ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : The Chronicle Of Gaia Chapter II
The Chronicle Of Gaia Chapter II
ย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อน อาณาจักรซาโลมเคยเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ภูเขาไฟรู้บี้ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองนั้นคอยให้ความอบอุ่นแก่ประชนชนในเมือง เพราะอาณาจักรซาโลมตั้งอยู่ใกล้กับเทือกเขาวอลคอฟที่มีอากาศหนาวเย็นมาก แต่ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรซาโลมนั้นก็ต้องล่มสลายลงไปในที่สุดด้วยน้ำมือของพ่อมดหนุ่มที่ถูกตัณหาราคะครอบงำจิตใจซึ่งหมายปองในตัวของเจ้าหญิงเซซิเลีย ลอบเข้าไปในภูเขาไฟรู้บี้ แล้วขโมยอัญมณีสีเพลิงออกไปจากภูเขาไฟ ทำให้แผ่นดินเดือดระอุ ลาวาไหลทะลักเข้าไปในเมือง แต่ความเลวร้ายก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อภูเขาไฟรู้บี้เกิดระเบิดขึ้นมาโดยไม่มีการเตือนให้ทราบล่วงหน้า
ประชาชนในอาณาจักรซาโลมต่างพากันหนีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่บางรายที่หนีไม่ทันก็ต้องโดนเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาจากร้อยแตกบนผืนดินและลาวาที่ไหลทะลักเข้ามาในเมืองเผาผลาญ
คิงลีโอแห่งอาณาจักรซาโลมได้ทำการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการทำพิธีอัญเชิญทวยเทพบนสรวงสวรรค์ลงมายังพื้นพิภพ เพื่อทำสนธิสัญญาแลกเปลี่ยนระหว่างชีวิตของพระองค์กับชีวิตของประชาชนในอาณาจักรทั้งหมด เหล่าทวยเทพจึงทำการดับการระเบิดของภูเขาไฟ แล้วนำดวงวิญญาณของคิงลีโอไปสิงสถิตที่ภูเขาไฟรู้บี้ เพื่อเป็นเทพภิทักษ์คอยปกปักรักษาเมืองและควบคุมดูแลการระเบิดของภูเขาไฟอีกทั้งพระองค์ยังต้องรับหน้าที่คอยคุมเพลิงที่อยู่ในอาณาจักรทั้งหมด
----------------------------------------------------------------------------------------------------
นักเดินทางหนุ่มสาวสองคนเดินลัดเลาะลงตามบันไดวนลงไปเรื่อยๆ สภาพร่างกายของทั้งสองดูสะบักสะบอมมากเหมือนกับเพิ่งไปฟัดกับใครมา ในสถานที่แห่งนี้แทบจะไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ในมือของทั้งสองก็เลยมีเพียงคบเพลิงที่คอยเป็นแสงสว่างคอยเบิกทางให้แก่พวกเขา
เมื่อทั้งสองก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็พบกับโถงทางเดินที่บนกำแพงเต็มไปด้วยคบเพลิงมากมาย ทำให้โถงทางเดินแห่งนี้ดูสว่างไสวผิดกับทางที่พวกเขาเพิ่งเดินลงมา
นักเดินทางหนุ่มถือคบเพลิงของตนกับของเด็กสาวเส้นผมสีทองอีกคนที่เดินทางมาด้วยกันไปไว้ที่แท่นสำหรับเสียบคบเพลิง
“คุณหนูครับ คุณหนูแน่ใจเหรอครับ” นักเดินทางหนุ่มถอดชุดคลุมออก รูปร่างของเขาบอบบางกว่าเด็กสาวเจ้าของเส้นผมสีทองมาก
“แน่ใจสิ” เด็กสาวยกดาบขนาดเท่าตัวเธอขึ้นมาแล้วใช้มืออีกข้างลูบไปตามคมดาบ แต่ในจังหวะนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอล้มลงไปแล้วดาบของเธอก็ตกลงมาปักที่ข้างหูของเธอ
“คุณหนู” เด็กหนุ่มที่มีฐานะเป็นข้ารับใช้รีบพุ่งพรวดไปดูอาการคุณหนูของเขาอย่างรวดเร็ว
“ทีหลังจะทำอะไรก็ระวังๆหน่อยสิครับ นี่ถ้าคุณหนูผมยาวผมของคุณหนูคงขาดไปแล้วแน่ๆ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย อยู่ดีๆก็มีอะไรไม่อยู่พุ่งผ่านฉันไป แล้วก็นะฟีนิกซ์ นายช่วยปล่อยมือของนายออกจากมือฉันได้แล้ว” คุณหนูของเขาดึงดาบออกจากพื้นแล้วก็นั่งพิงกำแพงอยู่อย่างนั้นโดยมีฟีนิกซ์กำลังนั่งกุมมือเธออยู่
“ข... ขอโทษครับ” ฟีนิกซ์รีบปล่อยมือแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ แต่เมื่อกี้คุณหนูบอกว่ามีบางอย่างพุ่งผ่านคุณหนูไปใช่ไหมครับ”
“กรี๊ด !!!”
