คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [[ It's over ]]: C T 1 // 100%
1 สัปดาห์ต่อมา
ซอลลี่มองหน้าจอโทรศัพท์ที่มาจากบิดาสุดที่รักอย่างเซ็งๆ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันด้วยความเครียด ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งอย่างแรงจนรถคันสวยพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วปาดหน้ารถทุกคันบนถนนไปมาอย่างคล่องแคล่วจนคนที่อยู่ด้านนอกไม่คิดว่าคนขับจะเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์ยังคงดังแข่งกับเสียงเครื่องยนต์อย่างไม่มีใครยอมใครจนในที่สุดกลายเป็นเธอเองที่ต้องหักเลี้ยวเข้าจอดที่ปั๊มน้ำมันข้างทางอย่างเลี่ยงไม่ได้กลัวว่าถ้าไม่รับ พ่อคงได้โทรจิกไปตลอดทาง ดีไม่ดีบุกไปหาเธอถึงคอนโดด้วยซ้ำ
“ค่ะ พ่อมีอะไรคะ” ซอลลี่ถามทั้งๆ ที่เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อโทรมาหาด้วยเรื่องอะไร
[แกอยู่ไหนห๊ะ!! ผู้ใหญ่เขารอมากว่าชั่วโมงแล้ว]
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะแต่งเรื่องขึ้นมาโกหกพ่อตัวเอง
“ซอลอยู่...ปูซานค่ะ” เธอโกหก
[ปูซาน ? นี่แกไปทำอะไรที่นั่นห๊ะ รู้ไม่ใช่เหรอว่าวันนี้มีนัดเจอคู่หมั้นน่ะ]
“รู้ค่ะ แต่ซอลกลับไปไม่ทันจริงๆ ซอลมาทำกิจกรรมกับทางคณะที่นี่ซอลบอกพ่อแล้วไม่ใช่เหรอ”
[อย่ามาโกหก แกบอกฉันไปเช้าเย็นกลับแล้วไอ้ที่ไปน่ะมันเมื่อวาน]
“พ่อน่ะจำผิดแล้ว...ซอลบอกว่าไปวันนี้ แก่แล้วยังหูไม่ดีอีก”
[ซอลลี่!!]
“ขา ?” เธอตอบอย่างกวนประสาท แม้จะรู้ว่านั่นจะทำให้พ่อเธอฟิวส์ขาดก็ตาม
[ฉันให้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง ถ้ายังไม่เห็นหัวแกโผล่มาที่นี่ รถและคอนโดแกโดนริบแน่ คอยดู!!ตู้ดๆๆ]
ปลายสายวางไปพร้อมกับยื่นคำขาดให้เธอ ซอลลี่มองโทรศัพท์ตัวเองอย่างขัดใจแล้วเขวี้ยงมันไปเบาะหลังอย่างแรงจนมันเด้งลงไปอยู่ใต้เบาะ
หญิงสาวหลับตาพลางใช้สติคิดหาวิธีหลบเลี่ยงงานนัดเจอครั้งนี้ที่ถูกจัดขึ้นโดยผู้ใหญ่ฝ่ายเธอและฝ่ายชาย และไม่มีแม้แต่จะถามความเห็นเธอด้วยซ้ำว่าต้องการมั้ย
คิดแล้วก็น่าเจ็บใจนัก!
ด้วยความโมโหซอลลี่จึงตัดสินใจออกรถไปหาเพื่อนของเธอเพื่อให้ช่วยตัดสินใจเรื่องนี้แทนที่จะไปตามที่พ่อสั่ง เธอไม่เชื่อหรอกว่าพ่อจะตัดขาดสิ่งอำนวยความสะดวกตามที่ได้กล่าวไว้ เธอไม่เคยทำตัวเหลวไหล ไม่เคยนอกลู่นอกทาง เรียนก็ไม่เคยตก มีอย่างเดียวที่ชอบทำให้พ่อเธอหงุดหงิดนั่นก็คือการชอบเที่ยวกลางคืนของเธอเพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้พ่อเธอคงไม่โกรธมากหรอก...มั้ง
“ตัลอยู่ไหน...คอนโดใช่มั้ย...เดี๋ยวฉันไปหา...มีเรื่องให้ช่วยคิดหน่อย”
ซอลลี่วางโทรศัพท์จากเพื่อนรักแล้วเหยียบคันเร่งอีกครั้งเพื่อมุ่งตรงไปยังคอนโดของเพื่อนสาว ไม่ใช่จุดนัดพบระหว่างเธอและว่าที่คู่หมั้น
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...แต่เธอไม่มีวันยอมหมั้นกับคนที่ไม่ได้รักแน่นอน!
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
บรรยากาศในร้านอาหารจีนเงียบงันผิดปกติ จะบอกว่าเป็นเพราะมีลูกค้าอยู่โต๊ะเดียวก็ไม่ใช่เนื่องจากความผิดปกติที่ว่าคือรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากนักธุรกิจระหว่างประเทศอย่างคุณชเวซึงโฮ ผู้เป็นบิดาของชเวซอลลี่ แค่นั้นยังไม่พอ...กลุ่มบรรยากาศรอบตัวผู้ชายวัย 21 ปีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็คุกรุ่นไม่แพ้กัน
หวัง จื่อเถา ขมวดคิ้วจนเกือบจะผูกกันเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายหญิงถึงต้องหลีกหนีการเจอกันครั้งนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ชอบใจนักที่ตนดูเหมือนถูกปฏิเสธทางอ้อม
ในโต๊ะนี้คงมีแค่คนเดียวล่ะมั้งที่นั่งอย่างสงบ...หวัง ลี่ หง ผู้ใหญ่วัยสี่สิบปลายๆ คนนี้เพียงแค่นั่งนิ่งๆ สังเกตปฏิกิริยาของเพื่อนรักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ มือหยาบกร้านจับไม้เท้าข้างกายแล้วลุกขึ้นยืน เพียงแค่เขายืนขึ้น...ลูกน้องชุดดำทั้งหลายก็ต่างก้มหน้ารอรับคำสั่งจากผู้เป็นนายอย่างเคร่งครัด
“ท่าทางฉันจะเหมาร้านนี้เก้อแล้วสิเนี่ย” หวังลี่หงกล่าวติดตลก แต่เพื่อนรักที่นั่งอยู่ไม่ได้ขำไปด้วย ชเวซึงโฮถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วขยับสูทให้เข้าที่เข้าทาง
“ฉันขอโทษจริงๆ ว่ะ ลี่ ฝ่ายฉันผิดเองไว้เดี๋ยวจะให้คนโอนเงินค่าเช่าร้านไปให้แล้วกันนะ”
“อย่าน่าเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกเพื่อน...เราต้องคิดกันว่าต่อไปนี่ว่าจะเอายังไงต่อดี”
“เฮ้อ~ ฉันล่ะละอายใจกับลูกสาวคนนี้จริงๆ ดื้อด้านไม่เคยเชื่อฟัง”
ชเวซึงโฮกล่าวเกินจริงไปเสียหน่อยเพราะว่าที่จริงแล้วซอลลี่นั้นเชื่อฟังเขามาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวพยศจนคนเป็นพ่อใจหาย
แม้จะรู้สึกผิดแต่ช่วยไม่ได้จริงๆ เขาอยากให้ลูกสาวได้ครองเรือนกับผู้ชายที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่างอย่างหวัง จื่อเถา ใช่ว่าเขาเป็นคนหัวโบราณที่ชอบใช้วิธีคลุมถุงชน แต่ผู้ชายคนนี้ดีจริงๆ ฉลาด หล่อ มารยาทดี ทุกอย่างสมบูรณ์แบบไปหมด ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่เขาขยายธุรกิจส่งออกไปยังประเทศฮ่องกง ก็ได้รับความช่วยเหลือจากหนุ่มมาเฟียน้อยคนนี้...มันเป็นความสามารถพิเศษของหวัง จื่อเถาที่สามารถคุมงานได้ด้วยวัยเพียง 21 ปี แม้ว่าครอบครัวนี้จะเป็นมาเฟียแต่ก็ทำงานบนดินอย่างตรงไปตรงมา
ยิ่งไปกว่านั้นเขาและหวังลี่หงยังเป็นเพื่อนรักกันอีกด้วย...แต่ก่อนเขาไม่เคยสนใจที่จะมอบลูกสาวเพียงคนเดียวให้ใคร แต่พอหลังจากได้ร่วมงานกับลูกชายของเพื่อนรักแล้ว ความคิดเหล่านั้นก็เปลี่ยนไป
“เอาน่า~ ดื้ออย่างนี้แหละถึงจะเหมาะกับลูกชายฉัน แล้วนี่จะเอาไงต่อไปดี”
“ฉันก็ไม่รู้ว่ะ ให้ฝ่ายแกจัดการเองก็แล้วกัน...จะทำยังไงกับลูกสาวฉันคนนี้ก็เชิญ”
“หืม...แน่ใจเหรอวะ ฉันกับลูกมันเป็นพวกมาเฟียนะเว้ย”
“ดื้ออย่างนี้ก็ต้องให้มาเฟียจัดการนั่นแหละดีแล้ว”
“แน่ใจเหรอวะถ้าแกพูดแบบนี้ ฉันจะมอบให้เป็นหน้าที่ลูกชายฉันเลยนะ”
“อื้อ ยังไงซะฉันก็จะยกลูกสาวตัวเองให้ลูกชายแกอยู่แล้ว ยกตั้งแต่ตอนนี้คงไม่เป็นไรนักหรอก...แต่ก่อนอื่นเลย คงต้องบอกจื่อเถาก่อนว่าช่วยหาที่นอนให้ลูกลุงด้วย”
“พูดอย่างนี้หมายความว่า...”
