ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #6 : [[ It's over ]]: C T 4 //Up

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 56











     


    “ตัลเมื่อไหร่แกจะเริ่มซ้อมอ่ะ” จงออบถามขณะที่เราสองคนกำลังเดินไปยังรถฉันหลังเลิกเรียน

    “ไม่รู้สิ คงอาทิตย์หน้ามั้ง”

    “งั้นก็ต้องรีบอ่านหนังสือเผื่อไว้ก่อนน่ะสิ เดี๋ยวซ้อมแล้วคงไม่มีเวลาอ่าน”

    “คงงั้น”

     

    บรื้นนนนน~

     

    เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเรียกสายตาทุกคนให้หันมามองรวมทั้งฉันด้วย...และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือรถคันหรูกำลังพุ่งตัวมาทางนี้

     

    !!!

     

    เฮ้ย!!

     

    เอี๊ยดดดดดดดดดด!!

     

    เสียงเบรกดังสนั่นอย่างน่าหวาดเสียวจนกลัวว่ามันจะฉุดรถคันที่พุ่งตรงมายังฉันไม่อยู่

     

    กรี๊ดดดด!!

     

    ฉันกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อรถยนต์คันนั้นแทรกตัดหน้าฉันที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม เสียงเบรกรถยนต์ดังแสบแก้วหูเป็นครั้งสุดท้ายพอดีกับที่รถคันนั้นหยุดลงตรงหน้าฉัน

            ฉันมองรถหรูที่คุ้นตาด้วยความตกใจ แม้ว่ากระจกนั่นจะติดฟิล์มสีดำสนิทชั้นดีแต่เพราะฉันเคยขึ้นไปนั่งรถเขามาแล้วครั้งหนึ่งเลยจำได้แม่นว่าใครคือเจ้าของรถ...ไค

     

              “!!!

     

              ฉันใช้สายตาจิกไคทั้งที่มองไม่เห็นตำแหน่งที่เขานั่งแม้แต่น้อยแต่เดาได้ว่าเขาต้องนั่งอยู่บนรถและกำลังมองฉันอยู่เป็นแน่

     

              “ไอ้เวร! ขับรถภาษาอะไรฟะ” จงออบที่อยู่ข้างๆ ฉันตะโกนด่าเจ้าของรถที่ดูท่าจะไม่ได้ยินและก่อนที่จงออบจะได้เข้าไปเคาะกระจกเพื่อเรียกเจ้าของรถลงมาคุย รถหรูคันนั้นก็พุ่งตัวออกไปเสียก่อน

              “...”

              “เฮ้ย! แม่งใครวะ ขับรถได้ห่วยบรม ตัลแกรู้จักป่ะ”

              “ฉัน...ไม่รู้จัก” ฉันโกหกจงออบแล้วเดินต่อไปเพื่อที่จะขึ้นไปยังรถตัวเอง ไม่นานประตูรถฝั่งข้างๆ ก็ถูกเปิดออก ฉันไม่สนใจจงออบที่ก่นด่าเจ้าของรถคันเมื่อกี้ได้แต่นิ่งเงียบขับรถไปอย่างเดียวโดยที่ในหัวมีคำถามหนึ่งอยู่ในหัว

     

              เขาต้องการจะทำอะไร...ขู่ฉันงั้นเหรอ ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              “ซอลลี่วันนี้แกได้ไปเรียนหรือเปล่า” ฉันถามยัยตัวแสบที่ตอนนี้ใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวซึ่งดูยังไงก็เป็นชุดอยู่บ้านชัดๆ

     

              เมื่อเช้าซอลลี่บอกว่าขอออกไปทำธุระแป๊บหนึ่งแล้วจะตรงไปมหาลัยเลย ค่อยเจอกันตอนเย็น ซึ่งฉันก็เข้าใจว่ายัยนี้คงกลับไปคอนโดว่าทีสามีเพื่อเอาของจำเป็นเนื่องจากโดนทิ้งกะทันหันซอลลี่เลยไม่มีของใช้ส่วนตัวเลยสักอย่างแต่ดูจากท่าทางสบายๆ ของเธอแล้วคงเป็นไปไม่ได้

             

              “เหอะ ไม่อ่ะ พอดี...ใจมันสุขเกินกว่าจะไปเรียน” พูดแค่นั้นยัยซอลลี่ก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์และขำอยู่คนเดียวเหมือนกับว่าเรื่องที่ทำให้เธอเป็นสุขนั้นมันตลกมาก

              “พรุ่งนี้วันเสาร์ คืนนี้ไปเที่ยวกันมั้ย ?

              “หืม...ไหนบอกว่าไม่อยากไปแล้วไง”

              “ก็ใช่แต่อยู่ที่ห้องมันก็เบื่อ”

              “ไปสิๆ เดี๋ยวฉันโทรนัดคนอื่นก่อน” 

     

              ฉันพยักหน้าแล้วขอตัวเข้ามาอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปท่องราตรีในคืนนี้ สายน้ำทุกหยดหยาดชำระความสกปรกมาตลอดวันแต่เหมือนว่าน้ำเย็นๆ นั่นจะไม่ช่วยให้เธอลืมเรื่องรถยนต์คันหรูเมื่อตอนเย็นเลยสักนิด

     

    ทั้งที่เธอไม่เห็นหน้าคนขับแต่กลับรู้สึกว่าเขาโกรธเธอมากยังไงยังงั้น...

     

              บางทีเธออาจจะคิดมากไปเอง ไม่มีอะไรหรอก...

     

     

     

     

     

     

     

             

             

            ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง

     

              เสียงออดที่ดังขึ้นเรียกให้ฉันที่กำลังแต่งตัวอยู่วางชุดสวยลงบนเตียง เสียงน้ำไหลจากทางห้องน้ำเตือนให้รู้ว่าซอลลี่ยังคงอาบน้ำอยู่ด้านใน ฉันกระชับเสื้อคลุมสีขาวให้เข้าที่เข้าทางก่อนที่จะเดินออกไปยังประตูและเมื่อมองที่หน้าจอมอนิเตอร์เล็กๆ ข้างๆ ประตู ฉันก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

              ผู้ชายหน้าเฉี่ยวดูท่าทางร้ายกาจแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงเค้าความหล่อด้วยดวงตาคมและสันจมูกโด่งที่บ่งบอกว่าไม่ใช่คนเกาหลี หน้าเขาออกแนวไปทางชาวจีนอะไรเทือกนั้นเสียมากกว่า

              ฉันกระชับสายเสื้อคลุมในแน่นและดูเรียบร้อยพอที่จะเปิดประตูคุยกับผู้ชาย แม้ว่าสภาพแบบนี้ไม่ควรจะทำแต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับฉัน

     

              “สวัสดีค่ะ” ฉันเปิดประตูทักโดยที่ทั้งตัวแทบจะยืนหลบอยู่หลังประตู

     

              ผู้ชายตรงหน้าโค้งเก้าสิบองศาให้นั่นทำให้ฉันต้องเขยิบออกมาจากหลังประตูและโค้งให้เขากลับอย่างช่วยไม่ได้

     

              “สวัสดีครับ ผมจื่อเถาเรียกสั้นๆ ว่าเทาก็ได้ครับ....คุณคริสตัล”

              “คะ ?” กล่าวรับเสียงสูงอย่างงงๆ ว่าเขาไปรู้ชื่อฉันได้ยังไง

              “ขอโทษนะครับที่มารบกวนแต่พอดีผมมีเรื่องสำคัญ”

              “คะ ?

