ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 24

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 59


      CR.SHL

    - Chapter 24 -

     

                สรรพเสียงรอบกายพลันอื้ออึงไปอย่างไร้เหตุผล เสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาทไม่หยุดมีเพียงเสียงเต้นระรัวของก้อนเนื้อข้างในหน้าอกด้านซ้ายเท่านั้น

     

                ลอว์จ้องคนตัวเล็กกว่าที่หน้าแดงก่ำไปถึงใบหูอย่างอดที่จะหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ก็เพราะน่ารักแบบนี้ไง..ถึงได้อดใจแกล้งไม่ไหวน่ะ

     

                แต่จะคุยกันตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่นัก ดูจากสถานการณ์และผู้คนค่อนโรงอาหารที่หันมาสนใจเขาและเจ้าตัวเล็กนี่เป็นตาเดียวแล้วน่ะนะ...เอาเป็นว่าไปคุยกันที่อื่นคงจะสะดวกกว่าถึงเขาจะรู้อยู่เต็มอกว่ายังไงก็คงมีคนตามไปก็เถอะ

     

                ว่าแล้วก็ถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆของอีกฝ่ายแล้วจูงออกจากบริเวณนั้น ตลอดทางที่เดินผ่านก็ได้ยินเสียงกระซิบจากผู้คนที่ดังอยู่อย่างไม่ขาดสาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ

     

                สายตาก็เหลือบมองคนด้านหลังอยู่ตลอด สังเกตได้ว่าเจ้าตัวเล็กประหม่าและทำอะไรไม่ถูกอย่างที่คิด ทำแค่ยืนตัวแข็งทื่อยอมเดินตามเขาต้อยๆราวกับลูกเป็ดน้อย แต่แก้มเนียนที่ขึ้นสีแดงจางๆนั่นทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นในองศาเล็กๆด้วยความเอ็นดู

     

                ไม่นานทั้งคู่ก็พ้นเขตโรงอาหารมาได้อย่างปลอดภัย

     

                ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในสวนหย่อมหลังตึกเรียน มันเป็นเพียงสวนหย่อมเล็กๆที่ปกติไม่มีคนผ่านไปผ่านมามากนัก มันจึงเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบอยู่ตลอดเวลา จะให้พูดว่าเป็นที่ที่เงียบที่สุดในโรงเรียนเลยก็ว่าได้

     

                ลอว์ปล่อยมือคนตัวเล็กกว่าแล้วหันกลับไปประจันหน้า ถึงตอนนี้เจ้านั่นก็ยังแก้มแดงไม่หาย ชวนให้อยากแกล้งอีกแล้วสิ...

     

                “คิดถึงฉันรึเปล่า?” ถามพลางยกยิ้มมุมปาก

     

                คนตัวเล็กกว่าไม่ตอบแต่ใบหน้าหวานพลันแดงแปร๊ดไปจนถึงใบหู แถมยังกัดริมฝีปากอวบของตัวเองซะแน่น ให้ตายสิ..คนบ้าอะไร ทำไมถึงได้น่าแกล้งได้ขนาดนี้นะ

     

                “ไม่..ไม่ได้คิดถึงสักหน่อย!” เจ้าตัวเล็กแหวลั่นพลางแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนตัวสูงกว่า

     

                “หืม?” ลอว์ยักคิ้วกวนประสาทมองใบหน้ายุ่งนั่นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น จนแทบจะหลุดขำออกมาเพราะใบหน้าที่แดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกของคนปากแข็งตรงหน้า “แล้วใครบอกให้ฉันมาหาล่ะ?”

     

                เจ้านั่นถึงกับสะอึก ดวงตากลมโตดูละล่ำละลักมองพื้นไม่กล้าช้อนขึ้นสบกับเขา

     

                ลอว์มองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะเอาหน้าผากของตัวเองชนกับหน้าผากนูนสวยของเจ้าตัวเล็ก

     

                คนตัวเล็กกว่าช้อนตาขึ้นมองด้วยท่าทีขัดเขิน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรก็ต้องหน้าร้อนผ่าวกว่าเก่าเมื่อคนตัวสูงประกบริมฝีปากอุ่นๆลงบนจมูกรั้นของตน

     

                การจุมพิตดำเนินไปอย่างเนิบๆทว่าเปี่ยมล้นไปด้วยความรักและอาลัย

     

                ให้ตายสิ..เขาคิดถึงเจ้านี่เป็นบ้า..ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้มีอิทธิพลต่อเขานักนะ ทั้งความคิด ความรู้สึก..หัวใจ ไม่ว่าจะทำอะไร เจ้านี่ก็จะผุดขึ้นมาในหัวของเขาเป็นอย่างแรกตลอด ไม่อยากจะห่างไปไหนไกล อยากอยู่ข้างๆคอยแกล้งและคอยปลอบ คอยดูแล คอยอยู่ข้างๆ..

