ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 14 + SPECIAL! [ครบ]

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 59


    CR.SHL
    - Chapter 14 -

                เจ้าตัวยุ่งมองผมพลางฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะไปถึงใบหูอย่างไม่รู้ร้อนรูหนาว ไม่รู้เลยสินะ...ว่าตัวเองจะเจออะไรบ้าง คอยดูเถอะ จะเอาให้เข็ด!

                ผมละสายตาจากหมวกฟาง-ยะก่อนจะกวาดสายตามองไอพวกหื่นที่เอาแต่จ้องเขาอย่างกับจะกลืนกินหมอนี่เข้าไปทั้งตัว มองอะไรนักหนา พวกบ้านี่ ผมอยากจะจับไอพวกนั้นมาจิ้มตาเรียงตัวชะมัด เด็กนี่ก็อีกคน นี่ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าตัวเองเป็นเป้าล่อสายตาแค่ไหน!?

                “ทำบ้าอะไรของนาย” ผมกดเสียงต่ำพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่เตลิดไปมากกว่านี้

                “หือ? ก็จัดบูทไง” คนถูกถามตอบพลางใช้สองมือบิดเสื้อขาวบางของตัวเอง

    “ว่าแต่นายเถอะ วันนี้งานเชื่อมไมตรีนะ ทำไมถึงทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ” หมวกฟาง-ยะเงยหน้ามองพร้อมกับยกมือขึ้นเกาจมูกรั้นของตัวเอง โดยไม่รีรอให้ผมได้พูดอะไรต่อเขาก็ปีนขึ้นไปนั่งบนแท่นหน้าตาเฉย นี่ผมดุเขาอยู่นะ ให้ตายเถอะ

    “หมวกฟาง-ยะ ลงมา...”

    “เฮ้ๆ อยากเล่นก็ไปต่อคิวเซ่! อย่ามาแซงกันหน้าด้านๆนะเฟ้ย” ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดพร้อมกับจับไหล่ผม ผมหันไปค้อนขวับใส่ เจ้าบ้านั่นถึงกับหน้าถอดสี

    “น..นาย..เอ่อ..ไม่สิ พี่ก็มางานนี้ด้วยหรอ งั้นผมไม่กวนแล้วอยากเล่นก็เล่นก่อนเลยครับ” พูดจบเสียงกระซิบก็ดังกระหึ่มขึ้นมา ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆแต่ก็ไม่อยากจะเก็บมันมาใส่ใจนักจึงหันกลับไปหาหมวกฟาง-ยะที่นั่งงงอยู่ข้างบน

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ลู...เอ๊ะ” ผู้หญิงผมสีส้มเมื่อกี้เดินเดินตรงมาหาผมกับหมวกฟาง-ยะเธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผม

    “นามิ วันนี้โทราโอะก็จะมาเล่นเกมของพวกเราด้วยล่ะ” เขากล่าวพลางหัวเราะตามฉบับเจ้าตัว

    ผมดึงร่างเล็กนั่นลงมาจากที่นั่ง เจ้าตัวสะดุ้งเฮือกแต่ก็ปลิวลงมาตามแรงกระชากของผมอย่างง่ายดาย โดยไม่รอให้ร่างเล็กนั่นลงไปนอนกับพื้นผมก็รีบใช้แขนอีกข้างรองข้อพับเอาไว้ ช้อนตัวชื้นๆของหมอนั่นขึ้นแล้วเตรียมเดินออกจากบูท

    เสียงกระซิบดังกว่าเก่า มือเล็กๆของหมวกฟาง-ยะกำเสื้อผมแน่นจนผมต้องก้มหน้าลงไปมอง แล้วก็แทบจะบ้าตายตรงนั้นเมื่อเห็นใบหน้าหวานนั่นแดงก่ำไปจนถึงใบหู เขาซุกใบหน้าลงกับเสื้อของผมแน่นจนผมกลัวว่าหมอนั่นจะได้ยินเสียงหัวใจของผมที่กำลังเต้นโครมครามจนแทบทะลุออกมา ให้ตาย..ผมอยากจะจับร่างเล็กๆนี่ฟัดให้หนำใจเสียจริง

    “อ..เอ๋!? เดี๋ยวสิ!” เสียงหวานแบบผู้หญิงดังขึ้นเรียกผมให้หันไปตามเสียง

    “จะพาลูฟี่ไปไหน” เธอถามด้วยใบหน้ายุ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องผมเขม็งอย่างไม่วางตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเป็นห่วงเพื่อนของตัวเองแค่ไหน

    “ฉันยืมตัวแค่แปปเดียว ส่วนเรื่องบูทก็หาคนอื่นแทนหมอนี่ก็แล้วกัน”

