ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic exo] How to get your (older) boyfriend {Chanyeol x Kai}

    ลำดับตอนที่ #8 : บันทึกคั่นหน้า บทที่ 2 น้องจงอิน ไปซื้อของกับ พี่ชานยอล

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 58


    บันทึกคั่นหน้า บทที่ 2

    น้องจงอินไปซื้อของกับพี่ชานยอล

     

     

            “จงอินเก็บของเสร็จรึยัง” เสียงทุ้มๆ ของชานยอลที่หน้าร้านดังขึ้นทำให้จงอินที่ก้มๆ เงยๆ เก็บของอยู่ด้านหลังร้านรีบส่งเสียงขานรับ จงอินเช็คดูประตูหลังร้านว่าได้รับการลงกลอนเรียบร้อย กวาดสายตาเช็คไฟทุกดวงและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในร้านว่าถูกปิดและถอดปลั๊กออกเรียบร้อยแล้วตั้งแต่หลังร้านเรื่อยมาถึงหน้าร้าน เขาจึงเดินออกจากตัวร้านเพื่อพบกับชานยอลที่วนรถมารอรับอยู่ก่อนแล้ว

            รถของชานยอลเป็นบิ๊กไบต์คันเก่าสีดำสภาพสมบุกสมบันแต่ดูสะอาดสะอ้าน จงอินมองมันด้วยแววตาทึ่งๆ รถเก่ามันดูเก๋ามากๆ บวกกับคนขับเป็นพี่ชานยอลด้วยแล้ว...

            อยากปาหัวใจใส่รัวๆ

            เขาพยายามข่มความเขินอายไว้ในส่วนลึกของจิตใจด้วยการก้มหน้าก้มตาเดินไปใกล้ชานยอลมากขึ้น ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นหวังจะแอบมองพี่ชายตัวสูงแต่ดันบังเอิญไปสบตาเข้ากับชานยอลเข้าอย่างจัง

            “เอ่อ... เอ่อ ปิดร้านเสร็จแล้วครับ” จงอินตอบอย่างเลิ่กลั่กพร้อมรีบก้มหน้าลงเพื่อซ่อนริ้วแดงจางๆ ข้างแก้มตนให้พ้นสายตาอีกคน

            “อ่อ อ่าไปกันเถอะเนอะ ไปแว๊นซ์กัน ฮ่าๆ” ชานยอลยิ้มและหัวเราะเต็มเสียงอย่างเป็นเอกลักษณ์ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคสีดำสนิทแล้วยื่นหมวกกันน็อคสีขาวให้จงอิน เขารับมันมาและใส่อย่างเชื่องช้าระมัดระวัง จงอินกำลังพยายามดันล็อคของหมวกกันน็อคให้เข้าที่แต่มันแข็งเกินกว่าที่เขาจะดันได้ มือใหญ่ๆ ของชานยอลจึงยื่นเข้ามาจัดและดันตัวล็อคจนเกิดเสียง กริ๊ก เบาๆ

            “ใบสีขาวตัวล็อคมันแข็งหน่อยน่ะ ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะว่าไม่ค่อยมีคนมานั่งซ้อนท้ายเจ้านี่สักเท่าไหร่” จงอินที่ยังช็อคไม่หายจากการแนบชิดสนิทเนื้อแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อครู่พยักหน้ารับงงๆ ก่อนจะขึ้นคร่อมซ้อนท้ายรถบิ๊กไบต์คันเก๋า ชานยอลสตาร์ทรถก่อนจะเร่งเครื่องให้ทะยานออกไปตามทาง

            “นี่จงอินรู้อะไรไหม” คนแก่วัยกว่าเอ่ยเสียงดังอู้อี้จากใต้หมวกกันน็อค แม้จะพอให้จงอินได้ยิน แต่ก็ยังดังไม่พอที่จะทำให้จงอินรู้ว่าชานยอลพูดอะไร

            “อะไรนะครับ ผมได้ยินไม่ชัด” จงอินตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้นผ่านกรอบหมวกและแข่งกับเสียงลมหวีดหวิว

            “รถน่ะ... เฉพาะ.... นะ” จงอินขวดคิ้วอย่างขัดใจ เพราะตั้งใจฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ชานยอลต้องการจะเอ่ย

            “เอาเถอะ ฮ่าๆ”

     

    ทีประโยคแบบนี้ล่ะได้ยินชัดเชียว จงอินล่ะเซ็ง - -.

