ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo F(x)] A Christmas Confession : Kai X Krystal

    ลำดับตอนที่ #1 : A Christmas Confession PART I

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 56













     



                ผมจะทำยังไงดี

    ความในใจของผมมันเริ่มปิดไม่มิด

    มันท้วมท้นจนล้นหัวใจ

    อกผมต้องแตกตายแน่ถ้าไม่ได้บอกคุณ...

     

     

     

           25 ธันวาคม 2xxx

               

    ชายหนุ่มร่างสูงราว 180 เซนติเมตร เดินกุมมือสองข้างของตัวเองไว้ด้านหน้าขึ้นเวทีด้วยท่าทางประหม่าสุดชีวิต ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันอย่างคนไม่มีความั่นใจ พอๆ กับสายตาที่กวาดมองไปทั่วห้องโถงซ้ายทีขวาที เพื่อหาคนๆ หนึ่ง...

     

    ต้นคริสมาสต์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ถูกตกแต่งด้วยของสวยงามหลากชนิด มีทั้งสีเขียว สีแดงและสีขาว สลับกันอยู่รอบๆ ต้นไม้อย่างสวยงาม บนจุดสูงสุดของต้นคริสมาสต์มีดาวสีเหลืองทองเปล่งประกายระยิบระยับ ใต้ฐานต้นไม้มีกล่องของขวัญหลากสีวางเรียงรายอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบกล่อง ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าในนั้นเป็นกล่องเปล่า

     

                เมื่อหยุดยืนอยู่กลางเวทีแล้ว คิมจงอิน...ยกมือขึ้นหมายจะขยับแว่นสายตาที่มักสวมอยู่เป็นประจำด้วยความเคยชิน แต่พอสัมผัสกับความว่างเปล่าทำให้เขานึกได้ว่าตอนนี้จงอินคนเดิมได้หายไปแล้ว เพราะฉะนั้นมือที่ยกขึ้นเลยจัดการเสยผมด้านหน้าที่ถูกปาดขึ้นเพื่อโชว์หน้าผากได้รูปซึ่งรับกับใบหน้าคมคายได้เป็นอย่างดีแทน

               

                หลังจากเจอเป้าหมายในชุดเดรสสั้นเกาะอกสีแดง บนหัวมีที่คาดผมทำจากลวดสีเขียวเป็นรูปต้นคริสมาสต์เล็กๆ เธอดูโดดเด่นท่างกลางฝูงชน ทำให้เขาหาตัวได้ไม่ยาก สายตาคมมองไปยัง เธอคนนั้นด้วยแววตามุ่งมั่น พอสบสายตาเข้ากับดวงตาเรียวคม ความมั่นใจที่หดหายไปกองที่ปลายเท้าก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง มือหนาจัดขาไมค์ให้ความสูงพอดีกับริมฝีปาก และกระชับกีตาร์โปร่งไม้สีน้ำตาลไว้ในมือทั้งสองข้าง ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ

     

                “ฮะโหล” เคาะไมค์พร้อมกับลองเสียงไปด้วย และเสียงที่ออกมาก็ดังพอที่จะเรียกความสนใจของคนทั้งห้องโถงได้

     

                เด็กไฮสคูลกว่าหลายร้อยชีวิตต่างหันหน้ามาทางเวที พลันเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า ผู้ชายสุดเท่คนนั้นคือใคร?’

     

                หลายคนแน่ใจว่าเด็กผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งคนนั้นไม่ได้อยู่โรงเรียนเราแน่ๆ หากแต่หลายคนกลับรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าคมคายประดับไปด้วยจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูปสีเชอร์รี่ และที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นดวงตาคมกริบทั้งสองข้างซึ่งเรียกสายตาสาวๆ ให้สะกดอยู่ที่ตัวเขาได้เป็นอย่างดี

     

    ผิวสีน้ำผึ้งสะท้อนกับหลอดสีส้มนวลทำให้ชายหนุ่มดูเปร่งประกายมากกว่าชายคนไหนในงาน ชุดสูทสีดำสวมทับเสื้อเชิตสีขาว ปลดกระดุมสามเม็ด เผยให้เห็นแผงอกที่ทำเอาคนมองใจสั่นได้ไม่ยาก กางเกงแสล็คขายาวสีเดียวกับเสื้อสูท รวมทั้งรองเท้าสีดำเงาที่เพิ่มความดูดีให้ชายหนุ่มได้ไม่น้อย

     

                ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีที่สุดในงาน

     

                จงอินกลืนน้ำลายช้าๆ เมื่อมั่นใจว่า เป้าหมายกำลังมามองทางตัวเองเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จากนั้นจงอินจึงค่อยๆ ขยับปลายนิ้วลงบนสายเอ็นของกีต้าร์ตัวโปรดช้าๆ

     

                ทำนองกีตาร์ในเพลง I  won’t give up ของ Jason Mraz ดังขึ้นตามปลายนิ้วเรียวของชายหนุ่ม เสียงใสๆ จากกีต้าร์โปร่งและริมฝีปากของชายหนุ่มสะกดให้ทุกคนไม่สามารถขยับไปไหนได้ ร่างสูงขยับปากตามคำร้องของเพลงไปเรื่อยๆ

     

                จนกระทั่งถึงท่อนพิเศษ...

