คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [[ It's over ]]: C T 5 // Up
ผมวางร่างบางที่เบาราวกับว่าข้างในไม่มีตับ ไต ไส้ พุงช้าๆ บนเตียงขนาดคิงไซส์ในห้องนอน...ของผม คริสตัลครางในลำคอเบาๆ เมื่อผมจัดท่านอนให้เธอเรียบร้อยก่อนที่ตัวเองจะผละออกมา...แต่ขยับไปได้เพียงนิดเดียวก็ถูกรั้งท้ายทอยด้วยมือเล็กของคนที่ยังหลับตา
“คุณจะทิ้งฉันไปไหน” เสียงกึ่งกลับกึ่งตื่นเรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่น้อย เธอยังคงไม่ได้สติเต็มร้อย ฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ยังคงเล่นงานสาวสวยอยู่ ผมแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์บนรถขณะที่กำลังขับกลับบ้าน
แม่สาวขี้เมาคอยแต่จะลวนลามร่างกายผมจนสมาธิผมเกือบแตก!
ผมล่ะเชื่อจริงๆ ว่าเวลาเธอเมาน่ะเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนจริงๆ จากสาวสวยสุดฮอตก็กลายมาเป็นแมวยั่วสวาทที่พร้อมจะหลอกล้อให้ผู้ชายกลืนกินตัวเธอได้เพียงแค่สัมผัสริมฝีปากบาง
“ไปอาบน้ำครับ” ผมตอบแล้วสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มราวกับก้นทะเลลึกซึ่งหาไม่ค่อยเจอนักในคนเอเชีย
“ไม่เอา...ตัลไม่อยากให้คุณไป” คริสตัลฉีกยิ้มมุมปากแล้วรั้งใบหน้าผมเข้ามาใกล้จนผมต้องยอมขยับตัวเองขึ้นไปคร่อมบนร่างกายเธอเพื่อที่จะได้สะดวกยิ่งขึ้น
อย่างที่ผมคิด...คนสวยใต้ร่างไม่ปล่อยให้ผมได้พูดมาก เธอผงกหัวขึ้นเพื่อประกบริมฝีปากที่มีสีคล้ายลูกเชอร์รี่เบาๆ ลงริมฝีปากหยักก่อนที่ตัวเธอเองจะเป็นฝ่ายเริ่มขยับเบาๆ อย่างหยอกล้อ
“อือ” ผมครางอย่างลืมตัวเมื่อเผลอเปิดริมฝีปากให้สาวน้อยร้อนรักได้เข้ามาตักตวงความหวานโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมไม่รู้ว่าเธอจูบเก่งอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะครั้งแรกที่เราจูบกันในผับเธอยังเหมือนจะไปไม่ค่อยถูกต้องคอยให้ผมเป็นฝ่ายชักนำอยู่ตลอด
ไม่แน่...เพราะว่าขึ้นเตียงเธอเลยเปลี่ยนไป
หวานที่สุด...
ผมสอดลิ้นเข้าไปฉกความหวานจากริมฝีปากเธออย่างไม่ยอมแพ้ จะให้สาวน้อยขี้เมาอย่างเธอมาคุมเกมส์ก็คงไม่ใช่สไตล์ผมนัก ยิ่งหวานๆ อย่างนี้ผมคงต้องเป็นฝ่ายรุกเพื่อตักตวงเอาผลประโยขน์ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
เชื่อสิ...หากเธอสร่างเมื่อไหร่ ผมคงไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้อีก
“อ่า~” ผมกระตุกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงครางแหบพร่าจากริมฝีปากบางยามที่ผละเพื่อพักให้เธอสูดเอาออกซิเจนเข้าปอด ไม่รอให้พูดอะไรผมก็เข้าไปดูดกลืนริมฝีปากอีกครั้ง
ยิ่งได้สัมผัสลึกล้ำมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับว่าผมจะไม่สามารถคุมสติตัวเองได้ จากที่ตอนแรกต้องการแค่ตักตวงริมฝีปากหวานนี้เฉยๆ จากนั้นก็จะปล่อยให้เธอนอนเพราะผมไม่อยากขืนใจคนเมาแต่...ดูเหมือนว่าตอนนี้คนเมาจะยั่วผมจนผมเริ่มหมดความอดทนในการทำตัวเป็นผู้ชายที่ดีได้
หากเธอรู้จักผมมากกว่านี้หน่อยล่ะก็คงรู้ว่าคนอย่างผมไม่เคยปล่อยผู้หญิงที่ขึ้นมาบนเตียงเดียวกันรอดมือไปได้สักคน
“หวานมาก” น้ำเสียงอ้อยอิ่งดังขึ้นขณะที่ผมกำลังไล้เลียไปตามโครงริมฝีปากล่างราวกับตัวเองเป็นหมาอดอยาก ผมยอมรับเลยว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ผมเคยผ่านหวานเท่าเธอมาก่อน ยิ่งได้ชิมยิ่งอยากจะกินแล้วกลืนตามลำดับ
ให้ตายสิ!
คนใต้ร่างยังคงหลับตาพริ้มเคลิ้มไปกับรสจูบอันเร้าแรงที่ผมมอบให้ เสียหวานครางอื้ออึงในลำคอทำให้ผมอยากจะกัดเนื้ออ่อนนี้แรงสักทีสองที โทษฐานที่ทำให้ผู้ชายอย่างผมติดใจรสจูบของเธอ แน่นอนว่าตอนนี้ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้วและถ้าหากจะให้หยุดผมคงทำไม่ได้!
ผมผละจากริมฝีปากหวานอย่างแสนเสียดายไล้ริมฝีปากตัวเองลงมาเรื่อยๆ ตามลำคอระหง สูดจมูกเข้ารับกลิ่นน้ำหอมที่น่าจะเป็นกลิ่น...ดอกไม้อะไรสักอย่าง อืม...ดอกอะไรนะ เรื่องนั้นช่างมันเถอะตอนนี้ผมคงไม่ผละเนื้อหวานแล้วไปเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตหรอก หึ
“อ๊ะ!” เสียงหวานร้องพร้อมกับที่เขี้ยวเล็กๆ ของผมเกี่ยวเข้าที่ลำคอขาวสะอาดอย่างแรงจนเกิดรอย ไม่เพียงแค่นั้นผมยังทำรอยแบบเดียวกันให้อีกฝั่งอย่างไม่ปล่อยให้มันน้อยหน้า
มือบางที่ลูบไล้แผ่นหลังผมในตอนแรกดูเหมือนจะเริ่มขยับช้าลงเรื่อยๆ แต่ผมไม่สนแล้วล่ะว่าเธอจะมีทีท่ายังไง ตอนนี้ผมต้องจัดการเธอก่อนที่ผมจะอกแตกตาย ไม่สิ...น้องชายผมที่ตอนนี้หยัดเหยียดเต็มกำลังมันคงต้องร้องไห้แน่ๆ ถ้าผมปล่อยให้เหยื่อชิ้นดีรอดไป
“คุณทำให้ผม...คลั่ง ที่รัก” ผมเพ้ออกมาราวคนขาดสติยามที่ริมฝีปากตัวเองกำลังซุกไซร้เนินอกอิ่ม มือสองข้างก็ไม่อยู่เฉยมันเกี่ยวสายเดี่ยวบนไหล่ลงมากองข้างๆ ก่อนที่จะตามด้วยริมฝีปากที่ประทับไล่ไปตามบ่างามช้าๆ เพื่อปลุกอารมณ์คนใต้ร่างให้ไปพร้อมกับผม
มือหนาอ้อมไปด้านหลังดันร่างบางให้แอ่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่ตัวเองจะได้ปลดซิบเสื้อสายเดี่ยวของเธอได้ถนัดมือ ดูเหมือนคนเมาจะยอมคล้อยตามโดยง่าย เธอหลับตาและเคลิ้มไปกับทุกสัมผัสของผมอย่างที่ผมต้องการ โยนเสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กไปไกลไม่สนว่ามันจะลอยไปตกอยู่ที่ไหนแล้วผละออกมานั่งคร่อมมองร่างบางและใช้สองมือลูบไล้ข้างลำตัวราวกับคนโดยมนตร์สะกด
สวยมาก...
