คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9
- Chapter
9 -
รถบีเอ็มสีดำเคลื่อนมาจอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้ดินของคอนโดแห่งหนึ่ง
ทุกคนเดินออกมาจากรถและสาวเท้าของตัวเองตรงไปยังเป้าหมายเดียวกันคือห้องของลอว์
ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งหมดก็ขึ้นมาจนถึงห้องของเขา
ลอว์หยิบกุญแจขึ้นไขประตูห้องแล้วเดินนำเข้าไปโดยมีซาชิ เพนกวิ้น
และจีนบาร์ทเดินตามเข้าไปอย่างเงียบๆ
ลูฟี่สังเกตเห็นถุงกับข้าวที่ถูกแขวนไว้กับกลอนประตูว่าพวกมันยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน
แต่ดูเหมือนมันจะลดจำนวนลงไปหน่อยนึงเหมือนกันแฮะ...หรือหมอนั่นเอาไปทิ้งแล้วมีคนเอามาแขวนใหม่นะ?
อืม...ช่างมันเถอะ
ว่าแล้วก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจตามแบบฉบับคนที่ไม่ค่อยจะคิดอะไรแบบเขาน่ะนะ...ลูฟี่ละความสนใจจากกองถุงกับข้าวแล้วรีบสาวเท้าตามลอว์เข้าไปในห้อง
เมื่อเห็นว่าเปล่าปลาที่เขาเคยขอ(?)ให้อีกฝ่ายเลี้ยงไว้ยังสบายดีอยู่ครบทุกตัวเขาก็รีบตรงปรี่ไปยังตู้ปลาแล้วแนบใบหน้าหวานลงกับกระจกใสอย่างตื่นเต้นราวกับว่าเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก
“ไม่ยักรู้ว่าหัวหน้าเลี้ยงปลาด้วยนะเนี่ย” เพนกวิ้นที่ย่อตัวดูปลาน้อยที่แหวกว่ายไปมาพูดอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นตู้ปลาที่ตั้งโชว์หราอยู่ในห้อง
ลอว์ไม่ได้ตอบอะไร
เขาเดินหายเข้าไปในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ซาชิ เพนกวิ้น
และจีนบาร์ทหย่อนก้นตัวเองลงนั่งบนโซฟายาวสีดำพลางบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยล้า
ลูฟี่กระพริบตาปริบๆมองชายทั้งสามที่งนั่งอยู่ตรงโซฟาโดยไม่พูดอะไร
อ๊ะ! จริงสินะ ลืมบอกไป ห้องนี้น่ะกว้างมากเลยล่ะ
มากไปสำหรับแค่คนคนเดียวอยู่ด้วยซ้ำ...หือ?
กว้างขนาดไหนน่ะหรอ...อืม..ไม่รู้สิ แต่ก็กว้างนั่นแหละแถมยังมีห้องเล็กๆมีสามห้องด้วย
ห้องน้ำ ห้องครัว แล้วก็...ห้องอะไรอีกห้องก็ไม่รู้
ห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีเทาเรียบๆแต่ดูโอ่อ่าหรูหราพอสมควร ตรงกลางโถงห้องที่ทุกคนกำลังอยู่ตอนนี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด
ตรงมุมของห้องที่ติดกับทางเข้าห้องครัวมีโต๊ะหนังสือที่มีโคมไปตั้งโต๊ะตั้งอยู่และกองหนังสือมากมายที่วางเกลื่อนกลาดอยู่เต็มโต๊ะไปหมด
เตียงนอนของเขาเป็นเตียงใหญ่สำหรับสองคน
ผ้าห่มถูกพับเก็บอย่างดีเป็นระเบียบเรียบร้อย
มันตั้งอยู่ถัดจากโต๊ะหนังสือไม่ไกลนัก ตรงหน้าเตียงมีโซฟายาวสีดำที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ตอนนี้
โต๊ะกระจกใสกับนิตยสาร และทีวีจอแบนขนาดใหญ่
ส่วนอีกมุมที่อยู่ตรงกันข้ามกันมีตู้เย็นสีเงินตั้งอยู่ในเคาน์เตอร์บาร์ที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะมีของกินเท่าไหร่...
