คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
-
Chapter 1 -
“อะไรกัน
มันก็เป็นแค่แผลถลอกเองไม่ใช่หรอ?”
ลูฟี่ตอบใบหน้ายังคงก้มมองเข่าทั้งสองของตัวเองที่ชุ่มเลือด
ก่อนจะลองขยับไปมาทำท่าเหมือนจะเดินแล้วก็ต้องสะดุ้งนิดๆเมื่อพบว่ามันแสบกว่าที่คิด
“เอาเถอะ
ไม่เชื่อก็แล้วแต่นาย แต่ตอนนี้ยังไงนายก็ควรจะล้างแผลก่อน แท้งน้ำอยู่ตรงนู้น”
ชายแปลกหน้าพูดพลางชี้นิ้วเรียวไปยังแท้งน้ำอันใหญ่ที่อยู่ห่างจากทั้งสองไกลพอสมควร
พูดจบก็เดินตรงไปยังหมวกขนสัตว์สีขาวลายดำที่กองอยู่กับพื้นเนื่องจากถูกชนจนกระเด็นหลุดไป
ก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วสวมบนหัวพลางจัดทรง
เมื่อจัดทรงเรียบร้อยแล้วก็หันหลังกลับเตรียมจะก้าวเท้าเดินไป
ฝ่ายลูฟี่เมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบรั้งไว้ทันที
“นี่
นายจะไปไหนน่ะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ”
ช่างเป็นคนที่พูดจาเอาแต่ใจเสียจริง...
“ไปส่งฉันที่แท้งน้ำหน่อยสิ”
ลูฟี่กล่าวก่อนจะก้าวเท้าไปหาชายแปลกหน้าพลางมองหน้ากระพริบตาปริบๆ
ไม่มีคำตอบใดๆตอบกลับมาจากชายแปลกหน้ามีเพียงเสียงถอนหายเฮือกใหญ่ที่ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากเรียวได้รูปเท่านั้น
เขาไม่ได้ปฎิเสธ เพียงแค่หันหลังกลับมาหาลูฟี่อีกครั้ง
ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหูก่อนจะหยิบจักรยานที่ล้มลงนอนบนพื้นขึ้นมาตั้ง
ชายแปลกหน้าไม่รอช้ารีบลากขายาวๆของตัวเองเดินนำลูฟี่ไปก่อนจนลูฟี่ต้องรีบสาวเท้าเร็วขึ้นเพื่อตามให้ทัน
แต่ถึงกระนั้นแผลที่เข่ายังคงทำพิษแถมยังต้องลากจักรยานไปด้วยทำให้เขาตามไม่ทันอยู่ดี
ในที่สุดชายแปลกหน้าก็ตัดสินใจชะลอการก้าวเท้าของตนให้ช้าลง
สายตาก็พลางแอบเหล่มองลูฟี่อยู่เป็นครั้งคราว
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าชายแปลกหน้าที่เดินนำหน้าเขาอยู่เดินช้าลงและตัวเองถูกมองอยู่ทุกฝีก้าว
“ดะ...เดี๋ยวก่อน
รอฉันด้วย”
ลูฟี่พูดพลางหอบพลาง เสียงของเขาแผ่วเบา
เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นมาบนใบหน้า ริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออ้าหอบถี่
พวงแก้มทั้งสองเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ ไรผมสีดำขลับอันยุ่งเหยิงและตามเนื้อหนังมีเม็ดเหงื่อเกาะกราว
ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าตัวเองในที่สุด
ลูฟี่ยังคงลากขาแห้งๆผอมบางของตัวเองต่อไปจนหยุดอยู่ข้างๆคนตัวสูงในที่สุด
เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่าตัวเองสูงถึงแค่ไหล่ชายแปลกหน้าคนนี้เท่านั้น
“ฉันชื่อ
ลูฟี่ นะ” ลูฟี่พูดพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้ชายแปลกหน้า “แล้วนายล่ะ?”
ไม่มีคำตอบกลับมา
ลูฟี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเบ้ปากอย่างไม่พอใจ
ชายแปลกหน้ามองหน้าลูฟี่ก่อนจะดึงปีกหมวกลงซ่อนนัยน์ตาสีเทาหินโมราไว้แล้วเบือนหน้าหนี
ทำเอาลูฟี่งงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
เขาก้าวเท้าบางๆของตัวเองมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อ
“เฮ้ย
หมวกฟาง-ยะ”
“หือ?”
