ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #26 : [[ It's over ]]: C T 23 // Up

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.06K
      2
      26 ก.ค. 56















     

    ผับ R

     

    1.00 น.

     

    “เฮ้ย พอได้แล้ว” เซฮุนปัดแก้วเหล้าในมือเพื่อนอย่างแรงจนมันกลิ้งไปตามพื้น น้ำสีอำพันกระจายเลอะไปทั่วเสื้อเจ้าตัวที่ดื่มจนเมาคอพับ โชคดีที่แก้วไม่แตกเมื่องั้นล่ะก็คงได้มีเลือดตกยางออกแน่ๆ

     

    ไค...เงยหน้ามองเพื่อนด้วยสายตาสะลึมสะลือจากอาการเมา ก่อนจะเลี่ยงสายตาตำหนิของเซฮุนไปหยิบแก้วคนข้างๆ มายกขึ้นดื่มแทน ลู่ฮานผู้เป็นเจ้าของแก้วๆ นั้นได้แต่ส่ายหัวช้าๆ แล้วยกมือขึ้นกุมขมับเนื่องจากกลุ้มใจกับอาการของเพื่อน ดูท่า...คราวนี้จะหนักจริงๆ

     

    “ไอ้เชี่ยนี่ พูดไม่ฟัง” เซฮุนด่าแล้วมองเพื่อนอย่างหน่ายใจ ยื่นมือไปคว้าแก้วเหล้าออกจากมือเพื่อนก่อนที่ไคจะทันได้เทเหล้าลงไปอีกครั้ง คราวนี้ไคไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดเพราะเจ้าตัวสลบราบไปกับโซฟาเป็นที่เรียบร้อย

     

    เซฮุนได้รับโทรศัพท์จากพนักงานในผับว่าเพื่อนเขามาเมาหัวราน้ำอยู่ที่ผับประจำ เขาเลยเรียกเพื่อนอีกสามคนที่เหลือมาดูสภาพคนอกหักด้วยกัน ไคยังไม่ได้เล่าหรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ดูจากสภาพแล้วไม่น่ามีเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของคริสตัล ขนาดตอนนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลยังโวยวายเป็นหมาบ้าที่คริสตัลไม่ยอมมาเยี่ยม นี่ถ้าไม่ได้คนของเทาเฝ้าไว้ล่ะก็มีหวังได้หนีออกจากโรงพยาบาลไปหาหญิงสาวคนนั้นตั้งแต่ยังไม่หายดี

    แอล เซฮุน ลู่ฮานและเทาต่างมองเพื่อนที่เมาเป็นหมาแล้วเรื้อนอยู่บนโซฟาอย่างสงสารปนสมน้ำหน้า พวกเขาทุกคนต่างรู้ดีว่าไคไม่ใช่คนเมาง่ายๆ ถือว่าเป็นคอทองแดงเลยได้เลยด้วยซ้ำ ตอนที่มาถึงก็เจอขวดเหล้ากว่าสิบขวดกองอยู่บนโต๊ะ รวมทั้งสาวๆ ที่ยังมิวายเข้ามาอ่อยเพื่อนตัวเอง แต่ทุกรายก็ถูกมันตวาดกลับไปจนในที่สุดไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งอีก และที่พวกเขาสมน้ำหน้าก็เพราะรู้ว่ามันทำตัวมันเอง

     

    “กูว่าหิ้วมันกลับบ้านเถอะ” เทาเสนอความคิดเห็นออกมาหลังจากเงียบไปนาน

    “เดี๋ยวกูไปส่งก็ได้ ทางผ่านพอดี” แอลอาสา

    “เอารถมันไว้นี่แหละ พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวกูให้คนที่บ้านมาเอา” เซฮุน

    “เออ งั้นฝากด้วยนะเว้ย กูไปก่อน” ลู่ฮานพูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันทีโดยไม่สนจะปรายตามองเพื่อนตัวเอง เขาล่ะเบื่อพวกเวลาอกหักแล้วใช้เหล้าเป็นทางออกจริงๆ

    “กูไปด้วย เหม็นชิบหาย” เซฮุนบ่นแล้วเดินจากไปตามด้วยเทาที่ไม่ได้พูดอะไรแต่ตบบ่าแอลสื่อว่าฝากด้วย

     

    เมื่อทุกคนจากไปกันหมด แอลก็หันกลับมามองเพื่อนตัวเองที่หลับไปแล้วก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา เขาพยุงเพื่อนให้ขึ้นมานั่งหลังพิงเบาะอย่างปกติก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาใครบางคน

    แต่...ขณะที่แอลกำลังไล่หาเบอร์คนๆ นั้น มือหนากลับสั่นอย่างรุนแรง จนต้องวางโทรศัพท์หรูไว้บนโต๊ะแล้วลูบหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดจนผมเผ้ายุ่งเหยิง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมาแล้วพยายามรวบรวมความคิดกับสิ่งที่เขากำลังจะทำ ใบหน้าหวานที่เข้ามาอยู่ในหัวใจเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ลอยขึ้นมาพร้อมกับคำสารภาพที่หมายถึงเพื่อนเขา มันทำให้เขาหน่วงหัวใจและสับสนอย่างบอกไม่ถูก เขาเฝ้าบอกตัวเองตลอดว่าเธอไม่มีความหมายอะไรแต่...กลับไม่ได้ผล

     

    “โธ่เว้ย!” แอลคิดว่าตัวเองสบถเสียงดังแต่สิ่งที่ออกมากลับแหบพร่า เม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างคิดหนักก่อนจะตัดสินใจทำสิ่งที่เขาคิดว่ามันคงดีที่สุดสำหรับเธอ...

