คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 0
- Chapter 0 -
“ลูฟี่!! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!”
เสียงตะโกนทุ้มต่ำแบบผู้ชายดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตู..ไม่สิ
จะเรียกว่าเคาะก็คงไม่ถูกซะทีเดียว คงต้องเรียกทุบซะมากกว่า เพราะขืนยังไม่หยุดประตูคงได้พังลงมาเสียจริงๆ
จะเรียกอะไรก็ช่าง แต่เสียงนั่นทำให้เด็กหนุ่มผมดำขลับเจ้าของดวงตากลมโตที่ใต้ตาข้างซ้ายถูกประดับด้วยรอยแผลเป็นรู้สึกรำคาญระคนหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนสิ
เพราะในช่วงปิดเทอมที่แสนจะสุขสบายแบบนี้เขาควรจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างอิ่มหนำสำราญใจแทนการที่ต้องมาตื่นด้วยเสียงทุบประตูจากพี่ชายของตัวเองแบบนี้
คงจะไม่ใช่การปิดเทอมที่ใครหลายๆคนใฝ่ฝันสักเท่าไหร่
เด็กหนุ่มที่บัดนี้นอนแผ่กายอยู่บนเตียงกว้างได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจทว่าเขารู้ดี
หากยังไม่ตอบอะไรสักอย่างกลับไป
มีหวังพี่ชายของเขาจะต้องพังประตูและบุกเข้ามากระชากคอเขาถึงในห้องแน่...
“อือ....นายจะรีบปลุกฉันไปไหนเนี่ย
นี่มันปิดเทอมนะ” ลูฟี่ครางต่ำๆในลำคอ ดวงตากลมโตยังคงปิดสนิท
“นี่มันจะสี่โมงเย็นแล้วนะ! ยังจะมาพูดอีก
ถ้าปู่การ์ปรู้เข้าล่ะก็นายตายอย่างเขียดแน่!”
นี่ก็จะโดนฆ่าอยู่แล้วไม่ใช่รึไง
“รู้แล้วน่า...”
นั่นเป็นบทสนทนาสุดท้าย
ไม่มีใครพูดอะไรอีก ทั้งสองทิ้งให้ความเงียบเกาะกุมอยู่ชั่วขณะไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ
ก่อนที่เสียงฝีเท้าของผู้เป็นพี่จะดังขึ้นและไกลออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หายไป
ปล่อยให้ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
เปลือกตาหนักอึ้งเปิดขึ้นช้าๆ
เผยให้เห็นนัยน์ตากลมสีสีนิลทอประกายราวกับท้องฟ้ายามราตรีที่ถูกประดับด้วยดวงดาวนับล้าน
ลูฟี่นอนแผ่กายฝังร่างตัวเองลงกับเตียงนุ่มดวงตาคู่สวยเหม่อมองเพดานที่คุ้นตา
ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัส
เมื่อปรับโฟกัสได้แล้วก็กลอกตากลมโตคู่สวยมองนาฬิกาปลุกดิจิตอลที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียงก็พบว่าบัดนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆใกล้จะสี่โมงแล้วตามที่พี่ชายเขาบอกจริงๆ
แต่เขาก็ยังไม่อยากจะลุกออกจากเตียงนุ่มๆอุ่นๆของตัวเองไปไหน
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ...แต่ชักจะหิวแล้วสิ
ก็แน่นอนล่ะ นอนมาทั้งวันยังไม่ได้แตะของกินแม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ำ
