ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 59


    CR.SHL

    - Chapter 3 –

     

    อีกด้านหนึ่ง ณ สนามบิน

     

                เด็กหนุ่มผมบลอนหยักศกร่างสูงโปร่งที่ตาข้างซ้ายมีรอยแผลเป็นอันใหญ่ในเสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวดูสะอาดสะอ้านยืนถือกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่พลางก้มมองนาฬิกาข้อมือของตนนาทีละไม่ต่ำกว่าสิบครั้งด้วยสีหน้ากระวนกระวายผิดกับเด็กหนุ่มผมดำหยักศกที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างสิ้นเชิง

     

    ดูเหมือนเด็กหนุ่มผมดำจะไม่เป็นกังวลอะไรเท่าไหร่ แถมยังยืนกอดอกด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าตกกระไม่ได้เผยออกมาซึ่งความไม่สบายใจเหมือนเด็กหนุ่มอีกคนเลยสักนิด

     

                ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูสนามบิน ทอดสายตามองดูถนนรอน้องชายตัวแสบของตัวเองมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าไอตัวแสบนั่นจะโผล่หัวออกมาเลยแม้แต่น้อย ให้ตายสิ...มีน้องชายที่ไม่เอาไหนแบบนี้มันน่าเป็นห่วงจริงๆนั่นแหละ...

     

                “นี่ หมอนั่นจะมาได้จริงๆหรอ” เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยพลางหันหน้าไปมองเอสด้วยสีหน้าวิตกกังวลผิดกับใบหน้าตกกระนั่นสุดๆ

     

                “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ซาโบ หมอนั่นมาได้อยู่แล้ว” เอสตอบพร้อมกับฉีกยิ้มบางๆโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย

     

                ฝ่ายซาโบเมื่อได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อยล่ะนะยังไงก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ซาโบไม่ตอบอะไรกลับไปแต่คิ้วหนาๆของเขายังคงขมวดกันมุ่น เขาหันกลับไปมองถนนที่มีรถผ่านไปผ่านมาเพื่อมองหาน้องชายตัวแสบของตน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าหมอนั่นจะโผล่มาจริงๆนั่นแหละ โทรไปก็ดันไม่รับอีก..ให้ตายสิ...

     

    ซาโบได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยใจแต่ไม่วายก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตนบ่อยๆ ส่วนเอสก็ได้แต่ยืนอ้าปากกว้างหาวหวอดๆจนแมลงวันแทบจะบินเข้าไปไข่ได้

     

                แล้วตอนนั้นเองก็มีรถบีเอ็มสีดำคันสวยมาจอดเทีบท่าอยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก ทั้งสองไม่ได้สนใจหรือพิศวาสรถสีดำคันนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นรถธรรมดาของคนคนหนึ่ง...

     

    แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดนั้นและหันไปสนใจทันทีเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถนั่นพร้อมกับจักรยานของเขา

     

    เด็กหนุ่มร่างบางผมสีดำขลับ รอยแผลใต้ตาซ้ายคู่สวยที่เป็นเอกลักษณ์...กับหมวกฟางใบเก่า ไม่ผิดแน่ๆ เด็กนั่นคือน้องชายตัวแสบของพวกเขา!

     

    และไอหมอนั่นก็มากับคนแปลกหน้า!

     

                เอสและซาโบได้แต่มองน้องชายของตนคุยกับคนแปลกหน้าด้วยความงุนงง หรือจะเป็นเพื่อนกันนะ...แต่หมอนั่นไม่เคยเห็นแนะนำคนคนนี้ให้รู้จักเลย...แถมไอนั่นยังดูอายุมากกว่าพวกเขาตั้งเยอะ แล้วไอรอยสักตามตัวนั่นมันอะไร..

     

                “โย่! เอส! ซาโบ!

     

                ลูฟี่ตะโกนและยิ้มร่าพลางโบกมือไปมาในอากาศเป็นการทักทาย เขาไม่ได้วิ่งเข้าใส่และกระโดดกอดอย่างทุกครั้ง นั่นเองทำให้เอสและซาโบถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียว แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อให้เสียเวลารีบเข้าไปหาน้องชายตัวแสบของพวกเขาทันที

     

    เมื่อได้เข้าใกล้ก็ได้รู้ว่าที่หมอนี่ไม่วิ่งเข้ามาและกระโดดกอดอย่างทุกครั้งเพราะอะไร ตรงเข่าทั้งสองของเขาถูกแต้มด้วยเลือดสีแดงสดกับรอยช้ำที่ดูเหมือนตะสาหัสอยู่ไม่น้อยทีเดียว

     

    ซาโบรีบเข้าไปประคองน้องชายของตนทันทีตามมาด้วยเอสที่เข้าไปช่วงจับจักรยานเอาไว้

     