ลูฟี่หันไปหาชายแปลกหน้าเมื่อถูกเรียกทว่าขาเล็กๆยังคงก้าวไปข้างหน้า
แล้วความซวยก็บังเกิดเมื่อเท้าบางๆนั่นไปเหยียบลงบนโคลนเข้าจนลื่นล้มไม่เป็นท่า
“เหวอ!” เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจ
และสุดท้ายลูฟี่ก็นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กลางบ่อโคลนที่อยู่ข้างๆกับแท้งน้ำ
คงจะเป็นเพราะน้ำที่รั่วออกมาจากแท้งทำให้ดินรอบๆกลายเป็นโคลนไปเสียหมด
อา..อะไรมันจะซวยปานนี้นะ นอกจากจะต้องออกมาสวนสาธารณะแล้วยังต้องมาเลอะโคลนอีก
นี่มันวันซวยของเขาชัดๆ
เขาสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่โคลนออกจากไรผมสีดำขลับยุ่งเหยิงนั่นราวกับลูกหมาที่เพิ่งถูกเจ้าของจับอาบน้ำ
แต่แตกต่างกันแค่ตรงที่เขาอาบโคลน ทำให้ผมที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีก
เมื่อตั้งสติได้ก็รีบลุกขึ้นยืน
มือบางๆปัดโคลนออกจากเสื้อผ้าอย่างทุลักทุเลพลางยกแขนขึ้นมาเช็ดใบหน้าที่เลอะโคลนโดยหารู้ไม่ว่านั่นยิ่งทำให้มันแย่ลงกว่าเก่า..
ชายแปลกหน้าได้แต่มองการกระทำแบบเด็กๆของลูฟี่ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ
แล้วลูฟี่ก็ตระหนักถึงบางอย่าง
ทำไมเขาถึงไม่ล้ม? ทั้งๆที่เดินมาด้วยกันแท้ๆเมื่อกี้ก็ยังเดินข้างๆกันอยู่เลย
โลกช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ คิดได้แบบนั้นก็โวยวายตามแบบฉบับเจ้าตัว
“ทำไมนายไม่เห็นโดนเลยอ่ะ!?”
“ก็ฉันเห็นน่ะสิ”
นี่สินะเหตุผลที่หมอนี่หยุดเดิน...
“แล้วทำไมไม่เตือนฉันเลยอ่ะ! ใจร้าย!”
“ก็เตือนแล้ว
แต่มันไม่ทัน” ก็เลยปล่อยให้เดินต่อไปเนี่ยนะ
‘ใจร้าย’ นั่นเป็นคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวลูฟี่ เขาจะใจร้ายไปถึงไหนนะ
ลูฟี่ได้แต่ทำแก้มป่อง ขมวดคิ้วไม่พอใจใส่ชายแปลกหน้า แน่นอนล่ะ
อีแบบนี้เป็นใครใครเขาก็ต้องงอนทั้งนั้นแหละ อย่างน้อยช่วยฉุดเขาไว้หน่อยก็ยังดีแท้ๆ
เมื่อนัยน์ตาสีเทาหินโมราสบเข้ากับดวงตากลมโตคู่สวยที่แฝงไปด้วยไม่พอใจของลูฟี่ก็ทำได้แค่เบือนหน้าหนีแล้วซ่อนดวงตาคู่นั้นไว้ใต้เงาปีกหมวก
เรียกความสงสัยจากลูฟี่ได้ไม่น้อยทีเดียว คนอะไรแปลกชะมัด
นอกจากใจร้ายแล้วยังชอบทำท่าทางแปลกๆอีก
'♫~'
สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงสามส่วนตัวโปรดของลูฟี่สั่นแผดเสียงบ่งบอกว่ามีคนโทรเข้า
ลูฟี่เอามือบางๆตะปปกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะล้วงมือหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาดูหน้าจอ
โชคดีที่มันไม่เลอะมากและยังไม่พังไม่อย่างนั้นมีหวังเขาโดนปู่การ์ปฆ่าตายแน่และอาจจะโดนเอสซ้ำเติมอีกด้วย...แหงล่ะ
ปีนี้เขาเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือไปเกือบห้าเครื่องแล้วนี่
<< Sabo >>
ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำเอาเจ้าของสมาร์ทโฟนฉีกยิ้มกว้าง
นัยน์ตาสีดำขลับนั้นทอประกายความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เรียกความไม่พอใจชายแปลกหน้าได้ไม่น้อย
เขาขมวดคิ้วมุ่นมองเจ้าเด็กแสบที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้า และดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
ลูฟี่กดรับสายแล้วรีบเอาสมาร์ทโฟนมาแนบหูทันที
“ซาโบ~”
นั่นคือคำแรกที่ถูกเปล่งออกมาแทนคำทักทาย
‘ฮะๆ นายเนี่ยเหมือนเดิมเลยนะลูฟี่
ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยหรอ?’
