คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13
-
Chapter 13 –
หลังจากเรื่องราวในห้องแลปวันนั้นก็นับว่านานพอสมควรอยู่เหมือนกันกว่าเท้าของลูฟี่จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ทั้งๆที่แผลเก่าเพิ่งหายแท้ๆแต่ก็เจ็บตัวเพิ่มอีกเสียนี่ ดีนะ
ที่หายทันงานเชื่อมไมตรีน่ะ เพราะอาทิตย์หน้าก็จะถึงงานเชื่อมไมตรีแล้ว
ไม่อย่างนั้นยุ่งแน่ๆ
ส่วนเรื่องโปรเจกต์เขาก็ใช้เวลาในส่วนของวันที่หยุดเรียนเพราะเจ็บเท้านั่งทำจนเสร็จถึงแม้จะดูชุ่ยเพราะทำแบบขอแค่มีส่งแต่ก็ถือว่าเสร็จละนะ...
แต่ลูฟี่เองก็โดนเอสบ่นไปยกใหญ่เหมือนกัน
เรื่องทำคีย์การ์ดและกุญแจของห้องแลปหายจนซาโบต้องไปขอใหม่ที่ห้องกิจการโรงเรียน
ทั้งๆที่ไม่ใช่กุญแจของตัวเองแท้ๆ..ซาโบยังไม่เห็นบ่นสักคำเลย
ดีนะที่เขาไม่ได้ยืมของเอสน่ะ ไม่งั้นมีหวังโดนฆ่าตายแน่ๆ
ช่วงนี้ที่โรงเรียนวุ่นวายมาก
ลูฟี่ที่เพิ่งมาโรงเรียนหลังจากหยุดเรียนไปก็ต้องมาช่วยงานอย่างจริงจัง
ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจ
เพราะในช่วงเวลาที่เตรียมงานจะไม่มีการเรียนการสอนใดๆทั้งสิ้น
“ลูฟี่
มาช่วยทางนี้ทีสิ”
นามิว่าพลางกวักมือเรียกเพื่อนสนิทของตนในขณะที่แขนอีกข้างกอดม้วนกระดาษสีหลายม้วนไว้แน่น
“ได้สิ”
ลูฟี่พยักหน้ารับก่อนจะรามือจากบอร์ดนิทรรศการตรงหน้าแล้วเดินดุ่มๆไปช่วยเพื่อนสาวถือม้วนกระดาษ
ถึงห้องพวกเราจะรองบ๊วย...แต่ก็เต็มที่กับทุกงานนะ
จะว่าไป..จริงๆแล้วนามิก็ไม่ถึงกับห่วยแตกจนต้องมาอยู่ห้องรองบ๊วยแบบนี้หรอก..ยัยหน้าเลือดคนนี้ออกจะเรียนเก่งด้วยซ้ำไป
แต่เพราะตอนสอบเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย(ลูฟี่เป็นคนทำ)
เลยทำให้เธอต้องมาอยู่ห้องรองบ๊วยกับพวกเพี้ยนอย่างที่เห็นนี่แหละ
จนถึงทุกวันนี้ลูฟี่ก็ยังรุ้สึกผิดเล็กๆเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนั้น..แต่มันเล็กเสียจนแทบจะมองไม่เห็นมันแล้ว..
ลูฟี่นั่งตัดกระดาษอยู่ที่โต๊ะเงียบๆในระหว่างที่คนอื่นกำลังตกแต่งบูท
ตกแต่งบอร์ดนิทรรศการ ทำป้ายโฆษณา ใบปลิว และกิจกรรมต่างๆนานาที่ล้วนแล้วแต่ดูน่าสนุกทั้งนั้น..แล้วนี่มันอะไร?
นั่งตัดกระดาษเนี่ยนะ...
เหตุผลที่เขาต้องมานั่งตัดกระดาษแบบนี้น่ะหรอ?
ก็เพราะไม่มีใครทำไงล่ะ หน้าที่ตัดกระดาษทั้งหมดจึงถูกนามิยัดเยียดให้เขาจัดการ
ยัยนั่นไม่ถามความคิดเห็นอะไรสักคำ
อยู่ๆก็เดินมายัดกรรไกรใส่มือแล้วเดินหายไปช่วยชาวบ้านเขาตกแต่งบูทเฉยเลย...
