ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Exo fx} A Story We Will Never Tell > Kaistal

    ลำดับตอนที่ #8 : ASWWNT ; dairy by Soojung - 20/01/2014

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 56













     

    วันที่ 20/01/2014

     

     
     

                12.00 น.

     

                สมุดดดดดดดดดดดด~ เราคิดถึงสมุดมากเลย ไม่ได้เขียนไปสองวันเพราะมันเกิดเรื่องประหลาดๆ กับชีวิต เราเลยไม่ได้หยิบสมุดมาเปิดเขียน ว่าจะเขียนเมื่อวานแต่ก็หลับทั้งที่เพิ่งได้จรดวันที่ เรามีเรื่องมาเขียนเยอะมากจนไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเลย เอาเป็นว่าเราขอต่อจากที่เราค้างไว้เมื่อวันที่ 17 แล้วกันนะ

     

                พอพี่ฝานขอเราคบใช่ม๊า เราก็มองหน้าพี่เขาแบบงงๆ ว่า เอ่อ...พี่คะ...พี่เมาหรือเปล่า หรือว่าจูบกับยัยริดสีจนบ้าไปแล้ว แต่เราไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ หน้าพี่ฝานตอนนั้นจริงจังสุดๆ ขรึมมากกกกกก เรากลัวว่าถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูเราอาจจะตายได้ แล้วจะให้เราทำยังไงล่ะ ปฏิเสธก็ไม่กล้า จะให้ตอบรับก็บ้าไปแล้ว เรากับพี่ฝานรู้จักกันมานานแล้วนะ สิ่งที่เราตอบกลับไปก็คือพี่ล้อเล่นหรือเปล่าคะ?’ พี่ฝานส่ายหัว แล้วจ้องมองเข้ามาในตาเรา เล่นซะขนลุกซู่เลย ผู้ชายอะไรตาดุชะมัด (แต่ก็หล่อมากด้วย~ ><)  พี่ฝานขอเราคบอีกครั้ง เราก็เลยถามไปว่าพี่พูดจริงเหรอ พี่ฝานพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร เราเลยนั่งนิ่งๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวจนแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอก ก็คิดดูแล้วกันว่าสายตาพี่ฝานจ้องเราอย่างกับจะกลืนกินเรา จะไม่ให้เรากลัวได้ยังไง ตื่นเต้นจนเหงื่อซึมออกมาจากมือเลย

     

                อย่างที่เคยบอกไปว่าเราเรียนโรงเรียนหญิงล้วน ไม่เคยมีแฟนและไม่ชอบให้ผู้ชายมาจีบ หรือมามองเรา ทั้งมหาลัยมีเซฮุนคนเดียวที่เรายอมเข้าใกล้ด้วย เราเลยไม่รู้จะปฏิเสธพี่ฝานยังไง อีกอย่างเราเป็นพวกแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากๆ ถ้าเราปฏิเสธพี่ฝานไป พี่เขาจะเสียใจมั้ย พี่เขาจะเกลียดเราหรือเปล่า ถ้าแย่ยิ่งกว่านั้นพี่ฝานจะเลิกคบกับพี่สาวเราหรือเปล่า...

     

                ท่ามกลางความเงียบ อยู่ดีๆ พี่ฝานก็ขยี้ผมเราแล้วพูดว่า เขินแล้วน่ารักจัง เด็กน้อยของพี่

     

                คือพี่ฝานคะ หนูไม่ได้เขินค่ะ ที่หนูสั่นและเหงื่อออกเพราะหนูกลัวพี่ค่ะ T___T แต่ไหงพี่ฝานกลับมองว่าหนูเขินไปได้เนี่ย จะร้องไห้ นี่การแสดงออกทางสีหน้าของเรามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ

     

                แล้วอีกอย่างนะคะพี่ หนูไปเป็นเด็กน้อยของพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ T__________T เท่าที่จำได้พี่ฝานเรียกเราว่าซูจองๆ มาตลอด วันนี้นึกไงเรียกเด็กน้อยของพี่

     

                เราตกลงกับพี่ฝานว่าเราขอดูก่อนเพราะเราไม่รู้จักนิสัยจริงๆ ของพี่เขาเลย จะให้คบกันมันก็แปลกๆ อีกอย่างเรายังไม่ได้ชอบพี่เขาด้วย และเราก็ไม่แน่ใจว่าพี่เขาจริงจังกับเราหรือเปล่า คิดดูสิว่าเราเพิ่งเห็นพี่เขาจูบกับยัยริซซี่มานะ อยู่ดีๆ มาขอเราเป็นแฟน มันไม่บ้าไปหน่อยเหรอ เราไม่อยากมีแฟนคนแรกแล้วถูกทิ้งทีหลังหรอกนะ ถึงจะหล่อราวเทวดาแต่เราก็ขอผ่าน~

