ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #5 : [[ It's over ]]: C T 3

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 57










    เราจะจัดทำละครเวทีแนวหนังย้อนยุคกันนะครับ เป็นตำนานรักในประวัติศาสตร์ของเทพสุนัขจิ้งจอกกับลูกขุนนางที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ตัวละครสำคัญคงมีไม่มากน่าจะประมาณสิบคนส่วนที่เหลือก็เป็นแบ็คอัพเอา เริ่มที่พระเอก...เอ่อ...ดูเหมือนพระเอกจะยังไม่มา งั้นไปที่นาง...

    ขอโทษครับที่มาสายเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งขัดเสียงของรุ่นพี่ปีสี่ที่เป็นผู้กำกับครั้งนี้ ทุกคนต่างหันไปมองตรงประตูรวมทั้งฉันด้วย

     

    !!!

     

    ไม่จริง เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

     

    อ้าวไคมาพอดีเลย มาเร็วๆ เรากำลังพูดถึงบทแต่ละคนกันอยู่พี่ซูยองที่เป็นเพื่อนพี่ทิฟฟานี่เดินเข้าไปหาแล้วพาเขามาด้านหน้า ฉันพยายามทำตัวให้ลีบที่สุดแล้วเอนตัวลงต่ำใช้บทละครที่อยู่ในมือปิดหน้าตัวเองไว้อย่างเนียนๆ

    ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักนะคะ นี่คิมไคนักแสดงนำฝ่ายชายเป็นนักศึกษาปีสามคณะบริหารธุรกิจ น้องเขายอมตกลงเล่นละครกับเราเพราะว่านี่เป็นเทอมสุดท้ายของน้องไคเลยมีเรียนแค่ไม่กี่วิชา พอมีเวลาว่างที่จะซ้อมกับเรา พระเอกของเรานอกจากหล่อแล้วยังเก่งด้วยจริงมั้ย

     

    โห...จะจบภายในสามปี มีไม่กี่คนในมหาลัยหรอกนะที่ทำได้ เขานี่นอกจากหล่อแล้วยังเก่งอีก แป๊บนะ...ฉันจะชมเขาทำไม ผู้ชายคนนี้เป็นโจรบุกห้องฉันนะ (แม้ว่าฉันจะเปิดประตูให้เขาเองก็เถอะ)

     

    สวัสดีครับ ผมคิมไคยินดีที่ได้รู้จัก”

    งั้นเดี๋ยวพี่ขอแนะนำนักแสดงคนอื่นด้วยแล้วกัน...พี่ซูยองแนะนำตัวประกอบที่เหลือจนครบเหลือแต่ฉันที่พี่เขายังไม่ได้พูดถึง และนั่นนางเอกของเราจ่ะ เอ่อ...คริสตัลจ๊ะ ช่วยเอาบทลงหน่อยสิ

     

    ฉันเบ้ปากก่อนที่จะยอมเอาบทลงช้าๆ เลยเห็นว่าไคและคนทั้งห้องกำลังมองกับท่านั่งประหลาดๆ ของฉันอยู่

     

     “แหะๆ สวัสดีค่ะ คริสตัลค่ะฉันแนะนำตัวเป็นรอบที่สองให้คนทั้งห้องโดยที่ไม่ยอมสบตากับไค

    นั่นแหละนางเอกของเรา ไคคงไม่รู้จักล่ะมั้ง คริสตัลเรียนนิเทศเอกภาพยนตร์อยู่ปีสามเหมือนเราเลย

    “...” ฉันนั่งก้มหน้าไม่อยากจะสบตากับเขา ไม่ใช่เพราะว่ากลัวนะเพราะเกลียดต่างหากล่ะ

    เอ่อ...ไคนั่งฟังบทก่อนเลยแล้วกัน เชิญจ่ะๆ

     

    และทุกคนก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาเลือกที่จะเดินเลยมายังฉันและนั่งลงเก้าอี้ด้านซ้ายมือที่ยังว่างอยู่แทน

     

    ไง...

    “...”

     

    ไงบ้านนายสิ -_-

     

    ฉันทำเป็นไม่ได้ยินเขาแล้วสนใจรุ่นพี่ด้านหน้าต่อ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าตัวเองจะซวยถึงขนาดต้องมาเจอเขาในวันรุ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะซวยถึงขนาดต้องมาเป็นนางเอกกับไค!

     

    เอาล่ะนักแสดงมาครบแล้วงั้นพี่ขอต่อเลยแล้วกัน อืม...บทพระเอกชื่อ วูลรยองเป็นเทพที่ปกปักรักษาผืนป่าในสมัยโชซอนมากว่าพันปีจนกระทั่งเขามาเจอนางเอกที่เป็นลูกขุนนางซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏกำลังถูกขายไปเป็นกีแซงด้วยความไม่เต็มใจ  แต่เพราะว่าวูลรยองไม่ใช่มนุษย์จึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้เลยทำได้เพียงมองเธอถูกทรมานผูกไว้กับต้นไม้แห่งความสำนึกผิดจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ...ตอนนี้เดี๋ยวเราค่อยใส่รายละเอียดอีกที ขอข้ามมาที่นางเอกกำลังถูกไล่ล่าเลยแล้วกัน ตอนนั้นวูลรยองเข้าไปช่วยซอฮวาไว้ได้ทัน อ่ะพี่ลืมบอกไปนางเอกชื่อซอฮวานะ พระเอกเลยใช้พลังวิเศษไล่ไอ้พวกที่ตามนางเอกมา...ผู้กำกับเล่าเรื่องราวตำนานรักของหนึ่งเทพกับมนุษย์ต่อไป โดยที่ฉันได้แต่ฟังแล้วคิดภาพตามเงียบๆ จนกระทั่งเรื่องดำเนินมาถึงตอนจบ...มันเป็นความรักที่สวยงามมาก

