ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #24 : Chapter 23

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 59


      CR.SHL

    - Chapter 23 -

     

          “แกกกกกก!!” เอสตะโกนลั่น เขาปล่อยถุงหิ้วทั้งหมดในมือบนพื้นก่อนโผเข้าไปกอดน้องชายด้วยความหวงอย่างรวดเร็ว “แกมันคนที่จูบน้องชายฉันต่อหน้าสาธารณชนตอนวันงานเชื่อมไมตรีนี่! แล้วทำไมถึงมาโผล่ที่นี่! จะมาลักพาตัวลูฟี่รึไง!?”

     

          ลอว์แทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่กับคำพูดของพี่ชายผู้หวงน้องสุดขีดคนนี้...เป็นพี่น้องที่บ้าพอกันจริงๆ ผิดกับอีกคนโดยสิ้นเชิง...ที่ทำเพียงแค่ยืนกอดอกมองมาอย่างเงียบๆแต่เหมือนกำลังเชือดเฉือนเขาผ่านแววตาที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจคู่นั้น

     

          “เอส ฉ..ฉันหายใจไม่ออก..” คนตัวเล็กกว่าว่าเสียงสั่นพลางดิ้นเล็กน้อย มือบางทุบแขนแกร่งของผู้เป็นพี่เบาๆเป็นสัญญาณให้เขาปล่อย

     

          เอสยอมคลายอ้อมแขนออกแต่โดยดีเพราะเห็นแก่น้องชายตัวเล็กของตัวเอง กลัวว่าจะขาดอากาศหายใจตายเสียก่อนน่ะสิ...

     

          “โทราโอะ ไม่ได้ทำอะไรฉันสักหน่อย พวกนายคิดมากไปแล้วน่า” ลูฟี่ว่าพลางมุ่ยหน้าใส่

     

          “ยังไงก็เถอะ! ไอหมอนี่จูบนายนะ! จูบ! แบบเม้าท์ทูเม้าท์! ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนเลยด้วย” เอสเริ่มโวยวาย ลูฟี่ไม่อยากจะบอกเลยจริงๆว่านั่นไม่ใช่แค่จูบครั้งแรก ถ้าจะให้นับจริงๆ..ก็คงพูดได้เลยว่านับไม่ได้ และที่ลอว์เคยทำกับเขามัน...จะเรียกว่ายิ่งกว่าจูบได้รึเปล่านะ..

     

    ส่วนเรื่องที่จูบต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนนั้น เขาไม่เถียงจริงๆ..ตอนนั้นเขาเองก็โกรธหมอนี่เหมือนกัน แต่ทำยังไงได้ล่ะก็เขาดันทำกระดาษหล่นเองนี่...

     

    “เรื่องวันนั้นเป็นอุบัติเหตุ...” ลอว์เอ่ยเสียงนิ่มก่อนก้มหัวเล็กน้อย “ผมขอโทษจริงๆครับ”

     

    เอสถึงกับสะอึก ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากโวยวายใส่คนตรงหน้าสักแอะ ก็แหงล่ะ เล่นมารับโทษแทนทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนผิดแบบนี้...ใครมันจะไปว่าได้ลงคอกัน

     

    ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่จริงๆแล้วเอสก็รู้อยู่เต็มอกว่าคนที่ทำกระดาษหล่นน่ะคือน้องชายตัวแสบของเขาเองนี่แหละ ก็วันนั้นเขากับซาโบเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยนี่แถมยังเห็นเต็มๆสองตาแบบนั้น..ตอนนั้นเขาอยากจะกระโดดเข้าไปท่ามกลางฝูงชนแล้วกระชากน้องชายของตัวเองออกมาจริงๆ...

     

    ลูฟี่หน้าร้อนผ่าวไปถึงใบหูทันทีที่เห็นว่าคนตัวสูงกว่ากล่าวขอโทษพร้อมกับโค้งให้พี่ชายทั้งสองตัวเอง ทั้งๆที่..ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเนี่ยนะ? เขาไม่เห็นเข้าใจเลย ทำไมถึงต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย..แล้วทำไม..เขาต้องเขินด้วยล่ะเนี่ย!

     

    “ท..โทราโอะ ด..เดี๋ยวสิ!..

     

    “ให้ผม..”

