ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 59


    CR.SHL

    - Chapter 13 –

     

                หลังจากเรื่องราวในห้องแลปวันนั้นก็นับว่านานพอสมควรอยู่เหมือนกันกว่าเท้าของลูฟี่จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ทั้งๆที่แผลเก่าเพิ่งหายแท้ๆแต่ก็เจ็บตัวเพิ่มอีกเสียนี่ ดีนะ ที่หายทันงานเชื่อมไมตรีน่ะ เพราะอาทิตย์หน้าก็จะถึงงานเชื่อมไมตรีแล้ว ไม่อย่างนั้นยุ่งแน่ๆ

     

    ส่วนเรื่องโปรเจกต์เขาก็ใช้เวลาในส่วนของวันที่หยุดเรียนเพราะเจ็บเท้านั่งทำจนเสร็จถึงแม้จะดูชุ่ยเพราะทำแบบขอแค่มีส่งแต่ก็ถือว่าเสร็จละนะ...

     

    แต่ลูฟี่เองก็โดนเอสบ่นไปยกใหญ่เหมือนกัน เรื่องทำคีย์การ์ดและกุญแจของห้องแลปหายจนซาโบต้องไปขอใหม่ที่ห้องกิจการโรงเรียน ทั้งๆที่ไม่ใช่กุญแจของตัวเองแท้ๆ..ซาโบยังไม่เห็นบ่นสักคำเลย ดีนะที่เขาไม่ได้ยืมของเอสน่ะ ไม่งั้นมีหวังโดนฆ่าตายแน่ๆ

     

                ช่วงนี้ที่โรงเรียนวุ่นวายมาก ลูฟี่ที่เพิ่งมาโรงเรียนหลังจากหยุดเรียนไปก็ต้องมาช่วยงานอย่างจริงจัง ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจ เพราะในช่วงเวลาที่เตรียมงานจะไม่มีการเรียนการสอนใดๆทั้งสิ้น

     

                “ลูฟี่ มาช่วยทางนี้ทีสิ” นามิว่าพลางกวักมือเรียกเพื่อนสนิทของตนในขณะที่แขนอีกข้างกอดม้วนกระดาษสีหลายม้วนไว้แน่น

     

                “ได้สิ” ลูฟี่พยักหน้ารับก่อนจะรามือจากบอร์ดนิทรรศการตรงหน้าแล้วเดินดุ่มๆไปช่วยเพื่อนสาวถือม้วนกระดาษ

     

                ถึงห้องพวกเราจะรองบ๊วย...แต่ก็เต็มที่กับทุกงานนะ จะว่าไป..จริงๆแล้วนามิก็ไม่ถึงกับห่วยแตกจนต้องมาอยู่ห้องรองบ๊วยแบบนี้หรอก..ยัยหน้าเลือดคนนี้ออกจะเรียนเก่งด้วยซ้ำไป แต่เพราะตอนสอบเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย(ลูฟี่เป็นคนทำ) เลยทำให้เธอต้องมาอยู่ห้องรองบ๊วยกับพวกเพี้ยนอย่างที่เห็นนี่แหละ

     

    จนถึงทุกวันนี้ลูฟี่ก็ยังรุ้สึกผิดเล็กๆเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนั้น..แต่มันเล็กเสียจนแทบจะมองไม่เห็นมันแล้ว..

     

     

     

                ลูฟี่นั่งตัดกระดาษอยู่ที่โต๊ะเงียบๆในระหว่างที่คนอื่นกำลังตกแต่งบูท ตกแต่งบอร์ดนิทรรศการ ทำป้ายโฆษณา ใบปลิว และกิจกรรมต่างๆนานาที่ล้วนแล้วแต่ดูน่าสนุกทั้งนั้น..แล้วนี่มันอะไร? นั่งตัดกระดาษเนี่ยนะ...

     

                เหตุผลที่เขาต้องมานั่งตัดกระดาษแบบนี้น่ะหรอ? ก็เพราะไม่มีใครทำไงล่ะ หน้าที่ตัดกระดาษทั้งหมดจึงถูกนามิยัดเยียดให้เขาจัดการ

     

                ยัยนั่นไม่ถามความคิดเห็นอะไรสักคำ อยู่ๆก็เดินมายัดกรรไกรใส่มือแล้วเดินหายไปช่วยชาวบ้านเขาตกแต่งบูทเฉยเลย...

