คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : สูตรเด็ดมัดใจโคแก่ ; step 7 นั่งมาส์กหน้า รอพี่โคมาหาที่บ้านได้เลย!
สูตรเด็ดมัดใจโคแก่
Step 7 นั่งมาส์กหน้า รอพี่โคมาหาที่บ้านได้เลย!
เสียงปากกาถูกขีดลากเป็นเส้นย้ำๆ ไปมา เป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในห้องของจงอินตอนนี้ ซึ่งเจ้าตัวใช้ขีดลงบนปฏิทินที่แปะอยู่บนข้างฝา ใบหน้าคมเข้มดูเครียดด้วยกำลังชั่งใจบางอย่าง
จงอินส่งธีสิสเสร็จไปอาทิตย์นึงได้แล้ว งานของเขาผ่านฉลุยไม่ติดขัด ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะเป็นมหาบัณฑิตเต็มตัว รอเพียงพิธีรับปริญญาบัตรจบก็เท่านั้น แต่ตั้งแต่ส่งงานเสร็จ จงอินก็ยังไม่ได้โผล่หน้ากับผิวเข้มๆ ของตนไปที่ Wake up café’ อีกเลย ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เขาต้องมานั่งขีดเขียนปฏิทินให้เลอะเทอะเล่นอยู่แบบนี้
คนมันเครียดให้ทำยังไง(วะ)
ถามจงอินว่ากลัวโดนไล่ออกไหม ตอบได้คำเดียวว่ามาก แต่ถามว่าทำไมยังไม่โผล่ไป ก็ตอบได้อีกเหมือนกันว่า ไม่กล้าจริงๆ จงอินกำลังกลัว กำลังไม่มั่นใจ เขากลัวทุกคำตอบ ทุกผลลัพธ์ของทุกสิ่งที่ทำลงไป ทั้งแผนการที่ตัดสินใจกัดฟันทำ ทั้งการหลบหน้าพี่ชานยอลตลอดทั้งเดือน เขาวางปากกา ลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวที่ไม่ได้หวีอยู่แล้วจนผมสีเข้มชี้ฟูไม่เป็นทรงกว่าเดิม
“นี่น้องไค! เจ๊จะบอกอะไรไว้เลยนะคะ ว่าเราห้ามคิดแบบนี้ มันบั่นทอนตัวเองนะคะลูก! ที่สำคัญหนูก็ใช่ว่าจะไม่มีหวัง เรื่องของหนู มันมีหวังมากกว่าสมัยเจ๊จีบพี่หลิวเต้อหัวอีกค่ะ เจ๊พูดเลย!”
เสียงน่าสยดสยองของเจ๊จื่อเทาลอยมาในมโนสำนึกของเขาและวนอยู่ซ้ำๆ ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง ในขณะเดียวกันภาพของพี่ชานยอลกับคุณซอนมี เจ้าของร้านคนสวย ก็ยังคงฉายชัดอยู่ในความคิดของคนผิวเข้ม
จงอินนา... แกทำทั้งหมดไปเพื่ออะไร
กับการเรียนทุ่มเทขนาดนี้ไหม
แล้วจะมากังวลอะไร ทำไปตั้งขนาดนี้แล้ว
ก็ทำใจยอมรับไว้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง ย่าห์! คิมจงอิน
ความเข้มแข็งวูบหนึ่งในจิตสำนึก ปลุกความกล้าในตัวของจงอินขึ้น เขาเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้า ก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียง หยิบไอโฟนเครื่องเดิมขึ้นมาเปิดเครื่องหลังจากไม่ได้เปิดใช้งานมาสัปดาห์เต็มๆ ใช่ จงอินปิดมือถือมาเป็นอาทิตย์แล้วเพราะเขาไม่อยากรับรู้อะไรจากใครจนฟุ้งซ่านอีก เขาอยากอยู่กับตัวเอง หาคำตอบด้วยตัวเอง ได้รู้ด้วยตัวเอง แบบที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้
ทันทีแสงหน้าจอสว่างวาบขึ้นแอคทีฟพร้อมใช้งาน ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังระงมไม่หยุด จงอินมองชื่อที่โชว์หราอยู่บนจอแสดงผลด้วยหัวใจที่เต้นคับอก แววตาที่ปกติดูง่วงซึมกับเบิกโพลงอย่างตกใจ
P’ Chanyeol : 70 miss call
มือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นระริก ทั้งตื่นเต้น ดีใจ ระคนหวาดกลัว เสียงในหัวของเขาเริ่มดังตีกันมั่วไปหมด ว่าชานยอลโทรมาง้อหรือ หรือโทรมาว่าคิดถึง อยากเจอ หรือจะโทรมาแจ้งเรื่องการไล่เขาออกอย่างเป็นทางการ...
คิมจงอินไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
“ปาร์คชานยอล!” เสียงตบเคาท์เตอร์ดังฉาดใหญ่ กับน้ำเสียงหวานที่แสร้งทำให้เข้มข่มขวัญพนักงานทั้งร้าน Wake up café’ เรียนชานยอลเสียงดัง คนหัวสูง หูกางหันไปตามต้นเสียงอย่างไม่กลัวเกรง พลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“เจ๊ ถ้าเจ๊จะมาเสียงดังแบบนี้ ผมว่าเรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่าครับ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างราบเรียบ เขาไม่ได้ใส่ใจฟังสิ่งที่พี่สาวแท้ๆ ของตน ปาร์คยูรา มาหาตั้งแต่เช้าก่อนร้านจะเปิดแล้วเริ่มสาธยายปัญหาถามหาต้นเหตุว่าทำไมยอดขายถึงตกมากมายต่างๆ นานาเท่าไหร่นัก เพราะชานยอลมีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำให้สำเร็จ... โดยที่ปาร์คยูราจะรู้ไม่ได้
“แล้วนี่จงอินไปไหนล่ะ” เสียงหวานของผู้เป็นพี่ถามอย่างฉงน เมื่อไม่เห็นวี่แววบาริสต้าคนขยันที่ปกติหล่อนจะเห็นมาทำงานเช้าตลอด
“น้องลาไปทำธีสิสเกือบเดือนแล้วเจ๊” คนที่ตอบไม่ใช่ชานยอล แต่กลับเป็นแบคฮยอนที่ยืนแช่อยู่หลังเคาท์เตอร์มาสักพักแล้ว
“ห๊ะ!? อะไรนะ! เกือบเดือน!!!” ยูราหันขวับไปหาน้องชายหูกางของตนทันทีไม่รีรอ ก่อนจะบรรจงใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้คีบใบหูที่กางเกินคนปกติของน้องชายขึ้น แล้วบิดอย่างไม่ปราณี
“แกปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง ตาชาน! แล้วน้องไปอยู่ไหน งานเป็นยังไง เป็นตายร้ายดีอะไรยังไงบ้าง ทำไมแกไม่สนใจถามหา! ปล่อยให้มันผ่านมาเป็นเดือนได้ยังไงยะ ไอ้เด็กบ้า!” ยูราทั้งดึงหูทั้งทุบไหล่น้องชายตัวสูงจนชานยอลทนไม่ไหว
“เจ๊ เรื่องนี้ผมเคลียร์ได้น่า เจ๊ไม่ต้องยุ่งเลย” น้ำเสียงของคนขี้เล่นแบบปาร์คชานยอลกลายเป็นเคร่งขรึม เขาบอกปัดพี่สาวก่อนจะก้มลงไปสนใจสมาร์ทโฟนของตนอีกครั้งและทำสิ่งเดิมที่ตนพยายามทำมาตลอดสองสัปดาห์และนี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากให้เจ๊ของเขารู้ เพราะเรื่องมันจะยิ่งวุ่นวายเพราะความเยอะของนาง
นั่นก็คือการติดต่อคิมจงอิน
ชานยอลจดจ่อกับเสียงสัญญาณโทรศัพท์จนแทบจะลืมบรรยากาศรอบข้างไปหมดสิ้น เขาพรูลมหายใจออกมาหนักเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ ของโอเปอร์เรเตอร์บอกให้ฝากข้อความเสียงไว้... เหมือนที่ได้ยินมาตลอดสองอาทิตย์