ส่วนเพื่อนคนอื่นๆอย่างโซโร ซันจิ
อุซปปก็ดันหายหัวไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ ทีเวลาแบบนี้ล่ะดันหายตัวกันไปพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว
“ชิ! หนวกหูชะมัด”
เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับร่างอ้อนแอ้นของเด็กสาวที่อยู่ก็ลากเก้าอี้มาไว้อีกฝากหนึ่งของโต๊ะที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่โดยไม่รู้ที่มา
เธอทิ้งสะโพกกลมๆของตัวเองลงบนเก้าอี้ก่อนจะหยิบกรรไกรอีกอันที่วางอยู่มาตัดกระดาษ
“เป็นอะไรของเธอ
แล้วทำไมต้องทำหน้าเป็นตูดลิงด้วย”
“ก็ยัยพวกนั้นน่ะสิ
บ่นแว้ดๆอยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด” เด็กสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“แล้วพวกอุซปปล่ะ?”
“อุซปปไปซื้อเทปกาวกับกระดาษสีเพิ่ม
ซันจิก็อยู่ตรงบูทนั่นแหละหรือไม่ก็ไปหลีสาวๆอยู่
ส่วนโซโร...รายนั้นก็อู้งานเหมือนเดิม”
ลุฟี่พยักหน้ารับ
บทสนทนาจบลงแค่นั้น ความเงียบค่อยๆโรยตัวลงมา
มีเพียงเสียงกระดาษถูกตัดกับเสียงผู้คนคุยกันแว่วๆเท่านั้นที่ดำเนินต่อไป
“นี่
ลูฟี่ นายช่วยออกไปซื้อลูกโป่งมาเพิ่มให้หน่อยสิ มันไม่พอ” เสียงแหลมแบบผู้หญิงของหัวหน้าห้องดังขึ้นมาจากบอร์ดที่อยู่ไม่ไกลจากขามากนัก
“หา?”
ลูฟี่ยู่หน้าเข้าหากัน “แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”
“ก็อุซปปยังไม่กลับมานี่
รีบๆไปได้แล้ว” เธอเอ่ยพร้อมกับสะบัดมือสองสามทีเป็นเชิงไล่แล้วหันกลับไปสนใจบอร์ดตรงหน้าต่อ
ลูฟี่ยู่หน้าอีกครั้งแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
เขาวางกรรไกรและกระดาษสีในมือลงก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจนขาเก้าอี้ขูดกับพื้นเสียงดัง
กริ๊ง...
“อ๊ะ”
ลูฟี่อุทานกับตัวเองพลางชายตาลงมองจี้ห้อยคอที่โผล่พ้นออกมาจากคอปกเสื้อ
เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ยัดมันกลับเข้าไปข้างในเหมือนเดิม
ก็ในเมื่อใส่กระเป๋ากางเกงแล้วมันหายก็เอามาห้อยคอไว้นี่แหละ
จะได้หมดปัญหาเรื่องทำหล่น
“เดี๋ยวฉันมานะ
นามิ” เขาหันไปบอกเพื่อนสาวพลางฉีกยิ้มกว้างแล้วรีบปลีกตัวออกมา
ร่างเล็กๆของลูฟี่เดินออกมาจากมินิมาร์ทของโรงเรียนพร้อมกับถุงหิ้วพลาสติกในมือ
โชคดีที่โรงเรียนนี้มีมินิมาร์ทเป็นของตัวเอง
ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องถ่อไปถึงร้านอื่นซึ่งที่อยู่ใกล้โรงเรียนที่สุดก็ใช้เวลากว่า
20 นาทีแล้วกว่าจะเดินไปถึง
เมื่อครู่ตอนที่กำลังซื้อของลูฟี่เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์และนิตยสารของโรงเรียนที่พสดหัวข่าวแปลกๆ
อย่างเช่น..
...สาวๆกรี๊ดกร๊าด!
ตำแหน่งโคราวอนถูกครอบครองไปแล้ว!... หรือว่าจะเป็นหัวข้อพูดคุยแปลกๆในนิตยสารอย่าง..
...คิดว่าใครที่ได้ครอบครองจี้เส้นนั้น?
จะใช่ดาวม.5อย่างเบบี้ไฟว์ที่...
เขาจำได้เท่านั้น
เพราะแค่มองแบบผ่านๆเท่านั้นไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจจริงๆ
เดิมทีเจ้าตัวก็เป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรอยู่แล้วจึงทำแค่ยักไหล่อย่างไม่แยแสแล้วเดินไปหยิบซองลูกโป่งมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
ถึงจะรู้สักเอะใจนิดๆก็เถอะ...คำว่า
‘โคราซอน’ มันสะกิดใจเขาแปลกๆแฮะ...
“ฉันซื้อลูกโป่งมาให้แล้ว”
ว่าพลางยื่นถุงพลาสติกในมือส่งให้หัวหน้าห้อง
“งั้นก็ฝากเป่าด้วยสิ
ไม่มีที่สูบนะ” เธอตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
“เห?