     

                ดวงตาทั้งสองคู่สบกันอย่างลึกซึ้งแม้จะอยู่ห่างกันไปสิบๆ เมตรก็ตาม

     

                “I won’t give up on us

                Even if the skies get rough

                I’m giving you all my love

                I’m still looking up...”

     

                ผมจะไม่ยอมแพ้เรื่องของเรา

              แม้ว่าท้องฟ้าจะไม่เป็นใจก็ตาม

              ผมจะมอบความรักทั้งหมดของผมให้แด่คุณ

              ผมจะทำมันให้ได้ที่สุด...

     

     

     

     

     

     

     

              2 เดือนก่อนหน้านั้น

     

                24 ตุลาคม 2xxx

     

                “ผมชอบคุณจองครับ”

                ‘…’

                “ผมแอบชอบคุณจองมานานแล้วแต่...”

                “ฮ่าๆ ไอ้แว่นนี้โคตรฮาเลยว่ะซูจอง มันบอกว่ามันชอบใครนะ ซูจอง?

                “เออ ได้ยินเหมือนกูเลย ฮ่าๆๆ แม่งหน้าเกรียนๆ อย่างมัน ซูจองไม่สนใจหรอกเว้ย ขนาดกูหล่อกว่าแม่งตั้งเยอะ ซูจองยังปฏิเสธเลย”

                “ซูจอง นี่เธอชวนนายคนนี้มาด้วยเหรอ นี่มันเด็กหน้าห้องเดียวกับเธอหนิ”

                “นี่นายน่ะ ชื่อจงอินใช่มั้ย แหม ไม่ทราบว่าใครเชิญนายมางานวันเกิดเพื่อนฉันยะ แล้วดูแต่งตัวสิ ไม่รู้หรือไงว่าเขาไม่ต้อนรับคนหน้าตาไม่ดีน่ะ”

               

                คำดูถูกและคำถากถางอีกมากมายดังตามมาอย่างต่อเนื่อง จนชายหนุ่มในชุดเชยๆ เริ่มสั่นเบาๆ ด้วยความกลัวและอยากจะร้องไห้ เขาก้มลงมองเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่และกางเกงยีนสีเข้มตัวหลวมโพรกที่ขอยืมมาจากพี่ชายด้วยความเสียใจ จงอินคิดว่ามันเป็นชุดที่ดูดีที่สุดตั้งแต่เขาเคยใส่มาเลยด้วยซ้ำ เพิ่งมารู้สึกตัวตอนนี้เองว่ามันเชยเหลือเกินหากจะเปรียบเทียบกับผู้ชายสามสี่คนในห้องนี้

     

                ทุกคนในที่นี้อยู่ในชุดดูดีด้วยกันทั้งนั้น อีกทั้งหน้าตาของแต่ละคน ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ดูดีกว่าเขาหลายสิบเท่า

     

                ไม่โกรธหรอกที่คนพวกนี้ว่าเขาแบบนั้น เขามันเป็นไอ้เชยจริงๆ นี่น่า

     

                “เป็นแค่หมาวัด คิดจะเด็ดดอกฟ้าหรือไงวะ” ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมา

     

                ใช่ เขามันเป็นแค่หมาวัดธรรมดาๆ ที่คิดจะเด็ดดอกไม้งาม...

     

                จงอินก้มหน้าอยู่สักพัก ก่อนจะทำใจสู้เงยหน้าขึ้นใหม่อีกครั้ง จงอินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่เขาแอบชอบมานานกำลังจ้องเขม็งมายังเขาอยู่ก่อนแล้ว ก้อนเนื้อในอกสั่นไหวอย่างรุนแรงเพียงแค่เธอมองมาดังเช่นทุกครั้ง และทุกครั้งเขาก็จะเป็นฝ่ายหลบสายตาเสียเอง แต่วันนี้ ณ วินาทีนี้ เขากลับฮึดสู้ จ้องตอบหญิงสาวคนนั้นด้วยแววตามุ่งมั่น เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นเป็นความจริง

     

    บรรยากาศในห้องคาราโอเกะครึกครึ้นด้วยเสียงหัวเราะเยาะชายหนุ่มสุดเชย ทุกคนต่างพูดคุยกันสนุกปากโดยไม่สนว่าคำพูดของตนจะทำร้ายผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน

     

    “ถามหน่อย ใครเชิญมันมาวะ เสนอหน้ามาเองแน่เลย ซูจองเธอชวนมันมาหรือเปล่า?” เพื่อนชายของซูจองถามขึ้น

