คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
- Chapter 3 –
อีกด้านหนึ่ง ณ สนามบิน
เด็กหนุ่มผมบลอนหยักศกร่างสูงโปร่งที่ตาข้างซ้ายมีรอยแผลเป็นอันใหญ่ในเสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวดูสะอาดสะอ้านยืนถือกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่พลางก้มมองนาฬิกาข้อมือของตนนาทีละไม่ต่ำกว่าสิบครั้งด้วยสีหน้ากระวนกระวายผิดกับเด็กหนุ่มผมดำหยักศกที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างสิ้นเชิง
ดูเหมือนเด็กหนุ่มผมดำจะไม่เป็นกังวลอะไรเท่าไหร่
แถมยังยืนกอดอกด้วยท่าทีสบายๆ
ใบหน้าตกกระไม่ได้เผยออกมาซึ่งความไม่สบายใจเหมือนเด็กหนุ่มอีกคนเลยสักนิด
ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูสนามบิน
ทอดสายตามองดูถนนรอน้องชายตัวแสบของตัวเองมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าไอตัวแสบนั่นจะโผล่หัวออกมาเลยแม้แต่น้อย
ให้ตายสิ...มีน้องชายที่ไม่เอาไหนแบบนี้มันน่าเป็นห่วงจริงๆนั่นแหละ...
“นี่
หมอนั่นจะมาได้จริงๆหรอ”
เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยพลางหันหน้าไปมองเอสด้วยสีหน้าวิตกกังวลผิดกับใบหน้าตกกระนั่นสุดๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า
ซาโบ หมอนั่นมาได้อยู่แล้ว” เอสตอบพร้อมกับฉีกยิ้มบางๆโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย
ฝ่ายซาโบเมื่อได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจขึ้นมานิดหน่อย
แต่ก็แค่นิดหน่อยล่ะนะยังไงก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี
ซาโบไม่ตอบอะไรกลับไปแต่คิ้วหนาๆของเขายังคงขมวดกันมุ่น
เขาหันกลับไปมองถนนที่มีรถผ่านไปผ่านมาเพื่อมองหาน้องชายตัวแสบของตน
แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าหมอนั่นจะโผล่มาจริงๆนั่นแหละ โทรไปก็ดันไม่รับอีก..ให้ตายสิ...
ซาโบได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยใจแต่ไม่วายก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตนบ่อยๆ
ส่วนเอสก็ได้แต่ยืนอ้าปากกว้างหาวหวอดๆจนแมลงวันแทบจะบินเข้าไปไข่ได้
แล้วตอนนั้นเองก็มีรถบีเอ็มสีดำคันสวยมาจอดเทีบท่าอยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก
ทั้งสองไม่ได้สนใจหรือพิศวาสรถสีดำคันนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นรถธรรมดาของคนคนหนึ่ง...
แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดนั้นและหันไปสนใจทันทีเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถนั่นพร้อมกับจักรยานของเขา
เด็กหนุ่มร่างบางผมสีดำขลับ รอยแผลใต้ตาซ้ายคู่สวยที่เป็นเอกลักษณ์...กับหมวกฟางใบเก่า
ไม่ผิดแน่ๆ เด็กนั่นคือน้องชายตัวแสบของพวกเขา!
และไอหมอนั่นก็มากับคนแปลกหน้า!
เอสและซาโบได้แต่มองน้องชายของตนคุยกับคนแปลกหน้าด้วยความงุนงง
หรือจะเป็นเพื่อนกันนะ...แต่หมอนั่นไม่เคยเห็นแนะนำคนคนนี้ให้รู้จักเลย...แถมไอนั่นยังดูอายุมากกว่าพวกเขาตั้งเยอะ
แล้วไอรอยสักตามตัวนั่นมันอะไร..
“โย่!
เอส! ซาโบ!”
