ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] : (One Piece) Law x Luffy คุณหมอเย็นชากับนายตัวแสบ!!

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 59


    CR.SHL

    - Chapter 9 -

     

                รถบีเอ็มสีดำเคลื่อนมาจอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้ดินของคอนโดแห่งหนึ่ง ทุกคนเดินออกมาจากรถและสาวเท้าของตัวเองตรงไปยังเป้าหมายเดียวกันคือห้องของลอว์

     

                ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งหมดก็ขึ้นมาจนถึงห้องของเขา ลอว์หยิบกุญแจขึ้นไขประตูห้องแล้วเดินนำเข้าไปโดยมีซาชิ เพนกวิ้น และจีนบาร์ทเดินตามเข้าไปอย่างเงียบๆ

     

    ลูฟี่สังเกตเห็นถุงกับข้าวที่ถูกแขวนไว้กับกลอนประตูว่าพวกมันยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน แต่ดูเหมือนมันจะลดจำนวนลงไปหน่อยนึงเหมือนกันแฮะ...หรือหมอนั่นเอาไปทิ้งแล้วมีคนเอามาแขวนใหม่นะ? อืม...ช่างมันเถอะ

     

    ว่าแล้วก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจตามแบบฉบับคนที่ไม่ค่อยจะคิดอะไรแบบเขาน่ะนะ...ลูฟี่ละความสนใจจากกองถุงกับข้าวแล้วรีบสาวเท้าตามลอว์เข้าไปในห้อง

     

    เมื่อเห็นว่าเปล่าปลาที่เขาเคยขอ(?)ให้อีกฝ่ายเลี้ยงไว้ยังสบายดีอยู่ครบทุกตัวเขาก็รีบตรงปรี่ไปยังตู้ปลาแล้วแนบใบหน้าหวานลงกับกระจกใสอย่างตื่นเต้นราวกับว่าเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก

     

                “ไม่ยักรู้ว่าหัวหน้าเลี้ยงปลาด้วยนะเนี่ย” เพนกวิ้นที่ย่อตัวดูปลาน้อยที่แหวกว่ายไปมาพูดอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นตู้ปลาที่ตั้งโชว์หราอยู่ในห้อง

     

                ลอว์ไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินหายเข้าไปในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ซาชิ เพนกวิ้น และจีนบาร์ทหย่อนก้นตัวเองลงนั่งบนโซฟายาวสีดำพลางบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยล้า ลูฟี่กระพริบตาปริบๆมองชายทั้งสามที่งนั่งอยู่ตรงโซฟาโดยไม่พูดอะไร

     

    อ๊ะ! จริงสินะ ลืมบอกไป ห้องนี้น่ะกว้างมากเลยล่ะ มากไปสำหรับแค่คนคนเดียวอยู่ด้วยซ้ำ...หือ?  กว้างขนาดไหนน่ะหรอ...อืม..ไม่รู้สิ แต่ก็กว้างนั่นแหละแถมยังมีห้องเล็กๆมีสามห้องด้วย ห้องน้ำ ห้องครัว แล้วก็...ห้องอะไรอีกห้องก็ไม่รู้

     

    ห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีเทาเรียบๆแต่ดูโอ่อ่าหรูหราพอสมควร ตรงกลางโถงห้องที่ทุกคนกำลังอยู่ตอนนี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด ตรงมุมของห้องที่ติดกับทางเข้าห้องครัวมีโต๊ะหนังสือที่มีโคมไปตั้งโต๊ะตั้งอยู่และกองหนังสือมากมายที่วางเกลื่อนกลาดอยู่เต็มโต๊ะไปหมด

     

    เตียงนอนของเขาเป็นเตียงใหญ่สำหรับสองคน ผ้าห่มถูกพับเก็บอย่างดีเป็นระเบียบเรียบร้อย มันตั้งอยู่ถัดจากโต๊ะหนังสือไม่ไกลนัก ตรงหน้าเตียงมีโซฟายาวสีดำที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ตอนนี้ โต๊ะกระจกใสกับนิตยสาร และทีวีจอแบนขนาดใหญ่

     

    ส่วนอีกมุมที่อยู่ตรงกันข้ามกันมีตู้เย็นสีเงินตั้งอยู่ในเคาน์เตอร์บาร์ที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะมีของกินเท่าไหร่...