คริสตัลที่ตอนนี้มีเพียงแค่กางเกงสีเอวสูงสีดำกับบราเซียร์ไร้สายสีเดียวกันทำให้ผมมองตาค้าง หุ่นสวยที่ไม่ว่าจะมองไปตรงไหนก็ไร้ไขมัน อีกทั้งหน้าท้องเนียนที่โผล่พ้นกางเกงเอวสูงก็สามารถทำให้ผมเห็นกล้ามน้องท้องเล็กแบบผู้หญิงสุขภาพดี ผมยาวสีน้ำตาลเข้มกระจายสยายไปกับที่นอนทำให้เธอดูเซ็กซี่มากกว่าเดิม พระเจ้า นี่เธอเกิดมาเพื่อให้ผมขย้ำชัดๆ ยิ่งไปกว่านั้นเนินอกขาวที่เริ่มมีรอยแดงๆ จากริมฝีปากผมมันช่างสวยงามนัก เธอเป็นยิ่งกว่าซ่อนรูปเสียอีก จากปกติคริสตัลก็ดูเป็นผู้หญิงมีน้ำมีนวลอยู่แล้วแต่พอมาอยู่ในสภาพนี้เธอยิ่งกว่าคำมีน้ำมีนวลเสียอีก...
พระเจ้า...ถ้าผมไม่ได้กินเธอ อย่าเรียกผมว่าเป็นผู้ชายเลย!
เธอสวยเซ็กซี่ ฮอตอย่างกับไฟขนาดนี้ ผู้ชายสติที่ไหนจะทนได้
“ขอละกัน” สิ้นเสียงใบหน้าผมก็ก้มลงไปยังตำแหน่งลำคอ แลบลิ้นไล้เลียทุกตารางนิ้วจนคริสตัลต้องเบนคอหนีแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตามไปกินเธออย่างไม่รู้จักพอ
ให้ตายเธอไอ้ไค! ใช้ว่าแกขาดเรื่องพวกนี้ไปนานซะหน่อย ทำไมทำตัวเหมือนหมาหิวโซอย่างนี้วะ!
“ไค...”
คริสตัลดูเหมือนจะไม่มีแรงทำอะไรจนมือสองข้างตกมาอยู่ข้างลำตัว ผมที่ซุกอยู่กับเนินอกจับมือบางขึ้นมาจับที่บ่าผมไว้เพื่อที่เธอจะได้มีที่ยึดก่อนที่ตัวเองจะไล้ใบหน้าลงต่ำเลื่อนๆ ผ่านร่องเนินอกมาจนถึงหน้าท้องแบนราบและขบกัดสะดือสวยเบาๆ จนเธอต้องครางเสียงดัง
“ไค...ฉัน...”
ผมไม่สนใจเสียงหวิวๆ ของเธอแล้วใช้ปากคาบขอบเกงกางยาวก่อนจะค่อยๆ ใช้มือปลดตะขอด้านหลังแล้วรูดมันลงช้าๆ
“อย่า...” ผมขมวดคิ้วกับคำห้ามของเธออย่างสงสัยจนต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าร่างบางที่ตอนนี้ก็ไม่ได้ลืมตาอยู่ หน้าแดงๆ บอกให้ผมรู้ว่าเธอเมามากและที่เธอยอมผมอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เพราะว่าเต็มใจแต่เป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เสียมากกว่า
คุณคิดว่าผู้ชายอย่างผมสนมั้ยล่ะ ?
“ไม่ทันแล้ว...ที่รัก คุณสวยถูกใจผมมาก”
หลังจากจัดการถอดกางเกงและส้นสูงออกจากร่างบางได้เรียบร้อยผมก็จัดการกับเสื้อผ้าบนร่างตัวเองจนท้ายสุดเหลือแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว ไม่รอช้าผมรีบเข้าไปทาบทับร่างบางที่ตอนนี้เหลือแต่ชุดใช้ในสีเดียวกันสุดเซ็กซี่....จริงๆ มันแค่สีดำธรรมดาแต่ทำไมไมถึงดูเป็นชุดใช้ในที่เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่ผลเคยเห็นเลยก็ไม่รู้
“อือ...พ่อคะ แม่คะ”
ผมเงยหน้าจากร่องอกเธอแล้วมองหน้าร่างบางที่หลับตาเพ้ออะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ
เวลาเธอเมาเธอนึกถึงพ่อแม่ด้วยเหรอ ?
แม้ว่าเธอจะพูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจแต่ผมก็ไม่สนใจที่จะถาม ตอนนี้ผมต้องรีบจัดการเธอให้เร็วที่สุด เร็วก่อนที่น้องชายผมมันจะแตกซะตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มรวมร่าง
“อย่าทิ้งตัลไป ฮึก”
!!!
เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ...
“อย่าทิ้งตัลไป ฮึกๆ”
ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับหยุดชะงักรวมทั้งอารมณ์สวาทของผมเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอเข้ากับน้ำตาที่คลออยู่ตามขนตาที่ปิดสนิท ผมเลื่อนตัวขึ้นในตำแหน่งที่สามารถมองใบหน้างามได้ชัดๆ แล้วใช้นิ้วโป้งไปน้ำตาให้เธอช้าๆ มองเธอที่พึมพำถึงเรียกพ่อแม่เบาๆ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ
ตั้งแต่เกิดมาไม่มีผู้หญิงคนไหน...ที่ผมเคยร่วมเตียงด้วยร้องไห้สักคน
บรรยากาศในห้องเงียบสงัดไปพักใหญ่และเมื่อสังเกตดีๆ ก็พบว่าคนใต้ร่าง...หลับ
หลับ...ทั้งที่เนื้อตัวของเราสองคนมีเสื้อผ้าน้อยชิ้น
ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้สามารถทำให้ผมอยากครอบครองเธอและก็ชิงหลับไปก่อนเนี่ยนะ!
บ้าเอ้ย!!
ผมกดจูบหนักๆ ดูดดึงเนื้อกลางร่องอกแรงๆ เป็นครั้งสุดท้าย…
ผมว่าผมก็บ้าจริงๆ แหละที่ตัวเองยอมผละจากร่างงามแล้วมายืนข้างเตียงก่อนจะห่มผ้าห่มให้จนถึงคอสวย ปกปิดเนื้อแท้ทุกตารางนิ้วกลัวว่าหากตัวเองเห็นอีกครั้งจะกลั้นใจไม่ให้ทำรักเธอไม่ได้
“เวรเอ้ย” สะบัดหัวอย่างหงุดหงิดแล้วรีบหันหน้าหนีใบหน้างามที่ริมฝีปากบวมเจ่อจากรสจูบของผม
ผมรีบเดินไปเข้าห้องน้ำถอดบ๊อกเซอร์แล้วเปิดน้ำเย็นๆ ให้รดราดบนร่างกายแกร่งเผื่อว่าอารมณ์ร้อนๆ ที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวผมจะสงบลงบ้างแต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อใดก็ตามที่ภาพเนินอกขาวๆ ของเธอลอยเข้ามาในหัวผมก็รู้สึกได้แรงตื่นตัวกลางแก่นกายชาย
บ้าเอ้ย!
