คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : [[ It's over ]]: Special part ♡♡ 100%
Specail part ♡♡
“มะไม่ไหวแล้ว”
น้ำเสียงครวญครางแหบพร่าจากใต้ร่างหนาเรียกให้เจ้าของใบหน้าคมผุดรอยยิ้มอย่างพึงพอใจที่เห็นร่างขาวสะอาดตาส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเปล่งเสียงครางอย่างยั่วยวน แอลโน้มตัวลงปิดปากเจ้าของเสียงนั่นอย่างทนไม่ไหว ภาพที่เธอสะบัดหน้าไปมาพลางทำตาปรือๆ มันทำให้เขาเครื่องร้อนจนอยากจะพุ่งตัวโถมสุดกำลังเข้าร่างบางให้มันเสร็จๆ ไป แต่เมื่อคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะร่วมรักกับเธอ แอลจึงปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เวลาผ่านไปนานพอสมควรที่แอลกลั่นแกล้งร่างบางโดยการไม่ยอมปล่อยให้เธอได้แตะขอบสวรรค์ง่ายๆ ซูจีได้แต่ปล่อยให้คนบนร่างทรมานตัวเองอย่างคนไร้ทางสู้ ไม่สิ...เธอเลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เองตั้งแต่แรก เธอเต็มใจเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่เขาจะได้สนใจเธอบ้างแล้วก็เป็นเธอเองที่ติดบ่วงเสน่ห์หาผู้ชายคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น ถ้าจะให้ตัดใจตอนนี้เห็นทีจะสายไปเสียแล้ว
น่าอายที่สุด...
“กะ ใกล้แล้ว”
เสียงคำรามต่ำสะดุดไปตามจังหวะการขยับเข้าออกของร่างกาย ไม่ต่างอะไรกับคนใต้ร่างที่เผยเสียงครางหวานลืมความอาย ซูจีคิดว่าตัวเองแทบไม่ต่างจากผู้หญิงตามสถานบันเทิงจริงๆ เมื่อคิดอย่างนี้ซูจีก็ได้แต่เจ็บใจที่ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงง่ายๆ แต่ถ้าให้เลือกใหม่ได้...เธอก็คงเลือกแบบนี้อีกนั่นแหละ
“ฉันรักคุณ”
จังหวะการขยับสะโพกของร่างหนาสะดุดลงไปเล็กน้อยเมื่อซูจีพูดคำๆ นั่นออกมา ดวงตากึ่งเปิดกึ่งปิดของเธอทำให้เขาไม่แน่ใจว่าซูจีต้องการสื่อถึงใครกันแน่ คำว่ารักของเธอจะหมายถึง ‘เขา’ ที่อยู่ตรงหน้าหรือว่า ‘เพื่อนเขา’ กันแน่ หากแต่เพียงแค่คิดว่าซูจีบอกรักไค เขาก็เจ็บใจและหงุดหงิดผู้หญิงตรงหน้าจนต้องโถมสะโพกใส่อย่างรุนแรงจนกระทั่งถึงขอบสวรรค์พร้อมๆ กัน
“ฉันรักคุ...อ๊า~”
“อ่า...”
นิ้วเรียวยาวที่คีบบุหรี่อยู่เคาะเป็นจังหวะช้าๆ ไปกับราวระเบียงชั้นสองของบ้านพักตากอากาศส่วนตัวที่ต่างจังหวะ พระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทำให้แอลรู้ว่าตัวเองติดใจผู้หญิงคนนั้นจนไม่ยอมปล่อยให้เธอพักตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา แม้จะรู้สึกผิดที่ไม่ปล่อยให้ร่างบางได้นอนเอาแรงหรือทานอะไรแต่เขาก็มีความสุขที่เกือบสองวันเต็มๆ ได้ร่วมรักกับเธอหลังจากห่างหายจากเรื่องพรรค์นี้ไปนาน
“...”
แอลปล่อยควันสีขาวออกจากปากด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เพียงแค่นึกถึงคำว่ารักของเธอบนเตียงสื่อถึงเพื่อนสนิทหัวใจก็ปั่นป่วนขึ้นมาทันที เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าซูจีชอบเขาเพราะมันคงจะเป็นไปไม่ได้ในเมื่อเธอรักไอ้ไคมาตั้งแต่แรกคงจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ ให้ตายสิ น่าเจ็บใจชะมัด! ขนาดอยู่บนเตียงกับเขาเธอยังนึกถึงชายอื่น ยิ่งไปกว่านั้นชายคนนั้นยังเป็นเพื่อนสนิทที่แอลรู้อยู่เต็มอกว่า...ไคจะไม่มีวันชอบซูจี
ครืน~
เสียงเปิดประตูทำให้เขาหลุดจากภวังค์แล้วหันไปมองข้างหลังแทน ซูจีที่อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีเนื้ออ่อนยาวกล่อมเท้ากำลังเดินตรงมาทางเขา ผมยาวสีดำสนิทปล่อยยาวไปจนถึงกลางหลังรับกับใบหน้าขาวใสที่มีรอยยิ้มประดับเล็กน้อย เธอคงตื่นนานแล้วถึงได้อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
“!!!”
