ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo F(x)] A Christmas Confession : Kai X Krystal

    ลำดับตอนที่ #2 : A Christmas Confession PART II

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 56














     

    หลังจากที่จงอินรู้สึกตัว เขาก็ควานหาแว่นจนเจอแล้วรีบกลับไปหาซูจอง เพราะเวลาล่วงเลยมาจนค่ำแล้ว ในใจจงอินคิดว่าซูจองคงไม่อยู่รอเขาหรอก หญิงสาวเลิกซ้อมตั้งแต่หกโมง ตอนนี้มันหนึ่งทุ่มแล้วนะ เธอจะรอเขาไปเพื่ออะไร ทว่าเขากลับคิดผิด เพราะเมื่อกลับไปถึงที่เดิม ก็ยังเห็นซูจองนั่งอยู่ข้างสนาม ที่เดียวกับที่เขาจากมา ข้างๆ เธอมีกระเป๋าและเสื้อกันหนาวของเขาวางไว้ เมื่อซูจองเห็นจงอินก็รีบเข้าไปสำรวจเนื้อตัวคนเจ็บด้วยความตกใจระคนเป็นห่วง

     

    จงอินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซูจองฟังอย่างไม่คิดปิดบัง แน่นอนว่าซูจองโกรธแทบบ้า แต่เขาบอกเธอว่าอย่าไปเอาเรื่องเลย จากนี้จะระวังตัวให้มากกว่านี้ ซูจองรับคำอย่างขอไปทีจนชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าซูจองจะทำอย่างที่พูดมั้ย เพราะเธอดูโกรธมาก แม้แต่เขายังรู้สึกกลัวจนขนลุกซู่เลย

     

    จากนั้นทั้งสองก็ตกลงกันว่าจะมาทำแผลที่บ้านจงอิน เนื่องจากที่บ้านไม่มีใครอยู่ พ่อแม่ของจงอินอยู่ต่างประเทศ ซูจองจัดการทำแผลให้จงอินอย่างดี และให้จงอินกินยาแก้ปวด ทั้งสองคนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งจงอินผลอยหลับไป

     

    ร่างบางลุกขึ้นยืนพลางสำรวจห้องของจงอินด้วยความสนอกสนใจ ดูจากการจัดเก็บห้องแล้ว ก็พอบอกได้ว่าจงอินเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยสุดๆ ส่วนใหญ่ในห้องจะประกอบไปด้วยชั้นหนังสือ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเห็นหนังสือทั้งภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษวางไว้เป็นตั้งๆ แต่แล้วซูจองกลับสะดุดกับรูปภาพรูปหนึ่งที่ถูกแปะไว้บนกำแพงเหนือโต๊ะหนังสือ

     

    นั่นมันรูปเธอหนิ...เป็นรูปตอนที่เธอใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์สีเหลืองน้ำเงิน จำได้ว่ามันลงในหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนด้วย สงสัยผู้ชายคนนี้แอบไปตัดมาล่ะสิ ซูจองคิดขำๆ แล้วก็นั่งสำรวจอย่างอื่นต่อ

     

    เธอเปิดดูอัลบั้มรูปบนโต๊ะของจงอินไปเรื่อยๆ หัวเราะให้กับบางภาพที่เขาทำหน้าตลกๆ ใส่กล้อง เธอเผลอมองค้างรูปที่จงอินไม่ได้ใส่แว่นและกำลังดีดกีต้าร์ด้วยท่าทางสบายๆ...เขาหล่อจริงๆ

     

    ผ่านไปสักพักซูจองจึงเลิกสนใจข้าวของในห้องของจงอิน ลงไปทำข้าวต้มปลาร้อนๆ เตรียมไว้ให้เขาทานตอนตื่นขึ้นมา ก่อนจะเขียนโน็ตบอกลาจงอินแปะไว้หน้าตู้เย็น

     

    ฉันทำข้าวต้มปลาไว้ให้ ถ้าตื่นมาก็ให้อุ่นสักพักแล้วค่อยกิน มียาแก้ปวดกับยาแก้ไข้วางไว้บนโต๊ะ กินเผื่อด้วยล่ะ พรุ่งนี้เราสองคนไม่มีเรียน ฉันจะมาหานะคนสวยของจงอิน~’

     

     

     

     

     

     

     

              เป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ที่ทั้งสองคนคบหาดูใจกันในฐานะคนรัก จนถึงบัดนี้ก็ยังมีคนคอยสงสัยว่าทำไมสาวสวยอย่างซูจอง ถึงยอมคบกับเด็กเรียนหน้าตาเชยๆ อย่างจงอิน คู่รักที่ถูกกล่าวถึงตกลงกันว่าจะไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง  พวกเขาก็เหมือนคู่รักทั่วไป ดูแลซึ่งกันและกัน ไปเดทกันเมื่อว่าง ช่วยกันติวหนังสือ และทำกิจกรรมร่วมกันอีกมากมาย

     

                จงอินแทบไม่เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เขามีความสุขจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ รู้เพียงแค่ว่าแทบทุกวินาทีของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ลืมเรื่องที่เคยโดยทำร้ายไปเสียสนิท

     

                “จงอิน...จงอิน!