เมื่อคิดได้ว่าต่อให้ตัวเองยืนอาบน้ำต่ออีกไปชั่วโมงก็คงไม่ช่วยอะไรในเมื่อภาพกึ่งเปลือยของเธอยังคงติดหัว ผมรีบเปิดประตูห้องน้ำอย่างแรง เดินออกมาโดยไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นและตรงเข้าไปจับโทรศัพท์โทรหาใครบางคนที่ผมต้องการให้ช่วย
“จินนี่ เธอว่างเหลือเปล่า...ช่วยฉันหน่อย...ฉันไม่ไหวแล้ว”
แน่นอนว่าปลายสายเข้าใจดีว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร เมื่อตกลงเป็นที่เรียบร้อยผมก็หยิบกางเกงและเสื้อยึดมาใส่อย่างรีบเร่งตลอดเวลาก็ไม่ปล่อยให้สายตามองร่างบางบนเตียง กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหวจนต้องกระโดดขึ้นเตียงแล้วขย้ำสาวจอมยั่วทั้งที่เธอไม่มีสติ
เฮ้อ...เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับระดับชาติ หากเพื่อนผมรู้ว่าผม...ปล่อยเหยื่อ มันคงได้ล้อผมไปจนวันตายแน่!
6.30 น.
ผมเปิดประตูห้องอีกครั้งหลังจากเสร็จภารกิจอันร้อนแรงกับสาวลูกครึ่งราวๆ เช้ามืด เมื่อเห็นว่าน้องชายตัวเองกลับมาเป็นปกติ ผมก็รีบบอกลาสาวลูกครึ่งแล้วกลับมาที่บ้านเพื่อมาดูตัวต้นเหตุที่ติดเครื่องให้ผมร้อน...แต่ไม่ยอมช่วยผมระบายความร้อน
คริสตัลยังคงหลับอยู่ ใบหน้าแดงๆ เมื่อวานจางลงแล้วเหลือแต่รอยสีกุหลาบตามลำคอและเนินอกที่โผล่พ้นผ้านวมที่ตอนนี้ร่นไปอยู่กลางหน้าทองแบนงาม
ผมยิ้มแล้วจับผ้าขึ้นมาห่มถึงลำคอให้เธออีกครั้งแต่...
“เลว นายมันเลวที่สุด”
“...” ผมมองร่างบางที่ละเมอออกมาด้วยความงุนงง ไม่แน่ใจว่าเธอแกล้งทำเป็นละเมอหรือไม่
“ไอ้บ้าไค...ฉันเกลียดนาย”
“!!!”
“นายมันเป็นผู้ชายที่น่าเกลียดที่สุด”
“!!!”
เธอ...ด่าผม ?
“ไอ้ผู้ชายเอาไม่เลือก”
!!!
ตาที่ยังคงปิดสนิทและลมหายใจที่เข้าออกอย่างปกติทำให้ผมรู้ว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดนั้นเพราะละเมอแต่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจคริสตัลที่กล้าว่าผมถึงขนาดนี้
ถ้าเธอละเมอ...นั้นหมายถึงเธอฝังใจว่าผมเป็นคนเลวจริงๆ
“หึ” ผมแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ รู้สึกได้เลยว่าอารมณ์ร้ายๆ ของตัวเองเริ่มปะทุขึ้นมากลางอก
ปกติผมไม่ใช่ผู้ชายเย็นชา ประเภทไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไงแต่ผมเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก มากถึงมากที่สุด รู้ตัวเองเลยล่ะว่าถ้าหากโมโหขึ้นมาผมสามารถผลาญทุกอย่างได้ แม้ว่ามันจะเลวแค่ไหนก็ตาม...
และผมเกลียดผู้หญิงปากดีมาก...
เหมือนกับว่าคนบนเตียงจะกลับไปหลับสนิทอีกครั้ง มือผมที่กำลังผ้าจับนวมขยับลงช้าๆ เผยให้เห็นเนื้อขาวนวลที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากแรงสวาทเมื่อคืน แม้ว่าผมจะยังไม่ได้ล้วงเกินเธอมากไปกว่าแทะโลมภายนอกแต่ถ้าดูแต่ตาก็เหมือนกับว่าเราสองคนเพิ่งผ่านศึกรักอันหนักหน่วงมาทั้งคืน
ผมกวาดสายตาไปทั่วร่างบางอย่างพอใจในฝีมือตัวเอง...แล้วอยู่ดีๆ ความคิดหนึ่งก็แว๊บผ่านเข้ามา
...
บางทีหลังจากนี้อาจะมีเรื่องอะไรสนุกๆ เกิดขึ้น
-----------------------------------
Krystal’s part
แสงที่รอดจากหน้าต่างบานใหญ่ข้างๆ เตียงทำให้ฉันต้องกระพริบตาถี่ๆ ทันทีหลังจากที่ลืมตาขึ้น หลังจากที่ปรับสายตาได้แล้วฉันก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาใหม่อีกครั้งช้าๆ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาพื้นกั้นระหว่างแสดงแดดกับดวงตา
ห้องฉันมีแสงแดดเข้าตอนเช้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
คิดแล้วก็แปลกใจจนต้องพยุงตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วยังแอร์อีก...มันหนาวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ทำไม...ผนังห้อง ?
กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะห้องๆ นี้ไม่ใช่ห้องที่คอนโดฉัน ไม่มีแม้แต่ความใกล้เคียง โทนห้องสีขาวดำนั่นไม่ใช่แน่นอน แล้วฉันยิ่งต้องเบิกตากว้างยิ่งกว่าเห็นผีเมื่อสายตาสบเข้ากับ...เขา
!!!
บ้าน่า~ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?
“ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงนิ่งๆ ทักฉันแล้วยกแก้วไวน์เล็กๆ ขึ้นเป็นสัญญาณทักทาย
ฉันมองไคอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งนั่งอยู่บนเก้าอี้หรูตัวใหญ่ขาพาดมายังเตียงที่ฉันนั่งอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่ดูก็รู้ว่าสั่งทำพิเศษเพราะมันดูหรูหราอลังการกว่าเสื้อคลุมที่ขายตามห้างทั่วไป
“นะ นาย...” เมื่อได้สติฉันก็เปล่งเสียงออกมาแต่ดันพูดไม่ออกเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการปวดที่แล่นจี๊ดมายังศีรษะ
ภาพเหตุการณ์ที่ฉันดวลเหล้ากับเขาย้อนกลับเข้ามาในหัวช้าๆ และนั่นทำให้ฉันถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งนึกได้
เมื่อคืนนี้ฉัน...เมา!!
เวรแล้วไง!