ซูจีทำสิ่งที่แอลไม่คาดคิดนั่นคือการสวมกอดจากทางด้านหน้าแล้วแนบแก้มไปกับหัวไหล่ของเขา
“ทำอะไรของเธอน่ะ” น้ำเสียงไม่เข้าใจจากร่างสูงทำให้คนที่กอดเขาอยู่ยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างมีความสุข ซูจีผละออกมาเล็กน้อยแล้วยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เกือบสองวันที่ผ่านมา
ไคเป็นคนบอกให้เพื่อนๆ ช่วยกันตัวพวกเธอออกห่างจากคริสตัลสักวันสองวันเพราะไคต้องการจะจัดการคริสตัลที่กล้ามาแฉเขา แอล เซฮุนและลู่ฮานเลยต้องยอมทำตามเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน แอลบอกเธอแบบนี้เมื่อเรามาถึงบ้านพักตากอากาศของเขา และการมาครั้งนี้ก็ทำให้เธอเข้าใจประโยคที่บอกว่า...
‘เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้น้องชายฉันไม่ตื่น’
ซูจีไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายร่างผอมบางแบบเขาจะเป็นผู้ชายที่อึดถึกถึงขนาดยอมไม่กินอะไรแล้วทำแต่เรื่องพรรค์นั้นทั้งวันทั้งคืนซึ่งมันส่งผลให้ร่างกายเธอระบมช้ำไปทั้งตัวแตกต่างกับคนในอ้อมกอดที่ดูท่าจะไม่อ่อนเพลียเลยสักนิด ท่าทางเขาคงยังไม่ได้นอนเลยล่ะมั้ง
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงเวลาเหล่านั้นทำให้เธอมีความสุขจนไม่อยากคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง ยิ่งไปกว่านั้น...เธอสารภาพความรู้สึกกับเขาไปแล้วด้วย
“ไปหาอะไรทานข้างนอกกันนะ ฉันหิว” ซูจีเงยหน้ามองคนตรงหน้าโดยยังไม่ปล่อยมือที่โอบรอบเอวหนาอยู่ แอลเปลือยท่อนบนส่วนท่อนร่างเป็นกางเกงยีนส์เอวต่ำสีซีด เชื่อเลยว่าผู้หญิงที่ผู้หญิงคนไหนที่ได้เห็นภาพนี้คงละลายกันไปเป็นแถวๆ
“...”
“ฉันหิวแล้วนะ นายไม่ปล่อยให้ฉันทานอะไรเลยนอกจากน้ำ”
“...”
“น้า~” ซูจียิ้มหวานเพื่ออ้อนร่างสูงแต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลเมื่อคนตรงหน้าเธอยังทำหน้านิ่ง แต่แล้วเมื่อเขาอ้าปากพูดซูจีก็กลายเป็นฝ่ายตกใจเสียเอง
“ปล่อย” น้ำเสียงเย็นชาถูกเปล่งออกมาพร้อมกับมือหนาดันไหล่เธอให้ออกห่างจากตัวเขา แอลมองเธอด้วยใบหน้าเย็นชาพลางยกมือขึ้นอัดบุหรี่เข้าปอดก่อนจะพ่นขุ่นสีขาวขุ่นช้าๆ “ภายในสองวันเธอจะได้สิ่งที่ต้องการ”
“...” ซูจีเงียบอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ว่าแอลต้องการจะสื่ออะไร เมื่อวานเธอกับเขายังดีๆ กันอยู่เลย ถึงแม้จะมีเถียงกันบ้างแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ฉันรู้ว่าเธอรักไอ้ไค...เพราะฉะนั้นวันหลังไม่จำเป็นต้องบอกฉัน”
“...”
