ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 59


    CR.SHL

    - Chapter 2 -

     

                “น..นาย..ว่าไงนะ..”

     

                ฉันขอโทษ ฮะๆ

     

                “น..นาย! นายลืมฉันได้ลงคอ ใจร้ายชะมัด!

     

                ลูฟี่เผลอขึ้นเสียงอย่างไม่ได้ตั้งใจแต่ทำยังไงได้ล่ะก็โดนพี่ชายตัวเองทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียวแบบนี้มันน่าน้อยใจนี่นา ยังดีที่เจอชายแปลกหน้าคนนี้ก่อนถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็เขาคงต้องอยู่คนเดียวเสียจริงๆ

     

                งั้นนายนั่งแท็กซี่มาเองละกัน หรือนายจะปั่นจักรยานมาล่ะ?

     

                “จะบ้าหรอ! สนามบินอยู่ไกลจะตายไป อีกอย่างฉันยังไม่หายโกรธนายหรอกนะ!

     

                ลูฟี่ขมวดคิ้วทำแก้มพองใส่สมาร์ทโฟนที่แนบอยู่ที่แก้มทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเห็นสีหน้างอนตุบป่องของเขาในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน

     

    ชายแปลกหน้าเจ้าเก่าได้แต่ยืนกอดอกพิงจักรยานมองดูสองพี่น้องเถียงกันผ่านสมาร์ทโฟนอย่างปลงๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ     

     

                ‘โอ๋ๆ ฉันขอโทษน่า ไว้นายมาถึงแล้วเดี๋ยวฉันพาไปเลี้ยงเนื้อย่างไถ่โทษละกัน หายโกรธฉันเถอะนะ

     

                เสียงทุ้มต่ำแบบผู้ชายดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ราวกับจงใจให้ชายแปลกหน้าได้ยินและมันก็ได้ผล คิ้วหนาๆของเขากระตุกเล็กน้อยก่อนจะขมวดกันมุ่น

     

    ไม่ใช่เสียงแบบชายคนแรก เป็นเสียงที่แตกต่างจากเสียงของพี่ชายคนแรกอย่างมาก ไม่นุ่มนวลเหมือนคนก่อน หยาบกระด้างแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น เป็นสามพี่น้องที่แปลกจริงๆ...

     

    นัยน์ตาสีเทาหินโมราใต้เงาปีกหมวกลอบมองใบหน้าใสที่บัดนี้ถูกแต้มด้วยสีแดงจางๆตรงพวงแก้มทั้งสองข้าง ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตทอประกายความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างจากก่อนหน้านี้ตอนที่รู้ตัวว่าถูกทิ้งอย่างสิ้นเชิง แล้วเขาก็เผลอเบือนหน้าหนีอย่างควบคุมไม่ได้

     

                “จริงนะ! สัญญาแล้วนะ ถ้านายผิดสัญญานายต้องเลี้ยงเพิ่มเป็นสองมื้อนะ”

     

                ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรีบๆมาล่ะ

     

                “อื้อ!

     

                พูดจบนิ้วมือเรียวๆก็กดตัดสายทันทีอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อหรือเปล่า

     

    แล้วก็ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างครุ่นคิด...จะไปยังไงล่ะทีนี้ จะให้ปั่นจักรยานไปก็คงไม่ไหวแถมเข่าก็ยังเจ็บอยู่ด้วย แต่ถ้านั่งแท็กซี่ไปล่ะก็...ต้องโบกอีกกี่สิบชาติกันเขาถึงจะจอดรับน่ะ คงไม่มีแท็กซี่คันไหนอยากให้มีจักรยานอยู่หลังรถตัวเองหรอก...

     

    ในขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อดวงตากลมโตคู่สวยก็เหลือบไปเห็นชายแปลกหน้าเจ้าเก่าที่ยังคงยืนพิงจักรยานอยู่ที่เดิม ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง ชายแปลกหน้าได้แต่มองรอยยิ้มกว้างนั่นอย่างหวั่นๆ ลางสังหรณ์ไม่ดีเลยแฮะ...

     

                “นี่...”