ลูฟี่ตะโกนและยิ้มร่าพลางโบกมือไปมาในอากาศเป็นการทักทาย
เขาไม่ได้วิ่งเข้าใส่และกระโดดกอดอย่างทุกครั้ง
นั่นเองทำให้เอสและซาโบถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียว
แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อให้เสียเวลารีบเข้าไปหาน้องชายตัวแสบของพวกเขาทันที
เมื่อได้เข้าใกล้ก็ได้รู้ว่าที่หมอนี่ไม่วิ่งเข้ามาและกระโดดกอดอย่างทุกครั้งเพราะอะไร
ตรงเข่าทั้งสองของเขาถูกแต้มด้วยเลือดสีแดงสดกับรอยช้ำที่ดูเหมือนตะสาหัสอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ซาโบรีบเข้าไปประคองน้องชายของตนทันทีตามมาด้วยเอสที่เข้าไปช่วงจับจักรยานเอาไว้
“เข่านายไปโดนอะไรมาเนี่ย”
ซาโบถามอย่างร้อนรนด้วยท่าทีเป็นห่วง
“อ๋อนี่น่ะหรอ” ลูฟี่พูดพลางก้มมองแผลที่เข่าของตัวเอง
“พอดีฉันซุ่มซ่ามนิดหน่อยน่ะ เลยปั่นจักรยานล้มน่ะสิ ชิชิชิ”
ลูฟี่พูดพลางหัวเราะพลาง
ฝ่ายพี่ชายทั้งสองพอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ก็เพราะมีน้องชายเซ่อซ่าไม่เอาไหนแถมยังซื่อบื้อแบบนี้ไงล่ะ
พี่ชายทั้งสองถึงต้องมาคอยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาแบบนี้น่ะ
“อะไรกัน!
พวกนายจะถอนหายใจทำไมเนี่ย เป็นโทราโอะรึไง!”
“ไอน้องบ้า!
แล้วใครใช้ให้แกซุ่มซ่ามจนพวกเราต้องเป็นห่วงกันเล่า! หา!?” เอสว่าน้องชายตัวแสบของตนก่อนจะประเคนหมัดหนักๆของตัวเองลงกลางหัวของลูฟี่ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“อ๊าก! มันเจ็บนะ! ซาโบยังไม่เคยเขกหัวฉันเลย!”
“แล้วมันทำไมเล่า!”
“นายใจดีเหมือนซาโบบ้างไม่ได้รึไง!”
“ไม่มีทาง!!”
ซาโบได้แต่มองดูพี่ชายและน้องชายของตัวเองเถียงกันไปเถียงกันมาพลางถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ
เป็นพี่คนกลางนี่มันลำบากกว่าที่คิดแฮะ...
“พวกนายใจเย็นๆกันก่อนน่า”
แน่นอน หน้าที่แยกมวยของเอสและลูฟี่มักจะตกเป็นของซาโบเสมอ
ซาโบยิ้มอย่างเหนื่อยใจให้พี่ชายและน้องชายของตนก่อนจะเข้าไปขวางตรงกลาง ให้ตายสิขนาดไม่ได้เจอกันตลอดช่วงปิดเทอมเขาก็ยังต้องมาทำหน้าที่นี้ตั้งแต่เจอหน้ากันเลยหรอเนี่ย...คิดแล้วก็อดขำไม่ได้จริงๆ
“ว่าแต่...เมื่อกี้นายมากับใครน่ะ
ลูฟี่”
ซาโบรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพื่อให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกัน
และดูเหมือนมันจะได้ผล เอสและลูฟี่หยุดทะเลาะกัน
ลูฟี่หันมามองหน้าซาโบพลางกระพริบตาปริบๆ เอสมองหน้าลูฟี่เหมือนกำลังรอคอยคำตอบด้วยใบหน้าเหนื่อยใจสุดๆ
ลูฟี่ไม่ได้ลังเลหรือมีท่าทีจะปกปิดแต่อย่างใด
เขาฉีกยิ้มกว้างไร้เดียงสาตามแบบฉบับเจ้าตัวและตอบความจริงกับพี่ชายทั้งสองของตน
“โทราโอะน่ะ”
“โทราโอะ?”
ชื่ออะไรล่ะนั่น..
“อื้อ! เขาเป็นคนดีมากๆเลยล่ะ ชิชิชิ”
ลูฟี่ว่าพลางหัวเราะพลางก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พี่ชายทั้งสองฟังระหว่างเดินไปที่รถของเอสโดยมีซาโบคอยประคองและเอสคอยจูงจักรยานให้
พี่ชายทั้งสองก็ได้แต่ฟังเรื่องของเขาด้วยความเหนื่อยใจ นี่ถ้าไม่เจอคนแปลกหน้านั่นล่ะก็เขาจะกลับมาได้รึเปล่าเนี่ย...สำหรับซาโบเขารู้สึกขอบคุณชายแปลกหน้าคนนั้นอยู่ไม่น้อยผิดกับเอสที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยไว้ใจหมอนั่นเท่าไหร่แม้ว่าลูฟี่จะบอกว่าหมอนั่นเป็นคนดีก็ตาม
แหงล่ะ ก็หมอนั่นยิ่งโดนหลอกง่ายๆอยู่นี่นา
แล้วอยู่ๆคนแปลกหน้าท่าทางน่ากลัวๆแบบไอนั่นจะมาทำดีกับน้องชายของเขาที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเนี่ยนะ?
ไม่น่าไว้ใจสุดๆเลยล่ะ..
