คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 19
- Chapter 19 –
วันนี้อากาศยังคงสดใสเหมือนปกติ ท้องฟ้าโค้งสีครามถูกประดับด้วยเมฆสีขาวเป็นริ้วๆ เสียงนกขับร้องทักทายยามเช้าประกอบกับสายลมอ่อนๆที่พัดเอาใบไม้เอนไปตามทิศทางของลมยิ่งให้ความรู้สึกสดฃื่น แสงแดดสีทองสาดทะลุกิ่งก้านใบกระทบลงบนดิน ช่างเป็นวันใหม่ที่สดใสจริงๆ
เท้าเล็กของลูฟี่ก้าวฉับๆตรงไปยังโรงอาหารของโรงเรียน
เขาอ้าปากกว้างหาวหวอดๆพลางยกมือขึ้นเกาหัวให้เรือนผมสีดำขลับยุ่งเหยิงนั่นยุ่งเหยิงกว่าเก่า
ในยามเช้าตรู่แบบนี้ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าอาหารเช้าอย่างแน่นอน
วันนี้เขาก็ติดกระดุมเม็ดบนสุดอีกเช่นเคย...แม้จะอึดอัดอยู่นิดหน่อยเพราะไม่ค่อยชินแต่ก็ต้องจำใจยอมปิดรอยจ้ำแดงๆที่หมอนั่นทำไว้เพราะไม่อยากให้พี่ชายขี้หวงทั้งสองและเพื่อนๆเห็น...ดูเหมือนรอบแดงนี่จะสร้างความลำบากให้เขามากกว่าที่คิดเหมือนกัน...
ตั้งแต่วันที่ลอว์บุกขึ้นมาบนห้องของลูฟี่ก็ผ่านมาเกือบๆอาทิตย์แล้ว
เขาไม่ได้เจอหมอนั่นอีกเลย คงเป็นเพราะทางมหาวิทยาลัยมีงานเยอะอีกฝ่ายเลยไม่ค่อยมีเวลาโผล่หน้าโผล่ตามากวนเขามากนัก
จะว่าไป...เขาลืมเรื่องจี้นั่นไปเสียสนิทเลย เมื่อไหร่จะได้คืนสักทีนะ
พอมีจี้นั่นอยู่ติดตัวแบบนี้มันก็ชวนทำให้เขารู้สึกไม่ดีตามไปด้วย...
ลูฟี่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆพลางทิ้งก้นลงบนเก้าอี้ในโรงอาหาร ในเวลาเช้าๆแบบนี้ยังไม่มีคนมากนักแต่ก็ยังมีรุ่นพี่มัธยมปลายอยู่ไม่น้อย คงจะเป็นเพราะโปรเจกต์บางอย่างที่พี่ชายทั้งสองของเขาก็กำลังทำอยู่เหมือนกันทำให้พวกพี่ๆพวกนี้ต้องเบิกตาตื่นมาโรงเรียนแต่เช้า
ลูฟี่ถอดกระเป๋าเป้ที่สะพายบ่าอยู่ออกพลางวางมันไว้บนเก้าอี้ตัวข้างๆ มือเล็กเปิดซิบกระเป๋าก่อนจะล้วงเข้าไปควานหากระเป๋าเงินที่ควรจะอยู่ในนั้นแต่กลับพบเพียงสมุดแค่ไม่กี่เล่มกับปากกาลูกลื่นหนึ่งแท่ง...
อยู่ไหนนะ...จำได้ว่าเมื่อเช้าก็หยิบมาแล้วนี่...หรือว่าจะลืมไว้ที่บ้าน!
“อ้าว ลูฟี่” เสียงหวานดังขึ้นจากข้างหลังในขณะที่ลูฟี่กำลังง่วนอยู่กับการหากระเป๋าเงินทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยถึงแม้เสียงนี้จะคุ้นหูเขาก็ตาม เขาละความสนใจจากกระเป๋าเป้ในมือก่อนจะหันไปหาที่มาของเสียง
“เบบี้ไฟว์”
หญิงสาวส่งยิ้มน้อยๆให้คนตัวเล็กกว่าก่อนจะวางกระเป๋าสะพายสีแดงของตัวเองไว้บนโต๊ะและทิ้งก้นลงนั่งข้างๆอีกฝ่าย “วันนี้มาเช้าจังนะ”
“อ๋อ พอดีวันนี้พี่ชายฉันมีโปรเจกต์ต้องทำน่ะ เลยมาเช้า”
เจ้าตัวตอบพร้อมกับหัวเราะแห้งๆพลางยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ “แล้วเธอล่ะ?