     

     

     

     

           

            เจ้าบิ๊กไบต์คันใหญ่พาคนทั้งคู่มาหยุดที่ศูนย์การค้าเล็กๆ แห่งหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบถูกความมืดโรยตัวบดบังไปกว่าครึ่ง จงอินลงจากรถก่อนจะพยายามปลดล็อคหมวกกันน็อคเพื่อถอดออก เขาทั้งกดทั้งดันทั้งเขย่าอยู่นานก็ยังไม่เป็นผลจึงต้องถอดใจยอมแพ้ที่จะถอดเอง

            “พี่ชานยอลครับ คือ ผม... รบกวนช่วยถอดให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” แม้จะรู้สึกกระดากอายอยู่บ้างที่ต้องขอให้อีกคนช่วย แต่มันก็ยังดีกว่ามัวแต่อายแล้วต้องใส่หมวกกันน็อคเดินห้างกับพี่ชานยอลตลอดการมาซื้อของครั้งนี้

            “มาสิ” ชานยอลตอบอย่างใจดีก่อนจะประชิดตัวจงอินและกดปลดล็อคหมวกกันน็อคเจ้าปัญหาออกย่างง่ายดาย จนจงอินรู้สึกโมโหไอ้หมวกกันน็อคโปเกนี่ขึ้นมานิดๆ ทำไมพี่ชานยอลแตะนิดเดียวก็หลุด เขานี่ทั้งดึงทึ้งยังไงก็ไม่ยอมหลุด หมวกกันน็อคสองมาตรฐาน - -

            “จงอิน ถอดหมวกเสร็จแล้ว เฮ้! จงอินนนนนน” มือไหวๆ ที่สะบัดอยู่ด้านหน้าพร้อมตาโตๆ กับหน้าหล่อๆ ที่ยื่นเข้ามาใกล้ของปาร์คชานยอลทำให้จงอินสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดถือโทษหมวกกันน็อคนั้น และเริ่มหน้าแดงด้วยความเขินอายอัตโนมัติ

            ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหวจริงๆ ให้ตายเถอะ คิมจงอิน

            “เหม่อเชียว คิดไรอยู่ ไปได้แล้วๆ” แรงดึงไม่มากนักจากคนเป็นพี่ทำให้จงอินต้องออกเดินตาม คนหน้าง่วงกวาดสายตาไปรอบๆ ห้างอย่างไม่คุ้นเคย เพราะเขาไม่ค่อยชอบออกมาข้างนอกหรือสุงสิงกับที่ที่มีคนอยู่เยอะๆ เท่าไหร่นัก ที่นี่จึงถือเป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับจงอินพอสมควร

            “เอ่อ พี่ชานยอลครับ วันนี้เราจะมาซื้ออะไรกันหรอครับ”

            “อ้าว พี่ลืมบอกนายหรอ วันนี้เราจะมาซื้อของขวัญวันเกิดให้เจ๊ยูราน่าเลือดน่ะ” จงอินพยักหน้ารับแล้วได้แต่แอบคิดอย่างแปลกใจว่า ทำไมชานยอลต้องทำเหมือนการมาซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่ยูรานั้นลึกลับซับซ้อนมากมายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่บอกเขาตรงๆ ตั้งแต่ตอนกลางวันก็ได้ แต่ชานยอลกลับบอกเขาเพียงว่าเป็น เรื่องสำคัญ

            แม้จะสงสัยมากมายเพียงไหนแต่จงอินก็ไม่ใช่คนที่ช่างซักถามนัก หากชานยอลพอใจจะทำเช่นนี้ บอกแค่นี้ เขาก็คงไม่ไปคาดคั้นเอาความอะไรจากพี่ชายตัวโย่ง