     

                เป็นแค่เด็กซื่อบื้อตัวเล็กๆคนเดียวแท้ๆ

     

                ลอว์ค่อยๆถอนริมฝีปากออก อดไม่ได้ที่จะกลั่นแกล้งอีกฝ่ายโดยการขบกัดจมูกเล็กนั่นด้วยความหมั่นไส้ไปเต็มแรงจนจมูกรั้นขึ้นสีแดงเป็นรอยเขี้ยว

     

                “อือ! เจ็บ!” คนตัวเล็กโวยวายพลางผลักไหลอีกฝ่ายออก

     

                คนถูกผลักยอมผละออกตามที่บอกแต่ไม่วายแกล้งขยี้ปลายจมูกแดงก่ำของคนตัวเล็กด้วยจมูกโด่งเป็นสันของตัวเองแรงๆไปสองสามที

     

                “โทราโอะ!” ไม่ว่าเปล่ามือเล็กยังประท้วงโดยการทุบอกกว้างรัวๆ

     

                เขาจำต้องผละออกอย่างอดเสียดายไม่ได้ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจเมื่อได้เห็นใบหน้ายุ่งเหยิงของคนตัวเล็ก

     

                “ฉันไปล่ะ” ว่าพลางลูบหัวทุยๆนั่นเบาๆ  “วันเสาร์ 9 โมงเช้า ฉันจะไปรับที่บ้าน ไปกินเนื้อย่างกัน”

     

                นี่ก็เลยเวลาเข้าเรียนมามากแล้ว เพราะเวลาพักเที่ยงของมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนกับโรงเรียนของเจ้านี่มีเวลาพักไม่เท่ากันน่ะสิ..ทั้งๆที่เจ้าของก็คนเดียวกันแท้ๆ ทำให้มันเท่ากันไม่ได้รึไงนะ

     

                แถมกว่าเขาจะขับรถมาถึงที่นี่ก็ปาไปแล้วเกือบ 20 นาทีแล้วด้วย นับเวลากลับอีกเขาก็ไม่ได้เรียนหนึ่งคาบพอดี แต่ทำไงได้ล่ะ..ก็เขาอยากเจอเจ้านี่นี่ แค่ได้เห็นหน้า ได้หยอกเล่นแค่นี้เขาก็มีความสุขไปแทบทั้งวันแล้ว ลำบากหน่อย..แต่ก็นับว่าคุ้มค่าล่ะนะ

     

                “จะไปแล้วหรอ..” คนตัวเล็กถามเสียงแผ่ว นัยน์ตาสีรัตติกาลสุกสกาวมองอีกฝ่ายอ้อนๆ

     

                ให้ตาย..ดูใบหน้ากับดวงตาละห้อยนั่นสิ ราวกับลูกแมวน้อยไม่มีผิด น่ารักเป็นบ้า..อยากให้เขาบ้าตายหรือยังไงกัน

     

                “อืม” ลอว์ขานรับในคอแล้วลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มนั่นอีกหนก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือหนาลงมาจับแก้มนิ่มแล้วหยิกเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “เจอกันพรุ่งนี้นะ”

     

                พูดจบก็ฉีกยิ้มบางๆให้แล้วเดินออกไป

               

                ลูฟี่มองแผ่นหลังแกร่งของอีกฝ่ายที่ไกลออกไปเรื่อยๆก่อนจะยกมือขึ้นเกาจมูกของตัวเองเบาๆแล้วหันหลังกลับตรงไปยังโรงอาหาร

     

                ให้ตายเถอะ..หัวใจเขายังเต้นรัวไม่หยุดเลย

     

     

     

    19.22 น. ห้องนอนลูฟี่

     

                “เล่ามาให้หมด คิดว่าจะหนีพ้นหรอ?” นามิถามพลางเอาหนังสือเล่มบางในมือทุบหัวทุยของเพื่อนตัวเองเบาๆหลายๆครั้งด้วยความหมั่นไส้ “ถึงตอนกลางวันนายจะรอด แต่คืนนี้ไม่รอดแน่”