    ผมพูดแค่นั้นแล้วรีบปลีกตัวออกมาทันทีโดยไม่ฟังเสียงกระซิบกระซาบของเหล่าฝูงชนที่ดังมาตลอดทางอย่างไม่ขาดสาย หมวกฟาง-ยะยังคงซบใบหน้าอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย หึ..ต้องใช้ไม้นี้เท่านั้นสินะถึงจะเอาตัวแสบแบบหมอนี่อยู่น่ะ

    ผมมองตัวเล็กในอ้อมแขนแล้วยกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

    ไม่นานฝีเท้าของผมก็มาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานของดอฟฟี่เพราะคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นที่ที่สงบที่สุดและไม่มีคนซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอเปิดประตูเข้าไปก็ไม่พบแม้แต่เจ้าของห้องด้วยซ้ำ มีเพียงเฟอร์นอเจอร์ราคาแพงมากมายกับเครื่องปรับอากาศที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้

    ผมหันกลับไปล็อคประตูแล้วเดินไปวางหมวกฟาง-ยะลงบนโต๊ะทำงานของดอฟฟี่  เขาค่อยๆคลายมือที่กำเสื้อผมลงแต่ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นสบตาผม

    “รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป” ผมถามเสียงเรียบ คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองผมงงๆ พวงแก้มยังถูกแต้มด้วยสีแดงจางๆ อา..ให้ตาย ผมจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆนะ

    เจ้าตัวทำหน้าเหมือนครุ่นคิดสักพักก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเอือมระอา ทำไมถึงได้ซื่อบื้อแบบนี้นะ...ผมค่อยๆก้มลงประกบกลีบปากอวบอิ่มสีกุหลาบนั่นด้วยริมฝีปากตนเอง ละเมียดชิมความหวานละมุนนั่นช้าๆอย่างอ่อนโยน อา..นิ่มชะมัด

                “อ..อือ”

                ผมดูดริมฝีปากของอีกฝ่ายเสียงดังจนเจ้าตัวสะดุ้ง เขาครางเล็กน้อยแต่ไม่ได้ขัดขืนอะไรมากนัก มือเล็กๆอันสั่นเทาของหมอนั่นเลื่อนขึ้นมากำเสื้อผมเอาไว้แน่น ผมสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตามไรผมและกล้ามเนื้อส่วนที่กำลังตื่นสุดๆ มันกำลังดุนดันกางเกงที่ผมสวมจนรู้สึกเจ็บ 

                ผมเลื่อนมือลงไปยังขอบกางเกงว่ายน้ำ ไล้วนอยู่แถวนั้นสักพักก่อนจะใช้นิ้วเกี่ยวมันไว้ แต่ก่อนที่ผมจะดึงมันลงก็ถูกห้ามเอาไว้เสียก่อน มือเล็กของหมวกฟาง-ยะจับแขนของผมเอาไว้แน่นสักพักก็เริ่มอ่อนแรง เลื่อนขึ้นมาทุบอกผมแรงๆสองสามครั้งเป็นสัญญาณให้ผมปล่อยแทน ในเวลาแบบนี้เจ้านี่ดูอ่อนปวกเปียกชะมัด หนาวงั้นหรอ? หมอนี่เปียกอยู่นี่นา..

                ผมจำต้องยอมผละจูบออกเพื่อให้คนตัวเล็กกว่าหายใจ เสียงหอบหายใจของหมวกฟาง-ยะดังกระเส่าไปทั่วห้อง มือของผมเลิกเสื้อชื้นๆของเขาขึ้น คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งเฮือกแต่โดยไม่รอให้เขาได้โวยวายผมก็รีบประกบจูบลงไปอีกรอบ สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวานละมุนนั่น ควานตวัดเก็บเกี่ยวหาความหวานอย่างโหยหา

                หมวกฟาง-ยะดิ้นเล็กน้อยแต่ไม่สามารถทำอะไรผมได้ ผมสอดมือเข้าไปรองสะโพกของเขาช้าๆแล้วยกอีกฝ่ายลงจากโต๊ะ เขาผละจูบออกด้วยความตกใจแล้วรีบใช้แขนโอบรอบคอผมไว้ทันที

                เท้าของผมพาร่างพวกเราสองคนตรงไปยังโซฟาหนังใกล้ๆ ผมวางคนในอ้อมแขนลงช้าๆแล้วขึ้นคร่อมเอาไว้ มือทั้งสองข้างของผมล็อคเอวเขาเอาไว้แน่นโดยอัตโนมัติก่อนเลิกเสื้อขึ้นจนสุด ให้ยอดอกสีเชอร์รีที่ตั้งชูชันนั่นประจักษ์แก่สายตา อา..น่าลิ้มชิมเป็นที่สุด