                “คะ ครับ!” จงอินหยัดตัวนั่งหลังตรง จับแว่นให้เข้าที่เข้าทาง เมื่อสบสายตาคมของซูจองเขาก็รู้ทันทีว่าตัวเองเผลอเหม่อมองหน้าเธออีกแล้ว

                “จะไม่อ่านหนังสือแล้วใช่มั้ย?” ถามด้วยใบหน้าล้อเลียน  ซูจองอมยิ้มเมื่อใบหน้าของจงอินขึ้นสีแดงก่ำเหมือนครั้งก่อนๆ ที่มีอาการเขิน เพราะจงอินเป็นอย่างนี้ไงล่ะ เธอถึงอยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีความสุข ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกเบื่อเพราะคำหวานๆ เลยสักนิด เขาเป็นตัวของตัวเองทั้งภายนอกและภายใน

                “อะ อ่านครับ” ว่าแล้วก็ก้มหน้าจำศัพท์ภาษาอังกฤษทางการแพทย์ต่อทันที แต่กลับไม่มีศัพท์คำไหนเข้าหัวเขาสักคำ ยกเว้นคำว่า...ซูจอง...ซูจอง...ซูจอง...สวย

                “นี่...โตขึ้นอยากเป็นอะไร?

    “หมอครับ ผมอยากเป็นหมอ”

    “อืม...ฉันจะเป็นแฟนคุณหมอเหรอ?” คนถามยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย

    “คงงั้นครับ...ถ้าซูจองยังทนคบกับผมได้”

    “นายก็ออกจะหล่อ ทำไมฉันจะคบไม่ได้ล่ะ” แกล้งชายหนุ่มให้เขินมากขึ้นโดยการโน้มตัวไปจ้องตาคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามใกล้ๆ

    “ซะ ซูจองจะทำอะไรครับ นี่มันห้องสมุดนะ” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่จงอินกลับไม่กล้าขยับหนีไปไหน

    “แล้วนายคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ”

    “ก็...ทำเหมือนที่ซูจองชอบทำกับแก้มของผม”

     

    ซูจองยิ้มกว้างอย่างขบขันเมื่อเห็นชายหนุ่มเขินหน้าดำหน้าแดง แถมตัวยังสั่นหน่อยๆ ราวกับกลัวว่าเธอจะหอมแก้มเขากลางห้องสมุดเหมือนวันก่อนๆ

     

    “ทำอะไรเหรอ?

     

    จงอินมองหน้าไขสือของหญิงสาวแล้วก็รู้ทันทีว่าตัวเองกำลังโดนแกล้ง เขาผุดลุกขึ้นยืนแล้วรวบหนังสือบนโต๊ะไปเก็บตามชั้น ก่อนที่จะรีบสาวเท้าออกจากห้องสมุดไปด้วยความเขินอาย ลองหันหลังกลับไปก็เห็นว่าคนรักก้าวฉับๆ ตาหลังมาเขาอย่างรวดเร็ว

     

    “จงอิน! มาให้หอมแก้มซะดีๆ” หญิงสาวตะโกนไล่หลังอย่างไม่เกรงว่าใครจะได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อถึงไหนต่อไหน เธอสาวเท้ายาวๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ก่อนจะเข้าไปตะครุบหลังเด็กแว่นท่ามกลางสายตานักเรียนกว่าร้อยคน

    “ซะ ซูจองครับ คนมองใหญ่แล้ว ปล่อยเถอะครับ”

     

    ถึงแม้จะพอใจที่ซูจองชอบหอมแก้มเขา แต่ก็ไม่ชอบที่เธอแสดงความรักต่อหน้าสาธารณะชนหรอกนะ มันทำให้เขาเขินแทบบ้า!

     

    ขณะที่จงอินพยายามแกะมือปลาหมึกของร่างบาง ซูจองก็เอาแต่จะกระโดดเหยงๆ ขึ้นหลังเขาอย่างไม่สนใจสายตาใคร ท้ายที่สุดจงอินก็ต้องปล่อยให้คนเอาแต่ใจขี่หลัง แล้วยอมแบกเธอขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนท่ามกลางสายตาของนักเรียนทุกคนที่เดินผ่าน

     

    ฝ่ายชายอายแทบบ้า แต่ดูเมือนฝ่ายหญิงจะชอบใจซะมากกว่าที่ได้เห็นจงอินอายม้วน

     

    “อายจนผมหยิกเลยนะจงอิน” คนบนหลังกระซิบข้างใบหู พร้อมกับยีผมหยิกฟูของจงอินเล่น เธอชอบผมหยิกๆ ฟูๆ ของจงอินที่สุดเลย จับผมเขาเหมือนจับขนสุนัข

    “ซูจองครับ!