     

                ลอว์เดินกลับเข้ามาที่โถงห้องพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลในมือเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซาชิเดินหายเข้าไปภายในห้องครัวพอดี ลอว์เดินมาหย่อนก้นตัวเองลงบนโซฟายาวสีดำตัวเดิมแล้วส่งกล่องพยาบาลในมือให้เพนกวิ้นและจีนบาร์ท

     

                ไม่นานซาชิก็เดินกลับมาพร้อมน้ำอุ่นในกะลามังสีขุ่นอันไม่ใหญ่มากในมือ ส่วนมืออีกข้างของเขานั้นถือผ้าขนหนูผืนเล็กๆไว้สองผืน เขาทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มสีดำแล้วเริ่มเช็ดตัวให้เพนกวิ้นและจีนบาร์ท

     

                ลูฟี่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนุ่มของลอว์ที่มีกลิ่นสบู่อ่อนๆจากเจ้าตัวติดอยู่มองมาที่ทั้งสามคนที่กำลังจะเริ่มทำแผล เนื่องจากลูฟี่ทำแผลไม่เป็นจึงไม่คิดจะอาสาช่วยใครทั้งนั้น ถึงแม้ใจจริงจะอยากช่วยอยู่นิดๆก็เถอะ...แต่ถ้าเขาช่วยอีกฝ่ายจะยิ่งได้แผลมากกว่าเก่าน่ะสิ...

     

                “นี่ๆ หมวกฟาง มาช่วยฉันเช็ดตัวให้หัวหน้าหน่อยสิ ฉันกำลังเช็ดตัวให้เพนกวิ้นกับจันบาร์ทอยู่น่ะ” ซาชิพูดพลางหันมาฉีกยิ้มกว้าง

     

    ลอว์หันไปค้อนตาใส่อีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดเนื้อ แต่อีกฝ่ายดันทำเป็นมองไม่เห็นแล้วหันไปเช็ดตัวให้เพื่อนของตัวเองต่อซะงั้น...แถมยังฮัมเพลงอย่างสบายใจอีกต่างหาก

     

                “โอ้!” ลูฟี่ตอบพลางเด้งตัวออกจากเตียงแล้วเดินตรงมายังลอว์ที่นั่งอยู่ตรงโซฟา จริงอยู่ที่ว่าเขาทำแผลไม่เป็นแต่ถ้าแค่เช็ดตัวล่ะก็ทำได้อยู่แล้วล่ะ

     

                ลูฟี่หยิบผ้าขนหนูผืนสีขาวขึ้นมาแล้วจุ่มลงไปในน้ำอุ่น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปหวังจะเช็ดใบหน้าของอีกฝ่ายโดยไม่ลืมที่จะบิดมันให้หมาดเสียก่อน

     

    แต่ยังไม่ทันที่ผ้าขนหนูจะได้แตะโดนใบหน้าของอีกฝ่ายก็ถูกมือหนาสีแทนจับข้อมือบางๆของเขาเอาไว้เสียก่อน

     

                “ไม่ต้อง...” อีกฝ่ายว่า “ฉันทำเองได้”

     

                พูดจบคิ้วบางของลูฟี่ก็ขมวดเข้าชนกันมุ่น เขามองดวงตาคมปลาบของอีกฝ่ายด้วยดวงตากลมโตคู่สวยที่แฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ พวงแก้มใสขึ้นสีแดงจางๆบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจในคำพูดนั้นของอีกฝ่ายเอามากๆ “อย่าพูดมากน่า! นายเจ็บอยู่นะ”

     

                “ฉันบอกว่าฉันทำเองได้...”

     

                “ก็เรื่องของนายสิ ฉันก็ทำได้เหมือนกันแล้วฉันก็จะทำให้นายด้วย!” ลูฟี่ว่าพลางสะบัดมือบางของตัวเองออกจากพันธนาการ เขาค่อยๆแตะผ้าขนหนูลงบนกล้ามเนื้อที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดของอีกฝ่าอย่างเบามือ

     

    เมื่อเห็นอย่างนั้นลอว์ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายเช็ดแต่โดยดี


                ลูฟี่ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กในมือบรรจงซับคราบเลือดตามแผงอกกว้างของคนตรงหน้าอย่างเบามือ เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นนี่แหละว่าหมอนี่เลือดออกเยอะพอสมควร แถมยังมีรอยฟกช้ำเต็มตัวไปหมด นี่หมอนี่รอดมาได้ยังไงเนี่ย...สภาพไม่ต่างจากศพเลยสักนิด...