ฉันมองไปรอบพื้นห้องก็เห็นว่าเสื้อผ้าและชุดใช้ในตัวเมื่อคืนกระจายไปทั่วห้อง ดูราวกับว่าห้องนี้เพิ่งผ่านศึกรักอันร้อนแรงยังไงยังงั้น
“เมื่อคืนนี้เธอ...เด็ดมากเลยล่ะ” คนผมเลิกคิ้วแล้วจิบไวน์ช้าๆ โดยที่หางตาปรายมาทางฉัน
“นะ นาย...” ฉันพูดไม่ออกเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นยังไงหากได้เมา แม้ว่าฉันจะจำเหตุการณ์ช่วงที่เมาไม่ได้ก็ตามแต่ก็พอรู้ว่ามันไม่น่าใช่เรื่องดี
ดีไม่ดีฉันอาจจะถึงขั้นปล้ำเขาเลยก็ได้...
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของเขาทำให้ฉันรู้สึกใจไม่ดีและยิ่งเห็นสายตาคมที่มองฉันยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองโดนฉวยโอกาสทางสายตา ฉันละจากใบหน้าหล่อนั่นแล้วก้มลงมองสภาพใต้ผ้านวมแทน
O_O
นี่ ฉัน...พลาดจริงๆ งั้นเหรอ ?
“คุณนี่มันเต็มไม้เต็มมือจริงๆ”
ฉันไม่สนที่ไคพูดแล้วก้มสำรวจร่างเปลือยของตัวเองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น รอยแดงๆ ที่อยู่ตามเนินอกทำเอาฉันพูดไม่ออก อยากจะกรีดร้องออกมาแต่ก็ไม่มีเสียง ไม่อยากจะคิดว่ารอยตามลำคอที่ฉันไม่สามารถมองเห็นในตอนนี้จะมีมากแค่ไหน
บ้าที่สุด ไม่น่าเลยฉัน!
“ดูเหมือนคุณจะเข้าใจทุกอย่างโดยที่ผมไม่ต้องอธิบายนะ”
“...” ฉันเงียบไม่ตอบเอาแต่กรีดร้องในใจดังๆ อยู่คนเดียว ไม่ยอมแม้แต่มองหน้าคนบนเก้าอี้ ทั้งอาย เจ็บใจ และแค้นจนอยากจะหยิบมีดมาฆ่าเขาให้หัวหลุดเสียตรงนี้
เขาสติครบทำไมไม่ห้ามฉันล่ะ...อย่าน้อยก็ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษสักครั้งหนึ่งก็ยังดี
“ขอโทษนะครับ...ที่ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษพอ” บางทีเขาคงเดาสีหน้าฉันออกถึงได้พูดแบบนั้นออกมา แต่ยิ่งได้ยินฉันก็ยิ่งโมโห
ฉันพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนแต่ก็ไม่อยากจะยอมรับ บางทีเรื่องระหว่างเราอาจจะยังไม่เลยเถิดไปถึงขั้นนั้น...บางทีนะบางที
หากถามว่าทำไมฉันถึงคิดว่าเรื่องบนเตียงระหว่างเขากับฉันเกิดขึ้นนั้นก็เพราะ...ฉันเคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้วถึงสองครั้งแต่โชคดีที่ครั้งแรกเพื่อนๆ ทั้งสี่คนตามตัวฉันเจอก่อนและช่วยมาได้ที่ฉันจะถูกฟัดหรือเป็นฝ่ายฟัดเอง ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ตอนนั้นปีสองเองมั้ง เป็นการเมาครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ส่วนครั้งที่สองประมาณห้าเดือนก่อน ฉันไปจูบผู้ชายไปทั่วผับประมาณเกือบสิบคนจนนาอึนถึงกับถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานเพื่ออตอนสร่างเมาฉันจะได้ดูฝีมือตัวเอง นับจากนั้นฉันก็ไม่ค่อยได้เมาอีกเลยหรือถ้าดื่มจนเมาก็ต้องมั่นใจว่าเพื่อนฉันอยู่ด้วย
แต่เมื่อคืนนี้...ฉันไม่มั่นใจตัวเองเลยว่าทำอะไรลงไป
โถ่เว้ย อย่างน้อยก็น่าจะจำได้สักนิดสิ!
“ให้ผมเดา...คุณก็พอจะรู้ใช้มั้ยว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกัน” สายตาคมมองฉันนิ่งๆ แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนอย่างน่าประหลาด “...หวังว่าคุณจะไม่ลืมรสรักอันร้อนแรงของเรานะ”
“!!!”
“หึ”
แม้ว่าจะมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเมื่อคืนแต่หากจะให้ฉันยอมรับว่าเสียเวอร์จิ้นให้ไอ้ผู้ชายหน้างูหัวงูคนนี้ล่ะก็...ฝันไปเถอะ!
“ฉันไม่ได้ทำอะไรกับนายทั้งนั้นแหละ” ปรับสีหน้าให้เป็นปกติและพูดเสียงเรียก กระชับผ้านวมมาคุมร่างกายแน่น
“ไม่ได้ทำ...” ไคพูดแล้วเลิกสาบเสื้อออกนิดหนึ่งเผยให้เห็นรอยแดงคล้ายๆ กับของฉันบริเวณหน้าอกแกร่งนั่น “แล้วรอยนี้มาจากไหน”
“...” ฉันพูดไม่ออกเมื่อเห็นหลักฐานคาตา ไคไม่เพียงแค่โชว์หลักฐานตรงหน้าอก เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังปลดเสื้อคลุมออกจนมันล่นลงมาอยู่ตรงเอว
!!!
ฉันมองรอยแดงยาวบริเวณหลังของคนผิวเข้มด้วยสายตาตกตะลึง ดูก็รู้ว่ารอยแดงยาวๆ พวกนั่นคือรอยเล็บข่วน
“หลักฐานแค่นี้พอมั้ย ?” ไคพูดพร้อมกับหันหน้ามา ฉันรีบหลับตาทันทีเมื่อเห็นว่าเขาหันมาทั้งที่ยังแต่ตัวไม่เรียบร้อย ฉันได้ยินเขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยแล้วลองลืมตาดูก็เห็นว่าเขาผูกสายเสื้อคลุมเรียบร้อยแล้ว
“ฉัน...” ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะพูดอะไร ฉันมองหน้าเขาพร้อมกับกำมือแน่น “ฉันจำอะไรไม่ได้”
“...”
“เพราะฉะนั้นฉันไม่เชื่อว่าเรามีอะไรกัน”
“...คุณแน่ใจ ?” ไคถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง เขายืนขึ้นแล้วคลานขึ้นมาบนเตียงช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ผ้าสองข้างรวบผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองจนมิดคอแล้วมองไคโดยที่พยายามไม่แสดงออกให้เขารู้ว่าฉันกลัว
“ใช่! รอยนั่นนายอาจจะโดนแมวข่วนก็ได้” ข้ออ้างไร้สาระถูกนำมาใช้ รู้ทั้งรู้ว่ารอยนั่นเป็นฝีมือมนุษย์แต่หากจะให้ฉันยอมรับตรงๆ ล่ะก็...ฆ่าฉันเสียดีกว่า
“ถ้ารอยนั้นคือแมวข่วน...แล้วนี่ล่ะ!”
พรึบ
ฉันตกใจนึกว่าเขาจะดึงผ้าห่มออกจากร่างฉันแต่ไคทำเพียงแค่ปัดผ้าห่มอย่างแรงให้พ้นฟูกที่นอนตรงกลางก่อนที่จะใช้สายตามองไปยัง...รอยคล้ำแดงๆ บนที่นอน
O_O
ไม่จริง...
“งั้นเธอจะบอกว่ารอยนี้เป็นเลือดแมวด้วยหรือเปล่าล่ะ”
“!!!”
