คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 17
- Chapter
17 -
พูดจบก็ทำได้แค่ยืนก้มหน้านิ่ง
ลูฟี่ไม่ได้พูดอะไรต่อเขากัดริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเองไว้แน่น
ดวงตากลมโตคู่สวยปิดสนิทพยายามกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างสุดชีวิต หัวใจที่เต้นตุบๆที่อกด้านซ้ายบีบรัดตัวเองเสียจนแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยง
เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน...
แต่เขาจะร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นไม่ได้..เขาไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าเขาอ่อนแอแค่ไหน
อย่าร้องไห้นะ...ลูฟี่ จะร้องออกมาไม่ได้เด็ดขาด..
สัมผัสอุ่นๆถูกถูกวางลงบนหัวของลูฟี่อย่างแผ่วเบาทำเอาดวงตากลมโตคู่สวยที่ปิดสนิทเบิกโพลงโดยอัตโนมัติ
เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือหนาบนหัวของเขา
คิดไม่ได้ยิ้ม ใบหน้าของเขานั้นเรียบนิ่ง ตายด้าน...แต่นัยน์ตาสีอำพันคู่นั้นกำลังแฝงไปด้วยความอบอุ่นระคนดีใจแต่ก็แอบประกายความเป็นห่วงนิดๆ
“ไปเที่ยวกัน”
ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาตามแบบฉบับเจ้าตัว
เป็นเหตุให้ลูฟี่ต้องทำหน้ามุ่ยใส่อีกฝ่าย เห็นทำหน้าจริงจังเมื่อกี้ก็คิดว่าจะพูดอะไรที่มันดีกว่านี้ซะอีก...หมาป่าก็ยังเป็นหมาป่านั่นแหละนะ...แต่ลูฟี่ไม่อยากไปเที่ยวไหนหรอก
แหงล่ะ ในอารมณ์แบบนี้ใครมันจะมีอารมณ์ไปเที่ยวกันล่ะ...
แต่จริงๆ...ไปเที่ยวก็คงไม่แย่เท่าไหร่หรอก...ใช่ไหม?
ไม่ทันที่ลูฟี่จะได้อ้าปากพูดอะไรมือหนาของร่างตรงหน้าที่วางไว้บนหัวของเขาก็ถูกปัดออกพร้อมๆกับมือปริศนาที่โผล่มาจากด้านหลังแล้วโอบคอเขาอย่างถือวิสาสะ มือของเขาหนา...ใหญ่ เป็นสีแทน และถูกประดับด้วยรอยสักอันแสนคุ้นเคย...
หัวใจที่กำลังเจ็บปวดทุรนทุรายจนแทบจะหยุดเต้นไปเสียตรงนั้น ร่างกายที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะหายใจ ความเจ็บปวดที่แผ่นซ่านไปทั่วทั้งร่าง...ทุกความเจ็บปวดพลันหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อถูกเยียวยาด้วยความอบอุ่นจากอ้อมแขนนี้...
อุ่น...เป็นความอบอุ่นที่บอกไม่ถูก...มันไม่เหมือนความรู้สึกอบอุ่นที่คิดลูบหัวเขาหรือความอบอุ่นที่เขาได้รับจากเพื่อนๆหรือแม้แต่จากพี่ชายทั้งสองของเขา มันเป็นความอบอุ่นคนละอย่าง
ไม่ใช่เพื่อน..ไม่ใช่ครอบครัว...แต่เป็นความอบอุ่นที่ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้พบเจอมาก่อน เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นความอบอุ่นแบบไหนแต่...
มันเป็นความอบอุ่นที่เขาคุ้นเคยและรู้จักมันดี
“อย่ามายุ่งกับหมอนี่”
เสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคยดังขึ้น
ลูฟี่เงยหน้ามองเจ้าของเสียงและมือหนาสีแทนที่ถูกตกแต่งด้วยรอยสักก่อนดวงตากลมโตคู่สวยจะเบิกกว้าง
ใช่เขา..จริงๆด้วย
โดยไม่รีรอให้ลูฟี่หรือคิดได้อ้าปากพูดอะไรต่อ ลอว์ก็รีบลากคอร่างเล็กใต้อาณัติออกมาจากตรงนั้นโดยไม่สนใจคำทักท้วงของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
ลูฟี่ที่พยายามขัดขืนอย่างสุดชีวิต เขาเงยหน้ามองใบหน้าเจ้าของแขนแกร่งที่โอบรอบคอของตนแล้วเขาก็ถึงกับผงะเมื่อพบนัยน์ตาสีเทาหินโมราคู่สวยที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คิ้วหนาของเขาขมวดเข้าหากันแน่นเสียยิ่งกว่าเชือกผูกรองเท้าอีก...