ลอว์เดินกลับเข้ามาที่โถงห้องพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลในมือเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซาชิเดินหายเข้าไปภายในห้องครัวพอดี ลอว์เดินมาหย่อนก้นตัวเองลงบนโซฟายาวสีดำตัวเดิมแล้วส่งกล่องพยาบาลในมือให้เพนกวิ้นและจีนบาร์ท
ไม่นานซาชิก็เดินกลับมาพร้อมน้ำอุ่นในกะลามังสีขุ่นอันไม่ใหญ่มากในมือ
ส่วนมืออีกข้างของเขานั้นถือผ้าขนหนูผืนเล็กๆไว้สองผืน
เขาทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มสีดำแล้วเริ่มเช็ดตัวให้เพนกวิ้นและจีนบาร์ท
ลูฟี่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนุ่มของลอว์ที่มีกลิ่นสบู่อ่อนๆจากเจ้าตัวติดอยู่มองมาที่ทั้งสามคนที่กำลังจะเริ่มทำแผล
เนื่องจากลูฟี่ทำแผลไม่เป็นจึงไม่คิดจะอาสาช่วยใครทั้งนั้น
ถึงแม้ใจจริงจะอยากช่วยอยู่นิดๆก็เถอะ...แต่ถ้าเขาช่วยอีกฝ่ายจะยิ่งได้แผลมากกว่าเก่าน่ะสิ...
“นี่ๆ
หมวกฟาง มาช่วยฉันเช็ดตัวให้หัวหน้าหน่อยสิ ฉันกำลังเช็ดตัวให้เพนกวิ้นกับจันบาร์ทอยู่น่ะ”
ซาชิพูดพลางหันมาฉีกยิ้มกว้าง
ลอว์หันไปค้อนตาใส่อีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดเนื้อ
แต่อีกฝ่ายดันทำเป็นมองไม่เห็นแล้วหันไปเช็ดตัวให้เพื่อนของตัวเองต่อซะงั้น...แถมยังฮัมเพลงอย่างสบายใจอีกต่างหาก
“โอ้!”
ลูฟี่ตอบพลางเด้งตัวออกจากเตียงแล้วเดินตรงมายังลอว์ที่นั่งอยู่ตรงโซฟา
จริงอยู่ที่ว่าเขาทำแผลไม่เป็นแต่ถ้าแค่เช็ดตัวล่ะก็ทำได้อยู่แล้วล่ะ
ลูฟี่หยิบผ้าขนหนูผืนสีขาวขึ้นมาแล้วจุ่มลงไปในน้ำอุ่น
เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปหวังจะเช็ดใบหน้าของอีกฝ่ายโดยไม่ลืมที่จะบิดมันให้หมาดเสียก่อน
แต่ยังไม่ทันที่ผ้าขนหนูจะได้แตะโดนใบหน้าของอีกฝ่ายก็ถูกมือหนาสีแทนจับข้อมือบางๆของเขาเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้อง...”
อีกฝ่ายว่า “ฉันทำเองได้”
พูดจบคิ้วบางของลูฟี่ก็ขมวดเข้าชนกันมุ่น
เขามองดวงตาคมปลาบของอีกฝ่ายด้วยดวงตากลมโตคู่สวยที่แฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ พวงแก้มใสขึ้นสีแดงจางๆบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจในคำพูดนั้นของอีกฝ่ายเอามากๆ “อย่าพูดมากน่า! นายเจ็บอยู่นะ”
“ฉันบอกว่าฉันทำเองได้...”
“ก็เรื่องของนายสิ
ฉันก็ทำได้เหมือนกันแล้วฉันก็จะทำให้นายด้วย!” ลูฟี่ว่าพลางสะบัดมือบางของตัวเองออกจากพันธนาการ เขาค่อยๆแตะผ้าขนหนูลงบนกล้ามเนื้อที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดของอีกฝ่าอย่างเบามือ
เมื่อเห็นอย่างนั้นลอว์ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายเช็ดแต่โดยดี
ลูฟี่ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กในมือบรรจงซับคราบเลือดตามแผงอกกว้างของคนตรงหน้าอย่างเบามือ
เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นนี่แหละว่าหมอนี่เลือดออกเยอะพอสมควร
แถมยังมีรอยฟกช้ำเต็มตัวไปหมด นี่หมอนี่รอดมาได้ยังไงเนี่ย...สภาพไม่ต่างจากศพเลยสักนิด...