    “จ๋า~

    “ถึงห้องเรียนแล้วครับ”

     

    คนตัวเล็กหัวเราะร่วนพร้อมกับกระโดดลงจากแผ่นหลังกว้าง เดินเข้าห้องเรียนโดยที่มีจงอินเดินตามมา ทั้งสองคนอยู่ห้องเดียวกันก็จริงแต่ไม่ได้นั่งข้างกัน จงอินเป็นเด็กหน้าห้อง ส่วนซูจองเป็นเด็กหลังห้อง แต่ถึงยังไงบรรยากาศหวานเลี่ยนก็มักเกิดขึ้นระหว่างวันอยู่บ่อยๆ จนเพื่อนๆ ร่วมห้องเริ่มชินตา โดยฝ่ายเริ่มมักเป็นสาวสวยหยอกล้อฝ่ายชายก่อนเสมอ เพื่อนๆ จึงไม่พูดถึงความแตกต่างของทั้งสองคนอีกต่อไป

     

     

     

     

     

     

    ผ่านมาหนึ่งเดือน ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นยังคงเป็นไปด้วยดีในสายตาของเพื่อนร่วมห้อง ทว่าจงอินกลับรู้สึกว่าซูจองเปลี่ยนไป...

     

    เริ่มจากเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว จงอินชวนซูจองไปเที่ยววันอาทิตย์ เพราะวันเสาร์เขาไม่ว่าง แต่ซูจองบอกว่าทุกวันอาทิตย์ต้องไปเที่ยวกับครอบครัวเลยทำให้ไปด้วยไม่ได้ จงอินก็เข้าใจ ไม่ได้ว่าอะไร เป็นแฟนกัน ใช่ว่าต้องเจอหน้ากันทุกวันเสียหน่อย แค่ทุกวันนี้ได้ยินเสียงหวานบอกราตรีสวัสดิ์ก่อนนอนทุกคืน เขาก็สุขใจมากพออยู่แล้ว

     

    ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่จงอินคิด เพราะวันอาทิตย์ถัดมา จงอินไปเลือกซื้อหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ห้าง แล้วบังเอิญเจอซูจองเดินดุ่มๆ อยู่กลางห้างคนเดียว เขาก็เลยนึกสนุก แกล้งหญิงสาวเล่นด้วยการโทร. ไปถามว่าอยู่ไหน กะจะเซอร์ไพร์สปรากฏตัวข้างหลังสักหน่อย ทว่าซูจองกลับโกหกว่าทานข้าวอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน...

     

    ตอนนั้นชายหนุ่มรู้สึกมึนงง ผู้หญิงที่เขาคุยด้วยอยู่ตรงหน้า ห่างกับเขาไม่ถึงสิบก้าว แต่เธอกลับบอกว่ากินข้าวอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน...ซูจองโกหกเขาทำไม

     

    ความสังหรณ์ใจทำให้เขาสะกดรอยตามแฟนสาวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบความจริงที่ทำให้เขากลับบ้านไปนอนร้องไห้ทั้งคืน...

     

    ซูจองมากินข้าว ดูหนังและเดินเล่นกับผู้ชายที่ทำร้ายเขา...คิมวูบิน

     

    เจ็บ...เจ็บจนทนไม่ไหว อยากถามซูจองใจจะขาด แต่ก็กลัวว่าจะเสียเธอไป สามปีที่เขาเฝ้ามองเธอคงจะศูนย์เปล่าหากเขาหาเรื่องทะเลาะกับซูจอง เธอคงบอกเลิกกับเขาแล้วไปหาผู้ชายที่ดีกว่าอย่างวูบินแน่ๆ

     

    แม้จะดูเป็นคนโง่งม แต่เขาก็ขอแสร้งทำเป็นตาบอดเพื่อให้ได้อยู่ใกล้เธอต่อไปดีกว่า...

     

    หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ยังปฏิบัติหน้าที่แฟนเหมือนปกติ แต่ทุกๆ วันอาทิตย์ เขามักจะตื่นไปดักซุ่มรอที่หน้าบ้านซูจองแต่เช้า ถึงได้เห็นว่าจื่วูบินมารับ-มาส่งซูจองทุกอาทิตย์ แน่นอนว่าวูบินต้องรู้ว่าเขาคบกับซูจอง...แล้วทำไม? สองคนนี้ยังนัดพบกันอยู่เรื่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้ซูจองเคยบอกว่าชอบเขา หรือว่าเธอก็ชอบวูบินด้วยเหมือนกัน

     

    เป็นคำถามที่จงอินไม่กล้าจะเอ่ยกับหญิงสาว เขากลัวคำตอบ...เขาไม่อยากเสียเธอไป ทว่านานวันเข้า หัวใจที่ชอกช้ำเหมือนจะเป็นหนอง ทั้งที่บอกว่าตัวเองทนได้ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ง่ายอย่างที่คิด

     

    เจ็บทุกครั้งที่เธอบอกว่าชอบเขาด้วยแววตาสดใส เจ็บทุกครั้งที่เธอด่าวูบินให้เขาฟัง แต่ตัวเองกลับไปเที่ยวกับผู้ชายคนนั้น เจ็บทุกครั้งที่เธอบอกว่าจะมีแค่เขาคนเดียว...