“คุณหนู” เมื่อฟีนิกซ์เห็นคุณหนูของเขาล้มลงทั้งยืนต่อหน้าต่อตา เขาจึงพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับประคองร่างคุณหนูด้วยความตกใจ ในขณะที่ฟินิกซ์ดูอาการของคุณหนูอยู่นั้น เขามีความรู้สึกราวกับมีคนมาสะกิดที่ไหล่ของเขา เขาจึงหันหน้าไปมองเบื้องหลังด้วยความหัวเสีย
“อ๊าก !!!”
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ประตูปราสาทก็ค่อยๆถูกเปิดออก ในจังหวะนั้นเซ็นก็มายืนอยู่ข้างๆเจ้าชายเรียบร้อยแล้ว พอประตูเปิดออกมาก็เผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีเขียวมรกตที่แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนเจ้าชายอย่างกับแกะแถมยังใส่แว่นเหมือนเจ้าชายด้วย
“อาโดนิส” เด็กหนุ่มผู้นั้นเรียกพระนามของเจ้าชาย
“ชีวาส” เจ้าชายอาโดนิสก็ทรงเรียกชื่อของเขาเช่นกัน
“ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ตอนนี้กำหนดการของท่านต้องอยู่ในงานเลี้ยงที่อาณาจักรมิใช่หรือ” เด็กหนุ่มที่ชื่อชีวาสเดินเข้ามาปฎิสันถารกับเจ้าอย่างอย่างสนิทสนม
“ไม่มีอะไรหรอก ก็เซ็นน่ะสิบอกว่าอยากเข้าไปดูในปราสาทแห่งนี้ ข้าบอกว่าให้รีบไปก็ไม่เชื่อ” เจ้าชายอาโดนิสทรงตรัสตอบชีวาสแล้วโยนความผิดให้เซ็น
“แล้วนั่นเจ้าจะถือดาบไว้ทำไมล่ะเซ็น” ชีวาสเห็นเซ็นถือดาบแล้วทำหน้างงๆอยู่จึงถามด้วยความสงสัย
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับเจ้าชาย พอดีดาบของข้ามันอยากออกมารับลมบ้างนะขอรับ” เซ็นแก้ตัวกับเจ้าชายชีวาสไปน้ำขุ่นๆ
“มีด้วยหรือดาบอยากรับลม” เจ้าชายอาโดนิสยังคงงุนงงกับคำตอบของเซ็นที่ตรัสกับพระองค์
“พอได้แล้วหยุดสนทนากันได้แล้วทั้งสองคนรีบไปงานเลี้ยงในอาณาจักรกันเถอะ” เจ้าชายอาโดนิสทรงเข้ามาปรามทั้งสองคนแล้วรีบลากพระหัตถ์ของเจ้าชายอาโดนิสสหายรักเข้าไปในราชรถ
เมื่อราชรถขับออกจากบริเวณปราสาทลอเรนซ์ไปได้ไม่นาน เซ็นก็ต้องหยุดราชรถอย่างกระทันหัน...