     

    แปะๆๆ

     

    คนทั้งห้องต่างตบมือให้ผู้เขียนบทและผู้กำกับเสียงดังหลังจากที่ได้ฟังจนจบ ความรักที่พระเอกมีให้นางเอก มีแต่คำว่า ให้จริงๆ

     

    เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวพี่จะแจกบทให้ทุกคนลองไปอ่านดู อ่ะ...อีกเรื่องส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะพี่จะได้นัดซ้อมถูกพี่ซูยองพูดพลางยื่นบทให้ไคคนเดียวเพราะคนอื่นได้กันหมดแล้ว “...น่าจะอีกประมานหนึ่งอาทิตย์พี่จะนัดซ้อมอีกทีแล้วจะส่งวัน เวลา สถานที่ให้ทางข้อความแล้วกันนะจ๊ะ

    ค่า/ครับ

     

    ส่วนใหญ่นักแสดงจะเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งปีสองจากเอกการแสดงทั้งนั้น ฉันก็พอเข้าใจนะว่าทำไมต้องเอาเด็กๆ มา ก็คงเพราะคุมง่ายน่ะสิ

     

    ฉันก้มหัวโค้งให้รุ่นพี่จนพวกเขาออกไปหมดแล้วถึงเดินออกไปมั้ง ไม่สนใจไคที่กำลังมีรุ่นน้องสาวๆ รุมทำความรู้จัก

     

    อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไปเที่ยวดีมั้ยเนี่ย คิดได้อย่างนั้นฉันก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้แล้วกดปุ่มเลขสามอย่างเคยชิน

     

    [อื้อ ว่าไง]

    ซอลไปช้อปกันมั้ย ?”

    [หือ...ช้อปเหรอ ? ไปสิๆ]

    นี่แกอยู่ไหนทำไมได้ยินไม่ค่อยชัดเลย

    [อยู่ซุปเปอร์มาร์เก็ตน่ะสิ มาซื้อของจำเป็นนิดหน่อย]

    หือ...กับสามีเหรอฉันแกล้งแหย่ซอลลี่เล่น

    [บ้าเหรอไง! คนร่วมห้องเฉยๆ ย่ะ รูมเมทน่ะรูมเมทรู้จักมั้ย ?]

    ย่ะ รูมเมทก็รูมเมทว่าแต่จะมา...คริสตัลยังพูดไม่ทันจบก็ต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหูเมื่ออยู่ดีๆ คนปลายสายก็ตะโกนเสียงดังแสบแก้วหู

    [นี่ไอ้บ้าจื่อเทา นาย! ทำไมไม่เข็นรถเข็นมาเล่าเรื่องอะไรฉันต้องเข็นให้เธอ มีปัญญาซื้อแต่ไม่มีปัญญาเข็นเองเหรอไง....ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย]

    “...”

    [ตัลแค่นี้นะ ฉันคงไปกับแกไม่ได้แล้วว่ะ มีเรื่องต้องจัดการ]

    ไม่เป็นไรๆ ฉันเข้าใจ สามีภรรยาที่เพิ่งอยู่ด้วยกันก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกันเป็นธรรมดา

    [สามีภรรยาบ้านเธอสิ แค่นี้นะ! ตู๊ดๆๆ]

    ฮ่ะๆฉันหัวเราะกับตัวเองเบาๆ

     

    ฉันคงต้องหาโอกาสไปเยี่ยมยัยซอลสักครั้งแล้วล่ะ...อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นจริงๆ

     

    หัวเราะอะไรครับ ท่าทางสนุกเชียว

    “!!!”

    หืม..หัวเราะอะไรครับ

     

    ฉันกระโดดออกมาหนึ่งก้าวเมื่ออยู่ดีๆ ไคก็เข้ามากระซิบข้างๆ ใบหน้า ใกล้ซะจนขนลุก

     

    ไม่ใช่เรื่องของคุณ

    เฮ้...ไม่เอาน่า ผมต่างหากน่าจะเป็นฝ่ายโกรธคุณ ทั้งตบหน้าผม แถมยัง...เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้ก่อนที่จะจ้องกระซิบเข้าที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เห็นน้องชายของผมแล้วด้วย

     

    อะ ไอ้ ไอ้บ้า!!

     

    ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้นอย่ามามั่ว

    หืม...เมื่อวานนั้นคุณยังยอมรับอยู่เลยว่าตัวเองแอบดูผมทำรักกับจินนี่

    หุบปากเลยนะฉันพูดแล้วเอามือไปปิดปากเขาท่ามกลางสายตานักศึกษาคนอื่นที่มองมาด้วยความสนใจ

     

    ถ้ามีคนได้ยินก็ได้คิดว่าฉันเป็นโรคจิตกันพอดี

     

    อุนแอ๊ะอั๋งอากอ๋ม” (คุณแต๊ะอั๋งปากผม)

    นายหยุดพูดอะไรแบบนั้นเดี๋ยวนี้ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น จะดีกว่าถ้าเราสองคนทำเป็นไม่รู้จักกันฉันขู่เสียงต่ำใส่ไคแล้วจิกตาใส่เขาเพื่อยืนยันคำที่ฉันพูด พอหมดธุระฉันก็ปล่อยมือออกจากปากเน่าๆ ของเขาแล้วรีบเดินหนีตรงไปยังรถของตัวเอง

     

    ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วเรียนเก่งจนเพี้ยนไปแล้ว!

     

    แต่แล้วเหมือนโลกหยุดหมุนเมื่อคนข้างหลังตะโกนมันออกมาเสียงดังท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาที่มองมายังเรา คุณได้ผมแล้วจะมาทิ้งผมง่ายๆ อย่างนี้ไม่ได้นะ คริสตัล!!