ลูฟี่ยกมือเรียวบางข้างหนึ่งขึ้นมาจับท้องตัวเองเบาๆ
พลางคิดว่าวันนี้พี่ชายเขาจะทำอะไรให้กินบ้าง อา..แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว
คิดได้อย่างนั้นก็รีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง
มือบางๆก็พลางความหารีโมทเครื่องปรับอากาศเพื่อที่จะปิดมัน
ก่อนจะหมุนปลายเท้าไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการภารกิจส่วนตัว
ลูฟี่เดินลงบันไดตรงไปยังห้องครัวในชุดนอนชุดเดิม
เมื่อไปถึงก็พบกับพี่ชายตัวเองนั่งจิ้มไอแพดอยู่ที่โต๊ะอาหาร
ตรงหน้ามีโกโก้ร้อนเพียงครึ่งแก้วที่หายร้อนแล้ววางอยู่บนจานรองกับช้อนคน
ลูฟี่ไม่ได้พูดอะไร
เขาตรงปรี่ไปยังตู้เย็นก่อนจะเปิดมันออกพลางกวาดสายตาหาของกิน
มีนมช๊อคโกแลตที่เหลืออยู่ก้นขวด เนื้อสัตว์ที่ยังเหลืออยู่นิดๆหน่อยๆ เหยือกน้ำส้มคั้น
และอาหารอื่นๆที่ควรจะมีติดครัวเรือน แต่ที่ห้องครัวนี้ไม่มีคือ...ผัก
ที่น่าสนใจและดึงดูดลูฟี่ได้มากที่สุดก็คือน้ำส้มคั้นสีส้มในเหยือกแก้วใสใบใหญ่
เดาว่าพี่ชายที่แสนดีของเขาคงจะคั้นทิ้งไว้แน่ๆ
คิดอย่างนั้นก็รู้สึกรักพี่ชายตัวเองขึ้นมาเลย
แขนบางๆดูอ้อนแอ้นยื่นไปจับเหยือกน้ำส้มคั้นก่อนจะเทใส่แก้วแล้วกระดกดื่มไปอึกใหญ่
“อา
สดชื่นชะมัด”
“จะว่าไปช่วงนี้นายเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องตั้งแต่ปิดเทอมวันแรกเลยนะ
จะโผล่หัวออกมาแค่ตอนหิวเท่านั้น”
ผู้เป็นพี่พูด
นัยน์ตาสีดำสนิทยังจับจ้องไปที่หน้าจอไอแพดอย่างใจจดใจจ่อ
ทว่าใบหน้าตกกระที่เผยออกมากลับกำลังบอกว่าเหนื่อยใจกับน้องชายที่แสนจะไม่เอาไหนของตนสุดๆ
“ไปออกกำลังกายกับฉันที่สวนสาธารณะเลย”
“เอ๊ะ”
“ไปเปลี่ยนเสื้อซะ
แล้วก็ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย”
“ไม่เอาอ่ะ
ฉันไม่อยากไป”
ลูฟี่ค้านหัวชนฝา
ใบหน้าเหยเกบ่งบอกว่าไม่อยากไปอย่างเห็นได้ขัด
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากลากขาบางๆของตัวเองไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่ผู้เป็นพี่สั่ง
ทั้งๆที่ปิดเทอมแท้ๆ
ทำไมเขาต้องมาออกกำลังกายแบบนี้ด้วยนะ!
ถึงจะบ่นยังไงลูฟี่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งพี่ชายสุดโหดของตัวเองได้
สุดท้ายก็ถ่อมาถึงสวนสาธารณะจนได้แถมยังโดนเอสทิ้งไปเล่นบาสเก็ตบอลอีกฝั่งของสวนสาธารณะอีกต่างหาก
แล้วจะเรียกมาทำแมวอะไร...รู้อย่างนี้นั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่บ้านยังจะดีเสียกว่า
ลูฟี่ยืนพิงจักรยานที่ถูกเอสบังคับให้เอามาปั่นพลางกินไอศกรีมในมืออย่างไม่สบอารมณ์
แต่ถึงอย่างนั้นก็แอบเสียดายอยู่นิดๆที่อุตส่าห์แบกมาจากบ้านจะไม่ปั่นเลยก็กระไรอยู่...