つづく
ย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อน อาณาจักรซาโลมเคยเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ภูเขาไฟรู้บี้ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองนั้นคอยให้ความอบอุ่นแก่ประชนชนในเมือง เพราะอาณาจักรซาโลมตั้งอยู่ใกล้กับเทือกเขาวอลคอฟที่มีอากาศหนาวเย็นมาก แต่ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรซาโลมนั้นก็ต้องล่มสลายลงไปในที่สุดด้วยน้ำมือของพ่อมดหนุ่มที่ถูกตัณหาราคะครอบงำจิตใจซึ่งหมายปองในตัวของเจ้าหญิงเซซิเลีย ลอบเข้าไปในภูเขาไฟรู้บี้ แล้วขโมยอัญมณีสีเพลิงออกไปจากภูเขาไฟ ทำให้แผ่นดินเดือดระอุ ลาวาไหลทะลักเข้าไปในเมือง แต่ความเลวร้ายก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อภูเขาไฟรู้บี้เกิดระเบิดขึ้นมาโดยไม่มีการเตือนให้ทราบล่วงหน้า
ประชาชนในอาณาจักรซาโลมต่างพากันหนีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่บางรายที่หนีไม่ทันก็ต้องโดนเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาจากร้อยแตกบนผืนดินและลาวาที่ไหลทะลักเข้ามาในเมืองเผาผลาญ
คิงลีโอแห่งอาณาจักรซาโลมได้ทำการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการทำพิธีอัญเชิญทวยเทพบนสรวงสวรรค์ลงมายังพื้นพิภพ เพื่อทำสนธิสัญญาแลกเปลี่ยนระหว่างชีวิตของพระองค์กับชีวิตของประชาชนในอาณาจักรทั้งหมด เหล่าทวยเทพจึงทำการดับการระเบิดของภูเขาไฟ แล้วนำดวงวิญญาณของคิงลีโอไปสิงสถิตที่ภูเขาไฟรู้บี้ เพื่อเป็นเทพภิทักษ์คอยปกปักรักษาเมืองและควบคุมดูแลการระเบิดของภูเขาไฟอีกทั้งพระองค์ยังต้องรับหน้าที่คอยคุมเพลิงที่อยู่ในอาณาจักรทั้งหมด
----------------------------------------------------------------------------------------------------
นักเดินทางหนุ่มสาวสองคนเดินลัดเลาะลงตามบันไดวนลงไปเรื่อยๆ สภาพร่างกายของทั้งสองดูสะบักสะบอมมากเหมือนกับเพิ่งไปฟัดกับใครมา ในสถานที่แห่งนี้แทบจะไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ในมือของทั้งสองก็เลยมีเพียงคบเพลิงที่คอยเป็นแสงสว่างคอยเบิกทางให้แก่พวกเขา
เมื่อทั้งสองก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็พบกับโถงทางเดินที่บนกำแพงเต็มไปด้วยคบเพลิงมากมาย ทำให้โถงทางเดินแห่งนี้ดูสว่างไสวผิดกับทางที่พวกเขาเพิ่งเดินลงมา
นักเดินทางหนุ่มถือคบเพลิงของตนกับของเด็กสาวเส้นผมสีทองอีกคนที่เดินทางมาด้วยกันไปไว้ที่แท่นสำหรับเสียบคบเพลิง
“คุณหนูครับ คุณหนูแน่ใจเหรอครับ” นักเดินทางหนุ่มถอดชุดคลุมออก รูปร่างของเขาบอบบางกว่าเด็กสาวเจ้าของเส้นผมสีทองมาก
“แน่ใจสิ” เด็กสาวยกดาบขนาดเท่าตัวเธอขึ้นมาแล้วใช้มืออีกข้างลูบไปตามคมดาบ แต่ในจังหวะนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอล้มลงไปแล้วดาบของเธอก็ตกลงมาปักที่ข้างหูของเธอ
“คุณหนู” เด็กหนุ่มที่มีฐานะเป็นข้ารับใช้รีบพุ่งพรวดไปดูอาการคุณหนูของเขาอย่างรวดเร็ว
“ทีหลังจะทำอะไรก็ระวังๆหน่อยสิครับ นี่ถ้าคุณหนูผมยาวผมของคุณหนูคงขาดไปแล้วแน่ๆ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย อยู่ดีๆก็มีอะไรไม่อยู่พุ่งผ่านฉันไป แล้วก็นะฟีนิกซ์ นายช่วยปล่อยมือของนายออกจากมือฉันได้แล้ว” คุณหนูของเขาดึงดาบออกจากพื้นแล้วก็นั่งพิงกำแพงอยู่อย่างนั้นโดยมีฟีนิกซ์กำลังนั่งกุมมือเธออยู่
“ข... ขอโทษครับ” ฟีนิกซ์รีบปล่อยมือแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ แต่เมื่อกี้คุณหนูบอกว่ามีบางอย่างพุ่งผ่านคุณหนูไปใช่ไหมครับ”
“กรี๊ด !!!”