“ฉันจะยึดทั้งรถและคอนโดมัน”
“แกอย่ามาบ่นเสียใจทีหลังแล้วกัน แกก็รู้ว่าลูกชายฉันมันโหดขนาดไหน” หวังลี่หงยังคงแกล้งลองใจเพื่อนรักดูอยากรู้นักว่าเพื่อนตัวเองจะยกลูกสาวคนนี้ให้ลูกชายเขาจริงๆ หรือเปล่า เพราะเขาเองก็อยากได้ลูกสาวเพื่อนรักมาเป็นลูกสะใภ้เช่นกัน
“ถ้าลูกชายแกเจอลูกสาวฉัน...แกจะไม่พูดคำนี้ออกมา”
ชเวซึงโฮเอ่ยบอกเพื่อนรักแล้วส่งยิ้มมุมปากไปให้ หวังลี่หงที่เห็นอย่างนั้นหัวเราะเสียงดังลั่นร้านก่อนที่จะเดินกอดคอเพื่อนรักออกจากร้านนี้เพื่อเปลี่ยนไปหาร้านน้ำชานั่งดื่มไปคุยไปตามประสาเพื่อนสนิท แต่ก่อนที่จะออกไปชเวซึงโฮก็มิวายฝากเสียลูกสาวตัวเองให้กับว่าที่ลูกเขย
“เทา...ลุงฝากจัดการซอลลี่ด้วยนะ”
“...”
ความเงียบบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนฟังได้รับปากแล้ว...
หวัง จื่อ เถาหรือเทา มองผู้ใหญ่สองคนที่เดินออกจากร้านพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ลูกน้องชุดดำที่ตอนแรกยืนอยู่ทั่วร้านตอนนี้เหลือเพียงคนเดียว…คังแกรี่ ชายหนุ่มหน้านิ่งสัญชาติเกาหลีที่เป็นเลขาคนสนิทของเขามาตั้งแต่อายุสิบห้ายื่นไอแพดมาให้เจ้านายหนุ่มอย่างรู้ใจ
ดวงตาคมราวกับเหยี่ยวกวาดสายตามองรูปที่ปรากฏอยู่บนจอไอแพดด้วยสีหน้านิ่งๆ
“นี่น่ะเหรอผู้หญิงที่จะเป็นภรรยาฉัน”
“ครับ เธอชื่อชเวจินริ แต่คนทั่วไปเรียกเธอว่าชเวซอลลี่ ที่ห้ามเรียกว่าจินริเป็นเพราะชื่อนั้นเป็นชื่อที่แม่เธอตั้งให้ แต่ว่าแม่ได้ทิ้งเธอเมื่อตอนเธออายุเก้าขวบเพราะช่วงนั้นพ่อของเธอล้มละลาย และตอนนี้แม่ของคุณซอลลี่ก็มีครอบครัวใหม่อยู่ที่ฝรั่งเศส มีลูกชายหนึ่งและ...”
“พอ” เทายกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามให้ลูกน้องหุบปาก บางทีเขาเองก็ตกใจในความสามารถของคังแกรี่ไม่น้อย
ดวงตาสีเขียวอมฟ้าที่ยากจะหาเจอหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อสบตาเข้ากับคนในรูปภาพ หัวใจพันกระตุกเบาๆ ราวกับคนในนั้นขยับได้
“ผมว่าเธอสวยดีนะครับ”
สวยเหรอ....ก็คงงั้น
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เห็นได้อย่างชัดเจนผ่านดวงตายิ้มที่ขยับตามริมฝีปากของเจ้าของใบหน้า จมูกรั้นนิดๆ บ่งบอกได้อย่างดีว่าผู้หญิงคนนี้ดื้อใช่ย่อย ริมฝีปากสีชมพูสดดูน่าหลงใหลและชวนให้ลิ้มลองจนเขาเผลอเม้มริมฝีปากตัวเองเบาๆ โดยไม่รู้ตัว
“สวย...”
นับตั้งแต่ผู้เป็นพ่อบอกว่าเขาจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงเกาหลีคนหนึ่ง เขาก็ไม่เคยสนใจว่าหน้าตาภรรยาในอนาคตจะเป็นยังไงเพราะยังไงซะเขาก็ปฏิเสธผู้เป็นพ่อไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อเขาบอกนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาเสมอ...ใช่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพ่อจะไม่ดี เราเป็นเหมือนพี่น้องและเพื่อนที่คอยดูแลซึ่งกันและกันเพราะอย่างนี้ไง เขาถึงเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง...ไม่เว้นแม้แต่เรื่องภรรยา
ความตื่นเต้นที่จะเห็นผู้หญิงที่พ่อหามาให้ด้วยตาตัวเองหมดลงเมื่อผู้หญิงดันเล่นตัวไม่มาตามนัดแน่นอนว่ามันทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนหักหน้า เสียอารมณ์ชะมัด!
“เราจะจัดการยังไงกับเรื่องที่นอนของคุณซอลลี่ดีครับ”
“...”
“ให้เปิดห้องในคอนโดที่เรามีหุ้นส่วนอยู่ดีมั้ยครับ”
“...ไม่”
“ครับ ?”
“ไม่ต้องเปิดห้องใหม่ แต่ให้เข้ามาที่ห้องฉันเลย”
คังแกรี่มองเจ้านายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาเดาทางเจ้านายไม่ออก...แต่พอมองดวงตาที่เป็นประกายของเจ้านายขณะที่กำลังมองภาพ ชเวซอลลี่แล้ว อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาซะงั้น
เขาหวังว่าคุณซอลลี่จะเอาตัวรอดจากเจ้านายของเขาได้นะ...
“หนีมาแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงเหรอ”หญิงสาวรูปร่างเล็ก ความสูงแค่ประมาณร้อยหกสิบเอ่ยถามซน นาอึน ยืนกอดอกมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความกังวล
“ถึงยังไงพ่อคงไม่ยึดรถกับคอนโดฉันหรอกมั้ง” ซอลลี่เองก็เครียดไม่แพ้กัน น้ำเสียงจริงจังของพ่อก่อนวางสายทำเอาเธอกังวลไม่น้อยจนต้องหนีมาขอความเห็นจากเพื่อนสนิททั้งหลาย
“มั้ง ?” สาวสวยอีกคนทวนคำขึ้นเสียงดัง ซูจีตบหน้าผากตัวเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าต่อจากนี้ต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแน่ๆ
“แกไม่น่าทำแบบนั้นเลย เขาเป็นคู่หมั้นแก แกก็ควรไปดูหน้าซะหน่อย หนีออกมาอย่างนี้เหมือนคนไม่กล้าเลย” คริสตัลบ่นเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงดุๆ ซอลลี่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็กลอกตาขึ้นลงก่อนที่จะตอบกลับไป
“ถ้าเป็นคู่หมั้น ฉันคงรู้สึกดีกว่านี้แต่นี่พ่อถึงกับบอกว่าฉันต้องแต่งงงานกับผู้ชายคนนี้เท่านั้น แล้วก็อีกอย่างนะ ฉันไม่-ได้-หนี”
“หนี!!!” สามสาวประสานเสียงออกมาพร้อมกัน ต่างคนต่างจ้องไปยังคนไม่ยอมรับความจริงเขม็งจนซอลลี่คอหดกลับไปแล้วยอมพยักหน้ารับเบาๆ
“ก็ได้ๆ ฉันหนี! แล้วไงล่ะ ฉันควรเดินเข้าไปบอกอีกฝ่ายเหรอว่าฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ดีใจมากๆ เลยที่จะได้แต่งงานกับคุณ...ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นหน้าตาคงน่าเกลียดมากจนไม่มีใครเอาเลยต้องให้พ่อหาหญิงให้”
“แกเคยเห็นหน้าเขาแล้วเหรอ ?” นาอึนถาม
“ไม่เคย แต่เดาว่าคงเป็นอย่างนั้น ฉันไม่มีวันมีสามีหน้าตาดูไม่ได้หรอกย่ะ”
“แล้วถ้าเขาหล่อแกจะยอมแต่งงานตามที่พ่อแกบอกมั้ย?” นาอึนยังคงถามต่อ
“ถ้าหล่อและนิสัยดีก็ค่อยว่ากันอีกเรื่อง”
“หมายความว่าถ้าหล่อและนิสัยดี แกจะตกลงใช่มั้ย?”
“ก็คงงั้น ฉันล่ะชอบแกล้งผู้ชายหล่อๆ นัก แต่ยัยนาอึน แกกำลังพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้อยู่นะ ฉันมีความรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ต้องอุบาทว์มากแน่ๆ”
“ผิดกับฉันที่คิดว่าเขาคงหล่อมากและนิสัยดีด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นพ่อแกคงไม่ยอมยกแกให้หรอก” คำพูดของนาอึนเรียกให้เพื่อนที่เหลือพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย เว้นแต่ซอลลี่ที่ทำหน้าหงิกมากกว่าเก่า
คริสตัลมองเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง ปกติซอลลี่มักจะทำตามที่พ่อบอกเสมอ แต่คราวนี้เพื่อนเธอกลับพยศ เธอเชื่อว่าคุณลุงต้องโกรธมากแน่ๆ อีกอย่างเธอก็เห็นด้วยกับคำพูดของนาอึน
ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ดีจริง คุณลุงไม่มีทางยกซอลลี่ให้แน่ๆ นึกแล้วก็อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นจัง
“แล้วถ้าพ่อแกยึดคอนโดไปจริงๆ จะไปนอนที่ไหน ?” ซูจีถามเพราะคิดว่าซอลลี่ไม่มีทางกลับบ้านแน่นอน คนหยิ่งทะนงในตัวเองอย่างซอลลี่ไม่มีทางบากหน้ากลับไปหาพ่อตัวเองหรอก
“ที่นี่ไง แกไม่ว่าอะไรใช่มั้ยตัล ?”
“แล้วแต่ ฉันยังไงก็ได้อยู่แล้ว แค่อย่าให้คุณลุงตามมาโวยวายถึงนี่ก็พอ ฉันไม่อยากติดร่างแหไปด้วย”
“จิ๊!”
ซอลลี่ไม่สามารถไปนอนบ้านนาอึนกับซูจีได้เพราะสองคนนี้อยู่บ้านกับครอบครัว มีก็แต่คริสตัลที่นอนคอนโดคนเดียวเพราะฉะนั้นถ้าหากเธอโดนยึดทุกอย่าง...คอนโคคริสตัลนี่แหละคือที่พึ่งเดียวสำหับเธอ
“เอาน่า อย่าเครียดไปเลย ไปเที่ยวกันดีกว่า~” ซูจีพูดเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้นและลุกขึ้นยืนเพื่อเร่งให้ทุกคนอารมณ์ดี “...ผับ The wing เปิดแล้วน้า~ ฉันว่ามันน่าสนมากเลย เขาบอกกันว่าสวยและทันสมัยมากๆ”
เมื่อซูจีพูดชื่อผับก็เรียกให้ทุกคนหันไปสนใจทันที
The wing ผับวัยรุ่นจนถึงวัยทำงานเป็นที่เรื่องลือในหมู่นักเที่ยวกลางคืนเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นผับติดท็อปไฟว์ของกรุงโซลเลยก็ว่าได้ มันปิดปรังปรุงมากว่าสามเดือนและตอนนี้เปิดให้บริการแล้ว พวกเธอยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง แล้วอย่างนี้จะไม่สนได้ไงล่ะ
“ป่ะ” คนที่เครียดที่สุดเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น สีหน้าเคร่งเครียดหายไปและถูกแทนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “...ฉันว่าฉันต้องหาหนุ่มสักคนแก้เซ็งสักหน่อย”
“ไม่เอาน่าซอล...ผู้ชายที่แกไปให้ความหวังเขาก็มีเยอะแยะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย” ซูจีปรามเพื่อน
เห็นหน้าใสซื่อแบบนี้แต่นิสัยนี่ไม่ได้ซื่อตามรูปลักษณ์ภายนอกเลยสักนิด ...ซูจีคิดพลางส่ายหน้าอย่างเพลียๆ มีหนุ่มมากมายที่ซอลลี่ไปอ่อยไว้ต้องร้องไห้เมื่อเพื่อนตัวดีของเธอปฏิเสธที่จะคบด้วย แต่ถึงจะชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เพื่อนเธอก็ยังไม่มีแฟนสักที พอถามทีไรก็เอาแต่บอกว่า...ไม่มีใครที่คุมฉันอยู่
อยากรู้นักว่าผู้ชายที่จะเป็นเจ้าบ่าวที่คุณลุงซึงโฮหามาจะคุมเพื่อนเธออยู่หรือเปล่า
“คริสตัลไปเปล่า ?” ซอลลี่หันไปถามเพื่อนอีกคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“ไม่อ่ะ ฉันเบื่อ...” คริสตัลตอบนิ่งๆ
“ฮ่าๆ โดนหนุ่มตามตื้อถึงมหา’ลัยทีนี่ถึงกับเข็ดเลยรึไง” นาอึนพูดไปขำไป
“ช่วงนี้ไม่อยากจะยุ่งกับใครเลย ไอ้คนล่าสุดนี่ทำฉันผวาจริงๆ”
คริสตัลพูดพลางนึกถึงหนุ่มหน้าตาดีท่าทางเป็นเด็กเรียนที่เธอเจอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวก็แค่จับได้ว่าผู้ชายคนนี้แอบมองหน้าอก เธอเลยแจกเบอร์ปลอมๆ ไปเหมือนทุกครั้ง ไม่คิดว่าจะได้ติดต่อกันอีก แต่ที่ไหนได้ไอ้หนุ่มแว่นมีความสามารถพิเศษมากกว่าที่เธอคิด ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่เธอแจกเบอร์ไป ผู้ชายคนนี้ก็มาดักรอเจอเธอที่คณะ เธอถูกมันลากขึ้นรถกลางมหา’ลัย โชคดีที่มีคนมาช่วยเธอไว้ก่อน...จะว่าไปผู้ชายคนที่มาช่วยเธอก็หล่อใช้ได้เหมือนกันนะ
“งั้นพวกฉันไปล่ะ เดี๋ยวโทรไปชวนยัยซออีกคนก่อน” นาอึนโบกมือลาก่อนออกจากห้องตามด้วยซูจีและซอลลี่ที่มิวายหันมาฝากฝังตัวเอง
“คืนนี้อาจจะต้องรบกวนหน่อยนะ”
คริสตัลส่ายหัวให้กับเพื่อนตัวแสบ ตัวเองก็คงกลัวว่าพ่อจะยึดจริงๆ ล่ะสิ ถึงได้พูดแบบนั้น…
เฮ้อ~ จริงๆ เลย ยัยซอลลี่หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
ไค: โอ้วมายก็อดดดดด~ นี่กูได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ
เซฮุน: ไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนกูถูกปฏิเสธ
แอล: โห~ หน้าแตกเลยเพื่อนกู
เทา: ไม่แตกเว้ย! แล้วที่เล่านี่คือขอความเห็น ไม่ใช่ให้ซ้ำเติม
ไค: ขอความเห็นอะไรวะ มึงไม่ได้จัดการย้ายของฝ่ายหญิงเข้าห้องตัวเองแล้วหรือไง อย่างนี้จะมีเรื่องอะไรให้พวกกูช่วยอีกวะ อย่าบอกนะว่าจะให้กูไปยกของผู้หญิงของมึงน่ะ
เทา: ไม่ใช่ เหอะ! คิดผิดจริงๆ ที่โทรมาปรึกษาพวกมึง
เซฮุน: แล้วผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นไง...สวยมั้ย?