ลูฟี่สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่เต้นผิดจังหวะจากอกด้านซ้ายของอีกฝ่ายผ่านมือบางของตน ถึงแม้จะมีผ้าขนหนูสีขาวกั้นอยู่แต่มันก็เต้นแรงพอที่จะทำให้เขารู้สึกได้
ทำไมหัวใจของหมอนี่ถึงเต้นเร็วขนาดนี้นะ....จะเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย..? แต่ถึกๆแบบหมอนี่คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ขนาดโดนอัดซะน่วมขนาดนี้ยังไม่ตายเลยนี่ คิดได้อย่างนั้นก็เลือกที่จะไม่ถามออกไป
แหงล่ะ...ขืนถามไปมีหวังโดนดีดแบบบนรถอีกแน่ๆ
หลังจากจัดการเช็ดคราบเลือดตามแผงอกแกร่งและแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วลูฟี่ก็เปลี่ยนตำแหน่งไปเช็ดตามแขนของอีกฝ่ายแทน
โดยไม่ลืมที่จะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กในมือชุบน้ำอุ่นในกะละมังใบเดิมอีกครั้งเสียก่อน
จะว่าไปแขนของหมอนี่แน่นชะมัด...มีแต่กล้ามเนื้อแบบผู้ชายทั้งนั้นเลย...แตกต่างจากแขนของเขาสุดๆเลยล่ะ...ถ้าจะให้พูดเพราะๆหน่อยก็แขนบาง
แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆก็แขนแห้งๆนั่นแหละ...
“เรียบร้อย...” ลูฟี่พูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นยิ้มยิงฟันกว้างพลางหัวเราะให้อีกฝ่ายตามแบบฉบับเจ้าตัว
“ทีนี้ก็..ตรงหน้าสินะ”
ลอว์มองคนร่างเล็กกว่าโดยไม่พูดอะไร
เอาล่ะ...เช็ดหน้าแล้วก็เป็นอันเสร็จสรรพสินะ
แล้วก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำแผลเอง...ก็ลูฟี่ทำแผลไม่เป็นนี่..อย่างน้อยเขาก็ช่วยเช็ดตัวให้ล่ะนะ
เพราะว่าเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งในสงครามบ้าดีเดือดนี่เหมือนกัน...
ลูฟี่เริ่มจากคิ้วของอีกฝ่ายก่อน
เขาค่อยๆยกผ้าขนหนูขึ้นซับเลือดจากหางคิ้วที่แตกจนไหลอาบแก้มของอีกฝ่าบเบาๆ
ทันทีที่ผ้าขนหนูถูกแตะลงบนแผลของคนตัวสูงกว่าเขาก็สะดุ้งนิดๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับมา...นึกว่าจะถูกดุซะอีก...
ลูฟี่ได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายใกล้ๆอีกครั้ง
และพบว่าไม่ว่าเขาจะมองมาที่ใบหน้าคมปลาบของอีกฝ่ายอีกกี่ครั้ง ใบหน้าของคนตรงหน้าก็ยังคงดูดีไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย...
ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาสีเทาหินโมราคู่สวยที่มองกี่ทีก็เหมือนต้องมนต์สะกด
จมูกโด่งเป็นสันเข้ากับใบหน้าเรียว ริมฝีปากบางได้รูปสีซีดที่ถูกแต้มด้วยคราบเลือดสีแดงฉาน...ทุกอย่างลงตัวกันได้อย่างน่าประหลาด
แม้แต่เรือนผมสีดำขลับธรรมดาๆของเขายังเข้ากับใบหน้าได้รูปนั่นอย่างดี
มือบางของลูฟี่เลื่อนลงมายังจมูกโด่งเป็นสันของอีกฝ่ายแล้วเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจากโพรงจมูกด้านซ้ายอย่างนุ่มนวล
โดยไม่ลืมที่จะเช็ดคราบเลือดที่ไหลอาบแก้มเนียนของอีกฝ่ายให้เรียบร้อยเสียก่อน
เมื่อเช็ดจมูกเป็นอันเสร็จสรรพก็เลื่อนลงมายังริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายต่อ
เขาบรรจงเช็ดคราบเลือดบนริมฝีปากสีซีดที่บัดนี้ถูกระบายด้วยสีแดงจากเลือดอย่างแผ่วเบา
อา...เห็นริมฝีปากของหมอนี่แล้ว
ทำไมจู่ๆก็ใจเต้นขึ้นมานิดๆนะ...แถมยังรู้สึกร้อนขึ้นมาด้วย...
“เอาล่ะ
เรียบร้อยแล้ว”
ลูฟี่หัวเราะนิดๆพลางผละออก
เขามองไปยังซาชิที่ยังคงสาละวนกับการเช็ดตัวให้เพนกวิ้นและจีนบาร์ทโดยไม่พูดอะไร
อืม...ดูเหมือนหมอนั่นจะยังเช็ดไม่เสร็จแฮะ..
ลูฟี่หันกลับมามองลอว์อีกครั้งแล้วส่งยิ้มให้
เมื่อหน้าที่ของเขาหมดลงแล้วก็ยันตัวลุกขึ้นแล้วตรงไปทิ้งก้นลงบนเตียงนุ่มของอีกฝ่าย
ในเมื่อทำแผลไม่เป็นก็นั่งแกว่งขาไปมาดูคนอื่นเขาทำแผลนี่แหละ...