     

    โอ้ว พระเจ้า...ช่วยเสกรถมาชนฉันซะตอนนี้แล้วทำให้ฉันความจำเสื่อมเหมือนในละครทีเถอะ

     

    ฉันกำมือแน่นหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมสติเพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อคนเจ้าเล่ห์

     

    1...2...3...4...5...6...7...8...9...สะ

     

    ผมไม่ยอมเสียตัวฟรีๆ แน่

     

    เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบด้านตามที่คนด้านหลังต้องการ

     

    ฉันหันหลังกลับไปเผชิญหน้าคนกวนประสาท ขาเรียวก้าวไปหาเขาช้าๆ แต่หนักแน่นเหมือนกับเป็นการขู่ทางกาย จ้องหน้าไคด้วยแววตานิ่งสงบเมื่อเดินไปใกล้พอ มือข้างหนึ่งยกขึ้นสูงเตรียมตัวจะตบหน้าเขาเต็มแรง

     

    แต่...คนยิ้มยียวนกวนประสาทก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือก่อนที่มือฉันจะได้กระทบหน้าเขาไว้อย่างรวดเร็ว

     

    ผมไม่ปล่อยให้คุณตบผมเป็นครั้งที่สองได้หรอกน้ำเสียงเจ้าเล่ห์อย่างผู้มีชัยกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคนต่างกับเมื่อกี้ที่พูดโกหกซะเสียงดัง

     

    ฉันชักสีหน้าไม่พอใจแต่ไคก็ไม่ยอมปล่อยมือฉันออก

     

    คุณเห็นผมทำรักแล้วจะมาทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้นะ!!ไคตะโกนเสียงดังฟังชัดทุกคำยกเว้นตอนพูดว่า เห็นผม เขาแค่พะงาบปากให้ฉันรู้คนเดียว นายคนนี้ชักจะทำให้ฉันหมดความอดทนแล้วนะ!

     

    ฉันกับไคมองหน้ากันแต่ด้วยคนละอารมณ์ ฉันนี่แทบจะฆ่าเขาทางสายตาได้อยู่แล้ว แต่ไคกับยักคิ้วกวนประสาทไม่ยอมหยุด คนรอบๆ ที่คอยแอบมองในตอนแรกต่างเข้ามามุงใกล้ๆ เหมือนอยากจะเห็นเหตุการณ์ชัดๆ

     

    ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกอับอายเท่านี้มาก่อนเลย บ้าชะมัด!

     

    ฉันเหลือบตามองผู้คนรอบๆ ที่เริ่มมีการหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่ออัดคลิปฉันกับเขาและอยู่ดีๆ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว

     

    ดี นายอยากประจานตัวเองนักใช่มั้ย....ได้ ฉันจะทำให้สมใจอยาก!

     

    ในเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ฉันเลยเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นแล้วใช้ส้นเข็มของส้นสูงสี่นิ้วจาก Chanel เหยียบเข้าไปที่รองเท้าหนังมันเงาดูท่าแล้วคงแพงน่าดู ไคที่โดนอย่างนั้นพยายามดึงเท้าตัวเองออกแต่ก็ไม่พ้นเมื่อฉันเหยียบเข้าไปเต็มๆ จนส้นแทบจะทะลุหนังหุ้ม

     

    เชื่อสิ ว่าเขาเจ็บจนอยากจะกรีดร้องเลยล่ะ

     

    นายน่ะ...แน่มาจากไหนฉันเริ่มพูดพลางกรีดสายตามองเขาอย่างดูแคลน ไคที่เหมือนจะร้องแต่ร้องไม่ออกได้แต่มองฉันอย่างแค้นเคืองแทน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือฉัน อีกทั้งยังบีบแน่นกว่าเดิมจนคิดว่ามันต้องเป็นรอยแน่ๆ “...ฉันไม่ได้อยากจะประจานหรอกนะ แต่คนแถวนี้มันรนหาที่เองก็ช่วยไม่ได้

     

    ฉันไล่สายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วหยุดอยู่ที่กึ่งกลางร่างกายสมส่วน...ที่มีส่วนนูนๆ ออกมานิดหน่อยแล้วก็ทิ้งแรงไปยังส้นเท้าอีกครั้ง

     

    อึก!” 

    เห็นหน้าหล่อๆ แบบนี้ไม่คิดเลยว่าจะห่วยเรื่องนั้นขนาดนี้ หึ น้องชายนายน่ะ...เล็กพริกขี้หนู ฉันยังไม่เอามาบอกใครเลยฉันเน้นคำว่า เล็กพริกขี้หนูหวังให้ได้ยินกันถ้วนหน้า

    “!!!”

     

    เสียงฮือฮาดังรอบข้างเมื่อฉันพูดแบบนั้นแต่ก็ดีฉันอยากจะให้เขาดังอยู่แล้ว

     

    ฉันแบมือต่อหน้าเขาแล้วเก็บทุกนิ้วอย่างมีจริตเหลือไว้เพียงเรียวนิ้วก้อย

     

    นิ้วก้อยฉันยังใหญ่กว่าอีก

    “!!!”

    หึ

    ธะ เธอ...

     

    ฉันลดมือลงแล้วกระชับกระเป๋าสะพายใบเล็กจากเคท สเปด หนังแก้วสีส้มสดไว้ในมือก่อนที่จะกรีดยิ้มใส่เขาคล้ายกับเห็นเขาเป็นผักเน่าๆ ที่ไม่มีค่าอะไร พูดย้ำทีล่ะคำให้ทุกคนในที่นี้ได้ยินกันอย่างชัดเจน

     

    ห่วย เสื่อม จิ๋ว ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด!!

     

    ป๊าบ!