ให้เป่าหมดนี่ฉันก็แก้มแตกตายพอดีน่ะสิ” พูดจบก็ย่นจมูกใส่
“แบ่งมาสิ
จะได้ช่วยกันเป่า”
มือบางล้วงไปหยิบซองลูกโป่งในถุงออกมาสองถุงก่อนจะส่งมันให้กับหัวหน้าห้องจอมบงการ
แหงล่ะ เธอน่ะขี้บงการอย่าบอกใคร
แต่เพราะเธอเป็นนักเรียนที่เกรดดีที่สุดในชั้นถึงได้เป็นหัวหน้าห้องสามปีซ้อนแบบนี้
บางครั้งเขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมนักเรียนดีเด่นอย่างยัยนี่ถึงได้มาอยู่ห้องรองบ๊วยแบบนี้
หรือว่าจะเจอแบบที่นามิเจอนะ..?
หลังจากจัดการแบ่งลูกโป่งให้หัวหน้าห้องเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินกลับมาหานามิที่โต๊ะแล้วหย่อนก้นลงนั่งที่เดิม
เขาหยิบซองลูกโป่งขึ้นมาหนึ่งถุงแล้วพยายามแกะมัน
ให้ตายสิ ถ้าเขารู้ว่าจะถูกยังคับให้มาเป่าลูกโป่งแบบนี้เมื่อกี้เขาน่าจะซื้อที่สูบมาด้วยแท้ๆ...เพราะคิดว่าในห้องมีที่สูบอยู่แล้วเลยไม่ได้หยิบมาด้วย
โธ่เอ๊ย..ลูฟี่ นายนี่มันจริงๆเลย
“นี่ลูฟี่”
นามิทักเพื่อน มือข้างหนึ่งยกขึ้นท้าวคางอีกข้างควงกรรไกรในมือไปมา
“หือ?
ว่าไง?”
“นายมีจี้ฮาร์ทหรอ?”
แกร๊บ!
นามิถามออกไปเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซองลูกโป่งถูกแกะออก
ลูฟี่ได้แต่มองลูกโป่งหลากสีในถุงเงียบๆไม่กล้าตอบออกไปเพราะยังช็อกกับคำถามเมื่อครู่
ความเงียบโรยตัวลงมาอย่างน่าอึดอัดอยู่พักใหญ่ๆ ลูฟี่เงยหน้าขึ้นช้าๆมองใบหน้ายุ่งของเพื่อนสนิทสาวที่ส่งสายตาปรามเล็กๆก่อนฉีกยิ้มกว้างแบบแห้งๆพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเล็กน้อยอย่างไม่คิดจะสรรหาคำใดๆมาแก้ตัวทั้งนั้น
“อ..อืม”
ลูฟี่ยอมรับแบบเต็มประตู “เธอรู้ได้ยังไง?”
“ก็เมื่อกี้เห็นน่ะสิ
ที่มันห้อยอยู่ที่คอนายน่ะ”
ลูฟี่อ้าปากอ้อพลางพยักหน้ารับเบาๆ
เรียกเสียงถอนหายใจจากเพื่อนสนิทสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“งั้นข่าวลือก็เป็นจริงน่ะสิ”
เธอพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน
ลูฟี่ขมวดคิ้วเอียงคอมองด้วยความสงสัย
ข่าวลือ? ข่าวลืออะไรกัน? ทำไมเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลย..คงไม่เกี่ยวกับเขาหรือไอจี้เส้นนี้หรอกใช่ไหม..ทำไมอยู่ๆ
ภาพนิตยสารกับพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์โรงเรียนที่เจอเมื่อกี้ถึงได้แวบเข้ามาในหัวนะ…
ลางสังหรณ์ไม่ดีเลย
นามิเหมือนอ่านใจเพื่อนตัวเองออก เธอถอนหายใจออกมายาวยืดอีกหน
สมกับเป็นลูฟี่จริงๆ ทั้งๆที่ข่าวลือออกจะดังขนาดนี้
ตัวเองก็เป็นพาดหัวข่าวและเป็นหัวข้อสนทนาของคนเกือบทั้งโรงเรียนแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
ไม่สังเกตเลยรึไงนะว่าแค่ตัวเองเดินผ่านกลุ่มผู้หญิงก็โดนซุบซิบแล้ว
ไม่รู้หรอกนะว่านินทาหรือว่าอะไรแต่ที่แน่ๆ เธอไม่ชอบยัยพวกนั้นสักเท่าไหร่หรอก
“ไม่รู้อะไรเลยสิท่า”
เธอเอ่ยอย่างรู้แกว
ลูฟี่หัวเราะแหะๆแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
แค่นั้นคำตอบก็ชัดเจนพอแล้วล่ะ
นามิทำหน้าเอือมระอาใส่เพื่อนไม่เอาไหนของตัวเองก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากระโปรง
เธอจิ้มลงไปบนหน้าจอนั่นสักพักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างก่อนยื่นหน้าจอมาตรงหน้าของลูฟี่
เขากระพริบตาปริบๆเพื่อปรับโฟกัส
แล้วคิ้วสวยก็ต้องขมวดเข้าหากันมุ่นเมื่อภาพที่เห็นในหน้าจอสมาร์ทโฟนคือตัวเขาเองที่กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับรุ่นพี่สาวที่เจอเมื่อวันก่อนบนเฟสบุ๊กของเพจชมรมข่าวสารโรงเรียน
แล้วไอแคปชั่นแปลกๆมันอะไรล่ะนั่น...