เธอว่าเธอเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้วล่ะ...เมื่อวานนี้เธอตัดสินใจสารภาพความรู้สึกที่มีต่อเขาออกไป แต่ดูเหมือนว่าแอลจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอบอกรักไค เมื่อคิดว่าเขาไม่พอใจเรื่องนี้ ริมฝีปากบางก็เผยรอยยิ้มอย่างชอบใจโดยที่ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มนั่นทำให้คนตรงหน้าโมโหกว่าเดิมหลายเท่า ซูจีหัวเราะคิกคักก่อนที่จะอ้าปากอธิบายแต่ยังไม่ทันที่จะเปล่งเสียงคนตรงหน้าก็ขัดขึ้นซะก่อน
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักนิด” น้ำเสียงเย็นชาจากคนตรงหน้าทำเอาปากที่อ้าอยู่หุบลงแทบไม่ทัน แอลกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาวางไว้บนหัวเธอแล้วลูบเบาๆ เหมือนเธอเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ “เมื่อคืนเธอสนองฉันจนถึงใจเลยล่ะ ต่อจากนี้ฉันจะทำเรื่องที่เราตกลงกันไว้ให้สำเร็จแล้วกันนะ...ของเล่นของฉัน”
“!!!”
“ไม่รู้ไอ้ไคมันจะชอบของเล่นมือสองที่ช้ำไปทั้งตัวแล้วอย่างเธอหรือเปล่านะ”
“!!!”
แอลไม่รอให้ซูจีเอ่ยอะไรก็เดินจากไปทิ้งให้คนเบื้องหลังยืนอึ้งกับคำพูดอันโหดร้ายจากปากคนรัก
‘...ของเล่นของฉัน’
‘...ของเล่นมือสอง’
ของเล่นงั้นเหรอ...เธอเป็นแค่ของเล่นของเขาใช่มั้ย ?
เมื่อความน้อยใจและความเสียใจตีรวนกันจนถึงขีดสุด น้ำใสๆ ก็เอ่อรอบดวงตาคู่สวยอย่างห้ามไม่ได้ ไหล่บางสั่นเบาๆ พร้อมกับก้อนสะอื้นที่มาพร้อมกับน้ำตาใสๆ ไหลไปตามแก้มเนียน เธอว่าแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยสักนิด
ไม่ว่าเธอจะพยายามเข้าใกล้เขามากเท่าไหร่...แอลก็เหมือนจะไม่เห็น
“ฮึก...ฮึก”
1 ชั่วโมงผ่านไป
หลังจากแอลอาบน้ำและออกไปข้างนอกสักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับอาหารจำนวนมากที่ซื้อมาเพื่อเป็นมื้อเย็นของเขาและเธอ แอลเดินเข้าห้องครัวไปเตรียมอาหารใส่จานเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วจึงเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อตามตัวซูจีให้ลงมาทานข้าวพร้อมกัน คิดแล้วก็เจ็บใจตัวเองที่แคร์เธอมากจนยอมลดทิฐิออกไปหาซื้อข้าวให้เธอกิน ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงว่าเธอจะอดตายเขาคงไม่ยอมทำแบบนี้หรอก เมื่อเดินหาจนทั่วก็ยังไม่เจอเขาจึงเปลี่ยนไปหากระเป๋าสะพายของซูจีว่ายังอยู่มั้ยตามสัญชาตญาณ แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อกระเป๋าที่เคยวางอยู่บนหัวเตียงตอนนี้กลับไร้ร่องรอย ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกใจไม่ดีเอาซะเลย...เธอไปไหนของเธอนะ!
แอลยิ่งเกิดอารมณ์หงุดหงิดเข้าไปใหญ่เมื่อโทรไปยังเบอร์คนที่หายตัวไปแต่เธอกลับไม่รับ แอลจึงโทรไปเลื่อยๆ แต่กลายเป็นว่าเขาถูกตัดสายทิ้งเท่านั้นยังไม่พอเมื่อเขาโทรอีกครั้งก็พบว่าซูจีปิดเครื่องหนีเขาไปแล้ว
“บัดซบ!” สบถอย่างหัวเสียแล้วรีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถก่อนจะใช้มันสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วรีบเหยียบคันเร่งออกจากบ้านทันที เนื่องจากบ้านพักตากอากาศของเขาสร้างขึ้นภายใต้โครงการของหมู่บ้านจัดสรรทำให้บ้านแต่ล่ะหลังมีพื้นที่กว้างขวางอย่างมาก ถ้าจะเดินจากบ้านเขาไปหน้าป้อมยามแล้วล่ะก็คงต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เขาเชื่อว่าถ้าซูจีเพิ่งออกไปคงยังไปได้ไม่ไกลมากนัก เธอต้องอยู่แถวๆ นี้แน่ คงเป็นเพราะตอนเขาขับรถกลับมาบ้านไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยไม่ได้สังเกตว่าขับรถสวนทางกับซูจีหรือเปล่า
เมื่อขับมาได้สักพักร่างสูงเพรียวในชุดเดียวกับตอนที่อยู่ในบ้านก็ทำให้เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แอลไม่รอช้ารีบจอดรถขวางหน้าซูจีที่กำลังมองมาอย่างตกใจ เขาลงมาจากรถแล้วตรงเข้ามากระชากไหล่บางทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
“อยากตายมากหรืองะ...” แอลที่ตะโกนใส่ซูจีในต้นประโยคถึงกลับลดเสียงลงแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้ากำลังเปื้อนไปด้วยน้ำตามากมาย นัยน์ตาแดงก่ำกำลังสบสายตากับเขารวมทั้งจมูกที่แดงไม่ต่างจากดวงตาต่างเป็นหลักฐานว่าเธอร้องไห้มานานแล้ว
“ใช่ อยากตาย!”