มีโปรเจกต์เหมือนกันหรอ?”
หญิงสาวยกแขนบางๆของตัวเองขึ้นชันคางของตัวเองแล้วส่งยิ้มมาให้เขา
“อื้อ”
ลูฟี่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาฉีกยิ้มแห้งๆออกมา สถานการณ์ดูเหมือนจะอึดอัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อไม่มีใครพูดอะไรอีก ลูฟี่ทำได้แค่กลอกนัยน์ตากลมสีรัตติกาลของตัวเองหนีนัยน์ตาคมปลาบคู่สวยของอีกฝ่ายเท่านั้น ในเวลาแบบนี้...ทำไมถึงนึกคำพูดแม้แต่คำเดียวไม่ออกเลยนะ...ให้มันได้อย่างนี้สิ!
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันนั้นเขากลับรู้สึกผิดเหมือนตัวเองไปขัดขวางความรักของเบบี้ไฟว์กับลอว์คนจนเขาแทบจะมองหน้าอีกฝ่ายไม่ติดแล้วด้วยซ้ำ...
แล้วยังต้องมาเจอกันซึ่งๆหน้าแบบนี้อีก...อีกฝ่ายจะคิดว่าเขาเป็นคนบอกให้หมอนั่นเลิกกับเธอรึเปล่านะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว โอ๊ย...ทำไมต้องโผล่มาตอนนี้ด้วยนะ ทั้งสัปดาห์มีเวลาตั้งเยอะไม่เห็นจะโผล่มาเลย
อย่างกับจงใจจะโผล่มาตอนที่เขาอยู่คนเดียวอย่างนั้นแหละ
“เรื่องลอว์น่ะ...”
อยู่ๆอีกฝ่ายก็โพล่งขึ้นทำเอาลูฟี่สะดุ้งเฮือกจนขนลุกซู่ไปทั้งตัวราวกับอ่านความคิดของเขาออก
ใบหน้าหวานที่เคยขึ้นสีแดงจางๆอย่างมีชีวิตชีวาเปลี่ยนเป็นซีดเผือดอย่างไร้ชีวิตขึ้นมาทันที
เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นมาตามใบหน้าและไรผมสีดำขลับจนลูฟี่สัมผัสได้ถึงความชื้นที่เริ่มไหลอาบแก้มใสของตน
เธอต้องเข้าใจเขาผิดแน่ๆ
“อ..เอ่อ...เรื่องนั้น
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้”
“ฉันแค่โกรธที่หมอนั่นไม่ยอมบอกความจริงเฉยๆ
ก็เลย...เผลอไปทำตัวงี่เง่าใส่หมอนั่นน่ะ...” ลูฟี่เองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นอีกฝ่ายมองเขาด้วยนัยน์ตาสีเข้มคมปลาบที่แอบแฝงไปด้วยความดูแคลน...
ก็คงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะโกรธเขา...เพราะเขาได้ไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเธอและลอว์ไปแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม รู้สึกผิดชะมัด...เขาก็แค่โกรธหมอนั่นที่ไม่ยอมบอกความจริงเท่านั้นเอง...รึเปล่า? หรือจริงๆแล้วในใจของเขาแอบแฝงความรู้สึกอย่างอื่น...
เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน..ว่ามันคืออะไรกันแน่ รู้เพียงแค่ว่าเขาไม่ชอบสิ่งที่อยู่ในหัวของเขาเอาเสียเลย...
“แต่ฉันไม่ได้ไปบอกให้หมอนั่นเลิกกับเธอนะ! ฉันขอโทษจริงๆที่ทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้
ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ...”
ลูฟี่พูดจบก็ก้มหน้าลงหลบสายตาดูแคลนของอีกฝ่าย
นัยน์ตาสีรัตติกาลกลมคู่สวยแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด
อีกฝ่ายจะต้องเกลียดเขามากๆแน่ๆ...