     

              ร่างสูงไม่ตอบแต่ยิ้มเบาๆ ที่มุมปากก่อนที่เขาจะละสายตาจากฉันไปด้านหลังและเป็นจังหวะเดียวกับที่ซอลลี่เปิดประตูออกมาจากห้องนอนฉัน

              ฉันหันไปมองตามสายตาคนที่แนะนำตัวเองว่าชื่อเทาก็พบว่า...ซอลลี่อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเช่นเดียวกับฉันและกำลังยืนใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดหัวที่เปียกหมาดๆ อยู่

             

              “นาย O_O” ซอลลี่กล่าวออกมาด้วยความตกใจพร้อมด้วยมือที่ชี้ไปยังคนตรงหน้าฉัน

              “...”

              “ผมขอโทษนะครับคุณคริสตัล...แต่ผมมาตามว่าที่ภรรยาผมกลับบ้านคุณคงไม่ว่าอะไร”

              “!!!

     

              ทั้งฉันและซอลลี่มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความตกใจเมื่อเขาใช้จังหวะที่เราสองคนเผลอผลักประตูให้เปิดกว้างแล้วตรงไปประชิดตัวซอลลี่และอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าอย่างรวดเร็ว

     

              “กรี๊ดดดด!!!

     

              ซอลลี่ที่โดยอุ้มพาดบ่าร้องโวยวายและใช้มือทุบตีร่างสูงอย่างแรงแต่ดูเหมือนว่าแรงของซอลลี่จะไม่ได้ทำให้เทาเจ็บเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเฉี่ยวยังคงนิ่งราวกับว่าซอลลี่แรงเท่ามด

     

              “ลาล่ะครับ”

              “กรี๊ด!! ไอ้เลวเทา ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้า!!

              “ผมขออนุญาตพาตัวว่าที่ภรรยากลับนะครับ”

     

              เชื่อมั้ย...ว่าฉันเหมือนโดนมนตร์สะกดเพียงแค่สบตาคมหน้าของฉันก็พยักขึ้นลงราวกับว่าตัวเองเต็มใจอนุญาตให้เขาพาเพื่อนฉันไปได้  

     

              ผู้ชายคนนั้นเป็นว่าที่สามีซอลลี่แน่ๆ

     

              ประตูที่เปิดค้างไว้อยู่ทำให้ฉันได้ยืนเสียงกรีดร้องของเพื่อนตัวเอง ไม่นานนักเสียงนั้นก็หายไป คงเข้าลิฟต์ไปแล้วสินะ ฉันเผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

     

              ผู้ชายคนนั้นเหมาะกับซอลลี่แล้วจริงๆ นั่นแหละ

     

              ฉันว่าแล้วว่าคุณลุงต้องดูคนไม่ผิด

     

              ฉันก้มลงเก็บผ้าผืนเล็กที่ซอลลี่ทำหล่นก่อนจะ...ปลายเท้าใคร ?

     

              ฉันรีบเงยหน้าขึ้นจากพื้นและทันทีที่เห็นแขกหน้าประตู ไม่สิเขาเข้ามาในห้องฉันแล้วต่างหาก รีบยืนตัวตรงมองหน้าคนตัวสูงด้วยความไม่พอใจ

     

              “คุณนี่...ใหญ่...ใช่ย่อยนะครับ”

     

              !!

     

              เมื่อมองตามสายตาเขาก็เห็นว่าผู้ชายตัวสูงคนนี้กำลังมองหน้าอกภายใต้เสื้อคลุมอาบน้ำอย่างหน้าไม่อาย ฉันที่เห็นว่าสาบเสื้อตัวเองเปิดออกกว้างจนเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มของตัวเองก็ต้องรีบคว้าหมับเข้าที่สาบเสื้อแล้วรวบมันไว้ด้วยมือเดียว

     

              “ไอ้ทุเรศ! นายเข้ามาได้ยังไง”

              “ก็ประตูมันเปิดไว้ทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะครับ”

     

              สีหน้ายียวนกวนประสาทของเขาทำเอาฉันอยากจะใช้เล็บยาวๆ ของตัวเองเข้าไปข่วนใบหน้าคมให้เกิดแผลซักแผลสองแผลแต่ก็ทำได้แค่คิดเมื่อในตอนนี้สภาพตัวเองเป็นรองอยู่มาก

     

              “ออกไป” ฉันกดเสียงต่ำพลางส่งสายตาไล่เขาแต่ดูเหมือนไคจะไม่รู้สึกอะไร เขายักไหล่และเดินไปเปิดประตูห้องพร้อมทั้งกดล็อคให้อย่างเรียบร้อยก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหรูและพาดแขนยาวๆ กับพนักพิงราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของห้อง

              “ไม่ออก” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นมีมากพอๆ กับน้ำเสียง สายตาคมไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าจนฉันถึงกลับต้องเดินถอยหลัง “...หึ คุณอยู่ในชุดนี้ก็ดูเซ็กซี่ไปอีกแบบนะครับ”

              “!!

              “ไม่ต้องทำหน้าตกใจหรอกครับ...ผมแค่คิดถึงคู่นอนก็เลยมาหาถึงห้องเท่านั้นเอง”

              “ฉัน-ไม่-ได้-เป็น-อะ-ไร-กับ-นาย” ฉันเน้นย้ำแต่ละคำอย่างเสียงดังฟังชัด

              “แล้วใครกันบอกว่าของผมเล็ก รู้มั้ยตอนนี้คนทั้งประเทศเขาคิดว่าน้องชายผมเล็กกว่านิ้วก้อยอย่างที่คุณว่าจริงๆ”

              “แล้วไง”

              “คุณพูดอย่างนี้แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกเหรอครับว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คนทั้งประเทศเข้ารับรู้ว่าเราสองคนนะไปถึงขั้นนั้นกันแล้วมีแต่ตัวคุณเองนั่นแหละปฏิเสธผมอยู่ได้”

              “ฉันไม่สนว่าใครจะว่ายังไง ความจริงมันเป็นยังไงนายน่าจะรู้ดีที่สุด ออกไปจากห้องฉันซะ!!

     

              ผู้ชายคนนี้พูดจากได้กวนอารมณ์เป็นที่สุด!

     

              “ไม่...เพราะผมยังไม่ได้ทำให้คุณรู้ความจริงเลย” ร่างสูงหยัดยืนเต็มกำลังแล้วเดินตรงมายังฉันช้าๆ มือสองข้างล่วงกระเป๋าพร้อมกับใบหน้าร้ายกาจที่เข้ามาใกล้มากเรื่อยๆ

              “หมายความว่าไง”

              “ก็หมายความว่า...ความจริง น้องชายผมน่ะไม่เล็กหรอกนะครับ”

              “นี่!!

              “มันเป็นความจริงที่คุณไม่รู้แต่ดันพูดออกมาเหมือนคุณเคยลองผมแล้ว”

     

              ฉันจะไม่ไหวกับผู้ชายคนนี้แล้วจริงๆ ทุกคำพูดของเขาช่างกวนประสาทฉันได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

              ไคเดินมาหยุดยืนตรงหน้าแล้วมองฉันด้วยท่าทีนิ่งๆ แต่ดูน่ากลัวอยู่ในที นัยน์ตาสีดำสนิท ไม่สิ...น้ำตาลเข้มกำลังจ้องฉันโดยที่ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดๆ

     

              “ผมเกลียดผู้หญิงจองหองและปากดีเป็นที่สุด”

              “...”