     

                ลูฟี่สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่เต้นผิดจังหวะจากอกด้านซ้ายของอีกฝ่ายผ่านมือบางของตน ถึงแม้จะมีผ้าขนหนูสีขาวกั้นอยู่แต่มันก็เต้นแรงพอที่จะทำให้เขารู้สึกได้

     

    ทำไมหัวใจของหมอนี่ถึงเต้นเร็วขนาดนี้นะ....จะเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย..? แต่ถึกๆแบบหมอนี่คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ขนาดโดนอัดซะน่วมขนาดนี้ยังไม่ตายเลยนี่ คิดได้อย่างนั้นก็เลือกที่จะไม่ถามออกไป แหงล่ะ...ขืนถามไปมีหวังโดนดีดแบบบนรถอีกแน่ๆ


                หลังจากจัดการเช็ดคราบเลือดตามแผงอกแกร่งและแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วลูฟี่ก็เปลี่ยนตำแหน่งไปเช็ดตามแขนของอีกฝ่ายแทน โดยไม่ลืมที่จะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กในมือชุบน้ำอุ่นในกะละมังใบเดิมอีกครั้งเสียก่อน

     

    จะว่าไปแขนของหมอนี่แน่นชะมัด...มีแต่กล้ามเนื้อแบบผู้ชายทั้งนั้นเลย...แตกต่างจากแขนของเขาสุดๆเลยล่ะ...ถ้าจะให้พูดเพราะๆหน่อยก็แขนบาง แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆก็แขนแห้งๆนั่นแหละ...

     

                “เรียบร้อย...” ลูฟี่พูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นยิ้มยิงฟันกว้างพลางหัวเราะให้อีกฝ่ายตามแบบฉบับเจ้าตัว “ทีนี้ก็..ตรงหน้าสินะ”

     

                ลอว์มองคนร่างเล็กกว่าโดยไม่พูดอะไร

     

                เอาล่ะ...เช็ดหน้าแล้วก็เป็นอันเสร็จสรรพสินะ แล้วก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำแผลเอง...ก็ลูฟี่ทำแผลไม่เป็นนี่..อย่างน้อยเขาก็ช่วยเช็ดตัวให้ล่ะนะ เพราะว่าเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งในสงครามบ้าดีเดือดนี่เหมือนกัน...

     

                ลูฟี่เริ่มจากคิ้วของอีกฝ่ายก่อน เขาค่อยๆยกผ้าขนหนูขึ้นซับเลือดจากหางคิ้วที่แตกจนไหลอาบแก้มของอีกฝ่าบเบาๆ ทันทีที่ผ้าขนหนูถูกแตะลงบนแผลของคนตัวสูงกว่าเขาก็สะดุ้งนิดๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับมา...นึกว่าจะถูกดุซะอีก...

     

    ลูฟี่ได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายใกล้ๆอีกครั้ง และพบว่าไม่ว่าเขาจะมองมาที่ใบหน้าคมปลาบของอีกฝ่ายอีกกี่ครั้ง ใบหน้าของคนตรงหน้าก็ยังคงดูดีไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย...

     

    ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาสีเทาหินโมราคู่สวยที่มองกี่ทีก็เหมือนต้องมนต์สะกด จมูกโด่งเป็นสันเข้ากับใบหน้าเรียว ริมฝีปากบางได้รูปสีซีดที่ถูกแต้มด้วยคราบเลือดสีแดงฉาน...ทุกอย่างลงตัวกันได้อย่างน่าประหลาด แม้แต่เรือนผมสีดำขลับธรรมดาๆของเขายังเข้ากับใบหน้าได้รูปนั่นอย่างดี

     

                มือบางของลูฟี่เลื่อนลงมายังจมูกโด่งเป็นสันของอีกฝ่ายแล้วเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจากโพรงจมูกด้านซ้ายอย่างนุ่มนวล โดยไม่ลืมที่จะเช็ดคราบเลือดที่ไหลอาบแก้มเนียนของอีกฝ่ายให้เรียบร้อยเสียก่อน

     

    เมื่อเช็ดจมูกเป็นอันเสร็จสรรพก็เลื่อนลงมายังริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายต่อ เขาบรรจงเช็ดคราบเลือดบนริมฝีปากสีซีดที่บัดนี้ถูกระบายด้วยสีแดงจากเลือดอย่างแผ่วเบา

     

    อา...เห็นริมฝีปากของหมอนี่แล้ว ทำไมจู่ๆก็ใจเต้นขึ้นมานิดๆนะ...แถมยังรู้สึกร้อนขึ้นมาด้วย...

     

                “เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว”


                ลูฟี่หัวเราะนิดๆพลางผละออก เขามองไปยังซาชิที่ยังคงสาละวนกับการเช็ดตัวให้เพนกวิ้นและจีนบาร์ทโดยไม่พูดอะไร อืม...ดูเหมือนหมอนั่นจะยังเช็ดไม่เสร็จแฮะ..

     

    ลูฟี่หันกลับมามองลอว์อีกครั้งแล้วส่งยิ้มให้ เมื่อหน้าที่ของเขาหมดลงแล้วก็ยันตัวลุกขึ้นแล้วตรงไปทิ้งก้นลงบนเตียงนุ่มของอีกฝ่าย

     

    ในเมื่อทำแผลไม่เป็นก็นั่งแกว่งขาไปมาดูคนอื่นเขาทำแผลนี่แหละ...