เสียงปลายสายตอบกลับมาตามด้วยเสียงหัวเราะนิดๆ เป็นเสียงที่อบอุ่น นุ่ม และทุ้มต่ำตามแบบผู้ชาย
ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าของเสียงคงจะเป็นคนอบอุ่นมากทีเดียว
‘ฉันแค่จะโทรมาบอกว่าตอนนี้ฉันกลับมาแล้วนะ
ฉันอยู่ที่สนามบินล่ะ นายกับเอสมารับฉันหน่อยสิ’
ไม่ต้องบอกเลยว่าปลายสายกำลังฉีกยิ้มกว้างแค่ไหน
และลูฟี่ดีใจแค่ไหนที่ได้ยินคำนี้ ตลอดช่วงปิดเทอมนี้เขาไม่ได้เจอชายหนุ่มเจ้าของเสียงนุ่มๆคนนี้เลย
เนื่องจากเขาไปเรียนที่ต่างประเทศและวันนี้เขากลับมาแล้ว ในวันที่โชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่นั่นแหละนะ
“อือ!
ฉันกับเอสจะรีบไปรับเดี๋ยวนี้แหละ! แค่นี้ก่อนนะ”
พูดจบก็ตัดสายทิ้งแล้วดับหน้าจอสมาร์ทโฟนของตัวเองและยัดมันกลับลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเดิม
แล้วลูฟี่ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของชายแปลกหน้าที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่พอใจ
คิ้วหนาขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ เล่นเอาคนถูกจ้องถึงกับขนลุกเลยทีเดียว
“ฉันไม่ได้เดินมาเพื่อฟังนายคุยโทรศัพท์หรอกนะ”
แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ที่แท้ก็โกรธเพราะเรื่องนี้นี่เอง เขาคงจะไปรบกวนเวลาของหมอนี่มากไปสินะ
ให้มาส่งที่แท้งน้ำแถมยังต้องมายืนรอเขาอีก
“ชิชิชิ
ที่แท้นายก็โกรธเรื่องนี้เองหรอ ‘โทษทีๆ ก็ฉันไม่ได้เจอพี่ชายตั้งนานนี่นา พอซาโบโทรมาเลยดีใจน่ะ”
ลูฟี่ตอบพลางหัวเราะพลางก่อนจะกับฉีกยิ้มกว้างให้ชายแปลกหน้าอีกครั้ง
ชายแปลกหน้านิ่งเงียบไปไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเรียวได้รูปนั่น
แต่ดูเหมือนเขาจะเริ่มหายหงุดหงิดแล้ว อารมณ์แปรปรวนชะมัด
“นายจะล้างแผลก็รีบๆล้างสิ
ฉันไม่มีเวลามายืนรอนายทั้งวันหรอกนะ อีกอย่างแผลกว้างขนาดนั้นโดนโคลนเข้าไป
ถ้ามันยิ่งอักเสบกว่าเก่าฉันไม่รู้ด้วยนะ”
ชายแปลกหน้าพูดเรียกสติลูฟี่
จริงสิ เขามาเพื่อจะล้างแปลนี่นา รีบๆล้างแล้วรีบไปหาเอสดีกว่าจะได้ไปรับซาโบไวๆ
พอคิดได้อย่างนั้นก็รีบตรงปรี่ไปยังแท้งน้ำด้วยความระมัดระวังและจัดการล้างโคลนออกจากเสื้อผ้าและแผลที่เข่าทันที
ลูฟี่ใช้เวลาอยู่นานกับการจัดการภารกิจของตัวเองจนบางครั้งชายแปลกหน้าก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆและเข้าไปช่วยอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
แต่แปลก...ทั้งๆที่ไม่อยากช่วยแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
และที่แปลกไปกว่านั้นไม่ว่าเขาจะเหนื่อยหรือหงุดหงิดแค่ไหน พอได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สดใสนั่นก็ทำให้เขาหายเป็นปลิดทิ้งในทันที
เขาไม่เข้าใจตัวเอง แต่ที่เขาเข้าใจอย่างหนึ่ง...คือ รอยยิ้มนั่นช่างเป็นรอยยิ้มที่มีอานุภาพจริงๆ
“เอาล่ะ
ล้างเสร็จสักที! ไปหาเอสดีกว่า”
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...พิษจากบาดแผลยังคงเล่นงานเขาอยู่และดูเหมือนจะไม่ทุเลาลงแม้แต่น้อย
“หมดธุระฉันแล้ว
ฉันไปละนะ” พูดจบก็เตรียมเดินหนี
“เดี๋ยวก่อน
ไปส่งฉันหน่อยสิ แค่ตรงสนามบาสก็ยังดี”
ชายแปลกหน้าหันมามองหน้าลูฟี่อย่างปลงๆ
แต่เขาไม่เคยปฏิเสธใบหน้าแบบนี้ได้เลย...ให้ตายสิ ตอนนี้เขาโกรธตัวเองมากที่ปฏิเสธเด็กเอาแต่ใจที่เพิ่งเจอกันไม่ได้สักอย่างเลย
เขาเกลียด เกลียดรอยยิ้ม ใบหน้า เสียงหัวเราะ ของเด็กคนนี้ เกลียด..