“ตาชาน! นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะ บอกพี่มาเดี๋ยวนี้ ไปทำอะไรจงอินไว้!” ยูราถามน้องชายอย่างจริงจังพลางใช้แรงทั้งหมดที่มีลากชานยอลออกไปคุยหลังร้าน
“ผมไม่ได้ทำอะไรจงอินเลยนะเจ๊ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าน้องโกรธอะไรผม” ชานยอลถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงคอตกบนที่ม้านั่งตัวเก่าที่ตั้งไว้หลังร้าน การที่จงอินหายหน้าไปโดยที่ติดต่อไม่ได้เลย มันทำให้ชานยอลแทบสติแตก ทั้งกังวล ทั้งเป็นห่วง ทั้งๆ ที่ปกติจงอินจะปรึกษาเขาทุกเรื่องแท้ๆ
“ได้ไปตามที่หอรึยังตาชาน”
“เจ๊จะให้ผมเอาเวลาที่ไหนไปตามครับ ก็เจ๊เล่นสั่งเปิดร้านทุกวัน นี่ผมไม่ใช่น้องชายเจ๊แล้ว นี่แรงงานทาสชัดๆ ปาร์คยูรา!” ชานยอลได้ทีจึงรีบบ่นพี่สาวจอมงกของตน ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่มีเวลาตามหาจงอิน เลยโดนมะเหงกแรงๆ จนหน้าปากเป็นรอย
“ที่ยอดขายตกเพราะเรื่องนี้ด้วยป่ะตาชาน”
“ผมคิดว่าด้วยนะ ไม่ใช่ลู่ฮยองทำงานไม่ดี แต่มีบาริสต้าคนเดียวมันไม่พอน่ะครับ คนเข้าร้านเราเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำตามออร์เดอร์ไม่ทันจริงๆ ลูกค้าหัวเสียไปหลายคนเลยล่ะ” ยูราพยักหน้าพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างคับแค้น ที่ยอดขายต้องลดลงมันเพราะแบบนี้นี่เอง!!!
“แล้วนี่แกมั่นใจนะตาชาน ว่าไม่ได้ไปทำอะไรให้จงอินงอนเข้า รายนั้นเป็นคนคิดมากนะ”
“ผมเปล่าครับ”
“ช่วงนี้สาวๆ มาออกตัวจีบแรงๆ ที่ร้านป่ะ หรือได้ไปจุ๊กจิ๊กหนุงหนิงใกล้ผู้หญิงคนไหนรึเปล่า” ปาร์คยูราคิดถึงความเป็นไปได้ทุกเรื่องในหัวแล้วเอ่ยถามน้องชายของตนออกมาเป็นชุดๆ
“อยู่ใกล้หรอ... อ้อ! วันนั้นพาจงอินไปซื้อของขวัญให้เจ๊ด้วย แล้วผมก็ไปคุยเรื่องของที่สั่งทำกับพี่ซอนมี เพื่อนเจ๊นั่นแหละ” ชานยอลถึงบางอ้อ ใช่วันนั้นเขาคุยกับพี่ซอนมีเกือบตลอดเวลา และวันนั้นจงอินก็ดูเหม่อๆ ซึมๆ ด้วย
“เดี๋ยวครับเจ๊ แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับการที่จงอินงอนผมวะ” ชานยอลมองพี่สาวด้วยความไม่เข้าใจ และยิ่งไม่เข้าใจยิ่งกว่าเมื่อได้รับสายตาเอือมระอาเวทนาสงสารปนต่อว่าและสมน้ำหน้าจากพี่สาวแท้ๆ ตอกกลับมา
“โอ๊ย นี่เรื่องมันมาขนาดนี้แล้วไม่รู้ก็เลิกเป็นผู้จัดการแล้วไปปลูกข้าวสาลีไป๊ ไอ้น้องบื้อ!”