     

    ส่วนเพื่อนคนอื่นๆอย่างโซโร ซันจิ อุซปปก็ดันหายหัวไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ ทีเวลาแบบนี้ล่ะดันหายตัวกันไปพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว

     

                “ชิ! หนวกหูชะมัด”

     

                เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับร่างอ้อนแอ้นของเด็กสาวที่อยู่ก็ลากเก้าอี้มาไว้อีกฝากหนึ่งของโต๊ะที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่โดยไม่รู้ที่มา เธอทิ้งสะโพกกลมๆของตัวเองลงบนเก้าอี้ก่อนจะหยิบกรรไกรอีกอันที่วางอยู่มาตัดกระดาษ

     

                “เป็นอะไรของเธอ แล้วทำไมต้องทำหน้าเป็นตูดลิงด้วย”

     

                “ก็ยัยพวกนั้นน่ะสิ บ่นแว้ดๆอยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด” เด็กสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

                “แล้วพวกอุซปปล่ะ?”

     

                “อุซปปไปซื้อเทปกาวกับกระดาษสีเพิ่ม ซันจิก็อยู่ตรงบูทนั่นแหละหรือไม่ก็ไปหลีสาวๆอยู่ ส่วนโซโร...รายนั้นก็อู้งานเหมือนเดิม”

     

                ลุฟี่พยักหน้ารับ บทสนทนาจบลงแค่นั้น ความเงียบค่อยๆโรยตัวลงมา มีเพียงเสียงกระดาษถูกตัดกับเสียงผู้คนคุยกันแว่วๆเท่านั้นที่ดำเนินต่อไป

     

                “นี่ ลูฟี่ นายช่วยออกไปซื้อลูกโป่งมาเพิ่มให้หน่อยสิ มันไม่พอ” เสียงแหลมแบบผู้หญิงของหัวหน้าห้องดังขึ้นมาจากบอร์ดที่อยู่ไม่ไกลจากขามากนัก

     

                “หา?” ลูฟี่ยู่หน้าเข้าหากัน “แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”

     

                “ก็อุซปปยังไม่กลับมานี่ รีบๆไปได้แล้ว” เธอเอ่ยพร้อมกับสะบัดมือสองสามทีเป็นเชิงไล่แล้วหันกลับไปสนใจบอร์ดตรงหน้าต่อ

     

                ลูฟี่ยู่หน้าอีกครั้งแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เขาวางกรรไกรและกระดาษสีในมือลงก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจนขาเก้าอี้ขูดกับพื้นเสียงดัง

     

                กริ๊ง...

     

                “อ๊ะ” ลูฟี่อุทานกับตัวเองพลางชายตาลงมองจี้ห้อยคอที่โผล่พ้นออกมาจากคอปกเสื้อ เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ยัดมันกลับเข้าไปข้างในเหมือนเดิม ก็ในเมื่อใส่กระเป๋ากางเกงแล้วมันหายก็เอามาห้อยคอไว้นี่แหละ จะได้หมดปัญหาเรื่องทำหล่น

     

                “เดี๋ยวฉันมานะ นามิ” เขาหันไปบอกเพื่อนสาวพลางฉีกยิ้มกว้างแล้วรีบปลีกตัวออกมา

     

     

     

                ร่างเล็กๆของลูฟี่เดินออกมาจากมินิมาร์ทของโรงเรียนพร้อมกับถุงหิ้วพลาสติกในมือ โชคดีที่โรงเรียนนี้มีมินิมาร์ทเป็นของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องถ่อไปถึงร้านอื่นซึ่งที่อยู่ใกล้โรงเรียนที่สุดก็ใช้เวลากว่า 20 นาทีแล้วกว่าจะเดินไปถึง

     

                เมื่อครู่ตอนที่กำลังซื้อของลูฟี่เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์และนิตยสารของโรงเรียนที่พสดหัวข่าวแปลกๆ อย่างเช่น..

     

    ...สาวๆกรี๊ดกร๊าด! ตำแหน่งโคราวอนถูกครอบครองไปแล้ว!... หรือว่าจะเป็นหัวข้อพูดคุยแปลกๆในนิตยสารอย่าง..

     

    ...คิดว่าใครที่ได้ครอบครองจี้เส้นนั้น? จะใช่ดาวม.5อย่างเบบี้ไฟว์ที่...

     

                เขาจำได้เท่านั้น เพราะแค่มองแบบผ่านๆเท่านั้นไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจจริงๆ เดิมทีเจ้าตัวก็เป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรอยู่แล้วจึงทำแค่ยักไหล่อย่างไม่แยแสแล้วเดินไปหยิบซองลูกโป่งมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์

     

    ถึงจะรู้สักเอะใจนิดๆก็เถอะ...คำว่า โคราซอน มันสะกิดใจเขาแปลกๆแฮะ...