     

                พี่ฝานตอบตกลง แต่พี่เขาบอกว่าอย่าตกใจแล้วกันถ้าพี่เขาลุกจีบเราตรงๆ เราก็แบบอ้อค่ะ ไม่ตลกใจหรอกค่ะ แต่หนูจะกลัวแทนเนี่ยแหละ ปล. ประโยคเหล่านี้เราไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ สิ่งที่เราแสดงออกมีเพียงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ทั้งที่ใจสั่นแทบบ้า

     

                หลังจากนั้นเราก็รอพี่สาวอยู่ที่เดิม โดยมีพี่ฝานนั่งเป็นเพื่อน พี่สาวเราดูไม่แปลกใจที่เห็นพี่ฝานอยู่ข้างๆ เราเท่าที่ควร แล้วพี่ซูยอนก็ไม่ถามเลยว่าไปนั่งด้วยกันได้ยังไง พี่เขาทำเหมือนทุกอย่างปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องตอบคำถาม เพราะเราเองก็ยังงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น จนมาถึงตอนนี้เราก็ยังงงๆ เหมือนกันนะว่าเราคิดไปเองหรือเปล่าที่พี่ฝานชอบเราน่ะ...

     

                หลังจากวันนั้นพี่ฝานก็ไม่ติดต่อเรามาอีกเลย แต่มีเรื่องที่น่าช็อคพอๆ กับเรื่องพี่ฝาน นั่นก็คือเรื่องของคิมจงอิน...

     

                ก่อนอื่นเลยนะสมุด เราอยากบอกว่าผู้ชายคนนี้สติไม่ค่อยเต็ม คิมจงอินเป็นโรคหลงตัวเองขั้นร้ายแรงที่สุด ถึงที่สุดดดดดดดดดด!! เรียกว่าขั้นโคม่าเลยน่าจะเวิร์คสุด ผู้ชายบ้าอะไรหลงตัวเองชะมัด

     

                นี่เรารู้สึกผิดเลยนะเนี่ยที่ไปเขียนด่าเขาบนหน้าน่ะ แกล้งคนสติไม่ค่อยเต็มมันบาป...

     

                เราจะเล่าให้ฟังว่าเมื่อวันที่ 18 เราก็ไปเรียนตามปกติ เจอเซฮุนแต่ยังไม่ได้เล่าเรื่องที่ยัยริดสีไปมั่วกับพี่ฝานให้เซฮุนฟังหรอกนะ ขอเราไปคุยกับยัยริดสีก่อน ถึงเราจะไม่ชอบนางแต่เราก็รักเพื่อนนะ เราไม่อยากให้เซฮุนเจ็บ เรารู้ว่าเซฮุนจริงใจกับยัยรุ่นพี่คนนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นถือว่ายัยริดสีรอดตัวไป

     

                กลับมาเข้าเรื่องหลักกันต่อ หลังเราเลิกเรียน เราก็เจอกับคนที่ชาตินี้ไม่คิดว่าจะได้เจออีกเป็นครั้งที่สาม ก็ไอ้เลวจงอินไงล่ะ ออกจากห้องปั๊บเจอปุ๊บ ยังกับรู้ว่าเราเรียนห้องไหนและเลิกกี่โมงเลย

     

                หมอนั่นเดินตรงมาหาเราแล้วทำสิ่งที่ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองนั่นคือจับเราเข้าไปจูบเต็มๆ แต่ไม่ได้ได้ดุเดือดเหมือนวันนั้นหรอกนะ แค่แตะริมฝีปากกันเฉยๆ แต่นั่นมันก็ไม่ควรทำป่ะ! เราเพิ่งเดินออกมาจากห้องแล้วก็ถูกจับเข้าไปจูบต่อหน้าประชาชนเกาหลีเป็นสิบๆ คิดดูแล้วกันว่าเราจะอายขนาดไหน!