ครืด ครืด
เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้ จงอินได้แต่มองมันอย่างชั่งใจ นี่เขานั่งเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองมาครึ่งค่อนวันแล้ว แต่ยังไงความกล้าก็ยังไม่กลับมาอยู่ดี ในที่สุดทางปลายสายก็วางสายไป คนผิวเข้มถอนหายใจก่อนจะเสตากลับไปมองไดอารี่เล่มเดิมที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เขาเปิดมันค้างไว้หน้าเดิม อ่านแช่อยู่นานสองนาน จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เชื่อ อ่านซ้ำอีกรอบ ก็ยังคงรู้สึกไม่เชื่อสายตาและความรู้สึกของตัวเองอยู่ดี
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูไม่เบานักทำให้จงอินละสายตาออกจากสมุดตรงหน้าและมองที่ประตูอย่างสงสัย นี่ก็เลยช่วงต้นเดือนมาแล้วคงไม่ใช่ป้าเจ้าของหอที่มาเคาะทวงค่าเช่าเรียงห้อง เพื่อนฝูงที่เรียนเขาก็ไม่ได้สนิทขนาดให้ที่อยู่ติดต่อ ครอบครัวหรือก็อยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้เดินทางมาเยี่ยมได้ง่ายๆ แน่ๆ
แล้วใครกันที่มาเคาะห้องของเขา ?
จงอินแอบหงุดหงิดเล็กน้อยที่ห้องของเขาไม่มีตาแมว หากอยากรู้ว่าแขกผู้มาเยือนคือใคร วิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือการ เปิดประตูดูเท่านั้น
เสียงเคาะประตูเริ่มดังขึ้นอีกและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดคิมจงอินก็ต้องลุกไปเปิดประตูเพื่อตัดรำคาญ
และเขาก็ได้รู้ว่าคนที่มาหาตนคือ
“....พี่ชานยอล”
“น... น้ำครับ” น้ำเย็นในแก้วใสที่จงอินยื่นให้ถูกชานยอลวางไว้ที่โต๊ะรับแขกอย่างไม่ใยดี ดวงตากลมโตของชานยอลจ้องคนเป็นน้องไม่วางตา บรรยากาศในอพาร์ตเม้นขนาดกลางของจงอินตอนนี้ช่างดูมืดมนเหมือนฤดูฝนในวันที่พายุเข้า จงอินกลั้นใจนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับโซฟาตัวเก่าที่ชานยอลกำลังนั่งอยู่อย่างเบาที่สุด ไม่มีบทสทนาใดๆ หลุดรอดออกมาจากคนทั้งคู่ มีเพียงชานยอลที่จ้องจงอินอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่จงอินก็ก้มหน้าจ้องพื้นอย่างไม่คิดชีวิตเช่นกัน
“หายไปไหนมาจงอิน พี่ติดต่อนายไม่ได้เลย” สุดท้ายก็เป็นชานยอลที่หมดความอดทนก่อน เขาพยายามถามคนอายุอ่อนกว่าด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด ชานยอลไม่ได้โกรธซ้ำยังดีใจด้วยซ้ำที่เห็นจงอินสบายดี แต่พอได้เห็นหน้าหงอยๆ คนผิวเข้มที่หายหน้าไปเดือนกว่าชัดๆ ก็อดหงุดหงิดไม่ได้
“เอ่อ.. ผ ผม” เสียงทุ้มเปล่งออกมาเท่านั้นไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรที่เป็นคำตอบให้ร่างสูงกว่าได้หายแคลงใจได้เลย ชานยอลถอนหายใจเสียงดัง กรอกตามองเพดานห้องเพื่อนสงบอารมณ์ของตน
“มันไม่สนุกเลยนะจงอิน รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงนายมาก อยู่ๆ ก็หายไปติดต่อช่องทางไหนก็ไม่ได้เลย ทำแบบนี้มันไม่ดีเลย” ชานยอลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตำหนิไม่ปิดบัง จงอินที่ก้มหน้าอยู่แล้วยิ่งก้มต่ำลงอีกจนหัวแทบจะทิ่มพื้นอยู่รอมร่อ
“เงยหน้าขึ้นมาคุยกับพี่ดีๆ ซิ ไม่งั้นพี่จะดุนายมากกว่านี้อีกนะ” ว่าจะดุไม่ทันขาดคำ พอชานยอลได้เห็นสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของคนเป็นน้อง คำต่อว่าต่อขานต่างๆ ในหัวก็หายไปหมด
ใจอ่อนจริงๆ ไอ้ชานยอลเอ้ย
“เราเป็นพี่น้องกัน คุยกันตรงๆ สิ พี่เป็นพี่ชายของจงอิน ลืมแล้วหรอ เราคุยกันได้ทุกเรื่องนี่ครับ หืม” มือใหญ่ๆ ของคนตัวสูงเอื้อมไปลูบหัวคนอ่อนกว่า แต่กลับได้รับหน้าเบะๆ ของจงอินกลับมาแทน
“ที่ผมหายไป... ผมแค่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง” จงอินเว้นช่วง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้มั่นคง
“แต่ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้ว พี่ชานยอลสบายใจได้นะครับ”
“คำตอบอะไร จงอินนา ?”