ลอว์และเพนกวิ้นเริ่มทำแผลให้ตัวเองอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร
ส่วนซาชิก็ยังคงวุ่นกับการเช็ดตัวให้กับจีนบาร์ท
ฝ่ายลูฟี่ที่เห็นทั้งสี่คนเริ่มทำแผลก็ไม่อยากจะเข้าไปวุ่นวายจึงตัดสินใจจะนั่งดูอยู่เงียบๆ
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...ชักจะหิวแล้วสิ...
“เน่...โทราโอะ
ฉันหิวแล้วอ่ะ” ว่าพลางกุมท้องตัวเองที่เริ่มส่งเสียงร้องด้วยความหิว
“ห้องฉันไม่มีของกินหรอกนะ”
ลอว์ว่าพลางถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆเป็นเหตุให้ลูฟี่ยู่หน้าเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
ถ้าไม่มีของกินแล้วจะมีห้องครัวกับไอตู้เย็นนั่นให้เปลืองค่าไฟทำมะเขืออะไรล่ะ... “ลองไปหาแถวๆนั้นดูแล้วกัน
น่าจะมีขนมอยู่บ้าง”
ว่าจบก็ชี้นิ้วเรียวไปยังมุมห้อง ลูฟี่หันไปตามที่นิ้วเรียวของอีกฝ่ายชี้ก่อนจะพยักหน้างึกๆแล้วเด้งตัวออกจากเตียงตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่มุมห้อง
ลูฟี่จัดการเปิดตู้เย็นก่อนเป็นอันดับแรก
สิ่งที่เขาเจอในตู้เย็นมีเพียงน้ำเปล่าไม่กี่ขวดและขวดยาเยอะแยะเต็มไปหมด...เริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะว่าหมอนั้นซื้อตู้เย็นมาทำไม
ว่าแล้วก็มุ่ยหน้าใส่ตู้เย็นไปหนึ่งทีแล้วปิดมันลง
เขาหันไปสนใจตู้ติดผนังและตู้ในเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่ข้างๆแทน เขารื้อๆค้นอยู่สักพักก็กลับมาที่เตียงพร้อมกับถุงขนมในมือ
สิ่งที่เขาได้กลับมาคือมันฝรั่งทอดห่อใหญ่หนึ่งห่อ
และขนมขบเคี้ยวอย่างอื่นอีกสองห่อ
เขาหย่อนก้นตัวเองลงนั่งขัดสมาธิบนเตียงอีกครั้งแล้วเริ่มแกะห่อขนมในมือก่อนจะส่งมันเข้าปากแล้วเคี้ยวหยุบๆ
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
มีเพียงเสียงเคี้ยวมันฝรั่งทอดจากลูฟี่เท่านั้นที่ดังอยู่เป็นเพื่อนกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่
ลอว์ทำแผลโดยไม่พูดอะไร เพนกวิ้นและซาชิด็ช่วยจีนบาร์ททำแผลโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน
ลูฟี่เองก็กินขนมอยู่เต็มปากจนไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน...จะว่าไปห้องของหมอนี่ไม่มีของกินเลยจริงๆนั่นแหละ
จะมีก็แค่กาแฟผง คนอะไรกินแต่กาแฟ...ถึงจะไม่แน่ใจว่าในครัวมีอะไรรึเปล่าแต่ดูท่าแล้วคงไม่มีแหงๆ...แล้วหมอนี่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้นะ...
“นี่
โทราโอะ ทำไมห้องนายถึงไม่มีอะไรกินเลยล่ะ? นายไม่กินข้าวหรอ?”
ลูฟี่ถามในขณะที่ยังเคี้ยวขนมอยู่เต็มปาก “หรือนายกินอย่างอื่นเป็นอาหาร?”
เช่นพวกหนังสืออะไรประมาณนั้น...
