ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 59


    CR.SHL

    - Chapter 1 -

     

                “อะไรกัน มันก็เป็นแค่แผลถลอกเองไม่ใช่หรอ?”

     

                ลูฟี่ตอบใบหน้ายังคงก้มมองเข่าทั้งสองของตัวเองที่ชุ่มเลือด ก่อนจะลองขยับไปมาทำท่าเหมือนจะเดินแล้วก็ต้องสะดุ้งนิดๆเมื่อพบว่ามันแสบกว่าที่คิด

     

                “เอาเถอะ ไม่เชื่อก็แล้วแต่นาย แต่ตอนนี้ยังไงนายก็ควรจะล้างแผลก่อน แท้งน้ำอยู่ตรงนู้น”

     

                ชายแปลกหน้าพูดพลางชี้นิ้วเรียวไปยังแท้งน้ำอันใหญ่ที่อยู่ห่างจากทั้งสองไกลพอสมควร

     

    พูดจบก็เดินตรงไปยังหมวกขนสัตว์สีขาวลายดำที่กองอยู่กับพื้นเนื่องจากถูกชนจนกระเด็นหลุดไป ก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วสวมบนหัวพลางจัดทรง เมื่อจัดทรงเรียบร้อยแล้วก็หันหลังกลับเตรียมจะก้าวเท้าเดินไป

     

    ฝ่ายลูฟี่เมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบรั้งไว้ทันที

     

                “นี่ นายจะไปไหนน่ะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ”

     

                ช่างเป็นคนที่พูดจาเอาแต่ใจเสียจริง...

     

                “ไปส่งฉันที่แท้งน้ำหน่อยสิ”

     

                ลูฟี่กล่าวก่อนจะก้าวเท้าไปหาชายแปลกหน้าพลางมองหน้ากระพริบตาปริบๆ ไม่มีคำตอบใดๆตอบกลับมาจากชายแปลกหน้ามีเพียงเสียงถอนหายเฮือกใหญ่ที่ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากเรียวได้รูปเท่านั้น

     

    เขาไม่ได้ปฎิเสธ เพียงแค่หันหลังกลับมาหาลูฟี่อีกครั้ง

     

    ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหูก่อนจะหยิบจักรยานที่ล้มลงนอนบนพื้นขึ้นมาตั้ง ชายแปลกหน้าไม่รอช้ารีบลากขายาวๆของตัวเองเดินนำลูฟี่ไปก่อนจนลูฟี่ต้องรีบสาวเท้าเร็วขึ้นเพื่อตามให้ทัน แต่ถึงกระนั้นแผลที่เข่ายังคงทำพิษแถมยังต้องลากจักรยานไปด้วยทำให้เขาตามไม่ทันอยู่ดี

     

    ในที่สุดชายแปลกหน้าก็ตัดสินใจชะลอการก้าวเท้าของตนให้ช้าลง สายตาก็พลางแอบเหล่มองลูฟี่อยู่เป็นครั้งคราว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าชายแปลกหน้าที่เดินนำหน้าเขาอยู่เดินช้าลงและตัวเองถูกมองอยู่ทุกฝีก้าว

     

                “ดะ...เดี๋ยวก่อน รอฉันด้วย”

     

    ลูฟี่พูดพลางหอบพลาง เสียงของเขาแผ่วเบา เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นมาบนใบหน้า ริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออ้าหอบถี่ พวงแก้มทั้งสองเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ ไรผมสีดำขลับอันยุ่งเหยิงและตามเนื้อหนังมีเม็ดเหงื่อเกาะกราว

     

    ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าตัวเองในที่สุด

     

    ลูฟี่ยังคงลากขาแห้งๆผอมบางของตัวเองต่อไปจนหยุดอยู่ข้างๆคนตัวสูงในที่สุด เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่าตัวเองสูงถึงแค่ไหล่ชายแปลกหน้าคนนี้เท่านั้น

     

                “ฉันชื่อ ลูฟี่ นะ” ลูฟี่พูดพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้ชายแปลกหน้า “แล้วนายล่ะ?”

     

                ไม่มีคำตอบกลับมา ลูฟี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเบ้ปากอย่างไม่พอใจ ชายแปลกหน้ามองหน้าลูฟี่ก่อนจะดึงปีกหมวกลงซ่อนนัยน์ตาสีเทาหินโมราไว้แล้วเบือนหน้าหนี ทำเอาลูฟี่งงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เขาก้าวเท้าบางๆของตัวเองมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อ

     

                “เฮ้ย หมวกฟาง-ยะ”

     

                “หือ?”