     

    “คุณพูดเหมือนคุณทำน้องชายผมท้อง” ซาโบว่าติดตลกก่อนจะเดินมาฉีกยิ้มกว้างให้ “คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษขนาดนั้นหรอกครับ คุณทราฟาลก้า”

     

    ซาโบพูดจบลอว์ก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตางงๆ อะไรกัน..ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังจ้องอย่างกับจะจับเขากินเข้าไปทั้งตัวแต่ตอนนี้กลับยิ้มร่าแถมสายตายังดูเป็นมิตรผิดกับเมื่อกี้ราวกับเป็นคนละคนกันเลย ปรับอารมณ์ไม่ทันเลยแฮะ เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ

     

    “หรือคุณทำน้องชายผมท้องจริงๆ?” ไม่ว่าเปล่าแต่ยังหัวเราะออกมาหน้าตาเฉยอีกต่างหาก

     

    “ซาโบ!” ลูฟี่แหวลั่น ก็แหงล่ะ! เขาเป็นผู้ชายนะจะไปท้องได้ยังไงกันเล่า! อีกอย่างเขากับลอว์น่ะ..ยังไม่เคย...ทำเรื่องแบบนั้นสักหน่อย!

     

    ซาโบฉีกยิ้มมองใบหน้าแดงก่ำและอากัปกิริยาของน้องตัวเองอย่างรู้ทัน...ลูฟี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไอการที่ทำตัวร้อนรน เขินจนทำอะไรไม่ถูก..และไออาการเป็นห่วงเกินหน้าเกินตาแบบนั้นน่ะ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาออกหรอก...

     

    มีความรักกับเขาแล้วสินะ...เจ้าเด็กบ้า

               

                ลอว์ฉีกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ก่อนจะยกมือหนาขึ้นบังรอยยิ้มนั่นไว้ ให้ตายสิ..พอเห็นเด็กคนนี้เขินทีไรมันก็อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ... “ให้ผมรับผิดชอบยังไงดีล่ะครับ”

     

                “โทราโอะ!!” คนตัวเล็กแหวลั่นอีกเป็นครั้งที่สอง

     

                “เจ้าบ้า แกอยากหลับก่อนวัยอันควรรึไง” เอสโพล่งขึ้นก่อนจะดึงแขนน้องชายตัวเองให้กลับสู่อ้อมกอดของตนอีกครั้ง ใบหน้าตกกระแสดงออกถึงความหวงอย่างไม่ปกปิด ถึงเขาจะเป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่แต่เขาก็เป็นห่วงน้องชายของตัวเองเหมือนกันนะ

     

                ใบหน้าของลูฟี่ยังคงไม่หายแดง เขายกมือขึ้นจับแขนของพี่ชายตัวเองเบาๆ ถ้าหากว่าแขนนี่เป็นของลอว์ล่ะก็เขาคงจะก้มลงไปขบระบายความโกรธให้แขนระบมไปแล้วล่ะ...

     

                “ยังไงก็เถอะ ผมขอโทษจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้ผมคงต้องไปแล้ว” ลอว์เอ่ยพลางหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาดูเวลา

     

    หยิบขึ้นมาดูไปงั้นแหละ ทำให้ดูเหมือนรีบแต่จริงๆแล้วเขาว่างมากๆเลยต่างหากล่ะ และอยากจะใช้เวลานี้อยู่กับน้องชายที่พี่ทั้งสองแสนจะหวงแหนตลอดทั้งวัน แต่มันคงเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยาก..อีกอย่าง เขาไม่การันตีความปลอดภัยของอีกฝ่ายด้วย

     

    ถ้าทนไม่ไหวจริงๆมีหวังไม่พ้นมือเขาแน่

     

                “สวัสดีครับ” ลอว์โค้งเป็นการบอกลา

     

                “คุณทราฟาลก้า” ซาโบโค้งตอบ

     

                ลอว์หันหลังกลับแล้วหยิบรองเท้าหนังของตัวเองที่หล่นกระจัดกระจายมาสวมก่อนจะหันมาส่งยิ้มบางๆให้เด็กหนุ่มในอ้อมแขนของพี่ชายแล้วเดินออกจากบ้านไป

     

                ประตูบ้านปิดลง

     