     

                ลูฟี่เงยหน้ามองเพื่อนสาวของตัวเองที่กำลังทุบหัวเขาไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้พลางมุ่ยหน้าใส่ แล้วยกมือขึ้นกุมหัว

     

                “อือ! รู้แล้วๆ เลิกตีฉันได้แล้วน่า”

     

                ฝ่ายเด็กสาวพอเห็นแบบนั้นก็อดสงสารเพื่อนตัวเองไม่ได้จำต้องยอมรามือแต่โดยดี

     

                ลูฟี่ขมวดคิ้วชนกันมุ่นมองเพื่อนสนิท 3 คนของตัวเองในชุดนอนตัวโปรดที่นั่งดาหน้าล้อมรอบตัวเขาเป็นวงกลมบนพื้น

     

                “เอ้า เล่ามาๆ อย่าให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียว” นามิเอ่ยพลางตัดกระดาษในมือไปพลาง “ตกลงนายกับหมอนั่นมีความสัมพันธ์กันแบบไหนแน่? คราวที่แล้วก็โผล่มาถึงงานเชื่อมไมตรีแถมยังขโมยตัวนายไปดื้อๆอีกต่างหาก”

     

                “พวกนายเป็นแฟนกันแล้วหรอ? นายไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักคำเลย” อุซปปที่กำลังง่วนอยู่กับกองกระดาษในมือโพล่งขึ้นด้วยท่าทีสนอกสนใจ

     

                คนตัวเล็กหน้าแดงซ่าน รีบส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก “ไม่ใช่นะ! เรายัง..เอ่อ..ยัง..ไม่ใช่แฟนกัน..”

     

                “แล้ว..? ตกลงพวกนายยังไงกันแน่เนี่ย” นามิเริ่มเหนื่อยใจกับเพื่อนสนิทตัวเอง เธอถอนใจออกมาอย่างหน่ายๆ ใจหนึ่งก็รู้สึกห่วงเพื่อนตัวเองไม่น้อย

     

                ถ้าพวกเขามีความสัมพันธ์กันแบบนั้นจริงๆ เธอก็ไม่ได้อยากห้ามแต่ถึงฝ่ายนั้นจะเป็นถึงเดือนมหาลัยก็ไม่ได้หมายความว่าจะไว้ใจได้เสมอไป หล่อ บ้านรวยขนาดนั้นมีสาวๆมาต่อคิวเสนอตัวให้อย่างไม่ขาดสายอยู่แล้วล่ะ แล้วอีกอย่าง เพื่อนเธอก็ช่างอ่อนเดียงสาแถมตามคนไม่ค่อยทันด้วยนี่สิ

     

                ก็เป็นซะแบบนี้จะไม่ให้เธอห่วงได้ยังไงกัน..

     

                พอคิดแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจออกมาอีกหน

     

                “ก็..เอ่อ...” ลูฟี่ยกมือขึ้นเกาแก้มด้วยท่าทีขัดเขิน “จะเริ่มยังไงดีล่ะ”

     

                หลังจากพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัวอยู่นานก็ตัดสินใจเล่าออกไปเท่าที่จำได้ แน่นอน..ว่าเขาไม่มีทางเล่าถึงวรีกรรมมากมายที่หมอนั่นฝากเอาไว้บนร่างกายเขาแน่ๆ

     

                โรบินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆได้แต่ฟังบทสนทนาของเพื่อนตัวเองอย่างเงียบๆ อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นเป็นระยะๆอย่างรูทัน ก็ดูจากที่เล่าๆมานั่นสิ..คนปกติที่ไหนเขาจะมาดูแล มาหา ปกป้อง แถมยังเอาใจขนาดนั้นกัน..คงจะมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ

     

                หรือไม่..ก็เป็นคนที่กำลังมีความรัก

     

                แต่มีหรือที่คนอย่างลูฟี่จะเข้าใจ นอกจากจะบอกตรงๆ ถ้าขืนอีกฝ่ายยังใจไม่กล้าพอที่จะสารภาพกับเจ้าตัว ก็อย่าหวังเลยว่าหมอนี่จะรู้ตัวน่ะ

     

                “แกนี่จริงๆเล้ย..หมอนั่นให้สร้อยแถมยังดูแลแทคแคร์ซะขนาดนี้แต่ไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ” อุซปปบ่นอุบอิบ ก่อนจะทุบหัวเพื่อนสนิทตัวเองไปเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

     

                ลูฟี่สะดุ้งเล็กน้อยทันทีที่ก้อนกำปั้นนั่นถูกวางแหมะลงบนหัว แต่ก็เงยหน้ากะพริบตาปริบๆมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางงงๆ “รู้อะไรหรอ?”