     

                “ฉันซื้อลูกโป่งมาให้แล้ว” ว่าพลางยื่นถุงพลาสติกในมือส่งให้หัวหน้าห้อง

     

                “งั้นก็ฝากเป่าด้วยสิ ไม่มีที่สูบนะ” เธอตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง

     

                “เห? ให้เป่าหมดนี่ฉันก็แก้มแตกตายพอดีน่ะสิ” พูดจบก็ย่นจมูกใส่

     

                “แบ่งมาสิ จะได้ช่วยกันเป่า”

     

                มือบางล้วงไปหยิบซองลูกโป่งในถุงออกมาสองถุงก่อนจะส่งมันให้กับหัวหน้าห้องจอมบงการ แหงล่ะ เธอน่ะขี้บงการอย่าบอกใคร แต่เพราะเธอเป็นนักเรียนที่เกรดดีที่สุดในชั้นถึงได้เป็นหัวหน้าห้องสามปีซ้อนแบบนี้ บางครั้งเขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมนักเรียนดีเด่นอย่างยัยนี่ถึงได้มาอยู่ห้องรองบ๊วยแบบนี้

     

    หรือว่าจะเจอแบบที่นามิเจอนะ..?

     

                หลังจากจัดการแบ่งลูกโป่งให้หัวหน้าห้องเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินกลับมาหานามิที่โต๊ะแล้วหย่อนก้นลงนั่งที่เดิม

     

                เขาหยิบซองลูกโป่งขึ้นมาหนึ่งถุงแล้วพยายามแกะมัน ให้ตายสิ ถ้าเขารู้ว่าจะถูกยังคับให้มาเป่าลูกโป่งแบบนี้เมื่อกี้เขาน่าจะซื้อที่สูบมาด้วยแท้ๆ...เพราะคิดว่าในห้องมีที่สูบอยู่แล้วเลยไม่ได้หยิบมาด้วย โธ่เอ๊ย..ลูฟี่ นายนี่มันจริงๆเลย

     

                “นี่ลูฟี่” นามิทักเพื่อน มือข้างหนึ่งยกขึ้นท้าวคางอีกข้างควงกรรไกรในมือไปมา

     

                “หือ? ว่าไง?”

     

                “นายมีจี้ฮาร์ทหรอ?”

     

                แกร๊บ!

     

                นามิถามออกไปเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซองลูกโป่งถูกแกะออก ลูฟี่ได้แต่มองลูกโป่งหลากสีในถุงเงียบๆไม่กล้าตอบออกไปเพราะยังช็อกกับคำถามเมื่อครู่

     

                ความเงียบโรยตัวลงมาอย่างน่าอึดอัดอยู่พักใหญ่ๆ ลูฟี่เงยหน้าขึ้นช้าๆมองใบหน้ายุ่งของเพื่อนสนิทสาวที่ส่งสายตาปรามเล็กๆก่อนฉีกยิ้มกว้างแบบแห้งๆพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเล็กน้อยอย่างไม่คิดจะสรรหาคำใดๆมาแก้ตัวทั้งนั้น

     

                “อ..อืม” ลูฟี่ยอมรับแบบเต็มประตู “เธอรู้ได้ยังไง?”

     

                “ก็เมื่อกี้เห็นน่ะสิ ที่มันห้อยอยู่ที่คอนายน่ะ”

     

                ลูฟี่อ้าปากอ้อพลางพยักหน้ารับเบาๆ เรียกเสียงถอนหายใจจากเพื่อนสนิทสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า

     

                “งั้นข่าวลือก็เป็นจริงน่ะสิ” เธอพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน

     

                ลูฟี่ขมวดคิ้วเอียงคอมองด้วยความสงสัย ข่าวลือ? ข่าวลืออะไรกัน? ทำไมเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลย..คงไม่เกี่ยวกับเขาหรือไอจี้เส้นนี้หรอกใช่ไหม..ทำไมอยู่ๆ ภาพนิตยสารกับพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์โรงเรียนที่เจอเมื่อกี้ถึงได้แวบเข้ามาในหัวนะ

     

    ลางสังหรณ์ไม่ดีเลย

     

                นามิเหมือนอ่านใจเพื่อนตัวเองออก เธอถอนหายใจออกมายาวยืดอีกหน สมกับเป็นลูฟี่จริงๆ ทั้งๆที่ข่าวลือออกจะดังขนาดนี้ ตัวเองก็เป็นพาดหัวข่าวและเป็นหัวข้อสนทนาของคนเกือบทั้งโรงเรียนแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

     

                ไม่สังเกตเลยรึไงนะว่าแค่ตัวเองเดินผ่านกลุ่มผู้หญิงก็โดนซุบซิบแล้ว ไม่รู้หรอกนะว่านินทาหรือว่าอะไรแต่ที่แน่ๆ เธอไม่ชอบยัยพวกนั้นสักเท่าไหร่หรอก

     

                “ไม่รู้อะไรเลยสิท่า” เธอเอ่ยอย่างรู้แกว

     

                ลูฟี่หัวเราะแหะๆแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่นั้นคำตอบก็ชัดเจนพอแล้วล่ะ

     