     

    หรือซูจองเห็นเขาเป็นตัวตลก คิดจะปั่นหัวเล่นยังไงก็ได้ เธอเห็นหัวใจของเขาเป็นอะไร...ของเล่นคั่นเวลางั้นเหรอ?

     

    จงอินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินคอตกกลับห้องเรียนตามลำพังเพราะแฟนสาวมีซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ตอนกลางวัน วันนี้เขาเลยโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อตอนยังโสด สองเท้าก้าวไปเรื่อยๆ มุ่งกลับห้องเรียนไปนอนที่โต๊ะ ทว่าเท้ากลับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเม้าท์จากเพื่อนร่วมชั้นห้องข้างๆ พูดถึงวูบินกับซูจอง

     

    “นี่ ฉันว่าข่าวที่ซูจองคบกับวูบินไม่ใช่เรื่องจริงหรอก”

    “อ้าว เธอรู้ได้ยังไง ใครๆ เขาก็ลือกันนะว่าวูบินกับซูจองแอบเดทกันลับหลังจงอินน่ะ”

    “ก็ใช่ แต่มันเป็นเดทปลอมๆ ไงล่ะ คืองี้...เมื่อวานฉันไปหลอกถามจากเพื่อนวูบินมา เขาบอกว่าวูบินสัญญากับซูจองว่าถ้ายอมไปเที่ยวกับเขาทุกวันอาทิตย์ จะไม่ยุ่งกับจงอินอีก เพราะงั้นอาทิตย์ที่แล้วเราถึงเจอสองคนนั้นอยู่ด้วยกันไงล่ะ”

    “งั้นหมายความว่าซูจองทำเพื่อปกป้องผู้ชายเชยๆ อย่างจงอินอ่ะนะ! นายนั่นมีอะไรให้น่าปกป้องเนี่ย”

    “นั่นสิ ใครๆ ก็รู้ว่าวูบินน่ะเลวมาก ไม่รู้ซูจองจะเป็นยังไงบ้าง ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าซูจองจะทำเพื่อจงอินไปทำไม นายนั่นคู่ควรกับซูจองตรงไหน อ่อนแอ...ปกป้องซูจองก็ไม่ได้”

     

    ประโยคท้ายของเพื่อนร่วมชั้นที่เขาไม่รู้จักเหมือนเป็นศรกระแทกใจเข้าอย่างจัง จงอินตัวชาขยับไปไหนแทบไม่ได้ อยากจะทรุดไปนั่งที่พื้นซะตรงนี้ ทว่าความปรารถนาส่วนลึกสั่งให้เขาออกตามหาตัวแฟนสาว

     

    จงอินหาตัวหญิงสาวได้ไม่ยาก เขาเดินไปกระชากแขนซูจอง แล้วดึงเธอออกมาจากวงเชียร์ลีดเดอร์ ลากเธอไปยังหลังตึกที่ไม่มีคนพลุกพล่าน

     

    “ซูจองทำแบบนี้ทำไม!” จงอินตวาดด้วยความลืมตัว สายคมจับจ้องหญิงสาวด้วยอารมณ์โกรธจัด

    “ทำอะไร?” คนที่ยังไม่รู้ว่ามีความผิดถามอย่างงุนงง เธอไม่เคยเห็นจงอินโกรธอย่างนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ตอนนี้เหมือนมียักษ์เข้าสิงเขายังไงยังงั้น

    “เดทกับวูบิน...” สีหน้าตกใจของหญิงสาวบอกได้อย่างดีว่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเป็นเรื่องจริง จงอินกำมือแน่นจนเห็นเป็นเส้นเลือดชัดเจน “ทำเพื่อผมทำไม?

    “นายรู้แล้วเหรอ...”

    “ใช่ ผมรู้ ผมรู้นานแล้วด้วย! ผมคิดมาตลอดว่าซูจองไม่รักผมแล้ว แต่ที่ไหนได้...คุณกลับทำเพื่อปกป้องผม”

     

    แววตาในตอนท้ายประโยคอ่อนลง เขาหลุบตาลงต่ำ ละอายใจจนไม่กล้าสบตาหญิงสาว ถ้าเขาเกิดมาแข็งแรงสักนิด ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้ จงอินโทษว่ามันเป็นความผิดของตัวเองที่อ่อนแอ รู้สึกแย่ที่ที่ผ่านมาคิดกับเธอในแง่ลบ ทั้งที่ซูจองทำไปทั้งหมดเพื่อปกป้องเขา

     

    นอกจากอ่อนแอแล้ว เขามันยังเป็นผู้ชายงี่เงา โง่งมสุดๆ

     

    “จงอิน...” หญิงสาวก้าวเข้าไปหาร่างสูงช้าๆ “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมันก็จบแล้ว”

    “...”