“ปกติฉันกินข้าวข้างนอก”
ลอว์ตอบแบบห้วนๆตามแบบฉบับเจ้าตัว หลังจากนั้นห้องก็ตกสู่ความเงียบอีกครั้ง
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับหัวหน้า
บ๊ายบาย...หมวกฟางไว้เจอกันใหม่นะ”
“ขอตัวก่อนนะ”
“ว้า...น่าเสียดายจัง
นึกว่าจะได้อยู่ต่ออีกหน่อยแม้ๆ งั้น..ไปละนะ หมวกฟาง หัวหน้า”
หลังจากทำแผลเสร็จซาชิ
จีนบาร์ท และเพนกวิ้นก็บอกลาทั้งสองแล้วเดินออกจากห้องไป
ทิ้งให้ลูฟี่อยู่กับลอว์เพียงลำพัง
ลูฟี่หันไปมองลอว์ที่กำลังสาละวนกับการเก็บเครื่องมือปฐมพยาบาลอยู่
เมื่อเขาเก็บเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องเล็กๆอีกห้องที่เขาเคยเข้าไปเอามันมาก่อนหน้านี้โดยมีลูฟี่เดินตามต้อยๆราวกับลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด
พอมาถึงที่หมายลูฟี่ก็ได้เห็นว่าห้องนี้มีอุปกรณ์การแพทย์และยาเยอะแค่ไหน
ซึ่งเขาก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่...ก็เพราะอีกฝ่ายเรียนแพทย์นี่
ลอว์เก็บกล่องปฐมพยาบาลให้เข้าที่เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้น
ฝ่ายลูฟี่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกจากห้องก็รีบสาวเท้าตามก้นอีกฝ่ายออกมาอย่างไม่ห่าง
“เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน”
ลอว์พูดห้วนๆ
“ชิชิชิ
นายไปส่งฉันตั้งหลายรอบแล้วนี่นะ” ลูฟี่ว่าพลางหัวเราะพลาง “ขอบใจนะ”
ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายอีกครั้ง
“...”
ลอว์มองคนตัวเล็กกว่าโดยไม่พูดอะไร
เขาเอื้อมมือหนาของตัวเองไปจับแก้มใสของอีกฝ่ายเบาๆ นัยน์ตาสีเทาหินโมราคู่สวยจ้องใบหน้าหวานของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
ลูฟี่สะดุ้งนิดๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นมือมาแตะที่แก้มของตนแต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
เขากระพริบตาปริบๆมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงงๆ แต่ในใจก็แอบรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
อือ..มือของหมอนี่อุ่นชะมัด...อยากจะเอาหน้าซุกไซ้กับมือหนาของอีกฝ่ายมากกว่านี้...
“ไอหมอนั่นไม่เลิกราง่ายๆแน่”
ลอว์โพล่งขึ้นเรียกสติลูฟี่ให้กลับมาอีกครั้ง
เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัยแต่ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากพูดอะไรก็ถูกอีกฝ่ายชิงพูดเสียก่อน
“ฉันจะฝากมาร์กไว้กับนาย”
เขาพูดพลางลูบมือหนานั่นกับแก้มเนียนของอีกฝ่าย “หมอนั่นจะได้ไม่มายุ่งกับนายอีก”
“ห..หา?”
พูดจบก็กดร่างบางของอีกฝ่ายให้ฝังลงกับเตียงนุ่มของตนทันทีก่อนจะเอื้อมมือมาที่กระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อหวังจะปลดมันออกแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นรอยแดงจ้ำๆที่คอของอีกฝ่าย
รอยนั่น...ไม่ใช่ของเขา
“รอยนี่ไม่ใช่ของฉัน”
เขาเอามือแตะเบาๆตรงรอยแดงที่คอของอีกฝ่าย
“หือ?
รอยนี่น่ะหรอ...ไอเม่นทำไว้น่ะ แต่ฉันไม่เป็นอะไรหรอก..อ๊ะ! ท..โทราโอะ”
ไม่ทันที่ลูฟี่จะพูดจบอีกฝ่ายก็โน้มตัวลงมาตรงซอกคอของเขาแล้วประทับริมฝีปากลงบนรอยแดงที่ชายแปลกหน้าทำไว้อย่างอ่อนโยน
หัวใจของลูฟี่เริ่มเต้นไม่เป็นส่ำอีกครั้ง
เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ตีขึ้นมาบนใบหน้าจนต้องหลับตาไว้แน่น
แพขนตางอนยาวของลูฟี่ประกบกันเป็นสีเข้ม
พวงแก้มใสถูกระบายด้วยสีแดงระเรื่อไปจนถึงใบหู
มือบางก็เผลอบีบไหล่ของอีกฝ่ายไว้แน่นอย่างห้ามไม่ได้
มือคู่หนาสีแทนอันซุกซนของลอว์ปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายได้สำเร็จอย่างรวดเร็วในขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ...
เผยให้เห็นเนินอกขาวๆและรอยจ้ำแดงๆที่มีตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงหน้าอกบางของอีกฝ่าย มือหนาอันซุกซนคู่เดิมของเขายังคงลูบไล้ไปตามเรือนร่างของอีกฝ่ายด้วยความปรารถนา
ริมฝีปากได้รูปยังคงจูบโลมไปตามซอกคอของอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดยั้ง
ลอว์สัมผัสได้ถึงเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตามใบหน้าและไรผม
ความร้อนที่ถาโถมเข้ามาจนร่างแทบระเบิด แถมกางเกงของเขายังรู้สึกคับขึ้นมาอีกต่างหาก...