     

    ก่อนที่ไคจะได้ตั้งตัวฉันก็ฟาดกระเป๋าหนังแก้วเข้าที่หน้าเขาอย่างจังแล้วใช้จังหวะนั้นสะบัดมือให้หลุดจากการจับกุม หมุนตัวหันหลังแล้วรีบเดินจากมาโดยไม่สนใจเลยว่าคนข้างหลังจะเป็นยังไง ในที่สุดฉันก็มาถึงรถและขับออกไปได้อย่างปลอดภัย

     

    หึ...รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว คิมไค

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Sulli’s part

     

    นายจะไปไหน!ฉันตะโกนเรียกคนตัวสูงที่เดินหนีไปทันทีที่วางสายจากคริสตัล

    “...”

    นี่ มาเข็นรถเดี๋ยวนี้!!!

    ฉันกลับล่ะเขาหันหลังมาพูด แล้วเดินล้วงกระเป๋าจากไปโดยที่ทิ้งฉันไว้กับรถเข็นซึ่งเต็มไปด้วยของใช้ครัวเรือน

    จื่อเทา!!!ฉันแผดเสียงเหมือนคนประสาทกิน และได้ผล ร่างสูงที่เดินจากไปไกลกว่าสิบเมตรหยุดชะงักลง เทาหันมาด้านหลังช้าๆ ด้วยสีหน้าขวางโลกสุดๆ

    ฉันชื่อหวัง-จื่อ-เถา ไม่ใช่จื่อเทา ถ้ามันเรียกยากนักก็เรียกเทาซะ ยัยลิ้นสั้น!

     

    ละ ลิ้นสั้น!

     

    และของนั่นก็ของเธอทั้งหมด เข็นเอง จ่ายเองและกลับเองด้วย ฉันไปล่ะจื่อเทา (ยังคงเรียกชื่อนี้ต่อไปอย่างไม่เกรงกลัว) มองฉันโดยที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ บนใบหน้า หน้านิ่งๆ ทำเอาฉันเดาอารมณ์เขาไม่ถูกเลยจริงๆ

     

    ไม่นานร่างสูงที่เพิ่งบอกว่าจะไปก็ไปจริงๆ เขาทิ้งฉันไว้กับของใช้ในบ้านกองเท่าภูเขา ไม่น่าหาเรื่องพาตัวเองออกมาซื้อของกับเขาเลย เหอะ

     

    หลังจากวันที่ฉันย้ายเข้าไปอยู่ห้องเขา ฉันก็รีบติดต่อคุณพ่อทันทีแต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะไม่มีเสียงตอบรับจากท่าน แม้แต่ที่บริษัทพ่อก็ยังไม่เข้าปล่อยให้ลูกน้องจัดการงานกันเองแต่อย่างน้อยคืนนั้นฉันก็ได้รับข้อความจากเลขาคุณพ่อว่า

     

    คุณท่านไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกับคุณหวังลี่หง พ่อของคุณจื่อเถาที่ยุโรปน่ะครับ เดือนหน้าคุณท่านถึงจะกลับ คุณท่านฝากบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ท่านจะรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี แล้วยังฝากบอกด้วยว่าให้เชื่อฟังพี่เทาสามีในอนาคตคุณซอลด้วยครับ

     

    ตอนฉันอ่านฉันกรี๊ดลั่นห้องนายนั่นเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อจะทิ้งลูกสาวสุดแสนน่ารักและบอบบาง (?) ไว้กับผู้ชายหน้าเถื่อนคนนี้ได้ลงคอ ไปเที่ยวยังไม่พอยังยึดทั้งรถทั้งที่ซุกหัวนอนเธอไปอีก เงินที่ให้เป็นประจำยังตัดลงเหลือแค่ครึ่งหนึ่ง พอเธอส่งข้อความไปทวงก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า...

     

    อยู่กับพี่เทา พี่เทาเขาออกให้หนูอยู่แล้ว งงเงินไม่จำเป็นหรอก

     

    ฉันล่ะอยากจะบอกพ่อเหลือเกินว่าพ่อคิดผิด ดูสิ ขนาดของใช้ในครัวเรือนเขายังไม่ยอมออกให้ฉันเลย ไอ้คนขี้งกเอ้ย!

     

    ฉันเกลียดผู้ชายงกเงินเป็นที่สุด

     

    อีกอย่างที่เรามาซื้อของด้วยกันเพราะตอนแรกเขารบเร้าให้ฉันมาซื้อหรอก ฉันถึงยอมนั่งรถมาคันเดียวกับเขา ไม่อย่างนั้นล่ะก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้ฉันเกินห้าเมตร

     

    แล้วดูตอนนี้สิ เขาทิ้งผู้หญิงสวยๆ อย่างฉันให้เข็นรถเข็นไปจ่ายเงินด้วยตัวเอง เหอะๆ อย่าหวังว่าฉันจะง้อเขา ในเมื่ออยากทิ้งฉันก็เชิญ อย่าให้เห็นว่ากลับมานะ แม่จะโดดถีบหน้าให้

     

    คิดว่าแคร์รึไง ขนาดรถฉันยังขับเป็น กะอีแค่รถเข็นทำไมฉันต้องง้อนาย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หนักชิบ!

     

    ฉันกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อหารถ Porsche 911 Carrera 4S สีบลอนด์เงาที่ตอนแรกจอดไว้ใกล้กับประตูซุปเปอร์มาร์เก็ตแต่ตอนนี้กลับเหลือแต่ช่องว่างๆ ไม่มีวี่แววรถและเจ้าของรถสักนิด

     

    เขาทิ้งฉันจริงๆ ด้วย!