“ทำอะไรของนายเนี่ย!” ลูฟี่โวยวายในอ้อมแขนของลอว์
“นายนั่นแหละ ทำบ้าอะไรของนาย!”
ลอว์เผลอตะคอกออกมา เขายังคงไม่หันมาสบตากับลูฟี่ “ฉันตามหานายตั้งนาน
ไหนบอกว่าไปห้องน้ำไง!” เขาเบือนหน้าหนีพลางกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น “รู้ไหม..ว่านายทำให้ฉันเป็นห่วงแค่ไหน..?
ฉันตามหานายไปทั่วแต่นายกลับไปอยู่กับหมอนั่น...”
เสียงอันสั่นเครือของเขาช่างแผ่วเบา แผ่วเบาเสียจน...เกือบจะกลมกลืนไปกับเสียงของผู้คน
แม้เสียงของอีกฝ่ายจะแผ่วเบาแต่ลูฟี่สัมผัสได้ว่าเสียงของเขากำลังสั่นเครือ
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...เขายังโกรธ...โกรธที่อีกฝ่ายไม่ยอมบอกเรื่องคู่หมั้น...
ทำไม..ทำไม? เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงมีสิทธิ์มาทำกับหัวใจของคนอื่นแบบนี้
เขาไม่เคยบอกเรื่องที่เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้เจอคิดโดยไม่บอกเหตุผลด้วยซ้ำว่าทำไม
แล้วมันผิดอะไร...ถ้าลูฟี่อยากจะอยู่กับคิด มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด
ยังไงเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักหน่อย...
ลูฟี่เม้มริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเองแน่น
“แล้วทำไมนายต้องมาสนด้วยล่ะ...”
ฝีเท้าของลูฟี่หยุดลงเป็นเหตุให้ลอว์ต้องหยุดตาม “เอาเวลา..ไปสนใจคู่หมั้นของนายไม่ดีกว่าหรือไง” ว่าพลางแกะแขนแกร่งที่โอบรอบคอเขาออก
ดวงตาของลอว์เบิกกว้างเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเทาหินโมราคู่สวยนั่นชัดขึ้น
เขาหันมามองร่างเล็กกว่าด้วยใบหน้าซีดเผือด “ใครบอกนาย...”
“ไม่สำคัญหรอกว่าใครบอก”
ลูฟี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา เสียงของเขา..ก็ชักจะสั่นไปด้วยแล้วสิ... “นายไปดูแลคู่หมั้นของนายเถอะ”
พูดจบก็หายใจเข้าลึกๆข่มน้ำใสๆที่เอ่อล้นอยู่ตรงขอบตาไม่ให้ไหลออกมา
เขากัดริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเองแน่นก่อนจะหันหน้าหนีหมุนปลายเท้าลากขาบางๆอันไร้เรี่ยวแรงคู่นั้นออกมาทิ้งให้ลอว์ยืนนิ่งเงียบอยู่เพียงลำพัง
ขาบางๆของลูฟี่พาร่างของตัวเองมาหยุดอยู่ที่ม้านั่งตัวหนึ่งหน้าลิฟท์
ที่นี่เป็นที่ลับตาคนไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมามากนักเนื่องจากมันอยู่ในตรอกเล็กๆที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเท่าไหร่และนั่นเองเป็นเหตุให้เขาตัดสินใจหย่อนก้นตัวเองลงนั่งบนม้านั่งตัวนั้น
ลูฟี่ยกมือขึ้นวางบนอกด้านซ้ายของตัวเองเบาๆพลางแหงนหน้ามองเพดานที่ห่างไกลออกไป ดวงตากลมโตคู่สวยมองเพดานอันว่างเปล่าสีขาวอย่างเหม่อลอย...เขากัดริมฝีปากอวบอิ่มแน่นก่อนนิ้วเล็กๆทั้งห้าจะจิกทึ้งลงบนเนื้ออันเปราะบางของตัวเองอย่างรุนแรง
เจ็บ..เจ็บ..เจ็บ เจ็บ! เจ็บ!