    “...” คนถูกถามไม่ตอบ ยังคงจ้องชายหนุ่มสุดเชยด้วยสายตาที่ไม่มีใครเดาอารมณ์ออก

    “ผะ ผมมาเองครับ” จงอินรวบรวมความกล้าตอบอีกครั้ง “ผมแค่อยากมาสารภาพความในใจกับคุณซูจอง”

     

    สิ้นคำพูดของจงอิน คนทั้งห้องก็หัวเราะร่วนอย่างไม่เกร็งใจใครหน้าไหน ยกเว้นก็แต่หญิงสาวเจ้าของงานวันเกิดที่นั่งนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

     

    จงอินย่นหน้าด้วยความรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ ตาแดงเพราะเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดถากถางของคนในห้องที่ทำราวกับเขาไม่ใช่คน ชายหนุ่มกุมมือทั้งสองข้างแน่นพลางมองไปยังหญิงสาวคนเดิม ลุ้นว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไง แต่รอจนแล้วจนรอด หญิงสาวที่เขาชอบก็ยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิม

     

    ชายหนุ่มเริ่มใจเสีย ไม่สิ เขาใจเสียตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในห้องนี้แล้วด้วยซ้ำ วินาทีนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองได้ทำพลาดอย่างใหญ่หลวงที่กล้าคิดจะจีบหญิงสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน เชียร์ลีดเดอร์สาวที่หนุ่มๆ ทั้งโรงเรียนหมายปอง รวมทั้งเด็กหน้าห้องอย่างเขาด้วย

     

    แต่เขาจะไม่เสียใจ ในเมื่อเขามีเป้าหมายอย่างเดียวคือเผยให้เธอรู้ความในใจที่กักเก็บมาเกือบสามปี แค่ให้เธอได้รับรู้ก็เพียงพอแล้ว...

     

    พอแล้วจริงๆ

     

    เมื่อคิดได้ยังนั้นจงอินก็หลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่พร้อมกับรอยยิ้มเศร้าๆ “ผะ ผมแค่อยากให้คุณจองรับรู้ แต่ผมไม่ได้หวังให้คุณจองให้มาสนใจผมอยู่แล้ว ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่ยอมฟังผม และขอโทษด้วยที่รบกวน”

     

    “...”

     

    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายตาทุกคู่จ้องมองชายหนุ่มตัวสูงแสนเชยที่กำลังก้าวไปทางประตูด้วยความรู้สึกสมเพช ทว่ายกเว้นจองซูจอง...เธอยืนขึ้น สาวเท้าเดินไปหาชายหนุ่มที่กำลังเดินคอตก แล้วคว้ามือหนามาจับ ก่อนจะออกแรงดึงให้เขาเดินตามเธอออกมาจากห้อง

     

    จงอินตกใจจนแทบล้มทั้งยืนที่อยู่ๆ สาวที่เขาหมายปองเข้ามาจับมือ แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเธอโทร. ไปหาเพื่อนว่าจะไม่กลับเข้าไปแล้ว อ้างว่ามีนัดกับเขา ชายหนุ่มยืนตะลึง จ้องมองหญิงสาวข้างกายอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

     

    “คิมจงอิน...นายอยากเป็นแฟนกับฉันมั้ย?

     

    เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ!?

     

    “ฉันถามว่าอยากเป็นแฟนกับฉันมั้ย?” ซูจองย้ำราวกับอ่านใจชายหนุ่มออก จงอินจ้องคนตรงหน้าตาโต เขาขยี้หู ขยี้ตาตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปหรือคิดไปเอง

     

    หญิงสาวร่างบางที่เห็นท่าทีเหลอหลาของชายหนุ่มก็ถึงกับหลุดหัวเราะร่วนขึ้นมาทันที เธอบีบมือหนาของเพื่อนร่วมห้องแรงๆ หนึ่งที แล้วเอ่ยย้ำอีกครั้ง “ตกลงนายจะเป็นแฟนกับฉันมั้ย?

     

    “ปะ เป็นครับผม!

    “งั้นก็ไปเดทกัน”

     

               

     

     

      

     

               

                ร่างสูงโปร่งและร่างบางเดินเคียงคู่กันไปตามถนนสายหนึ่งที่เป็นทางกลับบ้านของหญิงสาว ตอนแรกทั้งสองคนตั้งใจว่าจะไปเดทกัน แต่พอดูเวลาแล้ว ซูจองคิดว่าควรกลับบ้านมากกว่า เพราะพรุ่งนี้ทั้งสองคนมีเรียนแต่เช้า

     

    บรรยากาศยามค่ำคืนดีเสียจนจงอินไม่อยากให้ถนนสายนี้สิ้นสุดลง การที่มีหญิงสาวที่เขารักมาเดินข้างกายมันสุขใจจนเขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง จงอินแอบชำเลืองมองหญิงสาวด้วยหางตาทุกๆ สิบวินาที เขาอยากจะหันมองเธอตรงๆ แต่ก็ไม่กล้า กลัวว่าคนข้างกายจะไม่พอใจที่เขาบังอาจไปมองหน้าสวยๆ ของเธอ

     

                “ถ้าอยากมองก็มองสิ ไม่เห็นต้องทำตาเขเลย” ซูจองพูดลอยๆ

                “คะ ครับ” จงอินคนซื่อรับคำพร้อมกับหันหน้ามองหญิงสาวเต็มๆ ทั้งที่ยังเดินอยู่

                “เดินอย่างนี้เดี๋ยวกับล้มหรอก” ซูจองดุ จงอินเลยหน้าจ๋อยลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมองหญิงสาวไปเดินไปด้วยความสุขใจ จนกระทั่งซูจองหยุดเดิน “ถามอะไรหน่อยสิ”

                “ครับ?