     

                อุซปปถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ “ช่างเถอะ ว่าแต่นายรู้รึเปล่าว่าสร้อยนั่นคืออะไรน่ะ”

     

                “หือ?” ลูฟี่พูดพลางหยิบจี้ฮาร์ทที่ห้อยอยู่ที่คอขึ้นมาดู “นี่น่ะหรอ? รู้สิ! จำได้ว่าซาชิเคยบอกครั้งหนึ่ง อืม...มันเป็นของที่สำคัญกับโทราโอะมากๆเลยล่ะ...แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้คืนหมอนั่นสักที” ว่าจบก็หัวเราะเจื่อนๆ

     

                นามิละความสนใจจากกระดาษในมือแล้วหันมาถอนใจใส่เพื่อนสนิทของตนอีกหน “หมอนั่นให้จี้นั่นกับนายก็หมายความว่าหมอนั่นแสดงความเป็นเจ้าของไงล่ะ ทีนี้พอคนอื่นเห็นนายกับจี้เส้นนั้น คนอื่นก็จะรู้ได้ทันทีว่านายมีเจ้าขงแล้ว และนายเป็นของใคร”

     

                “ก็บอกแล้วไงเล่า! ว่าหมอนั่นแค่ฝากไว้เฉยๆน่ะ!” ลูฟี่แหวลั่น ใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้นมา

     

                “แต่หมอนั่นไม่เคยถอดจี้เส้นนั้นให้ใครเลยนะ...” โรบินที่นั่งยิ้มคนเดียวมานานพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนาในมือแล้วหันมาส่งยิ้มหวานให้เพื่อนสนิทตัวเอง “มีก็แต่นายนั่นแหละ ลูฟี่”

     

                “เอ๋? โรบินรู้จักหมอนั่นด้วยหรอ?” ลูฟี่เอียงคอถาม

     

                “ก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันนี่ หมอนั่นอ่อนกว่าฉันแค่ปีเดียวเอง” ว่าพลางหัวเราะน้อยๆ

     

                “หมอนั่นเรียนมหาวิทยาลัยดองกีโฮเต้หรอเนี่ย ไม่น่าล่ะถึงมีแต่คนรู้จักหมอนั่น..” ลูฟี่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก “แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ”

     

                นามิกับอุซปปถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความระอาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายอีกหน ก่อนอุซปปจะสับมือลงบนกลางหัวเพื่อนตัวเองอย่างหน่ายใจ

     

                “หมอนั่นเป็นถึงเดือนมหาลัยนี่ เรียนดี กีฬาเด่น รูปหล่อ พ่อรวย ก็ไม่เห็นแปลกที่จะเป็นที่ต้องการของสาวๆ” อุซปปอธิบายพลางสังเกตท่าทางของเพื่อนสนิทตัวเองไปพลาง ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำแค่นั่งตาแป๋วฟังเขาอธิบายอย่างสนอกสนใจ

     

                “ส่วนจี้เส้นนั้นน่ะ เปรียบเหมือน หัวใจ ของเจ้าของจี้ตามชื่อนั่นแหละ” อุซปปว่าจบก็ฉีกยิ้มมีเลศนัย “หมอนั่นฝากจี้ไว้กับนายก็น่าจะรู้นี่ว่าหมายความว่ายังไง”

     

                โรบินยกมือป้องปากหัวเราะอย่างนึกสนุกกับท่าทางขัดเขินจนทำอะไรไม่ถูกของคนตัวเล็กที่หน้าแดงเสียยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก

     

                นามิกับอุซปปได้โอกาสรีบเอ่ยปากแซวเพื่อนสนิทตัวเองไม่หยุดจนเจ้าตัวเขินตัวแทบแตก แถมยังโวยวายลั่นบ้าน นั่นยิ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่เพื่อนสนิททั้งสองมากกว่าเก่า

     

                ก็อย่างว่าล่ะนะ..ลูฟี่ยังไงก็ยังคงเป็ลูฟี่ ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่คนที่ไม่เคยเหลียวมองผู้หญิงคนไหนอย่างหมอนั่นจะมาตกหลุมรักเด็กคนนี้จนแทบโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้น่ะ..ก็น่ารักซะขนาดนี้นี่