เทา: …
แอล : มึงบอกว่าเห็นเขาแล้วหนิ
เทา: ก็...ใช้ได้ แต่เห็นแค่ในรูป ไม่รู้ว่าตัวจริงจะเป็นยังไง
ไค: แล้วนี่จะยอมแต่งงานจริงๆ เหรอวะ
เทา: พวกมึงก็รู้ว่ากูปฏิเสธพ่อไม่ได้ แต่ถึงยังไงก็คงไม่แต่งตอนนี้ ผู้หญิงยังเรียนไม่จบเลย อาจจะหมั้นไว้ก่อน
เซฮุน: แม่ง อย่างกับนิยาย
แอล: คิดเหมือนกูเลย
เทา: อยากไปหาอะไรแก้เซ็งหน่อย มีร้านอะไรแนะนำมั้ย
ไค: มีร้าน The wing ผับหรูหน่อยนะ เพิ่งเปิดหลังจากหยุดไปนาน
เซฮุน: ไอ้เทา มึงเลี้ยงเลย เนื่องในโอกาสจะได้เป็นเจ้าบ่าวในอนาคต
เทา: เลี้ยงน่ะเลี้ยงได้ แต่ขอเป็นเป็นเลี้ยงเนื่องในโอกาสที่กูได้กลับมาเกาหลีแทนเถอะ คิดเรื่องแต่งงานแล้วมันเจ็บใจไม่หายว่ะ
แอล: กูคิดไม่ออกว่าผู้หญิงคนนั้นจะโดนลงโทษยังไงเลยว่ะ แม่งกระตุกหนวดเสือชัดๆ
เซฮุน: มึงอย่ารุนแรงมากนะเว้ย~ ยังไงซะคืนนี้ก็หาสาวเกาหลีสวยๆ สักคนเป็นไง
เทา: เออ เจอกันคืนนี้ ไอ้ไคมารับกูที่คอนโดด้วย กูไปไม่เป็นไอ้ The wing ของมึงเนี่ย
ไค: เออ อีกชั่วโมงเดี๋ยวไปหาที่คอนโด
เทาวางโทรศัพท์อย่างเซ็งๆ หลังจากที่เขาและเพื่อนประชุมสายคุยกันอยู่นานแสนนานเพราะเขาต้องใช้เวลาเล่าเรื่องแสบๆ ของผู้หญิงที่จะเป็นเจ้าสาวในอนาคตให้ไอ้พวกเพื่อนตัวดีฟัง
สายตาคมกวาดมองข้าวของเครื่องใช้ของฝ่ายหญิงที่กำลังถูกขนเข้ามาในห้องด้วยฝีมือลูกน้องที่เขาสั่งไปเมื่อบ่ายวันนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นเท่านั้น เฟอร์นิเจอร์ในห้องเขาก็มีพร้อมทุกอย่างแล้ว ไม่จำเป็นต้องขนมาให้ยุ่งยาก
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ” แม่บ้านประจำตระกูลชเวที่ถูกส่งมาจากคุณลุงซึงโฮเอ่ยบอกเขา
เขาพยักหน้ารับแล้วบอกให้คังแกรี่ไปส่งคุณแม่บ้านกลับบ้าน เธอถูกส่งมาช่วยคัดแยกของใช้ของซอลลี่ตามคำสั่งคุณลุงที่เห็นดีเห็นงามกับแผนการของเขา
บางทีคุณลุงซึงโฮอาจจะรู้จักเขาน้อยไป...
เวลาทำงานเขาสุขุม เด็ดเดี่ยวและมีไหวพริบในทุกด้านก็จริง หากแต่เวลาเขาเป็นผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง หนุ่มมาดนักธุรกิจมักหายไปเหลือทิ้งไว้แต่ชายหนุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนและร้ายกาจตามฉบับทายาทมาเฟียเพียงคนเดียว...
รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเมื่อคิดว่าต่อไปว่าห้องนี้จะมีของเล่นชิ้นใหม่ให้เขาได้เล่นแก้เบื่อระหว่างอยู่เกาหลีไปพลางๆ
Sulli’s part
24.00 น.
เสียงเพลงมันๆ จังหวะหนักๆ จากเพลงชั้นนำถูกบีบซาวด์ให้เข้ากับบรรยากาศของผับได้เป็นอย่างดี ดีเจผู้ชายหุ่นเซ็กซี่ที่ยืนอยู่บนเวทีข้างหน้าเล็กๆ กำลังดึงอารมณ์เหล่านักเที่ยวอย่างเมามัน แน่นอนว่าเหล่าผีเสื้อราตรีทั้งหลายต่างส่ายสะบัดอวดลวดลายกันอย่างเต็มที่
ฉันกวาดสายตามองไปทั่วร้านด้วยแววตาชื่นชม ในฐานะที่ตัวเองเที่ยวมาหลายต่อหลายแห่ง ฉันคิดว่าที่นี่ดีติดหนึ่งในห้าสมคำเลื่องลือจริงๆ ทั้งลูกค้าที่ไม่ใช่วัยรุ่นวัยลองที่ต้องปลอมบัตรประชาชนเข้า และการตกแต่งโทนสีดำอมม่วงอันหรูหราทำให้ที่นี่ดูมีระดับมากขึ้นไปอีก
“เป็นไงพอใช้ได้มั้ย?” ซูจีที่เป็นคนชวนถาม
“ดีเลยล่ะ”
เนื่องจากพวกเราออกจากห้องคริสตัลกันเร็วไปหน่อยเลยทำให้มีเวลาที่จะจัดการตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งหน้าทั้งผมของพวกเราถูกจัดทรงใหม่ระหว่างที่แวะไปบ้านนาอึนกัน
นาอึนอยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินกับรองเท้าส้นสูงสีดำที่ทำให้เรียวขาดูเรียวยาวกว่าปกติ ส่วนซูจีก็ดูดีไม่ต่างกัน เสื้อสายเดี่ยวเอวลอยสีขาวกับกระโปรงเอวสูงสั้นสีเนื้อ ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นสูงเผยให้เห็นรอยสักเล็กข้างลำคอที่สลักไว้บนเนื้อขาวๆ ว่า ‘My soul’
ส่วนสาวที่เพิ่งเข้ามาใหม่...ซอฮยอน เพื่อนสาวแก้มยุ้ยอย่างกับตุ๊กตารีบมาหาพวกเราทันที่ได้ยินว่าจะมาเที่ยวผับ ซอฮยอนยังคงดูสวยเหมือนคุณหนูในทุกๆ ชุดที่เธอเลือกใส่ รองเท้าส้นสูงสีขาวเข้ากับเดรสผ้าเนื้อดีสีเนื้อแขนยาวปกปิดทุกสัดส่วนของแขนแต่ดันเผยให้เห็นไหล่บางน่าสัมผัสแทน ความยาวของกระโปรงที่ยาวกรอมเท้า หากแต่ผ่าลึกถึงต้นขาขวาจนแทบปกปิดขาเรียวยาวน่าสัมผัสไว้ไม่ได้
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ซอฮยอนก็ดูเป็นผู้หญิงที่คุณหนูที่สุดในกลุ่มเสมอ...