              “...อีกอย่างผมเกลียดคนขี้โกหกมากเป็นที่หนึ่ง”

     

              ฉันไม่เข้าใจว่าไคต้องการจะสื่ออะไรและไม่เข้าใจท่าทีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเขา แม้ว่าจะรู้สึกตกใจกับใบหน้านิ่งๆ นั่นแต่ฉันก็ไม่แสดงให้เขารู้ ยิ่งเห็นเขาทำท่าทางเหมือนตัวเองเป็นผู้คุมเกมส์ฉันก็ยิ่งไม่ชอบใจและเชิดหน้ากลับไปอย่างไม่เกรงกลัว

     

              “เหรอ...ต่างกับฉันที่เกลียดนายมากเป็นที่หนึ่ง”

              “!!

              “ทุกอย่างที่เป็นนายฉันเกลียดมันหมด”

     

              ฉันตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าใจจริงฉันจะไม่ได้เกลียดเขาอย่างที่ปากว่า ความรู้สึกที่มีต่อเขาอาจจะอยู่ที่ขั้น ไม่ชอบหน้า แต่ก็นึกคำพูดอะไรไม่ออกที่จะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกตัวสักทีว่าฉันไม่อยากยุ่งกับเขา

     

              ความคิดที่ว่าเขาเป็นคนดีจบไปตั้งแต่เห็นเขาเอาผู้หญิงไม่เลือกที่นั่นแล้วล่ะ!

     

              “เธอรู้จักฉันแล้วเหรอถึงมาบอกว่า...เกลียดฉัน”

              “ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาแค่มองหน้านายฉันก็รู้แล้วว่านายมันเลวแค่ไหน”

              “...”

              “ได้ยินว่านายเป็นคนดังหนิ”

              “...”

              “ขอโทษนะที่ทำให้คนดังอย่างนายเสียเกียรติ์ ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าต่อจากนี้ผู้หญิงที่เห็นคลิปพวกนั้นจะยังชื่นชอบนายอยู่หรือเปล่า...หึ” ฉันแสยะยิ้มแล้วแตะบ่าแกร่งเบาๆ บีบเน้นแสร้งทำเป็นให้กำลังใจและยิ้มฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงกำลังกัดฟันกรอด

     

              ฉันผละออกมาจากเขาแล้วเดินกอดออกไปทางประตูห้องนอนแต่เพียงแค่มือแตะลูกบิดไหล่ข้างหนึ่งก็ถูกคนกระชากให้กลับไปหา

               

              “คุณไม่มีสิทธิ์เดินหนีผม”

     

              ไอ้ผู้ชายคนนี้อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จริงๆ เลย เดี๋ยวก็คุณ เดี๋ยวก็ผม สักพักก็กลายเป็นฉันกับเธอ!

     

              “ที่นี่มันห้องฉัน ฉันมีสิทธิ์ทำทุกอย่าง นายนั่นแหละไม่มีสิทธิ์” ฉันปัดมือที่จับไหล่ฉันอยู่ออกแล้วจ้องหน้าไคเป็นเชิงขู่ “...ถ้านายโดยตัวฉันอีกครั้งเดียวฉันจะโทรเรียกตำรวจ”

              “ถ้าเรียกได้ก็ลองดูสิ”

     

              ไคไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันพูดเขาใช้มือข้างหนึ่งรั้งเอวบางเข้าไปใกล้จนหน้าท้องของฉันแนบอยู่กับหน้าท้องของเขา ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เสื้อคลุมของฉันมันจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ จนฉันต้องจับสาบเสื้อคลุมให้เข้าหากันอีกครั้ง อีกทั้งยังใช้แขนตัวเองกลั้นระหว่างหน้าอกเราสองคนไว้ด้วย

     

              “นี่!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

              “ไม่ปล่อย” คนตัวสูงพูดและรั้งให้ฉันเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมทั้งที่มันก็ใกล้กันมากอยู่แล้ว

     

    ขณะที่ฉันกำลังดิ้นอยู่นั้น ไคก็ทำสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด...

     

    “หอมจัง”

     

    เขาพูดหลังจากที่ผละออกจากเส้นผมฉัน เมื่อกี้นี้เขา...หอมผมฉันกลางกระหม่อมเลย

     

    O_O

     

    “คุณใช้แชมพูยี่ห้ออะไรทำไมหอมจัง”

    “...”

     

    นี่เขายังมีหน้ามาพูดเล่นอีกหรือไง!

     

    “ปล่อยนะ ไอ้บ้า!

    “ไม่ปล่อยจนกว่าคุณจะยอมตกลงกับผม”

    “ไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น!” ฉันพูดพลางดิ้นตัวไปมาอยู่ในอ้อมแขนที่รัดเอวฉันแน่น

    “ยิ่งคุณดิ้นผมก็ยิ่งเห็นอะไรที่คุณพยายามจะปิดนะ”

     

              !!!

     

              ร่างกายที่เคยดิ้นหยุดนิ่งและก้มลงมองสภาพตัวเองที่แม้จะมีมือกุมไว้แต่ก็ดูเหมือนมันไม่ช่วยอะไรเพราะเนินอกขาวผ่องยังคงรอดออกมาจากสาบเสื้อที่เป็นผลมาจากการดิ้นของฉัน เมื่อเห็นอย่างนั้นฉันถึงกับตัวแข็งทื่อและค่อยๆ ช้อนสายตามองร่างสูงที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

     

              นี่เขาเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย!

     

              “คุยมีอะไรก็รีบพูดมา” เสียงอ่อนลงเพราะคิดว่าต่อให้ดิ้นและทุบตีร่างกายเขามากแค่ไหนหากคนตรงหน้าไม่คิดจะปล่อยก็คงไปไหนไม่ได้

              “ยอมพูดกับผมแล้วเหรอ” ไคเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างกวนประสาท

              “ถ้าไม่พูดก็ปล่อยฉันและกลับไปซะ”

              “โอเคๆ ผมแค่อยากหาเพื่อนไปนั่งดริ้งด้วยเท่านั้นเอง”

     

              ฉันขมวดคิ้วมองไคด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะพูดประโยคประหลาดๆ พวกนี้ อย่าบอกนะว่าเขามาหาฉันเพื่อต้องการแค่นั่งดริ้ง ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด

     

              “ฉันมีนัดกับแฟนแล้ว ขอโทษด้วย โอ้ย!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อไครัดเอวฉันแน่นเกินไปจนฉันรู้สึกเจ็บกระดูก เชื่อสิว่ามันต้องมีรอยแดงตรงมือที่เขาบีบเอวฉันอยู่แน่นอน

     

              บ้าชะมัด!

     

              “แฟน ? ...ใช่แฟนที่คุณแต่งขึ้นมาเองหรือเปล่า”

     

              นี่เขา

     

              “ผมรู้แล้วล่ะว่าคุณโกหก...แล้วผมไม่ชอบเลยรู้มั้ย ไม่น่ารักเลย” ไคไม่พูดเปล่าเขายังกวนประสาทฉันด้วยการจับปลายผมของฉันไปสูดดอมใกล้จมูดโด่งแล้วทำหน้าซะอย่างกับว่าผมฉันนั้นหอมน่ากิน

              “นายไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไง!” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วรวบผมตัวเองออกจากมือเขา

              “มีแต่เพื่อนผู้ชาย...ผมอยากหาผู้หญิงสวยๆ สักคนไปนั่งเป็นเพื่อนแล้วผมก็เลือกคุณ”

              “ฉันไม่ใช่ตัวเลือกของใคร”

              “ผมก็ไม่มีตัวเลือกอื่น...นอกจากคุณ”

              “...”