     

                ลอว์และเพนกวิ้นเริ่มทำแผลให้ตัวเองอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร ส่วนซาชิก็ยังคงวุ่นกับการเช็ดตัวให้กับจีนบาร์ท ฝ่ายลูฟี่ที่เห็นทั้งสี่คนเริ่มทำแผลก็ไม่อยากจะเข้าไปวุ่นวายจึงตัดสินใจจะนั่งดูอยู่เงียบๆ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...ชักจะหิวแล้วสิ...

     

                “เน่...โทราโอะ ฉันหิวแล้วอ่ะ” ว่าพลางกุมท้องตัวเองที่เริ่มส่งเสียงร้องด้วยความหิว

     

                “ห้องฉันไม่มีของกินหรอกนะ” ลอว์ว่าพลางถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆเป็นเหตุให้ลูฟี่ยู่หน้าเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ถ้าไม่มีของกินแล้วจะมีห้องครัวกับไอตู้เย็นนั่นให้เปลืองค่าไฟทำมะเขืออะไรล่ะ... “ลองไปหาแถวๆนั้นดูแล้วกัน น่าจะมีขนมอยู่บ้าง”

     

                ว่าจบก็ชี้นิ้วเรียวไปยังมุมห้อง ลูฟี่หันไปตามที่นิ้วเรียวของอีกฝ่ายชี้ก่อนจะพยักหน้างึกๆแล้วเด้งตัวออกจากเตียงตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่มุมห้อง


    ลูฟี่จัดการเปิดตู้เย็นก่อนเป็นอันดับแรก สิ่งที่เขาเจอในตู้เย็นมีเพียงน้ำเปล่าไม่กี่ขวดและขวดยาเยอะแยะเต็มไปหมด...เริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะว่าหมอนั้นซื้อตู้เย็นมาทำไม

     

    ว่าแล้วก็มุ่ยหน้าใส่ตู้เย็นไปหนึ่งทีแล้วปิดมันลง เขาหันไปสนใจตู้ติดผนังและตู้ในเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่ข้างๆแทน เขารื้อๆค้นอยู่สักพักก็กลับมาที่เตียงพร้อมกับถุงขนมในมือ

     

    สิ่งที่เขาได้กลับมาคือมันฝรั่งทอดห่อใหญ่หนึ่งห่อ และขนมขบเคี้ยวอย่างอื่นอีกสองห่อ เขาหย่อนก้นตัวเองลงนั่งขัดสมาธิบนเตียงอีกครั้งแล้วเริ่มแกะห่อขนมในมือก่อนจะส่งมันเข้าปากแล้วเคี้ยวหยุบๆ

     

                ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงเคี้ยวมันฝรั่งทอดจากลูฟี่เท่านั้นที่ดังอยู่เป็นเพื่อนกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ ลอว์ทำแผลโดยไม่พูดอะไร เพนกวิ้นและซาชิด็ช่วยจีนบาร์ททำแผลโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน

     

    ลูฟี่เองก็กินขนมอยู่เต็มปากจนไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน...จะว่าไปห้องของหมอนี่ไม่มีของกินเลยจริงๆนั่นแหละ จะมีก็แค่กาแฟผง คนอะไรกินแต่กาแฟ...ถึงจะไม่แน่ใจว่าในครัวมีอะไรรึเปล่าแต่ดูท่าแล้วคงไม่มีแหงๆ...แล้วหมอนี่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้นะ...

     

                “นี่ โทราโอะ ทำไมห้องนายถึงไม่มีอะไรกินเลยล่ะ? นายไม่กินข้าวหรอ?” ลูฟี่ถามในขณะที่ยังเคี้ยวขนมอยู่เต็มปาก “หรือนายกินอย่างอื่นเป็นอาหาร?” เช่นพวกหนังสืออะไรประมาณนั้น...

     

                “ปกติฉันกินข้าวข้างนอก” ลอว์ตอบแบบห้วนๆตามแบบฉบับเจ้าตัว หลังจากนั้นห้องก็ตกสู่ความเงียบอีกครั้ง

     

     

     

                “งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับหัวหน้า บ๊ายบาย...หมวกฟางไว้เจอกันใหม่นะ”

     

                “ขอตัวก่อนนะ”

                “ว้า...น่าเสียดายจัง นึกว่าจะได้อยู่ต่ออีกหน่อยแม้ๆ งั้น..ไปละนะ หมวกฟาง หัวหน้า”

     

                หลังจากทำแผลเสร็จซาชิ จีนบาร์ท และเพนกวิ้นก็บอกลาทั้งสองแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ลูฟี่อยู่กับลอว์เพียงลำพัง

     