“ฉันเดาว่าวันนี้ซอลลี่จะต้องถูกหนุ่มสัมผัสหลังไม่ต่ำกว่าสามครั้ง” ซอฮยอนพูดแล้วมองที่เสื้อของฉันพลางยิ้มอย่างล้อเลียน
“ตั้งใจแต่งมาประชดชีวิตน่ะสิ” นาอึน
กางเกงเอวสูงขายาวสีขาวผ้าพลิ้วไหวสวมทับกับเสื้อยืดสีขาวซึ่งแนบไปทุกสัดส่วนเว้าโค้งที่ใครๆ เห็นก็ต้องอิจฉา แม้ว่าเสื้อตัวนี้จะแขนยาวแต่ด้านหลังแทบปกปิดอะไรไม่ได้เลยกลางแผ่นหลังมีเพียงแค่เส้นบางๆ สีดำของสายเสื้อในเท่านั้นตัดผ่าน ฉันรู้ตัวดีว่ามันเซ็กซี่เกินไป หากแต่เวลาได้ใส่ชุดพวกนี้ก็รู้สึกเหมือนได้ตัวเองปลดปล่อยความเครียดไปในตัว
ฉันเพียงแค่ยิ้มกับคำล้อเลียนของเพื่อนแล้วก้าวนำไปยังชั้นสองสำหรับผู้ที่ต้องการนั่งดื่มไม่ได้ร่วมฟลอร์แต่อย่างใดพวกเราสั่งเครื่องดื่มอ่อนๆ เช่นพวกไวน์ ถึงแม้จะรักการเที่ยวมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ชอบดื่มพวกเหล้าแรงๆ โดยเฉพาะคริสตัล ที่เมาทีแทบเปลี่ยนเป็นอีกคน
“อ่ะ...ฉันลืมเอาโทรศัพท์มา” ฉันควานในกระเป๋าแต่ก็ไม่เจอ
ลืมไว้ที่ไหนเนี่ย...ให้ตายสิ
“ลืมไว้ที่บ้านฉันรึเปล่า” นาอึน
“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้ใช้มันตั้งแต่อยู่คอนโดตัลแล้ว”
“ลองโทรหาดูสิ” ซอฮยอนพูดแล้วยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันรับมันมาแล้วกดโทรหาคริสตัลทันที
...
เฮ้อออ~ โชคดี อยู่ที่คอนโดคริสตัลจริงๆ ด้วย
“แล้วตัลจะขับรถเอามาให้เหรอ” ซูจีถาม
“อื้อ เดี๋ยวตัลโทรมาใหม่”
เครื่องดื่มมาเสิร์ฟพอดีกับที่ฉันพูดจบ ทุกอย่างเหมือนเดิมเราทั้งสี่คนคุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาผู้หญิงราวกับไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นปีทั้งที่ความจริงเจอกันหน้ากันแทบทุกวัน
พวกเราทั้งห้าคนเรียนที่มหาวิทยาลัย YYY แต่คนละคณะยกเว้นฉันกับซูจีที่เรียนคณะเดียวกันนั่นก็คือคณะบริหารธุรกิจ คริสตัลเรียนคณะนิเทศศาสตร์ นาอึนเรียนคณะมนุษยศาสตร์และซอฮยอนเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์เอกการดนตรี
แม้ว่าจะเรียนกันคนละคณะแต่พวกเราก็นัดเจอกันบ่อยมาก ความสัมพันธ์อันแนบแน่นของพวกเรานั้นยากเกินกว่าจะอธิบายจะว่าไงดีล่ะคงเพราะพวกเราเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ไฮสคูลล่ะมั้ง...
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันที่จิบไวน์ไปหลายอึกรู้สึกอิ่มท้องแล้วอยากลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสายด้านล่างสักหน่อย
“มีใครสนใจลงไปแดนซ์ข้างล่างกับฉันมั้ย”
“ไม่อ่ะ อยากนั่งดื่มเฉยๆ มากกว่า” ซูจี
“ฉันด้วย” นาอึน
“ซอลลงไปคนเดียวแล้วกันนะ”
“งั้นฉันขอลงไปสำรวจข้างล่างสักครู่” ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มมุมปากไปให้เพื่อนๆ อย่างรู้กันก่อนที่จะลุกขึ้นยืน แล้วหยิบกระเป๋าถือใบเล็กติดตัวมาด้วย
ทุกย่างก้าวที่ฉันเดิน สัมผัสได้เลยว่ามีคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เพิ่งมารู้สึกตอนนี้หรอกนะ ฉันรู้สึกตั้งแต่เข้าร้านแล้ว ลูกค้าหลายคนต่างมองกลุ่มเราอย่างให้ความสนใจ มันก็แน่อยู่แล้วพวกฉันสวยซะขนาดนี้หนิ จริงๆ มันก็ชินแล้วน่ะ...สายตาเจ้าเล่ห์ของพวกผู้ชายที่จ้องมาและอยากจะเข้ามาทำความรู้จักจากนั้นก็จบลงบนเตียงเป็นเพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน...ซึ่งฉันเกลียดมาก!
แม้ว่าจะชอบหว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นมากแค่ไหนแต่ฉันก็ไม่เคยนอนกับใคร อย่าว่าแต่นอนเลยแค่คุยโทรศัพท์ฉันยังไม่เคย พอผู้ชายให้เบอร์มา ฉันก็ขยำเบอร์ทิ้งลงขยะอย่างไม่ใส่ใจผู้ชายพวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉันไม่เคยให้เบอร์ตัวเองกับใคร ต่างจากคริสตัลที่บางทีเผลอให้เบอร์ผู้ชายไปจนเกิดเรื่อง ล่าสุด หนุ่มหน้าตาดีดูท่าทางเป็นเด็กเรียนไปตามตื้อถึงหน้าตึกคณะ แค่นั้นยังไม่พอยังลากเธอขึ้นรถท่ามกลางสายตาทุกคนในมหา’ลัยอีกต่างหาก เชื่อสิว่ายัยตัลเข็ดผู้ชายไปอีกนาน
ขออย่าให้ฉันเจอผู้ชายโรคจิตแบบนั้นเลย...โดยเฉพาะคนที่พ่อหามาให้
“ขอโทษนะครับ...คนสวย”
ขณะที่ฉันยืนเฉยๆ อยู่นอกฟลอร์ก็มีหนุ่มหน้าตาค่อนข้างดีมาทัก นี่ยังไม่ทันขยับเลยนะก็มีเหยื่อมาให้หลอกซะแล้ว...