     

                “ไม่”

     

                ชายแปลกหน้ารีบตอบปฎิเสธทันทีโดยไม่ต้องฟังที่เด็กแสบตรงหน้าจะพูดเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นความคิดที่แย่สุดๆ

     

    ลูฟี่ทำหน้ามุ่ยเบ้ปากใส่ชายร่างสูงตรงหน้า “ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

     

                “ฉันกลับล่ะ”

     

                พูดแค่นั้นก็หันหลังกลับเตรียมเดินหนีอย่างไม่ลังเล

     

                “นายจะทิ้งฉันไว้จริงๆหรอ...”

     

                ลูฟี่พูดเสียงแผ่วเบาทว่าชัดเจนกับอีกฝ่าย การก้าวเท้าของชายแปลกหน้าหยุดลง เขาหันมาหาลูฟี่อีกครั้ง ใบหน้าหวานที่เคยระบายยิ้มก่อนหน้านี้กลับแฝงไปด้วยความเศร้า นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นแฝงไปด้วยความโดดเดี่ยวอย่างเห็นได้ชัด

     

                ลูฟี่เกลียดการอยู่คนเดียว...ใช่แล้วล่ะ เขาเกลียด เกลียดที่สุดเลย การที่ต้องอยู่คนเดียวน่ะเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตอนที่ได้รับบาดเจ็บทางกายเสียอีก เจ็บเสียยิ่งกว่าแผลที่เข่าตอนนี้เสียอีก...ถ้าให้เลือกล่ะก็ เขายอมเจ็บตัวยังจะดีเสียกว่า

     

    น่าแปลก...ทั้งๆที่เด็กเอาแต่ใจตรงหน้าไม่ได้รั้งเขาไว้เลยแม้แต่น้อย แต่ในใจลึกๆเขากลับรู้สึกว่าไม่สามารถทิ้งเด็กคนนี้ให้อยู่คนเดียว เขา..ปล่อยเด็กบ้านี่ไว้คนเดียวไม่ได้

     

    สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ เกลียดตัวเองจริงๆ...ทำไมถึงปฏิเสธเด็กนี่ไม่ได้สักที นึกแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า!

     

                “จะไปไหม”

     

                เป็นประโยคสั้นๆตามแบบฉบับเจ้าตัว แต่มันทำให้ลูฟี่เงยหน้าขึ้นอย่างทันควัน ดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้าง ก่อนมุมปากทั้งสองจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่กว้างจนแทบจะไปถึงใบหู

     

                “นายจะปั่นจักรยานไปส่งฉันหรอ” นัยน์ตาสีดำทอประกายตื่นเต้นจนน่าหมั่นไส้

     

                “จะบ้าหรือไง” ชายแปลกหน้าพูดด้วยน้ำเสียงปรามเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างเอือมระอา

     

                “อ้าว ไหนว่าจะไปส่งไง ถ้าขึ้นแท็กซี่แล้วนายจะเอาจักรยานไปยังไงล่ะ”

     

                ลูฟี่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยพลางกอดอกเอียงคอมองชายแปลกหน้าอย่างอย่างงงๆ และก็ได้เสียงถอนหายใจกลับมาอย่างเคย

     

                “ตามฉันไปที่รถ ฉันจะไปส่งเอง เอาจักรยานไปด้วย”

     

                พูดจบก็หันหลังเดินตรงไปอย่างไม่รีรอ ลูฟี่รีบตรงไปจับแฮนด์จักรยานแล้วลากขาเจ็บๆของตัวเองตามแผ่นหลังของเขาไปอย่างทุลักทุเล แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของลูฟี่ก็ยังคงถูกแต้มด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์

     

    เห็นเด็กนี่ยิ้มออกแล้วก็รูสึกใจชื้นขึ้นมานิดๆอย่างบอกไม่ถูกแฮะ...ยังไงใบหน้าหวานๆนั่นก็เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่ารอยน้ำตาจริงๆนั่นแหละ

     

                “ขอบใจนะ”

     

                ลูฟี่พูดกับชายแปลกหน้าที่ยังคงเดินหน้าต่อไป เขาไม่หันกลับมา เขาไม่ตอบ สิ่งที่ลูฟี่เห็นคือแผ่นหลังกว้างของเขา แต่ลูฟี่รู้ดีว่าเขาได้ยิน เพราะหูเขาเริ่มแดงแล้วล่ะ คิดอย่างนั้นก็เผลอหัวเราะออกมานิดๆถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็เถอะ