                ลูฟี่หันไปมองลอว์ที่กำลังสาละวนกับการเก็บเครื่องมือปฐมพยาบาลอยู่ เมื่อเขาเก็บเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องเล็กๆอีกห้องที่เขาเคยเข้าไปเอามันมาก่อนหน้านี้โดยมีลูฟี่เดินตามต้อยๆราวกับลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด

     

                พอมาถึงที่หมายลูฟี่ก็ได้เห็นว่าห้องนี้มีอุปกรณ์การแพทย์และยาเยอะแค่ไหน ซึ่งเขาก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่...ก็เพราะอีกฝ่ายเรียนแพทย์นี่

     

                ลอว์เก็บกล่องปฐมพยาบาลให้เข้าที่เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้น ฝ่ายลูฟี่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกจากห้องก็รีบสาวเท้าตามก้นอีกฝ่ายออกมาอย่างไม่ห่าง

     

                “เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน” ลอว์พูดห้วนๆ

     

                “ชิชิชิ นายไปส่งฉันตั้งหลายรอบแล้วนี่นะ” ลูฟี่ว่าพลางหัวเราะพลาง “ขอบใจนะ” ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายอีกครั้ง

     

                “...”

     

                ลอว์มองคนตัวเล็กกว่าโดยไม่พูดอะไร เขาเอื้อมมือหนาของตัวเองไปจับแก้มใสของอีกฝ่ายเบาๆ นัยน์ตาสีเทาหินโมราคู่สวยจ้องใบหน้าหวานของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

     

    ลูฟี่สะดุ้งนิดๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นมือมาแตะที่แก้มของตนแต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เขากระพริบตาปริบๆมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงงๆ แต่ในใจก็แอบรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน อือ..มือของหมอนี่อุ่นชะมัด...อยากจะเอาหน้าซุกไซ้กับมือหนาของอีกฝ่ายมากกว่านี้...

     

    “ไอหมอนั่นไม่เลิกราง่ายๆแน่”

     

    ลอว์โพล่งขึ้นเรียกสติลูฟี่ให้กลับมาอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัยแต่ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากพูดอะไรก็ถูกอีกฝ่ายชิงพูดเสียก่อน

     

    “ฉันจะฝากมาร์กไว้กับนาย” เขาพูดพลางลูบมือหนานั่นกับแก้มเนียนของอีกฝ่าย “หมอนั่นจะได้ไม่มายุ่งกับนายอีก”

     

    “ห..หา?”

     

    พูดจบก็กดร่างบางของอีกฝ่ายให้ฝังลงกับเตียงนุ่มของตนทันทีก่อนจะเอื้อมมือมาที่กระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อหวังจะปลดมันออกแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นรอยแดงจ้ำๆที่คอของอีกฝ่าย

     

    รอยนั่น...ไม่ใช่ของเขา

     

                “รอยนี่ไม่ใช่ของฉัน” เขาเอามือแตะเบาๆตรงรอยแดงที่คอของอีกฝ่าย

     

                “หือ? รอยนี่น่ะหรอ...ไอเม่นทำไว้น่ะ แต่ฉันไม่เป็นอะไรหรอก..อ๊ะ! ท..โทราโอะ”

     

                ไม่ทันที่ลูฟี่จะพูดจบอีกฝ่ายก็โน้มตัวลงมาตรงซอกคอของเขาแล้วประทับริมฝีปากลงบนรอยแดงที่ชายแปลกหน้าทำไว้อย่างอ่อนโยน หัวใจของลูฟี่เริ่มเต้นไม่เป็นส่ำอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ตีขึ้นมาบนใบหน้าจนต้องหลับตาไว้แน่น

     

    แพขนตางอนยาวของลูฟี่ประกบกันเป็นสีเข้ม พวงแก้มใสถูกระบายด้วยสีแดงระเรื่อไปจนถึงใบหู มือบางก็เผลอบีบไหล่ของอีกฝ่ายไว้แน่นอย่างห้ามไม่ได้

     

                มือคู่หนาสีแทนอันซุกซนของลอว์ปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายได้สำเร็จอย่างรวดเร็วในขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ...

     

    เผยให้เห็นเนินอกขาวๆและรอยจ้ำแดงๆที่มีตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงหน้าอกบางของอีกฝ่าย มือหนาอันซุกซนคู่เดิมของเขายังคงลูบไล้ไปตามเรือนร่างของอีกฝ่ายด้วยความปรารถนา ริมฝีปากได้รูปยังคงจูบโลมไปตามซอกคอของอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดยั้ง

     

    ลอว์สัมผัสได้ถึงเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตามใบหน้าและไรผม ความร้อนที่ถาโถมเข้ามาจนร่างแทบระเบิด แถมกางเกงของเขายังรู้สึกคับขึ้นมาอีกต่างหาก...