                ผมใช้สายตาสำรวจเรือนร่างบอบางของคนตัวเล็กใต้อาณัติก่อนยกยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจ อา ผิวกายสีน้ำนมผุดผ่อง ยอดอกสีชมพูเรื่อที่ลุกชัน หน้าอกนูนขึ้นมาเล็กน้อยที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงหอบ หน้าท้องที่แบนราบ...อยากจะกลืนกินหมอนี่เข้าไปทั้งตัวจริงๆ

                “ห้ามมองนะ! สายตาแบบนั้น...” หมวกฟาง-ยะขัดขืน ใบหน้าของเขาถูกระบายไปด้วยสีแดงระเรื่อจนถึงใบหู ผมไม่รอให้เขาดึงเสื้อลงมือข้างหนึ่งก็รีบรวบมือเล็กๆทั้งสองนั่นเอาไว้เหนือหัวเจ้าตัวเสียก่อนแล้วลูบไล้หน้าท้องของอีกฝ่ายเบาๆด้วยมือข้างที่ว่างจากการล็อคแขนของเขา เขาเม้มริมฝีปากแน่นกลั้นเสียงครางเอาไว้ พอเห็นแบบนั้นก็อดแกล้งไม่ได้จริงๆ

                ผมฉีกยิ้มมองผลงานใต้ร่างตัวเองด้วยความพึงพอใจ

                “อื้อ! ท..โทรา..โอะ”

                “หมวกฟาง-ยะ” ผมขานชื่ออีกฝ่ายเบาๆ สัมผัสได้ว่าเสียงของตัวเองแหบพร่าลงด้วยความปรารถนาที่เอ่อล้นมากเกินไป

                มือที่ไล้วนอยู่ที่หน้าท้องค่อยเลื่อนขึ้นไปช้าๆ หมวกฟาง-ยะดิ้นไปมาแต่ด้วยความชื้นและความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้เขาหนาวจนไม่มีแรง

                ผมคลึงจุดอ่อนไหวสีชมพูนั่นเบาๆ เขากันฟันแน่นกลั้นเสียงครางหวานๆของตัวเองเอาไว้ ให้ตายสิ ผมจะไม่ไหวอยู่แล้ว อยากจะเข้าไปอยู่ในร่างกายของคนตัวเล็กนี่จนแทบคลั่งอยู่แล้ว

                “ร้องออกมา หมวกฟาง-ยะ” ผมออกคำสั่งพร้อมกับก้มลงไปไซร้ซอกคอขาวนวลเนียนของอีกฝ่ายก่อนจะฝังเขี้ยวลงบนผิวสีน้ำนมนุ่มนิ่มนั่นเต็มแรง จะตีตราความเป็นเจ้าของไปทั่วทั้งเรือนร่างบอบบางนี่ หมวกฟาง-ยะเป็นของผมเพียงคนเดียว...คนเดียวเท่านั้น

                นิ้วของผมขยี้จุดอ่อนไหวนั่นแรงขึ้น

                “อ๊ะ!” คนถูกกระตุ้นร้องลั่น “ท..โทรา..อื้อ อือ!

                มือของผมคงทำหน้าที่ของมันต่อไปในขณะที่อีกข้างปลดข้อมือบางๆนั่นจากพันธนาการแล้วเลื่อนลงมาไล้ตามเอวของอีกฝ่ายแทน อา..เจ็บ ส่วนที่กำลังตื่นในร่างกายของผมมันดุนดันกางเกงจนทนไม่ไหวแล้ว อยากจะปลดปล่อยความปรารถนานี้ออกไปเหลือเกิน

                ผมโน้มตัวลงประกบริมฝีปากบนผิวกายละเอียดนุ่มนั่นอย่างอ่อนโยนก่อนจะเปลี่ยนเป็นขบกัดและดูดจนเป็นรอยแดงจ้ำ เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยแต่เสียงครางที่เล็ดออกมาจากริมฝีปากบวมช้ำนั่นทำให้ผมฉุดอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

                ผมไล้ริมฝีปากไปตามผิวสีน้ำนมนุ่ม ทำให้เกิดรอยจ้ำแดงเป็นจุดๆ ตั้งแต่ซอกคอจนไปถึงหน้าอก อยากจะครอบครองยอดอกสีชมพูเรื่อที่ตั้งชูชันนั่นด้วยริมฝีปากเหลือเกิน...อยากจะลิ้มชิม อา

                “โทราโอะ..หยุด..เถอะ...” คนตัวเล็กกว่าพลางหอบพลาง มือของเขาวางอยู่บนหลังของผม เขากำเสื้อสูทไว้แน่นแต่แล้วมันก็ไหลลงมาด้วยความอ่อนแรง ลูบไล้ไปตามสีข้างของผมอย่างอ่อนระทวยเต็มที คิดจะยั่วกันหรือยังไง...ถ้าผมไม่ไหวจริงๆ ต่อให้ที่นี่เป็นห้องทำงานของดอฟฟี่ผมก็ไม่สนหรอกนะ

                “หือ?”