     

    ร่างสูงโปร่งไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้าหงุดไม่ยอมเงยเมื่อซูจองพยายามดึงให้เขาหันมาสบตา มือข้างหนึ่งยกขึ้นถอดแว่นหนาเตอะออก ก่อนจะกุมใบหน้าครึ่งบนไว้ เขาไม่อยากให้เธอเห็นความอ่อนแอของเขาอีก...ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ  จงอิน นายมันแย่สุดๆ

     

    “ผะ ผมขอโทษ” เขาเอ่ยเสียงสั่น หันหลังหนีสายคมของแฟนสาว ซูจองไม่ตื้อเพราะรู้ว่าผู้ชายคงไม่ชอบให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักเห็นว่าตัวเองอ่อนแอ

    “นายไม่ได้ผิดหนิ...ฉันเองก็ขอโทษเหมือนกัน”

     

    จงอินหันกลับมา ใบหน้าของเขายังมีคราบน้ำตาเป็นหลักฐานว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน แต่ถึงยังไงเขาก็ยังเห็นแก่ตัวเอ่ยของร้องเธอทั้งที่ตัวเองอ่อนแอกว่าผู้ชายอีกคนเยอะ

     

    “ผมขอร้อง...อย่าไปกับวูบินอีก ต่อไปนี้ผมจะปกป้องคุณเอง”

    “...”

    “อีกไม่ถึงเดือนก็วันคริสมาสต์แล้ว ผมไม่เคยไปเพราะไม่มีคู่ควง ปีนี้...ซูจองจะเป็นคู่ควงของผมได้มั้ยครับ”  จงอินสวมแว่นกลับที่เดิม เขาพยายามส่งยิ้มอบอุ่นให้หญิงสาวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนคนถูกขอยืนงงเป็นไก่ตาแตก อยู่ดีๆ จงอินก็เปลี่ยนมายิ้ม นี่เธองงไปหมดแล้วนะเนี่ยว่าเขากำลังรู้สึกยังไง

    “นายให้อภัยฉันแล้วใช่มั้ย?

    “ไม่ครับ” ซูจองหน้าจ๋อยลงไปถนัดตา จงอินเห็นเลยยิ้มกว้างก่อนจะเป็นฝ่ายดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบอกพร้อมกับเฉลยเสียงอ่อนโยนข้างหู “เพราะผมไม่เคยโกรธซูจอง...ผมจะให้อภัยได้ยังไงล่ะครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม จริงๆ ระหว่างเขากับซูจองก็เหมือนเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามีเรื่องวูบินเข้ามาทำให้หัวใจเขาปั่นป่วนอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ซูจองเลิกเดทกับนายนั่นตามคำขอของเขา แถมวูบินก็ไม่มายุ่งกับเขาอีก สงสัยว่าจะเจอสาวคนใหม่

     

    ทว่าทางด้านซูจองกลับรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ่อยๆ  ที่ทุกเย็นจงอินไม่ว่างเหมือนแต่ก่อน ปกติเขารอกลับบ้านพร้อมเธอ แต่เดี๋ยวนี้อ้างว่าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบทุกเย็น เลยรอกลับพร้อมเธอไม่ได้ ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกันครั้งนั้น จงอินก็มีเวลาให้เธอน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ยังดีที่เสาร์อาทิตย์เขายังพาเธอไปเที่ยวบ้าง ไม่งั้นล่ะก็ มีเคลียร์แน่

     

    “จงอิน วันนี้ฉันไปบ้านนายได้มั้ย พอดีไม่มีซ้อม” ซูจองถาม

    “เอ่อ...อย่าเลยครับ บ้านผมรก”

    “งั้นเดี๋ยวฉันไปช่วยเก็บกวาดให้ ซื้ออะไรไปกินที่บ้านนายเลยก็ดี จะได้ไม่เสียเวลาทำ”

    “ผมเกรงว่าจะไม่สะดวกนะครับ คือ...ผมอยากอ่านหนังสือเงียบๆ”

    “...”

     

                ซูจองเม้มปาก หลับตาอย่างอดทน เธอกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเซ็งๆ ก่อนจะตัดสินใจพูดความในใจออกมา

     

                “นายเปลี่ยนไปนะจงอิน”

                “ห๊ะ?” ชายหนุ่มมีสีหน้าเหลอหลา

                “ทำไมต้องอ่านหนังสือตลอดเลย โทร. ไปก็ไม่ค่อยรับ ปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่า?