เจ็บเหลือเกิน! เพราะไอก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆนี่แท้ๆ! ถ้าไม่มีมัน..ถ้าไม่มีมันก็คงไม่เจ็บแต่แรก
เพราะอะไรกัน! ทำไมพระเจ้าถึงต้องสร้างให้มนุษย์ทุกคนมีหัวใจ!? ไม่ยุติธรรมเลย! คนหนึ่งเจ็บแทบตายในขณะที่อีกคนสนใจรึเปล่ายังไม่รู้! ถ้าไม่มีหัวใจตั้งแต่แรก
ก็ไม่ต้องมีใครมาเจ็บปวดแล้วแท้ๆ!
ไม่ไหว..ไม่ไหวแล้ว..กลั้นเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว...
กำแพงที่กลั้นน้ำตาทั้งหมดเอาไว้ถูกพังทลายลงมาราวกับเขื่อนแตก ลูฟี่ปล่อยให้น้ำใสๆอุ่นๆไหลอาบแก้มเนียนของตัวเองตอกย้ำความเจ็บปวดรวดร้าวให้ฝังรากลึกเข้าไปในจิตใจ
ลอว์ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังเล็กๆที่ไกลออกไปเรื่อยๆ
อยากจะยกมือขึ้นรั้งเอาไว้ใจแทบขาด..แต่ทำไม? ทำไมเขาถึงขยับไม่ได้...แม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับแขนยังไม่มี
ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ..อยู่แค่เอื้อมแต่เขาก็รั้งเอาไว้ไม่ได้..น่าสมเพชชะมัด
เจ็บปวดเหลือเกิน...แต่ทำอะไรไม่ได้เลย
อยากจะรั้งเอาไว้แค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายสิ่งที่เขาทำได้ก็คงเป็นเพียงมองแผ่นหลังเล็กๆนั่นไกลออกไปเรื่อยๆจนลับสายตาไปในที่สุด...
เขาไม่แน่ใจว่าความเจ็บปวดนี้มันคืออะไร...แต่มันคือความเจ็บปวดที่เจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต เจ็บปวด..เหมือนกับตอนที่ครอบครัวของเขาตาย ทำไมกันนะ...ทั้งๆที่เขาเสียแค่เด็กบ้าๆไปคนหนึ่ง...แต่เหมือนกับว่าทั้งชีวิตนี้เขาไม่หลงเหลืออะไรอีกแล้ว...
ทำไมกันนะ...ถ้าวันนั้นที่สวนสาธารณะเขาไม่สนใยดีเด็กนี่ เขาไม่ช่วยเด็กนี่ เขาไม่แลเด็กนี่ ถ้าเพียงแค่เขาเดินผ่านไปโดยไม่หันมาสนใจเด็กนี่เหมือนกับที่เขาทำกับคนอื่นๆ เขาก็คงไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ ทำไมพระเจ้าถึงได้เล่นตลกกับเขาแบบนี้นะ...