สุดท้ายก็ตัดสินใจเขมือบไอศกรีมคำสุดท้ายแล้วขึ้นนั่งบนเบาะจักรยาน
มือบางๆเอื้อมไปจับหมวกฟางใบเก่าที่สะพายอยู่ที่คอขึ้นมาสวมด้วยความเคยชิน ก่อนมือเล็กๆคู่เดิมจะเปลี่ยนมาจับแฮนด์จักรยานแทน
เตรียมพร้อมที่จะปั่น
สองเท้าบางที่สวมรองเท้าแตะคีบธรรมดาๆปั่นจักรยานไปตามทาง
สายตาก็พลางสอดส่องหาร้านของกินตามประสาคนกินจุแบบเจ้าตัว
แต่ดูเหมือนจะไม่มีร้านไหนที่ขายขนมหรืออาหารเลย
ดูเหมือนจะมีแค่น้ำเปล่าธรรมดาๆกับอย่างอื่นที่ไม่ใช่ของกินเท่านั้น มองไปทางไหนก็ไม่มีจริงๆนั่นแหละ
ทว่าลูฟี่ยังคงไม่ถอดใจ
ดวงตากลมโตคู่สวยยังคงสอดส่องหาร้านของกินต่อไป
และดูเหมือนว่าเขาจะจดจ่อกับการหามากไปหน่อยจนลืมดูทาง
“เฮ้ย!”
เสียงอุทานทุ้มต่ำแบบผู้ชายดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียง
โครม เมื่อจักรยานที่ลูฟี่ปั่นไปชนเข้ากับคนแปลกหน้าเข้าอย่างจัง
ลูฟี่ลูบก้นตัวเองปอยๆพลางครางต่ำๆในลำคอด้วยความเจ็บ
เมื่อตั้งสติได้ก็มองหาคนแปลกหน้าที่ชนเมื่อกี้ และก็ได้พบเขาอยู่ใต้ร่างของเขา
ใช่แล้วล่ะ...เขานั่งทับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้อยู่
เขาเป็นผู้ชายผิวสีแทน
ผมสีดำขลับเหมือนลูฟี่ ตรงติ่งหูใส่ห่วงสีทองข้างละสองห่วง หนวดตรงคางเข้ากับใบหน้าเรียวได้รูปของเขาได้ดีอย่างน่าประหลาด
ดวงตาครบกริบกับนัยน์ตาสีเทาหินโมราชวนค้นหา และที่เป็นเอกลักษณ์เด่นกว่านั้นคือรอยสักของเขาที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อผ้าที่สวมอยู่
ทั้งตรงแขน มือ เนินอก หรือแม้แต่ตรงนิ้ว
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ที่สำคัญคือตอนนี้ลูฟี่ทับเขาอยู่
พอได้สติเจ้าตัวก็สะดุ้งนิดๆก่อนจะรีบลุกขึ้นและเด้งตัวออกทันทีก่อนจะขอโทษขอโพยเขา
“อ๊ะ! ‘โทษทีนะ
นายเป็นอะไรรึเปล่า”
เสียงใสถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม
ทว่าร่างสูงไม่มีท่าทีจะสนใจแม้แต่น้อยเขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะปัดฝุ่นตรงกางเกงยีนส์รัดรูปสีน้ำเงินของตัวเอง
นั่นทำให้ลูฟี่ได้รู้ว่าตัวเองเตี้ยแค่ไหน ปกติก็เตี้ยที่สุดในชั้นอยู่แล้วเจอหมอนี่เข้าไปเขาแทบจะกลายเป็นแค่กอหญ้าสำหรับหมอนี่เลย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแถมยังทำท่าจะเดินหนีก็คิดไปว่าอีกฝ่ายโกรธ
“นี่
นายโกรธฉันหรอ? ฉันขอโทษ”
ร่างสูงหยุดฝีเท้าของตัวเอง
เขาเหลือบตามองลูฟี่ก่อนจะหลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจึงหันหลังกลับไปหาลูฟี่ ริมฝีปากเรียวบางขยับพร้อมๆกับเสียงทุ้มต่ำที่ถูกเปล่งออกมา
“ก่อนจะห่วงคนอื่นน่ะ
เอาเวลาไปห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าและเสียงที่เรียบนิ่ง เย็นชา แต่มันกลับเรียกความสงสัยจากลูฟี่ได้ไม่น้อย เขาเอียงคอฉงน มองคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอด้วยสายตางงงัน ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆเหมือนลูกแมวไร้เดียงสา คิ้วบางทั้งสองข้างเลิกขึ้นด้วยความสงสัย ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่ออ้าออกเล็กน้อย
ชายแปลกหน้ามองใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตน
ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆอีกหน คนอะไรไร้เดียงสาเสียจนซื่อบื้อ
ถึงจะไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่แต่ถ้าดูจากใบหน้าและส่วนสูงแล้วคงอายุน้อยกว่าเขาหลายปีทีเดียว
แต่ก็ไม่น่าจะซื่อบื้อขนาดนี้...