“...”
“ฉันเบื่อ เบื่อนาย ฉันอยากไปให้พ้นๆ นายสักที!” ซูจีตะโกนใส่หน้าแอลที่กำลังมองเธออย่างอึ้งๆ เธอทนไม่ไหวแล้ว ทำไมล่ะ...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย เธอยอมเสียทุกอย่างให้เขาแต่แอลกับทำเหมือนเธอไม่มีค่า ไม่สิ...เขาทำเหมือนเธอมีค่าในตอนแรก พอเขาได้สิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแอลก็จะเหยียบเธอให้จมลงดิน และซ้ำเติมเธอราวกับเธอไม่ใช่คน
“...”
“นายมันโง่ ฮึก ฉันเกลียดนาย ฮือ”
แอลทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอซูจีในด้านนี้ ปกติเธอเคยยอมให้เขาว่าฝ่ายเดียวซะที่ไหนล่ะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซูจีต้องร้องไห้ก็จริงแต่ที่แน่ๆ เขาไม่ชอบเลยที่เห็นน้ำตาของผู้หญิงคนนี้ ในเวลานี้เธอดูอ่อนแอจนอาจจะยืนไม่ไหวหากเขาปล่อยมือที่กำลังจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอ น้ำตาที่กำลังไหลดูเหมือนจะไหลไม่มีที่สิ้นสุด และเสียงสะอื้นที่ร่างบางพยายามกลั้นไว้จนไหล่บางสั่นมันทำให้เขาเจ็บหน่วงๆ ที่ก้อนเนื้อด้านซ้ายจริงๆ
เมื่อได้มองใกล้ๆ เขาถึงเพิ่งได้สังเกตว่าตั้งแต่ลำคอระหงเลื่อนลงมาจนถึงเนินอกที่โผล่พ้นเดรสตัวสวยนั้นมีร่องรอยสีแดงที่เกิดจากริมฝีปากเขาไปทั่ว ถ้าให้นับแล้วมันมากกว่าสิบจุดซะด้วยซ้ำ ให้ตายสิ ซูจีคิดยังไงถึงได้ออกจากบ้านมาในสภาพแบบนี้ นี่ถ้าเขามาไม่ทันเธอไม่ต้องกลายเป็นเมียยามเลยรึไง
“ฮึก นายมันโง่”
หมับ
สิ่งที่แอลทำแตกต่างจากเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วโดยสิ้นเชิงเพราะเขาเป็นฝ่ายรวบร่างบางเข้ามากอดแล้วลูบหลังเธอเบาๆ เขาทนมองผู้หญิงคนนี้ร้องไห้ราวกับจะขาดใจตายไม่ได้ หรือว่าเธอเสียใจเรื่องไคมากขนาดที่ทนกลั้นน้ำตาไม่ไหว...
“เธอร้องไห้ทำไม” แอลกระซิบถามใกล้ๆ ใบหูขาว
“ฮึก”
“หรือเธอเสียใจที่ตกเป็นของฉันก่อนไค...เธอเสียใจที่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ไคใช่มั้ย ?”
เป็นคำถามที่แม้แต่คนถามก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่หัวใจไม่ต่างอะไรกับคนฟังเลยสักนิด ซูจีที่ได้ยินอย่างนั้นได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกั้นเสียงสะอื้นไว้ วินาทีนี้เธอรู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆ ที่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีแล้วให้สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปกับผู้ชายคนนี้
“ถ้าเธอเสียใจเพราะเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...อีกไม่นานเธอจะสมหวัง”
ซูจีได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธและปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่ในอ้อมกอดเขา เธอเหนื่อยเหลือเกินที่จะอธิบายความจริงให้คนอย่างเขาเข้าใจ เธอเหนื่อยที่ต้องคอยเป็นที่รองรับอารมณ์แปรปวนของแอล ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าแอลเห็นเธอเป็นของเล่นอย่างที่เคยพูดแอลจะตามเธอมาทำไม...ทำไมแอลต้องกอดสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นของเล่นไร้ค่าด้วย...