ลอว์หันหลังกลับ หมุนปลายเท้าตรงไปยังร้านไอศกรีมร้านเดิมที่เดินออกมาเพื่อจ่ายเงินค่าไอศกรีมที่สั่งมา
ในใจลึกๆก็แอบหวังอยู่เล็กๆว่าจะเจอร่างบางๆของเด็กผู้ชายจอมป่วนเจ้าของเรือนผมสีดำขลับยุ่งเหยิงและนัยน์ตาสีเดียวกันกับผมนั่นนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้มะฮอกกะนีโต๊ะเดิม ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้...แต่ก็ยังแอบหวัง น่าขันสิ้นดี
หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จแล้วเขาก็ลากขายาวๆของตัวเองออกจากร้าน
เขาเหลือบมองไอศกรีมซันเดย์บนโต๊ะไม้มะฮอกกะนีสีเข้มที่ยังไม่ได้ถูกกินเลยแม้แต่คำเดียวก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเบือนหน้าหนี
เมื่อเวลาอาหารเย็นมาถึงลูฟี่ในชุดนอนก็นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับพี่ชายของเขาอย่างปกติทุกวัน
แต่ที่จะไม่ปกติก็คงจะเป็นอาหารในจานที่ถูกเขี่ยไปมาโดยส้อมในมือเล็กๆของลูฟี่
ลูฟี่ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆพลางมองชิ้นเนื้อในจานที่ถูกเขี่ยไปมาด้วยฝีมือตัวเอง
กินไม่ลง...เพิ่งจะได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้นี่แหละ
ทั้งๆที่อาหารอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่กลับกินไม่ลง..ขืนกินเข้าไปล่ะก็มีหวังอาหารพวกนี้ขย้อนกลับออกมาจากทางที่มันเข้าไปแหงๆ
ฝ่ายผู้เป็นพี่ก็ได้แต่มองน้องชายตัวเองตรงหน้าที่เอาแต่เขี่ยชิ้นเนื้อในจานอย่างหมดอาลัยตายอยาก
คิ้วหนาของเขาขมวดเข้าชนกันมุ่นด้วยความสงสัยระคนเป็นห่วงที่เห็นน้องชายของตัวเองไม่กินอาหารเลยทั้งๆที่เป็นอาหารโปรดของเขาแท้ๆ
“ลูฟี่
เป็นอะไรรึเปล่า? นายไม่แตะของกินเลย”
เมื่อถูกทักอย่างนั้นลูฟี่ก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก
เขาละความสนใจจากชิ้นเนื้อในจานก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารตรงหน้าแล้วจ้องหน้าพี่ชายของตน เมื่อตั้งสติได้ก็ส่งยิ้มแหยๆให้พี่ชายพลางหัวเราะนิดๆ
“ม..ไม่เป็นไร
ฉันแค่..อิ่มน่ะ ฮะๆ”
“หา?”
เอสยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความสงสัยกว่าเดิม “อิ่มเนี่ยนะ?”
“อ..อือ
ฉันเพิ่งกินมาน่ะ ฉันโอเคน่า” พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างพลางหัวเราะตามแบบฉบับเจ้าตัวให้พี่ชายของตน
เอสรู้ดีว่าน้องของตัวเองนั้นไม่โอเคเลยแม้แต่น้อย
เขาอยู่กับน้องชายตัวแสบของตัวเองมาทั้งชีวิตของเขา ลูฟี่ไม่เคยไม่แตะอาหารแบบนี้มาก่อน
ซาโบก็รู้ดี
การที่ลูฟี่ไม่แตะของกินแบบนี้ก็คงจะมีความหมายเดียวนั่นแหละ...หมอนี่ไม่โอเค
แม้ลูฟี่จะฉีกยิ้มกว้างแค่ไหนก็ไม่อาจปกปิดความเศร้าและความเจ็บปวดในแววตาคู่สวยคู่นั้นได้...นัยน์ตาสีดำสีรัตติกาลทอประกายคู่นั้นกำลังสั่นคลอนไปด้วยความเจ็บปวด...ราวกับหัวใจแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ถึงจะรู้สึกอึ้งๆที่ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนแต่ในใจลึกๆแล้วเอสนั้นเป็นห่วงน้องชายของเขามากทีเดียว...แต่การที่เจ้าตัวโกหกและยิ้มกลบเกลื่อนนั้นคงเป็นเพราะเขาไม่อยากบอกในตอนนี้
เขาคงยังไม่พร้อม...ซักไซ้ไปก็คงเปล่าประโยชน์
แต่เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมพี่ชายคนนี้ก็พร้อมที่จะรับฟังเสมอ...
“นายมีอะไรก็บอกฉันได้นะ”
ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรหรอกน่า” พูดพลางหัวเราะพลางก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหยิบจานไปวางที่ซิงค์ล้างจาน
“ฉันขึ้นไปแล้วนะ”
พูดจบก็ตรงปรี่ไปยังบันไดโดยไม่ลืมที่จะหันมาบอกลาพี่ชายของตัวเองอย่างร่าเริงด้วยใบหน้าระบายยิ้มและเสียงหัวเราะที่เป็นเอกลักษณ์
เขา..ต้องปิดไว้...เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเขานั้นแท้จริงแล้วอ่อนแอแค่ไหน ไม่ว่ายังไงเขาจะฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างทุกครั้งเพื่อปกปิดความอ่อนแอและความเจ็บปวดแม้ภายใต้หน้ากากใบนั้นกำลังเลอะไปด้วยคราบน้ำตาก็ตาม...