                “รู้ได้ไงว่าฉันมาจัดเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อนที่นี่”

               

                คนถูกถามชะงักไปชั่วครู่ ก่อนที่จะระบายยิ้มพร้อมคำตอบ “ได้ยินเพื่อนคุณจองพูดกันในห้องน่ะครับ”

     

                “คุณจอง?” ซูจองย้อนถามเสียงสูง

                “ครับ คุณจอง”

                “กฏข้อแรกของการเป็นแฟนกับฉันคือเลิกเรียกฉันว่า คุณจองเลยนะ ถ้าไม่เลิกเรียกแบบนั้น เราเลิกกันเดี๋ยวนี้แหละ” หญิงสาวดุ

                “ดะ ได้ครับ คุณจอง...เอ้ย คุณซูจอง”

                “ดีมาก~

                “แล้วกฏข้ออื่นล่ะครับ?

                “ข้ออื่นยังไม่รู้ เอาไว้คิดออกแล้วจะบอกแล้วกัน”

               

                จงอินพยักหน้ารับอย่างงงๆ แต่แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้เมื่อกวาดตามองร่างบางในชุดเสื้อไหมพรมแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนขายาวสีซีดซึ่งแนบไปกับเรียวขาบาง ดูน่ามองเป็นที่สุด

     

                “คุณซูจองหนาวมั้ยครับ” ถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะเขาถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อย เตรียมจะคลุมไหล่บางทั้งสองข้างหญิงสาว “คลุมไว้นะครับ ซูจองรีบออกมาเลยไม่ได้เอาเสื้อโค้ทมาด้วยใช่มั้ยล่ะ”

                “...” ซูจองเงียบ มองชายหนุ่มที่อยู่ในเสื้อยืดตัวบางกับกางเกงยีนด้วยสายตาคาดไม่ถึง

                “ถ้าถึงบ้านเมื่อไร ค่อยเอามาคืนผมก็ได้ครับ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหูและลำคอ แม้จะเป็นช่วงกลางคืน แต่แสงจากไฟถนนก็ช่วยทำให้ซูจองมองเห็นใบหน้าเขินอายของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

     

                หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วกระชับเสื้อเชิ้ตสีขาวไว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือหนา ประสานง่ามนิ้วเข้าหาอีกฝ่าย เผื่อแผ่ความอบอุ่นไปยังแฟนหนุ่มแทนคำขอบคุณ แล้วดึงให้ออกเดินต่อ

     

                “เผื่อนายหนาวน่ะ” พูดไปก็ยิ้มไป เนื่องจากจับได้ว่าคนข้างกายสั่นเทิ้มที่เธอจับเนื้อต้องตัวเขา ผู้ชายอะไร แค่จับมือก็สั่นแล้ว “ดูสิ สั่นใหญ่เลย”

                “...”

     

                ก็...ก็...ก็ไม่คิดนี่น่าว่าผู้หญิงอย่างซูจองจะกล้าจับมือผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีเลยอย่างเขา

     

    พระเจ้าฮะ ถ้านี่เป็นความฝัน ก็ขอให้ผมหลับไปตลอดเลยนะครับ ได้โปรดอย่าปลุกผมเลย

     

                “จงอิน...ทำไมนายถึงชอบฉันล่ะ เท่าที่จำได้ เราแทบไม่เคยพูดกันเลยนะ”

     

                ฝีเท้าของฝ่ายชายชะงัก ซูจองเลยหยุดเดินไปด้วย เธอเงยหน้าขึ้นสบตาคมภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะที่บดบังความหล่อของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างแนบเนียน ยิ่งผมหยิกๆ ที่ม้วนกันฟูฟ่องจนทำให้ผู้ชายคนนี้ดูล้าสมัยไปหลายยุค แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ทำให้ซูจองดูไม่ออกว่าผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้ดูดีแค่ไหนหากปรับเปลี่ยนบางอย่าง

     

    แต่ก็นะ ไม่ใช่เรื่องของเธอที่ต้องไปยุ่งกับรูปลักษณ์ของคนอื่นสักหน่อย จงอินเป็นอย่างนี้ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเธออยู่แล้ว การคบใครสักคน ไม่ได้วัดจากหน้าตาสักหน่อย

