เกิดมาทำไม?
คุณเคยสงสัยและคิดถามตัวเองบ้างไหมว่า "คุณเกิดมาทำไมบนโลกใบนี้" และอะไรคือจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตคุณ...ความสำเร็จ ความดี หรือความพ้นทุกข์...
ผู้เข้าชมรวม
2,038
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หลายครั้งในยามที่ฉันรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจใดๆ ฉันมักจะจมอยู่กับน้ำตา ภายในห้องที่มืดมิดเพียงเดียวดาย พร้อมกับตั้งคำถามให้กับตัวเองเสมอว่า ฉันเกิดมาทำไม ทำไมฉันจึงต้องเป็นเช่นนี้ ฉันพยายามค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ตลอดเวลา แต่ทุกครั้งฉันก็มักจะได้คำตอบเพียงแค่ว่า ชีวิตคือการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อวันข้างหน้า ฉันไม่เคยทราบว่าทำไมคนเราต้องเกิดมา หรือทำไมบางคนจึงเกิดมามีชีวิตที่เพียบพร้อมไปทุกสิ่ง ไม่ต้องแสวงหาสิ่งใดๆ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นปกติสุขด้วยทรัพย์สินมากมาย ในขณะที่ยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด ให้พ้นจากหายนะของความหิว ความหนาวและความตาย อะไรเป็นสาเหตุให้ชีวิตของมนุษย์มีความแตกต่างได้อย่างสิ้นเชิงเพียงนี้ และจากประสบการณ์ที่ฉันได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตของฉันแม้จะเพียงน้อยนิดนัก มันทำให้ฉันค้นพบหลายสิ่งที่เป็นคำตอบของปัญหาเหล่านี้ซึ่งล้วนแต่เป็นคำตอบที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น สาเหตุที่มนุษย์เราเกิดมาเพราะเป็นความต้องการของบิดามารดา เป็นความต้องการของมนุษย์ในการสร้างครอบครัว สร้างสังคมและสร้างอารยธรรมใหม่ของความเป็นมนุษย์ซึ่งจะต้องดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไป บางประสบการณ์ทำให้ฉันทราบว่ามนุษย์เกิดมาเพราะเพื่อเป็นส่วนประกอบของสังคม และเพื่อสร้างสรรค์สังคมมนุษย์ให้เจริญรุ่งเรือง รวมทั้งเพื่อสร้างนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่แสดงถึงภูมิปัญญาพัฒนาการของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน เป็นต้น โดยส่วนตัวของฉันแล้ว ฉันเชื่อเรื่องของผลกรรมซึ่งอาจเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่เป็นผลให้มนุษย์เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ มนุษย์ทุกคนต่างมีกรรมด้วยกันทั้งสิ้นและเป็นไปตามหลักธรรมที่ว่า ทุกคนเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมที่ตนเองได้กระทำไว้ในชาติปางก่อนซึ่งเป็นเรื่องที่มนุษย์เองไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเองนั้นแท้จริงแล้วได้ทำกรรมใดไว้บ้าง และเนื่องด้วยมนุษย์ไม่สามารถแก้ไขต้นกำเนิดของชีวิตได้จึงจำเป็นต้องดำเนินชีวิตของตนบนพื้นฐานของความถูกต้องดีงามตามที่ได้ถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่วัยเยาว์ คุณธรรมและจริยธรรมจะเป็นเครื่องมือที่คอยตัดสินความดีงาม ความถูกผิดและส่งผลให้มนุษย์ปฏิบัติตนผนวกประสบการณ์ที่เคยได้เรียนรู้มา พฤติกรรมของมนุษย์ที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างกัน จึงเกิดเป็นมนุษย์ที่ดีและไม่ดีปะปนกันในสังคมปัจจุบัน
จุดมุ่งหมายในการดำรงชีวิตของมนุษย์ย่อมแตกต่างกันเนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นตัวกำหนดชีวิตและวิถีทางของมนุษย์ บางคนต้องการมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่บางคนต้องการเพียงแค่ชีวิตที่เป็นปกติสุขบนหลักของความพอเพียง หลายคนเชื่อว่าชีวิตคนเรานั้นได้ถูกชะตาฟ้าลิขิตไว้แล้ว ต้องเป็นไปตามทางของชะตากรรมของตน ต้องประสบกับสภาวะ การณ์ต่างๆเป็นเหตุให้ผลที่เกิดขึ้นมีทั้งดีและร้าย จึงเกิดเป็นคำกล่าวที่ว่า นั่นคือการชดใช้กรรม ฉันเชื่อว่ากรรมเป็นสิ่งที่กำหนดให้ฉันต้องเป็นเช่นตัวฉันในปัจจุบัน แม้อาจไม่มีเหตุผลมากพอที่จะสนับสนุน แต่หากมองโลกในแง่ดี นั่นคือการเลิกสนใจถึงสาเหตุของการเป็นตัวฉัน ฉันไม่ต้องวิตกกังวลกับสิ่งที่ฉันไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือเท็จ ขณะเดียวกันฉันมีความคิดที่อยากจะทำให้ชีวิตในอนาคตเป็นปกติสุข ดังนั้นการดำเนินชีวิตในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งสำคัญ การดำเนินชีวิตที่ปราศจากเหตุผลและไร้จุดมุ่งหมาย นั่นหมายถึงอนาคตที่ไร้ความสว่าง