              “จะไปไม่ไปครับ ถ้าไม่ไปก็ยืนอยู่ในห้องนี้มันทั้งคืนโอเคมั้ยครับ”

             

              หึ้ย! ฉันล่ะหมั่นไส้เขาจริงๆ เลย

     

              “ปล่อย ฉันจะไปแต่งตัว!

     

              ไคเหยียดมุมปากขึ้นยิ้มเมื่อได้ฟังคำตอบที่น่าพอใจจากนั้นเขาก็ปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งเขาห้องนอนตัวเองจัดการกดล็อคอย่างรวดเร็ว

     

              บ้าชะมัด...ผู้ชายคนนั้นกำลังยั่วโมโหฉันอยู่และฉันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมให้เขาป่วนประสาท

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              ผับ K 

     

              “แต่งตัวซะสวยทำไมไม่ยิ้มหน่อยล่ะครับ”

              “ไปตายซะ”

              “หึ” ไคหัวเราะในลำคอราวกับว่าคำพูดของฉันเป็นเรื่องตลก เขาดึงแขนฉันเข้าไปใกล้แล้วสอดแขนเข้ามาควงฉันอย่างรวดเร็ว

              “ปล่อย” ฉันกัดฟันพูดเสียงต่ำพยายามดึงแขนตัวเองออกจากเขาแต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อที่ทำเป็นหูทวนลมฉันยิ่งโมโห

     

              ฉันอยากจะบ้าตาย

     

              บริกรที่เหมือนจะคุ้นหน้าคุ้นตากับคนข้างกายเดินนำไปยังโซน VVIP ฉันมองเขาด้วยความแปลกใจนิดหน่อยเพราะโซนที่ขึ้นชื่อว่า VVIP นั่นหมายถึงลูกค้าโคตรจะสำคัญมาก~ ถ้าหากเขาสามารถเข้ามาโซนนี้ได้โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอะไรนั่นคงเป็นเพราะเขาเป็นแขกประจำและพิเศษมากของที่นี่นั่นเอง

    โชคดีที่ฉันเลือกเสื้อสายเดี่ยวผ้ากำมะหยี่ครึ่งตัวสีน้ำเงินมาใส่ อีกทั้งมันยังโชว์สะดือและเอวบางเล็กน้อยเพราะว่าส่วนอื่นถูกปิดด้วยกางกางขายาวสีดำเอวสูงที่เป็นผ้าสบายๆ แต่ดูหรูตามแนวที่ฉันชอบ ส่วนรองเท้าก็เลือกเป็นส้นสูงสีแดงสดจาก Andrew Kayla มาใส่เสริมความมั่นใจ

     

    “คุณเอาอะไรมั้ย ?” หลังจากที่เราสองคนนั่งลง เขาก็หันมาถามฉัน “...น้ำส้มหรือเปล่า ?

     

    แววตาล้อเลียนราวกับเห็นฉันเป็นเด็กน้อยนั่นทำให้ฉันโมโหจนต้องตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

     

    “วอดก้า”

    “งั้นเอาวอดก้าอย่างเดียว”

     

    พนักงานรับออเดอร์จากไคแล้วเดินจากไป บรรยากาศระหว่างฉันกับเขายังคงดูเหมือนจะคลุกรุ่นตั้งแต่อยู่ในรถจนมาถึงตอนนี้ หากไคถามฉันก็จะตอบ หากไคไม่ถามฉันก็ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

     

    “ดื่มวอดก้าอย่างเดียวไหวเหรอ ? ผมคอแข็งนะ”

    “เรื่องของฉัน” ฉันตวัดเสียงใส่หน้าเขาอย่างรำคาญพลางกอดอกให้หน้าไปอีกทาง

     

    โซนนี้แทบจะไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ เสียงเพลงก็คนละแนวจากชั้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยผู้คนเมื่อตอนที่ฉันเดินผ่าน โต๊ะแต่ละโต๊ะในโซนนี้ก็อยู่ห่างกันจนไม่สามารถได้ยินบทสนทนาของอีกฝ่ายได้ซึ่งมันให้ความเป็นส่วนตัวดี ยิ่งการตกแต่งอย่างมีระดับด้วยสีดำตัดกับสีน้ำเงินเข้มก็ทำให้ที่นี้ดูหรูหราแต่ยังคงแสดงออกถึงความร้อนแรงของผับได้เป็นอย่างดี

     

    “เรามาพูดเรื่องของเรากันต่อดีกว่า”

    “...”

     

    เสียงขยับจากคนข้างกายเข้ามากใกล้มากขึ้น เนื่องจากที่นั่งเป็นโซฟายาวเป็นรูปวงกลมเหลือพื้นที่เล็กน้อยให้เดินเข้าออก ฉันจะขยับหนีเขาแต่ก็ไม่ทันซะแล้วแขนกว้างของไคพาดมายังบ่าบางและกันไม่ให้ฉันหนีไปไหน

     

    “ถ้านายยังแตะตัวฉันอีก ฉันจะกลับ”

    “ผมชอบเวลาคุณใส่สายเดี่ยวจัง”

    !!

     

    ฉันถึงกับต้องรีบผลักหน้าเขาออกเมื่อไคใช้ปลายนิ้วเรียวรูดสายเดี่ยวของฉันออกจนมันตกลงมาที่ไหล่เพราะใส่เสื้ออย่างนี้ฉันเลยเลือกใส่เสื้อในไร้สายเพื่อความดูดีแต่ตาบ้านี่ดันมาทำทะลึ่งใส่

     

    “อย่ามาทะลึ่ง มีอะไรก็รีบพูดมา”

    “...หึ” ไคกลับมานั่งอย่างเดิมแต่ไม่ได้เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะเหมือนก่อน มีแต่แขนเขานั่นแหละที่ยังคงพาดบ่าฉันไว้

    “เอาแขนนายออกไป ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนาย” ว่าแล้วฉันก็จับแขนเขาออกแต่ดูเหมือนเขาจะไม่อยากปล่อยจนต้องออกแรงจิกเข้าที่ข้อมือนั่นจนในที่สุดเขาก็ต้องยอมปล่อยและชักแขนตัวเองกลับไปยังข้างลำตัว

    “โอเค ผมไม่แกล้งคุณแล้วก็ได้”

    “มีอะไรก็ว่ามา”

    “...เนื่องจากคุณทำผมไว้เจ็บมาก ตอนนี้ทั้งมหาลัย ไม่สิ คนข้างนอกต่างก็คิดว่าผมกับคุณมีอะไรกันแล้ว”

     

    แล้วยังไง เขาจะมาเรียกร้องค่าเสียหายจากฉันหรือไง

     

    “ผมไม่ถือหรอก...เพราะว่าการที่คนเข้าใจว่าผมได้หลับนอนกับผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณมันเป็นเรื่องดีเลยล่ะ”

    “...”