                “เข่านายไปโดนอะไรมาเนี่ย” ซาโบถามอย่างร้อนรนด้วยท่าทีเป็นห่วง

     

                “อ๋อนี่น่ะหรอ” ลูฟี่พูดพลางก้มมองแผลที่เข่าของตัวเอง “พอดีฉันซุ่มซ่ามนิดหน่อยน่ะ เลยปั่นจักรยานล้มน่ะสิ ชิชิชิ”

     

    ลูฟี่พูดพลางหัวเราะพลาง ฝ่ายพี่ชายทั้งสองพอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ก็เพราะมีน้องชายเซ่อซ่าไม่เอาไหนแถมยังซื่อบื้อแบบนี้ไงล่ะ พี่ชายทั้งสองถึงต้องมาคอยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาแบบนี้น่ะ

     

    “อะไรกัน! พวกนายจะถอนหายใจทำไมเนี่ย เป็นโทราโอะรึไง!

     

    “ไอน้องบ้า! แล้วใครใช้ให้แกซุ่มซ่ามจนพวกเราต้องเป็นห่วงกันเล่า! หา!?” เอสว่าน้องชายตัวแสบของตนก่อนจะประเคนหมัดหนักๆของตัวเองลงกลางหัวของลูฟี่ด้วยแรงทั้งหมดที่มี

     

    “อ๊าก! มันเจ็บนะ! ซาโบยังไม่เคยเขกหัวฉันเลย!

     

    “แล้วมันทำไมเล่า!

     

    “นายใจดีเหมือนซาโบบ้างไม่ได้รึไง!

     

    “ไม่มีทาง!!

     

    ซาโบได้แต่มองดูพี่ชายและน้องชายของตัวเองเถียงกันไปเถียงกันมาพลางถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ เป็นพี่คนกลางนี่มันลำบากกว่าที่คิดแฮะ...

     

    “พวกนายใจเย็นๆกันก่อนน่า”

     

    แน่นอน หน้าที่แยกมวยของเอสและลูฟี่มักจะตกเป็นของซาโบเสมอ ซาโบยิ้มอย่างเหนื่อยใจให้พี่ชายและน้องชายของตนก่อนจะเข้าไปขวางตรงกลาง ให้ตายสิขนาดไม่ได้เจอกันตลอดช่วงปิดเทอมเขาก็ยังต้องมาทำหน้าที่นี้ตั้งแต่เจอหน้ากันเลยหรอเนี่ย...คิดแล้วก็อดขำไม่ได้จริงๆ

     

    “ว่าแต่...เมื่อกี้นายมากับใครน่ะ ลูฟี่”

     

    ซาโบรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพื่อให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกัน และดูเหมือนมันจะได้ผล เอสและลูฟี่หยุดทะเลาะกัน ลูฟี่หันมามองหน้าซาโบพลางกระพริบตาปริบๆ เอสมองหน้าลูฟี่เหมือนกำลังรอคอยคำตอบด้วยใบหน้าเหนื่อยใจสุดๆ

     

    ลูฟี่ไม่ได้ลังเลหรือมีท่าทีจะปกปิดแต่อย่างใด เขาฉีกยิ้มกว้างไร้เดียงสาตามแบบฉบับเจ้าตัวและตอบความจริงกับพี่ชายทั้งสองของตน

     

                “โทราโอะน่ะ”

     

                “โทราโอะ?” ชื่ออะไรล่ะนั่น..

     

                “อื้อ! เขาเป็นคนดีมากๆเลยล่ะ ชิชิชิ”

     

                ลูฟี่ว่าพลางหัวเราะพลางก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พี่ชายทั้งสองฟังระหว่างเดินไปที่รถของเอสโดยมีซาโบคอยประคองและเอสคอยจูงจักรยานให้

     

    พี่ชายทั้งสองก็ได้แต่ฟังเรื่องของเขาด้วยความเหนื่อยใจ นี่ถ้าไม่เจอคนแปลกหน้านั่นล่ะก็เขาจะกลับมาได้รึเปล่าเนี่ย...สำหรับซาโบเขารู้สึกขอบคุณชายแปลกหน้าคนนั้นอยู่ไม่น้อยผิดกับเอสที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยไว้ใจหมอนั่นเท่าไหร่แม้ว่าลูฟี่จะบอกว่าหมอนั่นเป็นคนดีก็ตาม

     

    แหงล่ะ ก็หมอนั่นยิ่งโดนหลอกง่ายๆอยู่นี่นา แล้วอยู่ๆคนแปลกหน้าท่าทางน่ากลัวๆแบบไอนั่นจะมาทำดีกับน้องชายของเขาที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเนี่ยนะ? ไม่น่าไว้ใจสุดๆเลยล่ะ..