                “มะ ไม่มีครับ!

     

                ซูจองหรี่ตาลงอย่างจับผิดแต่ก็ไม่พบพิรุธอะไร เธอเลยไม่ถามต่อ เวลาล่วงเลยผ่านไปร่วมสองเดือน จงอินก็ยังคงไม่มีเวลาให้เธอเหมือนเดิมจนหญิงสาวเริ่มชิน เช่นเดียวกับวันนี้ซึ่งเป็นวันครบรอบสองเดือนของเขากับเธอ หญิงสาวลงทุนหนีซ้อมเชียร์มาเซอร์ไพสร์ที่หน้าบ้านของจงอิน แต่รอมาสามชั่วโมงแล้ว เจ้าของบ้านก็ไม่ยอมมาเปิดประตูบ้านให้เธอสักที โทร. ไปก็ไม่รับ คอยดูนะ เจอตัวเมื่อไหร่จะสวดให้ยับ! หนาวจะตายอยู่แล้วเนี่ย!

     

                “จงอินนะจงอิน! คนอุตส่าห์เอาเสื้อผ้าสำหรับงานพรุ่งนี้มาให้” บ่นอย่างหัวเสียพร้อมทิ้งตัวลงนั่งยองๆ หน้าประตูบ้านทาวเฮ้าส์หลังเล็กๆ หลังหนึ่ง มือเล็กๆ ถูกไถกับฝ่ามืออีกข้างก่อนจะนำมาป้องที่ปากแล้วผ่อนลมหายใจเพื่อคลายหนาว  

     

    ผ่านไปสิบนาที รถแท็กซี่ก็เข้ามาจอดตรงหน้าเธอ

     

                “ซูจอง...” เจ้าของบ้านทัก

                “ไง?

                “มานั่งทำอะไรตรงนี้ หนาวจะตาย” เขาว่าแล้วสละเสื้อโค้ทของตัวเองคลุมร่างบาง เห็นจมูกและแก้มแดงๆ ก็พอรู้ว่าเธอมานั่งรอนานแล้ว ให้ตายเถอะ ซูจอง วันนี้อากาศติดลบเลยนะ!

               

                เขาโอบร่างเล็กมาไว้ในวงแขนพร้อมกับพาเธอเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว จงอินหาน้ำอุ่นกับผ้าห่มหนาๆ มาให้ซูจองพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เธอบนโซฟาขนาดกลาง อยากจะดึงร่างเล็กที่กำลังสั่นเข้ามากอดแนบอก แต่พอสบสายตาเฉยชาของอีกฝ่าย เขาเลยเลือกที่จะนั่งนิ่งๆ แทน

     

                “นั่นอะไรน่ะครับ” ตาคมมองกล่องสีเหลี่ยมขนาดใหญ่ด้วยความสงสัย เห็นซูจองกอดแนบอกตั้งแต่เข้ามาในบ้านแล้ว

                “ไหนบอกว่าอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านไง” หญิงสาวไม่ตอบแต่ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ วางแก้วน้ำ แล้วหันไปจ้องตาแฟนหนุ่มอย่างจับผิด แม้จะมีแว่นหนาเตอะช่วยบังหน้าต่างของหัวใจ แต่ซูจองก็เห็นว่านัยน์ตาของเขากำลังสั่นไปมาคล้ายเด็กถูกจับได้ว่าแอบขโมยของ

     

    เขากำลังมีเรื่องปิดบังเธออยู่แน่ๆ

     

    “บอกมานะจงอิน ไม่งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องไป แล้วก็ไม่ต้องเอาของขวัญด้วย” เธออ้างถึงของขวัญที่ตั้งใจเตรียมไปงานวันคริสมาสต์พรุ่งนี้ แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะไม่ให้ดีมั้ย

    “ไม่นะครับ!

    “งั้นบอกมา” ซูจองสั่งเสียงเข้มและจ้องคนมีความลับเขม็ง

    “คือ...ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็ไปหาชุดมาเหมือนกัน” จงอินบอกไม่เต็มเสียงพร้อมกับ

    หลบสายตา

               

                ซูจองถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหยิบกล่องสี่เหลี่ยมมาถือไว้ ก่อนจะดันมันติดอกฝ่ายชายอย่างงอนๆ ปกติเธอไม่ใช่คนคิดมากอะไร นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธองอนจงอิน จับได้ว่าโกหกคาหนังคาเขา ยังมีหน้ามาโกหกต่ออีก!