รอยกลมๆ เล็กๆ สีคล้ำที่บอกว่าเป็นเลือดก็คงจะใช่...ถ้ามันเป็นเลือดนั่นหมายถึง...ฉันเสียเวอร์จิ้นให้เขาแล้วจริงๆ
อยู่ดีๆ ก้อนอะไรบางอย่างก็มาจุกที่ลำคอ ฉันพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าร้อนผ่าวเช่นเดียวกับดวงตาที่แสบร้อนไปหมด ฉันกลั้นน้ำตาไว้สุดความสามารถไม่ยอมให้ผู้ชายที่พรากสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตฉันไปได้เห็นมันเด็ดขาด
“ชัดพอหรือยัง...ยอมรับซะเถอะว่าเธอเป็นของฉันแล้ว...คริสตัล”
“...”
“แล้วเป็นเธอไม่ใช่เหรอ...ที่ร้องขอให้ฉันทำ”
ยิ่งเขาพูดฉันก็ยิ่งรู้สึกอับอายในตัวเอง ฉันเป็นผู้หญิงขี้เมาแล้วเที่ยวเสียตัวให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักอย่างนี้ได้ยังไง
“ออกไป”
เนิ่นนานกว่าที่ฉันจะพูดออกมาได้ ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากมองหน้าคนตรงเลยสักนิด
“ก็ได้...”
“...”
“แต่ขอให้จำไว้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนฉันไม่ได้ขืนใจ...เธอเรียกร้องมันเองต่างหาก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับเทไวน์แดงลงซ้ำรอยคล้ำที่เป็นหลักฐานของเราสองคน สีของมันราวกับซ้ำเติมในความพลาดพลั้งของฉันมากกว่าเดิม
“...”
ปัง
ทันทีที่เสียงประตูปิดลงฉันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาไหลอย่างหนักเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเหลวแหลก เป็นยัยลำยองขี้เมาแล้วปล่อยให้ผู้ชายพาขึ้นเตียง...ไม่สิ บางทีเธออาจะเป็นฝ่ายเริ่มเสียด้วยซ้ำ
รอยแดงๆ ตามลำคอไคยังคงติดตาฉันอยู่ เขาไม่มีทางก้มลงไปทำรอยพวกนั้นให้ตัวเองได้แน่และเมื่อคืนฉันก็อยู่กับเขา...เพราะฉะนั้นรอยพวกนั้นก็คงเป็นฝีมือฉัน
ให้ตายสิ ฉันอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายเสียตรงนี้จริงๆ
--------------------------------------
ทันทีที่พ้นสายตาคริสตัล ไคก็เผยรอยยิ้มปลาบปลื้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนั้นยังบริสุทธิ์
ตอนแรกเขาไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เพราะจากประวัติที่เทาหามาให้บอกว่าคริสตัลได้ชื่อว่าเป็นคาสโนวี่ตัวแม่ในหมู่ผู้ชายเที่ยวกลางคืนแต่เวลาอยู่ในมหา’ลัย เธอกลับเป็นผู้หญิงเรียบร้อยและไม่ตอบรับผู้ชายที่มาสารภาพรักเลยสักคน อีกอย่างคริสตัลมีเพื่อนชายอยู่คนเดียวและนั่นก็คือคนที่เขาพุ่งรถใส่เมื่อวันนี้นั่นเอง...ยิ่งไปกว่านั้นที่เธอเคยบอกว่าตัวเองมีแฟนก็โกหกทั้งเพ
อย่างไรก็ตาม...เขาก็ไม่มั่นใจว่าคริสตัลจะยังเวอร์จิ้นเลยลองคิดแผนนี้ขึ้นมาเล่นๆ เขาไม่ได้ทำอะไรเธอหรอกแค่จัดฉากให้เหมือนว่าเราเพิ่งผ่านบทรักร้อนแรง รอยแดงและรอยข่วนตามตัวเขาก็มาจากจินนี่ทั้งนั้น ส่วนรอยแดงบนเตียงก็มาจากไวน์แดงที่เขาเพิ่งเทเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานปลอมๆ นั่นแหละและก็ได้ผล...สีหน้าตกใจสุดขีดของเธอบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอยังเวอร์จิ้น
ตอนแรกก็ไม่อยากจะแกล้งเธอหรอกแต่เห็นว่าเธอด่าเขาและฝังใจว่าเขาเป็นคนไม่ดีซะขนาดนั้น เขาก็เลยจัดให้สักหน่อยเผื่อว่าเธอจะยังไม่รู้จักคำว่า ‘เลว’ ดีพอ
รอยยิ้มยังคงไม่ยอมหุบเมื่อคิดว่าร่างบางอันหอมหวานยังไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน...
ต่อไปนี้คงมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้นแน่นอน...
--------------------------------------
Sull’s part
เมื่อเริ่มได้สติสิ่งที่รู้สึกคืออาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ฉันขยี้ตาตัวเองแล้วก้มลงมองก็พบว่าตอนนี้ตัวเองนอนพิงประตูห้องนอนของเทาด้วยท่ากอดเข่า
ภาพเหตุการณ์เมื่อวานเริ่มย้อนเข้ามาในโสตประสาท ทันทีที่ฉันจำทุกอย่างได้ก็รีบเด้งตัวและทุบประตูไม่ต่างจากเมื่อคืนที่ฉันทุบเรียกร้องให้เขาเปิดประตูจนหลับไป
วันนี้ก็เช่นก่อน...ไม่มีใครสักคนตอบรับฉัน
ฉันล้มเลิกความตั้งใจแล้วผละออกมามองนาฬิกาที่หัวเตียงบ่งบอกเวลาว่าตอนนี้สิบโมงแล้ว คลาสแรกของวันเริ่มไปแล้วด้วย ท่าทางวันนี้ฉันจะไม่ได้ไปเรียน ไม่สิต่อให้ไปได้ ใช่ว่าฉันจะมีกระจิตกระใจจะไปสักหน่อย
เขามันใจร้ายที่สุด...คอยดูสักวันฉันจะทำให้เขาเจ็บแบบนี้บ้าง
เจ็บกว่ายิ่งดี!
ฉันส่ายหัวไล่ความมึนงงแล้วลองเปิดโน๊ตบุ๊คเผื่อว่ามันจะมีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ติดต่อใครได้บ้างแต่แล้วฉันก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง ทั้งโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตไม่มีฉันจะติดต่อเพื่อนให้มาช่วยได้ยังไง
คงจะดีหากฉันสามารถใช้นกพิราบสื่อสารเหมือนกับในหนังได้บ้าง
“ปวดหัวจัง” ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วนั่งลงปลายเตียงเมื่อรู้สึกหนักๆ ที่หัว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฉันกำลังไม่สบายแน่ๆ เมื่อวานฉันทั้งนั่งตากลมเย็นๆ แถมยังโดนลูกน้องเขาลากไปลากมาหากจะสบายดีก็คงไม่ใช่คนแล้ว
ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืนฉันก็ยิ่งเกลียดและโกรธเขาจนไม่รู้จะอธิบายยังไงถึงจะสาสมกับความรู้สึกในใจ
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆ แทนชุดคลุมอาบน้ำเมื่อคืนฉันก็ต้องตกใจเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเห็นว่าบนเตียงมีถาดอาหารวางอยู่
โจ๊ก...น้ำส้ม
ใครจะไปมีอารมณ์ทานตอนนี้กัน!