     

                และที่สำคัญที่สุด...เซฮุนก็อยู่ตรงนั้น

     

                เซฮุนจะคิดยังไง~

     

                เราจำพูดของเซฮุนตอนนั้นได้ขึ้นใจเลย เท่มากกกกกกก ไอ้จงอิน....ปล่อยเพื่อนกูนะเว้ย

     

                เราแบบกรี๊ดดดดดดดดด

     

                กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

                ขอกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

                เพื่อนเราหล่อมาก~ และถ้าจะตัดคำว่า เพื่อนแล้วเติมคำว่า ผู้หญิงของกูลงไปจะดีมาก~

     

                เฮ้ออออ~ เพ้ออะไรบ้าๆ อีกแล้วเรา

     

                ผู้หญิงของเซฮุนก็ยัยริซซี่ไง....เราเป็นเพื่อนมันก็ถูกแล้ว

     

                ต่อๆ เซฮุนกระชากเราไปซ่อนหลังด้านหลังเขา เราก็หลบอยู่หลังเซฮุนแล้วแอบสงสายตาไม่พอใจไปให้จงอินที่ยิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างมีความสุข ไม่รู้จะสุขอะไรนักหนา เราเกือบโกรธจนร้องไห้แล้วด้วยซ้ำ

     

                เซฮุนถามจงอินว่าทำเชี่ยไรของมึง จงอินก็แค่ยักไหล่แล้วจ้องมองทางเราด้วยสายตาเหมือนอยากจะเข้ามาเขมือบเราทั้งตัวก่อนจะถามเซฮุนว่าซูจองเป็นเพื่อนมึงเหรอ พอจงอินรู้ว่าเซฮุนเป็นเพื่อนเรา จงอินก็บอกว่างั้นขอได้ป่ะ กูชอบว่ะ ลิปสติกอร่อยดี

     

                กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!

     

                เขียนมาถึงตอนนี้เราก็ขึ้นเลย โมโหมากกกกกกก พูดมาได้ไงว่าปากเราอร่อย แม้จะไม่ได้พูดตรงๆ แต่เราก็รู้จากสายตาหื่นนั่นแหละว่านายนั่นหมายถึงปากของเรา น่าไม่อายที่สุด ดูสิมีคนอยู่ตั้งเยอะ พูดอย่างนี้ได้ยังไง!!

     

                เราได้แต่โกรธอยู่ในอก ไม่กล้าพูดออกไป บอกแล้วว่าเราไม่กล้าพูดกับผู้ชายจริงๆ เราค่อนข้างกลัวน่ะ...

     

                เราจับแขนเซฮุนแน่นแล้วดึงเขาให้เดินหนีจากตรงนั้น แต่จงอินก็เดินตามมาห่างๆ จนเราทนไม่ไหว เลยหันไปถามว่าจะเอายังไง เราไม่เคยรู้จักกัน มาจูบเราทำไม เราพูดตรงๆ ต่อหน้าเซฮุน จงอินยืนยิ้มแฉ่งพร้อมกับบอกว่าต้องการคบกับเรา...มาเป็นผู้หญิงของเขาเถอะ

     

                จากนั้นก็ทำในสิ่งที่เราคิดว่ามันงี่เง่าที่สุดในชีวิตนั่นคือบรรยาสรรพคุณตัวเองว่าหล่อขนาดไหน รวยขนาดไหน ค่าเทอมเท่าไหร่ ขับรถยี่ห้ออะไร บลาๆๆๆ ตอนนั้นเราอึ้งเลยนะ แบบว่าเห้ยยยยยย บนโลกเรายังมีคนแบบนี้อยู่อีกเหรอ?

     

                หลงตัวเองมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

                เราขำก๊ากเลยตอนจงอินพูดจบ ฮ่าๆ เรายื่นยาแอสไพรินให้จงอินแล้วบอกเขาว่าไปหาหมอหน่อยมั้ย เราว่านายสติไม่ค่อยดีนะ หัวเคยได้รับการกระทบกระเทือนหรือเปล่า?

     

                หลังจากนั้นเซฮุนก็ขำก๊ากกกกกก ในขณะที่จงอินยืนนิ่งด้วยสายตาตื่นตะลึง แต่ก็ยอมรับยาจากมือเราไปนะ 5555555 เขียนไปเราก็ขำไป เรายังจำอาการเสียหน้าของจงอินได้เลย ตลกโคตรๆ อ่ะ คนบ้าอะไรจีบผู้หญิงด้วยการบอกค่าเทอมของคณะตัวเอง โอ้ย ขำ 55555555555

     

                เราทิ้งให้เซฮุนกับจงอินยืนอยูตรงนั้นก่อนจะขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไป ไม่สนใจเลยว่าพวกเขาจะพูดยังไงกันต่อ  

     

    ถ้าเรารู้ว่าจงอินนิสัยอย่างนี้นะ เราจะไม่เขียนด่าเขาว่า ไอ้เลว เลย เราจะเขียนว่า ไอ้บ้า แทน 5555555555 ผู้ชายบ้าอะไรนิสัยแปลกประหลาดชะมัด

     