     

     

     

                 ลูฟี่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับมองดูถนนพลางฮัมเพลงเบาๆคลอเสียงเพลงจากวิทยุที่ชายแปลกหน้าตรงเบาะคนขับเปิดไว้โดยมีจักรยานคันเดิมอยู่ที่เบาะหลัง

     

                “นี่ๆ ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ”

     

    อยู่ๆลูฟี่ก็โพล่งขึ้นพลางหันหน้ามาหาชายแปลกหน้าร่างสูงข้างๆตน ดวงตากลมโตคู่สวยที่จ้องมายังชายแปลกหน้าแฝงไปด้วยความสงสัยกระพริบปริบๆ ริมฝีปากอวบอิ่มยังคงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ พวงแก้มขึ้นสีแดงบางๆบ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวา

     

    ยังไม่ยอมแพ้กับชื่อเขาอีกหรอ...พอคิดได้อย่างนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆพลางเอาแขนข้างหนึ่งท้าวคาง แต่ก็ยอมบอกไปแต่โดยดี

     

                “ทราฟาลก้า ลอว์”

     

                ลอว์ตอบด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเรียบๆ ดวงตาสีเทาหินโมราคู่เดิมยังคงทอดไปยังถนนข้างหน้า มือหนาสีแทนข้างหนึ่งจับพวงมาลัย อีกข้างท้าวคางกับขอบประตูอย่างปลงๆกับเด็กแสบข้างๆตน

     

                “ทรา..ทารา..โทรา...” ลูฟี่พึมพำกับตัวเองทว่าลอว์ยังคงได้ยิน เขาเหลือบมองลูฟี่ที่กำลังทำหน้ายุ่งเพราะพยายามพูดชื่อของเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “โทราโอะสินะ! ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อลูฟี่นะ ชิชิชิ”

     

                ลูฟี่แนะนำตัวครั้งที่สองพลางหัวเราะ นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ว่าเมื่อกี้หมอนั่นเรียกเขาว่าโทราโอะงั้นหรอ? ชื่อบ้าอะไรล่ะนั่น พอคิดได้อย่างนั้นก็ปรายตามองใบหน้าหวานนั่นเล็กน้อยและถอนหายใจออกมายาวๆอย่างหน่ายๆเป็นรอบที่ร้อยของวัน

     

    ลอว์ไม่ได้เอ่ยปากว่าอะไร นัยน์ตาสีเทาหินโทรายังคงจับจ้องไปที่ถนนตรงหน้าอย่างไม่วางตา แต่เขากลับรู้สึกร้อนขึ้นมาดื้อๆอย่างไม่มีเหตุผลเสียนี่ แล้วมือหนาสีแทนที่ถูกตกแต่งด้วยรอยสักก็ยื่นไปเร่งเครื่องปรับอากาศให้แรงขึ้น

     

                “นายร้อนหรอ?”

     

                “ปกตินายพูดมากแบบนี้ตลอดเลยหรอ”

     

                “ฉันถามนายก่อนนะ”

     

    ลุฟี่พูดพลางเบ้ปากใส่ชายร่างสูงตรงหน้า คิ้วหนาๆของลอว์ขมวดกันมุ่นก่อนจะกลอกตามองเด็กแสบที่กำลังทำหน้าเหยเกอย่างไม่พอใจ

     

    “เออ ฉันร้อน”

     

    ตอบไปแค่นั้นลูฟี่ก็เริ่มคุยจ้อต่อตามประสาเด็ก ลูฟี่ไม่เคยตอบคำถามเขาและมักจะคุยเรื่องอื่นที่เขาอยากคุยและในบางครั้งก็จะถามเรื่องอื่นแทนนั่นทำให้คำถามของเขาถูกเมินอย่างสมบูรณ์แบบ

     

    ลูฟี่คุยเรื่องมากมายให้เขาฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่บ้าน โรงเรียน หรือครอบครัว ทั้งพี่ชายทั้งสองคนของเขาที่ต่างกันคนละขั้ว ทั้งปู่สุดโหดที่เลี้ยงพวกเขาทั้งสามมาด้วยลำแข้ง และเพื่อนอีกหลายๆคนที่โรงเรียน เห็นได้ชัดว่าเขามีเพื่อนเยอะมากเลยทีเดียว