     

                ลูฟี่หันไปหาชายแปลกหน้าเมื่อถูกเรียกทว่าขาเล็กๆยังคงก้าวไปข้างหน้า แล้วความซวยก็บังเกิดเมื่อเท้าบางๆนั่นไปเหยียบลงบนโคลนเข้าจนลื่นล้มไม่เป็นท่า

     

                “เหวอ!” เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจ

     

    และสุดท้ายลูฟี่ก็นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กลางบ่อโคลนที่อยู่ข้างๆกับแท้งน้ำ คงจะเป็นเพราะน้ำที่รั่วออกมาจากแท้งทำให้ดินรอบๆกลายเป็นโคลนไปเสียหมด อา..อะไรมันจะซวยปานนี้นะ นอกจากจะต้องออกมาสวนสาธารณะแล้วยังต้องมาเลอะโคลนอีก นี่มันวันซวยของเขาชัดๆ

     

    เขาสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่โคลนออกจากไรผมสีดำขลับยุ่งเหยิงนั่นราวกับลูกหมาที่เพิ่งถูกเจ้าของจับอาบน้ำ แต่แตกต่างกันแค่ตรงที่เขาอาบโคลน ทำให้ผมที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีก

     

    เมื่อตั้งสติได้ก็รีบลุกขึ้นยืน มือบางๆปัดโคลนออกจากเสื้อผ้าอย่างทุลักทุเลพลางยกแขนขึ้นมาเช็ดใบหน้าที่เลอะโคลนโดยหารู้ไม่ว่านั่นยิ่งทำให้มันแย่ลงกว่าเก่า..

     

    ชายแปลกหน้าได้แต่มองการกระทำแบบเด็กๆของลูฟี่ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ

     

    แล้วลูฟี่ก็ตระหนักถึงบางอย่าง ทำไมเขาถึงไม่ล้ม? ทั้งๆที่เดินมาด้วยกันแท้ๆเมื่อกี้ก็ยังเดินข้างๆกันอยู่เลย โลกช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ คิดได้แบบนั้นก็โวยวายตามแบบฉบับเจ้าตัว

     

    “ทำไมนายไม่เห็นโดนเลยอ่ะ!?”

     

    “ก็ฉันเห็นน่ะสิ” นี่สินะเหตุผลที่หมอนี่หยุดเดิน...

     

    “แล้วทำไมไม่เตือนฉันเลยอ่ะ! ใจร้าย!

     

    “ก็เตือนแล้ว แต่มันไม่ทัน” ก็เลยปล่อยให้เดินต่อไปเนี่ยนะ

     

    ใจร้าย นั่นเป็นคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวลูฟี่ เขาจะใจร้ายไปถึงไหนนะ ลูฟี่ได้แต่ทำแก้มป่อง ขมวดคิ้วไม่พอใจใส่ชายแปลกหน้า แน่นอนล่ะ อีแบบนี้เป็นใครใครเขาก็ต้องงอนทั้งนั้นแหละ อย่างน้อยช่วยฉุดเขาไว้หน่อยก็ยังดีแท้ๆ

     

    เมื่อนัยน์ตาสีเทาหินโมราสบเข้ากับดวงตากลมโตคู่สวยที่แฝงไปด้วยไม่พอใจของลูฟี่ก็ทำได้แค่เบือนหน้าหนีแล้วซ่อนดวงตาคู่นั้นไว้ใต้เงาปีกหมวก เรียกความสงสัยจากลูฟี่ได้ไม่น้อยทีเดียว คนอะไรแปลกชะมัด นอกจากใจร้ายแล้วยังชอบทำท่าทางแปลกๆอีก

     

               '~'

     

    สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงสามส่วนตัวโปรดของลูฟี่สั่นแผดเสียงบ่งบอกว่ามีคนโทรเข้า ลูฟี่เอามือบางๆตะปปกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะล้วงมือหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาดูหน้าจอ โชคดีที่มันไม่เลอะมากและยังไม่พังไม่อย่างนั้นมีหวังเขาโดนปู่การ์ปฆ่าตายแน่และอาจจะโดนเอสซ้ำเติมอีกด้วย...แหงล่ะ ปีนี้เขาเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือไปเกือบห้าเครื่องแล้วนี่

     

                << Sabo >>

     

                ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำเอาเจ้าของสมาร์ทโฟนฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีดำขลับนั้นทอประกายความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เรียกความไม่พอใจชายแปลกหน้าได้ไม่น้อย เขาขมวดคิ้วมุ่นมองเจ้าเด็กแสบที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้า และดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

     

    ลูฟี่กดรับสายแล้วรีบเอาสมาร์ทโฟนมาแนบหูทันที

     

                “ซาโบ~” นั่นคือคำแรกที่ถูกเปล่งออกมาแทนคำทักทาย

     

                ฮะๆ นายเนี่ยเหมือนเดิมเลยนะลูฟี่ ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยหรอ? เสียงปลายสายตอบกลับมาตามด้วยเสียงหัวเราะนิดๆ เป็นเสียงที่อบอุ่น นุ่ม และทุ้มต่ำตามแบบผู้ชาย ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าของเสียงคงจะเป็นคนอบอุ่นมากทีเดียว

     

                ฉันแค่จะโทรมาบอกว่าตอนนี้ฉันกลับมาแล้วนะ ฉันอยู่ที่สนามบินล่ะ นายกับเอสมารับฉันหน่อยสิ

     

    ไม่ต้องบอกเลยว่าปลายสายกำลังฉีกยิ้มกว้างแค่ไหน และลูฟี่ดีใจแค่ไหนที่ได้ยินคำนี้ ตลอดช่วงปิดเทอมนี้เขาไม่ได้เจอชายหนุ่มเจ้าของเสียงนุ่มๆคนนี้เลย เนื่องจากเขาไปเรียนที่ต่างประเทศและวันนี้เขากลับมาแล้ว ในวันที่โชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่นั่นแหละนะ

     

                “อือ! ฉันกับเอสจะรีบไปรับเดี๋ยวนี้แหละ! แค่นี้ก่อนนะ”

     

                พูดจบก็ตัดสายทิ้งแล้วดับหน้าจอสมาร์ทโฟนของตัวเองและยัดมันกลับลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเดิม

     

    แล้วลูฟี่ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของชายแปลกหน้าที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่พอใจ คิ้วหนาขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ เล่นเอาคนถูกจ้องถึงกับขนลุกเลยทีเดียว

     

                “ฉันไม่ได้เดินมาเพื่อฟังนายคุยโทรศัพท์หรอกนะ”

     

                แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่แท้ก็โกรธเพราะเรื่องนี้นี่เอง เขาคงจะไปรบกวนเวลาของหมอนี่มากไปสินะ ให้มาส่งที่แท้งน้ำแถมยังต้องมายืนรอเขาอีก

     

                “ชิชิชิ ที่แท้นายก็โกรธเรื่องนี้เองหรอ โทษทีๆ ก็ฉันไม่ได้เจอพี่ชายตั้งนานนี่นา พอซาโบโทรมาเลยดีใจน่ะ”

     

    ลูฟี่ตอบพลางหัวเราะพลางก่อนจะกับฉีกยิ้มกว้างให้ชายแปลกหน้าอีกครั้ง ชายแปลกหน้านิ่งเงียบไปไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเรียวได้รูปนั่น แต่ดูเหมือนเขาจะเริ่มหายหงุดหงิดแล้ว อารมณ์แปรปรวนชะมัด

     

                “นายจะล้างแผลก็รีบๆล้างสิ ฉันไม่มีเวลามายืนรอนายทั้งวันหรอกนะ อีกอย่างแผลกว้างขนาดนั้นโดนโคลนเข้าไป ถ้ามันยิ่งอักเสบกว่าเก่าฉันไม่รู้ด้วยนะ”

     

                ชายแปลกหน้าพูดเรียกสติลูฟี่ จริงสิ เขามาเพื่อจะล้างแปลนี่นา รีบๆล้างแล้วรีบไปหาเอสดีกว่าจะได้ไปรับซาโบไวๆ พอคิดได้อย่างนั้นก็รีบตรงปรี่ไปยังแท้งน้ำด้วยความระมัดระวังและจัดการล้างโคลนออกจากเสื้อผ้าและแผลที่เข่าทันที

     

    ลูฟี่ใช้เวลาอยู่นานกับการจัดการภารกิจของตัวเองจนบางครั้งชายแปลกหน้าก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆและเข้าไปช่วยอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

     

