คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Chapter 21
- Chapter 21 -
“ไม่เอา” ผมตอบพร้อมกับมุ่ยหน้าใส่อีกฝ่าย “ยังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์นี่..ให้ฉันนอนที่นี่ไม่ได้หรอ”
โทราโอะขมวดคิ้วเข้าหากันมุ่น “ไม่ได้”
หมายความว่ายังไง ‘ไม่ได้’ ผมไม่เข้าใจหมอนี่จริงๆเลย ทำไมเขาถึงได้เป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนขนาดนี้นะ ทั้งๆตอนแรกเขาก็เป็นคนตอบตกลงเองแท้ๆว่าให้ผมนอนที่ห้องเขาได้น่ะ
“นายต้องกลับไป”
“แต่ฉันไม่อยากกลับ” ผมส่ายหน้าพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ “ฉันอยากอยู่กับโทราโอะนี่”
ทันทีที่ผมพูดจบเขาก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเองก่อนจะเบือนหน้าหนี อะไรของเขานะ ชอบทำตัวแปลกๆ...แต่ผมพูดจริงๆนะ ผมอยากอยู่กับโทราโอะนี่..เวลาอยู่กับโทราโอะแล้วมันรู้สึกดีแปลกๆ เขา..อบอุ่นล่ะมั้ง..? อีกอย่างถ้ากลับไปตอนนี้ในสภาพแบบนี้ เอสกับซาโบเห็นมีหวังโทราโอะศพไม่สวยแน่ๆ แล้วผมก็ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้ด้วย
ผมแอบเห็นโทราโอะหลับตาลงช้าๆเหมือนกำลังครุ่นคิด ในเวลานี้เขาดูสงบมากๆ...เขาสะบัดหัวเบาๆเหมือนพยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านบางอย่างออกจากหัวแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เป็นเหตุให้ผมเผลอบุ้ยปากโดยอัตโนมัติ เขาลืมตาขึ้นช้าๆเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเทาคู่สวยที่ซ่อนไว้หลังเปลือกตานั่นก่อนจะหันมาหาผมพร้อมถอนหายใจยาวยืดออกมาอีกครั้ง
“ก็ได้” เขาตอบก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว กินเสร็จเอาจานไปวางตรงซิ้งค์น้ำด้วย” พูดแค่นั้นก็หมุนปลายเท้าเดินออกจากห้องครัวไป
ผมกะพริบตาปริบๆมองแผ่นหลังกว้างนั่นอย่างงงๆ อะไรของเขานะ เปลี่ยนอารมณ์เร็วชะมัด..คิดอย่างนั้นก็เผลอมุ่ยหน้าใส่แผ่นหลังของอีกฝ่ายทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางเห็น ผมหันกลับมามองจานอาหารตรงหน้าพร้อมกับเริ่มจัดการกับข้าวหน้าเนื้อของตัวเองต่อ
“ขอบใจนะ โทราโอะ” เขาชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง ทำท่าเหมือนจะหันมาแต่ก็ไม่ได้หันมา ผมฉีกยิ้มกว้างใส่ข้าวหน้าเนื้อในจานราวกับคนบ้า สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ค่อยๆตีขึ้นมาบนใบหน้าทีละน้อยๆ
“สำหรับทุกอย่าง” ผมไม่รู้ว่าเขากำลังแสดงสีหน้ายังไงอยู่เพราะผมเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่แข็งแกร่งและเรือนผมสีดำขลับชี้ไปมาของเขาเท่านั้น เขารีบเดินออกจากห้องครัวไปโดยไม่พูดอะไรแต่ผมแอบสังเกตเห็นใบหูของเขาที่แดงนิดๆ แค่นั้นผมก็พอจะเดาออกว่าเขารับรู้แล้วล่ะ พอเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆออกมา ถึงจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงแดงก็เถอะ
ผมโกยจานอาหารที่ผมเพิ่งจะกินเสร็จไปไว้ที่ซิ้งค์น้ำตามที่โทราโอะบอกก่อนจะตรงไปตู้เย็นที่อยู่ข้างๆแล้วเปิดมันออก ข้างในแทบจะไม่มีอะไรเลย...มีแค่อาหารไม่กี่อย่างเอง ให้ตาย ในหนึ่งวันหมอนี่ได้กินอะไรเข้าไปบ้างรึเปล่าเนี่ย? แต่ช่างเถอะ ผมยักไหล่ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเหยือกน้ำสีใสที่บรรจุน้ำไว้เต็มเหยือกแล้ววางมันลงบนโต๊ะ
แก้ว..หมอนั่นเก็บแก้วไว้ไหนนะ ผมเอานิ้วชี้ขึ้นเคาะริมฝีปากตัวเองเบาๆอย่างครุ่นคิด ผมเปิดดูตามลิ้นชักตามเคาน์เตอร์บาร์ในห้องครัวและตู้ติดผนังแต่ก็ไม่เจออะไรเลย...นอกจากถ้วย ช้อน ส้อม จาน จาน จาน แล้วก็จาน! อะไร หมอนี่ไม่มีแก้วสักใบเลยรึไง! หิวน้ำ ผมงอแงกับตัวเองในใจพลางทำหน้าบึ้งใส่เหล่าจานชามช้อนส้อมด้วยความไม่พอใจ
เอ๊ะ หรือว่าจะอยู่เคาน์เตอร์บาร์ข้างนอก? คิดได้อย่างนั้นก็รีบหมุนปลายเท้าออกจากห้องครัวแล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ทันที และก็ไม่ต้องหาให้เสียเวลา ผมเจอแก้วหลายขนาดและรูปร่างเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบอยู่บนชั้นวางของติดผนัง ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าน้ำเย็นๆสักแก้วแล้วเพราะผมรู้สึกคอแห้งราวกับว่าย้ายทะเลทรายซาฮาร่ามาไว้ในคออย่างนั้นแหละ แต่ปัญหาคือมันสูงเกินไปหน่อย...