ลูฟี่ปิดประตูห้องตัวเองช้าๆก่อนจะเอาหลังบางๆของตัวเองแนบกับบานประตูแล้วถอนหายใจออกมาจนลมแทบหมดปอด
เขาเงยหน้ามองเพดานห้องของตัวเองที่ถูกติดด้วยสติ๊กเกอร์เรืองแสงมากมายก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นช้าๆแล้วพาแขนบางๆทั้งสองโอบรอบเข่าเล็กๆของตน
ลูฟี่ซบใบหน้าหวานลงกับแขนบางๆคู่นั้น เขาเม้มริมฝีปากแน่นก่อนน้ำใสๆอุ่นๆจะไหลออกจากดวงตาคู่สวยคู่นั้นอีกครั้ง
ลูฟี่สัมผัสได้ถึงความชื้นอุ่นๆบนแขนเสื้อของตัวเอง แต่เขา...ก็ทำอะไรไม่ได้
ทำได้เพียงปล่อยให้น้ำใสๆให้ไหลโกรกอาบแก้มเนียนให้เลอะไปด้วยคราบน้ำตาเท่านั้น
“ฮึก..ฮึก”
เขาทำได้เพียงแค่กัดริมฝีปากของตัวเองแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ให้เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเองเท่านั้น
มือเล็กๆก็พลางปาดน้ำใสๆที่ไหลอาบแก้มเนียนของตน
เจ็บเหลือเกิน...ไม่ว่าจะทำยังไงก็คงทุเลาความเจ็บนี้ลงไม่ได้เลย
ทำไมถึงได้เจ็บขนาดนี้? ไม่เข้าใจสักนิด
แล้วเขาจะต้องทำยังไง...ถึงจะทุเลาความเจ็บนี้ลงไปได้
ต้องถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่นเหมือนในห้างเมื่อตอนกลางวันหรือเปล่า..?
ถ้าหากว่านั่นเป็นวิธีเดียว...
เขาก็คงไม่มีทางที่จะหนีจากความเจ็บปวดนี่พ้นแน่ๆ
ไม่มีทาง..ที่หมอนั่นจะมากอดเขา
ไม่มีทางที่เขาจะสัมผัสกับความอบอุ่นอันแสนคุ้นเคยนั่นอีก ไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์เหมือนเส้นปราสาทตรงหน้าตายหรือได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่เขาคุ้นเคยดีด้วยซ้ำ
ไม่เลย...
น่าสมเพชตัวเองชะมัด...
“จะร้องไห้อีกนานไหม?”
เสียงทุ้มต่ำอันแสนจะคุ้นหูดังขึ้นตรงหน้า
ทันใดนั้นดวงตากลมโตคู่สวยของลูฟี่ก็เบิกโพลง เขาเงยหน้าขึ้นจากแขนบางๆทั้งสองก็พบกับใบหน้าของร่างสูงของชายที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสิบเซนติเมตร...
ใบหน้าคมคายไร้อารมณ์อันหล่อเหลา
ผิวสีแทน ริมฝีปากเรียวบางได้รูป
เรือนผมสีดำขลับชี้ไปชี้มาเหมือนของเขาแต่ของเขายุ่งกว่า...รอยสักตามตัวที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมา จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาสีเทาหินโมราที่ไม่อาจละสายตาได้ราวกับต้องมนต์สะกด
ลอว์กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าลูฟี่...
ตอนนั้นเองความเจ็บปวดทั้งหมดพลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ราวกับหัวใจกำลังถูกโอบกอดด้วยปีกกว้างที่มองไม่เห็น แต่อบอุ่น...
หัวใจที่เคยหยุดเต้นกลับกลายมาเต้นอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เลือดสูบฉีดหล่อเลี้ยงให้พวงแก้มใสขึ้นสีแดงจางๆ
กล้ามเนื้อที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับกลับมาขยับได้อย่างอิสระ...ทำไมกัน...?
เพราะแค่คนคนนี้คนเดียวน่ะหรอ? เพราะอะไรกัน?