                ลูฟี่ยังคงนิ่งราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง หัวใจของเขาเต้นโครมครามไม่ได้หยุดพักมาตั้งแต่ที่ซาโบเอ่ยปากแซวเรื่องเขากับลอว์แล้ว แล้วเมื่อกี้...อีกฝ่ายก็เพิ่งส่งยิ้มให้เขา มันเป็นรอยยิ้มที่เขาไม่ได้เห็นบ่อยนัก...ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่เคยเห็นเลยต่างหาก

     

                “ด..เดี๋ยวฉันมานะ” ตั้งสติได้ก็รีบแกะมือพี่ชายออกแล้ววิ่งแจ้นออกจากบ้านไปโดยไม่สวมรองเท้า

     

                เอสและซาโบได้แต่ยืนมองน้องชายตัวเองอย่างเงียบๆ

     

    “ให้ตายสิ..” เอสบ่นก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวอย่างหน่ายๆ แหงล่ะ ก็เด็กคนนี้ชอบทำให้พวกเขาเป็นห่วงนี่..ซื่อบื้อไรเดียงสาแบบนั้น จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงกันล่ะ

     

    ซาโบยิ้มน้อยๆ เขาเองก็เป็นห่วงน้องชายตัวเองเหมือนกัน แต่พอเห็นท่าทางมีความสุขแบบนั้นแล้วมันก็อดไม่ได้นี่นะ...ปล่อยให้ทำตามใจตัวเองไปก็แล้วกัน ยังไงเด็กนี่ก็เริ่มโตแล้วนี่

     

    ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ถ้าอีกฝ่ายทำอะไรน้องชายของเขาล่ะก็ เขาไม่มีทางปล่อยไว้แน่..

     

     

     

                “โทราโอะ!” เสียงใสดังขึ้นเรียกลอว์ให้หันไปหา

     

                เมื่อเขาหันไปก็พบกับร่างเล็กๆที่กำลังวิ่งตามเขาออกมาจากบ้านด้วยท่าทีร้อนรน เขาย่อตัวลงเล็กน้อยเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพอดี

     

                “ว่าไง”

     

                “จมูกนาย..”

     

                “หือ?” ลอว์ทำหน้างงนิดๆก่อนจะยกมือขึ้นจับจมูกตัวเอง แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะความเจ็บแปลบเข้าเล่นงาน จริงสิ เมื่อกี้เขาโดนพี่ของลูฟี่เปิดประตูอัดหน้าไปเต็มแรงขนาดนั้น...ลืมไปได้ยังไงนะ ดั้งไม่หักก็ดีแค่ไหนแล้วเชียว...

     

                ลูฟี่มองลอว์ด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาสีดำแวววาวกำลังแสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างไม่ปกปิด ริมฝีปากอวบและพวงแก้มขึ้นสีชมพูจางๆช่างเป็นภาพที่ดูมีชีวิตชีวาเหลือเกิน...

     

                “อ้อ นี่หรอ ไม่เป็นไรหรอก” ว่าจบก็เกาปลายจมูกตัวเองเบาๆแล้วกลอกตาหนี ก็ดูดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมาที่เขาสิ...จะไม่ให้เขาเขินได้ยังไงกัน ถึงจะเป็นฝ่ายที่แกล้งตลอดแต่พออีกฝ่ายมองมาที่เขาด้วยดวงตาคู่สวยคู่นั้นทีไรเขาก็แทบจะกลายเป็นบ้าทุกที

     

                “แต่มันห้อเลือดแล้วนะ ม่วงมากๆด้วย” ไม่ว่าเปล่ายังเอื้อมมือขึ้นไปลูบสันจมูกของอีกฝ่ายเบาๆด้วยความเป็นห่วง ลูฟี่ไม่ได้โกหกหรือพูดเกินจริง มันห้อเลือดจริงๆ..แถมยังดูเหมือนจะช้ำด้วย

     

                “โอ้ย!” ลอว์ร้องลั่นก่อนจะเอามือขึ้นกุมจมูกตัวเอง

     

                “ไหนว่าไม่เป็นไรไง” ลูฟี่ว่าพลางย่นจมูกใส่

     

                น่ารักชะมัด...