                นามิทำหน้าเอือมระอาใส่เพื่อนไม่เอาไหนของตัวเองก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากระโปรง เธอจิ้มลงไปบนหน้าจอนั่นสักพักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างก่อนยื่นหน้าจอมาตรงหน้าของลูฟี่

     

                เขากระพริบตาปริบๆเพื่อปรับโฟกัส แล้วคิ้วสวยก็ต้องขมวดเข้าหากันมุ่นเมื่อภาพที่เห็นในหน้าจอสมาร์ทโฟนคือตัวเขาเองที่กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับรุ่นพี่สาวที่เจอเมื่อวันก่อนบนเฟสบุ๊กของเพจชมรมข่าวสารโรงเรียน แล้วไอแคปชั่นแปลกๆมันอะไรล่ะนั่น...

     

    ...โอ๊ะ! มีคนถ่ายรูปไว้ได้ระหว่างนางรองเอาสร้อยคืนให้นางเอก!! เอ๊ะๆ ยังไง หรือว่าจะกลายเป็นรักสามเส้าไปซะแล้ว แต่ยังไงบัลลังก์ โคราซอน ก็มีแค่ที่เดียวเท่านั้น เอาเป็นว่าเรามาลุ้นกันดีกว่าว่าใครที่จะได้เป็นนางเอกตัวจริง ดาวม.5อย่างเบบี้ไฟว์หรือหนุ่มน้อยหน้าหวานปริศนาคนนี้กัน!...

     

                “หา?”

     

                “มีคลิปเสียงด้วยนะ” เธอว่าพร้อมกับยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “อยากฟังไหมล่ะ?”

     

                “นามิ!” ลูฟี่เผลอขึ้นเสียง สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ตีขึ้นมาบนใบหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือโกรธกันแน่ ให้ตายสิ! วันนั้นเขาก็มั่นใจแท้ๆว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว...

     

                “สนใจเล่าให้ฟังไหมจ๊ะ” เธอถามพร้อมกับยิ้มอย่างมีอะไรแอบแฝง

     

                “ไม่เอา” ลูฟี่ปฏิเสธทันควันพลางส่ายหน้ารัวๆ

     

                “นามิ! อาจารย์บอกให้เธอไปหาที่ห้องม.6/2 ครูเขาจะขอให้เธอช่วยทำโปสเตอร์งานเชื่อมไมตรีน่ะ” อยู่ๆก็เหมือนพระเจ้าส่งใครบางคนมาช่วยเขาไว้ อุซปปที่นั่งติดเทปกาวอยู่ห่างๆตะโกนมาขัดก่อนที่เพื่อนสาวของเขาจะซักไซ้ไปมากกว่านี้

     

                เจ้าตัวไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะกระทืบเท้าหนักๆเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย

     

                ลูฟี่ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก เขาหยิบเอาจี้เส้นสวยที่ห้อยอยู่ตรงคอขึ้นมาดู ให้ตายสิ...ไอข่าวลือบ้าๆนั่นมันอะไรกัน แล้วทำไมถึงมีแต่คนรู้จักจี้บ้านี่? มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ? หรือมหาวิทยาลัยที่หมอนั่นเรียนจะเกี่ยวข้องกับโรงเรียนนี้?

     

    ช่างมันเถอะ...คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ

     

    ดูเหมือนแกจะก่อเรื่องให้ฉันอีกแล้วนะ..

     

    เขาแลบลิ้นใส่จี้เส้นนั้นราวกับเด็กๆก่อนจะเก็บมันลงไปเหมือนเดิม

     

     

     

    “เอ้าๆ ช่วยกันเอาน้ำมาใส่อ่างเร็วเข้า แล้วก็ระวังอย่าไปโดนชาวบ้านเขาล่ะ”

     

    “เฮ้ย มาช่วยลากสายยางหน่อยดิ”

     

    “อ้ากกก!! ไอบ้า! ทำบ้าอะไรของแกฟะ ฉันเปียกไปหมดแล้วเนี่ย!?”

     

    เสียงคุยกันดังเจี๊อยแจ๊วไม่หยุด ความวุ่นวายท่ามกลางฝูงชน ทุกคนกระตือรือร้นกันเป็นพิเศษ เพราะวันนี้คือวันงานเชื่อมไมตรี วันที่ทุกคนต่างก็รอคอย วันที่จะได้พบปะสังสรรค์สร้างสัมพันธ์ไมตรีกับเพื่อนใหม่ คนใหม่ๆอย่างไม่มีข้อปิดกั้น

     

    นับเป็นโอกาสพิเศษที่มีแค่เทอมละครั้งเท่านั้น

     

                “7 โมงครึ่งแล้วนะ อีก...20 นาทีก็เป็นพิธีเปิดงานแล้ว”  ซันจิว่าพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

     

                “หา!? ว่าไงนะ!?” อุซปปผวา ใช้สายตาสอดส่องไปทั่วงานเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนของตนอีกครั้งด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก “ฉันยังไม่เห็นวี่แววยัยเพโรน่าเลยสักนิด! ยัยนั่นยังไม่มาแหงๆ...ถ้าเกิดว่ายัยนั่นไม่มาจริงๆล่ะ!?”