“คะ ?” ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ผู้ชายคนนี้หน้าตาใช้ได้ ถึงจะไม่ได้หล่อถึงขั้นสะดุดตาแต่ก็พอใช้เป็นเหยื่อหาความสุขแก้เซ็งได้แล้วกัน
“มาคนเดียวเหรอครับ”
ฉันหันซ้ายหันขวาแล้วส่งยิ้มให้เขาก่อนที่จะตอบเขากลับไป“คุณเห็นใครอยู่ข้างๆ ฉันมั้ยล่ะคะ”
“เอ่อ ไม่ครับ...งั้นแสดงว่าคืนนี้คุณก็ว่างสินะ”
ฉันยิ้มแต่ไม่ตอบ
“ผมแพคซึงโฮครับ แล้วคุณ...?”
กรี๊ด~ ผู้ชายคนนี้ไม่ผ่านค่ะ ไม่ผ่านอย่างรุนแรงด้วย! ชื่อเหมือนพ่อฉันเลย ไม่มีทางที่ฉันจะคุยต่อแน่ๆ
“ขอโทษนะคะ พอดีเพื่อนฉันมาแล้ว ขอตัวก่อนนะคะคุณแพค”
“หา ? ไหนคุณบอกมาคนเดียว ?
ฉันยิ้มอย่างมีจริตแล้วผงกหัวเป็นเชิงขอตัวก่อนจะเดินหนีเขาที่กำลังยืนงงเข้าไปในฟลอร์ ผู้คนมากมายกำลังวาดลวดลายกันอยู่เต็มไปหมด ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ขยับแข้งขยับขาก็ดันมีมือมาสัมผัสเนื้อแท้กลางแผ่นหลังฉันเบาๆ ฉันกำลังจะหันไปแวดอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เห็นว่า...ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีมาก
“ผมได้ยินคุณปฏิเสธผู้ชายคนนั้นมา” เขาพูดแล้วเหล่ตาไปยังผู้ชายที่ชื่อเหมือนพ่อฉันซึ่งตอนนี้กำลังจีบสาวคนใหม่อยู่
“ค่ะ แล้วไงคะ ?”
“จะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าผมขอเลี้ยงเครื่องดื่มคุณ...สักแก้ว ?”
“ไม่ค่ะ ^^”
“หือ ? คุณปฏิเสธ”
“ขอเป็นสองแก้วแทนได้มั้ยคะ ?”
“ฮ่าๆ ไม่มีปัญหาครับ เชิญทางนี้” เขาผายมือที่ว่างจากหลังฉันไปข้างหน้า
จริงๆ ไม่ค่อยชอบใจนักที่เขาแตะหลังไม่ยอมปล่อย แต่ก็ช่างเถอะ...ไหนๆ วันนี้ก็คงไม่มีเรื่องเซ็งเท่ากับเมื่อช่วงบ่ายแล้ว
“ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ”
“คุณบอกชื่อคุณก่อนสิคะ ?” ฉันมองเขากลับอย่างรู้ทัน...บอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้เจ้าชู้มาก สายตาแพรวพราวราวกับหมาป่าคอยจะขย้ำเหยื่ออยู่ตลอดเวลามันทำให้ฉันขนลุก
“ผมลีมินโฮครับ”
“มินโฮ”
โอเค...ชื่อนี่ค่อยยังชั่ว
“แล้วคุณ”
“ซอลลี่ค่ะ ชเวซอลลี่ คุณมาคนเดียวเหรอคะ”
บาร์เทนเดอร์วางแก้วเล็กๆ บรรจุน้ำใสๆ ให้เราสองคน ฉันไม่รู้ว่าสั่งอะไรไปเพราะเขาแอบกระซิบกับพนักงานไม่ให้ฉันได้ยิน แต่พอดมกลิ่นแล้วฉันว่ามันแรงใช้ได้เลย
“ไม่ดื่มหน่อยเหรอครับ” เขาถามเมื่อเห็นฉันวางแก้วลง
“คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลย คุณมาคนเดียวเหรอคะ” ฉันช้อนสายตามองตาคมที่กำลังจ้องฉันอยู่ มือบางเลื่อนไปหามือหนาแล้ววางปลายนิ้วลงบนนิ้วยาวนั่นอย่างช้าๆ
“ทำไมเหรอครับ ?”
“ฉันไม่ชอบคนมีเจ้าของ ถ้าคุณมีคนอื่นฉันจะไม่ยุ่ง” ฉันถามขณะที่มือหนายังคงลูบไล้กลางหลังฉันไปมาอย่างน่าตบ ไอ้นี้มือไวชะมัด!
“ผมไม่มีใคร วันนี้ผมโสด”
“แสดงว่าวันอื่นไม่โสด ?”
“ผมยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างเจ้าชู้”
“ฉันเองก็หมือนกัน...บางทีเราคงเข้ากันได้” แขนเรียวเท้าไปกับบาร์ช้าๆ แล้วเอียงหน้ามองคนข้างกายด้วยแววตาแพรวพราว “...ฉันกำลังสงสัยอยู่ว่าคุณ...จะปล่อยมือออกจากหลังฉันเมื่อไหร่”
“!!!”
“ฉันน่าสัมผัสขนาดนั้นเลยเหรอคะ ?”
“ฮ่าๆ ให้ตายสิ ผมลืมตัวไปเลย...แต่คุณก็น่าสัมผัสจริงๆ แหละครับ” ไม่พูดเปล่าลีมินโฮยังเข้ามาใกล้ใบหน้าฉันก่อนที่เขาจะสูดอากาศเข้าเสียงดังใกล้ๆใบหู “...คุณหอมมาก...น้ำหอม Chanel ใช่มั้ยครับ”
“...”
“ผมว่าผมเดาไม่ผิด”
Tao’s part
ผมมองชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังหัวเราะต่อกระซิกหน้าบาร์อย่างสนิทสนมด้วยสายตาสงบนิ่ง และผมมั่นใจว่าตัวเองดูไม่ผิดว่าเธอคนนั้นคือว่าที่เจ้าสาวของผม เท่านั้นยังไม่พอ ผู้ชายที่ผมดูออกว่าเจ้าชู้มากกำลังเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ชเวซอลลี่อยู่นานสองนานก่อนที่จะถอยออกมา
ไม่อยากเชื่อ...นั่นชเวซอลลี่จริงๆ ใช่มั้ย…
“แกกำลังสนใจสาวที่มีเจ้าของแล้ว ?” แอลมองไปทางเดียวกับที่ผมมอง ไม่รู้ว่ามันลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คงนานพอที่จะจับสังเกตผมได้
“ไม่เชิง”
“หมายความว่าไงวะ ?”
“นั่นว่าที่เจ้าสาวกูเอง”
“ห๊ะ!!!”
“หึ ร้ายใช่ย่อย”
ผมไม่ได้พูดผิดไปหรอก ผู้หญิงคนนี้ผมมองมาตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในร้านแล้ว ไม่สิ ต้องบอกว่าผมมองกลุ่มนี้ตั้งแต่พวกเธอทั้งสี่คนก้าวเข้ามาร้านแล้วด้วยซ้ำ ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีผู้ชายคนไหนไม่มองพวกเธอ ทั้งสี่คนดูดีจนผู้หญิงหลายคนในผับไม่มีความหมายเลยสักนิด แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้พวกเธอดูสูงเกินกว่าผู้ชายธรรมดาจะกล้าเข้าไปทำความรู้จัก
แต่แล้วเหมือนพระเจ้าจะลิขิตให้ผมได้เห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวในวันนี้จริงๆ เมื่อหนึ่งในกลุ่มนั้นดันเป็นชเวซอลลี่ ผู้หญิงที่ผมเพิ่งเห็นหน้าผ่านไอแพดมาเมื่อตอนบ่าย
ตัวจริงดูแตกต่างจากในรูปมาก...ณ เวลานี้ใบหน้าหวานๆ ดูบริสุทธิ์แทบหาไม่เจอ รอยยิ้มสดใสแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มพราวเสน่ห์คอยหลอกล่อผู้ชายให้ติดกับ เพราะเห็นอย่างนั้น ผมถึงได้มองเธอมาตลอดแทบไม่พลาดสักวินาทีเดียว
อยากรู้นักว่าเธอจะยั่วผู้ชายได้เก่งขนาดไหน...