...โอ๊ะ!
มีคนถ่ายรูปไว้ได้ระหว่างนางรองเอาสร้อยคืนให้นางเอก!! เอ๊ะๆ
ยังไง หรือว่าจะกลายเป็นรักสามเส้าไปซะแล้ว แต่ยังไงบัลลังก์ ‘โคราซอน’ ก็มีแค่ที่เดียวเท่านั้น
เอาเป็นว่าเรามาลุ้นกันดีกว่าว่าใครที่จะได้เป็นนางเอกตัวจริง
ดาวม.5อย่างเบบี้ไฟว์หรือหนุ่มน้อยหน้าหวานปริศนาคนนี้กัน!...
“หา?”
“มีคลิปเสียงด้วยนะ”
เธอว่าพร้อมกับยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “อยากฟังไหมล่ะ?”
“นามิ!” ลูฟี่เผลอขึ้นเสียง
สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ตีขึ้นมาบนใบหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือโกรธกันแน่
ให้ตายสิ!
วันนั้นเขาก็มั่นใจแท้ๆว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว...
“สนใจเล่าให้ฟังไหมจ๊ะ”
เธอถามพร้อมกับยิ้มอย่างมีอะไรแอบแฝง
“ไม่เอา”
ลูฟี่ปฏิเสธทันควันพลางส่ายหน้ารัวๆ
“นามิ!
อาจารย์บอกให้เธอไปหาที่ห้องม.6/2 ครูเขาจะขอให้เธอช่วยทำโปสเตอร์งานเชื่อมไมตรีน่ะ”
อยู่ๆก็เหมือนพระเจ้าส่งใครบางคนมาช่วยเขาไว้
อุซปปที่นั่งติดเทปกาวอยู่ห่างๆตะโกนมาขัดก่อนที่เพื่อนสาวของเขาจะซักไซ้ไปมากกว่านี้
เจ้าตัวไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะกระทืบเท้าหนักๆเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย
ลูฟี่ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก
เขาหยิบเอาจี้เส้นสวยที่ห้อยอยู่ตรงคอขึ้นมาดู ให้ตายสิ...ไอข่าวลือบ้าๆนั่นมันอะไรกัน
แล้วทำไมถึงมีแต่คนรู้จักจี้บ้านี่? มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ?
หรือมหาวิทยาลัยที่หมอนั่นเรียนจะเกี่ยวข้องกับโรงเรียนนี้?
ช่างมันเถอะ...คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ
ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ
ดูเหมือนแกจะก่อเรื่องให้ฉันอีกแล้วนะ..
เขาแลบลิ้นใส่จี้เส้นนั้นราวกับเด็กๆก่อนจะเก็บมันลงไปเหมือนเดิม
“เอ้าๆ
ช่วยกันเอาน้ำมาใส่อ่างเร็วเข้า แล้วก็ระวังอย่าไปโดนชาวบ้านเขาล่ะ”
“เฮ้ย
มาช่วยลากสายยางหน่อยดิ”
“อ้ากกก!! ไอบ้า!
ทำบ้าอะไรของแกฟะ ฉันเปียกไปหมดแล้วเนี่ย!?”
เสียงคุยกันดังเจี๊อยแจ๊วไม่หยุด
ความวุ่นวายท่ามกลางฝูงชน ทุกคนกระตือรือร้นกันเป็นพิเศษ
เพราะวันนี้คือวันงานเชื่อมไมตรี วันที่ทุกคนต่างก็รอคอย วันที่จะได้พบปะสังสรรค์สร้างสัมพันธ์ไมตรีกับเพื่อนใหม่
คนใหม่ๆอย่างไม่มีข้อปิดกั้น
นับเป็นโอกาสพิเศษที่มีแค่เทอมละครั้งเท่านั้น
“7
โมงครึ่งแล้วนะ อีก...20 นาทีก็เป็นพิธีเปิดงานแล้ว” ซันจิว่าพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“หา!? ว่าไงนะ!?”
อุซปปผวา ใช้สายตาสอดส่องไปทั่วงานเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนของตนอีกครั้งด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก
“ฉันยังไม่เห็นวี่แววยัยเพโรน่าเลยสักนิด!