            “จงอินนา ทำไมเหม่อแบบนี้ เดี๋ยวก็หลงกันหรอก!” เสียงทุ้มๆ ที่เอ่ยเป็นเชิงดุหน่อยๆ ดังขึ้นตามมาด้วยสัมผัสอุ่นๆ จากผิวเนื้อที่ทาบทับลงบนมือของจงอิน เขาเบิกตากว้างอย่างลืมตัว มองมือของชานยอลที่เอื้อมมาฉวยมือของเขาไปจับตาไม่กระพริบ

            อะไรคือจับมือ

    อะไรคือจับมือ

    อะไรคือจับมือ

    อะไรคือจับมือ

     

    บางทีคิมจงอินก็อยากจะเกลียดปาร์คชานยอล.... ที่ขยันมาทำให้หัวใจที่เต้นรัวอยู่แล้วของเขาเต้นผิดจังหวะมากขึ้นทุกทีๆ

     


     

     

     

     

    จงอินเดินตาค้างตัวแข็งทื่อตามแรงจูงมาถึงร้านขายเครื่องประดับเล็กๆ ร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ในโซนพลาซ่าของห้าง ดูจากการตกแต่งของร้านและสินค้าที่โชว์อยู่ จงอินคิดว่าช่างเป็นร้านที่น่าเข้าไปจับจ่ายใช้เงินเสียจริงๆ

    ภายในร้านเล็กๆ มีตู้ไม้ที่ภายในมีสร้อย แหวน และตุ้มหูหลากหลายแบบวางเรียงรายอยู่ โซนหนึ่งเป็นเครื่องประดับสไตล์ผู้หญิงที่ประดับด้วยพลอยน้ำดีหลากสี ส่วนอีกโซนหนึ่งเป็นเครื่องประดับแบบผู้ชายจำพวกสร้อยวินเทจ สร้อยหนัง สายรัดข้อมือ สร้อยทองเหลือง และแหวนแบบต่างๆ จงอินมองไปทั่วร้านอย่างสนอกสนใจ กระทั่งโดนชานยอลจูงให้เดินลึกเข้าไปภายในร้านอีก

    “นูน่า สวัสดีครับบ” พี่ชานยอลเอ่ยเสียงร่าเริงทักหญิงสาวคนเดียวในร้าน สาวเจ้าเงยหน้าจากงานในมือขึ้นและส่งยิ้มมาให้เขาทั้งคู่ เจ้าของร้านคนเก่งมีนามว่า ซอนมี ผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาวจัดเหมือนหิมะตัดกับผมดำขลับรวบเป็นหางม้าที่ด้านหลังพร้อมกับปากแดงๆ ที่มีรอยยิ้มสดใสเป็นเอกลักษณ์ จากที่ฟังบทสนทนาของชานยอลทำให้จงอินรู้ว่า พี่ชายตัวสูงเป็นลูกค้าประจำร้านนี้เพราะร้านของพี่ซอนมีไม่ได้ขายแค่เครื่องประดับ แต่ร้านนี่เองที่เป็นร้านรับออกแบบตกแต่งร้าน wake up cafe ทั้งสองสาขา

    “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นูน่านี่ยังสวยเหมือนเดิมเลย อ้อ นูน่าครับ นี่จงอินน้องชายผมเองครับ ช่วยงานอยู่ที่ร้านเป็นบาริสต้ามือหนึ่งเชียวล่ะครับ” จงอินยิ้มรับน้อยๆ ให้กับนูน่าที่ส่งยิ้มสวยมาให้ พลางแอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ

    ร้อยทั้งร้อย ยังไงก็เป็นได้แค่น้องชายสินะเรา

    หลังจากนั้นพี่ชานยอลก็เริ่มคุยรายละเอียดเครื่องประดับที่จะสั่งทำให้พี่โซรา จงอินจึงถือโอกาสเดินชมทั้งร้าน เดินไปเดินมาสักพักเขาก็หยุดเดินเพราะสะดุดตาเข้ากับอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นนอนแน่นิ่งอยู่ในมุมอับของตู้กระจกที่ใช้จัดโชว์สินค้า จงอินมองมันไม่วางตาแล้วค่อยๆ เขยิบไปใกล้ๆ จนหน้าแทบจะแนบชิดไปกับกระจกตู้ เพื่อเพ่งมองสิ่งที่ตนสนใจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    จี้รูปทรงเหมือนทรงเหมือนตัวข้อต่อของสายโซ่จักรยานสีเงินหม่นประดับอยู่บนสร้อยสายหนังสีน้ำตาลเข้ม

    มันจะต้องเหมาะกับพี่ชานยอลมากแน่ๆ จงอินคิดพลางเหลือบมองไปที่พี่ชายตัวสูงที่ตอนนี้ยังคงคุยกับพี่ซอนมีเรื่องของขวัญอยู่อย่างสนุกสนาน ภาพชานยอลหัวเราะและคุยกับซอนมีอย่างสนิทสนมมันทำให้จงอินรู้สึกจุกมากกว่าจะยิ้มตามรอยยิ้มสดใสของพี่ชายอย่างเคย ภาพที่เขาเห็นคือภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูเหมาะสมกันดี ฝ่ายชายก็หล่อเหลา มีเสน่ห์ ส่วนฝ่ายหญิงก็งดงามเหมือนนางฟ้า ยิ่งดูยิ่งเหมาะสมไร้ที่ติ ไม่มีอะไรเข้าไปแทรกกลางได้

    จงอินสูดหายใจลึกๆ แล้วสะบัดหัวไล่ความคิดบั่นทอนกำลังใจตนเองออกไป และเดินไปนั่งลงบนโซฟาสำหรับลูกค้าที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของร้านเงียบๆ ดวงตาที่มักดูปรือปรอยเพราะง่วงงุนพยายามกวาดมองไปรอบๆ ร้าน แต่จนแล้วจนรอดมันก็ต้องกลับไปหยุดที่ภาพชายหญิงคู่เดิมกำลังคุยกันอยู่ดี

    “อ่าครับ ปรับตรงนี้ตามที่พี่ซอนมีบอกเลยครับ พี่ซอนมีนี่รู้ใจผมจริงๆ เลย นี่แหละถูกใจเจ๊โซราแน่นอน” เสียงห้าวๆ ของชานยอลไม่ได้ทำให้จงอินอบอุ่นหรือตื่นเต้นแบบที่เคยเป็น ยิ่งเสียงของชานยอลที่พูดกับผู้หญิงคนอื่นแล้วด้วย...

    จงอินยกมือขึ้นฟาดหน้าตัวเองเสียงดังเสียจนชานยอลกับซอนมีหันมามอง เขายิ้มแหยๆ ส่งให้สองคนพลางสั่นหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไรไปให้ จงอินก้มหน้ามองพื้นกระเบื้องสีขาว ความรู้สึกขุ่นมัวที่เขาไม่ควรจะรู้สึกตีรื้นอยู่เต็มอกผสมกับความรู้สึกผิด รู้สึกไม่ดี รู้สึกไม่คู่ควร จงอินรู้ดีว่าเขากับชานยอลไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ ที่จะทำให้เขามีสิทธิ์จะไปหึงหวงพี่ชายตัวสูงกับคนอื่นๆ ถึงเขาจะกำลังทำตามแผนโคแก่ หรือเรียกง่ายๆ ว่ากำลังอ่อยชานยอลอยู่นั่นแหละ แต่ก็มีเพียงแค่ตัวจงอินเองคนเดียวที่แอบปลื้ม แอบรัก แอบมีความหวังในตัวของคนอายุแก่กว่า

    เขาไม่เคยรู้ความรู้สึกของชานยอล

    อาจจะเป็นเพราะจงอินยังแสดงออกไม่ชัดเจน หรือเพราะยังไม่เคยถาม อีกทั้งยังไม่กล้าถาม 

    บ้าเอ๊ย คิมจงอิน! เมื่อก่อนแค่ได้ใกล้ชิด ได้อยู่ด้วยมันก็พอแล้วไม่ใช่รึไง มาโลภมากอะไรตอนนี้ล่ะ บอกตัวเองไปแล้วว่าไม่หวังอะไรมากมาย ขอแค่ให้ได้ทำดีที่สุด แต่ไอ้หัวใจไม่รักดีนี่กลับตั้งความหวังขึ้นมาซะสูงลิ่ว ทำไมนะ ทำไมกัน!?