                ผมเงยหน้าจากหน้าอกของเขาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นว่าอยู่ๆนัยน์ตาสีดำของเขามีความสงสัยทอประกายอยู่เล็กๆ “อะไร?”

                หมวกฟาง-ยะชูถุงฟอยด์เล็กๆในมือขึ้นมาแล้วสำรวจมันอย่างใครรู้ “นี่อะไรน่ะ?”

                เฮ้ย...นั่นมันถุงยาง!!

                “หมวกฟาง-ยะ!” ผมปรามคนตัวเล็กใต้อาณัติก่อนหยิบถุงยางของตัวเองกลับคืนมาแล้วเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม หมอนี่ต้องเห็นตอนที่มือไปโดนกระเป๋ากางเกงผมเมื่อกี้แน่ๆ ให้ตายสิ เด็กนี่ซนกว่าที่คิดแฮะ ขนาดโดนลงโทษอยู่ยังจะหาเรื่องมาให้สงสัยได้อีก

                คนตัวเล็กขมวดคิ้วเอียงคอมองผม ก่อนจะมุ่ยหน้าใส่ “ก็ฉันอยากรู้นี่”

                “หืม?” ผมเผลอกระตุกยิ้มมุมปาก “อยากรู้หรอ? จะลองใช้ดูไหมล่ะ?”

                “ใช้ทำอะไรหรอ?”

                อีกฝ่ายถามพลางกระพริบตาปริบๆมองผมด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย  ผมหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู เอาไว้โตกว่านี้ก่อนก็แล้วกันนะ

                ผมวางมือลงบนหัวทุยๆนั่นแล้วลูบเบาๆก่อนจะผละออกปล่อยให้เขาเป็นอิสระ วันนี้ลงโทษไปแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน...แต่ถ้ามีแบบนี้อีก ผมไม่หยุดแค่ครึ่งทางแน่ ผมถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆแล้วยืนขึ้น แต่พอยืนเต็มความสูงก็รู้สึกเจ็บแปลบยิ่งกว่าเก่าเพราะกล้ามเนื้อที่กำลังตื่นขึ้นมาดูโลกมันกำลังดุนดันกางเกงอยู่ที่สวมอยู่จนคับและอึดอัด

                ผมหายใจเข้าลึกๆแล้วจำใจเดินตรงไปยังชั้นลิ้นชักที่วางอยู่มุมห้อง เปิดมันดูทีละชั้นๆเพื่อหาเสื้อที่พอจะให้หมอนี่เปลี่ยนได้ ไม่นานผมก็เจอเสื้อพละตัวหนึ่งในลิ้นชักสุดท้าย แถมไม่มีกางเกงอีกต่างหาก ไอลุงบุญธรรมบ้าเอ๊ย...แต่ก็ดีกว่าไม่มีล่ะวะ

                ขายาวๆของผมพาร่างของตัวเองตรงไปหาร่างเล็กที่นั่งทำหน้าเอ๋ออยู่ตรงโซฟาแล้วโยนเสื้อให้

                เขาเอาเสื้อพละที่คลุมหัวตัวเองออกก่อนจะสำรวจมันแล้วหันมามองผม หมวกฟาง-ยะอ้าปากจะถามแต่แค่เห็นท่าทางแบบนั้นผมก็รีบชิงอธิบายก่อนทันที

                “เปลี่ยนซะ”

                คนถูกสั่งยู่หน้าใส่แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดีแต่ไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ เหอะ เดี๋ยวเถอะ คิดว่าผมไม่เห็นรึไง..

    เขายืนขึ้นแล้วเอื้อมมือไปจับปลายเสื้อสีขาวที่ยังไม่หายเปียก เตรียมถอดมันออก ฮ..เฮ้ย! นี่เขาจะถอดตรงนี้เลยหรอ ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมเพิ่งจะ...ไอถุงยางนั่น ผมแค่พกมาเผื่อฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ได้คิดจะใช้มันจริงๆ อยากให้ใช้จริงๆรึไง!