    แต่แปลก...ทั้งๆที่ไม่อยากช่วยแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย และที่แปลกไปกว่านั้นไม่ว่าเขาจะเหนื่อยหรือหงุดหงิดแค่ไหน พอได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สดใสนั่นก็ทำให้เขาหายเป็นปลิดทิ้งในทันที เขาไม่เข้าใจตัวเอง แต่ที่เขาเข้าใจอย่างหนึ่ง...คือ รอยยิ้มนั่นช่างเป็นรอยยิ้มที่มีอานุภาพจริงๆ

     

                “เอาล่ะ ล้างเสร็จสักที! ไปหาเอสดีกว่า” แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...พิษจากบาดแผลยังคงเล่นงานเขาอยู่และดูเหมือนจะไม่ทุเลาลงแม้แต่น้อย

     

                “หมดธุระฉันแล้ว ฉันไปละนะ” พูดจบก็เตรียมเดินหนี

     

                “เดี๋ยวก่อน ไปส่งฉันหน่อยสิ แค่ตรงสนามบาสก็ยังดี”

     

                ชายแปลกหน้าหันมามองหน้าลูฟี่อย่างปลงๆ แต่เขาไม่เคยปฏิเสธใบหน้าแบบนี้ได้เลย...ให้ตายสิ ตอนนี้เขาโกรธตัวเองมากที่ปฏิเสธเด็กเอาแต่ใจที่เพิ่งเจอกันไม่ได้สักอย่างเลย เขาเกลียด เกลียดรอยยิ้ม ใบหน้า เสียงหัวเราะ ของเด็กคนนี้ เกลียด..

     

    ไม่สิ...เขาไม่ได้เกลียดรอยยิ้ม ใบหน้า และเสียงหัวเราะเหล่านั้น เขาเกลียดตัวเองที่ลึกๆแล้วเขาชอบมันทั้งหมดและไม่อาจปฏิเสธได้มันเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

                “ยะฮู้ว!~ สุดยอดไปเลย!

     

                “เงียบไปเลย”

     

                ชายแปลกหน้าปรามลูฟี่เล็กน้อย มือบางๆของลูฟี่เกาะไหล่กว้างทั้งสองของชายแปลกหน้าไว้แน่นพลางยืนขึ้นยื่นหน้ารับลมจากเบาะหลังของจักรยานให้หมวกฟางที่สะพายอยู่และไรผมสีดำขลับปลิวลู่ไปตามทิศทางของลม ช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตจริงๆ

     

                “นายเนี่ยปั่นจีกรยานเก่งชะมัด ชิชิชิ”

     

                กึก!

     

              “เหวอ!

     

                ลูฟี่ร้องออกมาด้วยความตกใจและพาแขนบางๆของตนไปกอดเอวชายแปลกหน้าไว้แน่นโดยอัตโนมัติเมื่อล้อของจักรยานไปสะดุดเข้ากับก้อนหิน ตรงกันข้ามกับชายแปลกหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งสิ้น

     

    เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังกอดเอวชายแปลกหน้าอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหน้าถึงจะไม่เห็ยใบหน้าก็เถอะ และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีทักท้วงใดๆทั้งสิ้นจึงกอดต่อไปถึงจะสงสัยเล็กน้อยก็ตาม

     

                “ปล่อย”

     

                เสียงของชายแปลกหน้าถูกเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาและเรียบนิ่ง ลูฟี่ไม่อาจเห็นได้ว่าใบหน้าของเขากำลังแสดงอารมณ์แบบไหนเพราะสิ่งที่ลูฟี่เห็นมีเพียงแผ่นหลังกว้างของเขา หมวกขนสัตว์สีขาวจากด้านหลัง และไรผมสีดำขลับแบบเดียวกันกับเจ้าตัวที่โผล่พ้นหมวกขนสัตว์ออกมาเท่านั้น

     

    ลูฟี่ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี

     

    ตอนนั้นเองสายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นหูที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของชายแปลกหน้า ลูฟี่เอียงคอมองฉงน ดวงตากลมโตคู่สวยกระพริบปริบๆด้วยความสงสัย

     

                “ทำไมหูนายแดงจัง เป็นอะไรรึเปล่า?”

     

                และแน่นอน ไม่มีคำตอบกลับมาจากชายแปลกหน้าเหมือนอย่างเคย ลูฟี่ได้แต่แอบน้อยใจเงียบๆและทำหน้าบูดใส่แผ่นหลังกว้างของเขาเท่านั้น

     

     

     

                “เอ๋? เอสไม่เห็นอยู่เลยนี่นา..นี่นายพาฉันมาถูกที่รึเปล่าเนี่ย?”