    “แต่...ผมไม่พอใจนักที่คุณมาว่าน้องชายผม”

    “นายต้องการอะไรพูดมาเลยดีกว่า...”

     

    ไคเผยยิ้มมุมปากก่อนที่จะเข้ามาใกล้ใบหน้าฉันแล้วกระซิบเบาๆ เข้าที่ข้างหู “...ผมต้องการศึกษาคุณ”

     

    !!!

     

    ไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบโต้บริกรก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟเข้าซะก่อน ไคยอมผละออกไปนั่งเฉยๆ แต่ก็ยังมิวายเขยิบตัวมาอยู่ข้างฉันซะเกินงาม

    เมื่อพนักงานเดินจากไปแล้วฉันก็เขยิบห่างออกจากเขาแล้วหันไปถาม...

     

    “หมายความว่าไง ?

    “ผมอยากลองรู้จักคุณ...”

    “ฉันไม่เชื่อ”

    “ฮ่าๆ ผมก็ไม่ได้หวังให้คุณเชื่ออยู่แล้ว...แค่เห็นว่าคุณน่าสนใจดีก็เลยอย่างลองจีบดูบ้าง”

    “...”

    “ถ้าหากคุณอนุญาต...ผมก็จะเดินหน้าเต็มที่”

     

    ฉันเตือนแกนะตัล...ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาดไม่ว่ายังไงก็ตาม เขามีผู้หญิงรายล้อมมากมาย ถ้าเกิดวันหนึ่งแกพลาดขึ้นมา ฉันไม่อยากเห็นแกเสียใจ

     

    คำพูดเมื่อวานของซูจีลอยเข้ามาในหัว ฉันมองคนตรงหน้าอย่างประเมินก็เห็นว่าดวงตาคมนั่นมีแต่แววแห่งความสนุกสนานอยู่เต็มไปหมด

     

    เขาเองก็แค่อยากจะลองฉันสินะ...หึ

     

    “ไม่” ฉันปฏิเสธอย่างไม่ใยดีแล้วคว้าวอดก้าขึ้นมากระดกจนหมดแก้วด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ

    “...”

    “ดื่มสิ” ฉันเหยียดยิ้มมุมปากแล้วหยิบแก้วอีกแก้วที่ยังเต็มไปด้วยน้ำเมาให้คนข้างกาย ไครับมันไปถือไว้แล้วกระตุกยิ้มเบาๆ

    “เอางี้ดีกว่า...ถ้าคุณดื่มแพ้ผม คุณต้องยอมให้ผมนอนกับคุณ”

    “หือ ? ตอนแรกนายบอกว่าศึกษาหนิ”

    “ฮ่าๆ คุณนี่อย่าแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาเลยครับ...” ไคเอื้อมมือมาลูบแก้มฉันเบาๆ แต่ก็เจอฉันปัดมือนั่นออกอย่างรวดเร็ว “...ศึกษาที่ผมว่า...หมายถึงทางกายต่างหากล่ะ”

    “...”

    “หรือว่าคุณกลัว...จะหลงเสน่ห์ผม” น้ำเสียงทรงเสน่ห์ของเขาถูกงัดขึ้นมาเพื่อใช้หว่านล้อมฉัน

    “อย่ามาหลงตัวเอง” ฉันปรายตามองเขาอย่างนึกรำคาญแต่ก็มีแฝงไปด้วยความสนุก เมื่อคิดว่าบางทีตัวเองควรจะหาอะไรเล่นแก้เซ็งในชีวิตช่วงนี้

    “ผู้หญิงก็ต่างหลงผมทั้งนั้น”

    “...”

    “รวมทั้งคุณด้วย...อย่าปฏิเสธเลย”

     

    การที่ผู้ชายได้อะไรไปง่ายๆ มันจะสนุกตรงไหนล่ะ...จริงมั้ย

     

    “ถ้าคุณสลบ...ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมต้องการ”

    “แล้วถ้านายแพ้ ?

    “ผมจะยอมไปจากชีวิตคุณ”

     

    ฉันกรีดยิ้มอย่างนึกตลกกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ รู้ทั้งรู้ว่าถ้าหากตัวเองเมาและจะกลายเป็นอีกคน...แต่ฉันก็ไม่ใช่คนเมาง่ายๆ หากแต่เมาแล้วฉันคงกู่ไม่กลับจริงๆ พวกเพื่อนเลยไม่ค่อยอยากให้ฉันไปดื่มคนเดียว

     

    แต่ก็นะ...มันก็น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอ ?

     

     

     

     

    --------------------------------------------

     

     

     

     

              Sulli’s part

     

     

    “ทานสิ”

     

    ฉันมองหน้าเทาด้วยความรู้สึกทั้งโกรธและเกลียดปะปนจนไม่รู้ว่าอันไหนมีมากกว่ากัน อาหารราคาแพงตรงหน้ามีมากมายจนเลือกไม่ถูกว่าจะทานอะไรดีก่อนหากฉันอยู่ในอารมณ์ปกติแต่ตอนนี้ฉันโกรธเขาจนกระเดือกอะไรไม่ลงซะอย่างเพราะฉะนั้นอาหารพวกนี้ไม่มีความหมายเลยสักนิด

     

    “...”

     

    ฉันยังคงจ้องเทาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ โกรธนักที่เขาอุ้มฉันอกมาจากห้องเพื่อนโดยไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอุ้มฉันเข้ามายังร้านอาหารในโรงแรมหรูกลางกรุงโซลทั้งที่ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันมีแค่เสื้อคลุมอาบน้ำปกปิดร่างกาย แม้แต่รองเท้าฉันก็ไม่ได้ใส่ ผมก็ยังไม่แห้งแต่เขาก็ไม่สนใจอุ้มฉันลงจากรถแล้วพาเข้ามายังที่นี่ท่ามกลางสายตาแขกนับร้อยที่มาใช้บริการ อีกทั้งเจ้าตัวไม่ได้มาคนเดียวลูกน้องชุดดำต่างล้อมหน้าล้อมหลังราวกับว่าเขาเป็นคนสำคัญระดับชาติ!

    ความอับอายที่ฉันเจอแค่นั้นยังไม่พอ...นายคนนี้ยังพาฉันมานั่งรับลมบนดาดฟ้าของโรงแรมที่เปิดเป็นร้านอาหารโดยไม่สนเลยว่าตัวฉันนั่นจะมีแค่ผ้าบางๆ คลุมกาย ยิ่งไปกว่านั้นรอบข้างก็ยังมีแขกมากมายมาใช้บริการด้วยชุดราตรีและชุดสูทมันทำให้ฉันรู้สึกอับอายยิ่งนัก

     

    “พวกนายออกไปก่อนไป” เทาบอกพวกลูกน้องของเขา ไม่นานรอบโต๊ะเราก็เหลือแค่ฉันกับเขา

    “...”

    “ทานสิจะได้รีบกลับ” เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอกด้วยท่าทางสบายๆ ต่างจากฉันที่ตอนนี้จิกเล็บเข้ากลับเบาะนุ่มเนื้อดีของเก้าอี้อย่างแรง

     

    ฉันเกลียดหน้าเขาจนอยากจะจับเขาโยนไปข้างล่างซะเดี๋ยวนี้!

