ๆแต่ลูฟี่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่วันนั้นยังตัวสั่นเป็นลูกนกอยู่เลยแท้ๆ

     

    อา...นึกถึงก็ชักจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วสิ...ไม่ได้! ห้ามทำแบบนั้นอีกเด็ดขาด! ควบคุมตัวเองหน่อย...ลอว์ได้แต่สะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไป

     

    แต่...พูดถึงก็รู้สึกอยากลองอะไรบางอย่างขึ้นมาเลยแฮะ...

     

                “อะไรของหมอนั่น..ทำไมต้องโวยวายขนาดนั้นด้วยนะ..”

     

                ลูฟี่พูดก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆแล้วจัดการยัดสมาร์ทโฟนของตัวเองกลับลงไปในกระเป๋ากางเกงยังที่ที่มันเคยอยู่อีกครั้ง

     

    ไม่เห็นจะเข้าใจเลยทำไมต้องโวยวายด้วยนะ เขาก็แค่อยู่กับลอว์เท่านั้นเอง ซาโบยังไม่เห็นจะโวยวายสักแอะเลย...แต่ก็คงเป็นเรื่องปกติของเอสละมั้ง

     

                เมื่อนึกได้ลูฟี่ก็หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาดูเวลาอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้สี่โมงกว่าๆใกล้จะห้าโมงเต็มทีแล้ว บางทีเขาน่าจะลงไปรอเอสข้างล่างอาจจะดีกว่า

     

                “โทราโอะ ฉันจะไปรอเอสข้างล่า..”

     

                พูดไม่ทันจบเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆลอว์ก็พุ่งมาหาเขาและผลักเขาจนชิดกับกำแพง

     

    ทันใดนั้นภาพเมื่อสามวันก่อนก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวของเขาและฉายซ้ำไปซ้ำมา ใช่แล้ว...ไม่ใช่ว่าเขาลืมหรอกนะ...เขาจำมันได่ดีเลยต่างหากล่ะ นั่นเป็นครั้งแรกที่หัวใจของเขาเต้นเร็วขนาดนั้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจู่โจมเขารุนแรงและเร็วไปหน่อยเขาเลยกลัว...

     

    วันนี้เขาคงไม่...

     

                ลูฟี่เม้มริมฝีปากแน่นและรวบรวมความกล้าทั้งหมดเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายและดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง แววตาของชายตรงหน้าไม่ใช่แบบสามวันก่อน...มันเป็นแววตาที่อบอุ่น อ่อนโยน ไม่มีความดุร้ายหรือรุนแรงแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย...

     

    ลูฟี่ไม่อาจละสายตาจากนัยน์ตาสีเทาหินโมราคู่นั้น สรรพเสียงรอบกายพลันอื้ออึงอย่างไร้เหตุผล ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะราวกับว่ามีคนกำลังตีกลองสะบัดชัยแข่งกันอยู่ในอกของเขา

     

                ลอว์ค่อยๆก้มหน้าลงมาหาใบหน้าหานของอีกฝ่ายจนจมูกทั้งสองชนกัน วินาทีนั้นลูฟี่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ทั้งห้องเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นจนเกือบจะหลุดออกมาจากหน้าอกเสียตรงนั้น

     

    แล้วริมฝีปากบางๆของลอว์ก็ประกบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อของลูฟี่อย่างอ่อนโยน หวาน...นอกจากหวานแล้วยังเป็นสัมผัสที่อ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกิน...

     

    ลูฟี่หลับตาลงช้าๆลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่าย แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลอว์เอื้อมมือมาจับท้ายทอยของเขา สอดนิ้วมือมาตามเรือนผมสีดำขลับอันยุ่งเหยิงแล้วลิ้นร้อนของอีกฝ่ายก็ถูกส่งเข้ามาในปากของลูฟี่อย่างอ่อนโยน

     

    อา...หวาน...

     

                ก่อนที่ลมหายใจของลูฟี่จะหมดลงลอว์ก็ถอนจูบออกอย่างติดเสียดายนิดๆ ลูฟี่ได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยใบหน้ามึนๆที่แดงก่ำราวกกับลูกตำลึงสุก ริมฝีปากอวบอิ่มก็อ้าหอบถี่

     

    เมื่อเห็นอย่างนั้นลอว์ก็ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อตรงหน้าทุกเมื่อ เขาเลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ

     

                “คราวนี้ไม่ดิ้นด้วยแฮะ”

     

                ลอว์พูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์จบ ลูฟี่ก็พระพริบตาปริบๆมองอีกฝ่ายอย่างงงๆและทันทีที่ตั้งสติได้ใบหน้าที่แดงก่ำของเขาก็แดงก่ำขึ้นกว่าเดิม

     

                “ท..ท..โทราโอะบ้า! คนผีทะเล! ไอหมอปล้นสวาท!

     

                พูดพร้อมกับทุบอกกว้างของอีกฝ่ายไปแรงๆหนึ่งทีแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รับแรงกระทบกระเทือนนั่นเลยแม้แต่น้อยและเขายังพอใจยิ่งกว่าเก่าเสียอีกที่เห็นใบหน้าแบบนั้นของอีกฝ่าย

     

    ลอว์รวบมือทั้งสองของลูฟี่ไว้ด้วยมือข้างเดียวของเขาแล้วก้มฝังจมูกโด่งเป็นสันลงบนแก้มใสของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ

     

                “เอาล่ะ รีบๆกลับไปได้แล้ว ก่อนที่มันจะค่ำไปกว่านี้”

     

                ลอว์ปล่อยลูฟี่ให้เป็นอิสระจากพันธนาการในที่สุดซึ่งลูฟี่เองก็รีบถอยออกห่างจากลอว์แล้วใช้นิ้วดึงเปลือกตาล่างของตัวเองลงข้างหนึ่งพลางแลบลิ้นใส่อีกฝ่าย

     

    ลูฟี่ปิดประตูใส่ลอว์ก่อนจะเดินลงไปข้างล่างของคอนโดด้วยใบหน้าแดงก่ำ

     

    ให้ตายสิๆ คนบ้าเอ๊ย..ขโมยจูบแรกไปแล้วยังจะมาขโมยจูบกันอีกรอบหรอเนี่ย...ไอหมอหัวขโมย!


    - to be continue -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×