                เราขำเรื่องนี้จนลืมไปเลยว่าเขาขโมยจูบเราไปสองครั้งแล้ว เมื่อวานนี้เราก็ไม่ได้ไปเรียนเพราะอายเพื่อนๆ ถึงจะไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเราก็เถอะ T_T

     

                ดีหน่อยที่เซฮุนโทรมาหาเราบ้าง...เราเลยรู้สึกดีที่โลกนี่ยังไม่โหดร้ายกับเราเกินไป แต่รู้สึกดีได้ไม่นาน เราก็กลับมารู้สึกว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายกับเราเสียเหลือเกิน เพราะอะไรน่ะเหรอ เหอะๆ ก็เพราะผู้ชายที่ชื่อจงอินไงล่ะ!!!

     

                มันเริ่มจากตอนเย็นของเมื่อวาน เราออกจากบ้านกะว่าจะปั่นจักรยานแวะไปซื้อขนมกินหน้าปากซอย แต่พอเราเปิดประตัวรั้วเท่านั้นแหละ เจ้าของรถยนต์ยุโรปสีดำก็เปิดกระจกแล้วสั่งให้เราขึ้นรถ ใช่ สั่ง! สั่งด้วยใบหน้ากวนบาทาเป็นที่สุด แล้วมีการมาขู่ด้วยว่าถ้าไม่ยอมทำตามจะเข้าไปบอกพ่อกับแม่ของเราเรื่องที่จูบกัน เราแบบ...อยากจะบ้าตาย ณ ตรงนั้นเลย T_T

     

    ท้ายที่สุดเราก็ยอมขึ้นรถเขามา แล้วก็บอกเขาไปว่าเราขอโทษที่เขียนด่าจงอินว่า ไอ้เลวไม่ต้องมีใครมาบอกเราก็พอจะรู้ว่าจงอินรู้แล้วว่าเราเป็นคนทำ เขายิ้มแบบหล่อๆ แล้วบอกเราว่าไม่ถือสาคนสวย -_- นี่เขาพูดเหมือนเราเป็นฝ่ายผิดเลย เอาเถอะ เราถือคติ อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา

     

    จากที่จะไปหาอะไรทานหน้าปากซอยกลายเป็นไปดูหนัง กินข้าว เดินชอปปิ้งเป็นเพื่อนเขาอีก แล้วตอนนั้นสภาพเราคือเสื้อยืดสีเหลืองตัวเก่าๆ กับเกงกางขาสั้นสีขาว รองเท้าแตะ ส่วนจงอินก็อยู่ในชุดคล้ายๆ นักบินซึ่งเป็นชุดประจำคณะของเขา ดูหล่อและเท่สุดๆ ไปเลย

     

    ถึงไม่อยากจะชมเท่าไหร่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจงอินดูดีจริงๆ

     

    ระหว่างที่เดินคู่กัน ผู้หญิงมองเขาตาเป็นมัน ส่วนเราก็เดินก้มหน้าก้มตาอย่างคนไม่รู้จะทำยังไง กลัวก็กลัว (ก็เราไม่เคยไปไหนมาไหนกับผู้ชายที่ไม่สนิทสองต่อสองหนิ) อายสภาพตัวเองก็อาย แต่จงอินดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับสายตาคนรอบข้างเลย เขาเดินข้างเราแล้วคุยนู้นคุยนี้เหมือนเรากับเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน

     

    จากที่ใช้เวลาช่วงสั้นๆ ร่วมกัน เราก็ค้นพบความจริงว่าจงอินไม่ได้บ้าอย่างที่เราคิดไว้ตอนแรก แต่เรียกว่าปัญญาอ่อนดีกว่า -_- เขาสารภาพว่าที่จูบเราไปวันนั้นแค่เรียกร้องความสนใจ และที่อวดอ้างความรวยของตัวเองก็เป็นกลยุทธ์ให้สาวสนใจ -___________-

     

    ปัญญาอ่อนป่ะล่ะ?