     

    “ผม...ผม...แค่ชอบซูจองครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่วันแรกที่ผมเข้ามาในโรงเรียนนี้ ผมก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย” เสียงสั่นราวกับคนพูดกำลังตื่นเต้น ทว่าแววตาจริงจังที่ทอดมองมายังซูจอง บ่งบอกให้หญิงสาวรู้ว่าจงอินไม่ได้โกหกแม้แต่คำเดียว

    “จะบอกว่าชอบที่ฉันสวยงั้นสิ” ซูจองถามเสียงสูงคล้ายไม่พอใจ ก่อนจะแสร้งทำตาละห้อย “งั้นนายก็เหมือนผู้ชายคนอื่นที่ชอบฉันเพราะรูปลักษณ์ภายนอกสินะ ผิดหวังจัง”

    “มะ ไม่ใช่นะครับ! ยอมรับว่าซูจองเป็นรักแรกพบของผม แต่เพราะผมมองแต่ซูจองคนเดียวมาตลอดเลยทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้ตกหลุมรักแค่ความงามของซูจอง ผมรักคุณ...ที่คุณเป็นคุณ”

    “...”

    “อ่า ผมทำให้ซูจองกลัวผมใช่มั้ย ผมนี่มันแย่จริงๆ” จงอินยกมือที่ว่างตบท้ายทอยตัวเองอย่างเจ็บใจที่เผลอพูดความในใจออกไปตรงๆ เขาเกรงว่าหญิงสาวจะกลัวที่เขาดูเหมือนเป็นพวกโรคจิต

     

    ในโลกของเขามีเธออยู่เต็มไปหมด...ส่วนโลกของเธอ คงไม่มีแม้แต่ชื่อของเขาเลยด้วยซ้ำ

     

     “นายนี่แปลกจริงๆ” ซูจองว่าอย่างไม่จริงจัง “แต่ก็น่ารักดีนะ”

    “ฮะ!” จงอินตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เบิกตาโพลงอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคนชมตัวเองว่าน่ารัก

     

    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยด้วยซ้ำที่มีผู้หญิงคนอื่นนอกจากแม่ชมว่าเขา น่ารัก

     

    “ก็บอกว่าน่ารักไง ทำไมชอบให้พูดซ้ำอยู่เรื่อย” เอ็ดอย่างไม่จริงจังก่อนจะลากให้ชายหนุ่มเดินตามมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าปากซอยบ้านเธอ  “ส่งแค่นี้แหละ เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง”

    “แต่...”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว ฉันเดินเข้าคนเดียวประจำ นี่จะสองทุ่มแล้ว นายกลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่โรงเรียน” ซูจองตัดบทแล้วจัดการคืนเสื้อให้เจ้าของ เตรียมจะเดินเข้าซอย แต่จงอินกลับเรียกไว้ก่อน

    “ซูจองครับ”

    ??

    “ทำไมคุณถึงยอมเป็นแฟนกับคนแบบผมครับ ถ้าเพื่อนคุณรู้ เพื่อนคุณคงไม่ชอบแน่ๆ”

    “ทำไม นายชอบเพื่อนฉันเหรอ ถึงต้องแคร์คนพวกนั้น” ซูจองถามอย่างไม่พอใจ สังเกตจากสีหน้ากังวลใจของอีกฝ่ายก็พอจะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไร “นายคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับฉันงั้นสิ”

    “ผมแค่...” ไม่อยากให้คุณถูกมองไม่ดี ...จงอินต่อประโยคในใจแล้วหลบสายตาเรียว

    “ถ้านายคิดอย่างนั้น นายไม่น่ามาสารภาพรักกับฉันตั้งแต่แรกเลยนะจงอิน”

     

    หญิงสาวทิ้งท้ายไว้ให้จงอินคิดก่อนจะเดินเข้าซอยโดยไม่หันกลับไปมองคนเบื้องหลังอีกเลย แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินประโยคอวยพรวันเกิดจากแฟนหมาดๆ

     

    Happy birthday ครับซูจอง! ผมไม่มีของขวัญอะไรให้นอกจากหัวใจของผม...ขอบคุณที่รับมันนะครับ”

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันต่อมา

     

    บรรยากาศหน้าโรงเรียนตอนเช้าเหมือนดังเช่นทุกวัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปในเช้าวันนี้ก็คือมีหนุ่มแว่นตัวสูง ผมฟู สะพายกระเป๋าเป้ทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำตาลไว้บนหลัง ยืนก้มหน้า เกี่ยเท้าไปมาหน้าประตูโรงเรียนราวกับรอใครบางคน

     

    ปกติมาถึงโรงเรียนปั๊บ จงอินมักขึ้นห้องไปนั่งอ่านหนังสือเตรียมบทเรียนก่อนเข้าชั้นเรียน ไม่เคยต้องมารอใครเหมือนตอนนี้ แต่ถึงคิมจงอินจะทำตัวแปลกไปจากทุกเช้า ก็ไม่มีใครสนใจเขาหรอก เขาเป็นเหมือนคนไม่มีตัวตนในโรงเรียนนี้อยู่แล้ว...