     

    “ฉันไม่กิน”

    “กินซะมันเสียของ”

    “ฉันไม่กิน!” ฉันปรับระดับเสียงตัวเองให้ดังขึ้นตามอารมณ์โดยที่สายตายังคงจ้องเขาด้วยความโกรธและเกลียดเช่นเดิม

    “ไม่กิน ? ผมอุตส่าห์พาคุณมาทานอาหารดีๆ”

    “เหอะ! อาหารดีงั้นเหรอ” ฉันสะบัดเสียงอย่างหมดความอดทนลุกขึ้นยกอาหารจานหนึ่งขึ้นแล้วสาดใส่หน้าเทาอย่างโมโห “...ถ้าดีมากก็กินเองสิ!

     

    เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อเห็นว่าโต๊ะฉันเกิดอะไรขึ้น คังแกรี่ลูกน้องคนสนิทของเทาเข้ามาหาเจ้านายในทันทีและส่งผ้าเช็ดหน้าเหมือรู้งาน เทารับมันไปก่อนจะค่อยเช็ดครีมซอสจากพาสต้าไวท์ซอสออกช้าๆ

     

    ปึก

     

    ฉันวางจานลงเสียงดังและมองเขาด้วยความโกรธและเกลียดที่วิ่งแล่นไปทั่วสายเลือดอย่างเดือดดาล แค่นี้ยังสาสมกับที่เขาปฏิบัติกับฉันเหมือนไม่ใช่คนเลยด้วยซ้ำ

     

    “เลว” ความหนาวเล่นงานฉันจนปากสั่นจึงพูดได้แค่คำสั้นเมื่อกลัวว่าหากพูดอะไรไปมากเขาจะรู้ว่าฉันกำลังอ่อนแอ ฉันทำเป็นลืมความหนาวที่เกาะกุมอยู่ทั่วร่างแล้วพูดต่อ “...จะไปตายที่ไหนก็ไป!

    “...”

     

    สายตาคมนั่นที่เคยนิ่งอยู่แทบตลอดเวลาตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนมาเป็นพลุ่งพล่าน เขาใช้มือข้างหนึ่งปาดเอาเส้นพาสต้าออกจากหน้าแล้วใช้ผ้าเช็ดตาม

     

    “เอากระเป๋าเธอมา” เทาเหมือนจะพูดกลับลูกน้องมากกว่าฉัน แกรี่ผงกหัวรับอย่างเข้าใจแล้วส่งกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งที่คุ้นตาให้เขา

     

    นั่นมันของฉัน!

     

    เขาเอามาได้ยังไง ?

     

    หรือว่า...ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เขาต้องส่งคนไปที่ห้องคริสตัลแล้วบอกให้คริสตัลเอาของๆ ฉันให้หน่อยซึ่งถ้าคริสตัลรู้ว่าเป็นว่าที่สามีฉันสั่งมา เธอก็คงยอมส่งคืนโดยง่ายหากแต่ถ้าคนของเขาไม่ได้ขอคริสตัลดีๆ นั่นก็เท่ากับว่า...เขาต้องมีเพื่อนคอยช่วยพาคริสตัลออกไปข้างนอกเพื่อใช้จังหวะนั้นเข้ามาหยิบของของฉันไป

     

    เอาเถอะเรื่องนั้นค่อยว่ากัน...เขาเอากระเป๋าสตางค์ฉันไปทำไม!

     

              “ตอนแรกกะว่าจะตกลงกันดีๆ”

              “...” เทาหยิบบัตรสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขึ้นมาแล้วชูมันต่อหน้าฉันก่อนที่จะส่งกระเป๋าคืนเลขาคนสนิท

     

              นั่นมันบัตรเครดิตฉัน!

     

              “เห็นทีว่าจะทำได้ยาก...คงต้องใช้วิธีขั้นเด็ดขาดสินะเธอถึงจะยอมสงบ”

     

              แปะ  

     

    O_O!!

     

    เทาชูบัตรเครดิตที่หักเป็นสองเท่าโยนมันมาทางฉันจนกระแทกเขากับไหล่ ฉันก้มลงมาบัตรเครดิตที่ถูกหักโดยผู้ชายใจร้ายด้วยสายตาตกตะลึง

     

    บัตรนี้แทบจะเป็นทุกๆ อย่างในชีวิตฉันเลยด้วยซ้ำ

     

    “โทรไปบอกคุณลุงซึงโฮว่าให้อายัดบัตรผู้หญิงคนนี้ซะแล้วเล่าเรื่องที่ลูกสาวเขาทำกับฉันให้คุณลุงทราบด้วย อีกเดี๋ยวฉันจะโทรไปหาท่านเอง”

    “ครับ”

     

    คังแกรี่และลูกน้องคนอื่นเดินจากเราสองคนไป เทาตวัดสายตามายังฉันและยิ้มอย่างเป็นต่อ ไม่มีแววตาแห่งความสำนึกผิดเลยสักนิด หางตาเหลือบมองรอบข้างก็เห็นว่าทุกคนต่างให้ความสนใจเราจนลืมอาหารบนโต๊ะไปแล้วเสียล่ะมั้ง

     

    “เธอหาเรื่องตัวเองนะ”

    “...”

    “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ถือซะว่าเป็นค่าซ้อมรถซะแล้วกัน” มุมปากหนาเหยียดยิ้มอย่างสะใจที่เห็นสีหน้าตกใจของฉัน มือสองข้างข้างลำตัวกำเข้าหากันแน่นจนฉันรู้สึกเจ็บที่ผ่ามือ

    “...ไปตายซะจื่อเทา” ฉันคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะแล้วปาไปทางร่างสูงที่นั่งอยู่

     

     เพล้ง!

     

    เสียงแก้วแตกดังขึ้นเนื่องจากเป้าหมายที่ฉันอยากให้โดนไหวตัวทันลุกขึ้นหลบได้ทันท่วงทีมันจึงกระทบกับพนักเก้าอี้ตัวนั้นแทนจนเศษแก้วแตกกระจายและแม้ว่าเขาจะเร็วแค่ไหนเทาก็ยังหลบไม่พ้นเศษแก้วที่แตกกระเด็นมาบาดหางคิ้วเขา

     

    !!!

     

    เสียงคนรอบข้างเริ่มเสียงดังและต่างลุกขึ้นมาดู พนักงานเองก็เข้ามาคุมสถานการณ์แต่เมื่อแต่ล่ะคนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุระหว่างฉันกับเขาก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามายุ่ง

     

    “ธะ เธอ...” เทาจับหางคิ้วตัวเองที่เปื้อนเลือดเป็นทางยาวแล้วผละออกมาดูเลือดที่ติดอยู่ตรงปลายนิ้วตัวเองก่อนที่จะตวัดสายตามาทางฉันราวกับอยากเข้ามาบีบคอฉันให้ตายเสียตรงนี้ “ตั้งใจจะฆ่าฉันเหรอ”

     

    ฉันยักไหล่ไม่รู้สึกผิดสักนิดที่ทำแบบนั้น ยิ่งเห็นเขามีแผลเลือดออกฉันยิ่งสะใจที่อย่างน้อยตัวเองก็ทำให้คนใจร้ายอย่างเขามีแผลและเจ็บได้บ้าง...เสียดายด้วยซ้ำที่เขาลุกทัน เมื่ออย่างงั้นล่ะก็หน้าเขาคงเละไปแล้วล่ะ

     

    “คุณจื่อเถา!!” ลูกน้องของที่เพิ่งกลับมาตะโกนเรียกเสียงดังด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะเข้ามาหาเจ้านายตัวเองแต่เทากับยกมือขึ้นห้าม

    “จับยัยนี่ขึ้นรถแล้วไปส่งคอนโด!! ล็อคประตูห้องอย่าให้ออกไปไหนเด็ดขาด ยึดมือถือยัยนี่ด้วย อย่าให้เธอแตะเครื่องมือสื่อสารแม้แต่ปลายนิ้วและอย่าให้เธอติดต่อใครนอกจากฉัน!!