     

                “ปกติยัยนั่นก็สายอยู่แล้วนี่” โซโรว่า

     

                “นั่นสิ” ลูฟี่เสริมก่อนจะหยิบลูกซาลาเปาลูกใหญ่จากถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือขึ้นมาส่งมันเข้าปากรวดเดียวทั้งลูกแล้วเคี้ยวตุ่ยๆจนแก้มบวม

     

                แต่ถ้ายัยนั่นไม่มาจริงๆ ห้องของพวกเขาซวยแน่ เพราะห้องของพวกเขาทำเกมสาวน้อยตกน้ำน่ะสิแน่นอนว่าสาวน้อยคนนี้จะต้องทั้งสวย น่ารัก เอ็กซ์ ถูกใจพวกหนุ่มๆอยู่แล้วล่ะ...แล้วสาวน้อยที่ว่านี่ก็...ใช่ เธอที่กล่าวมานั่นแหละ เพโรน่า

     

     

     

                “จบการกล่าวเปิดงานแค่นี้..อยากทำอะไรก็ทำ วันนี้ฉันยกให้วันหนึ่ง”

     

                ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทากับผ้าคลุมขนนกฟูฟ่องกล่าวพร้อมกับหัวเราะต่ำๆในลำคอใส่ไมโครโฟนในมือ หลังจากเอ่ยจบเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่ม เขาส่งไมโครโฟรคืนให้กับพิธีกรสาวสุดสวยที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วเดินลงเวทีไปอย่างเงียบๆ

     

                จะยังไงก็เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่แปลกจริงๆนั่นแหละ...

     

                “ให้ตาย..ยัยเพโรน่ายังไม่มาอีกนะ” นามิบ่นอุบอิบกับตัวเองพลางก้มลงมองหน้าจอสมาร์ทโฟนของตน “นี่ก็จบพิธีเปิดงานแล้วแท้ๆ”

     

                “เดี๋ยวก็มาเองแหละมั้ง” ลูฟี่พยายามบอกให้เพื่อนของตนใจเย็นลง เขาตักไอศกรีมเข้าปากก่อนจะหันกลับไปสนใจการแสดงบนเวทีต่อ

     

                '~'

     

                พุดจบปุ๊ปสมาร์ทโฟนในมือของเธอก็แผดเสียงร้องลั่นเป็นสัญญาณบอกว่ามีคนโทรเข้าและดูเหมือนชื่อที่โชว์หราขึ้นมาบนหน้าจอทำให้เธอพอใจไม่น้อย

     

                เธอกดรับแล้วยกขึ้นแนบหู

     

                ลูฟี่เห็นเพื่อนตัวเองคุยโทรศัพท์อยู่จึงไม่อยากรบกวน เขาปลีกตัวออกมาเงียบๆ มองหาคนสนิทอย่างอุซปป โซโร ซันจิ...หรือไม่ก็คนรู้จัก แน่นอนว่าเขาไม่อยากอยู่คนเดียว แต่เขาก็อยากไปหาของกินที่บูทอื่นเหมือนกัน..

     

    หาไม่เจอเลยแฮะ...เอาเถอะ เดี๋ยวก็เจอเองแหละ อีกอย่างนี่งานเชื่อมไมตรีนะ เขาอาจจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มด้วยก็ได้ ใครจะไปรู้..

     

    “ลูฟี่~~~” เสียงหวานอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับแขนบางๆของเขาที่ถูกรั้งเอาไว้

     

    เจ้าของชื่อหันไปหาเพื่อนสนิทของตัวเองช้าๆ ก่อนจะเอียงคอมองด้วยความสงสัย เพโรน่าก็โทรมาแล้วนี่..ทำไมยัยนี่ถึงยังทำหน้าวิตกกังวลแบบนั้นอยู่ล่ะ?

     

    “เพโรน่าป่วยหนักเลยมาโรงเรียนไม่ได้” เธอถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ

     

    “เห!?” ลูฟี่ตกใจเล็กน้อย แล้วแบบนี้ห้องเขาจะทำยังไงล่ะเนี่ย เกมสาวน้อยตกน้ำที่ไม่มีสาวน้อยเนี่ยนะ? ฟังดูไม่เข้าท่าเลยแฮะ แต่ถ้าไม่จัดกิจกรรมห้องพวกเขาก็ไม่ได้คะแนนน่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอกนะ เขาไม่อยากมานั่งแก้ 0 ตอนปิดเทอมหรอก

     

    “นายช่วยมาเป็นสาวน้อยแทนยัยนั่นหน่อยสิ” นามิพูดขึ้นทำเอาลูฟี่แทบสำลักไอศกรีม

     

    “จะบ้าหรอ!?”