“คิดมากน่า...ฉันไม่โกรธนายสักหน่อย”
หญิงสาวพูดพลางหัวเราะน้อยๆ ริมฝีปากเรียวที่ถูกเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
ใบหน้างดงามของเธอกลับมาดูเป็นมิตรอีกครั้งผิดกับใบหน้าเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
ลูฟี่เงยหน้าขึ้นจากพื้นพลางเอียงคอมองหน้าอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตากลมโตคู่สวยที่แฝงไปด้วยความสงสัย
“ไม่โกรธเลยหรอ...?”
อีกฝ่ายยกมือข้างที่ยังว่างขึ้นปิดปากพลางหัวเราะออกมาอย่างไม่ปกปิดกับความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย
“ไม่เลยจ่ะ”
สายตาดูแคลนเมื่อครู่หายไปแล้ว
“เอาเป็นว่ารีบหาอะไรทานซะนะ
ฉันไม่กวนล่ะ เพราะเดี๋ยวฉันต้องขึ้นไปจัดการกับโปรเจกต์ของตัวเองแล้ว”
เธอลุกขึ้นยืนพลางหยิบกระเป๋าสะพายสีแดงดูมียี่ห้อที่วางอยู่บนโต๊ะมาสะพายที่บ่าของเธอ
เธอหันมายิ้มให้อีกฝ่ายอีกครั้งพร้อมกับโบกมือเบาๆในอากาศ
“บ๊าย บาย” พูดแค่นั้นเธอก็หันหลังแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ
ลูฟี่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางเอาคางเกยโต๊ะ
อา...โชคดีจังที่อีกฝ่ายไม่ได้โกรธเขาน่ะ...แต่สายตาดูแคลนของเธอช่างสมจริงเหลือเกิน...สมจริงเสียจน..เขารู้สึกกลัวขึ้นมาเลยแฮะ...
ยังไงก็เถอะ! เขาคงจะคิดไปเองเสียมากกว่า
ก็อีกฝ่ายทั้งสวยและใจดีขนาดนั้นไม่มีทางที่จะทำสายตาแบบนั้นใส่ใครหรอกน่า
เขาคงจะหิวจนตาลายแล้วสิเนี่ย..จริงสิ เขายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา
ตั้งแต่มาถึงก็หากระเป๋าเงินไม่เจอแล้ว...เขาทำหล่นไว้ที่ไหนรึเปล่านะ?
ว่าแล้วก็หันกลับไปสนใจกระเป๋าเป้ใบโปรดของตัวเองอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะหายังไงเขาก็เจอแค่สมุดบางๆไม่กี่เล่มกับปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินแท่งเดียวเท่านั้น
ก็จำได้ว่าหยิบมาแล้วนี่นา...สงสัยคงทำหล่นแหงๆ
ลูฟี่ถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะรูดซิบปิดกระเป๋าเป้ใบนั้นแล้วหยิบมันขึ้นมาสะพายบนบ่าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ให้ตายสิ...อุตส่าห์คิดว่าจะได้หาอะไรกินหน่อยแท้ๆ
แบบนี้เขาก็ต้องอดข้าวเช้าไปน่ะสิ...เขาก็ยืมเงินเหล่าเพื่อนๆของเขาไม่ได้ด้วยเพราะเพื่อนๆของพวกเขาก็มากันสายเกือบทุกวันน่ะสิ...และเดาว่าวันนี้พวกนั้นก็ต้องมาสายแน่ๆ
ขาบางๆของลูฟี่พาร่างของตัวเองตรงไปยังตึกเรียนของตน
ในหัวก็นึกหงุดหงิดที่ทำกระเป๋าเงินหายมีหวังเอสรู้เข้าเขาคงโดนเฉ่งยับอีกเป็นแน่แท้
ดีนะที่วันนี้เขาไม่ได้พกเงินในกระเป๋าเงินเยอะเท่าไหร่
ที่มีก็คงจะเป็นบัตรประจำตัวนักเรียน บัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็ม
แล้วก็บัตรสมาชิกร้านอาหารกับโรงหนังล่ะมั้ง...ที่เขาเป็นห่วงน่ะคือบัตรสมาชิกร้านอาหารต่างหาก
อย่างนี้เขาก็ไม่ได้รับส่วนลดเวลาไปทานที่ร้านน่ะสิ...