     

    ยืนรออยู่ประมาณสิบนาที หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของจงอินก็เดินเลี้ยวมาจากมุมถนน ร่างสูงยืนคอแข็งขาแข็งอย่างตื่นเต้นที่ได้เห็นเธอในเช้าวันนี้ วันที่สถานะของเขาและเธอเปลี่ยนไป...

     

    “หวัดดีครับซูจอง” จงอินทักด้วยใบหน้าเขินอาย ไม่กล้าสบตาคนสวยตรงๆ

    “...” ซูจองมองแก้มแดงๆ ของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าแฟนด้วยใบหน้านิ่งๆ ทั้งที่ในใจขำกับท่าทางเหมือนวัยรุ่นตอนต้นของจงอินแทบบ้า แต่เพราะเมื่อวานเขาพูดไม่เข้าหู เลยจำเป็นต้องปั้นหน้านิ่งไว้ก่อน

    “ให้ผมช่วยถือกระเป๋าให้มั้ยครับ” พูดจบก็จับกระเป๋าสะพายหลังสีดำของซูจอง แต่หญิงสาวปัดแขนของเขาออกอย่างแรง พร้อมกับสะบัดหน้ามองเขาอย่างไม่พอใจ

     

    หัวใจจงอินหล่นวูบเมื่อสบตาเข้ากับหญิงสาว ความไม่พอใจที่พุ่งตรงมายังเขาทำให้จงอินรู้ว่าเธอยังโกรธเรื่องเมื่อคืนนี้ ชายหนุ่มไม่รู้จะทำยังไงให้หญิงสาวหายโกรธ ประสบการณ์ความรักก็ไม่เคยมีเหมือนคนอื่นเขาหรอก เอาแต่แอบรักซูจองมาตลอดเกือบสามปี จนไม่เคยมองใคร และไม่มีใครมอง จงอินไม่มีทางเข้าใจอารมณ์ของคนมีแฟนแน่ๆ

     

    “ผมขอโทษครับ” คิดอะไรไม่ออกก็ได้แต่เอ่ยขอโทษออกไป ก้มหน้าหงุดๆ เมื่อรู้สึกถึงสายตาคนรอบข้างกำลังมองมาทางเขา “ผมแค่ไม่อยากให้ซูจองดูไม่ดี...”

    “...”

    “ดูสายตาคนอื่นสิครับ เขามองผมเหมือนเห็นตัวประหลาด ผมไม่อยากให้ซูจองรู้สึกแย่ที่มาคบกับผม”

    “...”

    “ผมขอโท...”

     

    !!!

     

    จงอินเบิกตาโพลงเมื่อคนสวยของเขาเขย่งปลายเท้ามาหอมแก้มเขาเบาๆ ต่อหน้าสายตานักเรียนหลายสิบคน และยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อหญิงสาวประสานมือเข้ามาเกี่ยวกับเรียวนิ้วมือของเขาช้าๆ พร้อมกับกระซิบข้างหูว่า...

     

    “ถ้าพูดขอโทษอีกคำเดียว จะจูบโชว์ตรงนี้เลยด้วย”

    !!!

    “ที่ฉันยอบคบกับนายเพราะนายไม่เหมือนคนอื่น เพราะฉะนั้นนายไม่เห็นต้องอายที่ตัวเองเป็นตัวเองเลย”

    “ขะ เข้าใจแล้วครับ” จงอินตอบเสียงสั่นด้วยหัวใจลิงโลดอย่างมีความสุข ผิวสีน้ำผึ้งแดงก่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาตั้งสติแล้วกระชับมือเล็กๆ ให้แน่นขึ้น หายใจเข้าเรียกความมั่นใจแล้วจูงมือเธอเดินเข้าโรงเรียนท่ามกลางเสียงซุบซิบของนักเรียนหลายคน

     

    เชียร์ลีดเดอร์เบอร์หนึ่งของโรงเรียนกับนายหัวฟูห้องคิงคบกันงั้นเหรอ!

     

     

     

     

     

     

                17.00 น.

     

    เย็นวันนั้นซูจองมีซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน คนว่างงานอย่างจงอินไม่พลาดที่จะไปให้กำลังใจแฟนติดขอบสนาม ปกติแล้วหลังเลิกเรียน ถ้าเขาไม่มีธุระอะไร ก็จะไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดสักชั่วโมงค่อยกลับบ้าน แต่วันนี้ต่างออกไป เขานัดกับซูจองว่าจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน เลยทำให้เขาต้องรอเธอซ้อมเสร็จ

     

    นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นจับจ้องร่างบางของซูจองที่กระโดดเหยงๆ อยู่ในสนามหญ้าอย่างมีความสุข เวลาซูจองซ้อมเต้นเธอจะเปลี่ยนจากชุดนักเรียนมาเป็นกางเกงผ้ายืดขาสั้นยาวแค่ครึ่งต้นขากับเสื้อยืดพอดีตัว ผู้ชายหลายคนเลยชอบมาเล่นบอลในสนามนี้ เพื่อที่จะได้มีโอกาสแอบมองขาสวยๆ ของพวกเชียร์ลีดเดอร์ โดยเฉพาะซูจองของเขา เธอสวยเด่นกว่าใครทั้งหมดในทีม ผมยาวสลวยสีดำ หยักโศกเล็กน้อยช่วงปลาย ยาวคลอเคลียกับใบหน้ารูปหัวใจเลยลงมาถึงกลางหลัง ผิวสีน้ำนมของหญิงสาวทำให้เธอดูเปร่งประกายท่ามกลางผู้หญิงทุกคน ไม่ต้องพูดถึงเครื่องหน้าที่สวยราวกับพระเจ้าบรรจงปั้นมาให้เป็นพิเศษ

     

    ซูจองดึงดูดสายของจงอินจนเขาไม่สามารถหันไปมองคนอื่นได้อีกเลย...

     

    หญิงสาวซ้อมเต้นอย่างนี้ตลอดสามปีแล้ว เขามักแอบมองเธอทุกครั้งที่เดินผ่านสนาม บางครั้งก็ตั้งใจเดินอ้อมตึกเรียนเพื่อให้ผ่านที่นี่ วันๆ แค่ได้แอบมองเธอยิ้มอย่างมีความสุข เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้เลื่อนแท่นมาเป็นแฟนของเชียร์ลีดเดอร์คนสวยประจำโรงเรียน

     

    ระหว่างพักเบรกซูจองวิ่งมาหาเขา พร้อมกับดื่มน้ำและกัดขนมปังที่เขาเตรียมไว้ให้สองสามคำ ก่อนจะทิ้งตัวลงข้างกัน เธอบ่นเกี่ยวกับรุ่นน้องที่จำท่าไม่ได้ แล้วก็บ่นถึงเพื่อนๆ ที่คอยแต่จะถามเธอเรื่องที่คบกับเขา จงอินไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่พูดให้กำลังใจซูจอง หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะลุกไปซ้อมต่อ

     

    เมื่อเธอเดินไปเข้าทีมกับพวกเพื่อน จงอินก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่เขากับตัวแข็งทื่ออยู่หน้าประตูเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายสองคนคุยกันจากด้านใน

     

    “ซูจองแม่งบ้าปะวะ ไปเอาไอ้แว่นนั้นเป็นแฟน” ชายคนที่หนึ่งพูดติดตลก

    “เห้ย จริงเหรอพี่ ไอ้แว่น หัวฟูๆ อ่ะนะ”

    “เอ่อ ดำๆ อ่ะ แม่งมีคนเดียวแหละ เมื่อวานมันไปสารภาพรักกับซูจองด้วยโว้ย พวกกูขำแทบตาย ไม่คิดเลยว่าซูจองจะเอาแม่งจริงๆ ตาบอดปะวะ กูหล่อกว่าตั้งเยอะ”

    “เล่นมันเลยมั้ยล่ะพี่ กากๆ เกรียนๆ อย่างมันคงทำอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว”

    “เออ อยากอยู่ เจ็บใจชิบหาย! อ้าว เฮ้ย!

     

    จงอินเบิกตาโพลงอย่างตกใจที่อยู่ๆ คนในห้องน้ำก็เดินออกมาเจอเข้ากับเขาพอดี แต่ตกใจได้ไม่นาน ความไม่พอใจจากบทสทนาเมื่อกี้ก็ทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า ยืนตรงอย่างไม่เกรงกลัว แล้วจ้องหน้าสองคนนั้นเขม็ง! แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นคนเดียวกับที่ถากถางเขาเมื่อวานด้วย โชคร้ายที่เขาไม่รู้ชื่อของพวกมัน

     

    “มาว่าแฟนผมทำไม!” ตะโกนใส่หน้าผู้ชายที่หาว่าซูจองบ้าอย่างไม่พอใจ เขาจะไม่โกรธเลย ถ้าผู้ชายพวกนี้ว่าแค่เขาคนเดียว แต่นี่ลามไปถึงซูจอง...เขายอมไม่ได้เด็ดขาด

    “อ้าว พี่นี่มันไอจงอินแฟนสุดสวยนี่หว่า มาให้เล่นงานถึงที่เลยเนอะพี่” ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าอีกคนพูดขึ้น “เอาไงดีพี่ จัดการมันเลยมั้ย?

     

    เมื่อจงอินได้ยินอย่างนั้นก็ใจสั่นขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความกลัว ตั้งแต่เกิดไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อนเลย เขามักเป็นฝ่ายยอมถอยเสมอ แต่คราวนี้เขาจะถอยไม่ได้ ไอพวกนี้มันต้องขอโทษซูจอง!