บางทีคงเป็นหนึ่งในลูกน้องเขาที่นำอาหารเข้ามาให้ เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันจึงรีบไปจับลูกบิดและหมุนไปหมุนมาแต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรขยับ
“แกรี่...แกรี่รึเปล่า เปิดประตูให้ฉันหน่อยเถอะ” ฉันส่งเสียงร้องพลางเคาะประตูไปด้วยแต่ก็ได้ผมเหมือนเดิม...ไม่มีเสียงตอบรับ
ถอยตัวเองมานั่งบนเตียงอย่างหมดแรงและเหนื่อยใจ เลิกคิดที่จะหวังให้ลูกน้องเขาเปิดประตูให้ ฉันไม่โกรธพวกเขาหรอกเพราะเขาก็แค่ทำตามคำสั่งเจ้านายเลวๆ ...คนที่ผิดน่ะคือตัวสั่งการต่างหาก
“เฮ้อ~” ฉันถอนหายใจยาวแล้วลุกขึ้นเปิดประตูระเบียงเพื่อออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกนั่น
สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านทำให้รู้สึกดีไม่น้อย...ฉันยิ้มให้กำลังใจตัวเองเบาๆ แล้วพร่ำบอกตัวเองว่า...สักวันเขาต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้แน่นอน
ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจและเมื่อวานนี้ฉันเป็นคนเริ่มก่อนทั้งหมด ถ้าฉันไม่ปาแก้วใส่หน้าเขา เทาคงไม่โมโหจนต้องทำแบบนี้ แต่...ก็เช่นเดียวกัน หากเขาไม่ลากฉันเหมือนหมูเหมือนหมาฉันก็คงไม่โกรธจนต้องลงไม้ลงมือกับเขา
ยิ่งไปกว่านั้น...หากวันนั้นเขาไม่ทิ้งฉัน ฉันจะไปขูดรถเขามั้ยล่ะ
เวลาผ่านไปเนิ่นนานที่ฉันยืนรับลมที่ริมระเบียง ฉันคงไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาในห้องหากเขาคนนั้นไม่เรียกฉันซะก่อน
“คุณซอลลี่น่าจะทานอะไรหน่อยนะครับ”
แน่นอนว่าคนๆ นั้นไม่ใช่นายหวังจื่อเถา
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันไม่หิวเท่าไหร่” ฉันตอบโดยที่ไม่ขยับตัวแต่ฉันก็พอรู้ว่าจากน้ำเสียงว่าเขาคือคังแกรี่
“แต่...ถ้าคุณจื่อเถารู้คุณซอลจะโดนดุเอานะครับ”
“ช่างสิคะ”
“...”
“ฉันไม่หิว คุณเอาอาหารกลับไปเถอะค่ะ”
“...”
ไม่นานนักฉันก็ได้ยินเสียงปิดประตู เมื่อลองหันกลับไปมองก็เห็นว่าเจ้าตัวทำตามที่ฉันสั่งคือนำถาดอาหารในตอนเช้าไปเก็บแต่ก็ยังอุตส่าห์วางถาดอาหารกลางวันไว้ให้
‘…ถ้าคุณจื่อเถารู้คุณซอลจะโดนดุเอานะครับ’
เหอะ โดนดุเหรอ
ด้วยความโมโหและหมั่นไส้ในตัวเจ้านายคนพูดที่ทำตัวราวกับเป็นพ่อฉัน สองขาเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วคว้าถาดอาหารออกมาริมระเบียงอีกรอบก่อนจะ...
โยนมันทิ้ง
ฉันมองถาดอาหาร จาน ช้อน ส้อม แก้วและเศษอาหารที่ดิ่งลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกจากใช้สี่สิบซึ่งเป็นชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้ด้วยสายตาเรียบเฉย
เอาให้หมากินยังดีกว่าซะอีก!
20.00 น.
ฉันยังคงได้รับอาหารมื้อเย็นเหมือนเดิมตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วและฉันก็ยังคงปฏิบัติต่อมันด้วยวิธีการโยนอย่างไม่ใส่ใจจะแตะแม้แต่ข้าวสักเม็ดหรือน้ำสักอึก ตอนแกรี่ถามถึงถาดอาหารกลางวันฉันก็แค่บอกไปตรงๆ ว่าโยนลงข้างล่างไปแล้ว เขาดูเหมือนจะอึ้งๆ กับการกระทำของฉันแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป แน่นอน...เขาไม่ลืมล็อคประตู
เชื่อสิว่าเดี๋ยวเขาไปรายงานเจ้านายสุดที่รักเองนั่นแหละ
ทั้งวันฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนรับลมอยู่ด้านนอกเพราะหากจะให้เข้ามาอยู่ในห้องที่ของทุกชิ้นเป็นของของนายนั่นฉันคงต้องประสาทกินแน่ๆ
น่าเบื่อชะมัด!
ฉันล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มข้างประจำของตัวเองเช่นหลายคืนก่อนเพราะปกติแล้วเทาจะนอนอีกฝั่ง แม้ว่าเราจะนอนเตียงเดียวกันแต่เราก็ขีดเส้นแบ่งเขตกันชัดเจนและที่ฉันยอมร่วมเตียงกับผู้ชายอย่างเขาก็เพราะเห็นใจที่เขาเคยอุ้มฉันกลับเข้ามานอนในห้องในคืนแรกนั่นแหละ ทว่า...ความเห็นใจจากฉันจะไม่มีให้คนอย่างเขาอีกแล้ว
มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมากุมขมับแล้วนวดเบาๆ หนังตาหนักจนลืมไม่ขึ้น ฉันว่าตัวเองต้องกำลังป่วยแน่ๆ วันนี้ทั้งวันก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด ไม่สิ...ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้วต่างหากที่ท้องฉันไม่มีอะไรลงไปให้กระเพราะมันย่อยให้ตายเถอะมาป่วยอะไรตอนนี้เนี่ย
ปัง!
เปลือกตาที่ปิดสนิทในตอนแรกเป็นต้องลืมขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูอย่างป่าเถื่อน ฟังแล้วไม่มีทางที่จะเป็นลูกน้องแน่ๆ แล้วฉันก็คิดถูกเมื่อเห็นว่า...เทายืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าดุดัน
“...”
“...”
ฉันพลิกตัวหนีสายตาคมนั่นแล้วห่มผ้าห่มคลุมโปงไปทั้งร่างตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้านั่น หลังจากวันนี้ทบทวนมาทั้งวันฉันก็รู้ว่าการต่อปากต่อคำกับเขามีแต่เสียกับเสีย นั่นจะทำให้เขายิ่งได้ใจแต่ถ้าหากฉันนิ่งเงียบไม่สนใจว่าเขาจะปฏิบัติต่อฉันยังไง บางทีมันอาจจะทำให้เขาเบื่อจนปล่อยฉันไป...หรือไม่ก็รู้สึกหงุดหงิดได้สักนิดก็ยังดี
“ทำไมไม่กินข้าว”
“...”
ฉันข่มตานอนไม่สนใจน้ำเสียงไม่พอใจนั่น สักพักฉันก็ได้ยินเสียงฝ่าเท้าเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหยุดอยู่ข้างเตียง
“ถ้าผมรู้ว่าคุณจะโยนมันทิ้ง...ผมเอาไปให้หมามันกินอย่างจะดีกว่า”
“...”
ฉันก็ช่วยนายโยนให้หมามันกินแล้วไง
“ผมรู้ว่าคุณยังไม่หลับ”
“...”
“...”
“...”