“คุณหนู” เมื่อฟีนิกซ์เห็นคุณหนูของเขาล้มลงทั้งยืนต่อหน้าต่อตา เขาจึงพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับประคองร่างคุณหนูด้วยความตกใจ ในขณะที่ฟินิกซ์ดูอาการของคุณหนูอยู่นั้น เขามีความรู้สึกราวกับมีคนมาสะกิดที่ไหล่ของเขา เขาจึงหันหน้าไปมองเบื้องหลังด้วยความหัวเสีย
“อ๊าก !!!”
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ประตูปราสาทก็ค่อยๆถูกเปิดออก ในจังหวะนั้นเซ็นก็มายืนอยู่ข้างๆเจ้าชายเรียบร้อยแล้ว พอประตูเปิดออกมาก็เผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีเขียวมรกตที่แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนเจ้าชายอย่างกับแกะแถมยังใส่แว่นเหมือนเจ้าชายด้วย
“อาโดนิส” เด็กหนุ่มผู้นั้นเรียกพระนามของเจ้าชาย
“ชีวาส” เจ้าชายอาโดนิสก็ทรงเรียกชื่อของเขาเช่นกัน
“ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ตอนนี้กำหนดการของท่านต้องอยู่ในงานเลี้ยงที่อาณาจักรมิใช่หรือ” เด็กหนุ่มที่ชื่อชีวาสเดินเข้ามาปฎิสันถารกับเจ้าอย่างอย่างสนิทสนม
“ไม่มีอะไรหรอก ก็เซ็นน่ะสิบอกว่าอยากเข้าไปดูในปราสาทแห่งนี้ ข้าบอกว่าให้รีบไปก็ไม่เชื่อ” เจ้าชายอาโดนิสทรงตรัสตอบชีวาสแล้วโยนความผิดให้เซ็น
“แล้วนั่นเจ้าจะถือดาบไว้ทำไมล่ะเซ็น” ชีวาสเห็นเซ็นถือดาบแล้วทำหน้างงๆอยู่จึงถามด้วยความสงสัย
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับเจ้าชาย พอดีดาบของข้ามันอยากออกมารับลมบ้างนะขอรับ” เซ็นแก้ตัวกับเจ้าชายชีวาสไปน้ำขุ่นๆ
“มีด้วยหรือดาบอยากรับลม” เจ้าชายอาโดนิสยังคงงุนงงกับคำตอบของเซ็นที่ตรัสกับพระองค์
“พอได้แล้วหยุดสนทนากันได้แล้วทั้งสองคนรีบไปงานเลี้ยงในอาณาจักรกันเถอะ” เจ้าชายอาโดนิสทรงเข้ามาปรามทั้งสองคนแล้วรีบลากพระหัตถ์ของเจ้าชายอาโดนิสสหายรักเข้าไปในราชรถ
เมื่อราชรถขับออกจากบริเวณปราสาทลอเรนซ์ไปได้ไม่นาน เซ็นก็ต้องหยุดราชรถอย่างกระทันหัน...
つづく
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น