     

                ไม่นานทั้งสามก็มาถึงรถของเอสตามเป้าหมาย พี่ชายทั้งสองรีบจัดการยัดจักรยานของน้องชายตัวเองเข้าหลังรถก่อนจะค่อยๆประคองลูฟี่ให้นั่งลงตรงเบาะหลังกับจักรยาน

     

    เอสนั่งที่นั่งคนขับตามเคย ซาโบเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตนยัดใส่กระโปรงรถก่อนจะมานั่งตรงเบาะหน้าข้างคนขับ

     

                “เอสสสสสส~ เนื้อย่างงงง~” ลูฟี่พูดพร้อมกับทำท่าลิงโลดอยู่ที่เบาะหลัง ลูฟี่ก็ยังคงเป็นลูฟี่ล่ะนะถึงแม้ขาจะเจ็บทั้งสองข้างก็ตาม

     

                “ฮะๆ รู้แล้วน่า ฉันไม่ผิดสัญญาหรอกนะจะบอกให้” เอสพูดพลางฉีกยิ้มบางๆ

     

     

     

                ดูเหมือนการกินมื้อเย็นของสามพี่น้องจะจบไวกว่าที่คิด หลังจากสวาปามเนื้อย่างกันเรียบร้อยแล้วเอสก็ขับรถไปส่งซาโบที่หน้าคอนโดของเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก นั่นทำให้เขาไม่เคยไปโรงเรียนสายเลยสักครั้ง

     

    เมื่อส่งซาโบ้เรียบร้อยแล้วเอสก็ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านตน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานรถของเขาก็มาจอดอยู่หน้าบ้านที่คุ้นเคย ลูฟี่เป็นคนแรกที่เข้าบ้านและปล่อยให้พี่ชายจัดการกับจักรยานของตน

     

    เขาถอดรองเท้าของตัวเองออกและเตะทิ้งให้มันนอนกองอยู่ที่พื้นขวางทางเข้าบ้านอย่างไม่เป็นระเบียบก่อนจะตรงปรี่ไปยังคอมพิวเตอร์อย่างไม่ลังเลโดยไม่ลืมที่จะหยิบถุงมันฝรั่งทอดห่อใหญ่ติดมือไปด้วย เขารีบเปิดเครื่องและกดเข้าเกมโปรดของตัวเองทันที

     

                “อย่าดึกล่ะ”

     

    เอสพูดกับน้องชายตัวแสบของตัวเองก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังห้องครัวเพื่อตรวจสอบอาหารในครัวว่ายังขาดเหลืออะไรบ้าง เพราะเขาวางแผนไว้ว่าจะออกไปซื้อในวันรุ่งขึ้น

     

    “ลูฟี่ พรุ่งนี้ฉันจะออกไปซื้อของ ของใช้นายมีอะไรหมดบ้างฉันจะได้ซื้อทีเดียว ถ้าบอกทีหลังฉันไม่วนรถกลับไปซื้อให้หรอกนะ” เสียงตะโกนของผู้เป็นพี่ดังมาจากห้องครัว

     

    “อืม..แชมพูล่ะมั้ง”

     

    ลูฟี่ตอบโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ มือบางๆของเขาเอื้อมไปหยิบถุงมันฝรั่งทอดที่หยิบมาเมื่อกี้มาและฉีกออกก่อนจะหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปากคำโตแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ

     

    “อย่างเดียวนะ เออ แล้วแผลที่เข่าจะทำแผลไหม”

     

    “ไม่อ่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงหาย”

     

    ลูฟี่ตอบไปทั้งๆที่ยังเคี้ยวมันฝรั่งทอดอยู่เต็มปาก เอสไม่ตอบ เขาเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกระดาษโน้ตเล็กๆในมือข้างหนึ่ง อีกข้างจับดินสอและกำลังเขียนบางอย่างลงไปที่โน้ตเล็กๆนั่นด้วยท่าทีจริงจัง

     

    “โอ๊ะ จริงสิ อย่าลืมขนมฉันล่ะ” ลูฟี่พูดในขณะที่ขนมยังเต็มปาก

     

    “แล้วฉันเคยลืมรึไง”

     

    ผู้เป็นพี่ตอบพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างหน่ายๆให้กับน้องชายของตนที่ยังคงไม่ละสายตาจากเกมตรงหน้า

     

     

     

    เด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของดวงตาคู่สวยในชุดนอนแขนยาวลายทางสีฟ้าสลับขาวเดินออกมาจากห้องน้ำพลางอ้าปากหาวหวอดใหญ่ มือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นเกาผมสีดำขลับที่มีหยดน้ำเกาะกราวจากการเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ

     

    เขาเหลือบตามองนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียงของตนก็พบว่าบัดนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าๆแล้ว

     

    ลูฟี่ตรงไปปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงฝังร่างกายตัวเองลงกับเตียงนุ่มอันอบอุ่นของเขาพลางหยิบเอาผ้าห่มมาห่อตัวแล้วหลับตาลงช้าๆ และเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด...