มนุษย์ควรดำรงชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความดีงามตามหลักจริยธรรมที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาตลอด และศาสนาจะเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์ไว้ไม่ให้ตกต่ำ สัญชาติญาณของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่เกิดจากความต้องการส่วนลึกภายในจิตใจซึ่งจะแสดงออกมาโดยปราศจากความยั้งคิดใดๆ หากไร้ซึ่งศาสนาและวัฒนธรรมแล้ว มนุษย์อาจไม่แตกต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์บางคนเกิดความโลภซึ่งนั่นเป็นกิเลส เป็นตัวการที่สำคัญที่ทำให้มนุษย์ตกต่ำ จิตใจเสื่อมโทรม มนุษย์สามารถทำได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งสิ่งพึงประสงค์ นั่นเกิดเป็นกรรมขึ้นแล้ว มนุษย์แตกต่างจากสัตว์เพียงแค่มีความรู้สึกนึกคิด รู้จักผิดชอบชั่วดี หากไร้สิ่งเหล่านี้ มนุษย์นั้นไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไป การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นยาก แต่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อมนั้นยากยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ตราบใดที่มนุษย์ยังตกเป็นทาสของกิเลสและความทะเยอทะยามอยากในทุกๆสิ่ง มนุษย์นั้นยังไม่สามารถถึงพร้อมในสิ่งที่เรียกว่า บรมธรรม
บรมธรรม เป็นสิ่งที่มนุษย์พึงได้ พึงมีและพึงปฏิบัติ ประการแรก มนุษย์มีความสุขที่แท้จริงได้ด้วยความสะอาด ความสว่างและความสงบทั้งทางกายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม ความสุขทางโลกเป็นเพียงแค่ความสุขชั่วคราวซึ่งไม่จีรังยั่งยืน ประการที่สอง มนุษย์ควรมีความเต็มทางจิตวิญญาณ กล่าวคือมีความสมบูรณ์พร้อมด้วยคุณธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ มีจิตใจสูงส่ง ไร้ความกระหายและความทะเยอทะยานใดๆ ประการที่สาม มนุษย์ควรทำหน้าที่ของตนเพื่อหน้าที่ เพื่อคนอื่นรอบๆตัว เพื่อสังคมและประเทศชาติที่พึงได้รับ ประการสุดท้าย มนุษย์พึงมีความรักที่เป็นสากล คือ ความมีใจกว้าง ไม่คิดถึงตนเองฝ่ายเดียวและคิดถึงคนอื่นให้มาก การเป็นผู้ให้ย่อมสุขใจมากกว่าเป็นผู้รับ นั่นเป็นสัจธรรมที่มนุษย์จะได้รับเมื่อได้ลองปฏิบัติด้วยตนเอง แท้จริงแล้วบรมธรรมเป็นสิ่งเดียวกัน เมื่อมนุษย์ปฏิบัติสิ่งหนึ่ง อีกหลายสิ่งจะเกิดขึ้นตามมา ฉันเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนต้องการเป็นมนุษย์ที่ดี ไม่มีใครอยากเป็นคนร้ายให้ผู้อื่นประณาม ความเข้าใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้สังคมมนุษย์หมดความสับสนวุ่นวาย ความสัมพันธ์ที่ดีย่อมเกิดขึ้นได้เสมอตราบเท่าที่มนุษย์ยังใช้จิตใจในการสานสัมพันธ์ ไม่ใช่ความต้องการดังจะเห็นได้จากสังคมในปัจจุบันที่มนุษย์ต่างพยายามเสแสร้ง ลวงหลอกกันเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนา
มนุษย์ทุกคนถูกหล่อหลอมภายใต้อิทธิพลที่แตกต่างกัน มีความคิดความเห็นและจุดมุ่งหมายปลายทางในชีวิตที่แตกต่างกัน การเป็นมนุษย์ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน มนุษย์ที่ดีพึงปฏิบัติสิ่งที่มนุษย์สามารถแยกแยะความถูกผิดได้ด้วยตนเอง ในทางกลับกัน มนุษย์อีกประเภทกลับทำตามความต้องการของกิเลสตัณหา ไร้ซึ่งอารยธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อม บรมธรรมจึงเป็นทางสว่างที่จะชี้ให้มนุษย์เห็นหนทางแห่งความสงบภายในจิตใจ ฉันเป็นคนหนึ่งที่ต้องการไปถึงนิพพานนั้น ฉันไม่ต้องการความอยาก ความทะเยอทะยานใดๆอีกต่อไป แต่ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิต เป็นมนุษย์คนหนึ่งในโลกนี้ ฉันจึงดำเนินชีวิตด้วยความพอเพียงบนหลักของจริยธรรมที่พึงปฏิบัติ มีจุดมุ่งหมายปลายทางในชีวิต ฉันต้องการความสงบ ฉันเคยคิดว่า หากชาติหน้ามีจริง อย่าให้ฉันได้เกิดเป็นมนุษย์อีกเลย ฉันต้องการให้วัฏจักรชีวิตของฉันหยุดอยู่แค่นั้น เป็นดวงวิญญาณดวงหนึ่งที่สงบและปราศจากสิ่งใดๆทั้งปวง อยู่ในที่ๆไกลจากกิเลสและการเวียนว่ายตายเกิด นั่นก็เพียงพอแล้ว ฉันไม่ทราบว่าผู้คิดต้องการสิ่งใด แต่สำหรับตัวฉันเองแล้ว นั่นคือสิ่งสำคัญที่ฉันต้องการมากที่สุด นั่นคือบรมธรรมของฉัน...ผลงานอื่นๆ ของ ^[นายจันทร์เจ้า]^ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ^[นายจันทร์เจ้า]^
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น