     

    เบซูจี

     

    เขามองชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความเจ็บปวดแต่ครั้งนี้เขาจะไม่ใช้อารมณ์และความรู้สึกของตัวเองตัดสินใจ ซูจีอุตส่าห์ทุ่มสุดตัวเพื่อนที่จะได้ก้าวมาอยู่เคียงข้างไค ยอมนอนกับเพื่อนของคนที่ชอบโดยหวังเพียงได้ใกล้ชิดเพื่อนสนิทของเขา แล้วอย่างนี้เขาจะผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับเธอได้ยังไง

    ไม่นานปลายสายก็รับ แอลรีบนัดแนะให้เธอมาพบและบอกสถานที่ไป ซูจีไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้แคลงใจแต่อย่างใด

    หลังจากวางสายเขาก็จัดการจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มของเพื่อนตัวดีแล้วเรียกพนักงานมาช่วยพยุงไคไปที่รถเขาโดยที่ในหัวยังคงมีเรื่องมากมายให้เขาปวดหัว

     

     เฮ้อ...ถ้าหลังจากนี้เขาโดนเพื่อนโกรธ เขาจะไม่โทษใครเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เข้ามาก่อนสิ” แอลบอกซูจีที่เพิ่งมาถึงบ้านของไคหลังจากเขามาถึงเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว ซูจีมองแอลอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็ไม่ถามอะไรแล้วเข้าเดินผ่านแอลเข้ามาด้านใน เธอมองสำรวจบ้านด้วยความแปลกใจเพราะมั่นใจว่านี่ไม่ใช่บ้านแอลแน่นอน “บ้านไคน่ะ” แอลตอบเมื่อเห็นสายตาเชิงคำถามของหญิงสาว

     

    หลังจากได้ยินคำตอบ ซูจีก็อดไม่ได้ที่จะตกใจระคนสงสัย แอลไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเต็ม เขาเดินผ่านหน้าเธอไปยังด้านหลังซึ่งหน้าจะเป็นห้องครัวก่อนที่จะกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำที่บรรจุของเหลวสีส้ม

     

    “ฉันมีอะไรจะถาม” แววตาจริงจังของเขาที่มองมาทำให้เธอเก็บความสงสัยที่ว่าทำไมต้องนัดเธอมาที่นี่ลงไป ซูจีรอฟังสิ่งที่เขาพูดอย่างตั้งใจ “เธอ...ยังรักไคอยู่ใช่มั้ย ?

     

    หัวใจซูจีร่วงลงแทบเท้าทันทีที่ได้ยินคำถามจากเขา เธอเผลอทำหน้าเหวอแต่ก็รีบเก็บอาการอย่างรวดเร็วก่อนจะมองเขากลับไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้ให้ลึกที่สุด เพราะเขาไม่เคยสนใจเธอเลย ไม่เคยมองว่าเธอมีค่า แล้วทำไมคนที่มีดีพร้อมทุกอย่างอย่างเบซูจีคนนี้ต้องไปสนใจผู้ชายอย่างเขาด้วย

     

    “...” ซูจีไม่ตอบแต่พยักหน้าช้าๆ และเธอรู้สึกเหมือนตัวเองตาฝาดที่เห็นดวงตาคมตรงหน้าทอประกายแห่งความเสียใจ

    “ก็ดี”

     

    เธอคงมองผิดไป คงเป็นเพราะความเสียใจที่วิ่งพล่านไปทั่วร่างกายทำให้เธอคิดเข้าข้างตัวว่าเขาจะเสียใจที่เธอบอกว่ารักไค

     

    “ถ้าเธอมีโอกาสจะนอนกับมัน...เธอจะทำมั้ย”

    !!!

    “...” แววตาเฉยชาที่มองมาเหมือนเธอไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาทำให้ซูจีกัดริมฝีปากแล้วเบือนหน้าหนีแววตาคมก่อนที่ตัวเองจะเผลอเผยความอ่อนแอให้เขาเห็น

     

    เขาไม่เห็นค่าเธอจริงๆ ใช่มั้ย...? สักนิดก็ไม่เลยเหรอ ?

     

    ถ้าเขารักเธอสักนิด แอลคงไม่ถามอะไรแบบนี้ และเพราะความน้อยใจที่อัดแน่นอยู่ทั่วอกจนทำให้ขอบตาร้อนผ่าวเธอเลยตอบออกไปอย่างแผ่วเบา

     

    “อือ”

     

    เนื่องจากซูจีหันหน้าไปด้านข้างซูจีเลยไม่มีโอกาสได้เห็นว่าผู้ชายที่เธอรักผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว มือที่ถือแก้วน้ำสั่นอย่างรุนแรงจนคนตัวสูงต้องใช้มือเท้าพนักโซฟากันตัวเองทรุดนั่งลงกับพื้น

    ทั้งสองต่างตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดของตัวเอง และปล่อยเวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงหึ่งๆ ของเครื่องปรับอากาศ ผ่านไปเกือบสิบนาที แอลที่เป็นฝ่ายรวบรวมสติแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง

     

    “เข้าใจล่ะ” แอลยืนหลังตรงด้วยใบหน้าที่แสร้งทำเป็นอ่อนโยนกลบเกลื่อนความเสียใจและความสับสน ก่อนจะก้าวไปหาผู้หญิงตรงหน้าช้าๆ “ดื่มสิ”

    “...” ซูจีหันมามองหน้าคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อกี้เขายังถามคำถามประหลาดๆ ที่ทำให้เธอเจ็บจนแทบยืนไม่ไหว แต่ตอนนี้เขากลับกำลังทำหน้าอ่อนโยนอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

    “ฉันเรียกเธอมาวันนี้เพื่อให้ช่วยดูแลไค มันเมาเละอยู่บนห้อง เห็นว่าเธอบอกว่าชอบมันเลยตามตัวมาทำคะแนน”

    “...” ซูจีมองแอลอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่เพราะใบหน้าที่อ่อนโยนขณะพูดประโยคเหล่านั้นทำให้เธอสับสนและพูดไม่ออก

    “ดื่มน้ำนี่สิ ฉันคั้นรอเธอเลยนะ”

     

    ซูจีมองมันอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่ แต่พอสบกับสายตาอ่อนโยนของผู้ชายที่เธอแอบชอบมาสามปีเต็มมันทำให้เธอยื่นมือออกไปรับช้าๆ โดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองว่าทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงเปลี่ยนไป

     

    “ดื่มสิ”

     

    นัยน์ตีสีอำพันเหมือนเป็นตัวสะกดให้เธอยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากแล้วยกดื่มช้าๆ จนหมดแก้ว แอลดึงแก้วกลับไปแล้วเข้ามาจับมือเธอพลางส่งยิ้มหวานมาให้ และนั่นทำให้หัวใจซูจีเต้นรัวเพราะไม่เคยเห็นเขาปฏิบัติอย่างนี้มาก่อน

     

    “เดี๋ยวฉันพาขึ้นไป มันเมามากน่ะ ถ้าได้ผู้หญิงสวยๆ มาดูแลคงจะดี” แอลพูดเสียงเบาหวิวขณะที่ลูบหัวเธอก่อนจะจูงมือเธอขึ้นชั้นสองไปยังห้องของไค

     