และนั่น!
“โอ้วววว~” เสียงแอลดังขึ้นพร้อมๆ กับคิ้วสองข้างของผมขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าชเวซอลลี่กำลังทำอะไร
“...”
“แกเจอแม่เสือสาวเข้าแล้วว่ะไอ้เทา ฮ่าๆ”
แม่เสือสาวที่เพื่อนรักเอ่ยไว้กำลังโชว์พลังด้วยการหอมแก้มผู้ชายที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่จะผละออกมาแล้วลุกออกจากที่นั่ง แม้จะไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่ดูเหมือนชเวซอลลี่จะปฏิเสธผู้ชายคนนั้น
“สวยนี่หว่า แกบอกว่าใช้ได้ได้ไงวะ อย่างนี้เรียกว่าสวยเว้ย” แอลแขวะผมขณะที่ผมยังคงมองตามหลังเปลือยที่เดินขึ้นไปชั้นสองอย่างเงียบๆ
“...”
“ไม่ได้การแล้ว ต้องเรียกคนอื่นมาให้เห็นกับตา ภรรยาเพื่อนทั้งที ไอ้ลู่มันต้องเสียใจสุดๆ ที่ไม่ยอมมา”
“กูว่ากูจะลองดูสักหน่อย” ผมไม่สนใจสิ่งที่แอลพูดแล้วเอ่ยต่อไป “...กูเจอผู้หญิงที่จะหิ้วหลับห้องแล้วว่ะ”
“อย่าบอกนะว่าแกคิดจะ...”
“ไหนๆ ก็ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว ขอเริ่มมันตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นอะไรไป...อีกอย่างกูอยากรู้ว่าเธอจะปฏิเสธกูมั้ย”
“นี่เอาจริง ?”
“หึ”
Krystal’s part
ฉันดับเครื่องยนต์หลังจากเข้ามาจอดที่ผับ The wing ผับนี้ใหญ่มากจนสามารถมีที่จอดรถเป็นของตัวเองด้านหน้าได้เลย ไม่เหมือนที่อื่นที่ต้องวนตามซอยเพื่อหาที่จอดเอาเอง แต่โชคไม่ดีเพราะว่าฉันมาช้ามาก ที่จอดรถข้างหน้าเลยเต็ม ฉันต้องยัดเงินนิดหน่อยเพื่อให้พนักงานปล่อยเข้ามาจอดในที่วีไอพีแทน มันค่อนข้างแตกต่างนะ ในนี้มืดแล้วก็รถน้อยกว่าข้างนอกเยอะ
เพราะยัยซอลลี่คนเดียว ฉันเลยต้องแหกขี้ตาตื่นตอนเที่ยงคืนกว่าแล้วขับรถมาถึงที่นี่เพื่อเอาโทรศัพท์มาให้ คอยดูนะ ถ้าคืนนี้ยัยซอลต้องมานอนห้องฉัน แม่จะบ่นให้หูชาเลย!
ฉันก้าวลงจากรถแล้วจับกระโปรงบานสีดำให้เข้าที่เข้าทางจากนั้นจึงก้าวเท้าเดินเข้าประตูหลังซึ่งเป็นทางเข้าวีไอพี เส้นทางเดินค่อนข้างมืดและไม่มีใครสักคน นี่ถ้าไม่มีลูกศรสีแดงเล็กๆ บอกทางฉันคงนึกว่าตัวเองเข้าผิดประตู
“อื้อ....อ่า~ อย่างนั้นแหละค่ะ อื้อ อีกนิดนึง~”
!!!
ฉันก้าวถอยหลังไปพิงกำแพงอีกมุมหนึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงคราง เมื่อกี้ฉันแค่เปลี่ยนเส้นทางเดินก็ดันเจอเข้ากับคู่สวาทคู่หนึ่งเขาเต็มๆ ตา
โอ้พระเจ้า~ ฉันเพิ่งเห็นอะไรเนี่ย!!
เมื่อกี้นี้มัน อร้ายยยยย …หนังสดเหรอ!
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกดันติดกำแพงโดยที่มีฝ่ายชายประกบชิดอยู่ไม่ห่าง ขาทั้งสองข้างของผู้หญิงเกี่ยวเข้าที่เอวอีกฝ่ายและริมฝีปากของทั้งคู่ก็ประกบกันอย่างดุเดือด รวมทั้งเสื้อผ้าของผู้หญิงที่ถูกปลดจนหล่นลงมากองอยู่ที่พื้นเผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจของเธอ ภาพทั้งหมดติดตาฉันไม่หาย ขนาดฉันเห็นแค่เสี้ยววินาทียังจำรายละเอียดได้ขนาดนี้เลย
แล้วฉันอายแทนพวกเขาทำไมเนี่ย แต่ก็ไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อย พวกเขาทำไมไม่ไปทำอะไรในที่ลับตาคนหน่อยเล่านี่มันทางเดินนะ อะไรจะอดใจไม่ไหวขนาดนั้น หน้าไม่อายที่สุดดดดดดด~
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วอยากเห็นหน้าคนไม่อายฟ้าอายดินจริงๆ เล้ย!
ร่างกายไวเท่าความคิด หัวของฉันค่อยๆ โผล่ออกจากมุมแล้วแอบมองสองร่าง ที่เกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างกล้าๆ กลัวๆ ฉันอยากเห็นแค่หน้าจริงๆ นะ จะได้เอาไปเม้าท์กับเพื่อน (รู้สึกว่าตัวเองเลวจัง -_-)
“อ่ะ...ไค เอาอีก แรงอีก~ อื้อออ~ อย่างนั้นแหล่ะค่า~ ไคน่ารักที่สุดเลย…จินนี่รักไคที่สุดเลย~”
ผู้หญิงผมยาวหน้าลูกครึ่งกำลังร้องครางเสียงวาบหวาม พอฉันเห็นหน้าสวยๆ ตามสไตล์ลูกครึ่งยุโรปฉันก็หดหน้าเข้ามาที่เดิมเพราะทนไม่ไหวที่จะดูหนังสดอีกต่อไป
นอกจากเห็นหน้าแล้วยังรู้ชื่อด้วย ผู้หญิงชื่อจินนี่ชื่อน่ารักนะยะหล่อน ส่วนผู้ชายชื่อ...ไค
ไค ?
เหมือนเคยได้ยินที่ไหนน้า...
ฉันไม่เห็นหน้าผู้ชายเพราะเขาหันหน้าเข้ากำแพงเลยไม่แน่ใจว่าเป็นไคเดียวกับที่ฉันรู้จักมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือเปล่า...
คงไม่ใช่หรอกเขาคนนั้นคงไม่มาที่แบบนี้หรอก
“ไคตรงนั้นแหละ...อื้อ ลึกอีก ดีมากค่ะ”
กรี๊ดดดด~ ไม่ไหวแล้ววววว~ มันน่าสยิวเกินทน ฉันไปดีกว่า...แต่เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าฉันไปทางนี้นั่นก็หมายความว่าต้องเดินผ่านการถ่ายทำหนังสดใช่มั้ย ?