“คำตอบว่าเราเป็นพี่น้องกันไงครับ ชัดเจนเลยล่ะครับพี่ชานยอล” จงอินฉีกยิ้มให้ชานยอล แม้มันจะดูฝืดเฝือเต็มทน
“อ่า ใช่สิ เราเป็นพี่น้องกัน พี่รักนายเหมือนน้องชายแท้ๆ เลยนะ” จงอินก้มหน้าลงก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก แล้วเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ก้างกว่าเดิม
“ยังไงพรุ่งนี้ผมจะกลับไปทำงานตามปกตินะครับ ขอโทษจริงๆ ที่หายไปแบบนี้ ไม่มีความรับผิดชอบ ผมแย่จริงๆ” คนผิวเข้มค้อมตัวให้คนแก่กว่าเพื่อขอโทษ
“อ่า ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนรอนายอยู่นะ กลับไปทำงานด้วยกันนะจงอินนา” ชานยอลฉีกยิ้มสดใส รอยยิ้มสว่างไสวที่ดูมีความสุข รอยยิ้มที่คิมจงอินชอบหนักหนา
“ครับ งั้นยังไงวันนี้... ผมว่าเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่านะครับ พรุ่งนี้ผมจะกลับไปทำงานทดแทนเวลาเดือนนึงแบบเต็มที่เลย” จงอินผายมือไปที่ประตู เขาไม่ได้อยากจะไล่ชานยอลทางอ้อมแบบนี้ แต่ความรู้สึกข้างในของจงอินมันกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว หากคนตัวสูงยังไม่รีบกลับไปทุกอย่างที่กำลังจะจบลงด้วยดีคงจะพังทลาย
“อ่า งั้นพี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันนะจงอิน”
“ค ครับ” จงอินเดินไล่หลังมาเพื่อส่งชานยอลที่ประตู เขายิ้มให้พี่ชายแบบที่คิดว่าสดใสที่สุดก่อนจะดันประตูปิด
“เดี๋ยวจงอิน!”
“ครับพี่ชานยอล?”
“พี่... คิดถึงนายนะจงอินนา” คำพูดของชานยอลทำเอาจงอินนิ่งงัน เขากัดปากตัวเองแน่น ก่อนจะกลั้นใจตอบกลับไปว่าคิดถึงเช่นกัน ประตูไม้สีครีมที่เริ่มเก่าแล้วปิดลงพร้อมกับคนตัวสูงที่กลับไปแล้ว
มันจบแล้ว...
จงอินทรุดตัวลงนั่งพิงหลังแนบไปกับประตูบานเดิม ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ น้ำอุ่นที่ไหลออกมาจากดวงตาเปรอะไปทั่วผิวแก้ม เขายกมือขึ้นปาดมันลวกๆ แต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับยิ่งไหลทะลักออกมาเป็นเขื่อนแตก
หวังแล้วมันผิดหวัง มันเป็นแบบนี้นี่เองคิมจงอิน
จงอินเหลือบตาขึ้นด้านบน พยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาให้หายไป แต่กลับไม่เป็นผล คำพูดของชานยอลกับบันทึกข้อสุดท้ายในสูตรเด็ดมัดใจโคแก่นั่นยังคงวนอยู่ในหัว
สูตรเด็ดมัดใจโคแก่
Step 7 นั่งมาส์กหน้า รอพี่โคมาหาที่บ้านได้เลย!