    ห้องนอนไคไม่ได้ต่างจากห้องนอนของแอลสักเท่าไหร่ โทนสีขาวน้ำเงินทำให้ห้องดูกว้างและสบายตา เมื่อมองไปยังเตียงด้านในสุดของห้องก็เห็นไคนอนแผ่อยู่บนนั้น ดูเหมือนเขาจะหลับเสียแล้ว ซูจีนิ่วหน้าเมื่อสูดกลิ่นแอลกอฮอล์เข้าไป ดูท่าแล้วไคคงดื่มหนักมากจริงๆ ถึงมีได้กลิ่นคลุ้งไปทั่วห้องขนาดนี้

    ซูจหันหน้ามองแอลที่หยุดยืนอยู่ข้างๆ เธอ เขายิ้มให้เธอแล้วเพยิดหน้าไปทางไคราวกับต้องการสื่อว่า...ไปดูแลเขาสิ โอกาสมาถึงแล้ว

     

    “ฉันว่าฉันเรียกคริสตัลมาดีกว่า”

     

    ไม่รู้อะไรดลใจให้ซูจีพูดออกไปแบบนั้น แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเข้าไปใกล้

     

    “เธอไม่อยากทำคะแนนเหรอ”

    “แต่...”

    “อย่าห่วงเรื่องอื่นเลย วันนี้ไคมันไปหาคริสตัลมา แต่คริสตัลไม่เอาไอ้ไคแล้ว” แอลบอกตามความจริง เขาได้ฟังสาเหตุที่ทำให้ให้เพื่อนสนิทเมาระหว่างทางมาที่นี่เพราะเจ้าตัวเผลอเล่าออกมาเอง

    “ฉัน...” ซูจีกำลังจะปฏิเสธแต่แอลกับยื่นนิ้วมาแตะริมฝีปากเธอไว้

    “แค่เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็กลับ”

    “แต่ฉันว่า...”

    “เดี๋ยวฉันลงไปรอข้างล่าง เสร็จแล้วจะไปส่งที่บ้าน ผู้หญิงขับรถกลับคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตราย” น้ำเสียงนุ่มนวลทำให้ซูจีพยักหน้าลงช้าๆเ มื่อแอลเห็นอย่างนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป

     

    เฮ้อ...

     

    แอลถอนหายใจยาวหวังให้ตัวเองสบายใจ แต่ไม่ใช่เขากลับรู้สึกเครียดและสับสนกับสิ่งที่ทำอย่างมาก มากจนทำให้มือไม้สั่น ขาที่กำลังก้าวลงบันไดสั่นจนเขาต้องจับราวบันไดแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดสภาพ

    เพียงแค่คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้...หัวใจเขาก็เจ็บ เจ็บจนอยากจะควักมันออกมาแล้วปาทิ้งไป  แอลยกสองมือขึ้นลูบใบหน้าไล่ความกระวนกระวาย ความสับสน ความเสียใจและอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อคนรู้จัก

     

    “จองตั๋วไปปารีสให้ฉันที เอาไฟท์ที่เร็วที่สุด คืนนี้ได้ยิ่งดี”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อีกด้านหนึ่งของประตูห้องนอน ซูจีค่อยๆ ก้าวไปหยุดยืนข้างเตียง มองสภาพคนที่ถูกเพื่อนเธอทิ้งด้วยแววตาสงสาร ไม่แปลกหรอกที่คนอย่างคริสตัลจะโกรธและเกลียดไคฝังหุ่น นิสัยของเพื่อนเธอเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ถ้าใครดีมาคริสตัลก็จะดีตอบ แต่ถ้าร้ายมาคริสตัลก็จะร้ายตอบ และอย่างหวังว่าคนๆ นั้นจะได้มิตรไมตรีกลับไปอีกครั้ง

     

    “คุณไม่น่าเลย” เธอพึนพำเสียงเบาก่อนจะไปหันหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่แอลเตรีนมวางไว้โดยที่ข้างๆ มีชุดนอนหนึ่งชุด หลังจากเตรียมอุปกรณ์เช็ดตัวเรียบร้อยเธอก็จัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตไคช้าๆ โดยที่ตัวเองนั่งลงข้างๆ คนเมา “เหม็นจริงๆ”

    “คะ คริสตัล...”

    “ฉันไม่ใชคริสตัลค่ะ ฉันเป็นเพื่อนเธอ” ซูจีบอกอย่างไม่ใส่ใจแล้วจัดการพยุงร่างหนาให้ยกตัวสูงขึ้นเพื่อที่เธอจะได้ถอดเสื้อเชิ้ตได้ถนัด “คุณเมามากนะคะคุณไค ฉันแค่มาช่วยคุณเฉยๆ”

    “...”

     

    ซูจีผละจากร่างที่กำลังนอนเปลือยอกไปยังใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้ม ทุกลมหายใจเข้าออกของเขามีกลิ่นเหม็นจนทำให้เธออยากจะวิ่งเข้าไปอ้วกในห้องน้ำ แต่ก็กลั้นใจทำต่อไปเมื่อคิดว่าแอลกำลังรอเธออยู่ด้านล่าง

    นานทีเขาจะเสนอตัวไปส่งเธอกลับบ้าน...แม้จะเจ็บจากคำพูดร้ายกาจ แต่เธอก็อยากอยู่ใกล้ชิดกับเขาอยู่ดี...โง่ชะมัดเลยเนาะ

     

    “คะ...คริสตัล ผมขอโทษ”

     

    ซูจีส่ายหน้ากับอาการละเมอแล้วลงมือเช็ดตัวลงบนลำคอ แต่คนบนเตียงกลับไม่ให้ความร่วมมือ ไคเอื้อมมาจับข้อมือเธอไว้แล้วกระชากให้เข้าไปใกล้

     

    !!!

     

    “คุณคิมไค!” ซูจีร้องเสียงหลงแล้วพยายามยันตัวขึ้นแต่คนเมาดันรัดตัวเธอแน่นจนตอนนี้ครึ่งตัวของเธอราบไปกับอกเปลือยของไคเป็นที่เรียบร้อย

    “ฉันชอบเธอ...จริงๆ นะ”

    “คุณไค คุณเมาแล้วนะคะ ฉันไม่ใช่คริสตัล ปล่อย!

    “ไม่...เธอจะไปไหน ฉันไม่ให้เธอไป”

     

    ซูถอนหายใจอย่างไม่อยากเขื่อว่าคิมไคสุดหล่อเวลาเมาจะอาการหนักถึงขนาดนี้

     

    “คุณลืมตาขึ้นมาดูสิ ฉันไม่ใช่คริสตัลของคุณ!!