    !!!

     

    สิ้นคำสั่งของเขาลูกน้องของเทาก็เขามาล็อคตัวฉันไว้ ฉันพยายามสะบัดให้หลุดแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินเมื่อลูกน้องทั้งสองคนของเทาหิ้วปีกฉันจนฉันแทบไม่ต้องเดินเองก็มาถึงรถเขาเสียเฉยๆ

     

    เชื่อมั้ย...ฉันไม่เคยอับอายเท่านี้มาก่อนเลย

     

    ตลอดทางที่ฉันถูกลูกน้องเขาหิ้วมาเต็มไปด้วยสายตาผู้คนที่มองมาอย่างให้ความสนใจ สภาพครึ่งเปลือยของฉันนั้นทำให้ตัวเองรู้สึกน่าสมเพชอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่สนใจเลยสักนิดว่าเสื้อคลุมที่ฉันใส่จะล่นไปจนเกือบหลุดออกจากไหล่ ยิ่งฉันดิ้นมันก็ยิ่งเผยให้เห็นเนื้อตัวฉันมากขึ้นเรื่อยๆ

    เทาเพียงแค่เดินตามหลังฉันมาเรื่อยๆ โดยไม่ได้สละเสื้อตัวเองเหมือนผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษชอบทำกัน ฉันยังโชคดีอยู่บ้างที่ลูกน้องเขาไม่ได้รุนแรงและมีหนึ่งในนั้นยอมถอดสูทตัวเองมาปิดช่วงบนให้ฉัน แม้กระทั้งเข้ามาในรถเทาก็ไม่เอ่ยปากขอโทษฉันสักคำ

     

    แต่ก็ดีแล้วเพราะฉันเองก็จะไม่มีวันขอโทษเขาเช่นเดียวกัน!!

     

     

     

     

     

    ----------------------------------------

     

     

     

     

    ไคมองร่างบางที่เริ่มไม่ได้สติด้วยแววตากรุ้มกริ่ม หญิงสาวที่เคยออกตัวว่าจะไม่มีทางยอมแพ้เขาตอนนี้คอพับแทบไม่ได้สติ แต่ก็ถือว่าเธอยังเจ๋งมากทีเดียวเล่นล่อดื่มไปเกินสิบช็อตแต่ก็ยังพอมีสติหาไม่ค่อยนักในผู้หญิงแต่สำหรับผู้ชายแล้ว...มันน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำยิ่งเป็นผู้ชายนักเที่ยวอย่างเขาคงไม่ต้องพูดถึงต่อให้มากกว่านี้สักเท่าหนึ่งก็ยังไหว

    ความจริงอีกอย่างที่เธอไม่รู้นั่นคือเขากับไอ้เทาวางแผนร่วมกันเพราะมันต้องการเอาของเล็กๆ น้อยจากซอลลี่ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและไม่คิดจะถาม เทาแค่บอกให้เขาพาคริสตัลออกมาจากห้องสักสิบนาทีเดี๋ยวมันจะให้ลูกน้องเข้าไปเอาเอง

     

    ไม่รู้ป่านี้จะเป็นยังไงบ้าง...แต่ช่างเรื่องของคนอื่นเถอะ

     

    มีอีกเรื่องนั่นคือผมได้ประวัติของคริสตัลจากไอ้เทาแล้ว หึ ผู้หญิงคนนี้ใช่ย่อยเหมือนกัน ชอบเข้าผับและคบผู้ชายไปทั่ว ไม่สิตามข้อมูลแค่บอกว่าเธอมักจะเป็นฝ่ายเข้าหาผู้ชายหลังจากนั้นก็จะผละออกมาเมื่อผู้ชายคนนั้นหมดสนุกแล้ว อีกอย่างผู้ชายที่สนิทกับเธอมีเพียงคนเดียวและเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น

     

    “หึ” ไคหัวเราะในลำคอก่อนที่จะเข้าไปหยิบคลัตช์ผ้าซาตินของเธอขึ้นมาถือไว้ก่อนจะจับร่างบางเข้ามาใกล้แล้วพยุงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนเตรียมตัวจะพากับบ้าน

     

    ใช่...บ้าน บ้านเขานั่นเอง

     

    “อือ~ คุณเป็นคายยยคะ”

    “หือ ?” ไคเบิ่งตาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ผู้หญิงนี้เมาแล้วจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง

    “ทำไมคุณหล่อจางงงงงอ่า~

    “หึ”

     

    ท่าทางเธอจะเมาจริงๆ เพราะหากเป็นสภาพปกติเธอคงไม่ยอมพูดอะไรแบบนี้ ไคส่ายหัวกลับท่าทางที่เปลี่ยนไปของเธอก่อนจะออกแรงรั้งร่างบางให้ยืนขึ้นแต่เธอกับไม่ยอมให้ความร่วมมือ คริสตัสที่ไม่ได้สติผลักไคให้นอนราบไปกับเบาะนุ่มอย่างรวดเร็วแล้วขึ้นไปคร่อมฝ่ายชายโดยที่ไคไม่ทันตั้งตัว

     

    O_O

     

    ไคไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยสักนิดว่าผู้หญิงที่คุยกับเขาก่อนหน้านี่ไม่ถึงชั่วโมงและคอยไล่เขาให้ปล่อยเธอไป แถมยังผลักไสเขาทุกครั้งที่แตะเนื้อต้องตัวเธอจะเปลี่ยนมาเป็นผลักเขาและขึ้นคร่อมอยู่ด้านบนอย่างในตอนนี้

     

    “คุณ!” ไคเรียกเธอและแตะใบหน้าสวยนั่นเบาๆ เหมือนเรียกสติแต่คริสตัลกลับปัดมือนั่นออกและรวบมือหนาข้างนั่นด้วยมือบาง

    “คุณหล่อจางเลยยยยย~” สายตาหวานหยาดเยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนสะกดให้เขาขยับไปไหนไม่ได้ ใบหน้าหวานเองก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้และหยุดลงเมื่อปลายจมูกของเราแตะกัน

     

    ยิ่งมองใกล้ๆ เธอยิ่งสวย...ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ผมเคยผ่านสวยสู้ได้สักคน

     

    “ฉันชื่อ จอง...คริสตัลนะคะ คุณชื่ออะไรเหรอสุดหล่อ~” ปลายเสียงที่ลากยาวบ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั่นไม่มีสติและนั่นก็ทำให้ผมได้สติละออกจากใบหน้าเธอแต่เหมือนจะยิ่งแย่เมื่อมองต่ำลง...