โอ๊ย! วันนี้มันวันอะไรเนี่ย โชคร้ายแต่เช้าเลย!
“เอาล่ะ ตั้งใจฟังแล้วจดตามดีๆนะ ข้อนี้ออกสอบ กรณ์ที่สองของ...”
เสียงทุ้มต่ำของชายวัยกลางคนผู้เป็นอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์คือเสียงเดียวที่ดังอยู่ในห้องหากไม่นับเสียงนกร้องและเสียงลมพัดจากข้างนอกที่ลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามา
ลูฟี่ได้แต่นั่งเขี่ยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินไปมาที่โต๊ะเรียนของตัวเองอย่างหน่ายๆ
สมุดเล่มบางที่ถูกเปิดวางไว้ตรงหน้าไม่มีร่องรอยการขีดเขียนมีเพียงภาพวาดพิลึกๆเท่านั้นที่ประดับใบหน้ากระดาษสีขาวไม่ให้ดูจืดชืดจนเกินไป
น่าเบื่อชะมัด...เขาล่ะเบื่อคาบคณิตศาสตร์ที่สุดเลยล่ะ...เพราะมันทั้งยากและต้องใช้ความคิดด้วยเหตุผลนี้เองทำให้วิชานี้เป็นวิชาที่คนที่ไม่ค่อยจะคิดอะไรแบบเขาเกลียดไปโดยปริยาย
ถ้าเป็นวิชาพละหรือวิชาที่ต้องใช้ร่างกายก็ว่าไปอย่าง เขาน่ะถนัดกว่าใครเลยล่ะ
ลูฟี่ยกมือขึ้นป้องปากหาวไปหวอดใหญ่ด้วยความง่วงเมื่อเห็นว่าอาจารย์วัยกลางคนยังคงพล่ามไม่หยุดอยู่หน้าห้องแต่ก็ต้องถึงกับหน้าหงายเมื่อถูกอาจารย์ผู้สอนปาแท่งชอล์กทั้งแท่งใส่กลางแสกหน้าผากอย่างจังจนเจ้าตัวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“มังกี้
ดี ลูฟี่! เธอจะเรียนไหม!? นี่โรงเรียนนะไม่ใช่ห้องนอน!” เมื่ออาจารย์วัยกลางคนดุก็เรียกเสียงหัวเราะจากเหล่าเพื่อนๆในห้องให้ลุกฮือขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ลูฟี่ได้แต่ทำหน้ามุ่ยเบ้ปากใส่อาจารย์วัยกลางคนอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรออกไปเพราะขี้เกียจหาเรื่องใส่ตัว
ยิ่งไม่ได้ทานอาหารเช้าแบบนี้ยิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้วด้วยซ้ำ...
อาจารย์วัยกลางคนส่ายหน้าไปมาอย่างหน่ายๆก่อนจะเดินไปหยิบแท่งชอล์กแท่งใหม่ในกล่องสีขาวเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
“ถ้าเธอไม่อยากเรียนล่ะก็ ไปหยิบกองแบบฝึกหัดที่ห้องออฟฟิศครูเลยไป”
ลูฟี่สะดุ้งเฮือก
เขาลุกขึ้นยืนพลางโวยวายใส่ตามระเบียบ “หา!? แต่มันอยู่อีก 2 ตึกถัดจากนี่เลยนะ
แถมยังมีตั้งเกือบ 50 เล่ม จะให้ผมไปคนเดียวหรอ!?”