     

    ร่างหนาไม่ตอบแต่กลับรัดร่างบางให้แน่นขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไร ในหัวไคตอนนี้มีแต่คริสตัลๆ เต็มไปหมด

     

    “อ๊ะ” ซูจีร้องเสียงหลงเมื่อมือหนาจับเข้าที่เอวคอดกิ่วของเธอแน่น แต่...

     

    มีบางอย่างผิดปกติ...

     

    ซูจีรู้สึกถึงบางอย่างในร่างกายเธอที่เปลี่ยนไป สัมผัสที่อยู่ตรงเอวทำให้เธอร้อนอย่างไม่น่าเป็นไปได้ แม้แต่ตัวซูจีเองยังไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะชอบสัมผัสหนักๆ ที่กำลังเลื่อนต่ำลงไปเคล้าคลึงสะโพกของตัวเอง ด้วยอารมณ์แห่งความสับสนและความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังวิ่งพล่านไปทั่วร่าง เธอจึงลืมที่จะร้องห้าม และลืมบอกปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่คริสตัล

     

    ร้อน...

     

    ร้อนมาก...

     

    ซูจีพยายามเรียกสติตัวเองด้วยการกัดริมฝีปากแรงๆ และผละจากร่างหนาไปอยู่อีกฝั่งได้สำเร็จ ไคหงุดหงิดที่อยู่ดีๆ ร่างที่เขากำลังลูบไล้อยู่ก็หายไปจึงเอื้อมมือควานหาโดยที่ยังไม่ลืมตา ส่วนซูจีหายใจเข้าลึกๆ และตบแก้มตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงกลายมาเป็นแบบนี้ เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมร่างกายเธอถึงตอบสนองสัมผัสของผู้ชายที่เธอไม่ได้มีใจให้

     

    ร้อนมาก...

     

    เหงื่อผุดขึ้นตามหน้าผากเนียนสวย ตามความรู้สึกร้อนรุ่มที่กำลังโจมตีร่างกายซูจีอย่างไม่ทราบสาเหตุ มือไม้สั่นอยากจะกระชากเสื้อของตัวเองให้หลุดออกจากร่าง

     

    อยู่ดีๆ ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้...วันนี้ทั้งวันเธอไม่ได้กินอะไรผิดแปลกไปเลยสักนิด อีกอย่างห้องนี้ก็เปิดแอร์เย็นฉ่ำจนตอนแรกเธอรู้สึกหนาวซะด้วยซ้ำ

     

    “อื้อ!” ซูจีร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงความทรมานที่กำลังโจมตีร่างกายจนต้องร้องเรียกชื่อคนที่เธออยากให้เข้ามาช่วย “อะ แอล...”

     

    !!!

     

    “แอล!!

     

    หรือว่า...

     

    น้ำส้มนั่น!!

     

    ซูจีไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้ว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร อาการที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้เธอเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้วจากคนใกล้ตัว ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองด้วย และไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะใจร้ายกับเธอถึงเพียงนี้...

    เมื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงซูจีก็เตรียมจะลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อให้น้ำเย็นๆ ชำระล้างความรู้สึกที่กำลังร้อนรุ่ม แต่ไม่ทันที่ขาจะได้สัมผัสพื้น เธอก็ถูกคนเมาจับข้อมือไว้เสียก่อน ไคกระชากเจ้าของข้อมือเล็กเข้าหาตัวจนฝ่ายหญิงนอนราบไปกับร่างกายแกร่ง

     

    “นะ นาย” น้ำเสียงซูจีเริ่มแหบเพราะเธอกำลังควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือไม้สั่นไปหมด และเธออยากกัดลิ้นตัวเองให้ตายๆ ไปซะ เมื่อเกิดความรู้สึกอยากจะสัมผัสร่างของชายหนุ่มเบื้องล่าง

     

    เธอไม่รู้หรอกว่าแอลให้เธอกินในปริมาณเท่าไหร่...เท่าที่เธอรู้ตอนนี้คือ...เธอต้องการให้มือที่กำลังลูบไล้เอวเธอทำมากกว่านั้น

     

    “คริสตัล” ไคพึมพำพลางประกบปากจูบผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นคริสตัลอย่างดูดดื่ม และไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายผละหนี

     

    ซูจีที่ถูกยาปลุกเซ็กซ์เล่นงานถึงกับน้ำตาไหลเพราะความรู้สึกกับร่างกายกำลังสวนทางกัน ร่างกายตัวเองตอบสนองจูบของผู้ชายตรงหน้าแต่เธอไม่อยากทำยังงั้นเลยสักนิด ยิ่งเห็นมือตัวเองที่กำลังลูบไล้หน้าอกแกร่งเธอก็อยากจะฆ่าตัวตายไปซะ แต่เธอก็ทำไมได้เพราะถ้าเธอไม่ทำย่างนี้ตัวเองคงต้องตายเพราะพิษยาแน่ๆ

     

    ไคไม่ผิด...เขาเมาและไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย

     

    แต่กับคนๆ นั้น คนที่ทำร้ายเธอถึงขนาดนี้ คนที่ป้อนยาให้เธอกลับมือ คนๆ นั้นคือคนเดียวกับที่เธอรัก

     

    แอล...เขาทำยังงี้กับเธอได้ยังไง

     

     

     

     

    ---------------------------------------

     

     

     

     

     

    Krystal’s part

     

     

    มันเป็นความซวยของฉันที่ดันลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บ้านไค วันนี้เลยต้องมาถึงที่นี่ ไม่รู้หรอกว่าเขาอยู่หรือเปล่า แต่ฉันก็ตัดสินใจมาเผื่อว่าไคยังไม่ได้เปลี่ยนพาสเวิร์ดจะได้แอบเข้าไปเอาเอกสารแล้วกลับเลย เวลาเช้าๆ อย่างนี้ ไคคงยังไม่ตื่น

    ถ้าไม่ใช้เพราะเอกสารนั่นเกี่ยวกับครอบครัวฉันแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าฉันจะมาเหยียบที่นี่อีกเป็นอันขาด

    เมื่อจอดรถเรียบร้อยไว้หน้าบ้านเรียบร้อยฉันก็ลองกดพาสเวิร์ดดู

     

    กิ่ก

     