“ท..โทราโอะ” เมื่อตั้งสติได้ลูฟี่ก็รีบยกแขนขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืนทำเอาลอว์ต้องเงยหน้าขึ้นตาม
“ค..ใครว่าฉันร้องไห้ ฉ..ฉันเปล่านะ!”
ถูกจับได้ขนาดนี้ยังจะมาแก้ตัวอีก...ลอว์ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆให้กับร่างเล็กตรงหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้มลงมองใบหน้าหวานของอีกฝ่ายที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตา ตอนนี้ใบหน้าของลูฟี่นั้นยุ่งจนไม่รู้จะยุ่งยังไงแล้ว...
ห้องทั้งห้องเงียบกริบไปชั่วขณะ ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ...มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดำเนินอยู่...
แต่เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้คิ้วบางทั้งสองของลูฟี่ก็ต้องขมวดเข้าชนกันมุ่นกว่าเก่า พวงแก้มใสทั้งสองขึ้นสีแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุก หัวใจเต้นรัวผิดจังหวะจนแทบจะเด้งออกจากอกเสียตรงนั้น ดวงตากลมโตก็พลางเบิกกว้างอีกครั้ง...
“นาย!” ฝ่ายลูฟี่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบยกมือขึ้นชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วโวยวายใส่ตามระเบียบ
“นาย! นายบุกเข้ามาในห้องฉันอีกแล้วหรอ!?”
ฝ่ายลอว์เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะรู้สึกตัวก็ยกคิ้วหนาขึ้น
“ก็ใช่น่ะสิ เพิ่งจะรู้ตัวหรอ?” แต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าหวานของอีกฝ่ายเริ่มขึ้นสีแดงจางๆก็เผลอยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาด้วยความพึงพอใจซะงั้น...
“ลูฟี่!
เกิดอะไรขึ้นข้างบนรึเปล่า?”
เสียงทุ้มต่ำที่ลูฟี่นั้นแสนจะคุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างล่างพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นบันไดมา
แต่เดี๋ยวนะ...เสียงฝีเท้า..ของสองคน!?
“เฮ้! ตอบหน่อยสิ
ลูฟี่ นายไม่เป็นไรนะ?”
ชัดเจนแล้วล่ะ...
“โทราโอะ! ไปที่เตียง
เร็วๆ!”
ลูฟี่กระซิบพลางลากอีกฝ่ายไปที่เตียงนุ่มของตนซึ่งลอว์เองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ลูฟี่จัดการผลักลอว์ให้นอนราบลงไปกับเตียงนุ่มของตนแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมไว้โดยไม่ลืมที่จะเอาตุ๊กตาหมียักษ์ตัวเดิมฆมาวางทับไว้เพื่อความแนบเนียนยิ่งขึ้น..
รู้สึกเหมือนเดจาวูยังไงไม่รู้แฮะ...
แต่เรื่องนั้นน่ะ ช่างมันเถอะ! เพราะตอนนี้เขาต้องรีบซ่อนลอว์ก่อนน่ะสิไม่อย่างนั้นล่ะก็แย่แน่ๆ! งานเข้าแล้วล่ะลูฟี่! ก็แหงล่ะ เขาได้ยินเสียงนี้มาทั้งชีวิตไม่มีทางที่เขาจะฟังผิดแน่ๆ...
ก็นั่นน่ะ..มันเป็นเสียงของซาโบกับเอสนี่!
- to be continue -
สวัสดีค่ะ=w=" กลับมาอัพแล้ววววว เย่ววววววว#ผิด แต่เดี๋ยวตอนนี้เสร็จกะจะรีไรท์ตอนที่ 8 แล้วล่ะค่ะTwT (หลังจากดองมานาน) ตอนนี้รู้สึกว่าคุณพี่ชายเอสจะเข้าสู่โหมด 'พี่ชายแสนดี' แบบซาโบเขาบ้างแล้วล่ะค่ะ ฟฟฟ #ผิดมหันต์
ถ้าไรท์อัพช้ายังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะTwT ยังไงก็อย่างเพิ่งทิ้งกันไปไหนล่ะ
อ่านกันเสร็จแล้วก็อย่าลืมกดติดตาม คอมเม้น หรือแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ <3 รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ :3
ความคิดเห็น