     

    คุณผู้หญิงจะขึ้นแท็กซี่มั้ยครับเจ้าหน้าที่ของที่นี่เข้ามาทัก ฉันเลยพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้เขาช่วยถือของขึ้นไปบนรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดพอดี

     

    จื่อเทา...ฉันไม่ง้อนายหรอก!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เฮ้ยๆ แบกอะไรมาเยอะเชียวคริสตัลเปิดประตูพร้อมกับรีบเข้ามาช่วยฉันถือถุงพลาสติกพวกนี้

     

    ของใช้จำเป็นน่ะฉันเข้ามาวางของไว้บนพื้นห้องคริสตัลแล้วยืนบิดเอว เล็กๆ น้อยๆ ถือของมาห้าหกถุงคนเดียวหลังแทบเคล็ด

    เกิดอะไรขึ้น  ตอนคุยโทรศัพท์ยังเห็นว่าอยู่กับสามีแกอยู่เลยหนิ ทะเลาะกันหรือไง

    กรี๊ด ไม่ใช่สามีย่ะ เพื่อนร่วมห้องเฉยๆ

    เออๆ เพื่อนร่วมห้องก็เพื่อนร่วมห้องแล้วนี่แกแบกอะไรมาเยอะแยะวะ ทำอย่างกับจะย้ายมาห้องฉันถาวรซะงั้นแหละ

    ไม่เชิง...แต่ฉันไม่มีวันกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเด็ดขาดฉันทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างๆ คริสตัลแล้วกอดอกอย่างเจ็บใจ

    หือ ?”

    เข้าทิ้งฉัน

    ห๊ะ ? O_O”

    เขาทิ้งฉันไว้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกับของพวกนี้แล้วก็ชิ่งกลับไปก่อน

    “!!!”

    แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยถูกใครทิ้ง! เขาเป็นใคร ใหญ่มาจากไหนถึงกล้ามาทิ้งฉัน!

     

    คริสตัลมองฉันตาปริบๆ

     

    ต่อไปนี้ฉันจะย้ายมาอยู่ห้องแก พ่อไม่มีทางรู้หรอกถ้าแกไม่บอก

    เฮ้ย...เขาทิ้งแกไว้จริงดิ

    ก็ใช่น่ะสิ บ้าชะมัดเลย รู้สึกเหมือนโดนเหยียบหน้ายังไงไม่รู้ ฉันไม่มีวันกลับไปห้องเขาแล้วแน่ๆ ผู้ชายอะไรขี้งก ใจดำ หน้าดุ โหด อารมณ์ร้อน เลว  ชั่ว เถื่อน

    ด่าเขายังกับอยู่กับเขามาเป็นปี อยู่มาแค่สองคืนนี่รู้จักกันขนาดนี้แล้วหรือไงคริสตัลมองฉันแล้วขำเบาๆ แต่เธอก็ยิ้มแล้วเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ถ้าไม่สบายใจก็อยู่ที่นี่ก่อนก็ได้แต่อย่าเพิ่งประเมินเขาแบบนั้น ฉันเชื่อว่าคุณลุงต้องมองคนไม่ผิด เขาต้องมีด้านดีๆ อยู่บ้างแหละ

    “...”

    หน้าเธอหงุดหงิดสุดๆ เลย ไปอาบน้ำก่อนไป ใส่ชุดฉันก่อนก็ได้คริสตัลยิ้มให้ฉันแล้วผลักไหล่ฉันเบาๆ คล้ายกับจะไล่ให้ไปอาบน้ำ

     

    รอยยิ้มแบบเปี่ยมไปด้วยความสุขและจริงใจของเพื่อนฉันคนนี้ ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก...คริสตัลเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในหมู่พวกเรา ทุกคนต่างรู้ดี...มีไม่กี่คนหรอกที่ได้รอยยิ้มจริงใจจากคริสตัลไป หากให้นับแล้วล่ะก็ใช้แต่นิ้วมือยังเหลือเลย

     

    ขอบคุณนะ ^^” ฉันยิ้มแล้วยอมลืมความหงุดหงิดทุกอย่าง ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย

     

    ในห้าคน...ถ้าหากถามว่าอยากให้ใครได้แต่งงานก่อนล่ะก็ ฉันขอตอบว่า...คริสตัล

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Krystal’s part

     

    หลังจากส่งเพื่อนเข้าห้องน้ำเรียบร้อย ฉันก็ลุกขึ้นไปสำรวจของที่ซอลลี่ซื้อมา พอเห็นแต่ล่ะอย่างก็ต้องส่ายหน้าเบาๆ ทั้งที่ปากบอกว่าไม่ชอบๆ ไม่มีทางอยู่ห้องเขาแน่ แต่ดูแต่ล่ะอย่างที่เธอซื้อผ้านวมเอย...หมอนคู่เอย...ช้อนส้อมคู่...จานชามคู่และอีกมากมายที่บ่งบอกว่าผู้ซื้อซื้อมาสำหรับคนสองคน

     

    กริ๊งงงงงง~ กริ๊งงงงง~

     

    จะชวนไปเที่ยวไหนยะฉันกรอกเสียงอย่างเป็นกันเองลงไปทันทีที่เห็นว่าใครโทรเข้ามา

    [แกเห็นฉันเป็นคนยังไงห๊ะ ฉันเด็กเรียนนะ]

    อ้อเหรอ...ฮ่าๆ มีอะไรหรือเปล่า ?”

    [มีเรื่องใหญ่มาก ตัลแกไปทำอะไรมาวันนี้]

     

    ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดของซูจี...วันนี้ฉันก็ไปเจอพวกรุ่นพี่ที่กำกับการแสดง เจอนักแสดงคนอื่นๆ แล้วก็...เจอตาบ้าคิมไคน่ะสิ

     

    ไปที่เอกการแสดง ทำไม ?”