     

                “เอาไปเลย! คนอุตส่าห์มารอตั้งแต่เย็น ทนหนาวทนหิมะตั้งสองชั่วโมง แต่แฟนเราก็ยังอุตส่าห์โกหก คงเห็นว่าเราโง่สินะ” ระเบิดคำพูดใส่จงอินเสร็จก็จ้ำอ้าวเดินออกจากบ้านเขาด้วยความโมโห ได้ยินเสียงเรียกไล่หลัง แต่ด้วยความที่เธอโกรธมากเลยไม่ยอมหันกลับไป ซอยเท้าหนีจนในที่สุดก็โบกแท็กซี่กลับบ้าน ทิ้งให้คนด้านหลังมองตามตาละห้อย

     

     

     

     

     

     

     

                ปัจจุบัน

     

     

                25 ธันวาคม

     

                ดวงตาทั้งสองคู่สบกันอย่างลึกซึ้งแม้จะอยู่ห่างกันหลายเมตรก็ตาม

     

                “I won’t give up on us

                Even if the skies get rough

                I’m giving you all my love

                I’m still looking up...”

               

                ผมจะไม่ยอมแพ้เรื่องของเรา

              แม้ว่าท้องฟ้าจะไม่เป็นใจก็ตาม

              ผมจะมอบความรักทั้งหมดของผมให้แด่คุณ

              ผมจะทำมันให้ได้ที่สุด...

     

     

    ซูจองมองร่างสูงโปร่งบนเวทีอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เธอทั้งอึ้ง ตกใจและดีใจผสมกันจนแยกความรู้สึกไม่ออก หูเธออื้อจนแทบไม่ได้ยินเสียงร้องของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงจะเป็นยังงั้น สายตาที่เขาส่งมาก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าจงอินกำลังสื่อถึงอะไร...

     

     

    เนื้อเพลงหวานซ้ำทะลุเข้าไปกลางใจเธอช้าๆ ซึมซับทุกความรู้สึกของคนร้องจนแทบล้นใจ ทำนองเพลงไพเราะยังคงบรรเลงด้วยกีต้าร์โปร่ง เธอยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเมื่อจงอินขยิบตาให้เธออย่างรู้กันในตอนท้ายเพลง

     

    I won't give up on us (No I'm not) (Giving up)
    God knows I'm tough enough (I am tough) (I am loved)
    We got a lot to learn (We're alive) (We are loved)
    God knows we're worth it (And we're worth it)

     

    ผมจะไม่ยอมแพ้ ในเรื่องของเรา (ไม่ ผมจะไม่มีทางยอมแพ้)

    พระเจ้ารู้ดีว่าผมเข้มแข็งพอ (ผมเข้มแข็ง...เป็นคนที่ถูกรัก)

    เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง (เรายังมีชีวิตอยู่และเราเป็นคนที่ถูกรัก)

    พระเจ้ารู้ว่าเราควรค่าพอสำหรับสิ่งนั้น (เรามีค่าพอ)

     


              I won’t give up on us

                Even if the skies get rough

                I’m giving you all my love

                I’m still looking up...”

               

                ผมจะไม่ยอมแพ้เรื่องของเรา

              แม้ว่าท้องฟ้าจะไม่เป็นใจก็ตาม

              ผมจะมอบความรักทั้งหมดของผมให้แด่คุณ

              ผมจะทำมันให้ได้ที่สุด...

     

     

    บทเพลงอันไพเราะได้จบลงแล้ว ทว่าทุกคนต่างยืนนิ่งราวกับรอให้ใครสักคนพูดออกมาก่อนถึงจะยอมขยับ จงอินยิ้มกว้างให้ทุกคน ก่อนจะหยุดตรงหญิงอันเป็นที่รัก...

     

    “ของขวัญของผม...มีค่าพอที่จะแลกกับของขวัญของคุณมั้ยครับจองซูจอง” ชายหนุ่มพูดใส่ไมค์

     

    เงียบ...

     


                “ผมขอโทษที่โกหกคุณ แต่ผมอยากเป็นผู้ชายที่สามารถปกป้องผู้หญิงที่ผมรักได้ก็เลยไปลงคอร์สเรียนเทควันโด้หลังเลิกเรียนทุกวัน ผมไม่กล้าบอกคุณเพราะว่ามันน่าอาย” จงอินยิ้มหวานพร้อมกับก้มมองชุดสุดเท่ของตัวเองซึ่งได้มาจากกล่องเมื่อวานที่เธอให้เขา ความพอดีของชุดทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าเธอตั้งใจซื้อมาให้เขาโดยเฉพาะ “ขอบคุณสำหรับชุดในวันนี้นะครับ...วันนี้ผมมาสายก็เพราะอยากเป็นผู้ชายที่ดูดีที่สุดในสายตาของคนอื่นเพื่อซูจอง ซูจองเคยทำเพื่อผู้ชายห่วยๆ อย่างผมมาตั้งเยอะ ผมก็จะตอบแทนความรักของซูจองด้วยการดูและปกป้องคุณไปตลอดชีวิต”

     

    ก่อนจะมาถึงที่นี่ เขาต้องไปแวะร้านทำผมชื่อดังที่พวกไอดอลชอบไปกัน บอกให้ช่างช่วยเนรมิตหมาวัดมาเป็นเจ้าชายหน่อย ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงทีเดียว

    “...”