     

                “โอ๊ย!” ลูฟี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนจากการจูบอย่างอ่อนโยนเป็นการฝังเขี้ยวลงไปบนเนื้อของเขาแทน

     

                “โทษที”

     

                ลอว์เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายก่อนจะฝังจมูกโด่งเป็นสันของตัวเองลงบนแก้มนุ่มของอีกฝ่ายแล้วสูดเอากลิ่นหอมทั้งหมดเข้าปอดราวกับกลัวว่ามันจะจางหายไปเสียตรงนั้น หอมชะมัด...อยากจะกลืนกินหมอนี่เข้าไปทั้งตัว ไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่นเลยทั้งนั้น...

     

    ลอว์ก้มลงไปกัดที่ซอกคอของอีกฝ่ายอีกครั้ง จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากได้รูปค่อยๆเคลื่อนลงมายังเนินอกขาวๆของอีกฝ่ายแล้วบรรจงฝังเขี้ยวลงบนอกบางของอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา

     

                ลูฟี่สะดุ้งเฮือก แขนบางๆที่บีบไหล่ของอีกฝ่ายไว้แน่นพยายามจะดันตัวอีกฝ่ายออก แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเขาจะถูกสูบไปเสียหมดแล้วน่ะสิ...

     

                จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายยังคงกดแนบแน่นกับผิวกายของลูฟี่ ลูฟี่รู้สึกร้อนไปทั่วทั้งตัว ทุกครั้งที่โดนคนตรงหน้าสัมผัสเขาจะรู้สึก..เหมือนร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็แอบรู้สึกดีไปด้วยนิดๆ

     

    แต่เรื่องแบบนี้มันคงจะเร็วไปหน่อยสำหรับคนอย่างลูฟี่ล่ะนะ...

     

                “พ..พอ..พอได้แล้ว โทราโอะ...”

     

                พองั้นหรอ..?

     

                ไม่พอ...ยังไม่พอ แค่นี้น่ะยังไม่พอหรอก เขาอยากได้มากกว่านี้...อยากครอบครองร่างของคนคนนี้ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ดวงตากลมโตคู่สวยคู่นั้น ผิวกาย ยอดอกสีชมพูที่กำลังตั้งชูชัน ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูระเรื่อ จมูกเล็กๆ ใบหูน่าอร่อย ซอกคอขาวๆ

     

    ทั้งหมด...ทั้งร่างกายและหัวใจของคนคนนี้...เขาอยากจะครอบครองมันทั้งหมด

     

    แค่นี้น่ะ ยังไม่เข้าใกล้กับคำว่า พอ ของเขาเลยสักนิด

     

                ลอว์เงยหน้าขึ้นมาประกบริมฝีปากได้รูปของตัวเองลงกับริมฝีปากอวบอิ่มของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เปลือกตาสีน้ำนมของลูฟี่ประกบเข้าหากันช้าๆให้แพขนตางอนยาวทับกันอีกครั้ง หัวใจของเขายังคงเต้นรัวไม่เป็นส่ำไม่ได้ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย...รู้สึกดีจัง...

     

    การได้อยู่กับคนคนนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น อบอุ่นเหลือเกิน...คนอื่นอาจมองว่าเขาเป็นเพียงคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ลูฟี่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่านดวงตาสีเทาหินโมราคู่นั้น ผ่านมือหนาสีแทนของเขา ผ่านสัมผัสของเขา ผ่านทุกการกระทำของเขา


    อบอุ่นชะมัด...

     

                ลอว์ผละจูบออกอย่างติดเสียดายนิดๆ น้ำใสๆที่ยืดติดกับริมฝีปากทั้งสองขาดออกเป็นเหตุให้มันมาติดอยู่ที่คางแทน ลูฟี่ยกแขนขึ้นเช็ดน้ำเหนียวๆที่คางของตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเสียยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก

     

                “หมอนั่นทำอะไรนายอีก” ลูฟี่สะดุ้งนิดๆเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็โพล่งขึ้น

     

                “อ..เอ่อ..ก็กัดหู..อ๊ะ! ท..โทราโอะ!