ผมเขย่งขาจนสุดปลายเท้า แขนแห้งๆยื่นออกไปจนสุดมือพยายามจะเอื้อมให้ถึงแก้วน้ำที่วางอยู่บนชั้นวางสองชั้นบน ที่วางก็มีตั้งสี่ชั้น จะเอาไปวางอะไรสูงขนาดนั้นนะ! กลัวมีคนขโมยรึไง!?
ไม่ว่าจะเขย่งยังไงมันก็ไม่ถึงสักที ผมเขย่งจนสุดแล้วแต่ปลายนิ้วของผมก็แตะถึงแค่ขอบชั้นวางชั้นที่สามเท่านั้นเอง ไม่แตะโดนแก้วแม้แต่ปลายเล็บเลยด้วยซ้ำ ให้ตายสิ ชักจะเกลียดหมอนั่นขึ้นมาจริงๆแล้วนะ ใครใช้ให้เอาชั้นวางของไปไว้สูงขนาดนี้กัน คิดว่าเกิดมาสูงแล้วทำอะไรก็ได้รึไง!? ทำไมการจะดื่มน้ำแก้วเดียวของผมมันถึงได้ลำบากยากเย็นขนาดนี้นะ
“อื้อ!” ผมถอดใจแล้วลดเท้าลงมายืนในท่าปกติก่อนจะมุ่ยหน้ามองแก้วที่เรียงกันอยู่บนชั้น เดี๋ยวก็ยกดื่มทั้งเหยือกเลย ให้ตายสิ ถ้าทนไม่ไหวเมื่อไหร่ผมทำแบบนั้นจริงๆแน่
ผมลองเขย่งเท้าตัวเองอีกครั้งด้วยความหวังแรงกล้าว่าจะเอื้อม...
“ทำอะไรของนาย?”
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว มันฟังดูเหมือนระอาและเหนื่อยใจเต็มทีแล้ว สัมผัสอุ่นจากกล้ามเนื้อที่แนบอยู่ตรงหลังลงไปถึงสะโพกทำเอาใจผมหยุดเต้นไปห้วงหนึ่ง ความชื้นและกลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่ที่คุ้นเคยอบอวลอยู่รอบๆ ขาของผมอ่อนยวบลงอัตโนมัติกลับลงมายืนท่าปกติอีกครั้ง ผมก้มหน้ามองเคาน์เตอร์ที่ใช้แขนทั้งสองยันตัวไว้ ในตอนนี้มันคือสิ่งเดียวที่ช่วยพยุงไม่ให้ผมล้ม สัมผัสได้ถึงความร้อนบนดวงหน้าที่เหมือนจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง
เหมือนโดนรังแก อยู่ๆเขาก็แนบตัวเข้ามาแน่นขึ้นทำเอาหัวใจแทบจะแตกออกเป็นชิ้น มือข้างหนึ่งยันกับเคาน์เตอร์บาร์ไว้ราวกับว่าเขากำลังโอบกอดผมจากข้างหลัง เดาว่ามืออีกข้างคงเอื้อมไปหยิบแก้วอยู่ ผมใจเต้นโครมครามหนักกว่าเก่าเมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มและอุ่นของกล้ามเนื้อนูนๆที่แนบอยู่ตรงสะโพก
“เอื้อมไม่ถึงก็ไปเอาเก้าอี้มาสิ” เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมายาวยืด
ผมยังเม้มริมฝีปากแน่นไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ตอนนี้เรี่ยวแรงจะยืนยังแทบไม่มี สมองก็ขาวโพลนไปหมดแล้ว คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น รู้แค่ว่าถ้าเขายังไม่ออกไปผมต้องกลายเป็นบ้าแน่ๆ
เขาผละออกจากตัวผมแล้ววางแก้วไว้ข้างๆมือ ผมใช้แรงทั้งหมดที่มีหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วค่อยๆหันไปประจันหน้ากับอีกฝ่ายช้าๆ ริมฝีปากของผมยังคงสั่นไม่หยุด ภาพชายร่างสูงเบื้องหน้าทำเอาผมแทบจะหยุดหายใจไปซะตรงนั้น หัวใจผมสูบฉีดเลือดด้วยความไวแสงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกเมื่อผมเห็นโทราโอะในสภาพที่เหลือแต่กางเกงขาสั้นที่แทบจะไม่ปกปิดอะไรบนร่างกายเลยสักนิดยกเว้นส่วนนั้น...เผยให้เห็นรอยสักแปลกๆที่มีอยู่ทั่วร่างกายท่อนบน หยดน้ำเกาะอยู่ตามผิวสีแทนและเรือนผมสีดำของเขาค่อยๆไหลลงอาบเรือนร่างนั่นให้ใจผมเต้นรัวกว่าเก่า ไรขนบางๆโผล่พ้นขอบกางเกงขาสั้นนั่นออกมา ม..ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อนหรอกนะ จริงๆผมเห็นตั้งแต่วันนั้นในซอยนั่นแล้ว แต่ตอนนั้น..มันยังไม่เยอะขนาดนี้นี่...