    “อิน... อิน... จงอินนา!” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นใกล้ตัวมากทำเอาจงอินสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมาชนกับชานยอลอย่างจัง จงอินยกมือกุมหน้าผากของตนก่อนจะรีบกุลีกุจอไปดูชานยอลที่เสียหลักลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นเพราะแรงชนเมื่อคู่

    “ผมขอโทษครับพี่ชานยอล พี่ พี่ชานยอล เจ็บมากไหมครับ หัวแตก--”

    “ใจเย็นๆ จงอินแค่ชนแค่นี้ ต่อให้หัวนายแข็งอย่างมากสุดพี่ก็แค่หัวโนเท่านั้นแหละน่า” น้ำเสียงขี้เล่นกับเสียงหัวเราะดังๆ ทำให้จงอินเบาใจลงบ้าง แต่คนหน้าง่วงก็ยังคงสอดส่องสายตามองทั่วใบหน้าของพี่ชายที่ตนแอบปลื้มว่ามีส่วนไหนบุบสลายหรือไม่

    “เหม่อจังเลยนะเรา มีอะไรรึเปล่า”

    “เอ่อ เปล่าหรอกครับ ผมคงจะเพลียๆ พี่ชานยอลเรียกผมทำไมหรอครับ”

     “จะพาไปดูสร้อยที่ออกแบบเสร็จแล้วหน่อยน่ะ พี่เรียกตั้งหลายครั้งแล้วแต่จงอินยังไม่ได้ยินเลย” จงอินได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ชานยอลและผุดลุกขึ้นตามร่างสูงกว่าไปยังเคาท์เตอร์ที่มีพี่ซอนมีรออยู่ ชานยอลหยิบสมุดเล่มหนาที่มีแบบสเก็ชสร้อยมาให้จงอินดู เพียงแค่แบบร่างแล้วก็บอกได้เลยว่าเป็นสร้อยที่สวยมาก จงอินมองแบบสร้อยสลับกับซอนมีผู้ที่วาดมันขึ้นมาตามคำบอกเล่าของชานยอลและปรับแก้ตามความเหมาะสมจากประสบการณ์

    ผู้หญิงคนนี้ ทั้งสวย ทั้งเก่ง ไม่มีที่ติเลยจริงๆ

    “อยากให้แก้ตรงไหนไหมจงอิน นายคิดว่าเป็นไง” น้ำเสียงของชานยอลฟังดูกระตือรือร้นและคาดหวัง

    “สวยมากเลยครับ คงไม่ต้องแก้อะไรแล้ว” จงอินตอบออกไปตามมารยาท ก่อนจะเอ่ยขอตัวไปเดินชมรอบๆ อย่างขอไปที เขาพยายามเพ่งสมาธิไปที่ของต่างๆ ในร้าน กระทั่งไปสนใจกับแหวนวงไม้อีกวงหนึ่ง มันเป็นเพียงแหวนไม้เรียบๆ ขัดเงา แต่กลับดูเท่อย่างประหลาดในสายตาของจงอิน เขายืนจ้องมันอยู่นานสองนานกระทั่งชานยอลเดินมาหา

    “ชอบหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี พลางก้มตัวลงมาจนอยู่ในระดับความสูงเดียวกับที่จงอินย่ออยู่

    “วงไหนหรอ ขอพี่ดูบ้างสิ” รับรู้ถึงใบหน้าของชานยอลที่เคลื่อนเข้ามา กับน้ำเสียงที่ฟังใกล้ห่างเพียงลมหายใจกั้น ทำเอาจงอินรู้สึกประหม่า เขาใช้นิ้วสั่นๆ ชี้ไปยังแหวนวงที่ตัวเองสนใจ

    “อื้ม สวยนะ แต่พี่ว่า...”