     

    “หึ มาพอดีเลย” ชายคนแรกหัวเราะในลำคออย่างน่ากลัว แล้วย่างสามขุมมาหาจงอิน ก่อนจะกระชากไหล่จงอินให้เข้าไปในห้องน้ำ

     

    คลิก

     

    เสียงล็อคของกลอนประตูทำเอาจงอินหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ฮึดสู้มองหน้าทั้งสองคนสลับไปมาด้วยความโกรธ เขาไม่ได้กลัวว่าจะโดนทำร้ายเลยสักนิด เป็นห่วงอยู่เรื่องเดียว คือผู้ชายสองนี้จะไม่ยอมขอโทษซูจอง

     

    “พวกแกไปขอโทษซูจองเดี๋ยวนี้” แม้ใจจะไม่กลัว แต่ร่างกายกลับสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพนั้นทำเอาชายสองคนหัวเราะร่าด้วยความขบขัน ราวกับเห็นจงอินเป็นตัวตลก

     

    ชายตัวสูงเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับผลักหัวจงอินอย่างแรงจนแทบตั้งตัวไม่อยู่ และยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบโต้อะไร ผู้ชายอีกคนก็ถีบเข้าที่ท้องของเขาจนกระเด็นไปนั่งกับพื้น แว่นที่ใส่อยู่ตกลงพื้นทันที

     

    แว่น...แว่น...อยู่ไหน!

     

    มือทั้งสองข้างของจงอินควานหาแว่นสายตาไปมาราวกับคนบ้า หัวใจที่เคยร้อนระอุเมื่อสักครู่ แฟบลงจนแทบไม่เหลือซาก ภาพหลากสีผสมผสานเบลอๆ ด้านหน้าทำให้จงอินมองอะไรไม่ชัดเจนสักอย่าง เขาต้องการแว่นเดี๋ยวนี้!!

     

    “แว่นผะ ผม”

    “มึงพูดอะไรนะ! ให้กูไปขอโทษซูจองงั้นเหรอ ทำไมกูต้องไปขอโทษผู้หญิงสวยแต่ไร้สมองด้วยวะ ฮ่าๆ”

    “ซูจองไม่ได้ไร้สมองนะ! ซูจองอยู่ห้องคิง พวกคุณต่างหากที่ไร้สมอง!!” จงอินตะโกนกลับไป แม้จะเห็นหน้าพวกมันไม่ชัดก็ตามที ที่แน่ๆ พวกนี้กำลังยืนค้ำหัวเขาอยู่

    “กูหมายถึงที่เลือกมึงเป็นแฟนโว้ยยยยยย! หน้ายังมึงนี่มีดีอะไรวะ หรือว่าท่าเด็ด ซูจองเลยติดใจ”

    “ไอ้ชั่ว!

     

    จงอินลุกขึ้นด้วยความโกรธ พุ่งหมัดสะเปะสะปะไปข้างหน้าหมายจะให้โดนหน้าคนพูด แต่กลับพลาด เขาต่อยอากาศอย่างแรงจนตัวเองแทบหน้าคว่ำ ถ้าไม่ได้มือใครสักคน เขาคงล้มหน้าคะมำแน่ๆ แต่แล้วมันหาใช่ความโชคดี เพราะเขาถูกเจ้าของมือผลักใส่กำแพงอย่างแรงจนเจ็บไปทั้งหลัง

     

    “กล้าต่อยพวกกูเหรอวะ!

     

    ผลัวะ

     

    ชายหนุ่มไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยหมัดใส่เขา เพราะมองอะไรไม่เห็น ความเจ็บปวดตรงมุมปากเทียบไม่ได้กับความเจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเอง เขาเม้มริมฝีปากและกำมือทั้งสองข้างแน่น ยกหมัดขึ้นหมายจะต่อยไปที่พวกนั้น ทว่าเขากับพลาดอีกครั้ง...มองไม่เห็น ไม่มีแว่นแล้วเขามองอะไรไม่ชัดเจนเลย

     

    เสียงหัวเราะของพวกมันยิ่งทำให้จงอินรู้สึกสมเพชในตัวเอง พวกมันรัวหมัดใส่จงอินจนชายหนุ่มทรงตัวยืนต่อไปไม่ไหว เขานอนคว่ำให้พื้นห้องน้ำพร้อมกับปล่อยให้ตัวเองถูกกระทืบอย่างคนไร้ทางสู้

     

    เจ็บ...ที่ใจ

     

    ขอโทษนะครับซูจอง แค่วันแรกผมยังปกป้องคุณไม่ได้เลย...

     

    ฉับพลันสติของจงอินก็ค่อยๆ เลือนหายไป...





     

    ----------------------------------------------



    โปรเจคพิเศษที่ MPting และ baby.alpaca
     มอบให้กับคนพิเศษ (นักอ่านที่น่ารักทุกท่านนั้นเอง)
    มีสองตอน อีกคตอนลงวันที่ 25 ค่าาา
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×