    หลังจากเข้ามาในบ้านเดี่ยวแล้ว ฉันก็ต้องฝ่าด่านประตูด้านในอีก โชคดีที่พาสเวิร์ดยังไม่เปลี่ยนฉันเลยเข้ามาในตัวบ้านได้โดยไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือใดๆ จากเจ้าของบ้าน ขณะที่กำลังถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองฉันก็ต้องชะงักเมื่อบนพื้นมีรองเท้าสนสูงหุ้มด้วยผ้าไหนซาตินประดับคริสตัลของ Andrew Kayla ที่ฉันจำได้ว่าในเกาหลีมีขายอยู่เพียงคู่เดียวและผู้โชคดีที่ได้มันไปก็คือเบซูจี

     

    บ้าน่า...อาจจะมาเป็นผู้หญิงคนอื่นก็ได้ ใช่ว่าในโลกนี้จะมีอยู่คู่เดียวซะหน่อยหรือไม่ก็อาจจะเป็นของปลอมก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ฉันมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าเจ้าของบ้านหลังนี้พาสาวมาค้างที่บ้านอีกแล้ว เหอะ ทีเมื่อวานล่ะทำมาขอโทษฉันที่ไหนได้ ดีแต่ปากน่ะสิ! จริงๆ แล้วฉันตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะเลิกคิดเรื่องไคแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสียผู้ชายสองหน้าคนนั้น

             

              ฉันขึ้นไปยังชั้นสองแล้วรีบตรงไปยังห้องที่ตัวเองเคยนอน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ของใช้ที่ฉันไม่ได้เอากลับไปยังวางอยู่ที่เดิมราวกับเจ้าของห้องไม่ได้สนใจอะไรมัน หลังจากหาเอกสารที่ลืมไว้เจอแล้วฉันก็รีบลงไปยังชั้นล่างโดยที่แทบจะไม่มีเสียงฝ่าเท้าเลยด้วยซ้ำ

     

              !!!

     

              แต่แล้วสิ่งหนึ่งกลับสะดุดตาฉันเป็นอย่างมาก

     

              กระเป๋าหนังแก้วสีส้มนั่นมัน...

     

              เท้าสองข้างของฉันเดินตรงไปยังโต๊ะที่บนนั่นมีกระเป๋าใบนั้นวางไว้อย่างรวดเร็ว โดยที่ในใจสับสนไปหมด ฉันหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอักษรตัวเล็กๆ ด้านมุมกระเป๋าสลักเป็นคำว่า ‘Our Suzy’

     

              !!!

     

              ฉันปล่อยกระเป๋าใบนั้นลงพื้นอย่างแรงจนข้าวของกระจัดกระจายแต่ก็ไม่คิดจะเก็บ มือสองข้างยกขึ้นปิดปากอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น ทั้งรองเท้าและกระเป๋า ฉันมั่นใจเลยว่าผู้หญิงที่มาค้างกับไคต้องเป็นเพื่อนสนิทตัวเองแน่ๆ โดยเฉพาะกระเป๋าใบนี้ที่ฉันและเพื่อนอีกสามคนลงเงินกันสั่งทำหระเป๋าเนื้อดีให้เพื่อนรักในงานครบรอบวันเกิดเมื่อปีที่แล้วเพราะฉะนั้นฉันมั่นใจว่ากระเป๋าใบนี้มีใบเดียวบนโลก

     

              นี่มันบ้าไปแล้ว...

     

     

     

             

    -------------------------------------------

     

     

     

     

    จูเนียลที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่มองผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้าของไคด้วยความสงสัย เพราะใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นซีดเผือกราวกับเจอเรื่องช็อก อีกทั้งคริสตัลยังวิ่งผ่านเธอไปราวกับเธอไม่มีตัวตน อาการต่างๆ ที่แสดงออกบนใบหน้าของคริสตัลทำให้จูเนียลมองตามอย่างสงสัยจนกระทั่งรถของผู้หญิงคนนั้นหายลับไป

     

    เกิดอะไรขึ้นกัน...

     

    วันนี้จูเนียลมาที่บ้านไคเพราะว่าเขาหนีหน้าเธอมาตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ เธอจะเข้าไปเยี่ยม แต่ถูกเพื่อนๆ เขาห้ามไว้แล้วอ้างว่าไคต้องการพักผ่อนซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ว่าเพื่อนเขาโกหก วันนี้เธอเลยตั้งใจจะมาง้อเขาถึงที่บ้าน นิ้วเรียวกดรหัสที่เคยหลอกถามตอนเขาเมาในช่วงที่ทั้งสองคบกันอยู่อย่างคล่องแคล่วจนกระทั่งเข้ามาในตัวบ้าน

     

              !!!

     

              จูเนียลยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างคนมีแผนเมื่อเห็นว่าอะไรเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ หญิงสาวไม่คิดเลยว่าการที่เธอตั้งใจจะมาง้อเขาจะได้เจอเรื่องน่าตื่นเต้นแบบนี้แทน

     

              หึ เธอพบสาเหตุที่ทำให้คริสตัลวิ่งหน้าซีดออกไปแบบนั้นแล้วล่ะ

     

     

    “สวัสดีค่ะพี่คริสตัล...นี่จูเนียลเองนะคะ...เรามาเจอกันหน่อยมั้ย...”

     

     

     

    -------------------------------------

     

     

     

     

    Sulli’s part

     

     

    ปึง!!

     

    “นี่มันหมายความว่ายังไง!!

     

    ฉันยืนสมาร์ทโฟนที่กำลังเปิดค้างภาพถ่ายในห้องของฉันที่เต็มไปด้วยสัมภาระของผู้ชายที่ชื่อว่า หวังจื่อเถา เขาทำฉันอารมณ์เสียแต่เช้าที่ต้องตื่นนอนแล้วมาเจอกระเป๋าเสื้อผ้ารวมทั้งของใช้ส่วนตัวของผู้ชายวางอยู่กลางห้องนั่งเล่นเต็มไปหมด

    ตัวต้นเหตุของเรื่องเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารขึ้นมามองฉันแวบหนึ่งก่อนที่จะเผยรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากราวกับสนุกที่เห็นฉันเดือดดาล

     

    “ก็หมายความตามที่คุณคิด” เขารับสมาร์ทโฟนไปถือไว้แล้วมองรูปภาพในนั้นโดยไม่โต้แย้งแต่อย่างใด

    “จื่อเทา! เราตกลงกันแล้วนะว่าฉันจะกลับมานอนห้องฉัน”

    “ผมก็ทำตามที่คุณบอกแล้วไง นี่คุณก็นอนห้องคุณอยู่ มีแค่ผมที่เป็นฝ่ายย้ายมานอนด้วย”

    “จื่อเทา!!