     

                ทันทีที่ลูฟี่พูดจบลอว์ก็โน้มตัวลงฝังเขี้ยวตัวเองลงบนใบหูเล็กๆดูน่าอร่อยของอีกฝ่ายเบาๆ อื้อ..ร้อน...ร้อนจนตัวแทบระเบิดแล้ว

     

                “อ..อื้อ! โทราโอะ พ..พอได้แล้ว”

     

    ลูฟี่รวบแรงทั้งหมดที่มีผลักไหล่เปลือยเปล่าของอีกฝ่ายออกเบาๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมผละออกแต่โดยดีโดยไม่ลืมที่จะติดกระดุมเสื้อคืนให้คนร่างเล็ก

     

    ลูฟี่เด้งตัวขึ้นนั่ง ใบหน้าของเขายังคงร้อนผ่าวราวกับมีคนเอาไฟมาลนไว้ข้างแก้ม หัวใจของเขาก็ยังเต้นเร็วไม่เป็นส่ำจนแทบทะลุออกจากอกเสียตรงนั้น เขามองแผ่นหลังเปลือยเปล่าอีกฝ่ายที่กำลังเดินตรงไปยังโซฟายาวสีดำอย่างเงียบๆ

     

    ลอว์หยิบเสื้อของตัวเองขึ้นมาสวมแล้วหยิบกุญแจที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกใสขึ้นมาใส่ประเป๋ากางเกงก่อนจะหันกลับมามองอีกฝ่าย

     

    “จะกลับไหม บ้านน่ะ”

     

    “อ..อื้อ”

     

    ว่าจบลูฟี่ก็รีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามก้นอีกฝ่ายออกจากห้องติดๆโดยไม่พูดอะไร ลอว์เดินนำลูฟี่ไปตามทางเดินอย่างเงียบๆ

     

    อา..อีกนิดเดียว..เกือบไปแล้วสิ...ถ้าเมื่อกี้เขาควบคุมตัวเองไม่ไหวล่ะก็แย่แน่ๆ ลอว์ยกฝ่ามือหนาขึ้นกุมขมับของตัวเอง ใบหน้าของเขายังคงร้อนผ่าว และเขายังสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ยังคงชุ่มไปทั่วทั้งไรผมแม้จะสวมหมวกอยู่ก็ตาม รวมทั้ง...กางเกงที่รู้สึกคับขึ้นมาดื้อๆด้วย...

     

    ทั่วทั้งทางเดินเงียบสงัดเสียจนลูฟี่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาเพราะกลัวเสียงหายใจของตัวเองจะไปรบกวนชาวบ้านในห้องอื่นๆเข้า...แหงล่ะ ก็เงียบซะขนาดนี้ แม้แต่เสียงจิ้งหรีดหรือเสียงอึ่งอ่างร้องยังไม่มีด้วยซ้ำ...

     

    หัวใจของลูฟี่ยังเต้นรัวไม่เป็นส่ำจนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยง ใบหน้าของเขายังร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู

     

    ลูฟี่เห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นกุมขมับแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะถามออกไป ในสถานการณ์ที่อึดอัดแบบนี้เขากลับไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย...เขาเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายเท่านั้นเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ อืม...หมอนั่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ จะโกรธเขารึเปล่า?

     

     

     

                19.18 น.

     

                ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าๆแล้ว พี่ชายของลูฟี่เพิ่งโทรมาหาเขาเมื่อกี้ เป็นเหตุให้เขาโดนบ่นไปชุดใหญ่เรื่องกลับบบ้านค่ำ...แต่พอเขาบอกว่ากำลังกลับพี่ชายของเขาก็บ่นใส่เล็กน้อยแล้วก็ตัดสายไปดื้อๆจนลูฟี่มุ่ยหน้าใส่สาร์ทโฟนในมือของตน

     

                ลูฟี่นั่งอยู่บนรถฝั่งที่นั่งคนขับข้างๆลอว์ หลังจากเหตุการณ์ในห้องของอีกฝ่ายที่ผ่านมาก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย รู้สึก..อึดอัดชะมัด อยากจะชวนคุย..แต่ในเวลาแบบนี้กลับนึกเรื่องที่จะคุยไม่ออก ทีในตอนที่ไม่อยากจะคุยล่ะผุดขึ้นมาเป็นพันๆเรื่อง...

     

                “คราวหน้าก็ระวังตัวด้วยล่ะ ไม่มีคนสติดีที่ไหนเข้าไปในซอยนั้นหรอก...” เสียงทุ้มต่ำของลอว์ทำเอาลูฟี่สะดุ้งนิดๆ เขาหันไปมองหน้าอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร “ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ช่วยนายไปได้ตลอดหรอกนะ...”

     

                “อ..อื้อ!  รูแล้วน่า!” ลูฟี่มุ่ยหน้าใส่อีกฝ่าย “แต่ก็...ขอบคุณนะที่ช่วยฉันไว้น่ะ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้..แถมนายยังช่วยฉันไว้หลายเรื่องเลยด้วย”

     

    ลูฟี่พูดโดยไม่สบตาอีกฝ่าย การสบตากับอีกฝ่ายตรงๆมันยากเกินไป...เพราะทุกครั้งที่นัยน์ตาสีเทาหินโมราคมปลาบคู่นั้นมองมาที่เขาทีไรก็เป็นเหตุให้นัยน์ตาสีรัตติกาลของเขากลอกหนีทุกที การไม่สบตาตรงๆจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะคิดอะไรแบบเขาน่ะนะ...

