ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Chronicle Of Gaia

    ลำดับตอนที่ #2 : The Chronicle Of Gaia Chapter II

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 50


    The Chronicle Of Gaia Chapter II

    ย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อน อาณาจักรซาโลมเคยเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ภูเขาไฟรู้บี้ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองนั้นคอยให้ความอบอุ่นแก่ประชนชนในเมือง เพราะอาณาจักรซาโลมตั้งอยู่ใกล้กับเทือกเขาวอลคอฟที่มีอากาศหนาวเย็นมาก แต่ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรซาโลมนั้นก็ต้องล่มสลายลงไปในที่สุดด้วยน้ำมือของพ่อมดหนุ่มที่ถูกตัณหาราคะครอบงำจิตใจซึ่งหมายปองในตัวของเจ้าหญิงเซซิเลีย ลอบเข้าไปในภูเขาไฟรู้บี้ แล้วขโมยอัญมณีสีเพลิงออกไปจากภูเขาไฟ ทำให้แผ่นดินเดือดระอุ ลาวาไหลทะลักเข้าไปในเมือง แต่ความเลวร้ายก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อภูเขาไฟรู้บี้เกิดระเบิดขึ้นมาโดยไม่มีการเตือนให้ทราบล่วงหน้า

    ประชาชนในอาณาจักรซาโลมต่างพากันหนีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่บางรายที่หนีไม่ทันก็ต้องโดนเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาจากร้อยแตกบนผืนดินและลาวาที่ไหลทะลักเข้ามาในเมืองเผาผลาญ

    คิงลีโอแห่งอาณาจักรซาโลมได้ทำการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการทำพิธีอัญเชิญทวยเทพบนสรวงสวรรค์ลงมายังพื้นพิภพ เพื่อทำสนธิสัญญาแลกเปลี่ยนระหว่างชีวิตของพระองค์กับชีวิตของประชาชนในอาณาจักรทั้งหมด เหล่าทวยเทพจึงทำการดับการระเบิดของภูเขาไฟ แล้วนำดวงวิญญาณของคิงลีโอไปสิงสถิตที่ภูเขาไฟรู้บี้ เพื่อเป็นเทพภิทักษ์คอยปกปักรักษาเมืองและควบคุมดูแลการระเบิดของภูเขาไฟอีกทั้งพระองค์ยังต้องรับหน้าที่คอยคุมเพลิงที่อยู่ในอาณาจักรทั้งหมด

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------

    นักเดินทางหนุ่มสาวสองคนเดินลัดเลาะลงตามบันไดวนลงไปเรื่อยๆ สภาพร่างกายของทั้งสองดูสะบักสะบอมมากเหมือนกับเพิ่งไปฟัดกับใครมา ในสถานที่แห่งนี้แทบจะไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ในมือของทั้งสองก็เลยมีเพียงคบเพลิงที่คอยเป็นแสงสว่างคอยเบิกทางให้แก่พวกเขา

    เมื่อทั้งสองก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็พบกับโถงทางเดินที่บนกำแพงเต็มไปด้วยคบเพลิงมากมาย ทำให้โถงทางเดินแห่งนี้ดูสว่างไสวผิดกับทางที่พวกเขาเพิ่งเดินลงมา

    นักเดินทางหนุ่มถือคบเพลิงของตนกับของเด็กสาวเส้นผมสีทองอีกคนที่เดินทางมาด้วยกันไปไว้ที่แท่นสำหรับเสียบคบเพลิง

    “คุณหนูครับ คุณหนูแน่ใจเหรอครับ” นักเดินทางหนุ่มถอดชุดคลุมออก รูปร่างของเขาบอบบางกว่าเด็กสาวเจ้าของเส้นผมสีทองมาก

    “แน่ใจสิ” เด็กสาวยกดาบขนาดเท่าตัวเธอขึ้นมาแล้วใช้มืออีกข้างลูบไปตามคมดาบ แต่ในจังหวะนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอล้มลงไปแล้วดาบของเธอก็ตกลงมาปักที่ข้างหูของเธอ

    “คุณหนู” เด็กหนุ่มที่มีฐานะเป็นข้ารับใช้รีบพุ่งพรวดไปดูอาการคุณหนูของเขาอย่างรวดเร็ว