ยัยนั่นยังไม่มาแหงๆ...ถ้าเกิดว่ายัยนั่นไม่มาจริงๆล่ะ!?”
“ปกติยัยนั่นก็สายอยู่แล้วนี่”
โซโรว่า
“นั่นสิ”
ลูฟี่เสริมก่อนจะหยิบลูกซาลาเปาลูกใหญ่จากถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือขึ้นมาส่งมันเข้าปากรวดเดียวทั้งลูกแล้วเคี้ยวตุ่ยๆจนแก้มบวม
แต่ถ้ายัยนั่นไม่มาจริงๆ
ห้องของพวกเขาซวยแน่ เพราะห้องของพวกเขาทำเกมสาวน้อยตกน้ำน่ะสิแน่นอนว่าสาวน้อยคนนี้จะต้องทั้งสวย
น่ารัก เอ็กซ์ ถูกใจพวกหนุ่มๆอยู่แล้วล่ะ...แล้วสาวน้อยที่ว่านี่ก็...ใช่ เธอที่กล่าวมานั่นแหละ
เพโรน่า
“จบการกล่าวเปิดงานแค่นี้..อยากทำอะไรก็ทำ วันนี้ฉันยกให้วันหนึ่ง”
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทากับผ้าคลุมขนนกฟูฟ่องกล่าวพร้อมกับหัวเราะต่ำๆในลำคอใส่ไมโครโฟนในมือ
หลังจากเอ่ยจบเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่ม เขาส่งไมโครโฟรคืนให้กับพิธีกรสาวสุดสวยที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วเดินลงเวทีไปอย่างเงียบๆ
จะยังไงก็เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่แปลกจริงๆนั่นแหละ...
“ให้ตาย..ยัยเพโรน่ายังไม่มาอีกนะ”
นามิบ่นอุบอิบกับตัวเองพลางก้มลงมองหน้าจอสมาร์ทโฟนของตน “นี่ก็จบพิธีเปิดงานแล้วแท้ๆ”
“เดี๋ยวก็มาเองแหละมั้ง” ลูฟี่พยายามบอกให้เพื่อนของตนใจเย็นลง
เขาตักไอศกรีมเข้าปากก่อนจะหันกลับไปสนใจการแสดงบนเวทีต่อ
'♫~'
พุดจบปุ๊ปสมาร์ทโฟนในมือของเธอก็แผดเสียงร้องลั่นเป็นสัญญาณบอกว่ามีคนโทรเข้าและดูเหมือนชื่อที่โชว์หราขึ้นมาบนหน้าจอทำให้เธอพอใจไม่น้อย
เธอกดรับแล้วยกขึ้นแนบหู
ลูฟี่เห็นเพื่อนตัวเองคุยโทรศัพท์อยู่จึงไม่อยากรบกวน
เขาปลีกตัวออกมาเงียบๆ มองหาคนสนิทอย่างอุซปป โซโร ซันจิ...หรือไม่ก็คนรู้จัก
แน่นอนว่าเขาไม่อยากอยู่คนเดียว แต่เขาก็อยากไปหาของกินที่บูทอื่นเหมือนกัน..
หาไม่เจอเลยแฮะ...เอาเถอะ
เดี๋ยวก็เจอเองแหละ อีกอย่างนี่งานเชื่อมไมตรีนะ
เขาอาจจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มด้วยก็ได้ ใครจะไปรู้..
“ลูฟี่~~~”
เสียงหวานอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับแขนบางๆของเขาที่ถูกรั้งเอาไว้
เจ้าของชื่อหันไปหาเพื่อนสนิทของตัวเองช้าๆ
ก่อนจะเอียงคอมองด้วยความสงสัย
เพโรน่าก็โทรมาแล้วนี่..ทำไมยัยนี่ถึงยังทำหน้าวิตกกังวลแบบนั้นอยู่ล่ะ?
“เพโรน่าป่วยหนักเลยมาโรงเรียนไม่ได้”
เธอถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ
“เห!?” ลูฟี่ตกใจเล็กน้อย
แล้วแบบนี้ห้องเขาจะทำยังไงล่ะเนี่ย เกมสาวน้อยตกน้ำที่ไม่มีสาวน้อยเนี่ยนะ?
ฟังดูไม่เข้าท่าเลยแฮะ แต่ถ้าไม่จัดกิจกรรมห้องพวกเขาก็ไม่ได้คะแนนน่ะสิ
ไม่เอาด้วยหรอกนะ เขาไม่อยากมานั่งแก้ 0 ตอนปิดเทอมหรอก
“นายช่วยมาเป็นสาวน้อยแทนยัยนั่นหน่อยสิ”
นามิพูดขึ้นทำเอาลูฟี่แทบสำลักไอศกรีม
“จะบ้าหรอ!?”