ไม่นานทั้งสามก็มาถึงรถของเอสตามเป้าหมาย
พี่ชายทั้งสองรีบจัดการยัดจักรยานของน้องชายตัวเองเข้าหลังรถก่อนจะค่อยๆประคองลูฟี่ให้นั่งลงตรงเบาะหลังกับจักรยาน
เอสนั่งที่นั่งคนขับตามเคย ซาโบเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตนยัดใส่กระโปรงรถก่อนจะมานั่งตรงเบาะหน้าข้างคนขับ
“เอสสสสสส~
เนื้อย่างงงง~” ลูฟี่พูดพร้อมกับทำท่าลิงโลดอยู่ที่เบาะหลัง
ลูฟี่ก็ยังคงเป็นลูฟี่ล่ะนะถึงแม้ขาจะเจ็บทั้งสองข้างก็ตาม
“ฮะๆ รู้แล้วน่า
ฉันไม่ผิดสัญญาหรอกนะจะบอกให้” เอสพูดพลางฉีกยิ้มบางๆ
ดูเหมือนการกินมื้อเย็นของสามพี่น้องจะจบไวกว่าที่คิด
หลังจากสวาปามเนื้อย่างกันเรียบร้อยแล้วเอสก็ขับรถไปส่งซาโบที่หน้าคอนโดของเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก
นั่นทำให้เขาไม่เคยไปโรงเรียนสายเลยสักครั้ง
เมื่อส่งซาโบ้เรียบร้อยแล้วเอสก็ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านตน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานรถของเขาก็มาจอดอยู่หน้าบ้านที่คุ้นเคย
ลูฟี่เป็นคนแรกที่เข้าบ้านและปล่อยให้พี่ชายจัดการกับจักรยานของตน
เขาถอดรองเท้าของตัวเองออกและเตะทิ้งให้มันนอนกองอยู่ที่พื้นขวางทางเข้าบ้านอย่างไม่เป็นระเบียบก่อนจะตรงปรี่ไปยังคอมพิวเตอร์อย่างไม่ลังเลโดยไม่ลืมที่จะหยิบถุงมันฝรั่งทอดห่อใหญ่ติดมือไปด้วย
เขารีบเปิดเครื่องและกดเข้าเกมโปรดของตัวเองทันที
“อย่าดึกล่ะ”
เอสพูดกับน้องชายตัวแสบของตัวเองก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังห้องครัวเพื่อตรวจสอบอาหารในครัวว่ายังขาดเหลืออะไรบ้าง
เพราะเขาวางแผนไว้ว่าจะออกไปซื้อในวันรุ่งขึ้น
“ลูฟี่ พรุ่งนี้ฉันจะออกไปซื้อของ
ของใช้นายมีอะไรหมดบ้างฉันจะได้ซื้อทีเดียว
ถ้าบอกทีหลังฉันไม่วนรถกลับไปซื้อให้หรอกนะ”
เสียงตะโกนของผู้เป็นพี่ดังมาจากห้องครัว
“อืม..แชมพูล่ะมั้ง”
ลูฟี่ตอบโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
มือบางๆของเขาเอื้อมไปหยิบถุงมันฝรั่งทอดที่หยิบมาเมื่อกี้มาและฉีกออกก่อนจะหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปากคำโตแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ
“อย่างเดียวนะ เออ
แล้วแผลที่เข่าจะทำแผลไหม”
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงหาย”
ลูฟี่ตอบไปทั้งๆที่ยังเคี้ยวมันฝรั่งทอดอยู่เต็มปาก
เอสไม่ตอบ เขาเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกระดาษโน้ตเล็กๆในมือข้างหนึ่ง อีกข้างจับดินสอและกำลังเขียนบางอย่างลงไปที่โน้ตเล็กๆนั่นด้วยท่าทีจริงจัง
“โอ๊ะ จริงสิ อย่าลืมขนมฉันล่ะ”
ลูฟี่พูดในขณะที่ขนมยังเต็มปาก
“แล้วฉันเคยลืมรึไง”
ผู้เป็นพี่ตอบพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างหน่ายๆให้กับน้องชายของตนที่ยังคงไม่ละสายตาจากเกมตรงหน้า
เด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของดวงตาคู่สวยในชุดนอนแขนยาวลายทางสีฟ้าสลับขาวเดินออกมาจากห้องน้ำพลางอ้าปากหาวหวอดใหญ่
มือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นเกาผมสีดำขลับที่มีหยดน้ำเกาะกราวจากการเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ
เขาเหลือบตามองนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียงของตนก็พบว่าบัดนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าๆแล้ว
ลูฟี่ตรงไปปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงฝังร่างกายตัวเองลงกับเตียงนุ่มอันอบอุ่นของเขาพลางหยิบเอาผ้าห่มมาห่อตัวแล้วหลับตาลงช้าๆ
และเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด...