               

                หัวใจของลอว์เต้นรัวจนแทบจะทะลุออกจากออกมาเสียตรงนั้น ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง เขาก็ยิ่งจะบ้าตายเสียตรงนั้น อยากจะกระชากหัวใจที่กำลังเต้นตุบๆของตัวเองออกมาแล้วเอาให้เด็กคนนี้เหลือเกิน ให้ตาย..แค่มองเฉยๆก็ทำเอาเขาแทบละลายแล้ว ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้นะ สักวันเขาต้องบ้าตายแน่ๆ

     

                คิ้วหนาขมวดเข้าหากันช้าๆ เมื่อเห็นท่าทีผวาของคนร่างเล็กกว่า อะไร..? ทำไมอยู่ๆถึง..

     

                “หวา! โทราโอะ!

     

                อะไร?..

     

                “จ..เจ็บขนาดนั้นเลยหรอ ฉันจับเบาๆเองนะ..” ลูฟี่เอ่ยด้วยความร้อนรนระคนรู้สึกผิด

     

                “หา?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดแบบนั้นก็รีบยกมือจับจมูกตัวเองทันที ก็ไม่มีอะไรนี่..มันก็เจ็บ...แบบเมื่อกี้ ลอว์ขมวดคิ้วแน่นกว่าเก่าด้วยความงุนงงก่อนจะค่อยเลื่อนนิ้วลงมาเรื่อยๆ...

     

                สัมผัสของเหลวอุ่นๆที่ปลายนิ้วทำเอาเจ้าตัวงงกว่าเก่า ลอว์ลดมือลงแล้วมองคราบของเหลวสีแดงที่ติดอยู่ปลายนิ้วเรียวของตัวเอง       

     

                “เลือด..?”

     

                “เจ็บหรอ..? ที่จับเมื่อกี้น่ะ...” ลูฟี่ถามด้วยความรู้สึกผิด เดิมทีอีกฝ่ายก็เจ็บอยู่แล้ว เขาดันไปทำให้เลือดออกอีก โธ่เอ๊ย..ลูฟี่ อย่างที่บอกนั่นแหละ เขาทำแผลให้ใครก็ไม่เป็นแถมยังทำให้แย่ลงกว่าเดิมอีก เขาไม่น่าไปหาเรื่องให้อีกฝ่ายเลย..

     

    แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าก็ไม่มีด้วยสิ

     

                “ข..ขอโทษนะ” ไม่ว่าเปล่าแต่ยังทำหน้ารู้สึกผิดราวกับเด็กที่กำลังถูกพ่อแม่ดุอย่างนั้นแหละ...

     

                ลอว์สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่เลอะลงมาถึงริมฝีปากบางของตัวเอง เขายกหลังมือขึ้นเช็ดจนคราบเลือดเลอะไปถึงแก้ม ทว่าของเหลวอุ่นยังคงไม่หยุดไหลออกมาจากโพรงจมูก ต้องให้เขาเลือดหมดตัวตายก่อนหรือยังไงกัน ให้ตายสิ!

     

                “ท..โทราโอะ เลือดนาย..ไหลไม่หยุดเลย! อย..อย่าเพิ่งตายนะ! เดี๋ยวฉัน..เอ่อ...ฉันไปเรียกซาโบมาดีกว่า รออยู่ตรงนี้...อ๊ะ” ลูฟี่หันหลังกลับเตรียมวิ่งเข้าไปในบ้าน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาก็ถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้เสียก่อน

     

                “ฉัน..ไม่เป็นไร” ลอว์คว้าเขนเล็กๆของอีกฝ่ายไว้พลางใช้มือข้างที่ยังว่างขึ้นบีบจมูกตัวเองเบาๆเพื่อห้ามเลือดกำเดา

     

                “แต่...” ลูฟี่อึกอัก “เลือดนาย..”

     

                “ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดนายหรอก”

     

                ลอว์วางมือข้างที่ยังไม่เปื้อนเลือดลงบนกลุ่มผมยุ่งๆของอีกฝ่ายเบาๆแล้วจัดการขยี้แรงๆด้วยความหมั่นไส้ ที่เขาเลือดกำเดาไหลเยอะขนาดนี้ก็เพราะเด็กเพี้ยนคนนี้แท้ๆ...แต่ไม่ใช่เพราะเจ็บหรอก เพราะอย่างอื่นต่างหาก ตั้งใจจะฆ่าเขารึไงกัน

     

                “ยังไงฉันก็จะกลับอยู่แล้ว เดี๋ยวกลับไปถึงคอนโดแล้วประคบเย็นสักพักก็คงหาย” พูดทั้งๆที่เลือดกำเดายังคงพรั่งพรูออกมาไม่หยุด

     

                “แน่ใจนะ? นายไม่เป็นไรแน่นะ?” ลูฟี่ถามด้วยความเป็นกังวล

     

                อา...ใบหน้าหวานๆนั่น..ไม่ไหว...