    “ผมจะไม่ยอมแพ้เรื่องของเราหรอกนะครับ ก็ผมแอบชอบซูจองมาตั้งสามปีแหนะ ใครจะยอมแพ้ง่ายๆ” ชายหนุ่มยิ้มทะเล้น ก้มหัวลงจับท้ายทอยเล็กน้อยแก้เก้อ เพราะทั้งห้องยังคงมีแค่เสียงจากปากของเขา

     

    แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นซูจองเดินมาหยุดหน้าเวที พร้อมกับยื่นการ์ดสีแดงมาให้

     

    เขาทำหน้าฉงนแต่ก็รับมาเปิดอ่าน...

     

    ด้านหน้ามีข้อความว่า

     

    Merry Christmas

     

    ส่วนด้านใน...

     

    จงอินอ่า~ เราจะบอกให้นะว่าทำไมเรารักนาย...เรารักในความกล้าของจงอิน วันที่จงอินมาสารภาพรักกับเรา เราตกใจมาก แต่เราก็มันทำให้เราหัวใจเต้นตึกตักๆๆๆๆ เลยนะ ^^

     

    เราเห็นจงอินทำหน้าหงอยๆ แล้วคิดว่าเราคงรู้สึกผิดไปอีกนานแน่ๆ หากเราปฏิเสธจงอินในตอนนั้น เราก็เลยขอจงอินคบ แต่พอเราได้รู้จักตัวตนของจงอิน เราก็รู้เลยว่าเราเลือกคนไม่ผิด เรารักจงอินที่จงอินเป็นจงอิน (งงมั้ย?)

     

    ถึงจงอินจะไม่หล่อ แต่ความสวยของเราจะช่วยทำให้ลูกหน้าตาดี เชื่อสิ!

     

    เราสัญญาว่า ถ้าวันไหนที่จงอินอ่อนแอ...เราจะเป็นคนพยุงจงอินขึ้นมาเอง ^^

     

    ไม่ว่าจงอินจะเป็นยังไงก็ตาม...หล่อหรือไม่หล่อ...จะอ่อนแอหรือจะเข้มแข็ง เราก็รักจงอิน~’

     

    เมื่ออ่านจบจงอินก็รู้สึกขอบคุณคอนแทกด์เลส์นที่เขาใส่มา หากไม่ได้มันเขาคงอ่านไม่ออกเพราะดันถอดแว่นเก็บไว้ที่บ้าน จงอินกุมกระดาษแผ่นนั้นแน่น ก็จะคุกเข่ากับพื้นเวที เพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกับหญิงสาวเจ้าของจดหมาย แล้วเอ่ยคำหวานด้วยน้ำเสียงอ่อยโยน

     

    “ผมก็รักซูจองครับ รักมากที่สุดเลย”

     

    เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังลั่นห้องจัดเลี้ยง ก่อนที่จะมีเสียงเชียร์ดังไล่มาว่าจูบเลยๆๆๆๆ ราวกับวันนี้จัดงานแต่งงานไม่ใช่งานคริสมาสต์

     

    ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีแดงก่ำเช่นเดียวกับซูจอง ถ้าหากอยู่กันสองคนเธอคงมอบจูบเป็นรางวัลให้แก่เขาไปแล้ว แต่นี่สายตาร้อยกว่าคน...เธอจะทำได้ยังไง ทว่าเธอกลับต้องแข็งค้าง เมื่อชายหนุ่มขี้อายเป็นฝ่ายโน้มใบหน้ามามอบความหวานบนริมฝีปากอย่างหนักแน่น ราวกับต้องการตีตราจองผู้หญิงคนนี้ต่อหน้าพยานนับร้อย

               

                ณ วินาทีนั้น ซูจองได้ค้นพบความจริงว่าชายหนุ่ม ไม่ได้มีดีแค่ไอคิวและหน้าตา ทว่าเรื่องจูบ...เขาก็ไม่แพ้ผู้ชายคนไหนเลย

     






     

    -------------------------------------------

    จบแล้ว ^^ ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่เข้ามาอ่าน~

    ขอบคุณนิ่ม (ไรท์อีกคน) มากๆ ที่ช่วยคิดหลายๆ อย่าง เรื่องนี้คงไม่เกิดเลยถ้าไม่ได้นิ่มเล่าพล็อตให้ฟังตั้งแต่แรก เพราะตอนแรกเราสมองตันมาก ไม่รู้จะแต่งอะไร 555555555 ขอบคุณมากกกกก รัก จุ๊บๆ

    แล้วก็คนสำคัญที่ขาดไม่ได้ ทุกคนที่เม้นก็จะเห็นว่าเป็นหน้าเดิมๆ ที่เราคุ้นเคยดี ขอบคุณมากๆ ค่ะ รวมถึงนักอ่านทุกคนด้วยน้า 

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×