“อยากเล่นสงครามประสาทกับผมสินะ”
สิ้นคำพูดเขาฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตามด้วยเสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเสียงเปิดประตูซ้ำอีกครั้งและจากนั้นฉันก็รู้สึกว่าฟูกที่นอนยุบลงไป
อย่าบอกนะว่า...เขาขึ้นมานอนเตียงเดียวกับฉัน!
“ก็ดีถ้าคุณไม่กิน ผมจะได้ไม่เปลือง”
“...” ฉันกัดฟันกรอดแล้วกำมือเข้ากับหมอนแน่น
ไม่ได้โกรธที่เขาพูด...แต่โกรธที่เขาขึ้นมานอนเตียงเดียวกับฉันราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“พรุ่งนี้คุณก็อดข้าวไปอีกวันด้วยแล้วกัน”
“!!!”
ความอดทนฉันขาดผึงเมื่อเขาสื่อว่าจะกักตัวฉันไว้อีกวัน
“นายจะบ้าเหรอ!!” ฉันลุกขึ้นนั่งพลางมองคนที่นอนทั้งที่ไม่ใส่เสื้อตาขวาง บนหน้าเขามีพลาสเตอร์สีดำปิดไว้ตรงหางคิ้วข้างซ้าย
ต่อให้หุ่นเขาจะน่าจับฟัดมากแค่ไหนแต่ฉันก็ไมสนใจหรอกนะ!
“ผมนึกว่าคุณหลับแล้ว” เทาพูดแล้วหลับตานอนเอามือหนุนหัวแล้วหันไปอีกฝั่ง เขาน่ะเมินฉันเหมือนที่ฉันเมินเขาในตอนแรกเลย
“อย่ามากวนประสาท”
เมื่อกี้เขายังพูดอยู่เลยว่ารู้ว่าฉันยังไม่หลับ
“...”
“นายมันเลว” ฉันด่าเขาด้วยความความเกลียดชังที่เก็บกดมาตั้งแต่เมื่อคืน
“...”
“ฉันจะเกลียดนายไปจนวันตายเลยคอยดู!!”
“อาทิตย์หนึ่ง”
“...” ฉันมองแผ่นหลังกว้างอย่างไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรแต่พอได้ยินประโยคต่อมาฉันแทบอยากจะหยิบโคมไฟที่หัวเตียงมาฟาดใส่เขาให้จอมกองเลือดตายไปเลย
“ถ้าคุณยังดื้อ...ก็อยู่ในนี้ไปอีกอาทิตย์หนึ่งแล้วกัน”
“นะ นาย...” ฉันพูดไม่ออก ไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องการกักขังด้วยน้ำเสียงปกติแบบนั้นได้
“ไม่ต้องห่วงเรื่องการเรียน...วันนี้ผมเข้าไปทำเรื่องลาพักร้อนให้คุณแล้ว”
“นาย...”
“ผมบอกว่าคุณไปพักร้อนอาบแดดที่ฮาวายสักอาทิตย์หนึ่ง พวกเขาก็ไม่ว่าอะไร”
อะไรนะ...อาบแดดที่ฮาวาย ?
“ฉันเกลียดนาย!!! เกลียด!!!” ...ฉันเกลียดเขาจนไม่สามารถทนนอนร่วมเตียงเขาได้อีกต่อไป หมอนที่เคยใช้หนุนถูกโยนลงไปบนพื้นตามด้วยผ้านวมที่มีอยู่บนผืนเดียวบนเตียงเพราะของที่ซื้อใหม่ยังอยู่ที่คอนโดคริสตัล
ดูเหมือนเขาจะไม่แคร์เรื่องผ้านวมเท่าไหร่แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องยุ่งกัน!
...
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งฉันได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอจากคนบนเตียงมันเลยทำให้คิดว่าเขาคงหลับไปแล้ว
ฉันกำมือสองข้างแน่นพลางกัดริมฝีปากตัวเองไปด้วย พื้นเข็งๆ ที่สัมผัสกับหลังฉันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกแย่อะไรแต่ที่ฉันรู้สึกแย่มากๆ นั่นก็เพราะเขา...ไม่คิดจะห้ามฉันสักนิด อย่างน้อยถ้ายังมีความเป็นสุภาพบุรุษเขาก็ควรจะเอ่ยปากห้ามฉันสักนิด
คำพูดที่เขาบอกจะกักเธอไว้อีกหนึ่งอาทิตย์ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะตายทั้งเป็นแค่อาการปวดหัวและพิษไข้ที่เริ่มเล่นงานก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่อยู่แล้ว ยิ่งเขาซ้ำเติมฉันด้วยการบอกจะกักขังฉันไว้อีกหนึ่งอาทิตย์มันทำให้ฉันอยากจะตายไปเสียตรงนี้ยังดีกว่า
สักวัน...สักวันฉันต้องเอาคืนเขาแน่ๆ
ร่างบางก้าวออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย มือสองข้างกำผ้าเช็ดตัวไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าในหัวตัวเองเหมือนมีอะไรเต้นตุบๆ อยู่ในหัว แถมยังรู้สึกแสบท้องเล็กน้อยด้วย มันคงเป็นผลพวงมาจากการที่ฉันไม่ยอมทานอะไรเลยและเช่นเดียวกับมื้อเช้าของวันนี้ที่ตั้งไว้บนเตียง
ฉันมองมันด้วยสายตาเรียบเฉยแล้วทิ้งตัวลงนอนบนพื้นตำแหน่งเดียวกับเมื่อคืนที่ยังคงมีหมอนและผ้าห่มที่ยังไม่ได้เก็บ เมื่อเช้านี้ฉันตื่นมาก็พบว่าในห้องหลงเหลือแต่ตัวฉันคนเดียว เจ้าของห้องออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่ทราบแต่ที่แน่ๆ ...เขาไม่ได้อุ้มฉันขึ้นไปนอนบนเตียงเหมือนวันแรก
บ้าชะมัด...นี่ฉันคิดได้ไงว่าคนอย่างเขาจะทำเรื่องดีๆ แบบนั้น
คนที่สั่งขังคนอื่นไว้...คงไม่มาสนใจเรื่องความเป็นอยู่ของฉันหรอก
คำว่าที่ ‘ทิฐิ’ มันค้ำคอฉันจนไม่ยอมที่จะขึ้นไปบนเตียงเขาอีกต่อไป ต่อให้ฉันจะต้องปวดหลังแค่ไหนแต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่มีวันยอมขึ้นไปนอนบนนั้นอีกแน่ๆ
“เฮ้อ~”
เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงเปิดประตู
“คุณซอลลี่!!”
ฉันผงกหัวขึ้นก็เห็นว่าไม่ใช่ใครอื่นลูกน้องของเขานั่นเอง...คังแกรี่
“ทำไมคุณมานอนที่พื้นอย่างนี้ล่ะครับ”
“...แค่กๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ฉันตอบแล้วพยุงตัวเองขึ้นนั่งแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้แกรี่
แววตาแกรี่ที่กวาสายตาไปทั่งร่างอย่างเป็นห่วงทำให้ฉันเข้าใจได้ในทันทีว่าตอนนี้สภาพตัวเองคงดูแย่มากจริงๆ แน่ล่ะ ฉันไม่ได้กินน้ำมาทั้งวันเลยหนิและถ้าหากจะนับกันจริงๆ แล้วฉันไม่แตะอะไรมาเกินสี่สิบแปดชั่วโมงแล้ว
แค่ให้พูดตอนนี้ยังยากเลย
“คุณน่าจะทานอะไรสักหน่อยนะครับ”
“...” ฉันยิ้มแล้วส่ายหน้าให้เขา แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากหวังว่าน้ำลายจะช่วยให้ความชุ่มชื้นมันได้บ้าง
“ผมขอร้องล่ะครับ คุณซอลลี่...ถ้าคุณยังไม่แตะอาหารร่างกายคุณจะแย่เอานะครับ อย่างน้อยน้ำสักอึกก็ยังดี”
ฉันว่าตอนนี้มันก็แย่พออยู่แล้วล่ะ...