     

                “ฉันกลับล่ะ” ลอว์บอกลาก่อนจะขยี้กลุ่มผมสีดำขลับนั่นอีกครั้งแล้วหันหลังกลับเดินขึ้นรถทันที

     

                ลอว์ทิ้งก้นลงบนเบาะฝั่งคนขับแล้วหลับตาลงพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นิ้วเรียวยาวยังคงห้ามเลือดไม่ให้ไหลออกจากโพรงจมูกของตัวเอง

     

    เขาลืมตาขึ้นช้าๆ ทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกก็ถึงกับสะดุ้งโหยง นี่เขาเป็นซอมบี้หรือไงเนี่ย! เลือดเขาไหลเยอะขนาดนี้จริงๆหรอ? ให้ตายสิ นี่ก็ยังไม่หยุดไหลอีก ถ้ายังไหลออกมาเรื่อยๆแบบนี้มีหวังเขาได้ขาดเลือดตายก่อนแหงๆ แต่เลือดกำเดาไหลแบบนี้จะขับรถได้ยังไงกันล่ะ

     

    หยุดคิดถึงใบหน้าหวานๆนั่นไม่ได้เลย..เขาจะขาดเลือดตายก่อนหรือบ้าตายก่อนกันแน่นะ...

     

    ว่าแล้วก็เผลอถอนหายใจออกมาอีกหน

     

     

     

                “เฮ้ๆ จะกินก็กินให้มันช้าๆหน่อย อยากสำลักข้าวตายรึไง” เสียงทุ้มของชายหนุ่มผมสีเขียวเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนตัวน้อยๆจอมตะกละของตัวเองตักข้าวเข้าปากคำโต ยังเคี้ยวไม่ทันหมดก็กลืนแล้วตักคำใหม่เข้าปากเสียแล้ว

     

    เขามองเพื่อนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหน่ายๆ มีเพื่อนไม่เอาไหนให้คอยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาก็แบบนี้ละนะ...

     

                “ไม่เป็นไรหรอกน่า” คนตัวเล็กกว่าว่าพลางหัวเราะร่าทั้งๆที่ยังเคี้ยวอาหารอยู่เต็มปาก

               

                โซโรมองเพื่อนสนิทของตัวเองพลางถอนหายใจออกมายาวยืดอีกหนด้วยความระอาก่อนจะหันกลับไปสนใจข้าวปั้นก้อนโตในมือของตัวเองต่อ

     

                ลูฟี่เงยหน้าขึ้นจากข้าวหน้าเนื้อซอสฮายาชิของตัวเอง พลางมองหน้าเพื่อนสนิทอีกสามคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร “นี่ เย็นนี้ไปค้างที่บ้านฉันไหม? ยังไงก็ต้องทำงานกลุ่มนี่” พูดจบพลางตักข้าวเข้าปากไปอีกคำ

     

                “หือ? ก็ดีนะ เดี๋ยวฉันชวนโรบินไปด้วยดีกว่า” นามิเอ่ยก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองที่วางคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะขึ้นมากด “แล้วพวกนายมีใครจะไปค้างบ้านลูฟี่อีกไหม?”

     

                “ฉันไปด้วย” อุซปปพูดในขณะที่ยังเคี้ยวอาหารอยู่เต็มปาก

     

                “โซโร ซันจิ พวกนายล่ะ?”

     

                “ผมไม่ว่างน่ะสิ ขอโทษนะครับนามิ-จัง” ซันจิพูดเสียงหวานด้วยความเสียดาย “น่าเสียดายจริงๆทั้งๆที่จะได้เห็นนามิ-จังกับโรบิน-ซังในชุดนอนแท้ๆ...”