    [แน่ใจว่าแค่ที่เอกเฉยๆ]

    มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า

    [ก็วันนี้มีรูปแกกับคิมไคผู้ชายจากคณะฉันว่อนเน็ตเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมานี่เอง ทำไมถึงได้ไปยืนเรียกร้องกับแกได้ห๊ะ!]

    “!!!”

    [แล้วคลิปนั่นที่บอกว่าแกมีอะไรกับเขาแล้วมันจริงเหรอ ยัยตัลแกพลาดท่าให้ผู้ชายคนนี้ไปแล้วเหรอ]

    “!!!”

    [รีบๆ อธิบายมาซิย่ะ เงียบอยู่ทำไม ฉันกับยัยนาอึนแทบจะวนรถกลับไปหาแกที่ห้องอยู่แล้วนะ]

    ทำไมมันถึงมีอยู่ในเน็ตได้ล่ะ

    [โอ๊ย จะยากอะไรก็แค่หยิบมือถือขึ้นมาอัดคลิปแล้วก็แชร์ลงเน็ตน่ะสิ] ซูจีตอบเสียงยานเหมือนกับเพลียกับฉันเต็มที

    ไม่ใช่ ฉันหมายถึง คนเอาไปลงเน็ตทำไม ฉันกับเขาไม่ได้เป็นไอดอลซักหน่อย

    [โอ๊ยยยย~ ยัยตัลฉันว่าแล้วว่าแกไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ วันๆ เอาแต่ทำงานโปรเจคแล้วก็เที่ยว ไม่เคยสนใจคนรอบข้างเลยนะแก ฉันจะบอกให้เอาบุญนะจ๊ะว่าผู้ชายที่แกไปยืนด่าฉอดๆ เนี่ยคือหนุ่มหล่ออันดับสองของมหาลัยนะจ๊ะ]

    เป็นเดือนคณะเหรอ ?”

    [ไม่ใช่ แต่เป็นยิ่งกว่าเดือนคณะและเดือนมหาลัย เป็นคนหล่อที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดเป็นอันดับสอง]

    ทรงอิทธิพล...”

    [เอาง่ายๆ ว่าคิมไคเป็นผู้ชายที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับสองในบรรดาหนุ่มมหาลัยทั่วประเทศ แล้วไอ้คำว่ามีอิทธิพลเนี่ยก็หมายถึงเขาเป็นผู้ชายที่ได้รับเลือกจากนักศึกษาหญิงทั่วประเทศว่ามีแรงดึงดูดทางเพศสูงมากเป็นอันดับสอง ใครก็ตามที่อยู่ใกล้เขาต้องละลายและสยบแทบเท้าทุกราย ฉันเคยได้ยินเพื่อนในคณะพูดด้วยนะว่า...หากคิมไคต้องการผู้หญิงคนไหนแล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่เธอคนนั้นจะรอด]

    แล้วไง ?” ฉันยังลองถามไปด้วยน้ำเสียงไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่จริงฉันแอบหวั่นใจเล็กน้อยเพราะเขาเคยพูดว่าต้องการฉัน!

    [แล้วไงอะไรเล่า ฉันต่างหากที่ต้องถามแกว่าแกจุดจุดจุดกับเขาแล้วเหรอ ?]

    เฮ้ย บ้า ไม่มีทาง

    [ไอ้คลิปที่เขาบอกว่าแกทิ้งเขาหลังจากได้เขามันยังไง แล้วยังไอ้ที่แกบอกว่าน้องชายเขาเล็กพริกขี้หนู มันหมายความว่ายังไง!]

    “...”

     

    ฉันเหยียดยิ้มมุมปากอย่างสะใจที่ทุกอย่างเป็นไปดังต้องการ แม้จะรู้สึกอับอายที่คนอื่นคิดว่าเรามีอะไรกันแล้วแต่ก็ถือว่าคุ้มกับการที่ทำให้เพลย์บอยอย่างเขาถูกครหาได้ หึๆ

     

    สมน้ำหน้า :P

     

    เอาเป็นว่าฉันไม่เคยมีอะไรกับเขา เราแค่รู้จักกันเฉยๆ เพราะเป็นเพื่อนร่วมงานละครเวทีที่เคยเล่าให้พวกแกฟังนั้นแหละ แต่เรามีปากเสียงกันนิดๆ หน่อยๆ เขาเลยแก้เผ็ดฉันด้วยการพูดอะไรแบบนั้น...”                   

    [แล้วแกก็ไม่ยอมเลยตอบกลับไปแบบในคลิป] ซูจีต่อประโยคให้จบ

    ก็อย่างที่แกเห็นฉันยักไหล่เบาๆ

    [ได้ยินแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ฉันนึกกว่าแกพลาดท่าเขาแล้วซะอีก เป็นห่วงแทบแย่]

    บ้าเหรอ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” ...ถึงแม้ฉันจะชอบหยอดไปทั่วก็เถอะ

    [แต่เวลาแกเมา...]

    หยุด ฉันไม่ได้เมาและไม่ได้ดื่มตั้งแต่ไอ้โรคจิตบุกมาหาถึงมหาลัย อีกอย่าง...อ่ะ! ฉันลืมบอกแกไปอย่าง...คนที่เข้ามาช่วยฉันตอนนั้นคือไค

    [!!!]

    เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้นแหละ ฉันมีเรื่องจะถามแกอย่าง...แกไม่ชอบเหรอผู้ชายแบบนั้น ฉันว่าเขาคงรวยพอควรและหน้าตาก็ใช้ได้ (ไม่อยากพูดคำว่า หล่อ’) สเปคคุณซูจีไม่ใช่เหรอค้า~” ลากเสียงยาวอย่างล้อเลียนในท้ายประโยคแต่ก็เจอซูจีสวนกลับมา

    [ไม่ย่ะ ถึงจะหล่อและรวยแค่ไหนแต่ผู้หญิงไม่ขาดมือแบบนั้น ฉันไม่เอาด้วยหรอก บางวันนะแกฉันเห็นรถผู้หญิงขับมาส่งถึงหน้าคณะเลยนะแล้วตอนเย็นก็มีอีกคนมารับ]

     

    โห~ เว่อร์มาก...แต่ขนาดคนบ้าผู้ชายอย่างยัยซูจียังไม่เอา ฉันว่าก็คงไม่ไหวจริงๆ แหละผู้ชายคนนั้น

     

    [ฉันเตือนแกนะตัล...ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาดไม่ว่ายังไงก็ตาม เขามีผู้หญิงรายล้อมมากมาย ถ้าเกิดวันหนึ่งแกพลาดขึ้นมา ฉันไม่อยากเห็นแกเสียใจ]

    “...”

    [บางคนที่ทำดีกับเราอาจไม่ได้หวังดีร้อยเปอร์เซ็นต์...อย่าหลวมตัวเด็ดขาด]

    อื้อ ฉันไม่หลวมตัวหรอกน่า~ แกก็รูว่าฉันใจแข็งแค่ไหน ไปล่ะๆ ฉันทำกับข้าวอยู่

    [อือๆ ไว้เจอกัน]

    จ่ะ

     

    ฉันวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาเหมือนคนหมดแรง...คำพูดของซูจียังคงลอยอยู่ในหัว

     

    ไม่ต้องห่วงหรอกซูจีเพราะฉันเองก็ไม่มีทางยุ่งกับเขาเหมือนกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    Kai’s part

    ฮะๆๆ ฮ่าๆๆ โอ้ยกูฮาว่ะแอลหัวเราะก๊ากอย่างไม่เกรงใจ

     

    ไม่ใช่แค่มันคนเดียวที่มีอาการเป็นอย่างนี้...หลังจากทุกคนเห็นคลิปที่กำลังว่อนเน็ตนั่นก็ต่างหัวเราะเยาะผมราวกับไม่ใช่เพื่อนกัน

     

    เลิกขำได้แล้ว มันตลกตรงไหนวะผมถามเสียงซีเรียส

    ขำตรงเล็กพริกขี้หนูแอล

    กูขำเล็กกกว่านิ้วก้อยว่ะ เปรียบเทียบได้เห็นภาพมากเซฮุน

    กูฮาสุดตอนที่มันโดนตบด้วยกระเป๋าเฉียดล้านวอนนั่นว่ะลู่หาน

    “...” เทาเงียบไม่พูดและไม่ขำเหมือนคนอื่น จริงๆ แล้วหน้าเทามันดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่คนเดียวมากกว่า

     

    ผมส่ายหัวให้กับความไร้สาระของเพื่อนแล้วเดินออกมารับลมที่ริมระเบียงบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่ๆ เป็นบ้านแสนอบอุ่นของผม แม้ว่าพ่อกับแม่จะอยู่บ้านอีกหลังแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดความอบอุ่นอะไรเพราะตัวเองเลือกที่จะมาอยู่ตัวคนเดียวใกล้ๆ มหาลัย

     

    คิดถึงเรื่องวันนี้แล้วก็ตลกดี....เล็กกว่าพริกขี้หนู...เล็กกว่านิ้วก้อย เหอะๆ เจอของจริงแล้วจะสะอึก

     

    คริสตัลทำให้ผมปวดหัวมากทีเดียวกับการที่เธอพูดอย่างนั้น ถ้าเราอยู่กันสองคนผมคงไม่อะไรหรอกแต่นี้เกาหลีมุงกันเต็ม แน่นอนว่าทุกเรื่องที่ผมทำย่อมต้องได้รับความสนใจจากคนรอบข้างผมไม่ใช่คนดังแบบพวกนักร้อง นักแสดง แค่เป็นที่นิยมมาก (มาก) เท่านั้นเอง ตอนนี้ในโลกออนไลน์เลยมีคนวิจารณ์ไอ้ตัวน้อยของผมกันอย่างเมามัน แน่นอนว่าผมต้องให้บทเรียนกลับอย่างสาสมที่กล้ามาว่าน้องชายสุดที่รักของผม

     

    เธอรู้จักผมน้อยไป...ไม่สิ บางทีเธออาจจะไม่รู้จักเลยมากกว่า

     

    คิดอะไรอยู่เสียงราบเรียบของเพื่อนหน้าโหดเรียกสติผมให้กลับคืนมา

     

    เทาเดินมาหยุดยืนข้างๆ แล้วยื่นบุหรี่มาให้หนึ่งมวนพร้อมไฟแชคอย่างรู้ใจ ผมรับมันมาแล้วจุดก่อนที่จะสูบเพื่อระบายความเครียดในใจ

     

    เครียดทำไม...จัดการเหมือนก่อนก็จบเทาพูดเสียงเรียบโดยที่สายตายังคงมองวิวข้างหน้า

    “...”

     

    ผมพ่นควันออกช้าๆ ขณะใช้ความคิด

     

    เธอมีแฟนแล้วขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจที่ต้องพูดคำๆ นี้ออกมา ไม่รู้ทำไม

    ปกติไม่เห็นสน

    ก็งงตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องหนักใจปกติถ้าผมรู้สึกสนใจใครผมไม่เคยมองว่าเธอจะมีแฟนหรือไม่...แค่อยากได้ก็ต้องได้ อีกอย่างพวกเธอก็เต็มใจวิ่งมาหาผมเอง ผมไม่เคยบังคับใคร

    “...”