“ก็จะได้ออกกำลังกายไง
ง่วงนักไม่ใช่รึไง เอ้า! ไปได้แล้ว
เดี๋ยวจะใช้แล้ว เวลาหมดก่อนฉันโทษแกนะ”
อาจารย์วัยกลางคนพูดจบเสียงหัวเราะจากนักเรียนทั้งห้องก็ลุกฮือขึ้น
ลูฟี่มุ่ยหน้าใส่อาจารย์ตรงหน้าด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
ลูฟี่ลากขาบางๆของตัวเองไปตามโถงระเบียงทางเดินผ่านทางเชื่อมไปอีกสองตึกอย่างหน่ายๆ
ก็แหงล่ะ ห้องเรียนของเขาก็อยู่ตั้งชั้น 5 ออฟฟิศของอาจารย์คนนั้นก็ดันอยู่ชั้นล่างสุดอีก
2 ตึกผลัดจากตึกนี้น่ะสิ แถมหนังสือเรียนตั้งเยอะขนาดนั้นใครจะไปแบกไหวกัน...
ว่าแล้วก็บุ้ยปากออกมาอย่างไม่พอใจอีกครั้ง
ประตูออฟฟิศถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของลูฟี่เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานที่มีกองหนังสือมากมายเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ
เขาเดินหากองหนังสือของห้องตัวเองอยู่นานก่อนจะพบว่ามันถูกวางเอาไว้รวมกับกองอื่นๆของชั้นมัธยมปลาย
ไม่รอช้ามือหนารีบเอื้อมไปหยิบกองหนังสือพวกนั้นแล้วเดินออกมาอย่างทุลักทุเล
หนักกว่าที่คิดเยอะ แถมตัวเขายังเล็ก
แค่กองหนังสือพวกนี้ก็บังทางเขาไปครึ่งแล้ว...เขาแทบจะไม่ไม่เป็นอะไรนอกจากเพดานสีขาวของโรงเรียนกับหน้าต่างที่มองเห็นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น...
ถ้าเขาต้องเดินแบบนี้ขึ้นลงบันไดมีหวังตกบันไดตายแหง...เกิดมาตัวเล็กก็ลำบากแบบนี้แหละนะ
เขาล่ะเกลียดตัวเองจริงๆ
“ให้ผมช่วยไหม?”
เสียงทุ้มต่ำที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้น
ดวงตากลมโตของลูฟี่เบิกกว้างด้วยความแปลกใจ เขาเอียงหน้าออกมาจากกองหนังสือและเมื่อพบว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นเขาก็เผลอฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“โทราโอะ”
ลูฟี่พูดพลางหัวเราะตามแบบฉบับเจ้าตัว
“หือ?..หมวกฟาง-ยะ”
อีกฝ่ายยกคิ้วหนาขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจก่อนมันจะขมวดเข้าชนกันมุ่นแทน “ทำบ้าอะไรของนาย
ถือหนังสือมากขนาดนี้อยากตกบันไดตายรึไง” ทำไมคำพูดมันไม่เหมือนเมื่อกี้...เมื่อกี้ไม่ได้พูดแบบนี้...
ลูฟี่มุ่ยหน้าใส่อีกฝ่าย
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากพูดอะไร กองหนังสือทั้งหมดในมือก็ตกไปอยู่ในมือหนาของอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ทำอะไร...”
“นำทางไปห้องนายแล้วไม่ต้องพูดมาก”
ลูฟี่ได้รับคำสั่งมาแบบนั้นเขาก็พยักหน้ารับงึกๆแล้วบอกทางไปห้องเรียนของตัวเองอย่างงงๆ
เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนที่ค่อนข้างสูง
การจะถือหนังสือมากมายขนาดนั้นจึงไม่ได้มีผลอะไรกับการมองเห็นของเขาเท่าไหร่
แต่ถึงอย่างนั้น
ลูฟี่ก็ยังคงรู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายอยู่ดีแถมยังสงสัยที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็มาโผล่ที่โรงเรียนราวกับเทเลพอร์ตมาอย่างนั้นแหละ
ก็จริงที่ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นถึงผู้ปกครองของเขา
เขาจึงอาจจะโผล่ไปไหนมาไหนในรั้วโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยได้อย่างสบายๆ
แต่...ในเวลาแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาต้องเรียนหรอกหรอ?
เพราะเขาก็เป็นถึงนักศึกษางานเยอะกว่ามัธยมตั้งเยอะ...ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้นะ..?
แล้วมาเพื่ออะไรล่ะ...ในเมื่อเขาเป็นถึงนักศึกษาจะมาทำอะไรที่โรงเรียนมัธยม
หรือจะมายืมอุปกรณ์ห้องแลบอีกล่ะ?