    “ชานยอลมาดูทางนี้หน่อยค่ะ” ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานๆ ของซอนมีนูน่า พี่ชานยอลก็รีบเดินไปทันที ทิ้งจงอินไว้คนเดียวตรงที่เดิม เล่นเอาคนเป็นน้องเริ่มมีสีหน้าไม่ดี เพราะในหัวคิดแต่เรื่องไม่ดีๆ ไปแล้ว

    พี่ชานยอลกับคุณซอนมี...

    ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโห เขาตัดพ้อตัวเองในใจต่างๆ นานา ทั้งๆ ที่ไม่สิทธิ์ก็ยังจะไปคิด ไปหวัง ไปเรียกร้องทั้งๆ ที่ทำอะไรไม่ได้ ก็ถ้าเค้าคบกันแล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะ มันเกี่ยวอะไรกับคิมจงอินคนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้รู้สึกหึง หวง แต่ก็ยังทำ ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง ทั้งๆ ที่ก้างมันก็กินไม่ได้

    ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บแปลบในใจ ยิ่งเงยหน้าไปเห็นภาพที่คนสองคนคุยกัน มันช่างเหมาะสม ยิ่งสะท้อนใจ ว่าตัวเองเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง จะไปสู้อะไรกับผู้หญิงที่ทั้งสวย ทั้งเก่งได้ ยิ่งในโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วกำหนดให้ทุกคนรู้สึกว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงแล้วด้วย...

    จงอินจำไม่ได้ว่าตัวเองคิดอะไรอีก จำไม่ได้ว่าสองขาของเขาพาตัวเขาออกมาจากร้านนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จำไมได้ว่ายังไมได้บอกลาชานยอลและซอนมี จำไม่ได้ว่าลับมาถึงที่พักได้ยังไง จำไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้

    ทั้งหมดมันเป็นเพราะตัวเขาเอง สิ่งที่ตัวเขาคิด มีผลกระทบต่อทุกความรู้สึกที่จะเกิดขึ้น

    จงอินนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ปล่อยสายตาให้จับจ้องไปที่ผนังสีหม่นเนื่องจากมากด้วยอายุการใช้งานไปเรื่อยๆ ปล่อยเสียงถอนหายใจดังออกมาเป็นระลอกๆ

    “โอ๊ย เป็นบ้าอะไรวะ!” เขาลุกขึ้นนั่ง เอามือยีผมตัวเองจนฟูไม่เป็นทรงอย่างหัวเสีย ก่อนจะกลับไปนิ่งเงียบแล้วนั่งชันเข่าไม่ไหวติงอยู่บนเตียง

    “ใช่รึเปล่า...” ที่เจ็บปวด ที่เสียใจ ที่เป็นแบบตอนนี้ เพราะความรัก ใช่รึเปล่า จงอินปาดน้ำตาที่เริ่มมาคลออยู่ออกทันที นี่ตัวเขาเป็นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มาร้องไห้ฟูมฟายเป็นเด็กผู้หญิงแบบนี้ทำไม

    “หรือว่าเราควรจะอยู่ห่างจากพี่ชานยอล เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น” จงอินได้แต่ถามตัวเองแบบนั้น



     

    --- 100% ---

     













    mr.may

    *กราบรีดเดอร์ทุกคนแทบเท้าสามที*
    ลืมกันไปหมดยังคะ T^T
    ขอโทษจริงๆ ที่ดองไว้ขนาดนี้ ไม่มีเวลาเลย แง
    วันนี้มาต่อจบครบ 100 แล้วน้า
    เอ็นดูพิชานน้องนีนี่ด้วยนะคะ
    ใกล้ปิดเทอมแล้ว จบโปรเจค เมย์จะมาปั่นแล้วลงรัวๆเลย


    ขอโทษจริงๆนะคะ และก็ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามและให้โอกาสค่ะ *โป้งชี้ก้อย*


     

    ☆Holder`
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×