“โอ๊ย!”
ลูฟี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนจากการจูบอย่างอ่อนโยนเป็นการฝังเขี้ยวลงไปบนเนื้อของเขาแทน
“’โทษที”
ลอว์เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายก่อนจะฝังจมูกโด่งเป็นสันของตัวเองลงบนแก้มนุ่มของอีกฝ่ายแล้วสูดเอากลิ่นหอมทั้งหมดเข้าปอดราวกับกลัวว่ามันจะจางหายไปเสียตรงนั้น
หอมชะมัด...อยากจะกลืนกินหมอนี่เข้าไปทั้งตัว
ไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่นเลยทั้งนั้น...
ลอว์ก้มลงไปกัดที่ซอกคอของอีกฝ่ายอีกครั้ง
จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากได้รูปค่อยๆเคลื่อนลงมายังเนินอกขาวๆของอีกฝ่ายแล้วบรรจงฝังเขี้ยวลงบนอกบางของอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา
ลูฟี่สะดุ้งเฮือก
แขนบางๆที่บีบไหล่ของอีกฝ่ายไว้แน่นพยายามจะดันตัวอีกฝ่ายออก
แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเขาจะถูกสูบไปเสียหมดแล้วน่ะสิ...
จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายยังคงกดแนบแน่นกับผิวกายของลูฟี่
ลูฟี่รู้สึกร้อนไปทั่วทั้งตัว ทุกครั้งที่โดนคนตรงหน้าสัมผัสเขาจะรู้สึก..เหมือนร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง
แต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็แอบรู้สึกดีไปด้วยนิดๆ
แต่เรื่องแบบนี้มันคงจะเร็วไปหน่อยสำหรับคนอย่างลูฟี่ล่ะนะ...
“พ..พอ..พอได้แล้ว
โทราโอะ...”
พองั้นหรอ..?
ไม่พอ...ยังไม่พอ แค่นี้น่ะยังไม่พอหรอก
เขาอยากได้มากกว่านี้...อยากครอบครองร่างของคนคนนี้ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ดวงตากลมโตคู่สวยคู่นั้น
ผิวกาย ยอดอกสีชมพูที่กำลังตั้งชูชัน ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูระเรื่อ จมูกเล็กๆ
ใบหูน่าอร่อย ซอกคอขาวๆ
ทั้งหมด...ทั้งร่างกายและหัวใจของคนคนนี้...เขาอยากจะครอบครองมันทั้งหมด
แค่นี้น่ะ ยังไม่เข้าใกล้กับคำว่า ‘พอ’
ของเขาเลยสักนิด
ลอว์เงยหน้าขึ้นมาประกบริมฝีปากได้รูปของตัวเองลงกับริมฝีปากอวบอิ่มของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
เปลือกตาสีน้ำนมของลูฟี่ประกบเข้าหากันช้าๆให้แพขนตางอนยาวทับกันอีกครั้ง หัวใจของเขายังคงเต้นรัวไม่เป็นส่ำไม่ได้ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย...รู้สึกดีจัง...
การได้อยู่กับคนคนนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น อบอุ่นเหลือเกิน...คนอื่นอาจมองว่าเขาเป็นเพียงคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ลูฟี่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่านดวงตาสีเทาหินโมราคู่นั้น ผ่านมือหนาสีแทนของเขา ผ่านสัมผัสของเขา ผ่านทุกการกระทำของเขา
อบอุ่นชะมัด...
ลอว์ผละจูบออกอย่างติดเสียดายนิดๆ น้ำใสๆที่ยืดติดกับริมฝีปากทั้งสองขาดออกเป็นเหตุให้มันมาติดอยู่ที่คางแทน ลูฟี่ยกแขนขึ้นเช็ดน้ำเหนียวๆที่คางของตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเสียยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก
“หมอนั่นทำอะไรนายอีก”
ลูฟี่สะดุ้งนิดๆเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็โพล่งขึ้น
“อ..เอ่อ..ก็กัดหู..อ๊ะ! ท..โทราโอะ!”