    “ทีหลังจะทำอะไรก็ระวังๆหน่อยสิครับ นี่ถ้าคุณหนูผมยาวผมของคุณหนูคงขาดไปแล้วแน่ๆ”

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย อยู่ดีๆก็มีอะไรไม่อยู่พุ่งผ่านฉันไป แล้วก็นะฟีนิกซ์ นายช่วยปล่อยมือของนายออกจากมือฉันได้แล้ว” คุณหนูของเขาดึงดาบออกจากพื้นแล้วก็นั่งพิงกำแพงอยู่อย่างนั้นโดยมีฟีนิกซ์กำลังนั่งกุมมือเธออยู่

    “ข... ขอโทษครับ” ฟีนิกซ์รีบปล่อยมือแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “เอ่อ แต่เมื่อกี้คุณหนูบอกว่ามีบางอย่างพุ่งผ่านคุณหนูไปใช่ไหมครับ”

    “กรี๊ด !!!”

    “คุณหนู” เมื่อฟีนิกซ์เห็นคุณหนูของเขาล้มลงทั้งยืนต่อหน้าต่อตา เขาจึงพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับประคองร่างคุณหนูด้วยความตกใจ ในขณะที่ฟินิกซ์ดูอาการของคุณหนูอยู่นั้น เขามีความรู้สึกราวกับมีคนมาสะกิดที่ไหล่ของเขา เขาจึงหันหน้าไปมองเบื้องหลังด้วยความหัวเสีย

    “อ๊าก !!!”

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------

    ประตูปราสาทก็ค่อยๆถูกเปิดออก ในจังหวะนั้นเซ็นก็มายืนอยู่ข้างๆเจ้าชายเรียบร้อยแล้ว พอประตูเปิดออกมาก็เผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีเขียวมรกตที่แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนเจ้าชายอย่างกับแกะแถมยังใส่แว่นเหมือนเจ้าชายด้วย

    “อาโดนิส” เด็กหนุ่มผู้นั้นเรียกพระนามของเจ้าชาย

    “ชีวาส” เจ้าชายอาโดนิสก็ทรงเรียกชื่อของเขาเช่นกัน

    “ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ตอนนี้กำหนดการของท่านต้องอยู่ในงานเลี้ยงที่อาณาจักรมิใช่หรือ” เด็กหนุ่มที่ชื่อชีวาสเดินเข้ามาปฎิสันถารกับเจ้าอย่างอย่างสนิทสนม

    “ไม่มีอะไรหรอก ก็เซ็นน่ะสิบอกว่าอยากเข้าไปดูในปราสาทแห่งนี้ ข้าบอกว่าให้รีบไปก็ไม่เชื่อ” เจ้าชายอาโดนิสทรงตรัสตอบชีวาสแล้วโยนความผิดให้เซ็น

    “แล้วนั่นเจ้าจะถือดาบไว้ทำไมล่ะเซ็น” ชีวาสเห็นเซ็นถือดาบแล้วทำหน้างงๆอยู่จึงถามด้วยความสงสัย

    “ก็ไม่มีอะไรหรอกครับเจ้าชาย พอดีดาบของข้ามันอยากออกมารับลมบ้างนะขอรับ” เซ็นแก้ตัวกับเจ้าชายชีวาสไปน้ำขุ่นๆ

    “มีด้วยหรือดาบอยากรับลม” เจ้าชายอาโดนิสยังคงงุนงงกับคำตอบของเซ็นที่ตรัสกับพระองค์

    “พอได้แล้วหยุดสนทนากันได้แล้วทั้งสองคนรีบไปงานเลี้ยงในอาณาจักรกันเถอะ” เจ้าชายอาโดนิสทรงเข้ามาปรามทั้งสองคนแล้วรีบลากพระหัตถ์ของเจ้าชายอาโดนิสสหายรักเข้าไปในราชรถ

    เมื่อราชรถขับออกจากบริเวณปราสาทลอเรนซ์ไปได้ไม่นาน เซ็นก็ต้องหยุดราชรถอย่างกระทันหัน...

    つづく
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×