     

    สรุปสั้นๆ ว่าเย็นวันนั้นเราถูกคนเจ้าเล่ห์พาไปเดท (โดยไม่เต็มใจ) เฉย -_- โชคดีนะที่เราอ้างว่าพ่อแม่ไม่ให้กลับบ้านหลังสี่ทุ่ม ไม่งั้นจงอินจะพาเราไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนเขาอีก แต่ไฮไลท์มันอยู่ตอนหลังจากที่เขาขับมาส่งเราหน้าบ้านต่างหาก

     

    ก่อนเราจะเข้าบ้าน จงอินจับแขนเราแล้วบอกเราว่าเขาตกหลุมรักเราตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ซึ่งเป็นวันที่เราไปคอนโดพี่คริสนั่นแหละ เขาบอกว่าพอเจอเรา ก็เข้าใจความหมายของคำว่า รักแรกพบทันที... เราแบบ อึ้ง ช็อค พูดจริงหรือพูดเล่นเนี่ย แต่ที่แน่ๆ เรารู้สึกถึงจังหวะหัวใจของตัวเองที่สั่นรัว แววตาที่จงอินมองมายังเรามันร้อนแรงเกินกว่าจะบรรยาย เขาทำเราแทบละลายไปกับสายตาทั้งสองข้าง แค่เขามองมาเรารู้ก็สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนเปลื้องผ้าอยู่ต่อหน้าเขา สายตาคมๆ ของจงอินมันเหมือนจะทะลุทะลวงทุกอย่าง แม้กระทั่งกำแพง...ในใจเรา

     

                เราแทบเป็นลมตอนเขาขยับเข้ามาใกล้...ยิ่งตอนมือหนาจับที่เอวเรา เรายิ่งรู้สึกเหมือนโลกนี่มันหมุนๆ ตัวเบาๆ หวิวๆ ตั้งแต่เกิดมานอกจากพ่อและเซฮุน ไม่เคยมีใครได้เข้าใกล้เราขนาดนี้เลย อ่ะ ยกเว้นพี่ฝานอีกราย แต่รายหลังนี่คือขยี้ผมไง อันนี้ทั้งจูบ จับเอวและกอด

     

                ใช่ เขากอดเราแล้วพึมพำข้างหูเราว่า อย่ากลัวฉันเลย...มาเป็นผู้หญิงของฉันเถอะ

     

                ตอนนั้นเราแทบเป็นลม และคงล้มไปกองกับพื้นแน่ๆ ถ้าจงอินไม่กอดเราไว้ เราไม่มีแรงยืนเลย เสียงกระซิบของเขามันเหมือนมีมนตร์สะกดให้เราเคลิ้ม เรางงและมึนไปหมด นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ขอเราเป็นแฟน แต่ขอให้เราไปเป็นผู้หญิงของเขา มันยังไงกันเนี่ย

     

    เราตะกุกตะกัก ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปก่อนดี และจงอินก็ไม่ปล่อยให้เราเสียเวลาคิด เขาหอมแก้มเราหนึ่งทีจากนั้นก็หอมอีกข้าง กลายเป็นว่าขโมยแก้มเราไปหอมสองที -///////- ผู้ชายบ้าอะไร ปากไวชะมัด! นี่เราโดนริมฝีปากของอีตาผู้ชายคนนี้ขโมยไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย!!

     

    ฝากไว้เผื่อเธอคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงเธอ...ไปล่ะซูจอง

     

    นั่นเป็นประโยคสุดท้ายของเมื่อวานก่อนจงอินจากไป...

     

    ทุกอย่างจบลงอย่างงงๆ เราก็งงๆ เหมือนกันนะว่าเราบ้าหรือเปล่าที่ปล่อยให้เขามาทำอย่างนั้นกับแก้มของเรา แถมไม่ได้รู้สึกเกลียดด้วย แม้กระทั่งตอนนี้เรา...ก็ยังจำสัมผัสอุ่นๆ ตรงแก้มได้ นึกถึงทีไรหน้าก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ยยยยยยยยยย~

     

    เมื่อคืนก่อนนอนกับเมื่อเช้าเขาก็ส่งข้อความมาบอกเราว่า คิดถึงนะ  แต่เราไม่ได้ส่งกลับ ก็คนมันเขินหนิ -/////////- ถึงแม้จะไม่พอใจกลับสิ่งที่เขาทำเมื่อวานนี้และก่อนหน้านั้น แต่จงอินก็ได้ชื่อว่าเป็นจูบแรกของเรา...ยิ่งเขามาตามจีบเราแบบนี้ เราก็แอบหวั่นไหวเหมือนกันน้า~ สารภาพเลยว่าเราก็คิดถึงเขาเหมือนกัน แต่เราไม่กล้าบอกเขาหรอก เราอายยยยยยยยยยย~

     

    บ่ายโมงแล้ว เราคงต้องไปก่อนเพราะวันนี้เรามีนัดสำคัญกับยัยริดสีแหละ แน่นอนว่าเรื่องของเซฮุน! ไว้เราจะกลับมาเล่าฟังนะว่าเป็นยังไงบ้าง

     

     

     

    Bye-Bye

     

     

     

     

    -----------------------------------------------------

    ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกกำลังใจค่ะ

               

     


    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×