“ไม่ต้องพูดให้เปลืองน้ำลายหรอกแกรี่ ถ้าคนมันไม่อยากกิน...” เสียงเขาหายไปเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาในห้องแล้วเห็นสภาพฉันเต็มๆ ตา
เอาสิ หน้าโทรมๆ ปากซีดๆ ตาปรือเพราะไม่มีแรงจะเปิดเปลือกตาและร่างกายที่เหมือนจะล้มไปนอนได้ทุกเวลา ถ้าหากเขายังใจร้ายขังฉันไว้ ฉันก็ไม่รู้จะด่าเขายังไงแล้ว
แต่แล้ว...
“ถ้าคนมันไม่อยากกินก็ปล่อยให้ป่วยตายไปเลย”
“!!!” สีหน้าตกใจไม่ได้มาจากฉันแต่มาจากคังแกรี่ผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างเจ้านาย
ฉันเพียงแค่เหยียดยิ้มแล้วจ้องร่างสูงด้วยแววตาเรียบเฉยก่อนจะรวบแรงเฮือกสุดท้ายพูดกับเขา
“ออกไปซะเถอะ ฉันจะพักผ่อน...” สิ้นเสียงร่างของฉันที่ฝืนนั่งมานานตัวก็ล้มลงนอนกับพื้นโดยอัตโนมัติ โชคดีที่หัวฉันลงมาเจอหมอนพอดีมันเลยทำให้ดูเหมือนว่าฉันตั้งใจนอน ไม่ใช่เพราะร่างกายรับไม่ไหว มือข้างหนึ่งเอื้อมไปดึงผ้าห่มแล้วคลุมโปงทั้งร่างเพื่อที่จะไม่ต้องทนเห็นหน้าคนใจร้ายอีกต่อไป
ฉันกัดริมฝีปากแน่นจนคิดว่ามันต้องห้อเลือดแน่นอน มือสองข้างกำผ้าส่วนหนึ่งไว้แน่นจนตัวสั่น ก้อนสะอื้นวิ่งมาจุกอยู่ตรงลำคอแต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้เขารู้แน่ๆ ว่าฉันร้องไห้ ไม่มีทาง!
“แกรี่...ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเอาอาหารให้คุณคนนี้แล้วล่ะ ดูท่าเธอจะอยากตาย”
“แต่...”
“บอกอะไรก็ทำตาม”
“ครับ”
ปัง!
เขามันใจร้ายที่สุด
----------------------------------------
Krystal’s part
[ว่าไงน้องสาวที่รัก~]
“พี่เจส...” ฉันเอ่ยได้แค่นั้นก็เงียบไปเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ไคมาส่งฉันที่คอนโดแล้วก็กลับไป ฉันกับเขาไม่พูดอะไรกันอีกเลยตั้งแต่ออกมาจากบ้านไค แต่แค่มองสายตาเขาฉันก็รู้แล้วว่าไค...สะใจที่ฉันกลายไปเป็นของเขา
[หืม...เป็นอะไรเสียงดูหงอยๆ เงินไม่พอใช้เหรอ] เสียงสูงถามติดตลกเพราะนั่นไม่มีทางเป็นไปได้ พี่เจสสิก้าที่ทำงานเป็นบรรณาธิการนิตยสารชื่อดังในอเมริกาส่งเงินมาให้ฉันแทบทุกอาทิตย์ราวกับกลัวว่าฉันจะมีเงินใช้ไม่พอ
“คริส...คิดถึงพี่ค่ะ” ฉันคิดถึงพี่เจสจริงๆ เธอเป็นสายเลือดเดียวที่ฉันเหลืออยู่ พ่อกับแม่ฉันเสียตั้งแต่สี่ปีที่แล้วน่ะ ท่านเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
แค่นึกถึงเหตุการณ์นั้น...ฉันก็อยากจะร้องไห้
พ่อกับแม่เป็นอัยการระดับสูงคอยตัดสินพวกคดีเกี่ยวกับนักการเมืองที่โกงกินประเทศเลยถูกปองร้ายรอบด้าน พวกท่านเป็นอัยการที่เก่งที่สุดในเกาหลี คอยช่วยงานกันและกันจนกลายเป็นคู่หูที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก
มันโชคไม่ดีเลย...พวกท่านถูกรถชนโดยรถบรรทุกที่คนขับเมา
ฉันไม่รู้หรอกว่าความจริงมันเป็นยังไง...เพราะยังไงซะ ฉันก็ไม่สามารถได้พ่อกับแม่กลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์นั้นพี่เจสก็ย้ายมหา’ลัยไปเรียนที่อเมริกาเพราะสอบชิงทุนได้ ส่วนฉันก็ยังอยู่ที่เกาหลีในความปกครองของคุณชเวซึงโฮ คุณพ่อของซอลลี่น่ะ...ถ้าถามว่าญาติฉันไปไหน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่เคยเห็นพวกเขาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว
สมบัติและคุณงามความดีที่พ่อกับแม่ทำให้กับประเทศทำให้ฉันมีชีวิตที่สบายอย่างมาก ไม่ว่าจะทำอะไรฉันก็ได้รับสิทธิ์พิเศษเหนือคนอื่นตลอด ถ้าจะให้ยกตัวอย่างล่ะก็...ฉันสามารถนั่งเครื่องบินฟรีไปต่างประเทศโดยที่บนเครื่องมีฉันเป็นผู้โดยสารอยู่เพียงคนเดียวยังไงล่ะ พิเศษพอมั้ย...?
เอาเถอะเรื่องนั้นประเด็น สิ่งที่ฉันเพิ่งเจอมาต่างหากล่ะคือประเด็นสำคัญ!
[อะไรกัน...คิดถึงพี่จริงๆ เหรอ ? ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นโทรมา] ฉันยิ้มกับคำพูดของพี่เจสเพราะมันไม่ใช่ความจริงเลย ฉันน่ะติดพี่เจสจะตาย โทรหาพี่ทุกอาทิตย์
“คริสคิดถึงพี่เจสจริงๆ นะคะ”
[...มาหาพี่มั้ยล่ะ]
“...” ฉันเงียบไปเมื่อคิดว่าสิ่งที่พี่เจสเสนอมาน่าสนใจเป็นอย่างมาก
[หยุดเรียนสักสามสี่วันมาหาพี่มั้ย]
“...ตามนั้นค่ะ”
ถ้าฉันได้ไปพักสมองสักสามสี่วันในต่างถิ่นบ้างก็คงจะดี...
------------------
ช้าไปมั้ย ?
ฉากไคตัลตอนแรกมันคงไม่โดนแบนหรอกเนาะ หรือว่าจะโดน ???
ใครถามถึงเอ็นซี อาจจะมีถ้าบทถึง คิๆ
ขอบคุณคุณ Latte_Cream นะคะสำหรับคำแนะนำ
ขอบคุณทุกคอมเม้นและนักอ่านทุกท่านนะคะ
ความคิดเห็น