     

                ลูฟี่พูดขึ้นเมื่อกวาดสายตามองหาพี่ชายตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักที คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตกลอกไปมามองหาผู้เป็นพี่อย่างร้อนรน มือบางๆจับไหล่ชายแปลกหน้าไว้แน่น

     

    ตอนนี้เขาอยู่ข้างสนามบาสเก็ตบอลและนั่งอยู่บนเบาะหลังจักรยานโดยมีชายแปลกหน้านั่งอยู่เบาะหน้าคอยทรงตัวไม่ให้จักรยานล้ม

     

                “หุบปาก”

     

     

     

                ว่างเปล่า...รถที่ของพี่ชายที่มักจะนั่งไปโรงเรียนทุกวัน นั่งไปไหนมาไหนด้วยกันทุกครั้ง รถที่...นั่งมาสวนสาธารณะเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน...ไม่มี

     

    ลูฟี่ยืนอึ้งกับการหายไปของรถที่นั่งมากับพี่ชายตัวเองเมื่อครู่โดยมีชายแปลกหน้าคนเดิมยืนพิงจักรยานมองดูจากข้างหลังอย่างเอือมระอา

     

    ทั้งสองยืนอยู่ที่ลานจอดรถของสวนสาธารณะหลังจากที่หาตัวพี่ชายของลูฟี่ที่สนามบาสเก็ตบอลอยู่นานแต่ก็ไม่เจอ ลูฟี่จึงตัดสินใจให้ชายแปลกหน้าพามาส่งถึงที่ลานจอดรถ แต่ก็กลับไม่มีวี่แววของรถเลยแม้แต่น้อย ลูฟี่มั่นใจว่าเขาไม่ได้จำผิดว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนพี่ชายของเขาจอดรถไว้ตรงนี้

     

                ลูฟี่รีบหยิบสมาร์ทโฟนของตนเองออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เปียกชุ่ม นิ้วมือเล็กๆกดเบอร์โทรศัพท์หาพี่ชายอย่างคล่องแคล่วว่องไว แต่ยังไม่ทันที่จะได้โทรออกสมาร์ทโฟนในมือก็แผดเสียงบ่งบอกว่ามีคนโทรเข้าเสียก่อน

     

                << Ace >>

     

                โดยไม่รีรอนิ้วมือเล็กๆรีบกดรับสายทันทีทันใดแล้วยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู โดยไม่กล่าวทักทายลูฟี่รีบยิงคำถามไปรัวๆแบบไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบเลยแม้แต่น้อย

     

                “เอส! นายอยู่ไหนน่ะ!? แล้วรถล่ะ? นายรู้รึเปล่าว่าซาโบอยู่สนามบินนะ!

     

                ใจเย็นน่า คือ...ฉันก็จะโทรมาบอกเรื่องนั้นแหละ...ซาโบโทรมาบอกฉันเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละนะ... ผู้เป็นพี่พูดอย่างจงใจเว้นระยะห่าง น้ำเสียงฟังดูรู้สึกผิดเล็กน้อย ฉันรีบออกไปรับซาโบน่ะ เลยลืมนายไว้ ฮะๆ โทษทีนะน้องรัก


                “ห๊ะ?” 


    - to be continue -


                   สวัสดีอีกครั้งค่า^O^ กลับมาอัพแล้วค่ะ^_^ ช่วงนี้กำลังพยายามอัพให้ไวที่สุดอยู่ค่ะTT อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนล่ะ ไรท์สัญญาจะรีบรีไรท์ทุกตอนให้เร็วที่สุดค่ะ รอไปก่อนนะคะ(คงอักนาน#ผิด)

                   บอกเลยค่ะรีไรท์แล้วได้ลองมานั่งอ่านที่ตัวเองแต่งไปนี่มันก็เพลินๆดีนะคะ บางอันก็ฮา บางอันก็หลุดคาแรคเตอร์ไปหน่อย จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพิมพ์ไปแบบนั้น5555 แต่บอกเลยค่ะบันเทิงมาก ฟฟฟฟ#ผิด รู้สึกเหมือนได้เห็นพัฒนาการของตัวเองเลยค่ะเพลินดี^_^ แล้วก็เนื้อเรื่องบางส่วนเราเองก็ลืมๆไปแล้ว ถถถว์#ผิด

                   สุดท้ายก็ไม่มีอะไรจะบอกมากมายค่ะ แต่อ่านแล้วก็อย่าลืมกดติดตาม คอมเม้นท์ หรือแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน๊า :) ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ♥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×