ไม่สิ...เขาไม่ได้เกลียดรอยยิ้ม ใบหน้า
และเสียงหัวเราะเหล่านั้น เขาเกลียดตัวเองที่ลึกๆแล้วเขาชอบมันทั้งหมดและไม่อาจปฏิเสธได้มันเลยแม้แต่น้อย
“ยะฮู้ว!~ สุดยอดไปเลย!”
“เงียบไปเลย”
ชายแปลกหน้าปรามลูฟี่เล็กน้อย
มือบางๆของลูฟี่เกาะไหล่กว้างทั้งสองของชายแปลกหน้าไว้แน่นพลางยืนขึ้นยื่นหน้ารับลมจากเบาะหลังของจักรยานให้หมวกฟางที่สะพายอยู่และไรผมสีดำขลับปลิวลู่ไปตามทิศทางของลม
ช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตจริงๆ
“นายเนี่ยปั่นจีกรยานเก่งชะมัด
ชิชิชิ”
กึก!
“เหวอ!”
ลูฟี่ร้องออกมาด้วยความตกใจและพาแขนบางๆของตนไปกอดเอวชายแปลกหน้าไว้แน่นโดยอัตโนมัติเมื่อล้อของจักรยานไปสะดุดเข้ากับก้อนหิน
ตรงกันข้ามกับชายแปลกหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งสิ้น
เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังกอดเอวชายแปลกหน้าอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหน้าถึงจะไม่เห็ยใบหน้าก็เถอะ
และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีทักท้วงใดๆทั้งสิ้นจึงกอดต่อไปถึงจะสงสัยเล็กน้อยก็ตาม
“ปล่อย”
เสียงของชายแปลกหน้าถูกเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาและเรียบนิ่ง
ลูฟี่ไม่อาจเห็นได้ว่าใบหน้าของเขากำลังแสดงอารมณ์แบบไหนเพราะสิ่งที่ลูฟี่เห็นมีเพียงแผ่นหลังกว้างของเขา
หมวกขนสัตว์สีขาวจากด้านหลัง และไรผมสีดำขลับแบบเดียวกันกับเจ้าตัวที่โผล่พ้นหมวกขนสัตว์ออกมาเท่านั้น
ลูฟี่ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี
ตอนนั้นเองสายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นหูที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของชายแปลกหน้า
ลูฟี่เอียงคอมองฉงน ดวงตากลมโตคู่สวยกระพริบปริบๆด้วยความสงสัย
“ทำไมหูนายแดงจัง
เป็นอะไรรึเปล่า?”
และแน่นอน
ไม่มีคำตอบกลับมาจากชายแปลกหน้าเหมือนอย่างเคย
ลูฟี่ได้แต่แอบน้อยใจเงียบๆและทำหน้าบูดใส่แผ่นหลังกว้างของเขาเท่านั้น
“เอ๋?
เอสไม่เห็นอยู่เลยนี่นา..นี่นายพาฉันมาถูกที่รึเปล่าเนี่ย?”