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆทั้งหมดออกไปจากหัวแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่โทราโอะก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆดังอยู่ข้างหลังตามมาด้วยเสียงบานประตูที่ถูกเปิดออก เดาว่าคงเป็นตู้เสื้อผ้า สงสัยเขาคงจะหาเสื้อมาใส่ละมั้ง...ก็ดีแล้วล่ะ! ใครที่ไหนเขานอนทั้งๆที่ยังล่อนจ้อนแบบนั้นกันล่ะ!?
หลังจากผมดื่มน้ำให้หายคอแห้งแล้วก็เอาแก้วไปวางรวมไว้กับจานในซิ้งค์ก่อนจะยกเหยือกน้ำกลับไปเก็บไว้ในตู้เย็นเหมือนเดิม ทันทีที่ผมก้าวออกมาจากห้องครัวผมก็เจอกับโทราโอะในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นตัวเดิมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือของเขา เขาสวมแว่นเวลาอ่านหนังสือด้วยแฮะ...ผมเพิ่งรู้ ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ผมเหนื่อยมากและอยากนอนเต็มทีแล้ว แต่..ผมยังไม่ได้แปรงฟันนี่แหละ
“โทราโอะ นายมีแปรงฟันอันใหม่ให้ฉันยืมไหม?” ผมหันไปถามเขา เขาละสายตาจากหนังสือในมือแล้วหันมาหาผม
“ไม่มี” ตอบอย่างเรียบๆตามแบบฉบับเจ้าตัว
ผมยู่หน้าเข้าหากัน แบบนี้ผมก็แปรงฟันไม่ได้น่ะสิ... “งั้นฉันใช้ของนายได้ไหม” ผมถามออกไปพร้อมกับเอียงคอมองด้วยความเคยชิน เขาขมวดคิ้วเข้าหากันอยู่ครู่หนึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนจะคลายปมคิ้วออกแล้วพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ตามใจ” พูดจบก็หันกลับไปสนใจหนังสือในมือต่อ
ผมฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะ “ขอบใจนะ” เขาไม่ตอบ
ผมเดินมาหยุดอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ หน้ากระจกดูไม่มีอะไรมากนัก มีแค่โฟมล้างหน้าหนึ่งหลอด มีดโกนหนวดที่วางอยู่ในแก้วกับแปรงฟันและหลอดยาสีฟัน แล้วก็สบู่เหลวสำหรับล้างมือ ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ ตอนที่ผมไปนอนบ้านนามิน่ะ ของยัยนั่นรุงรังเต็มหน้ากระจกไปหมดแถมยังมีเส้นผมสีส้มของเธออยู่ทุกที่ในห้องอีกต่างหาก ผมหยิบแปรงฟันสีขาวที่วางอยู่ในแก้วขึ้นมา ขนแปรงของเขายังเปียกอยู่แสดงว่าเขาเพิ่งแปรงเสร็จสินะ ผมหยิบหลอดยาสีฟันขึ้นมาบีบใส่ขนแปรงแล้วจัดการทำความสะอาดฟันของตัวเองทันที
“โทราโอะ ทำไมต้องเอาหมอนข้างกั้นด้วยล่ะ...” ผมพูดในความมืด ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินรึเปล่าด้วยซ้ำ เพราะเหมือนผมคุยกับหมอนข้างเสียมากกว่า
ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาจากเขา เขายังนิ่งเงียบ เตียงไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่คอยดังอยู่เป็นเพื่อน ผมบุ้ยปากใส่หมอนข้างอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้พวกเราเข้านอนแล้ว โดยผมนอนบนเตียงกับโทราโอะ ตอนแรกเขาบอกว่าจะให้ผมนอนข้างบนส่วนเขาจะนอนข้างล่าง แต่ผมไม่อยากนอนคนเดียวนี่ อีกอย่างไหนๆเขาก็อยู่ด้วยแล้ว เลยขอให้เขานอนเป็นเพื่อน ตอนแรกดูเหมือนเขาจะไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ยอมอยู่ดี ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ทำไมเขาต้องเอาหมอนข้างมากั้นไว้ตรงกลางด้วยนะ..หรือว่าเขาจะโกรธผม?