    “ครับ ?” เขาเอ่ยรับพร้อมกับใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มชวนหงุดหงิด

    “ได้ อยากนอนห้องฉันมากงั้นก็เชิญนายเหอะ ฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน” พูดด้วยใบหน้าเชิดๆ พร้อมกับยืดหลังตรง

    “ผมก็จะย้ายไปนอนบ้านคุณ”

    !!!

    “เชื่อมั้ยว่าพ่อคุณต้องสนับสนุนแน่ๆ เพราะท่านอยากให้เราสองคนแต่งงานกันไวๆ อยู่แล้ว ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งคุณปล้ำผมขึ้นมา ท่านคงยินดีรับผิดชอบ”

    “ตาบ้า! ใครจะปล้ำนายกันยะ”

    “ไม่รู้สิ วันนั้นยังเห็นจูบเอาๆ”

    “ก็เพราะนาย

    “ผมทำไม ?

    “ก็นาย...” ก็นายแกล้งยั่วฉันก่อนน่ะสิ ฉันได้แต่ต่อประโยคอยู่ในใจแล้วหันหลังหนีใบหน้าเจ้าเล่ห์ที่กำลังยิ้มหน้าบานนั่น ถ้าให้เดาตอนนี้หน้าฉันต้องแดงมากๆ แน่ๆ

     

    บ้าเอ้ย~ -///////-

     

    “ฮ่าๆ เอาน่า ไม่เห็นต้องเขินเลย ยังไงเราสองคนคงได้จูบกันบ่อยๆ เล่นเข้ากันได้ซะแบบนั้น”

    “นี่!

     

    ฉันหันกลับไปมองคนที่กำลังนั่งยิ้มอยู่หลังโต๊ะทำงานตาเขียว คนบ้าอะไรกล้าพูดเรื่องแบบนั้นได้หน้าตาเฉย

     

    “เหอะ ฉันกลับล่ะ” เมื่อคิดว่าไร้ประโยชน์ที่จะต่อร้องต่อเถียงกับคนเจ้าเล่ห์อย่างเทา ฉันก็เชิดหน้าเตรียมจะเดินออกจากห้องแต่ถูกมือหนาจับเข้าที่ข้อมือซะก่อน เทาที่ลุกออกมาจากเก้าอี้หยุดยืนอยู่ข้างๆ ฉันพร้อมกับจับมือฉันไว้แน่น

    “ให้ผมนอนกับคุณเถอะนะ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร”

    “ไม่มีทาง”

    “จริงๆ” เทาเปลี่ยนมาทำหน้าจริงจังและสบตาฉันเป็นเชิงขอร้อง

    “สาบานด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย” เทายกมือขึ้นเป็นเชิงสาบาน

    “...”

    “นะครับ” เพิ่มระดับความน่าสงสารด้วยการทำตาละห้อย

    “ฉันมีห้องนอนแขกอยู่ นายนอนห้องนั้นไปแล้วกัน”

    “ห๊ะ”

    “ไม่งั้นก็นอนที่โซฟา”

    “แล้วเตียงคุณไม่ว่างหรือไง”

    “ว่างแต่ไม่อนุญาต”

    “ไรวะ”

     

    ฉันยักคิ้วใส่เขาอย่างมีชัย เทาทำหน้าเบื่อโลกแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง

     

    “ผมนอนห้องนอนแขกก็ได้”

    “ดี ^_^

     

    หลังจากตกลงกันได้เรียบร้อยฉันกับเขาก็ไปหาข้าวกลางวันทานกันก่อนที่จะตรงเข้าคอนโดเลย เพราะเทาอยากจะจัดของที่เขาฝากให้ลูกน้องไปไว้ที่คอนโดฉันเมื่อเช้านี้

    จริงๆ แล้วเขาเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยทีเดียว เวลาเราสองคนไปไหนมาไหนด้วยกันเทาจะดูแลฉันเป็นอย่างดีและออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ แต่บางทีฉันก็รู้สึกเกรงๆ เหมือนกันนะที่ต้องนั่งมองเขาควักเงินอยู่ฝ่ายเดียว แม้ว่าเขาจะรวย (มาก) แต่ฉันก็รู้สึกเกรงใจเขาอยู่ดี

     

    “ทำไมนายถึงชอบฉันล่ะ” ฉันโพล่งขึ้นถามขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับคอนโคโดยที่เทาเป็นฝ่ายขับรถ

    “ทำไมถึงถามล่ะ” เทาไม่ตอบและถามกลับโดยไม่ได้ละสายตาจากถนนเบื้องหน้า

    “อยากรู้...ฉันจำไม่ได้ว่าเคยทำตัวดีๆ กับนาย”

     “...”

    “ว่าไง ? คงไม่ได้ตอบว่าไม่มีเหตุผลหรอกนะ คำพูดนั้นมีแต่ในละครเท่านั้นแหละ”

    “แสดงว่าคุณไม่เคยรักใครสินะ...”

    “ใช่” ฉันตอบทันที่เทาพูดจบประโยค ฉันไม่เคยรักผู้ชายคนไหนนอกจากพ่อ ทุกคนที่ผ่านมาก็แค่สนุกๆ เฉยๆ ไม่เคยมีใครได้เป็นแฟนเพราะฉันไม่เคยเจอคนที่สามารถเข้ากันได้ อย่าว่าแต่แฟนเลยแค่เพื่อนผู้ชายยังไม่ค่อยจะมี

     

    เทาหันมามองฉันด้วยสายตาสื่อแววตลกขบขับก่อนที่เจ้าตัวจะยกยิ้มมุมปากแล้วหันกลับไปขับรถต่อไป

     

    “ไม่อยากเชื่อเลยแฮะ...”

    “ทำไม ?

    “ก็คุณจูบเก่งออก”

    “เหอะ” ฉันกรอกตาขึ้นลงแล้วเบือนหน้าไปยังวิวด้านนอก “ไม่มีแฟนไม่ได้หมายความว่าไม่เคยควงผู้ชาย”

    “ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าคุณมันฮอต”

     “แน่นอน อ่ะ แต่อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง นายยังไม่บอกเลยว่าทำไมถึงชอบฉัน” คราวนี้ฉันหันกลับไปจ้องคนขับรถตาเขม็ง

    “...”

    “บอกมาเร็วๆ สิ”

    “อืม...” เทาทำหน้าครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ฉันที่รอฟังคำตอบก็พลอยใจเต้นแรงไปด้วย “คงเพราะไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองล่ะมั้ง”

    “หมายความว่าไง”

    “ก็หมายความว่าผมแคร์คุณไง” เขาตอบโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่บนถนนเหมือนเดิม ผิดกลับฉันที่มองเทาอย่างอึ้งๆ

    “...”