ทันทีที่ลูฟี่พูดจบลอว์ก็โน้มตัวลงฝังเขี้ยวตัวเองลงบนใบหูเล็กๆดูน่าอร่อยของอีกฝ่ายเบาๆ อื้อ..ร้อน...ร้อนจนตัวแทบระเบิดแล้ว
“อ..อื้อ! โทราโอะ พ..พอได้แล้ว”
ลูฟี่รวบแรงทั้งหมดที่มีผลักไหล่เปลือยเปล่าของอีกฝ่ายออกเบาๆ
ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมผละออกแต่โดยดีโดยไม่ลืมที่จะติดกระดุมเสื้อคืนให้คนร่างเล็ก
ลูฟี่เด้งตัวขึ้นนั่ง
ใบหน้าของเขายังคงร้อนผ่าวราวกับมีคนเอาไฟมาลนไว้ข้างแก้ม หัวใจของเขาก็ยังเต้นเร็วไม่เป็นส่ำจนแทบทะลุออกจากอกเสียตรงนั้น
เขามองแผ่นหลังเปลือยเปล่าอีกฝ่ายที่กำลังเดินตรงไปยังโซฟายาวสีดำอย่างเงียบๆ
ลอว์หยิบเสื้อของตัวเองขึ้นมาสวมแล้วหยิบกุญแจที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกใสขึ้นมาใส่ประเป๋ากางเกงก่อนจะหันกลับมามองอีกฝ่าย
“จะกลับไหม
บ้านน่ะ”
“อ..อื้อ”
ว่าจบลูฟี่ก็รีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามก้นอีกฝ่ายออกจากห้องติดๆโดยไม่พูดอะไร
ลอว์เดินนำลูฟี่ไปตามทางเดินอย่างเงียบๆ
อา..อีกนิดเดียว..เกือบไปแล้วสิ...ถ้าเมื่อกี้เขาควบคุมตัวเองไม่ไหวล่ะก็แย่แน่ๆ ลอว์ยกฝ่ามือหนาขึ้นกุมขมับของตัวเอง ใบหน้าของเขายังคงร้อนผ่าว และเขายังสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ยังคงชุ่มไปทั่วทั้งไรผมแม้จะสวมหมวกอยู่ก็ตาม รวมทั้ง...กางเกงที่รู้สึกคับขึ้นมาดื้อๆด้วย...
ทั่วทั้งทางเดินเงียบสงัดเสียจนลูฟี่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาเพราะกลัวเสียงหายใจของตัวเองจะไปรบกวนชาวบ้านในห้องอื่นๆเข้า...แหงล่ะ
ก็เงียบซะขนาดนี้ แม้แต่เสียงจิ้งหรีดหรือเสียงอึ่งอ่างร้องยังไม่มีด้วยซ้ำ...
หัวใจของลูฟี่ยังเต้นรัวไม่เป็นส่ำจนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยง
ใบหน้าของเขายังร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู
ลูฟี่เห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นกุมขมับแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะถามออกไป
ในสถานการณ์ที่อึดอัดแบบนี้เขากลับไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย...เขาเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายเท่านั้นเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
อืม...หมอนั่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ จะโกรธเขารึเปล่า?
19.18 น.
ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าๆแล้ว
พี่ชายของลูฟี่เพิ่งโทรมาหาเขาเมื่อกี้
เป็นเหตุให้เขาโดนบ่นไปชุดใหญ่เรื่องกลับบบ้านค่ำ...แต่พอเขาบอกว่ากำลังกลับพี่ชายของเขาก็บ่นใส่เล็กน้อยแล้วก็ตัดสายไปดื้อๆจนลูฟี่มุ่ยหน้าใส่สาร์ทโฟนในมือของตน
ลูฟี่นั่งอยู่บนรถฝั่งที่นั่งคนขับข้างๆลอว์
หลังจากเหตุการณ์ในห้องของอีกฝ่ายที่ผ่านมาก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย
รู้สึก..อึดอัดชะมัด อยากจะชวนคุย..แต่ในเวลาแบบนี้กลับนึกเรื่องที่จะคุยไม่ออก
ทีในตอนที่ไม่อยากจะคุยล่ะผุดขึ้นมาเป็นพันๆเรื่อง...
“คราวหน้าก็ระวังตัวด้วยล่ะ
ไม่มีคนสติดีที่ไหนเข้าไปในซอยนั้นหรอก...”
เสียงทุ้มต่ำของลอว์ทำเอาลูฟี่สะดุ้งนิดๆ เขาหันไปมองหน้าอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร “ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ช่วยนายไปได้ตลอดหรอกนะ...”
“อ..อื้อ!
รูแล้วน่า!” ลูฟี่มุ่ยหน้าใส่อีกฝ่าย “แต่ก็...ขอบคุณนะที่ช่วยฉันไว้น่ะ
ไม่อย่างนั้นป่านนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้..แถมนายยังช่วยฉันไว้หลายเรื่องเลยด้วย”
ลูฟี่พูดโดยไม่สบตาอีกฝ่าย
การสบตากับอีกฝ่ายตรงๆมันยากเกินไป...เพราะทุกครั้งที่นัยน์ตาสีเทาหินโมราคมปลาบคู่นั้นมองมาที่เขาทีไรก็เป็นเหตุให้นัยน์ตาสีรัตติกาลของเขากลอกหนีทุกที
การไม่สบตาตรงๆจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะคิดอะไรแบบเขาน่ะนะ...