     

    แต่ไม่ทันที่เข้าตัวจะได้คัดค้านหรือออกความเห็นอะไรต่อก็ถูกเพื่อนสนิทลากไปที่บูทเสียแล้ว...เกมสาวน้อยตกน้ำที่ไม่มีสาวน้อย แต่เปลี่ยนเป็นหนุ่มน้อยแทนงั้นหรอ..ยังไงก็ฟังดูไม่เข้าท่าอยู่ดีนั่นแหละ!!

     

     

     

    ความร้อนตีขึ้นมาบนใบหน้าพร้อมกับสีแดงจางๆที่ถูกแต้มไปจนถึงใบหู พวกเขามองดูร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังขมวดคิ้วเอียงคอมองพวกเขาด้วยความสงสัย อา..อะไรกัน ไอความร้อนรุ่มที่แผ่ไปทั่วทั้งกายราวกับจะระเบิดออกนี่...

     

    แล้วไอดวงหน้าหวานๆ นั่นมันอะไรกัน...นัยน์ตาสีนิลกลมโตไร้เดียงสาที่กำลังจ้องมายังพวกเขา พวงแก้มที่ขึ้นสีชมพูจางๆ ริมฝีปากอวบสีกุหลาบ จมูกรั้นเล็กๆ ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ลงตัวกันได้ดีและถูกจัดแจงได้สมบูรณ์แบบแบบนี้นะ

     

                “เฮ้ พวกนายเป็นอะไรไปเนี่ย” ลูฟี่ว่าดึงพวกเขาออกจากภวังค์

     

                “อ..เอ่อ..เปล่านี่ นายในชุดนี้ก็ดูไม่แย่นะ”

     

                “แบบนี้ต้องเรียกลูกค้าได้เยอะแน่ๆ”

     

                “ไอเดียแจ่มสุดๆไปเลย นามิ”

     

                “หา?” คนตัวเล็กที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์มองสามเพื่อนร่วมห้องตรงหน้าอย่างงงๆ แต่ก็ไม่วายฉีกยิ้มกว้างออกมาตามฉบับเจ้าตัว “พวกนายนี่ตลกชะมัด”

     

                สามหนุ่มมองเพื่อนร่วมห้องตัวเล็กของตัวเองสักพักก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วรีบปลีกตัวออกมา อ้างว่าจะไปช่วยงานหน้าบูทต่อ

     

                นามิที่สังเกตเห็นใบหน้าและใบหูแดงๆของสามหนุ่มเมื่อครู่ อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะออกมาเล็กน้อย เพื่อนของเธอนี่ไม่เบาจริงๆ...ปักธงไปทั่วทุกหัวระแห่งโดยที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่..มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นะ

     

    ก็เพื่อนของเธอออกจะซื่อบื้อขนาดนี้ แถมดีกรีความน่ารักน่ะธรรมดาๆซะที่ไหนกันล่ะ

     

     

     

                “เอาล่ะค่ะ เร่เข้ามาๆ เกมสาวน้อยตกน้ำวันนี้เรามีสาวน้อยคนพิเศษสุดๆมาด้วยนะคะ! รับรองไม่ผิดหวังเป็นที่แน่นอนค่ะ...”

     

                ลูฟี่นั่งดูดน้ำอัดลมอยู่หลังบูทมองเพื่อนสาวของตัวเองที่กำลังป่าวประกาศเรียกแขกทั้งหลายให้หันมาสนใจ ใจหนึ่งก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเหมือนกัน ทำไมเธอต้องให้เขามาแทนเพโรน่าด้วยนะ? ทั้งๆที่ตัวเองก็เอ็กซ์ไม่แพ้กันแท้ สาวๆคนอื่นในห้องก็มีตั้งเยอะ

     

    ยัยบ้านั่น ประกาศไปแบบนั้น เขาไม่ใช่สาวน้อยคนพิเศษสักหน่อย...ก็แค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆแห้งๆธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าคนเล่นไม่ถูกใจแล้วหาว่าเธอโกหกล่ะก็ ไปรุมยำที่เธอก็แล้วกัน เขาไม่เกี่ยวนะ

     

                ลูฟี่บอกตัวเองแบบนั้น

     

                “นายแน่ใจนะ?” เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลัง

     

                เขารีบหันควับไปตามเสียงเพราะรู้ดีว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร หัวหน้าชมรมฟันดาบ เพื่อนสนิทหัวเขียวเด่นเป็นเอกลักษณ์

     