    “ตอนเห็นคุณป่วย ผมไม่เป็นอันทำงานเลย และผมก็โกรธมากจนเผลอทำร้ายคุณตอนคุณบอกจะถอนหมั้นผมโดยใช้ผู้ชายคนอื่นมาเป็นข้ออ้าง ผมก็ไม่เคยรักใครเป็นจริงเป็นจังหรอกนะ แต่ผมก็พอจะรู้ว่าความรักมันเป็นยังไง”

    “...”

    “เวลาผมรักใคร...ผมจะคิดถึงแต่เขาเป็นคนแรกยามตื่นนอนและเป็นคนสุดท้ายก่อนเข้านอน ผมชอบที่จะแกล้งให้คนๆ นั้นหน้าแดงและโกรธเพราะนั่นหมายความว่าเธอแคร์ในตัวผม หาเรื่องให้ได้อยู่ใกล้ๆ แม้ว่าจะถูกด่าก็ไม่เป็นไร แค่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาให้หัวใจเต้นแรงผมก็มีความสุขแล้ว”

    “...”

    “และ เขา คนนั้นก็คือ คุณ  ชเวซอลลี่...”

     

    รถคันหรูหยุดลงเป็นจังหวะเดียวกับที่เทาพูดประโยคนั้นจบ เจ้าของคำพูดคมคายหันมามองฉันด้วยแววตาจริงจังเฉกเช่นเดียวกับตอนที่เขาสารภาพรักเมื่อตอนอยู่บนเกาะ

     

    “ผมรักคุณตั้งแต่แรกที่เห็นรูป...แต่ผมแค่ขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความจริง”

    !!!” ฉันอ้าปากเหวอเมื่อได้รับรู้ความจริงที่หน้าตกใจ

    “ถ้าผมไม่ตกหลุมรักคุณ...ผมคงไม่บีบบังคับให้คุณมานอนคอนโดเดียวกัน”

    “...”

    “แต่ผมเพิ่งมารู้ตัวเมื่อตอนทำคุณเข้าโรงพยาบาล คุณรู้มั้ยว่าผมเองก็เจ็บไม่แพ้กันที่เป็นคนทำคุณป่วยด้วยน้ำมือตัวเอง ผมไม่เคยขอโทษผู้หญิงคนไหนนอกจากแม่..คุณเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกผิดจนต้องเอ่ยขอโทษ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครเลย บางครั้งคุณทำผมโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้...และนั่นทำให้ผมรู้ว่าคุณได้เข้ามาครอบครองหัวใจผมแล้ว”

    “นะ นาย...”

    “ผมไม่รู้ว่าที่พูดไปเป็นเหตุผลหรือเปล่า...แต่ที่ผมรู้คือผมรักคุณ

     

    เทายิ้มอย่างบางเบาแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันที่กำลังนั่งตัวแข็งทื่อ สัมผัสเย็นๆ จากฝ่ามือหนาบริเวณแก้มทำให้ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเผลอสบตากับนัยน์ตาสีเทามันยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสูญเสียความรู้สึกนึกคิดไปจริงๆ

     

    “แม้ว่าเราจะเพิ่งเจอกันไม่กี่เดือน...แต่ผมมั่นใจว่าคุณคือคนที่ใช่สำหรับผม”

     

    เทาจับฝ่ามือข้างซ้ายขึ้นมาจุมพิตที่หลังแหวนหมั้นอย่างแผ่วเบาโดยที่สายตายังคงอยู่ที่มองมายังฉัน

     

    “ผมรักคุณ...แล้วคุณล่ะ รักผมบ้างหรือเปล่า ?” เขาถามเบาๆ โดยที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจของฝ่ายตรงข้าม

    “...”

    “...”

    “ยัง...” คำตอบสั้นๆ ของฉันทำเอาแววตาผู้ชายตรงหน้าประกายความเสียใจออกมาทันที แต่เทาก็ยิ้มเบาๆ คล้ายให้กำลังใจตนเอง ฉันที่เห็นอย่างนั้นเลยเป็นฝ่ายพลิกฝ่ามือแล้วบีบมือเขาเบาๆ “แต่ฉันชอบนายนะ”

    !!!

    “อาจจะยังไม่รัก...แต่ก็ชอบล่ะมั้ง” ฉันพูดอย่างแผ่วเบาจนแอบคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะไม่ได้ยิน แต่เทากลับยิ้มกว้างแล้วเปลี่ยนมาเป็นดึงแก้มใสๆ ทั้งสองข้างของฉันไปมาแทน

    “ผมเกือบร้องไห้แล้วนะเมื่อกี้”

    “คิๆ” ฉันยิ้มกลับไปแล้วปล่อยให้เทาดึงแก้มตัวเองไปมาไปเรื่อยๆ

    “เดี๋ยวคุณก็ต้องรักผม...เชื่อสิ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนเสน่ห์ของผมได้หรอก”

     

    ว่าแล้วเทาก็พิสูจน์เสน่ห์ของเขาด้วยการแตะริมฝีปากเบาๆ ที่ริมฝีปากฉันก่อนจะผละออกไปแล้วพูดด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ว่า...

     

    “เดี๋ยวไปต่อกันที่ห้อง”

     

     

     

     

    ------------------------------------

     

     

     

     

    Krystal’s part

     

     

    “มีอะไรก็ว่ามาสิ”

    “พี่คริสตัลไม่ทานอะไรก่อนเหรอคะ จูเนียลห่วงว่าพี่จะทานอะไรไม่ลงถ้าจะให้จูเนียลเล่าก่อน”

    “ฉันไม่หิวและไม่ว่างด้วย ถ้ายังมัวแต่เล่นลิ้นฉันจะกลับ” ไม่ได้แค่พูดขู่แต่สายตาที่ส่งไปก็จริงจังไม่แพ้กัน

    “แหม ใจร้อนจริงๆ เลยนะคะ จูเนียลแค่เตือนด้วยความหวังดี”

     

    ฉันสาบานเลยว่าถ้าผู้หญิงคนนี้ยังเล่นหน้าเล่นตาไม่ยอมเลิกฉันจะสาดน้ำเย็นๆ สักแก้วใส่หน้าเธอ ขอบอกเลยว่าวันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ถ้ายังมีคนมาสะกิดอยู่แบบนี้ล่ะก็อีกไม่นานฉันได้ระเบิดแน่ๆ

     

    “จูเนียลมีอะไรจะให้พี่ดูน่ะค่ะ”

    “อะไร”

    “นี่ค่ะ”

     

    จูเนียลยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ฉัน เมื่อรับมันมาเปิดดูฉันก็ต้องตกใจกับสิ่งที่อยู่ข้างใน

     

    “พี่รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ จะตกใจทำไมกัน แค่รูปเพื่อนสนิทกำลังนอนเปลือยกายบนเตียงเดียวกับแฟนเก่า”

    !!!