“นี่..โทราโอะ นายโกรธฉันหรอ...?”
ผมถามออกไป ไม่มีเสียงตอบรับสิ่งที่ผมได้กลับมาคือเสียงพ่นลมหายใจหนักๆของอีกฝ่ายเท่านั้น พอได้ยินแบบนั้นผมก็มุ่ยหน้าใส่ แล้วก็ถอดใจ ผมหลับตาลงและตะแคงหันไปอีกข้าง
ตอนที่ผมกำลังจะขยับตัวเพื่อตะแคงอีกข้างโทราโอะก็ชิงเอาหมอนข้างออกไปเสียก่อน ผมสะดุ้งเล็กน้อย พยายามมองหาเขาในความมืดแต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด สิ่งเดียวที่สัมผัสได้คือเสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่ดังอยู่ข้างๆ ผมฉีกยิ้มบางๆออกมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะรู้รึเปล่า แต่เรื่องนั้นน่ะ..ช่างมันเถอะ อย่างน้อยในตอนนี้ก็...
“ฝันดีนะ” ผมพูดเสียงแผ่ว “โทราโอะ”
ผมลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อสัมผัสได้ถึงแสงแดดจางๆที่แยงตาก่อนกะพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับโฟกัส ผมจ้องมองเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคยอยู่อย่างนั้นสักพักแล้วลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาเล็กน้อย โทราโอะไม่อยู่แล้ว ข้างๆผมที่ควรจะมีร่างของเขานอนอยู่ตอนนี้กลับว่างเปล่า มีเพียงหมอนใบหนึ่งและผ้าห่มผืนเดียวกันกับที่ผมห่มอยู่เท่านั้น
ผมได้กลิ่นกาแฟลอยมาจากห้องครัว ผมรีบดึงผ้าห่มออกทันที ขาทั้งสองก้าวลงจากเตียงทีละข้างแล้วตรงปรี่ไปยังห้องครัวทั้งๆที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่เพียงตัวเดียว
โทราโอะกำลังยืนชงกาแฟอยู่ เขายังสวมเสื้อและกางเกงขาสั้นตัวเดิม เขาคนกาแฟในแก้วสองสามทีแล้วหันมาหาผม ใต้ตาของเขามีรอยคล้ำเล็กน้อย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมใต้ตาเขาถึงได้คล้ำตลอดเวลาแบบนั้นหรือปกติเขาอาจจะนอนดึกเป็นประจำ ผมของเขายุ่งไม่เป็นทรงราวกับสิงโต เดาว่าก็คงไม่แตกต่างจากผมสักเท่าไหร่
“ตื่นแล้วหรอ” เขาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “ฉันทำอาหารเช้าไว้ให้แล้ว”
ผมฉีกยิ้มกว้างแล้วตรงไปนั่งบนเก้าอี้ทันที เขายกจานอาหารมาวางไว้หน้าผมพร้อมกับช้อนส้อมซึ่งผมก็รีบจัดการสวาปามมันอย่างไม่รีรอ เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงหน้าแล้วจัดการกับกาแฟร้อนกรุ่นในแก้วตัวเองอย่างเงียบๆ
“นายไม่กินข้าวเช้าหรอ?” ผมถามออกไปโดยที่ยังเคี้ยวอาหารตุ่ยๆอยู่เต็มปาก
“ฉันไม่หิว” เขาตอบมาแค่นั้น
“นายนี่แปลกนะ” ผมกลืนอาหารที่เคี้ยวอยู่ลงคอ เขาขมวดมองผมด้วยสายตาที่ฉายแววสงสัยเล็กน้อย ผมตักอาหารคำโตเข้าปากอีกคำ “ปกติเวลาเอสกับซาโบกินกาแฟจะกินกับขนมปัง แต่นายกินแต่กาแฟเปล่าๆ”
“ฉันไม่ชอบขนมปัง”
“แล้วทำไมถึงชอบกินกาแฟล่ะ?” ผมถามพร้อมกับขมวดคิ้วเอียงคอมองด้วยความเคยชิน