ไม่นานรถบีเอ็มสีดำก็มาจอดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านของลูฟี่
เขาขอบคุณอีกฝ่ายอีกรอบแล้วลงจากรถ ลอว์ไม่ได้ตอบอะไรเขารอให้อีกฝ่ายเข้าบ้านไปเสียก่อนแล้วบึ่งรถออกจากตรงนั้น
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านเขาก็พบกับพี่ชายที่กำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจในชุดนอนสีเลือดหมูพร้อมกับเคี้ยวขนมหยุบๆ
ทันทีที่เห็นร่างของน้องโผล่เข้ามาในบ้านก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงมาหาลูฟี่ด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด
“กลับบ้านค่ำ!”
“โอ๊ยๆๆๆ! มันเจ็บนะ!
พี่บ้า!” ลูฟี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกผู้เป็นพี่ดึงใบหูบางๆอย่างรุนแรง
“แล้วใครใช้ให้กลับบ้านค่ำล่ะ! รู้ไหมว่าคนเป็นห่วงแค่ไหนน่ะ!”
“รู้แล้วๆ! บ่นเป็นป้าไปได้!” ลูฟี่ปัดมืออีกฝ่ายออกพร้อมกับแลบลิ้นใส่ “เป็นปู่การ์ปสองรึไง”
“แกว่าไงนะ! ไอน้องบ้า!”
แน่นอน..ว่าลูฟี่ไม่ได้อยู่ต่อให้พี่ชายของเขาทำร้ายเขาต่อหรอกนะ...เขารีบวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเองแล้วปิดประตูเสียงดังอย่างจงใจให้ผู้เป็นพี่ได้ยิน
“เฮ้อ...นึกว่าจะไม่รอดซะแล้วสิ...”
ลูฟี่พึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะโยนกระเป๋าเผ้สีแดงดำลงบนพื้นข้างโต๊ะเขียนหนังสือและทิ้งตัวลงฝังร่างบางๆของตัวเองให้จมลงกับเตียงนุ่ม
พลิกตัวนอนหงายมองสติ๊กเกอร์เรืองแสงบนเพดานอย่างเหม่อลอย
อา...ชวนให้นึกถึงกลิ่นของหมอนั่นชะมัด..
ว่าแล้วก็รีบเด้งตัวขึ้นเตรียมตัวอาบน้ำ
ลูฟี่จัดการถอดเนกไทจากเครื่องแบบนักเรียนของตัวเองออกแล้วโยนมันใส่ตะกร้าผ้าที่วางอยู่ข้างๆ
เท้าเล็กๆก็พาตัวเองตรงไปยังห้องน้ำ
เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อตรวจสอบว่ายังมีอะไรหลงเหลืออยู่ในกระเป๋าของเขาหรือเปล่า...ก่อนที่มันจะไปอยู่ในเครื่องซักผ้า
แบบโทรศัพท์สองเครื่องที่แล้ว...หรือเงินเกือบสองหมื่นเย็น...ไม่งั้นมีหวังโดนเอสกับปู่การ์ปฆ่าตายแหงๆ
“เอ๊ะ”
แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะเป็นเส้นๆในกระเป๋าของเขาทั้งๆที่มันควรจะเป็นสัมผัสสากๆจากกระดาษของธนบัตรหรือสัมผัสเย็นๆของโลหะจากสมาร์ทโฟน
ลูฟี่หยิบมันขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ
แล้วดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างเมื่อพบว่ามันเป็นจี้ทองอันแสนคุ้นเคยที่มีเพชรรูปหัวใจอยู่ตรงกลาง
จี้ฮาร์ท...
- to be continue -
สวัสดีค่ะ รีดเดอร์ทุกท่าน=w=" กลับมาหลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ยังไม่ตายนะคะ...แค่หลับสบายไปหน่อย(?) รู้สึกตอนนี้ncนิดๆอะ5555 #ผิดมหันต์ //หลบเท้ารีดเดอร์
ช่วงนี้ติดทัมเบลอหนัก นั่งวาดรูปทั้งวันวันๆไม่ทำอะไรเลยค่ะ แอ่ฟ---
ไม่มีอะไรจะพูดอ่ะค่ะ ฟฟฟ;w; #ผิด ยังไงอ่านกันแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นท์ กดติดตาม หรือกดแชร์ เพื่อเป็นให้กำลังใจกันด้วยนะคะ <3 สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนนะคะ=w=" เดี๋ยวรอบหน้าอัพตอนใหม่เนอะ <3
ความคิดเห็น