    “แหม...จูเนียลก็ว่าทำไมวันนี้พี่หน้าซีดๆ ที่ไหนได้เพราะพี่เห็นพวกเขาสองคนนอนด้วยกันนี่เอง”

     

    ฉันมองภาพในมือด้วยความตกตะลึง สิ่งที่จูเนียลพูดมาถูกแค่ครึ่งเดียวนั่นคือฉันรู้ว่าผู้หญิงที่มาค้างกับไคคือเพื่อนฉัน แต่ไม่ได้เห็นอย่างในภาพที่กำลังปรากฏอยู่ในสายตาเพราะหลังจากรู้ว่าเจ้าของรองเท้าส้นสูงนั้นคือซูจีฉันก็รีบออกจากบ้านหลังนั้นโดยที่ไม่ได้ขึ้นไปตรวจหาความจริงถึงห้องนอน

    แต่ลึกๆ แล้วฉันก็คิดอยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะต้องเกิดขึ้น...

     

    ให้ตายสิ ฉันรู้สึกอยากร้องไห้ยังไงไม่รู้

     

    “ต้องการอะไร”

     

    หลังจากรวบรวมสติและปรับสีหน้าให้กลับมานิ่งเฉยเหมือนดั่งปกติฉันก็เอ่ยถามจูเนียลที่กำลังมองมาทางฉันอย่างเหนือกว่า

     

    เชื่อสิว่ายัยเด็กคนนี้ต้องไม่ได้มาดี!

     

    “พี่ก็น่าจะรู้นะคะว่าจูเนียลต้องการอะไรจากพี่...มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นแหละที่จูเนียลอยากได้”

    “...”

    “พี่พอจะเดาออกมั้ยคะ ?

    “...ไค”

     

    รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามทำให้ฉันรู้ทันทีว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมามันถูกต้อง

     

    “ถ้าพี่ยอมเลิกยุ่งกับพี่ไค...จูเนียลจะยอมคืนทั้งหมดนี้ให้ รวมทั้งเมมโมรี่การ์ดด้วย”

    “...”

    “แต่พี่ต้องสัญญาว่าจะไม่ติดต่อพี่ไคอีก ต่อให้พี่ไคเป็นฝ่ายมาหาพี่ก่อนพี่ก็ต้องไม่ยุ่งกับเขา ไม่คุย ไม่มองหน้าทำได้มั้ยคะ!

    “...ถ้าเธอสัญญาว่าจะเอาทุกอย่างที่เกี่ยวกับรูปพวกนี้มาให้ฉัน และไม่เผยแพร่มัน ฉันก็จะตกลง”

    “ค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ”

    “สบายมาก” ฉันตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน “แล้วฉันจะติดต่อเอาของที่เหลืออีกที”

    “เดี๋ยวค่ะ” จูเนียลเรียกฉันไว้ก่อนที่ฉันจะได้ก้าวไปไหน เธอมองหน้าฉันอย่างจับผิดก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงข่มๆ “ถ้าจูเนียลรู้เมื่อไหร่ว่าพี่กับพี่ไคติดต่อกัน...ทุกอย่างที่เราตกลงถือว่าเป็นโมฆะ”

    “...”

    “ถ้าไม่อยากให้เพื่อนของพี่ดังแล้วล่ะก็หวังว่าพี่จะเข้าใจสิ่งที่เราตกลงกันไว้นะคะ”

     

    ฉันพยักหน้ารับคำช้าๆ แล้วเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงน่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่า “แต่ถ้าคนผิดสัญญาเป็นเธอ...รับรองเลยว่าชีวิตที่เหลือของเธอไม่เป็นสุขแน่”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เฮ้อออ~

     

    ฉันถอนหายใจยาวแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ในมือมีรูปเพื่อนรักกับไคนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงเดียวกันถือไว้อยู่ แม้วันนี้จูเนียลจะให้ฉันดูแค่รูปสองรูปแต่ฉันก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น สภาพเตียงที่ยับยู่ยี่รวมทั้งรอยแดงตามลำตัวของซูจีต่างก็เป็นหลักฐานว่าทั้งสองคนผ่านอะไรมา

     

    “เฮ้อออ~

     

    ถอนหายใจอีกครั้งเพราะหวังว่ามันจะช่วยลดความอึดอัดไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ ฉันรู้ว่าต่อให้ถอนหายใจอีกสักร้อยครั้ง ความรู้สึกหน่วงๆ นี้ก็ไม่หายไปหรอกแต่มันก็ยังดีที่ได้ปลดปล่อยออกมาบ้าง

     

    กริ๊งงงงงง~ กริ๊งงงงงง~

     

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายต่อหลายครั้งแต่ฉันไม่สนจะหยิบมันมาดูว่าใครโทรมาเลยด้วยซ้ำ ฉันนอนเหม่อลอยมองเพดานสีเนื้ออ่อนของห้องนอนอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกเป็นคำพูดได้เลยว่าตอนเห็นเพื่อนและเขาคนนั้นนอนด้วยกันมันรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ มันเจ็บ...และปวดหัวใจเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบ ความรู้สึกโกรธเคืองไม่ใช่สิ่งที่ฉันรู้สึก ทว่าฉันกลับรู้สึกถึงความเสียใจและอยากจะร้องไห้

    ยังไงก็ตาม...ฉันกลับไม่มีน้ำตาสักหยด

    เปลือกตาสองข้างไม่สามารถข่มลงได้ อยากจะนอนแต่นอนไม่หลับเพราะทุกครั้งที่หลับตาภาพไคและซูจีก็จะลอยเข้ามาในหัว ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกที...ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีดำสนิทก็สว่างขึ้นอีกครั้ง

     

    เช้าแล้วสินะ...

     

     

     

     

    ----------------------------------------------

    ตอบคำถามนะคะ อีกไม่เกินห้าตอนก็จบค่ะ

    ส่วนเรื่องใหม่มีแน่นอน เร็วๆ นี้      ^_^

     

    ขอบคุณนักอ่านและทุกคอมเม้นต์นะคะ

     
    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×