     

     

     

                ลูฟี่รีบคว้าสมาร์ทโฟนของตัวเองที่วางอยู่บนเตียงมาไว้ในมือแล้วรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องนอนของตนด้วยความเร่งรีบ ขาเล็กๆก้าวลงบันไดฉับๆตรงไปยังประตูบ้านด้วยความรวดเร็ว เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ และเขาก็เลยเวลานัดมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว

     

                “รีบไปไหนน่ะ ลูฟี่”

     

                เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก มือที่เอื้อมไปจับลูกบิดชะงักโดยอัตโนมัติ คนตัวเล็กหันหลังกลับไปหาพี่ชายตัวเองช้าๆก่อนจะฉีกยิ้มกว้างหัวเราะแหะๆให้พี่ของตน

     

                ปกติซาโบจะอยู่คอนโดที่อยู่ข้างโรงเรียน แต่เขาก็มักจะมาค้างกับพี่ชายและน้องชายของเขาบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และวันนี้ก็เป็นวันที่ซาโบมาค้างที่นี่

     

                ซาโบที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับแก้วกาแฟและขนมปังในมือมองน้องตัวเองอย่างงงๆ ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเสาร์แต่เจ้านั่นดูรีบเร่งซะยิ่งกว่าตอนไปโรงเรียนสายเสียอีก แถมปกติเวลาแบบนี้น้องชายของเขาควรจะนั่งเล่นเกมอยู่แท้ๆ

     

                “มีนัดหรอ” ถามพลางยกกาแฟร้อนกรุ่นขึ้นจิบ

     

                “ซาโบ อือ..ใช่..คือ...” คนตัวเล็กว่าพลางเกาแก้มตัวเองด้วยท่าทางขัดเขิน “ไป..กับโทราโอะน่ะ”

     

                คิ้วเข้มพาดผ่านใบหน้าหล่อเหลาของคนเป็นพี่ช้าๆก่อนเจ้าของใบหน้าที่ดูใจดีเกือบตลอดเวลาจะลดแก้วกาแฟในมือลง “ไปไหน?”

     

                “โทราโอะจะพาไปเลี้ยงเนื้อย่าง” ลูฟี่พูดจบก็เดินไปหยิบรองเท้าคอนเวริสสีแดงคู่โปรดของตัวเองมาจากตู้เก็บรองเท้าแล้วจัดการสวมมันทีละข้าง

     

                คนเป็นพี่มองน้องตัวเองด้วยความอ่อนใจแล้วเดินไปทิ้งก้นลงบนโซฟายาวสีแดง วางแก้วกาแฟและขนมปังลงบนโต๊ะก่อนหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดขึ้นมาอ่าน “แล้วเอสรู้รึเปล่า”

     

                “ยังไม่รู้เลย” ว่าพลางใส่รองเท้าไปพลาง

     

                “ฝากบอกหมอนั่นด้วยล่ะ” คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเคาะปลายเท้าลงกับพื้นไป 2-3 ครั้งเพื่อจัดรองเท้าที่สวมอยู่ให้เข้าที่ก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะตามแบบฉบับเจ้าตัว “ฉันไปละนะ เดี๋ยวกินเผื่อ”

     

                “อย่ากลับค่ำล่ะ” ผู้เป็นพี่เอ่ยพลางหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ

     

               

     

                ลอว์ที่ยืนพิงบิ๊กไบค์ของตัวเองมานานจนราบแทบขึ้นก้มดูเวลาในสมาร์ทโฟนของตัวเองก่อนเงยหน้าขึ้นมองระเบียงหน้าต่างชั้นบน

     

                ให้ตาย..หมอนั่นหลับคาห้องน้ำไปแล้วรึไงนะ ทั้งๆที่เมื่อวันก่อนก็บอกแล้วแท้ๆว่า 9 โมงเช้า..แต่พอเขามาถึงก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนตัวเล็กเลยสักนิด พอโทรไปก็กลายเป็นว่าเจ้านั่นยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่โทรไปคงหลับยาวแน่...

     

                ถ้าไม่ติดที่ว่าเกรงใจพี่ชายผมบลอนคนนั้นเขาคงจะปีนระเบียงขึ้นไปบนห้องเจ้านั่นแล้ว อย่างหมอนี่คงต้องใช้ไม้นี้เท่านั้นล่ะมั้ง..

     

                ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจออกมาอย่างหน่ายๆ

     

                “โทราโอะ!” 