                “เฮ้ยๆ ทำบ้าอะไรของนาย”

                หมวกฟาง-ยะหันมามองแล้วขมวดคิ้วมุ่น “ก็เปลี่ยนเสื้อน่ะสิ ถามอะไรแปลกๆ นายเป็นบอกเองนะ”

                ผมกำลังจะออกปากห้ามแต่กลับไม่ทันซะแล้ว เจ้าตัวยุ่งถอดเสื้อที่สวมอยู่ออกแล้ววางมันลงบนเบาะ ผมชายตามองร่างกายช้ำๆนั่นอย่างอดไม่ได้ แล้วก็ต้องฉีกยิ้มกว้างด้วยความพอใจ เมื่อเห็นผลงานตัวเองบนเรือนร่างของอีกฝ่าย         

                “โทราโอะ นี่มันไม่ใหญ่ไปหน่อยหรอ?” หมวกฟาง-ยะพูดพร้อมกับหมุนตัวไปมาหลังจากสวมเสื้อพละของใครไม่รู้ที่ผมหยิบมาให้เมื่อกี้

                ก็นะ...ใหญ่ไปหน่อย แต่แค่ปิดท่อนล่างได้ก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะ อืม..แต่กางเกงของไอหมอนั่นยังเปียกอยู่นี่ จะไม่สบายรึเปล่า? ยิ่งอยู่ในห้องแอร์ด้วย

                “หนาวรึเปล่า”

                “อือ ก็หนาวนิดหน่อย” ตอบยิ้มๆพลางเกาแก้มตัวเอง

                ผมถอดเสื้อสูทที่สวมอยู่ออกแล้วเอามันไปคลุมไหล่เล็กๆของหมวกฟาง-ยะ ให้ตายสิ ทำไมถึงได้เป็นผู้ชายที่ตัวเล็กแบบนี้นะ

                “นี่โทราโอะ” เจ้าตัวเล็กว่าพลางเงยหน้ามองผม “ไปเล่นเกมกันเถอะ ฉันรองานนี้มาตั้งนานนะ”

                ผมยกมือปิดรอยยิ้มเอ็นดูของตัวเองเอาไว้โดยอัตโนมัติ ไอสายตากับน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้น...ใครจะไปขัดใจได้ลงคอกัน แต่พอเห็นแบบนี้แล้วมันอดไม่ได้จริงๆ...ขอแกล้งหน่อยก็แล้วกันนะ

                “ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย” ผมปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วลดมือลง

    “ก็..ฉันไม่ชอบอยู่คนเดียวนี่...” คนตัวเล็กกว่าก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยท่าทีขัดเขิน พอเห็นแบบนั้นมันก็อดไม่ได้จริงๆที่จะแกล้ง..

    “แล้ว..” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางยกยิ้มมุมปาก “ไม่กลัวโดนแบบเมื่อกี้หรอ?”

    หมวกฟาง-ยะสะดุ้งเฮือก ใบหน้าหวานๆนั่นแดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างกับลูกตำลึงสุก ให้ตาย..ดูใบหน้านั่นสิ แดงตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงคางเลย แบบนี้จะให้อดใจไม่ให้แกล้งได้ยังไงกัน หึ..

    “ล้อเล่นน่า..” พูดจบก็ผละออกแล้วเดินตรงไปยังประตู “จะไปไหม”

     

     

     

    “ว้าว ได้ขนมมาเพียบเลยล่ะ” ร่างเล็กที่เดินอยู่ข้างว่าพลางหัวเราะร่า ภายในอ้อมแขนของหมอนั่นเต็มไปด้วยขนมกับตุ๊กตาที่ได้จากเกมกิจกรรมบูทต่างๆ

    ผมกับหมวกฟาง-ยะร่วมกันเล่นอยู่นานพอสมควรกว่าจะได้ของรางวัลมามากขนาดนี้ เจ้าเด็กบ้านั่นตะเวรเล่นไปซะทุกบูทไม่พอยังลากผมเข้าไปเล่นด้วยอยู่เรื่อย แถมพอร้อนก็ถอดเสื้อสูทออกแล้วให้ผมถือให้อีกต่างหาก แล้วไอของรางวัลพวกนั้นน่ะ 100 อย่าง ผมเล่นให้เจ้านั่นไปเกือบ 90 อย่าง...เหนื่อยหน่อย แต่พอได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นก็นับว่าคุ้มค่าล่ะนะ...

    “โทราโอะๆ ดูตุ๊กตาหมีตัวนั้นสิ!” หมวกฟาง-ยะว่าพลางกระตุกแขนเสื้อผมเบาๆแล้วชี้ไปทางตุ๊กตาหมีสีขาวขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ตรงบูทม.5 มันใหญ่จริงๆนะ..เผลอๆอาจจะใหญ่กว่าผมด้วยซ้ำ แถมยังมีตุ๊กตาตัวอื่นล้อมรอบเต็มไปหมด หือ? ตุ๊กตาลิงตัวนั้นเหมือนเขาเลยแฮะ

    คนตัวเล็กกว่าไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบลากผมไปบูทนั้นด้วยความไวเหนือแสง ผมจึงได้แต่จำยอมและเดินตามไปเงียบๆโดยไม่ได้ขัดอะไร