                “อื้อ ก็ทำเพื่อห้องนี่ อีกอย่างเกมนี้ไม่อันตรายอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก” เจ้าตัวเล็กยิ้มให้เพื่อนสนิท

     

                “ลูฟี่ ออกมาได้แล้ว”

     

                เสียงนามิดังขึ้น เธอกวักมือเรียกเพื่อนของตัวเองเบาๆเป็นการส่งสัญญาณ

     

                ลูฟี่กระโดดลงจากเก้าอี้พลาสติกขาเดียวที่นั่งอยู่แล้วถอดหมวกฟางที่สวมออก เขาวางมันลงข้างๆกับกระเป๋าเป้และรองเท้าของตัวเองก่อนจะวิ่งตรงไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนรอรับเขาอยู่ที่ฉากกั้นระหว่างหน้าบูทกับหลังบูท

     

                เขาประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ทำใจดีสู้เสื้อเดินออกมาด้วยเสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวเพียงตัวเดียวกับกางเกงว่ายน้ำรัดรูปสีดำยาวถึงเข่าที่ค่อนข้างรัดจนเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

     

                เสียงฮือฮาของผู้คนเงียบลง ทำเอาเขาประหม่าหนักกว่าเก่า แต่เจ้าตัวดีก็ยังคงทำใจดีสู้เสืออยู่ เขาฉีกยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองเล็กน้อย คนเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย..

     

    ถอนตัวตอนนี้ทันไหมนะ...

     

                “เอาล่ะค่ะ! อย่าเพิ่งอึ้งไป! เชิญสาวน้อยขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เลยค่ะ” เธอว่าพร้อมกับจับมือเล็กๆที่แสนจะบอบบางของเพื่อนสนิทตัวเองแล้วพาเจ้าตัวขึ้นไปนั่งบนแท่น

     

                ลูฟี่พูดได้คำเดียวว่าโคตรพรั่นใจ ให้ตายเถอะ..ทำไมทุกคนถึงได้จ้องมาที่เขาอย่างนั้นล่ะ แถมไอที่นั่งนี่ก็สูงชะมัด ทำมาให้เปตรนั่งหรือไงกัน!?

     

                “ใครที่สนใจก็เชิญต่อคิวได้ตรงนี้เลยนะคะ ทุกคนจะบอลแค่ตาละ 2 ลูกท่านั้น...”

     

     

     

                ผมก้าวลงมาจากรถบีเอ็มสีดำของตัวเองอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นักก่อนจะจัดคอปกเสื้อและเนกไทของตัวเองเล็กน้อย เมื่อมั่นใจว่ามันเข้าที่แล้วก็รีบสาวเท้าตรงไปยังลานกว้างของโรงเรียนดองกีโฮเต้ไฮสกูลทันที ซึ่งบัดนี้กลายเป็นสถานที่จัดงานเชื่อมไมตรีไปแล้ว

                ผมไม่ได้เต็มใจอยากจะมาเท่าไหร่หรอก..แต่เพราะลุงบุญธรรมงี่เง่าของผมต่างหากที่บังคับให้มา แถมยังบอกว่าถ้าไม่มาจะหักเงินเดือนผมอีก ถ้าไม่เห็นแก่เงินค่าขนมกับโคราซอนที่เป็นพ่อบุญธรรมผมคงไม่มาหรอก...

    นายจะมางานเชื่อมไมตรีรึเปล่า?

    เสียงใสพลันแวบขึ้นมาในหัว ดังก้องอยู่ในโสตประสาทอย่างสลัดไม่หลุด ผมได้แต่หลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ แต่ทำแบบนั้นได้ไม่นานก็ต้องรีบเปิดเปลือกตาของตัวเองขึ้นอีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่หลับตาลงก็พลันทำให้นึกถึงใบหน้าเจ้าตัวเล็กนั่นตลอด...

    โอเค ยอมรับก็ได้ว่าเด็กคนนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจมาในวันนี้...แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

     

    ผมเดินจ้ำอ้าวอยู่นานหลังจากที่ดอฟฟี่กล่าวเปิดงานจบ สายตาก็พลางสาดส่องมันไปให้ทั่ว หาบูทของหมวกฟาง-ยะ...ที่มันควรจะอยู่แถวๆนี้ หมอนั่นอยู่ม.3นี่? ก็น่าจะอยู่แถวนี้ไม่ใช่หรอ ทำไมถึงไม่เห็นวี่แววของหมอนั่นเลยล่ะ

    ตอนนี้พูดได้เลยว่าคิ้วผมขมวดเป็นปมเสียยิ่งกว่าเชือกผูกรองเท้า เพราะผมเดินหาบูทหมอนั่นมานานพอสมควรแล้ว สูทที่ใส่อยู่ก็กับผู้คนมากมายแบบนี้ทำให้ผมเริ่มอึกอัดเหมือนกัน กับสายตาของเหล่าฝูงชนที่ไม่ว่าผมจะเดินผ่านทางไหนก็ถูกชายตามอง เพราะอย่างนี้ ผมถึงได้ไม่อยากมาไง...ให้ตายสิ เจ้าเด็กบ้านั่น..ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่จะลงโทษให้สาสม

    “เอาล่ะค่ะ! อย่าเพิ่งอึ้งไป! เชิญสาวน้อยขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เลยค่ะ”

    เสียงผู้หญิงที่ป่าวประกาศผ่านโทรโข่งดังขึ้นดึงความสนใจผมได้ไม่น้อย สาวน้อย? เกมสาวน้อยตกน้ำงั้นหรอ?

    ผมหันไปหาเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วก็พบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยทีเดียว ใบหน้าของเธอหมดจด ผิวพรรณเปล่งปลั่งราวกับลูกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี รูปร่างสมส่วน เอวคอด สะโพกผาย และหน้าอกหน้าใจที่ค่อนข้างจะเกินตัวไปหน่อย...และส่วนสูงของเธอก็น่าจะพอๆกับหมวกฟาง-ยะเลยด้วย

    ทันทีที่เธอพูดจบคิ้วของผมก็กระตุกเล็กน้อยเมื่อมีร่างเล็กๆที่คุ้นเคยเดินออกมาจากหลังฉากกั้น เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงว่ายน้ำที่รัดติ้วจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน! ให้ตาย! กลัวชาวบ้านเขาไม่รู้รึไงว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ไอของแบบนั้นเก็บไว้ให้ผมดูคนเดียวก็พอแล้ว!

    ว่าแล้วก็รีบก้าวฉับๆตรงไปหาเจ้าตัวการความหงุดหงิดด้วยความไวแสง เรื่องอะไรผมจะต้องแบ่งของของตัวเองให้คนอื่นด้วยล่ะ!

     

    ซ่า!

     

    เสียงน้ำกระจายดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวไปถึงหน้าบูท ช้าไปเพียงเสี้ยววิเจ้าตัวแสบก็ลงไปอยู่ในอ่างน้ำเสียแล้ว เหอะ...เป็นอาบ อบ นวดหรือยังไงกัน..

    หมวกฟาง-ยะพยายามทรงตัว เขาลุกขึ้นยืนแล้วบิดเสื้อที่สวมอยู่ให้หมาดก่อนจะเสยผมสีดำยุ่งนั่น

    เรือนร่างภายใต้ผ้าขาวบางนั่นได้ถูกเปิดเผยประจักษ์แก่สายตา...หน้าอกที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยกับยอดอกสีชมพูอ่อนราวกับเชอร์รีนั่น..ช่างน่าลิ้มชิมเป็นที่สุด..ท่อนล่างที่ดูเหมือนจะถูกรัดจนอึดอัด...ผมไม่ยอมแบ่งใครทั้งนั้น! รุ้เพียงแค่ว่ามันจะต้องเป็นของผม! ของผมคนเดียว!

    ผมกัดฟันกรอดด้วยความโมโห ผมโคตรหงุดหงิด หงุดหงิดชนิดที่ว่าฆ่าคนได้  ถ้าใครเดินผ่านผมตอนนี้ผมคงจะกระชากมันมาแล้วฆ่ามันซะตรงนั้น โธ่เว้ย!

    โดยไม่ต้องคิด ขายาวๆรีบพาตัวเองฝ่าฝูงชนเข้าไปหาตัวการความหงุดหงิดนี้ทันที

    เท้าของผมหยุดลงตรงหน้าหมวกฟาง-ยะ เขาสะบัดหัวไปมาไล่น้ำราวกับลูกหมาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง เขาเผยสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ปรับเป็นปกติและฉีกยิ้มกว้างออกมาตามแบบฉบับเจ้าตัว อย่ายิ้มแบบนั้น...มันฆ่าผมทางอ้อมชัดๆ

    “โทราโอะ! นายมาแล้วหรอ ฉันนึกว่านายจะไม่มาแล้ว ชิชิชิ”


    - to be continue -


                  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด>< อีกแค่ตอนเดียวก็จะรีไรท์จนครบแล้วค่ะ จะพยายามอัพภายในวันพรุ่งนี้นะคะ หรือไม่ก็มะรืน ไม่อยากปล่อยดองเอาไว้เลยค่ะ ถถถว์ จะได้ต่อตอนใหม่สักที ไม่อยากจะสปอยล์หรอกนะ แต่รีไรท์บทหน้ามีเซอร์ไพร์สเซอร์วิสให้เหล่ารีดเดอร์ทั้งหลายด้วยล่ะ^0^ เพราะฉะนั้น เตรียมกายและใจเอาไว้ให้ดีล่ะ! แล้วเจอกันค่ะ><

      


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×