     

                เสียงหวานอันคุ้นเคยดังขึ้นดึงคนตัวสูงออกจากห้วงความคิด เขาละความสนใจจากหน้าต่างชั้นสองแล้วหันไปตามที่มาของเสียง

     

                คนตัวเล็กที่กำลังวิ่งแจ้นมาหาเขาโบกมือไปมาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะไปถึงใบหู เป็นภาพที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของเขาให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ทันตา

     

                พอเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นด้วยความเอ็นดู

     

                “นึกว่าจะไม่มาแล้ว” ลอว์เอ่ยทันทีที่คนตัวเล็กมาหยุดอยู่ตรงหน้าไม่วายเอื้อมมือไปโยกหัวทุยนั่นเบาๆด้วยความหมั่นไส้

     

                “เนื้อย่างฟรีจะพลาดได้ไงล่ะ” ว่าพลางหัวเราะพลาง

     

                คนตัวสูงกว่าถอนใจอย่างหน่ายๆอีกหนก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคอีกใบที่เตรียมไว้ให้อีกฝ่ายโดยเฉพาะมาสวมหัวทุยนั่นแล้วจัดการคาดสายรัดคางให้เสร็จสรรพ

     

                หลังจากจัดการใส่หมวกกันน็อคให้ตัวเองและคนตัวเล็กกว่าเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์ของตน พลางชี้นิ้วหัวแม่มือไปข้างหลัง “จะไปไหม”

     

                ลูฟี่กะพริบตาปริบๆก่อนจะปีนขึ้นนั่งเบาะหลังอย่างทุลักทุเล ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็กทำให้การนั่งเบาะหลังบิ๊กไบค์ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลูฟี่เท่าไหร่นัก

     

                ใช้เวลาอยู่ 2-3 นาทีกว่าเจ้าตัวแสบจะขึ้นนั่งได้สำเร็จ

     

                “คราวหลังจะเอารถมารับละกัน” ลอว์ว่าด้วยน้ำเสียงกลั้นหัวเราะ โชคดีที่หมวกกันน็อคที่เขาใส่เป็นหมวกกันน็อคเต็มใบ เจ้าตัวเล็กเลยไม่ทันเห็นว่าเขากำลังกลั้นขำอยู่

     

                “หือ?” ลูฟี่ที่งนั่งอยู่ข้างหลังจับไหล่กว้าของเขาพร้อมกับเอียงตัวถาม “ทำไมหรอ?”

     

                ลอว์ไม่ตอบ เขาได้แต่กลั้นขำกับท่าทางของเจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้ประสีประสาอยู่ด้านหลัง ให้ตาย..ซื่อบื้อแบบนี้จะไม่ให้แกล้งได้ยังไง..


    - to be continue -


                   สวัสดีค่ะ;_; หายหน้าหายตาไปนาน (นานจริงนะเออ5555) ตั้งเดือนแน่ะ(._. ) หวังว่ายังไม่ลิมไรท์กันนะคะT_T ฮรือออออ คืองานที่โรงเรียนเยอะมากค่ะ เยอะแบบ**หายวายวอด;_; เพราะฉะนั้นขอให้รีดเดอร์เข้าใจด้วยนะคะกับการหายตัวไปของไรท์ //ยกมือกุมหน้า

                   แต่วันนี้ก็กลับมาอีพแล้ว :D เย่ววววว คิดถึงกันบ้างไหมคะ ไรท์มั่นใจว่าคำที่ไรท์จะต้องเจอคือ ไรท์หายไปนานมากจนลืมเนื้อเรื่องตอนที่แล้วไปแล้ว หรือไม่ก็ ไรท์กลับมาแล้ว ; ;  เจอแทบทุกตอนค่ะ แหม่ะ5555555 แต่ก็ดีค่ะ!;_; เป็นเครื่องน้ำเตือนว่าอย่างดอง! #ผิด ตอนนี้ก็เค็มยิ่งกว่าปลาร้ากับแตงกวาดองอีกค่ะ ฮรืออออออ #ผิด

                   เอาเป็นว่าต้องขอโทษจริงๆนะคะที่ชอบหายหน้าหายไปนาน แต่ไรท์รับรองว่าจะไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนค่ะ!(สปิริตแรงกล้า;w;) เพราะฉะนั้นจับมือกันไว้ทิลดิแอนด์ออฟเดอะไลน์นะคะ รักรีดเดอร์ทุกท่าค่ะ ♥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×