    “เร่เข้ามาๆ เกมรอบสุดท้ายของเรามีการแจกของรางวัลชิ้นใหญ่แบบพี่หมี 2 เมตรตัวนี้ด้วยนะครับ! และยังมีขนาดเมตรครึ่งด้วย แต่ของรางวัลไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีตุ๊กตาตัวอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พี่เสือ พี่แมว พี่ลิง หรือพี่กระต่าย” เสียงประกาศผ่านโทรโข่งของผู้ชายหัวสีน้ำตาลอ่อนดังขึ้น

    “แค่ท่านมาเล่นเกมของเรา เกมง่ายๆ ไม่ต้องออกแรงอะไรมากมายเลยแถมยังไม่ต้องเสียตังค์อีกด้วย! ทำแค่นี้ท่านก็จะได้รับเพื่อนใหม่กลับบ้านเลยนะครับ! เอาเป็นว่าใครที่สนใจรีบมาที่บูทของเราเลยครับ” เขากล่าวอย่างจงใจเว้นระยะ

    “เกมจะเริ่มในอีกไม่กี่นาทีและพร้อมกัน เราก็จะประกาศกติกาให้ท่านได้ฟังด้วยครับ! อ๊ะๆ ลืมบอกไปเกมเราเล่นเป็นทีมนะครับ อย่าลืมไปหาเพื่อนมาอีก 3 คนด้วยล่ะ” พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งแล้วเดินหายเข้าไปหลังบูท

    ผมหันมองร่างเล็กที่กำลังตื่นเต้นจนฉุดไม่อยู่ราวกับเด็กน้อยที่กำลังจะลงแข่งขันกีฬาสีอย่างนั้นแหละ เขาหันมามองผมตอบด้วยนัยน์ตาที่ทอประกายวาววับอย่างมีชีวิตชีวาบ่งบอกได้เลยว่าเขาอยากได้หมียักษ์ตัวนั้นแค่ไหน...

    “นายมีทีมรึไง?” ผมรีบดักทางเอาไว้ก่อนเลย

    “ไม่มีอ่ะ” ก็ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่และคิดว่าเหตุผลแค่นี้คงหยุดเจ้านั่นไม่ได้

    “งั้นก็รีบๆไปหาซะสิ” ว่าพร้อมกับดีดนิ้วลงบนหน้าผากด้วยความหมั่นไส้

    “โทราโอะก็มาเล่นด้วยกันสิ เผื่อนายชนะจะได้เอาพี่หมีมาให้ฉันไง” พี่หมีงั้นหรอ..หึ เด็กนี่ไม่รู้จักโตจริงๆ แต่ก็นี่แหละนะ ลูฟี่ก็เป็นลูฟี่วันยังค่ำ

    “ไม่ล่ะ นายเล่นเถอะ ฉันดูนายเล่นก็พอ”

     

     

     

    ไม่นานผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนคนเดิมก็เดินออกมาจากหลังบูทอีกครั้งพร้อมกับโทรโข่งสีฟ้าคู่ใจและกระดาษสีขาวในมือ

    “เอาล่ะครับ” ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ทุกเสียงพูดคุยก็พลันเงียบลงโดยอัตโนมัติ “เรามาประกาศกติกากันดีกว่า ก่อนอื่นนะครับ ตามที่ผมได้บอกไปเมื่อครู่ ว่าเกมของเราเล่นเป็นทีม ทีมละ 4 คน เพื่อนๆอีก 3 คนมากันครบแล้วรึยังเอ่ย” ว่าพร้อมกับยกยิ้มกว้าง

    “ขอบอกของรางวัลก่อนก็แล้วกันนะครับ จะได้เรียกน้ำย่อยใครหลายๆคน” พูดจบก็หัวเราะร่า

    “ทีมที่ได้อันดับ 1 จะได้พี่หมีสีขาว 2 เมตรตัวนี้ และเมตรครึ่งอีก 3 ตัวกลับบ้านไป ส่วนใครจะเอาตัวไหนก็ไปตกลงกันเองนะครับ แต่อย่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันล่ะ พวกพี่ไม่เกี่ยวนะ

    “ทีมที่ได้อันดับ 2 รองลงมาก็จะได้รับตุ๊กตา 1 เมตร 4 ตัว ทีมที่ได้อันดับที่ 3 จะได้ตุ๊กตา 1 เมตรหนึ่งตัวและครึ่งเมตรอีก 3 ตัวครับ ส่วนเรื่องตุ๊กตาตัวไหนก็แล้วแต่ผู้เข้าแข่งขันจะเลือกเลยครับ แน่นอนครับว่าทีมที่อยู่อันดับ 2 ได้เลือกก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

    “ส่วนทีมที่แพ้ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเรามีรางวัลปลอบใจเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆแจกด้วย!