“หมวกฟาง-ยะ”
เพราะไม่รู้ว่าชื่ออะไรเรียกจากเอกลักษณ์เด่นไปก่อนแล้วกัน พูดจบก็ชี้นิ้วเรียวๆไปที่เจ้าตัว
“หือ?
มี’ไรอ่ะ”
ฝ่ายเจ้าตัวเมื่อถูกเรียกอย่างนั้นก็ดูจะไม่แยแสสักเท่าไหร่แถมยังตอบกลับแบบห้วนๆตามแบบฉบับเจ้าตัวด้วยใบหน้างงกว่าเก่า ก่อนจะก้มลงมองตามที่คนตรงหน้าชี้ ...เข่า?
“เข่านายถลอกทั้งสองข้าง ถ้าไม่รีบทำแผลจะอักเสบเอานะ”
- to be continue -
โย่^O^ สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอื่นนะคะ ต้องกล่าวคำว่า 'ขอโทษ' ตัวโตๆเลยค่ะT^T รู้สึกผิดมากที่ทิ้งเรื่องนี้ไปนานเพราะวิธีการเขียนเปลี่ยนค่ะเลยมานั่งรีไรท์อยู่ ตอนแรกก็ว่าจะรีไรท์ทีเดียวลงทีเดียวแต่มันหลายตอนมากค่ะ เลยว่าเอาลงทีละตอนๆน่าจะดีกว่า #ผิด แล้วก็มีคนมาเม้นท์ถามว่าจะอัพต่ออยู่ไหม บอกเลยค่ะรู้สึกผิดเต็มประตูเลยค่ะY_Y ทั้งชีวิตไม่เคยรู้สึกผิดขนาดนี้มาก่อนT_T(?)
ตอนแรกก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองเดินมาไกลขนาดนี้แล้วจะหันหลังกลับแล้วทิ้งเรื่องนี้ไว้ก็ดูใจร้ายเกินไปหน่อยT^Tเลยมานั่งรีไรท์อยู่นี่แหละค่ะ=_=;;
ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะคะ กำลังเคลียร์ๆเรื่องที่ดองไว้อยู่ค่ะ ยิ่งช่วงนี้ก็งานเยอะด้วยTOT วันอังคารก็จะสอบแล้วTwT อาจจะลงช้าหน่อยนะคะ ช่วงปิดเทอมก็ไม่แน่ใจด้วยว่าจะได้อัพรึเปล่า ทางบ้านก็กำลังมีปัญหา
จะโกรธไรท์ก็ได้นะคะ แต่อย่าทิ้งกันไปก็พอT^T
สุดท้ายก็มีเรื่องจะบอกแค่นี้แหละค่ะ:) ขอบคุณนะคะที่ยังติดตามอ่านกันอยู่ อยู่กันแบบนี้ไปนานๆนะคะ ♥
ความคิดเห็น