“ฉะ ฉันเกลียดนาย ฮือ”
“ฉันรู้”
น่าตลกนะ...เวลาเธอบอกว่า ‘เกลียด’ แอลกลับรับรู้ แต่เมื่อเธอบอกว่า ‘รัก’ เขากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน
-----------------------------------------
ย้อนไปสามปีที่แล้ว
ปี 1
“น้องๆ คณะบริหารเข้าทางนี้เลยนะครับ!!” รุ่นพี่ที่ถือโทรโข่งอยู่หน้าตึกกำลังตะโกนบอกนักศึกษาปีหนึ่งให้แยกย้ายเข้าห้องประชุมตามคณะต่างๆ
ซูจีกับซอลลี่บอกลาเพื่อนอีกสามคนที่เรียนต่างคณะก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปต่อแถวรับกำไลข้อมือจากรุ่นพี่หน้าประตูทางเข้ามาสวม ไม่ใช่แค่เธอสองคนเท่านั้นแต่นักศึกษาใหม่ทุกคนต้องสวมเหมือนกันหมด ทั้งซูจีและซอลลี่ไม่รู้หรอกว่าสวมไปทำไม รู้แต่ว่าถ้าทำมันหายหรือไม่สวมไว้ตลอดเวลาจะโดนลงโทษ
“เมื่อไหร่คนจะเลิกมองสักทีนะ” ซอลลี่บ่นพลางทำหน้าเซ็งๆ ขณะที่นั่งลงกับพื้นกลางห้องประชุมเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“เมื่อตอนเราเลิกสวยน่ะ” ซูจีตอบอย่างไม่แคร์ เธอกลับรู้สึกต่างไปจากซอลลี่เพราะเธอชอบที่จะเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว ดีออกมีคนมองมีคนสนใจ น่าปลาบปลื้มจะตาย ไม่รู้ทำไมซอลลี่ต้องไม่ชอบด้วย
“เหอๆ ดีตรงนั้นยะ จะลุกจะนั่งก็มีคนมอง อ้าปากทานข้าวคนยังมอง”
“แกก็ไปยกเครื่องหน้าใหม่สิ เอาให้มันสวยน้อยลง”
ซอลลี่มองหน้าเพื่อนอย่างหน่ายๆ ไม่รู้ว่าเธอคิดผิดหรือเปล่าที่ตัดสินใจเข้าคณะบริหารธุรกิจร่วมกับเพื่อนคนนี้ ซูจีเป็นคนชอบเด่นชอบดังต่างจากเธอที่ชอบอยู่เงียบๆ ในรั้วการศึกษา...เอ่อ หมายถึงถ้าไม่ใช่ในรั้วโรงเรียนหรือมหา’ลัยเธอก็ชอบที่จะเป็นจุดสนใจเหมือนกันน่ะ
“เฮ้ยๆ นั่งนี่ดิ” เสียงทุ้มต่ำจากด้านข้างทำให้ทั้งซูจีและซอลลี่หันไปมอง กลุ่มผู้ชายหน้าตาดีสี่คนเดินมานั่งลงข้างๆ ซูจีตามคำบอกของหนึ่งในนั้น และคนนั้นก็เป็นฝ่ายนั่งติดกับเธอ
หล่อ
เพียงแค่ได้เห็นหน้าเขาไม่กี่วินาทีคำๆ แรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเธอก็คือ ‘หล่อ’ จริงๆ แล้วไม่ใช่เขาคนเดียวที่หล่อเพื่อนอีกสามคนก็หล่อไม่แพ้กัน เพียงแต่คนๆ นี้หล่อแบบที่มองแล้วทำให้หัวใจเธอสั่นและเต้นผิดจังหวะอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“หวัดดีครับ”
ซูจีผงะเมื่อผู้ชายที่นั่งข้างๆ หันมาสบตาเธอเข้าพอดี ตายล่ะ เขาต้องรู้แน่ๆ ว่าเธอแอบมองเขาอยู่ ฮือ น่าอายชะมัด
“ค..ค่ะ”
“ชื่ออะไรเหรอครับ ผมแอลครับ”
ชื่อเท่ห์สมกับน่าตาสุดๆ
“...”
ยิ่งได้สบตาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองตกหลุมรักดวงตาสีดำสนิทนี้จัง...
“เอ่อ...คุณครับ...”
“เบซะ...”
“เฮ้ยไอ้กลุ่มนั้นน่ะ ที่มาช้าอ่ะ มาข้างหน้าหน่อยดิ๊!!”