แต่ไม่ทันที่เข้าตัวจะได้คัดค้านหรือออกความเห็นอะไรต่อก็ถูกเพื่อนสนิทลากไปที่บูทเสียแล้ว...เกมสาวน้อยตกน้ำที่ไม่มีสาวน้อย
แต่เปลี่ยนเป็นหนุ่มน้อยแทนงั้นหรอ..ยังไงก็ฟังดูไม่เข้าท่าอยู่ดีนั่นแหละ!!
ความร้อนตีขึ้นมาบนใบหน้าพร้อมกับสีแดงจางๆที่ถูกแต้มไปจนถึงใบหู
พวกเขามองดูร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังขมวดคิ้วเอียงคอมองพวกเขาด้วยความสงสัย
อา..อะไรกัน ไอความร้อนรุ่มที่แผ่ไปทั่วทั้งกายราวกับจะระเบิดออกนี่...
แล้วไอดวงหน้าหวานๆ
นั่นมันอะไรกัน...นัยน์ตาสีนิลกลมโตไร้เดียงสาที่กำลังจ้องมายังพวกเขา
พวงแก้มที่ขึ้นสีชมพูจางๆ ริมฝีปากอวบสีกุหลาบ จมูกรั้นเล็กๆ
ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ลงตัวกันได้ดีและถูกจัดแจงได้สมบูรณ์แบบแบบนี้นะ
“เฮ้
พวกนายเป็นอะไรไปเนี่ย” ลูฟี่ว่าดึงพวกเขาออกจากภวังค์
“อ..เอ่อ..เปล่านี่
นายในชุดนี้ก็ดูไม่แย่นะ”
“แบบนี้ต้องเรียกลูกค้าได้เยอะแน่ๆ”
“ไอเดียแจ่มสุดๆไปเลย
นามิ”
“หา?”
คนตัวเล็กที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์มองสามเพื่อนร่วมห้องตรงหน้าอย่างงงๆ
แต่ก็ไม่วายฉีกยิ้มกว้างออกมาตามฉบับเจ้าตัว “พวกนายนี่ตลกชะมัด”
สามหนุ่มมองเพื่อนร่วมห้องตัวเล็กของตัวเองสักพักก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วรีบปลีกตัวออกมา
อ้างว่าจะไปช่วยงานหน้าบูทต่อ
นามิที่สังเกตเห็นใบหน้าและใบหูแดงๆของสามหนุ่มเมื่อครู่
อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะออกมาเล็กน้อย
เพื่อนของเธอนี่ไม่เบาจริงๆ...ปักธงไปทั่วทุกหัวระแห่งโดยที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
แต่..มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นะ
ก็เพื่อนของเธอออกจะซื่อบื้อขนาดนี้
แถมดีกรีความน่ารักน่ะธรรมดาๆซะที่ไหนกันล่ะ
“เอาล่ะค่ะ
เร่เข้ามาๆ เกมสาวน้อยตกน้ำวันนี้เรามีสาวน้อยคนพิเศษสุดๆมาด้วยนะคะ!
รับรองไม่ผิดหวังเป็นที่แน่นอนค่ะ...”
ลูฟี่นั่งดูดน้ำอัดลมอยู่หลังบูทมองเพื่อนสาวของตัวเองที่กำลังป่าวประกาศเรียกแขกทั้งหลายให้หันมาสนใจ
ใจหนึ่งก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเหมือนกัน ทำไมเธอต้องให้เขามาแทนเพโรน่าด้วยนะ? ทั้งๆที่ตัวเองก็เอ็กซ์ไม่แพ้กันแท้
สาวๆคนอื่นในห้องก็มีตั้งเยอะ
ยัยบ้านั่น
ประกาศไปแบบนั้น
เขาไม่ใช่สาวน้อยคนพิเศษสักหน่อย...ก็แค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆแห้งๆธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าคนเล่นไม่ถูกใจแล้วหาว่าเธอโกหกล่ะก็
ไปรุมยำที่เธอก็แล้วกัน เขาไม่เกี่ยวนะ
ลูฟี่บอกตัวเองแบบนั้น
“นายแน่ใจนะ?”
เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลัง
เขารีบหันควับไปตามเสียงเพราะรู้ดีว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร
หัวหน้าชมรมฟันดาบ เพื่อนสนิทหัวเขียวเด่นเป็นเอกลักษณ์
“อื้อ
ก็ทำเพื่อห้องนี่ อีกอย่างเกมนี้ไม่อันตรายอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?
เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก” เจ้าตัวเล็กยิ้มให้เพื่อนสนิท
“ลูฟี่
ออกมาได้แล้ว”
เสียงนามิดังขึ้น
เธอกวักมือเรียกเพื่อนของตัวเองเบาๆเป็นการส่งสัญญาณ
ลูฟี่กระโดดลงจากเก้าอี้พลาสติกขาเดียวที่นั่งอยู่แล้วถอดหมวกฟางที่สวมออก
เขาวางมันลงข้างๆกับกระเป๋าเป้และรองเท้าของตัวเองก่อนจะวิ่งตรงไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนรอรับเขาอยู่ที่ฉากกั้นระหว่างหน้าบูทกับหลังบูท
เขาประหม่าเล็กน้อย
แต่ก็ทำใจดีสู้เสื้อเดินออกมาด้วยเสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวเพียงตัวเดียวกับกางเกงว่ายน้ำรัดรูปสีดำยาวถึงเข่าที่ค่อนข้างรัดจนเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เสียงฮือฮาของผู้คนเงียบลง
ทำเอาเขาประหม่าหนักกว่าเก่า แต่เจ้าตัวดีก็ยังคงทำใจดีสู้เสืออยู่ เขาฉีกยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองเล็กน้อย
คนเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย..
ถอนตัวตอนนี้ทันไหมนะ...
“เอาล่ะค่ะ! อย่าเพิ่งอึ้งไป! เชิญสาวน้อยขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เลยค่ะ” เธอว่าพร้อมกับจับมือเล็กๆที่แสนจะบอบบางของเพื่อนสนิทตัวเองแล้วพาเจ้าตัวขึ้นไปนั่งบนแท่น
ลูฟี่พูดได้คำเดียวว่าโคตรพรั่นใจ
ให้ตายเถอะ..ทำไมทุกคนถึงได้จ้องมาที่เขาอย่างนั้นล่ะ แถมไอที่นั่งนี่ก็สูงชะมัด
ทำมาให้เปตรนั่งหรือไงกัน!?
“ใครที่สนใจก็เชิญต่อคิวได้ตรงนี้เลยนะคะ
ทุกคนจะบอลแค่ตาละ 2 ลูกท่านั้น...”
ผมก้าวลงมาจากรถบีเอ็มสีดำของตัวเองอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นักก่อนจะจัดคอปกเสื้อและเนกไทของตัวเองเล็กน้อย
เมื่อมั่นใจว่ามันเข้าที่แล้วก็รีบสาวเท้าตรงไปยังลานกว้างของโรงเรียนดองกีโฮเต้ไฮสกูลทันที
ซึ่งบัดนี้กลายเป็นสถานที่จัดงานเชื่อมไมตรีไปแล้ว
ผมไม่ได้เต็มใจอยากจะมาเท่าไหร่หรอก..แต่เพราะลุงบุญธรรมงี่เง่าของผมต่างหากที่บังคับให้มา
แถมยังบอกว่าถ้าไม่มาจะหักเงินเดือนผมอีก ถ้าไม่เห็นแก่เงินค่าขนมกับโคราซอนที่เป็นพ่อบุญธรรมผมคงไม่มาหรอก...
‘นายจะมางานเชื่อมไมตรีรึเปล่า?’
เสียงใสพลันแวบขึ้นมาในหัว
ดังก้องอยู่ในโสตประสาทอย่างสลัดไม่หลุด ผมได้แต่หลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ
แต่ทำแบบนั้นได้ไม่นานก็ต้องรีบเปิดเปลือกตาของตัวเองขึ้นอีกครั้ง
เพราะทุกครั้งที่หลับตาลงก็พลันทำให้นึกถึงใบหน้าเจ้าตัวเล็กนั่นตลอด...
โอเค
ยอมรับก็ได้ว่าเด็กคนนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจมาในวันนี้...แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ผมเดินจ้ำอ้าวอยู่นานหลังจากที่ดอฟฟี่กล่าวเปิดงานจบ
สายตาก็พลางสาดส่องมันไปให้ทั่ว หาบูทของหมวกฟาง-ยะ...ที่มันควรจะอยู่แถวๆนี้
หมอนั่นอยู่ม.3นี่? ก็น่าจะอยู่แถวนี้ไม่ใช่หรอ
ทำไมถึงไม่เห็นวี่แววของหมอนั่นเลยล่ะ
ตอนนี้พูดได้เลยว่าคิ้วผมขมวดเป็นปมเสียยิ่งกว่าเชือกผูกรองเท้า
เพราะผมเดินหาบูทหมอนั่นมานานพอสมควรแล้ว สูทที่ใส่อยู่ก็กับผู้คนมากมายแบบนี้ทำให้ผมเริ่มอึกอัดเหมือนกัน
กับสายตาของเหล่าฝูงชนที่ไม่ว่าผมจะเดินผ่านทางไหนก็ถูกชายตามอง เพราะอย่างนี้
ผมถึงได้ไม่อยากมาไง...ให้ตายสิ เจ้าเด็กบ้านั่น..ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่จะลงโทษให้สาสม
“เอาล่ะค่ะ! อย่าเพิ่งอึ้งไป! เชิญสาวน้อยขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เลยค่ะ”
เสียงผู้หญิงที่ป่าวประกาศผ่านโทรโข่งดังขึ้นดึงความสนใจผมได้ไม่น้อย
สาวน้อย? เกมสาวน้อยตกน้ำงั้นหรอ?
ผมหันไปหาเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วก็พบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยทีเดียว
ใบหน้าของเธอหมดจด ผิวพรรณเปล่งปลั่งราวกับลูกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี
รูปร่างสมส่วน เอวคอด สะโพกผาย
และหน้าอกหน้าใจที่ค่อนข้างจะเกินตัวไปหน่อย...และส่วนสูงของเธอก็น่าจะพอๆกับหมวกฟาง-ยะเลยด้วย
ทันทีที่เธอพูดจบคิ้วของผมก็กระตุกเล็กน้อยเมื่อมีร่างเล็กๆที่คุ้นเคยเดินออกมาจากหลังฉากกั้น
เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงว่ายน้ำที่รัดติ้วจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน! ให้ตาย!
กลัวชาวบ้านเขาไม่รู้รึไงว่าตัวเองเป็นผู้ชาย
ไอของแบบนั้นเก็บไว้ให้ผมดูคนเดียวก็พอแล้ว!
ว่าแล้วก็รีบก้าวฉับๆตรงไปหาเจ้าตัวการความหงุดหงิดด้วยความไวแสง
เรื่องอะไรผมจะต้องแบ่งของของตัวเองให้คนอื่นด้วยล่ะ!
ซ่า!
เสียงน้ำกระจายดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวไปถึงหน้าบูท
ช้าไปเพียงเสี้ยววิเจ้าตัวแสบก็ลงไปอยู่ในอ่างน้ำเสียแล้ว เหอะ...เป็นอาบ อบ
นวดหรือยังไงกัน..
หมวกฟาง-ยะพยายามทรงตัว
เขาลุกขึ้นยืนแล้วบิดเสื้อที่สวมอยู่ให้หมาดก่อนจะเสยผมสีดำยุ่งนั่น
เรือนร่างภายใต้ผ้าขาวบางนั่นได้ถูกเปิดเผยประจักษ์แก่สายตา...หน้าอกที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยกับยอดอกสีชมพูอ่อนราวกับเชอร์รีนั่น..ช่างน่าลิ้มชิมเป็นที่สุด..ท่อนล่างที่ดูเหมือนจะถูกรัดจนอึดอัด...ผมไม่ยอมแบ่งใครทั้งนั้น!
รุ้เพียงแค่ว่ามันจะต้องเป็นของผม! ของผมคนเดียว!
ผมกัดฟันกรอดด้วยความโมโห
ผมโคตรหงุดหงิด หงุดหงิดชนิดที่ว่าฆ่าคนได้ ถ้าใครเดินผ่านผมตอนนี้ผมคงจะกระชากมันมาแล้วฆ่ามันซะตรงนั้น
โธ่เว้ย!
โดยไม่ต้องคิด
ขายาวๆรีบพาตัวเองฝ่าฝูงชนเข้าไปหาตัวการความหงุดหงิดนี้ทันที
เท้าของผมหยุดลงตรงหน้าหมวกฟาง-ยะ
เขาสะบัดหัวไปมาไล่น้ำราวกับลูกหมาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
เขาเผยสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ปรับเป็นปกติและฉีกยิ้มกว้างออกมาตามแบบฉบับเจ้าตัว
อย่ายิ้มแบบนั้น...มันฆ่าผมทางอ้อมชัดๆ
“โทราโอะ! นายมาแล้วหรอ ฉันนึกว่านายจะไม่มาแล้ว ชิชิชิ”
- to be continue -
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด>< อีกแค่ตอนเดียวก็จะรีไรท์จนครบแล้วค่ะ จะพยายามอัพภายในวันพรุ่งนี้นะคะ หรือไม่ก็มะรืน ไม่อยากปล่อยดองเอาไว้เลยค่ะ ถถถว์ จะได้ต่อตอนใหม่สักที ไม่อยากจะสปอยล์หรอกนะ แต่รีไรท์บทหน้ามีเซอร์ไพร์สเซอร์วิสให้เหล่ารีดเดอร์ทั้งหลายด้วยล่ะ^0^ เพราะฉะนั้น เตรียมกายและใจเอาไว้ให้ดีล่ะ! แล้วเจอกันค่ะ><
ความคิดเห็น