“ไม่รู้” เขาตอบแล้วยกแก้วกาแฟในมือขึ้นจิบ
หลังจากผมอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วโทราโอะก็ตรงเข้าไปอาบต่อทันที ปล่อยให้ผมที่นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนั่งคิดว่าจะเอาเสื้อที่ไหนมาใส่..ชุดนักเรียนของผมเขาก็เอาไปซักแล้ว แล้วจะให้ผมใส่อะไรล่ะ..ผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเขาแล้วเปิดออกอย่างถือวิสาสะ เสื้อแต่ละตัวของเขาก็ใหญ่ชะมัด นี่คนใส่หรือควายใส่กันแน่นะ
ผมเปิดลิ้นชักที่อยู่ข้างล่างออกมาก็เจอบ็อกเซอร์รัดรูปเคลวินไคลน์ของเขาพับวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วคลี่ดู XL…ให้ตาย! นี่มีอะไรของเขาที่ผมใส่ได้บ้างนะ ใหญ่ตั้งสองไซส์ขนาดนี้ยังไงก็คงใส่ไม่ได้ ผมเก็บมันลงที่เดิมแล้วบุ้ยปากใส่ แล้วผมจะใส่อะไรล่ะ!
สุดท้ายผมก็ต้องหยิบกางเกงในเคลวินไคลน์สีเทาของเขามาตัวหนึ่งแล้วใส่มันเพราะไม่มีอะไรจะใส่แล้วจริงๆ หลวมไปหน่อย แต่ช่างมันเถอะ ผมหยิบเสื้อยืดของเขาที่ผมคิดว่าเล็กที่สุดมาสวม ส่วนกางเกง..ผมใช้มันสมองอันน้อยนิดของตัวเองครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วก็ตัดสินใจรื้อตะกร้าผ้าซักที่วางอยู่หน้าห้องน้ำ เสื้อนักเรียนของผมยังเปียกอยู่เลย..แต่ดีที่กางเกงแห้งแล้ว ผมหยิบกางเกงนักเรียนสีดำขายาวของตัวเองออกมาแล้วใส่มัน เมื่อคืนผมเอาเข็มขัดไปวางทิ้งไว้ตรงไหนนะ..ช่างมันเถอะ ยังไงที่บ้านก็ยังมีอีกอันนี่นะ
เสียงลูกบิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับร่างเปียกโชดของโทราโอะ กลิ่นสบู่อันแสนคุ้นเคยลอยมาเตะจมูกผมอีกครั้ง เขาอยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวที่ไม่ต่างอะไรจากกางเกงขาสั้นเมื่อคืนเลยสักนิด ตอนนั้นเหมือนหัวใจผมจะเต้นข้ามไปหนึ่งจังหวะ เขาเช็ดเท้าตรงพรมเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำแล้วเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เปิดมันออกแล้วเลือกชุดที่จะสวมมาไว้ในมือโดยไม่ลืมที่จะหยิบบ็อกเซอร์รัดรูปของตัวเองไปด้วยก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
ดูเหมือนเขาจะไม่เอะใจเลยสักนิดว่ากางเกงในของตัวเองหายไปตัวหนึ่ง
- to be continue -
สวัสดีค่ะ รีดเดอร์ทุกท่าน^_^/ กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ และนี่เองค่ะ เหตุผมที่ไรท์เบลอๆไปรีไรต์แบบบรรยายผ่านความรุ้สึกของฟี่น้อย เพราะกำลังแต่งตอนนี้อยู่ พอไปรีไรทืเลยเบลอ55555 แต่ก็อย่างนี้แหละค่ะ;_; คนเรามันเบลอกันได้(บางทีก็บ่อยไปนะ;w;)
เอาเป็นว่าขอบคุณที่เข้ามาอ่านหันนะคะ อ่านกันแล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจกันด้วยน้า <3 รักรีดเดอร์ทุกท่านค่ะ><
ความคิดเห็น