    “ฟังของรางวัลกันไปแล้ว มาฟังกติกากันบ้างดีกว่าครับ กติกามีอยู่ว่า เราให้เวลา 3 นาที สมาชิกหนึ่งคนของแต่ละทีมจะต้องใช้ปากคาบกระดาษสีแดงแผ่นนี้แล้วส่งให้คนที่สองคาบต่อไปแบบนี้เรื่อยๆจนถึงคนสุดท้าย โดยคาบได้แค่ตรงกลางเท่านั้น ถ้าคาบแค่มุมใดมุมหนึ่งจะถือว่าผิดกติกา สมาชิกทีมจะต้องทิ้งกระดาษแผ่นนั้นและเริ่มต้นที่คนแรกใหม่

    “ทีมไหนได้เยอะสุดก็ได้ของรางวัลไปเลย แค่นี้เองง่ายๆใช่มั้ยล่ะ? อ๊ะๆ แต่อย่าลืมนะ! ว่าห้ามทำให้กระดาษมีรอยพับหรือยับเด็ดขาดไม่งั้นคะแนนในส่วนนั้นจะถือว่าเป็นโมฆะไปนะจ๊ะ

    “เอาล่ะๆ เข้าใจกติกาแล้วก็รีบไปตกลงกับเพื่อนในทีมซะล่ะ ว่าตัวเองจะอยู่ตำแหน่งไหน ขอให้โชคดีกับการแข่งนะครับ”

    หลังจากน้องผู้ชายคนนั้นพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมหันไปหาหมวกฟาง-ยะที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วเลิกคิ้วใส่ จะว่ากวนประสาทก็คงใช่

    “มีทีมแล้วหรอ?”

    เจ้าตัวหันมามุ่ยหน้าทำแก้มพองใส่ผมก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น ส่วนผมก็ยืนถือของให้หมอนั่นไปสิ ดูเหมือนหมอนั่นจะงอนผมแล้วแฮะ...

    “น้องๆ” เสียงทุ้มๆแบบผู้ชายดังขึ้นทำผมหันควับไปทางต้นเสียงในเสี้ยววิ “ใช่ น้องนั่นแหละ ทีมพี่ขาดอีกสองคน น้องมาเข้าทีมกับพวกพี่ไหม”

    อยู่ๆก็มีไอหน้าไหนไม่รู้สองตัวเดินมาหาหมวกฟาง-ยะพร้อมกับชวนหมอนั่นเข้าทีมด้วยสีหน้าเป็นมิตร คิ้วผมกระตุกเล็กน้อยและก่อนที่จะรู้ตัวขาของผมมันก็ก้าวฉับๆพาตัวเองไปหาหมวกฟาง-ยะเสียแล้ว

     

     

     

    “ไหนว่าไม่เล่นไง จริงๆนายก็อยากเล่นใช่ไหมล่ะ ชิชิชิ”

    “เงียบซะ”

    ผมปรามคนตัวเล็กเบาๆด้วยความหงุดหงิด แน่ล่ะ อยู่ๆผมก็ลากตัวเองเข้ามาพัวพันกับไปเกมบ้าๆนี่ กับทีมเมทเพี้ยนๆอีก 2 คน อืม..ไม่สิ นับรวมหมวกฟาง-ยะด้วยก็ 3 คนสินะ

    ตอนนี้แต่ละทีมยืนหน้าสลดหน้าสลอนเรียงแถวหน้ากระดานกันอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่นักโดยมีรุ่นน้องม.5  ห้องที่เป็นเจ้าของบูทมาคอยจัดแจงและแบ่งกระดาษให้แต่ละทีม อืม...มีคนเล่นเยอะกว่าที่คิดแฮะ แบบนี้จะชนะได้ไหมเนี่ย...

    หมวกฟาง-ยะเป็นคนแรกที่ต้องคาบกระดาษแล้วส่งมันมาให้ผม ส่วนผมก็มีหน้าที่ส่งต่อให้ไอพวกที่เหลืออีก 2 คน ตอนแรกที่ตกลงกันพวกนั้นไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับตำแหน่งนี้ แต่ยังไงไม่มีทางที่ผมจะให้หมวกฟาง-นะได้รับหรือส่งกระดาษให้เจ้าพวกนั้นเด็ดขาด

    “เตรียมตัวนะครับเตรียมตัว เราจะเริ่มกันแล้ว” น้องผมสีน้ำตาลป่าวประกาศ เขายกนกหวีดขึ้นคาบไว้ในปากพลางเตรียมตัวกดจับเวลา “1...2...เริ่ม!!