ฉันไม่อยากทำบาป ไปขัดความสุขคนอื่นมันไม่ดี!
และเพราะคิดอย่างนั้นฉันถึงได้หมุนตัวกลับแล้วออกทางเดิมแต่ส้นสูงก็ดันไปเหยียบอะไรบางอย่างเข้า เนื่องมันมืดมากฉันถึงมองไม่ค่อยเห็น แต่พอใช้มือหยิบขึ้นมาดูชัดๆ มันก็เอ่อ...แบบว่าชัดมาก
!!!
ถุงยาง...
ดีนะยังไม่ได้แกะ! ถ้ามันแกะใช้แล้วฉันคงต้องตัดมือตัวเองทิ้งฉันเก็บมันเข้ากระเป๋าแล้วรีบจ้ำอ้าวออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว โดยที่ในหัวยังคงมีภาพและเสียงจากหนังสดหลอกหลอน
ขณะที่ฉันเข้าไปนั่งในรถและสตาร์ทเครื่องก็พบว่ามีคนออกมาจากประตูวีไอพีซึ่งฉันเพิ่งเดินออกมาจากทางนั้นเหมือนกัน...O M GGGG~
คู่พิศวาสคู่นั้นหนิ ทั้งสองคนกำลังเดินโอบเอวกันมาทางนี้ด้วย ดีนะที่ผู้หญิงใส่เสื้อผ้าแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากเห็นน้องโฟรโมสต์ของคนอื่นหรอกน้า~
เห้ย! ไม่จริงน่า...
ผู้ชายคนนี้...คนเดียวกับที่ช่วยฉันไว้จากไอ้โรคจิตเลย!
ไค...
ไม่อยากเชื่อ ผู้ชายท่าทางเรียบร้อยคนนั้นจะเป็นคนเดียวกับที่ทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงบนทางเดิน
ก้อนเนื้อด้านซ้ายเต้นช้าลงอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง อาจเป็นเพราะฉันคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีและเรียบร้อย...แต่ที่ไหนได้ ผู้ชายคนนี้เอาไม่เลือก
ผิดหวังจัง...ดีนะที่ฉันยังไม่ได้ไปอะไรกับเขา เห็นธาตุแท้อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย...เฮ้อ~
ผู้ชายหนอผู้ชายคิดแต่เรื่องอย่างว่ากันหรือไง...
ฉันสะบัดหัวไล่ภาพติดเรทพวกนั้นออกไปแล้วรีบเดินออกจากที่นี่ หยิบโทรศัพท์โทรหาซอฮยอนแล้วฝากบอกซอลลี่ว่าให้มาเอาโทรศัพท์ที่หน้าผับเพราะฉันจะไม่เข้าไป จะรีบกลับบ้านไปนอนต่อ แต่ยัยซอดันบอกว่าซอลลี่ไม่ว่างกำลังมีหนุ่มมาติดพัน เธอเลยลงมาเอาแทน
“บอกยัยซอลด้วยว่าเล่นมากๆ เดี๋ยวก็เจอแบบฉันหรอก”
“แต่คนนี้เด็ดมากเลย...ไม่ใช่คนเกาหลีด้วย”
“หือ ?”
“หล่อสุดๆ เลย”
“เอาเถอะ ฉันไปก่อนนะ ฝากลาเพื่อนด้วย”
“ตัลแกเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าแดงๆ”
“ ไม่ๆ ฉันสบายดี แหะๆ ไปล่ะง่วง” ไม่รอให้ซอฮยอนบอกลาฉันก็เดินหันหลังแล้วรีบกลับมาที่รถ
1 ชั่วโมงต่อมา
ฉันจะทำยังไงให้ภาพพวกนั้นหลุดจากสมองและโสตประสาทการรับรู้ทั้งหมด ทำไมมันติดหัวอย่างนี้!!!!
“ไคคะ ห้องจินนี่ยังไม่ได้ทำความสะอาดไคไม่ถือนะคะ”
“ไม่ถือครับ...ความจริงน่าจะไปห้องผมนะ”
“คอนโดไคอยู่ไกล จินนี่ทนไม่ไหว...”
“เครื่องร้อนจริงๆ เลยนะเรา~”
บอกฉันทีว่าไม่จริง บอกฉันทีว่าสองคนข้างหลังไม่ใช่ไคและจินนี่ที่เป็นพระเอกนางเอกหนังสดที่ฉันเพิ่งเห็นผ่านตามาเมื่อกี้
ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองเงาสะท้อนบนอลูมิเนียมของประตูลิฟต์แล้วก็พบว่า...
สองคนนั้นจริงๆ ด้วย!
ด้วยความที่ฉันอายแทนพวกเขาเลยหยิบแว่นกันแดดสีดำขึ้นมาใส่ในลิฟต์ แม้ว่ามันจะแปลกแต่ก็ยังดีกว่าการเผชิญหน้ากันสามคน อีกอย่างฉันไม่อยากให้ไคเห็นฉันด้วย
ยัยผู้หญิงชื่อจินนี่ดันมาอยู่คอนโดเดียวกับฉันอีก! บ้าชะมัด~
“ถ้าไคไม่ทำถุงยางหาย...เราคงเสร็จกันไปนานแล้ว”
พระเจ้า พูดได้ไม่อายฟ้าอายดิน นี่ฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ อ่ะ อย่าบอกนะว่าถุงยางที่ฉันเจอมันคือของไค...ตายๆๆ นี่ฉันผิดใช่มั้ยที่ดันไปเก็บถุงยางของพวกเขาน่ะ....ทำบาปอีกแล้วตรู T^T
“จุ๊ๆ ใจเย็นครับที่รัก...ว่าแต่ชั้นคุณชั้น 18 ใช่มั้ย? …คุณครับช่วยกดชั้น 18 ทีครับ”
ฟังจากคำพูด เขาน่าจะเคยมาห้องยัยนี่หลายครั้งแล้วล่ะมั้ง เหอๆ
“เอ่อ...คุณครับชั้น 18”
“อ่ะ ค่ะๆ” ฉันกดให้พวกเขาแล้วก็ยืนนิ่งๆ ภาวนาให้มันถึงชั้น 18 เร็วๆ เราจะได้แยกกันสักทีเพราะชั้นที่ฉันอยู่คือชั้นที่ 20
ติ่ง!
เสียงลิฟต์ในตอนนี้ราวกับเสียงสวรรค์ แม้ว่าจะก้มหน้าทำเป็นไม่สนใจแต่สายตาก็มิวายแอบมองคู่รักที่กำลังจะเดินออกจากลิฟต์...มือบางเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสิ่งหนึ่งออกมาก่อนที่จะ...
“คุณคะ!” ฉันเรียกไคไว้ตอนที่เขาก้าวพ้นประตูลิฟต์ มือข้างซ้ายกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ ส่วนอีกข้างยื่นของสำคัญไปให้เขา
“ครับ ?” ผู้ชายคนนั้นมองมาที่ของในมือฉันอย่างงงๆ พร้อมกับอ้าปากค้าง ต่างกับฉันที่ยิ้มหวานราวกับเรื่องการยื่นถุงยางให้คนเพิ่งรู้จักกันเป็นเรื่องปกติ
“ถุงยางเอาไว้ใช้ค่ะ”
ฉันไม่ผิดอะไรน้า~ นี่มันไม่ใช่ของฉัน ฉันก็ต้องคืนเจ้าของสิ!
ไคยื่นมือมารับอย่างงงๆ พอมันหลุดจากมือฉัน ฉันก็รีบหนีโดยการกดปุ่มปิดประตูลิฟต์รัวๆ ไม่รอให้ทั้งสองพูดอะไรสักนิด
“เฮ้ออออออออ~ คืนนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ยเรา”
ขอบคุณทุกเม้นและนักอ่านทุกท่านค่ะ
ความคิดเห็น