     

    เสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กของเธอแทบจะปิดอะไรไว้ไม่ได้เมื่ออยู่ในมุมแบบนี้

     

    คัพ C ชัวร์

     

    “หือ...คุณชื่ออะไรค้า~

    “คิมไคครับ” ไคตอบอย่างลืมตัวและเผลอมองเนินอกขาวนั่นอย่างกับผู้ชายที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

     

    บ้าเอ้ย...เธอกำลังจะยั่วผม

     

    “ชื่อเพราะจางงงง~ หล่ออย่างนี้มีแฟนยังเอ่ยยยย~

    “อือ...” ผมครางอย่างลืมตัวมือใบหน้าหวานก้มลงมากัดที่คางผมอย่างเบาๆ นั่นทำให้เขาแทบคลั่ง

     

    เธอกำลังทำให้เขาหมดความอดทน

     

    “คนสวยครับ คุณไม่ควรยั่วผมด้วยวิธีนี้นะครับ...เพราะต่อให้คุณเมาผมก็ไม่สน”

    “พูดมากจัง”

    “อุ๊บ”

     

    ไคจำเป็นต้องเก็บคำพูดของตัวเองไว้เมื่อริมฝีปากบางที่เขาเคยหวังว่าจะได้สัมผัสมาตั้งแต่วันแรกที่เห็นประกบลงเข้าที่ริมฝีปากหยักอย่างรวดเร็ว เขาที่ไม่ทันตั้งตัวได้แต่อึ้งในการกระทำที่ไม่คาดฝันของเธอแต่แล้วเมื่อริมฝีปากบางเริ่มขยับไคก็เริ่มมีสติและเปิดปากให้เธอได้จูบเขาอย่างเต็มที่

     

    ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาเธอเมาแล้วจะเป็นแบบนี้...รู้อย่างนี้เขาชวนเธอดื่มตั้งแต่วันแรกก็คงดี

     

    “อื้อ~” เสียงครางแหบพร่าจากคนใต้ร่างดังขึ้นอย่างพอใจในรสจูบของคริสตัล แม้ว่าเธอจะไม่ได้จูบเก่งเท่าผู้หญิงที่เขาเคยผ่านกลับกันเธอดูเหมือนจะจูบไม่ค่อยเป็นด้วยซ้ำหากแต่ความไม่ประสีประสานั่นทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก

     

    ไคจำเป็นต้องหักห้ามใจตัวเองเก็บปลายนุ่มชื้นของตนเข้าที่เดิม ก่อนจะถอนริมฝีปากของตนออกมาออกจากริมฝีปากหวานอย่างอ้อยอิ่ง

     

    “อื้อ” คริสตัลครางอย่างไม่พอใจและทำหน้าหงุดหงิดทั้งที่ยังไม่ลืมตานั่นทำให้เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางน่ารักของเธอ

    “รอก่อนนะครับ...คนดี เราไปหาที่เหมาะๆ กว่านี้เถอะ” ไคกระชิบข้างหูคริสตัลด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ก่อนจะดันร่างเธอให้ลงไปนั่งเป็นปกติก่อนจะช้อนตัวหญิงสาวขึ้นในอ้อมแขนและอุ้มเธอที่เมาไม่ได้สติออกจากผับโดยไม่สนใจสายตาคนที่มองเราอย่างสนใจ

     

    ณ เวลานี้ เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากตัวคริสตัล...

     

     

     

     

     

    -------------------------------------

     

     

     

     

    “หืม...คุณสนใจเพื่อนผมเหรอครับ มองไม่วางตาเชียว”

    !!!

     

    แอลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่าเธอผงะตัวออกจากเขาที่เข้ามากระซิบใกล้ใบหู ผู้หญิงสวยคนนั้นมองเขาอย่างตกใจ

     

    “คะ คุณ...”

    “ดูท่าคุณจะชอบเพื่อนผมสินะมองไม่วางตาเชียว”

    !!!

    “ตกใจอย่างนี้ท่าจะจริงแฮะ”

     

    แอลยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อคิดว่าเขาคงมีอะไรสนุกๆ เล่นระหว่างนี้เพราะหลายวันมานี้ โลกของเขาช่างน่าเบื่อยิ่งนักและดูท่าว่าหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนนี้จะพอช่วยให้เขารู้สึกสนุกกับชีวิตมากขึ้น

    มันเป็นความบังเอิญที่เขากับไคมาผับในวันเดียวกันโดยที่ไม่ได้นัดแต่ก็ไม่แปลกที่เราจะเจอกันที่นี่เพราะว่าผับ K คือที่ประจำของพวกเราทั้งห้าอยู่แล้ว เขาเห็นไคตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้วล่ะเพียงแต่ไม่ได้เข้าไปทักเพราะเห็นมันพาแขกคนสำคัญมาด้วย ไม่ใช่ใครที่ไหนของเล่นใหม่ที่เคยด่าน้องชายมันว่าเล็กพริกขี้หนูนั่นเองและตอนที่มันกำลังจะกลับเขาก็แค่จะเดินไปทักตามประสาเพื่อนสนิทแต่กลับเห็นอะไรที่มันน่าสนุกเข้าซะก่อน...

     

    สายตาที่ผู้หญิงคนนี้มองเพื่อนเขาไม่ใช่เล่นๆ เลย...หึ

     

    “ว่าไง...คุณชอบเพื่อนผมใช่มั้ยล่ะ”

    “...”

    “ผมมีวิธีที่จะช่วยคุณนะ...คุณก็น่าจะรู้หนิว่าผมเป็นเพื่อนสนิทไค”

    “คุณแอล”

    “คุณอยากให้ผมช่วยมั้ยล่ะ”

    “...”

     

    แน่นอนว่าไม่มีทางที่เธอจะปฏิเสธ...ผู้หญิงตรงหน้าพยักหน้าเบาๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ราวกับว่าเธอกลัวว่าผมจะหลอกเธอ

     

    หลอกเหรอ...ไม่หรอกน่า เขาแค่ชอบปั่นหัวพวกที่อ่อนแอกว่าเล่นเท่านั้นเอง...หึ

     

     

     

     

    -----------------------------------------

     

     

     

     

    Sulli’s part

     

     

    ฟุบ

     

    ฉันถูกเหวี่ยงลงบนเตียงโดยฝีมือคนที่เกลียดเพราะเมื่อกี้ฉันคิดจะหนีในตอนที่ลูกน้องเขาปล่อยแขนฉัน

     

    เจ็บ!

     

    เมื่อกี้ข้อเท้าต้องกระแทกขอบเตียงแน่ๆ

     

    “จื่อเถา!!!!” ฉันตะโกนชื่อเขาอย่างหมดความอดทนและตวัดสายตามองเขาด้วยโทสะ

     

    คนตัวสูงเพียงแค่ปรายตามองฉันราวกับเห็นว่าฉันเป็นตัวน่ารำคาญก่อนที่เขาจะหันไปออกคำสั่งเสียงแข็งกับแกรี่

     

    “ล็อคประตูห้องนอนไว้และไม่ต้องให้ใครมายุ่งกับยัยนี่”

     

    ฉันมองคนตรงหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลก...เลือดที่ไหลอยู่ตรงหางคิ้วไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรบ้างเลยใช่มั้ย ?

     

    “เธอทำตัวเอง!

     

    นั่นเป็นคำสุดท้ายก่อนที่เขาและลูกน้องจะปิดประตู...และขังฉันไว้ในห้องนอนกว้างใหญ่นี้แต่เพียงคนเดียว

     

    ปัง!

     

     

     

     

    ---------------------------------

              นักอ่านอย่าหายเพิ่งไปไหนน้า~ อยู่รอดูความร้ายกาจกันก่อน~

     

    ขอบคุณทุกเม้นและนักอ่านทุกท่านค่ะ




    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×