“นี่
โทราโอะนายไม่เรียนหรอ?”
“โดดมา”
“หา?
โดดมา เพื่อมายืมของในห้องแลบเนี่ยนะ?”
ลูฟี่พูดพลางขมวดคิ้วชนกันมุ่นด้วยความสงสัย
“ฉันบอกตอนไหนกันว่ามายืมของห้องแลบน่ะ” ลอว์ตอบ ทำเอาอีกฝ่ายขมวดคิ้วชนกันมุ่นด้วยความสงสัยมากกว่าเดิม
เขาถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆก่อนจะเบือนหน้าหนี ไม่ไหว...สายตาไร้เดียงสาแบบนั้นมันทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า...ขืนสบตาตรงๆเขาต้องเป็นบ้าจริงๆแน่
“ฉันมาหานายต่างหาก”
เสียงของอีกฝ่ายอ่อนโยนแม้จะแผ่วเบา ทำเอาลูฟี่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
สัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็วราวกับไวรัสแพร่กระจาย ใบหูของเขาร้อนผ่าว
ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งๆที่อากาศก็ออกจะเย็นสบายไม่ได้ร้อนอะไรมากแท้ๆ
เมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาเขาก็เผลอกลอกนัยน์ตาสีรัตติกาลทอประกายคู่สวยหนีโดยอัตโนมัติ
ไม่ได้...ยังไงนัยน์ตาสีเทาหินโมราคมปลาบคู่นั้นก็อันตรายเกินไปจริงๆ
ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่สามารถจ้องตาอีกฝ่ายตรงๆได้เลย พอสายตาคู่นั้นมองมาทีไรเขาก็จำต้องกลอกตากลมโตหนีทุกที
“ถ..ถ้าจะมาเรื่องบุฟเฟ่ที่สัญญาไว้ล่ะก็..ฉ..ฉันไม่ว่างหรอกนะ!” ลูฟี่ตอบพลางยกมือขึ้นกอดอก
“ฉันรู้น่า...” แค่ได้เห็นหน้านายก็พอแล้วล่ะ... “ไว้วันหลังว่างๆฉันจะมารับใหม่”
“อ..อื้อ...”
กริ๊งงงงงงงง!!~
เสียงออดสวรรค์บอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
เสียงขาเก้าอี้ขูดกับพื้นดังขึ้นทำเอาแสบแก้วหู
เหล่านักเรียนต่างพากันเก็บของใส่กระเป๋าของตนเตรียมกับบ้าน
ลูฟี่ก็เช่นกัน
เขารีบใช้แขนบางๆของตัวเองกวาดของทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะใส่ในกระเป๋าเป้แล้วจัดการรูดซิบก่อนจะยกมันมาสะพายไว้บนไหล่ขวา
วันนีพี่ชายของเขากลับค่ำเขาจึงต้องนั่งรถแท็กซี่กลับและเขาก็อยากถึงบ้านก่อนที่มันจะค่ำเพราะมีนัดเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อนของเขา
แต่ดูเหมือนอะไรหลายๆอย่างจะไม่เป็นใจเมื่อเขาดันถูกคุณครูที่สอนคาบสุดท้ายรั้งเอาไว้
“มังกี้
ดี ลูฟี่” ลูฟี่ชะงักฝีเท้าก่อนจะหันหลังกลับไปหาอาจารย์หนุ่มที่กำลังจัดการกับกองแบบฝึกหัดตรงหน้า
“เดี๋ยวเธอช่วยเอาผ้าเช็ดตัวที่อยู่หลังห้องไปไว้ที่สระว่ายน้ำหน่อยสิ ฉันจะกลับไปตรวจงานที่ออฟฟิศแล้ว
ขอบใจ” พูดไว้แค่นั้นก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้คัดค้านอะไรทั้งสิ้น
ลูฟี่มาถึงสระว่ายน้ำในเวลาไม่นาน มันเป็นสระว่ายน้ำที่ถือว่ากว้างพอสมควรและมันในร่มเพราะฉะนั้นเวลาที่เรียนว่ายน้ำจึงไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องแดดร้อนสักเท่าไหร่
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเกลียดคาบว่ายน้ำอยู่ดีนั่นแหละเพราะเขาว่ายน้ำไม่เป็น
ขาบางๆของลูฟี่พาร่างของเขาตรงไปยังล็อคเกอร์เหล็กที่อยู่ปลายสุดของห้องโถงขนาดยักษ์นี่แล้วจัดการยัดผ้าขนหนูสีขาวใส่เข้าไปในตู้ทีละผืนอย่างลวกๆ
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ในเวลาแบบนี้ไม่น่าจะมีเด็กนักเรียนเหลืออยู่แล้วนี่...หรือจะเป็นภารโรงนะ..?