    เล็กกว่านิ้วก้อยงั้นเหรอ...มือหนายกขึ้นสัมผัสปุ่มนูนๆ ตรงหน้าผากเยื้องไปทางซ้ายที่บวมออกมาแทบเป็นลูกมะนาว

     

    ต้องเป็นเพราะตรายี่ห้อนูนๆ ของกระเป๋าแน่ๆ ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

     

    ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรนะ...เทาถามเสียงเรียบ

    จอง คริสตัล

     

    ผมหันไปมองเพื่อนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนเทาจะกดโทรหาใครบางคน

    แกรี่ สืบประวัติใครบางคนให้ฉันหน่อย เป็นคนเกาหลีชื่อจอง คริสตัล...นอกนั้นไม่รู้  ลองดูรายละเอียดในอินเตอร์เน็ตแล้วกัน ตอนนี้กำลังดังเลย...ไม่เกี่ยวกับฉันแต่เกี่ยวกับไค...ขอบคุณมาก

     

    ผมพ่นควันออกแล้วยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเห็นว่ามาเฟียหนุ่มแห่งฮ่องกงกำลังทำอะไร...เพื่อนผมคนนี้รู้ใจผมที่สุด

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Sulli’s part        

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น~

     

    คัตเตอร์พร้อม!

     

    ปากกาพร้อม!

     

    รถพร้อม!

     

    สุดท้าย...คนพร้อม!

     

    ลุย!!!!!!!!

     

    ฉันจัดการละเลงรถ Porsche 911 Carrera 4S สีบลอนด์เงา ที่จอดไว้ในช่องประจำและเป็นส่วนตัวขั้นสุดยอด ถ้าหากฉันไม่มีคีย์การ์ดก็คงเข้ามาถึงชั้นจอดรถเฉพาะไม่ได้หรอก ต้องขอบคุณเจ้าของรถที่เป็นคนยื่นมันให้ฉันเองกับมือ แล้วทีนี้เขาจะได้รู้ว่าการมารังแกฉันจะมีผลตามมายังไง

     

    เสร็จแน่ เจ้าหนู

     

    แม้ว่าคัตเตอร์เล็กๆ นี่จะกรีดยางล้อรถชั้นดีอย่างเจ้ารถยุโรปคันนี้ไม่ได้ แต่ฉันก็ใช้มันขูดตัวรถจนเป็นลอยถลอกไปทั้งคันแทนได้แล้วกัน

     

    ฉันรู้ว่าหลังจากนี้เขาจะตามหาตัวฉันเพื่อมาลงโทษ ที่นี่มีกล้องวงจรปิด แน่นอนว่าถ้าเขาต้องการตัวคนร้าย เขาย่อมไปดูแน่นอน แต่ฉันจะช่วยลดความยุ่งยากพวกนั้นโดยการระบุตัวคนทำลงยังรถเขาแทนหึๆ

     

     

    ฉันหยิบปากกาเคมีสีทอง โดยยี่ห้อนี้ฉันพิสูจน์มาแล้วว่าน้ำเปล่าธรรมดาไม่สามารถทำอะไรมันได้ เขย่าเบาๆ พร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างสะใจแล้วปีนไปยังกระโปรงรถคันสวยช้าๆ

     

    ผู้ชายรักรถราวกับลูกในไส้ เขาต้องโมโหแน่ หึๆ

     

    ฉันใช้ปากเปิดปากกาแล้วกัดมันไว้ก่อนจะเริ่มเขียนตัวบรรจงตัวเต็มกระจกหน้ารถว่า จื่อเทา:P’

     

    อีกไม่นาน...เขาจะต้องคลั่ง คลั่งจนอยากจะฆ่าฉันเลยล่ะ หึ

     

    ช่วยไม่ได้อ่ะนะ ในเมื่อฉันไม่มีรถเขาก็ต้องไม่มีรถใช้เช่นเดียวกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทุกอย่างเป็นไปตามที่ซอลลี่คิดไว้จริงๆ เมื่อหลังจากนั้นสองชั่วโมงเจ้าของรถเดินเข้ามายังลานจดรถและเห็นรถตัวเองอยู่ในสภาพดูไม่ได้

     

    O_O

     

    เมื่อเดินเข้าไปใกล้เทาก็ต้องตกใจที่เห็นตัวอักษรหวัดๆ หน้ากระจกรถ... จื่อเทา :P’

     

    ไม่ต้องคิดเกินเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำเขาก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ!

     

    ชเวซอลลี่กล้ามากที่มาทำให้รถหลายร้อยล้านวอนของเขาต้องมามีสภาพคล้ายเศษขยะแบบนี้

     

    มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเลขาคนสนิท ขบฟันเข้าหากันแน่นด้วยความโมโห ดวงตาหรี่ลงราวกับต้องการควบคุมอารมณ์ยามสั่งงาน

     

    เมื่อวานนี้นายบอกซอลลี่ไปนอนที่ห้องจองคริสตัลใช่มั้ย ?”

    [ครับ]

     

    เขารู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าผู้หญิงที่มาทำให้เพื่อนเขาของขึ้นกับเพื่อนของว่าที่เจ้าสาวเป็นคนๆ เดียวกันแต่ยังไม่ได้โทรบอกไคเพราะอยากจะเซอร์ไพรส์มันกับปากตัวเอง

    ส่งที่อยู่คุณจองมา...ไม่สิ เอาที่อยู่เพื่อนอีกสามคนมาให้ฉันด่วนที่สุด

     

    เทามองรถด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่คิดอะไร แต่จริงๆ แล้วภายใต้หน้ากากแผ่นนั้น...กำลังคุกกรุ่นไปด้วยเพลิงโทสะ

     

    ไม่แปลกใจเลยที่เป็นเพื่อนกันได้...พวกผู้หญิงรู้จักผู้ชายอย่างเราน้อยไปซะแล้ว

     

     

     

     

     

    ขอบคุณทุกความเห็นและนักอ่านทุกท่านค่ะ

     

     
    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×