ลูฟี่พูดขึ้นเมื่อกวาดสายตามองหาพี่ชายตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักที
คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตกลอกไปมามองหาผู้เป็นพี่อย่างร้อนรน
มือบางๆจับไหล่ชายแปลกหน้าไว้แน่น
ตอนนี้เขาอยู่ข้างสนามบาสเก็ตบอลและนั่งอยู่บนเบาะหลังจักรยานโดยมีชายแปลกหน้านั่งอยู่เบาะหน้าคอยทรงตัวไม่ให้จักรยานล้ม
“หุบปาก”
ว่างเปล่า...รถที่ของพี่ชายที่มักจะนั่งไปโรงเรียนทุกวัน
นั่งไปไหนมาไหนด้วยกันทุกครั้ง รถที่...นั่งมาสวนสาธารณะเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน...ไม่มี
ลูฟี่ยืนอึ้งกับการหายไปของรถที่นั่งมากับพี่ชายตัวเองเมื่อครู่โดยมีชายแปลกหน้าคนเดิมยืนพิงจักรยานมองดูจากข้างหลังอย่างเอือมระอา
ทั้งสองยืนอยู่ที่ลานจอดรถของสวนสาธารณะหลังจากที่หาตัวพี่ชายของลูฟี่ที่สนามบาสเก็ตบอลอยู่นานแต่ก็ไม่เจอ
ลูฟี่จึงตัดสินใจให้ชายแปลกหน้าพามาส่งถึงที่ลานจอดรถ แต่ก็กลับไม่มีวี่แววของรถเลยแม้แต่น้อย
ลูฟี่มั่นใจว่าเขาไม่ได้จำผิดว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนพี่ชายของเขาจอดรถไว้ตรงนี้
ลูฟี่รีบหยิบสมาร์ทโฟนของตนเองออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เปียกชุ่ม
นิ้วมือเล็กๆกดเบอร์โทรศัพท์หาพี่ชายอย่างคล่องแคล่วว่องไว
แต่ยังไม่ทันที่จะได้โทรออกสมาร์ทโฟนในมือก็แผดเสียงบ่งบอกว่ามีคนโทรเข้าเสียก่อน
<< Ace >>
โดยไม่รีรอนิ้วมือเล็กๆรีบกดรับสายทันทีทันใดแล้วยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู
โดยไม่กล่าวทักทายลูฟี่รีบยิงคำถามไปรัวๆแบบไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบเลยแม้แต่น้อย
“เอส! นายอยู่ไหนน่ะ!? แล้วรถล่ะ? นายรู้รึเปล่าว่าซาโบอยู่สนามบินนะ!”
‘ใจเย็นน่า
คือ...ฉันก็จะโทรมาบอกเรื่องนั้นแหละ...ซาโบโทรมาบอกฉันเหมือนกัน
แต่ก็นั่นแหละนะ...’ ผู้เป็นพี่พูดอย่างจงใจเว้นระยะห่าง
น้ำเสียงฟังดูรู้สึกผิดเล็กน้อย ‘ฉันรีบออกไปรับซาโบน่ะ
เลยลืมนายไว้ ฮะๆ ‘โทษทีนะน้องรัก’
“ห๊ะ?”
- to be continue -
สวัสดีอีกครั้งค่า^O^ กลับมาอัพแล้วค่ะ^_^ ช่วงนี้กำลังพยายามอัพให้ไวที่สุดอยู่ค่ะTT อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนล่ะ ไรท์สัญญาจะรีบรีไรท์ทุกตอนให้เร็วที่สุดค่ะ รอไปก่อนนะคะ(คงอักนาน#ผิด)
บอกเลยค่ะรีไรท์แล้วได้ลองมานั่งอ่านที่ตัวเองแต่งไปนี่มันก็เพลินๆดีนะคะ บางอันก็ฮา บางอันก็หลุดคาแรคเตอร์ไปหน่อย จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพิมพ์ไปแบบนั้น5555 แต่บอกเลยค่ะบันเทิงมาก ฟฟฟฟ#ผิด รู้สึกเหมือนได้เห็นพัฒนาการของตัวเองเลยค่ะเพลินดี^_^ แล้วก็เนื้อเรื่องบางส่วนเราเองก็ลืมๆไปแล้ว ถถถว์#ผิด
สุดท้ายก็ไม่มีอะไรจะบอกมากมายค่ะ แต่อ่านแล้วก็อย่าลืมกดติดตาม คอมเม้นท์ หรือแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน๊า :) ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ♥
ความคิดเห็น