ว่าแล้วก็หันไปตามที่มาของเสียงให้หายสงสัย
“ว่าไง
มาทำอะไรเนี่ย วันนี้กลับช้าหรอ?” เบบี้ไฟว์หยุดตรงริมสระว่ายน้ำแล้วทักทายคนตัวเล็กกว่าที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บผ้าเช็ดตัวพลางฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
“อื้อ”
ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้างตอบอีกฝ่ายพลางหัวเราะตามแบบฉบับของตน “ครูใช้ให้มาเก็บผ้าเช็ดตัวน่ะ”
“ให้ฉันช่วยไหม?”
เบบี้ไฟว์ถาม
ลูฟี่ไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะหันกลับไปสนใจกองผ้าขนหนูตรงหน้าต่อ
ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็จัดการเก็บผ้าขนหนูทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อย
เขาเดินตรงไปยังหญิงสาวแล้วฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง “ฉันกลับละนะ เจอกันพรุ่งนี้”
“เดี๋ยวก่อนสิ”
เบบี้ไฟว์รั้งเอาไว้ “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ”
เธอพูดพลางฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
“อะไรหรอ?”
ลูฟี่ถามพลางเอียงคอมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
เบบี้ไฟว์ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“นายรู้รึเปล่า...” เธอพูดอย่างจงใจเว้นระยะ ตอนนั้นรอยยิ้มของเธอหุบลง นัยน์ตาคมปลาบคู่สวยที่แฝงไปด้วยความเป็นมิตรค่อยๆเปลี่ยนเป็นนัยน์ตาที่มีแต่ความเย่อหยิ่งและความดูแคลน
“นายกำลังทำตัวเหมือนเกย์น่าขยะแขยง”
ไม่ว่าเปล่ามือเรียวทั้งสองก็ผลักไหล่เล็กของอีกฝ่ายเต็บแรง
ดวงตากลมโตของลูฟี่เบิกกว้าง
มือเล็กที่ไร้เรี่ยวแรงยื่นไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณแม้รู้ดีว่ายังไงก็ไม่มีทางหนีพ้น
สมองขาวโพลนไปหมด หัวใจเหมือนหยุดเต้นไปจังหวะหนึ่ง
แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความชื้นเย็นเฉียบที่ค่อยๆไล่ขึ้นมาตามไขสันหลัง
ไม่นะ...
- to be continue -
สวัสดีค่ะ;w; หายหน้าหายตาไปนาน อยากจะบอกว่าเปิดเทอมได้สามอาทิตยืแล้วค่ะT^T อยากจิคราย งานเยอะมากกกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว ก็ไม่เข้าใจว่าจะเยอะไปไหน อาจารย์กลัวดเค้าไม่ว่างหรอคะT_T(?) #ผิด
เอาเป็นว่าถ้าเห็นไรต์หายหน้าหายตาไปนานหน่อยก็อย่าเพิ่งแปลกใจนะคะ=w=" ไรต์ยังไม่ตายนะคะT_T
อ่านกันเสร็จแล้วก็อย่าลืมกดติดตาม คอมเม้น หรือกดแชร์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ♥ หากมีข้อผิดพลาดยังไงก็ติชมกันได้เสมอน้า ส่งข้อความมาคุยกันเล่นก็ได้นะ ไรต์ไม่กัด^_^ รักรีดเดอร์ค่า ♥
ปล.ที่เห็นธีมเป็นแบบนี้ไม่ต้องแปลกใจนะคะ ไรต์เองก็งงเหมือนกันค่ะ ถถถว์;w;
ความคิดเห็น