     

                “หนวกหูจริงๆ ไอกุ๊กหื่น” โซโรปรามเพื่อนของตัวเองแล้วส่งข้าวปั้นเข้าปาก “ฉันไม่ว่างเหมือนกัน..”

     

                “ไอหัวมาริโมะ..! นายว่าฉันงั้นหรอ...!?” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกอีกฝ่ายยัดข้าวปั้นในมือใส่จนเต็มปากเสียก่อน ซันจิไอสำลักพลางกำมือแล้วทุบหน้าอกตัวเอง

     

                “ถ้าไม่รีบกินจะหมดเวลาพักเที่ยงก่อนนะ แค่นี้นายก็จะแห้งตายอยู่แล้ว” โซโรกล่าวโดยไม่สนใจเพื่อนที่กำลังชักดิ้นชักงอด้วยข้าวปั้นคำโตเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังหยิบก้อนใหม่ขึ้นมาเคี้ยวตุ่ยๆอย่างไม่แยแสอีกต่างหาก

     

                ซันจิกลืนข้าวปั้นทั้งหมดลงคอก่อนจะหันมาโวยวายใส่เพื่อนตัวเอง “นายจะฆ่าฉันรึไง!?”

     

                “คงงั้นมั้ง...”

     

                “เจ้าหัวมาริโมะ..!!

     

                “พอทั้งคู่นั่นแหละ...” นามิรีบห้ามเอาไว้ก่อนเพื่อนทั้งสองของเธอจะเปิดศึกกันกลางโรงอาหารจริงๆ “รีบๆกินข้าวได้แล้ว ถ้ามัวแต่เถียงกันเดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวกันพอดี”

     

    “คร้าบบบบ นามิ-จัง

     

    ลูฟี่ได้แต่มองเพื่อนสนิทของตัวเองเถียงกันอย่างเงียบๆ นั่นนับเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันของเขาล่ะนะ แต่มันก็ทำให้เขาไม่เหงา ถ้าวันไหนพวกนี้เลิกเถียงกันบรรยากาศในกลุ่มคงจะเงียบแปลกๆ ถึงแม้ตัวเขาเองจะเป็นคนที่ส่งเสียงดังที่สุดในกลุ่มก็เถอะ

     

    จริงสิ...พูดถึงพักเที่ยง เมื่อวันเสาร์ลอว์บอกว่าจะมาหานี่นา แต่ตอนนี้เขายังไม่เห็นแม้แต่วี่แววเงาของหมอนั่นเลยสักนิด จะผิดสัญญารึไง..

     

    พอคิดแบบนั้นก็เผลอมุ่ยหน้าใส่จานข้าวซะงั้น

     

    “หือ? เป็นอะไรรึเปล่าลูฟี่ ทำไมอยู่ๆทำหน้าแบบนั้นล่ะ?” อุซปปที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ถามเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองทำหน้ามุ่ยใส่จานข้าว

     

    “อ๊ะ! ปล..เปล่า...” พูดจบก็หันไปสวาปามฮายาชิของตัวเองต่อ

     

    หือ? เขาคิดไปเองรึเปล่านะ ว่าอยู่ๆทุกคนก็ดูแปลกๆไป..ทำไมอยู่ๆเสียงพูดคุยในโรงอาหารก็เปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบแทนล่ะ

     

    ลูฟี่เงยหน้าขึ้นจากฮายาชิแล้วหันซ้ายหันขวา ทุกคนแปลกไปจริงๆด้วย พวกผู้หญิงบางกลุ่มก็หน้าแดงแถมยังส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดในกลุ่มตัวเองอีกต่างหาก บางกลุ่มก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาทำเหมือนจะถ่ายรูป..หรือว่ามีดารามา? ไม่เห็นมีใครบอกเขาเลยนี่

     

    “มีอะไรกันหรอ? ดารามา?”