     

     

     

                ในห้องสี่เหลี่ยมที่มืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากโคมไฟตั้งโต๊ะเท่านั้นที่ยังทำงานอยู่ ในห้องที่ทั้งห้องถูกกลืนกินด้วยความมืดและความเงียบยังมีชายหนุ่มผิวแทนร่างสูงในเสื้อยืดสีดำกับบ๊อกเซอร์ตัวเก่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา

     

    น่าแปลก..ทั้งๆที่สายตาก็จดจ่อไปที่หนังสืออยู่แท้ๆแต่ตัวหนังสือทั้งหมดกลับไม่เข้าหัวเขาเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว...

     

    ภายในหัวของเขากลับมีเพียงเด็กหนุ่มร่างเล็กที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว...ทั้งเสียงหัวเราะที่แสนจะสดใสจนแทบจะทำให้ดอกไม้เบ่งบานนั่น ทั้งรอยยิ้มไร้เดียงสาที่แทบจะทำให้พระอาทิตย์ดูหม่นลงไป ทั้งดวงตาคู่สวยทอประกายที่แม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังต้องอิจฉา...

     

    หงุดหงิด..หงุดหงิดชะมัด ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่ว่าจะพยายามเรียกสติตัวเองยังไงก็ไม่อาจหยุดคิดถึงเด็กบ้านั่นได้เลย...ยิ่งพยายามไม่คิดถึงแต่กลับหยุดคิดถึงไม่ได้เลย เพราะอะไรกัน?

     

                ชายหนุ่มได้แต่สบถออกมาอย่างอารมณ์เสียก่อนจะปิดหนังสือเล่มนั้นลงในที่สุด เขาปิดไฟและตรงไปทิ้งตัวลงฝังร่างตัวเองกับเตียงอุ่นๆของเขา

     

                ไม่เข้าใจหรอ ฉันก็แค่อยากคุยกับนาย

     

                คำพูด เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ใบหน้า...ทั้งหมดนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาอย่างไม่อาจลบเลือนได้

     

                พอนึกถึงทีไรก็เผลอยิ้มออกมาทุกที...ให้ตายสิ หงุดหงิดอีกแล้ว...แต่ทั้งๆที่หงุดหงิดแท้ๆแต่กลับหุบยิ้มไม่ได้เลย หึ!

     

                อาการแบบนี้...เขาเรียกว่ารักแรกพบรึเปล่านะ?

     

     

     

    วันรุ่งขึ้น

     

                “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!

     

                เสียงตะโกนของลูฟี่ดังลั่นบ้านแต่เช้าตรู่อย่างไม่สนใจว่าจะไปปลุกใครเข้าหรือรบกวนเพื่อนบ้านขนาดไหน

     

    ฝ่ายผู้เป็นพี่พอได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งตื่นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินกระทืบเท้าตรงมายังห้องนอนของน้องชายตัวเองอย่างหงุดหงิดพร้อมจะด่าอย่างไม่ลังเล

     

                ประตูห้องนอนของลูฟี่กระแทกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้เป็นพี่ที่แทบจะกลายเป็นยักษ์ ใบหน้าตกกระแสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด คิ้วหนาของเขาขมวดกันมุ่นจนแทบจะเอามาทำเป็นโบว์ผูกของขวัญได้

     

                “เอะอะทำมะเขืออะไรแต่เช้า ห๊ะ!? คนจะหลับจะนอน!

     

                “ไอพี่บ้า! มันใช่เวลามาห่วงนอนที่ไหนกันล่ะ!!


    - to be continue -


                   สวัสดีค่ะ^_^ เค้ากลับมาอัพแล้ววววว คิดถึงกันบ้างไหม^3^ เค้ามีข่าวดีมาบอกค่ะ เค้าปิดเทอมล๊าววววววววว>< แต่ปิดเทอมกับเปิดเทอมก็แทบจะไม่ต่างกันเลยค่ะT^T ไม่ค่อยจะว่างเท่าไหร่ แต่เค้าจะหาเวลามาอัพเนาะ:) ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนล่ะT^T

                   ส่วนคนที่ทวงนะคะ เค้าอยากบอกว่าต้องขอโทษจริงๆค่ะT^T ฮือ เค้ากำลังรีบอัพอยู่ค่ะ รอไปก่อนนะคะ อย่าโกรธกันเลยนะคะ;_; เค้าสัญญาจะรีบอัพให้เร็วที่สุดค่ะTwTb

                   ยังไงอ่านกันแล้วก็อย่าลืมกดติดตาม แชร์ หรือคอมเม้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ^^

                   Sharing is loving!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×