สำหรับเด็กๆ ที่เดินทางผ่านมาจนถึงข้อนี้ได้ เจ๊ขอพูดเลยว่ายินด้วยนะคะ อ่านปากเจ๊อีกครั้งนะ คอนเกรทถ่เล้ชันนนนน! ในที่สุดโคแก่ๆ ก็ตกหลุมพรางบ่วงรักอยากกินหญ้าอ่อนรสหวานมันอย่างหนูๆ แล้วค่าลูก *ปรบมือรัว*
สุดท้ายนี้เจ๊คงไม่มีอะไรจะแนะนำอีกแล้ว หนูผ่านหลักสูตรอ่อยโคของเจ๊ไปอย่างราบรื่น เป็นปลื้มจริงๆ ของให้ลัคกี้อินเลิฟมากๆ นะจ้ะเด็กๆ อย่าลืมทำตัวให้สดใหม่สดใสสมวัยไว้ล่อลวงโคให้ไม่ออกนอกคอกด้วยนะจ๊ะ รักกันว่ายากแล้ว ประคับประคองความรักนั้นยากและสำคัญกว่านะจ๊ะเด็กๆ
นั่งมาส์กหน้ารอพี่มาหาที่บ้านหรอ ?
จงอินแค่นหัวเราะแต่มันกลับกลายเป็นเสียงสะอื้นที่หลุดออกมาแทน
“อ่า ใช่สิ เราเป็นพี่น้องกัน พี่รักนายเหมือนน้องชายแท้ๆ เลยนะ” มาเพื่อบอกว่าเราเป็นพี่น้องกันแบบนี้ อย่ามาดีกว่า...
ทำไมทั้งๆ ที่เตรียมใจไว้ตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังแอบไปหวัง แต่ก็ยังหลวมตัวหลงรักไปอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ก็สมควรแล้วที่จะต้องเจ็บแบบนี้
ไม่ใช่หลักสูตรของเจ๊จื่อเทามันไม่ดี แต่มันคงเป็นที่ตัวของเขาเอง คงเป็นเพราะเขาไม่ใช่สำหรับชานยอล คงเป็นเพราะชานยอลที่ไม่เคยมองเขาในแง่นั้น แต่ตัวเขาเองยังคงดันทุรังที่จะพยายามทำให้ชานยอลหันมาสนใจ และมันคงเป็นเหมือนเพลงที่พี่ หมี วูซู อะไรได้เคยร้องไว้ว่า
ความรักมันมีสมการเป็นสูตรสำเร็จให้ใครอยู่แล้ว
จงอินคิดแบบนั้นจริงๆ
mr.may
กลับมาแบบเอื่อยๆ กันอีกแล้วววววววว เกรดออก น้ำตาจิไหล จิครายยยย เกรดเมย์ดีขึ้นนิดนึง พฮืออออ ปริ่ม T^T #นอกเรื่อง 5555
เป็นยังไงบ้าง สเต็ปนี้เป็นสเต็ปสุดท้ายของสูตรแล้วนะคะ รีดเดอร์คิดว่าไง ? มันไม่สำเร็จใช่ไหมล่ะ!? นีนี่เศร้าไปแล้ว เพราะอีตาชาน ไม่ชัดเจนเลย หมาโกลเด้นรีทีฟเวอร์ทำแบบนี้ไม่ด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย เวลาจะให้ใจใคร จะรักใคร ก็ต้องการความชัดเจนเนาะ หุหุ
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่ยังรอและยังหลงเข้ามาอ่านเรื่องนี้อยู่นะ ใกล้จบแล้วล่ะ เมย์สัญญา จริงๆ *-* จะพยายามปรับปรุงต่อไปนะคะ อีกไม่กี่ตอนให้กำลังใจ น้องนีนี่กับอิพี่ชานด้วยน้า
แฮชแท็ค #ฟิคโคแก่ กันคร้าบบบบ
ปล. แอบอยากถามว่า มีใครสนใจรวมเล่มเรื่องนี้ไหมอ่า ;___;
ยังไงเม้นบอกเมย์ไว้ด้วยน้า เผื่อมี 555
ความคิดเห็น