ก่อนที่เธอจะได้บอกชื่อตัวเองกับพ่อหนุ่มชื่อแอลไป เสียงโหดๆ จากรุ่นพี่ก็ดังขัดขึ้นซะก่อน
“เชี่ย อะไรนักหนาฟะ งั้นไว้ค่อยคุยกันนะ” แอลสบถแล้วหันมาบอกเธอ
“อือ”
ไม่เป็นไรอย่างน้อยเธอก็ได้รู้ชื่อเขาแล้วกัน...
“มองตามใหญ่เลยนะ” ซอลลี่ที่แอบเมื่อเพื่อนมาได้สักพักเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าเพื่อนยังคงไม่ละสายตาไปจากคนๆ นั้นที่ยืนอยู่หน้าห้องโถง
“มองเฉยๆ ไม่ได้หรือไง” ซูจีกลบเกลื่อนด้วยใบหน้าเชิดๆ แต่สายตาก็ยังมิวายมองไปยังหน้าห้อง
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ซอลลี่มองเพื่อนแล้วยิ้มให้กับตัวเองเบาๆ
ท่าทางเพื่อนเธอจะเจอคนถูกใจเข้าแล้วล่ะมั้ง...
ปี 2
“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
ซูจีเงยหน้าพร้อมกับดันแว่นสายตาให้เข้าที่เข้าทางพลางมองผู้ชายร่างสูงโปร่งตรงหัวโต๊ะด้วยแววตาตกใจเล็กน้อย เขามองไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามเธอแล้วหันกลับมามองหน้าเป็นเชิงขออนุญาต
“เชิญค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ผู้ชายคนนั้นนั่งลงฝั่งต้องข้ามเธอพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย และเพราะรอยยิ้มนั่นทำให้เธอรู้ตัวว่าตัวเองเผลอมองหน้าเขานานเกินไป เอาอีกแล้ว! เธอเผลอมองหน้าเขาอีกแล้ว~
ซูจีมองไปรอบๆ ร้านกาแฟก็พบเหตุผลแล้วว่าทำไม ‘แอล’ ถึงขอมานั่งตรงข้ามเธอ ร้านทั้งร้านไม่มีโต๊ะว่างเลยสักนิด และเพราะเธอมาคนเดียวที่นั่งฝั่งตรงข้ามจึงยังว่างอยู่ แอลคงจะเห็นเลยมาขอนั่งด้วย แต่เขาคงไม่รู้ว่าเธอดีใจที่ได้นั่งร่วมโต๊ะกับเขาหรอก ก็จะไม่ให้ดีใจได้ยังไง ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกเลยนะที่ทำให้เธอใจเต้นได้เพียงแค่สบตากัน น่าเสียดายที่หลังจากวันนั้นเราสองคนไม่มีโอกาศได้ทำความรู้จักกัน
กริ๊งงงงงงง~ กริ๊งงงงงง~
“ฮัลโหลครับ”
ซูจีทำเป็นไม่สนใจแอลคุยโทรศัพท์โดยการแสร้งทำเป็นอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเกรงใจเธอ แก้วกาแฟร้อนถูกยกขึ้นมาจิบอย่างเนียนๆ โดยที่สายตายังจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือเหมือนเดิม
“ครับ...เดี๋ยวคืนนี้ผมไปหา ไม่ครับผมว่าง...อย่าลืมข้อตกลงที่เราตกลงกันไว้ล่ะครับ ผมให้สิ่งที่คุณต้องการแล้วคุณก็ต้องตอบแทนผมอย่างถึงใจเหมือนกันนะ ครับ...เจอกันที่ห้องคุณคืนนี้”
เขามีแฟนแล้ว...
ฟังจากบทสนทนาแล้วดูเหมือนเขาจะนัดผู้หญิงคนหนึ่งไว้ และที่สำคัญสถานที่คือห้องของผู้หญิงในสายอีกด้วยแล้วอย่างนี้จะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงนอกจากแฟน แต่ทำไมต้องบอกว่าข้อตกลงด้วยล่ะ คนเป็นแฟนกันต้องทำข้อตกลงด้วยเหรอ ?
กริ๊งงงงงงง~ กริ๊งงงงงงง~
“ผมว่าผมพูดชัดแล้วนะว่าเราสองคนไม่เกี่ยวข้องกันอีก...ผมทำตามที่เราตกลงได้แล้วเพราะฉะนั้นคุณก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับผมอีก...น่าเบื่อว่ะ”
แอลกดวางสายพร้อมกับสบตาเข้ากับซูจีที่เผลอมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ไม่ต้องให้ใครบอกซูจีก็รู้โดยสัญชาตญาณว่าสายที่สองเป็นผู้หญิงและคนล่ะคนกับสายแรก
ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งๆ จนซูจีเป็นฝ่ายทนนัยน์ตาคมไม่ไหวจึงเลี่ยงไปมองด้านข้างแทน
“...”