     

                ไม่นานรถบีเอ็มสีดำก็มาจอดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านของลูฟี่ เขาขอบคุณอีกฝ่ายอีกรอบแล้วลงจากรถ ลอว์ไม่ได้ตอบอะไรเขารอให้อีกฝ่ายเข้าบ้านไปเสียก่อนแล้วบึ่งรถออกจากตรงนั้น

     

                เมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านเขาก็พบกับพี่ชายที่กำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจในชุดนอนสีเลือดหมูพร้อมกับเคี้ยวขนมหยุบๆ

     

    ทันทีที่เห็นร่างของน้องโผล่เข้ามาในบ้านก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงมาหาลูฟี่ด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด

     

                “กลับบ้านค่ำ!

     

                “โอ๊ยๆๆๆ! มันเจ็บนะ! พี่บ้า!” ลูฟี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกผู้เป็นพี่ดึงใบหูบางๆอย่างรุนแรง

     

                “แล้วใครใช้ให้กลับบ้านค่ำล่ะ! รู้ไหมว่าคนเป็นห่วงแค่ไหนน่ะ!

     

                “รู้แล้วๆ! บ่นเป็นป้าไปได้!” ลูฟี่ปัดมืออีกฝ่ายออกพร้อมกับแลบลิ้นใส่ “เป็นปู่การ์ปสองรึไง”

     

                “แกว่าไงนะ! ไอน้องบ้า!

     

                แน่นอน..ว่าลูฟี่ไม่ได้อยู่ต่อให้พี่ชายของเขาทำร้ายเขาต่อหรอกนะ...เขารีบวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเองแล้วปิดประตูเสียงดังอย่างจงใจให้ผู้เป็นพี่ได้ยิน

     

                “เฮ้อ...นึกว่าจะไม่รอดซะแล้วสิ...”

     

                ลูฟี่พึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะโยนกระเป๋าเผ้สีแดงดำลงบนพื้นข้างโต๊ะเขียนหนังสือและทิ้งตัวลงฝังร่างบางๆของตัวเองให้จมลงกับเตียงนุ่ม พลิกตัวนอนหงายมองสติ๊กเกอร์เรืองแสงบนเพดานอย่างเหม่อลอย

     

    อา...ชวนให้นึกถึงกลิ่นของหมอนั่นชะมัด..

     

                ว่าแล้วก็รีบเด้งตัวขึ้นเตรียมตัวอาบน้ำ

     

                ลูฟี่จัดการถอดเนกไทจากเครื่องแบบนักเรียนของตัวเองออกแล้วโยนมันใส่ตะกร้าผ้าที่วางอยู่ข้างๆ เท้าเล็กๆก็พาตัวเองตรงไปยังห้องน้ำ

     

    เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อตรวจสอบว่ายังมีอะไรหลงเหลืออยู่ในกระเป๋าของเขาหรือเปล่า...ก่อนที่มันจะไปอยู่ในเครื่องซักผ้า แบบโทรศัพท์สองเครื่องที่แล้ว...หรือเงินเกือบสองหมื่นเย็น...ไม่งั้นมีหวังโดนเอสกับปู่การ์ปฆ่าตายแหงๆ

     

                “เอ๊ะ”

     

                แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะเป็นเส้นๆในกระเป๋าของเขาทั้งๆที่มันควรจะเป็นสัมผัสสากๆจากกระดาษของธนบัตรหรือสัมผัสเย็นๆของโลหะจากสมาร์ทโฟน

     

                ลูฟี่หยิบมันขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ แล้วดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างเมื่อพบว่ามันเป็นจี้ทองอันแสนคุ้นเคยที่มีเพชรรูปหัวใจอยู่ตรงกลาง

     

     

     

                จี้ฮาร์ท...


    - to be continue -


                   สวัสดีค่ะ รีดเดอร์ทุกท่าน=w=" กลับมาหลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ยังไม่ตายนะคะ...แค่หลับสบายไปหน่อย(?) รู้สึกตอนนี้ncนิดๆอะ5555 #ผิดมหันต์ //หลบเท้ารีดเดอร์ 

                   ช่วงนี้ติดทัมเบลอหนัก นั่งวาดรูปทั้งวันวันๆไม่ทำอะไรเลยค่ะ แอ่ฟ---

                   ไม่มีอะไรจะพูดอ่ะค่ะ ฟฟฟ;w; #ผิด ยังไงอ่านกันแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นท์ กดติดตาม หรือกดแชร์ เพื่อเป็นให้กำลังใจกันด้วยนะคะ <3 สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนนะคะ=w=" เดี๋ยวรอบหน้าอัพตอนใหม่เนอะ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×