     

    แน่นอน...ว่าลอว์ไม่ได้สนใจที่เขาพูดมาเท่าไหร่ เขาใช้สมาธิส่วนใหญ่จดจ่อไปกับใบหน้าและรอยยิ้มตื่นเต้นราวเด็กๆของหมอนั่นมากกว่า

     

    เวลารถติดเขาจะแอบมองใบหน้าหวานไร้เดียงสาที่สดใสนั่นและภาวนาในใจให้ไฟแดงนานกว่านี้อีกหน่อย แต่ดูเหมือนไม่ว่ามันจะนานเท่าไหร่ก็ไม่พอสำหรับเขา และเวลาที่เราอยากให้เวลาผ่านไปช้าๆมันกลับผ่านไปเร็วราวกับเรื่องโกหกเสมอ

     

     

     

                ในที่สุดรถบีเอ็มสีดำขลับก็มาจอดอยู่หน้าสนามบิน

     

                ลูฟี่ขอบคุณลอว์อีกครั้งก่อนจะลงจากรถไปโดยไม่ลืมที่จะเอาจักรยานของตัวเองลงไปด้วย แต่...เขายังค้างคาใจอยู่ ยังมีบางอย่างที่เขาอยากจะรู้และจะต้องรู้ให้ได้ ค้างคา..ค้างคาเหลือเกิน

     

    ลอว์ลดกระจกรถลงมองแผ่นหลังเล็กๆที่กำลังเดินไปอย่างทุลักทุเลเพราะพิษจากบาดแผล แล้วเขาก็ตัดสินใจหยุดลูฟี่ไว้

     

                “หมวกฟาง-ยะ”

     

                ฉายาของอีกฝ่ายถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากเรียวได้รูปของเขา มันได้ผล ลูฟี่หยุดเดินและหันหลังกลับมาหาลอว์ด้วยใบหน้าสงสัย

     

    ลอว์ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ถามอะไรต่อรีบปริปากพูดออกไปก่อน

     

                “นายไม่เคยตอบคำถามฉันเลย...” เขาเว้นระยะห่างอย่างจงใจ “ปกตินายพูดมากแบบนี้ตลอดเลยหรอ?”


                ลูฟี่ยืนนิ่งเงียบก่อนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อจะฉีกเป็นรอยยิ้มกว้างอีกครั้งจนดวงตากลมโตทั้งสองแทบปิด พวงแก้มทั้งสองขึ้นสีแดงบางๆอย่างมีชีวิตชีวา

     

                “ไม่เข้าใจหรอ? ฉันก็แค่อยากคุยกับนาย”

     

     

                สิ่งสุดท้ายที่ลอว์เห็นคือรอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนแทบจะไปถึงใบหูทั้งสองของเด็กแปลกๆที่ชอบสะพายหมวกฟางใบเก่าไว้ที่คอ คนที่มักจะหาเรื่องปวดหัวมาให้เขาทั้งๆที่เพิ่งเจอกันไม่นาน คนที่..เรียกตัวเองว่าลูฟี่

     

                แปลก...กล้ามเนื้อปากของเขากลับกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆอย่างควบคุมไม่ได้ ทำไมกันนะ? พอคิดแล้วก็หงุดหงิดเป็นบ้า หงุดหงิดชะมัดเลย...ทั้งๆที่หงุดหงิดแท้ๆ แต่กลับหุบยิ้มไม่ได้เลย!


    - to be continue -


                   โย่^o^/ สวัสดีค่ะ เค้ามาอัพอีกตอนล๊าววววว ♥ ช่วงนี้อาจจะไม่ได้อัพเลยนะคะ ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนล่ะT-T เค้ายังไม่ทิ้งเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นไปไหนแค่ขอเวลาเคลียร์กับชีวิตตัวเองสักเดี๋ยวเดียวค่ะTwT แล้วเค้าสัญญาเค้าจะรีบกลับมาอัพค่ะ

                   ยังไงอ่านกันแล้วก็อย่าลืมกดแชร์ คอมเม้น หรือว่ากดติดตามเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะ^-^ Sharing is loving! สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อนนะคะ จุ้บๆ ♥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×