“...”
“คุณเป็นผู้หญิงที่สวยนะ...”
“…”
แม้ว่าซูจีจะตกใจที่อยู่ดีๆ เขาก็ชมเธอแต่ก็ยังซ่อนอารมณ์ไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยไม่ต่างจากแววตาใต้เลนส์แว่น เธอเคยได้ยินเรื่องราวที่กล่าวขานกันว่าแอลมีนิสัยหยาบคายกับผู้หญิง เขามักจะเขี่ยผู้หญิงทิ้งโดยไม่สนใจเลยว่าพวกเธอจะรู้สึกยังไง แต่เธอไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ แต่วันนี้มาได้ยินกับหูตัวเองเป็นครั้งแรก เธอเชื่อเลยว่ามันเป็นแบบที่คนอื่นเขาเล่าจริงๆ
ตั้งแต่วันปฐมนิเทศนี่ก็หนึ่งปีกว่าแล้วที่เธอเจอเขา...แต่ก็แค่เจอไม่มีอะไรมากกว่านั้น เราสองคนไม่มองหน้ากันและไม่เคยทักกันเมื่อเดินผ่าน มีแต่เธอที่บางครั้งเผลอมองตามเขาแต่ก็ไม่ให้แอลรู้สึกตัว มันเป็นอาการของคนที่กำลังรู้สึกชอบใครสักคนแล้วเผลอมองตามโดยไม่รู้ตัวน่ะ
“คุณหน้าคุ้นๆ นะ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”
“...”
“คุณจะไม่คุยกับผมหน่อยเหรอ”
ซูจีหันหน้ากลับมามองผู้ชายตรงหน้าที่กำลังยิ้มกว้างราวกับกำลังมีเรื่องสนุกอยู่ตรงหน้าเขา
“...”
“ขอตัวด้วยนะคะ”
ว่าแล้วซูจีก็รวบของทุกอย่างบนโต๊ะลงกระเป๋าอย่างรวดเร็วแล้วรีบก้าวเท้าออกจากร้านโดยที่แอลไม่ได้ห้ามอะไรเธอเลยสักนิด เธอไม่ได้หันกลับไปมองผู้ชายคนนั้น สองขาจ้ำอ้าวไปเรื่อยๆ แข่งกับหัวใจที่เต้นรัวจนกระทั่งออกมาไกลพอสวมควรเธอจึงทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งข้างทางพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“บ้าไปแล้ว”
มือข้างหนึ่งวางทาบไปบนตำแหน่งเดียวกับหัวใจแล้วกดลงเบาๆ คล้ายต้องการปลอบประโลมให้มันเต้นอ่อนลง เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีหัวใจดวงน้อยๆ ถึงกลับมาเต้นเป็นปกติ ซูจีถอนหายใจยาวอีกครั้งแล้วใช้มือถอดแว่นสายตาออกจากนั้นก็เรียกสติด้วยการลูบหน้าตัวเองทีหนึ่ง
สาเหตุที่ทำให้เธอต้องวิ่งออกมาจากร้านนั่นก็เพราะคำพูดที่เขาบอกว่าเธอ ‘สวย’ ผู้ชายที่เธอแอบชอบชมว่าเธอสวยแล้วยังงี้ใครมันจะไปทนไหวกัน ยิ่งสายตาที่แอลใช้มองเธอมันยิ่งทำให้เธออยากจะละลายไปเสียตรงนั้นให้ได้ แต่เมื่อนึกทบทวนอีกทีซูจีก็รู้สึกน้อยใจนิดๆ ที่แอลจำเธอไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังพบความจริงว่าเขามีแฟนแล้ว...
แต่ช่างเถอะ ยังไงซะเธอก็พอใจที่ได้แอบมองเขาไปวันๆ แบบนี้
ปี 3
“ขอให้ฉันได้เจอเนื้อคู่สักทีเถอะค่ะ...ใครสักคนที่ทำให้ฉันหัวใจเต้นแรง และรับรู้ถึงความรักที่ฉันมีให้เขา ถ้าวันนั้นมาถึง...ฉันสัญญาว่าจะยอมแรกได้ทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างเขา...”