    ทันทีที่สัญญาณนกหวีดดังหมวกฟาง-ยะที่เป็นคนแรกก็ไม่รอช้ารีบคาบกระดาษสีแดงนั่นมาส่งให้ผมทันที ด้วยความที่หมอนั่นตัวเล็ก ไม่ว่าจะเขย่งยังไงก็ไม่ถึงผมจึงต้องก้มลงไปงับกระดาษนั่นอีกแรง

    ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมาไว้ในปากก่อนจะส่งมันให้คนต่อไป พวกเราทำแบบนี้วนไปซ้ำๆเรื่อยๆ แต่ช่วงหลังๆผมกลับเริ่มรู้สึกว่าความเร็วในการส่งมันชะลอลง แถมบางครั้งผมก็ยังคาบไม่ได้จนต้องดูดกระดาษมาจากปากของหมอนั่นหลายๆครั้งเหมือนกัน เหมือนหมวกฟาง-ยะจะเหนื่อยแล้วแฮะ ก็คงไม่แปลกหรอกมั้งก็เขาต้องคอยเขย่งเท้าด้วยนี่นะ

    ดีนะ..ที่ไม่ปล่อยให้ไอพวกนั้นได้เล่นกับหมอนี่น่ะ เหอะ

    “เหลือเวลาอีก 10 วินาทีสุดท้ายแล้วครับ มาดูกันว่าใครจะได้มากที่สุด ท่านผู้ชมมาช่วยกันนับถอยหลังนะครับ!

    หมวกฟาง-ยะคาบกระดาษด้วยใบหน้าแดงก่ำและเหงื่อที่ท่วมใบหน้า เหมือนหมอนี่จะเหนื่อยเต็มทนแล้ว งั้นให้แผ่นนี้เป็นแผ่นสุดท้ายก็แล้วกัน

    เขาตัวสั่นเล็กน้อย ผมก้มลงไปคาบกระดาษจากกลีบปากอวบนั่น แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมมากับผมง่ายๆ ผมจึงออกแรงดูดมันแรงขึ้นอีกนิด ก็ยังไม่ออกแฮะ ลองอีกทีก็แล้วกัน เอ๊ะ กระดาษบ้านี่...!

    “2..1...หมดเวลาครับ!

    “....”

    ทุกสรรพเสียงเงียบลงอย่างฉับพลัน ผมกับลูฟี่กลายเป็นเป้าสายตาของทุกชีวิตในบริเวณนี้ ร่างกายของคนตัวเล็กกว่าแข็งทื่อราวกับหิน แต่ใบหน้ากลับแดงซ่านไปถึงใบหู เพราะอะไรน่ะหรอ? จะตอบคำถามให้ว่าทำไม เจ้าเด็กนี้ดันทำกระดาษหล่นน่ะสิ

     

    - to be continue -


                   รีไรท์ครบแล้วววววววว :D 

                  สวัสดีค่ะ สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน^O^รู้สึกอัพรัวๆ ถถถถ #ผิดมาก แต่วันนี้ไม่ได้มีเรื่องจะบอกแค่นี้นะคะ^w^ มีเยอะมากจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเลยค่ะ เอาเป็นว่าลิสท์เป็นข้อๆดีกว่า

                   1.ไอเดียเกม(บ้าๆ)นี้ได้มาจากคลิปนี้ค่ะ >>คลิ๊ก<< ตอนนั้นเห็นเพื่อนแชร์มาในเฟสบุ๊คพอดี ถถถว์

                   2.ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนมากๆนะคะ :) บอกเลยว่าจริงๆเคยคิดจะล้มเลิกแต่งเรื่องนี้ไปแล้วแต่เพราะมีคนทวงเลยกลับมาแต่งต่อ ตอนแรกท้อแท้มากๆค่ะ แต่พอกลับมาแต่งกลับรู้สึกว่ามันสนุกจริงๆ เหมือนตอนที่เราแต่งครั้งแรก แล้วก็นึกย้อนไปว่า 'เฮ้ย เรามาแต่งทำไมวะ?' ก็เพราะอยากแต่งไง พอได้คำตอบแบบนั้นทุกวันนี้ก็เลยแต่งต่อไปเพราะชอบค่ะ สนุกดี5555 #ผิด

                   3.ที่บอกว่า +SPECIAL นี่ถ้าคนที่เคยอ่านก่อนรีไรท์จะรู้เองเนอะว่าเค้า + ตรงไหน(คุณหมอนี่ไม่ค่อยเลยนะคะแหม่5555 แต่งไปก็หมั่นไส้ไป#โดนสับ) แถมเนื้อหายังเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะด้วย ถถถถว์ (แต่ไม่หลุดจากเค้าโครงเดิมค่ะ ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องนะคะ^_^) ถือว่าแทนคำขอบคุณก็แล้วกันนะคะ <3

                   4.จะปลิวไหม--- #แอ่ฟ

                   เอาเป็นว่าขอบคุณมากๆนะคะ อ่านกันแล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจกันด้วยล่ะ :) รักรีดเดอร์ทุกคนนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×