ในห้องสี่เหลี่ยมที่มืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากโคมไฟตั้งโต๊ะเท่านั้นที่ยังทำงานอยู่
ในห้องที่ทั้งห้องถูกกลืนกินด้วยความมืดและความเงียบยังมีชายหนุ่มผิวแทนร่างสูงในเสื้อยืดสีดำกับบ๊อกเซอร์ตัวเก่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา
น่าแปลก..ทั้งๆที่สายตาก็จดจ่อไปที่หนังสืออยู่แท้ๆแต่ตัวหนังสือทั้งหมดกลับไม่เข้าหัวเขาเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว...
ภายในหัวของเขากลับมีเพียงเด็กหนุ่มร่างเล็กที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว...ทั้งเสียงหัวเราะที่แสนจะสดใสจนแทบจะทำให้ดอกไม้เบ่งบานนั่น
ทั้งรอยยิ้มไร้เดียงสาที่แทบจะทำให้พระอาทิตย์ดูหม่นลงไป ทั้งดวงตาคู่สวยทอประกายที่แม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังต้องอิจฉา...
หงุดหงิด..หงุดหงิดชะมัด ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
ไม่ว่าจะพยายามเรียกสติตัวเองยังไงก็ไม่อาจหยุดคิดถึงเด็กบ้านั่นได้เลย...ยิ่งพยายามไม่คิดถึงแต่กลับหยุดคิดถึงไม่ได้เลย
เพราะอะไรกัน?
ชายหนุ่มได้แต่สบถออกมาอย่างอารมณ์เสียก่อนจะปิดหนังสือเล่มนั้นลงในที่สุด
เขาปิดไฟและตรงไปทิ้งตัวลงฝังร่างตัวเองกับเตียงอุ่นๆของเขา
‘ไม่เข้าใจหรอ
ฉันก็แค่อยากคุยกับนาย’
คำพูด เสียงหัวเราะ
รอยยิ้ม ใบหน้า...ทั้งหมดนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาอย่างไม่อาจลบเลือนได้
พอนึกถึงทีไรก็เผลอยิ้มออกมาทุกที...ให้ตายสิ
หงุดหงิดอีกแล้ว...แต่ทั้งๆที่หงุดหงิดแท้ๆแต่กลับหุบยิ้มไม่ได้เลย หึ!
อาการแบบนี้...เขาเรียกว่ารักแรกพบรึเปล่านะ?
วันรุ่งขึ้น
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”
เสียงตะโกนของลูฟี่ดังลั่นบ้านแต่เช้าตรู่อย่างไม่สนใจว่าจะไปปลุกใครเข้าหรือรบกวนเพื่อนบ้านขนาดไหน
ฝ่ายผู้เป็นพี่พอได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งตื่นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินกระทืบเท้าตรงมายังห้องนอนของน้องชายตัวเองอย่างหงุดหงิดพร้อมจะด่าอย่างไม่ลังเล
ประตูห้องนอนของลูฟี่กระแทกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้เป็นพี่ที่แทบจะกลายเป็นยักษ์
ใบหน้าตกกระแสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด คิ้วหนาของเขาขมวดกันมุ่นจนแทบจะเอามาทำเป็นโบว์ผูกของขวัญได้
“เอะอะทำมะเขืออะไรแต่เช้า
ห๊ะ!? คนจะหลับจะนอน!”
“ไอพี่บ้า!
มันใช่เวลามาห่วงนอนที่ไหนกันล่ะ!!”
- to be continue -
สวัสดีค่ะ^_^ เค้ากลับมาอัพแล้ววววว คิดถึงกันบ้างไหม^3^ เค้ามีข่าวดีมาบอกค่ะ เค้าปิดเทอมล๊าววววววววว>< แต่ปิดเทอมกับเปิดเทอมก็แทบจะไม่ต่างกันเลยค่ะT^T ไม่ค่อยจะว่างเท่าไหร่ แต่เค้าจะหาเวลามาอัพเนาะ:) ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนล่ะT^T
ส่วนคนที่ทวงนะคะ เค้าอยากบอกว่าต้องขอโทษจริงๆค่ะT^T ฮือ เค้ากำลังรีบอัพอยู่ค่ะ รอไปก่อนนะคะ อย่าโกรธกันเลยนะคะ;_; เค้าสัญญาจะรีบอัพให้เร็วที่สุดค่ะTwTb
ยังไงอ่านกันแล้วก็อย่าลืมกดติดตาม แชร์ หรือคอมเม้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ^^
Sharing is loving!
ความคิดเห็น