สายลมเย็นๆ พัดผ่านใบหน้าซูจีไปวูบหนึ่งคล้ายเป็นสัญญาณจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าท่านรับรู้ถึงพรของเธอ ซูจียืนขึ้นแล้วมองต้นโพธิ์ต้นใหญ่กว่าสิบคนโอบด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า เมื่อวานนี้เธอเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากบิดาที่ทำงานประจำอยู่ที่อเมริกาว่าเธอต้องไปดูตัวกับลูกเจ้าของบริษัทของท่าน พ่อเธอเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนั้นและยังเป็นเพื่อนกับเจ้าของบริษัทเลยทำให้พ่อของเธอปฏิเสธไม่ได้ แต่เธอก็ต่อรองว่าขอให้เรียนจบเทอมนี้ก่อนแล้วเธอจะนั่งเครื่องบินไปอเมริกาเพื่อดูตัวทันที
ริมฝีปากบางยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใครบางคนที่เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้บอกชื่อตัวเอง...
เราสองคนคงไม่มีวาสนาต่อกันสินะ...
2 อาทิตย์ต่อมา
ณ ผับ K
“หืม...คุณสนใจเพื่อนผมเหรอครับ มองไม่วางตาเชียว”
“!!!”
ซูจีสะดุ้งโหยงเมื่อถูกคนจับได้ว่ากำลังแอบมองเพื่อนตัวเองกับไคหนุ่มฮอตประจำมหา’ลัย แม้ว่าเธอจะยังไม่เห็นหน้าคนพูดแต่น้ำเสียงที่เข้ามากระซิบข้างหูทำให้ซูจีรู้โดยทันทีว่าเจ้าของประโยคนั้นเป็นใคร
“คะ คุณ...”
“ดูท่าคุณจะชอบเพื่อนผมสินะมองไม่วางตาเชียว”
“!!!”
“ตกใจอย่างนี้ท่าจะจริงแฮะ”
สิ่งที่ทำให้เธอตกใจนั่นก็คือแอลมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง มานานหรือยังแล้วทำไมเธอถึงไม่เห็นเขาล่ะ! แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก เขาคิดอะไรถึงได้มองเธอแบบนั้น...
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขาพูดหมายความว่ายังไง...
แอลคิดว่าเธอชอบไคงั้นเหรอ...
“ว่าไง...คุณชอบเพื่อนผมใช่มั้ยล่ะ”
“...”
“ผมมีวิธีที่จะช่วยคุณนะ...คุณก็น่าจะรู้หนิว่าผมเป็นเพื่อนสนิทไค”
“คุณแอล” ฉันเรียกเขาเบาๆ ด้วยความงุนงงระคนตกใจ
“คุณอยากให้ผมช่วยมั้ยล่ะ”
“...”
ซูจีนึกย้อนไปถึงคำขอของเธอเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว บางที...มันอาจจะเป็นเขา และด้วยความที่ซูจีคิดว่าวิธีนี้น่าจะทำให้เธอกับแอลได้รู้จักกันมากขึ้น หญิงสาวเลยพยักหน้าช้าๆ ด้วยความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ เป็นการตกลง
โอกาสมาถึงแล้ว...เธอจะไม่ยอมปล่อยมันไปเด็ดขาด อย่างน้อยถ้าเธอมีแฟนพ่อของเธอก็อาจจะยกเลิกการดูตัวที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...คือการที่เธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดเขา
สักนิดก็ยังดี...
แต่ถ้าหากวันนั้นเธอรู้สักนิดว่าการตกลงจะนำมาซึ่งผลร้ายที่ไม่มีวันลบเลือน...เธอคงบอกปฏิเสธมันไป
ถ้าเธอเลือกได้อีกครั้ง...เธอขอแค่แอบชอบเขาไปเรื่อยๆ คงจะดีกว่าที่ต้องอยู่อย่างคนมีแผลเป็นตลอดกาล
---------------------------------------
เอาแอลกับซูจีมาให้อ่านคั่นคู่หลักก่อนค่ะ คู่นี้มีผลกระทบไปถึงคู่ไคตัลอย่างมาก
จริงๆ อยากลงไคตัลเพราะเห็นทีเซอร์แล้วฟีลมันมา แต่ไม่ได้ๆ
เดี๋ยวนักอ่านสับสนเลยลงคู่นี้ก่อน เจอไคตัลเทาซอลตอนหน้าค่า
หายไปนานเลย คิคิ กลับมาแล้ว~ ขอบคุณที่รอกันนะคะ
สาวสาวเอฟเอกจะคัมแบคแล้ว ตื่นเต้นๆ แค่เห็นทีเซอร์ก็ตื่นเต้นแล้ว
ยิ่งทีเซอร์ไคตัลตอนเราเห็นนี่ตายเลยง่ะ TOT ฟินนนนน
ขอบคุณนักอ่านและทุกคอมเมนต์ค่ะ
ความคิดเห็น