     

    “ไม่รู้สิ คงงั้นมั้ง พวกผู้หญิงที่เจอผู้ชายหล่อๆก็เป็นแบบนี้ทุกคน” นามิพูดอย่างไม่แยแสพลางหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม

     

    “เธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันไม่ใช่รึไง? ทำไมไม่กรี๊ดกร๊าดผู้ชายเหมือนคนอื่นๆบ้างล่ะ?” อุซปปทำเสียงแหลมเลียนแบบเสียงผู้หญิงแล้วตักข้าวคำโตเข้าปากอีกคำ

     

    “ฉันไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้นสักหน่อย” เธอตอบก่อนหันกลับไปสนใจข้าวแกงกะหรี่ตรงหน้าต่อ

     

    ลูฟี่ยังคงง่วนอยู่กับฮายาชิของตนจนไม่ค่อยได้สังเกตรอบๆข้างว่าพวกกลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆกำลังจะลงไปดิ้นบนพื้นแล้ว ต่อให้สังเกตก็คงไม่รู้สาเหตุอยู่ดีล่ะนะ

     

    “ลูฟี่” นามิกระซิบ “ฉันว่าพวกผู้หญิงกำลังจ้องนายอยู่นะ”

     

    “หา?”

     

    นามิมองไปรอบๆอยู่สักพักก่อนจะสะดุ้งเฮือกจนลูฟี่ถึงกับสะดุ้งไปตามๆกัน เธอคว้าแขนของคนข้างๆที่บางพอๆกันกับของเธอมาก่อนจะกระซิบใส่ใบหูเล็กๆนั่น

     

    “ลูฟี่! มีคนมาหาแน่ะ!

     

    “หา?” ลูฟี่งงหนักกว่าเก่า “ใคร...”

     

    เอ๊ะ..หรือว่า...

     

    ไม่ทันที่ลูฟี่จะได้ตั้งสติริมฝีปากของเขาก็ถูกนิ้วหัวแม่มือของใครบางคนปาดไปถึงพวงแก้มเสียก่อน เขาหลับตาลงเพราะตกใจ แต่เมื่อเจ้าของมือหนาผละออกเขาก็ลืมตาขึ้นช้าๆ

     

    แล้วใบหน้าของเขาก็แดงก่ำและร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมา คิ้วบางขมวดเข้าหากันช้าๆ ริมฝีปากอวบสีชมกุหลาบอ้าออกแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา ให้ตายสิ! เขาอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียตรงนี้จริงๆ!

     

    “กินเลอะเทอะจังนะ..” อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ตรงสันจมูกของเขามีพลาสเตอร์แปะเอาไว้ “หมวกฟาง-ยะ”


    - to be continue -


                   ไอ-แอม-แบ๊คคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!!!!!! #ผิด กล่าวสวัสดีค่ะ ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย//โค้ง ข้าพเจ้ากลับมาแล้ววววววTOT คิดถึงกันไหมคะ ฮรืออออออออ ไม่ได้อัพนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว พอดีว่าเพิ่งว่างค่ะ แต่หลังจากนี้ไรท์ว่างยาวๆเลยค่ะ5555555 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอัพเร็วขึ้นนะคะ #ผิดมหันต์

                   กลับมาพร้อมกับความกินเด็ก(?)อีกแล่วค่ะทุกท่าน55555555555555 (ขึ้นชื่อว่าลอว์ลูนี่ คำว่า'กินเด็ก'ลอยมาตั้งแต่จอยน์แฟนด้อมแล้วล่ะค่ะ //เอิ้กๆ) ยังไงก็เถอะ ตอนนี้คงผิดคาดสำหรับหลายๆคนล่ะสิ อิอิ-3- ก็คุณพี่ชายซาโบออกจะใจดี แต่ถ้าเห็นหมอแต๊ะอั๋งฟี่น้อยเมื่อไหร่ลล่ะก็เตรียมตัวหัวหลุดออกจากบ่าได้เลยค่ะหมอ555555

                   รู้สึกดีจังเลยค่ะ ชีวิตโคตรเป็นไทTvT ไม่มีโปรเจกต์ ไม่มีสอบ ขุ่นพระ คุ้มค่าไหมกับการอดหลับอดนอน;_; #ผิด

                   ยังไงอ่านกันแล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจกันด้วยนะคะ รักรีดเดอร์ทุกท่านค่ะ :D แล้วก็สัญญานะคะ ว่าจะพยายามมาอัพให้เร็วขึ้นค่ะT^T ยังไงจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ดองไว้แน่นอน เพราะวางพล็อตไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นไว้ใจไรท์แล้วจับมือกันไว้ทิลดิแอนด์ออฟเดอะไลน์นะคะ <3


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×