ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียง 10 วันให้ฉันรู้ใจตัวเอง

    ลำดับตอนที่ #4 : เวลาที่มีเรา

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 55


            เวลาผ่านไปไม่นานก็เย็น ทุกชีวิตยังคงดำเนินชีวิตไปอย่างปกติ  ตอนนี้โอ เซฮุนอยู่ที่บ้านของเขาและกำลังคิดว่าจะทำอะไรให้ลู่หานดีในเย็นนี้  จะทำอะไรดีให้ลู่หานประทับใจในตัวของเขาเอง   ขณะเดียวกันเองลู่หานก็กำลังคิดถึงเหตุการณ์บางเหตุการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่ยังคงมี โอ เซฮุนคนเดิมอยู่ข้างกาย  โอ เซฮุน คนเก่า ที่มักจะชวน ลู่หานไปที่ร้านชานมไข่มุก

            “สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ”พนักงานมารับ ออเดอร์ของทั้ง 2คน

            “ลู่หาน อยากกินอะไร?”เซฮุนถาม พร้อมกับส่งยิ้มให้ลู่หาน

            “ทำไมเขินฉันหรอ?” เซฮุนหัวเราะออกมา

            “กินอะไรก็ได้” ลู่หานยิ้มแล้วตอบออกมา

            “งั้นผมขอชานมไข่มุก2แก้วครับ”

            “รับรสอะไรดีครับ” พนักงานถามอย่างสุภาพ

            “ชาเขียว2แก้วเลยครับ” เซฮุนรีบพูดตัดหน้าลู่หาน

            “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบกินรสชาเขียว”

            “นายไม่เคยกินนายไม่รู้หรอกว่ามันอร่อยแค่ไหนน่ะ ลองชิมดูน๊า ถ้านายชิมแล้วไม่อร่อยฉันจะกินคนเดียวเลย 2 แก้ว”

            “นายมีแผนนี่อยากกินคนเดียว 2 แก้วก็ไม่บอก!!!!ฉันล้อเล่น ยอมชิมก็ได้ ถือว่าแฟนขอ”ลู่หานพูดจบก็ก้มหน้าหลบตาเซฮุน

            “น่ารักอย่างนี้ก็ดีละ จะรักไปจนตายเลยล่ะ”เซฮุนพูดพร้อมหยิกแก้มลู่หาน

            “มาแล้วครับชาเขียวนมไข่มุก รับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ?”

            “ขอบคุณครับ แต่ผมขอแค่นี้ก่อนละกัน”เซฮุนหันไปตอบพนักงาน

            น่าแปลกที่เซฮุนสั่งชานมไข่มุกรสชาเขียวมา 2 แก้วเหมือนกัน แต่แก้ว2แก้วที่ได้มาไม่เหมือนกันเลยสักนิด อีกแก้วเป็นชานมธรรมดามีหลอดตกแต่งด้วยใบชาจีน  ส่วนอีกแก้วเป็นชานมเหมือนกัน แต่ตกแต่งด้วยช็อกโกแลตรูปหัวใจ และเยลลี่รูปแหวนสีฟ้าอ่อนสลับสีชมพูอ่อนเป็นสีที่ลู่หานชอบซึ่งได้ประดับอยู่ตรงกลาง  เซฮุนได้มอบแก้วที่มีแหวนเยลลี่ให้ลู่หาน แล้วหยิบแหวนที่ทำจากเยลลี่สวมให้ลู่หานที่นิ้วนางข้างขวา

            “เราหมั้นกันไว้ก่อนนะ เสี่ยวลู่ ของผม คราวนี้จะกินชาเขียวของผมได้ยังครับ”เซฮุนถาม

            “ได้สิ ฉันจะกินเดี๋ยวนี้แหละจะกินให้หมดด้วยล่ะ”วันนี้ลู่หานมีความสุขมาก

            “แล้วนายบอกพนักงานตอนไหนล่ะเรื่องแก้วพิเศษแก้วนี้”ลู่หานสงสัย

            “ฉันเป็นลูกค้าประจำน่ะฉันโทรมาก่อนหน้านี้ 3 วันน่ะว่าจะมาวันนี้ แล้วฉันก็เลยสั่งให้ทางร้านทำชาเขียวแก้วพิเศษให้เพราะมันต้องใช้เวลานาน ทางร้านจะได้เตรียมตัวทัน”

            “เจ้าเล่ห์นักนะนาย โอ เซฮุน”

            “ชาเขียวอร่อยจัง  ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะอร่อยสู้นมสดของฉันได้”

            “บอกแล้วไงนายไม่เชื่อเอง”

            “นี่ระวังมดขึ้นนะ เยลลี่ที่นิ้วนายอ่ะ อย่าลืมกินมันด้วยล่ะ ฉันสั่งพิเศษแบบว่าอากาศร้อนไม่ต้องให้เหนียวติดมือนายเลยล่ะ แต่ว่าถ้าเป็นแหวนจริงนายคงต้องรอหน่อย เพราะฉันอยากจะเก็บเงินเอง แหวนที่ได้มาฉันจะได้ภูมิใจ ที่เป็นคนหามันมาด้วยตัวเองไม่ใช่เงินพ่อฉันน่ะ”

            “แค่แหวนเยลลี่ กับชาเขียวสุดอร่อยวันนี้ก็พอแล้วแหละ ฉันพอใจแล้ว”ลู่หานยิ้มไม่หุบ

            “ฉันก็พอใจ เพราะวันนี้ชาเขียวแก้วพิเศษของฉันจะทำให้นายชอบกินชาเขียวไปตลอดชีวิตเลยใช่มั้ยล่ะ?” เซฮุนพูดพร้อมกับสบตาลู่หานที่ยังเขินไม่หยุด

     

            ลู่หานนั่งคิดถึงเรื่องเก่าๆเมื่อ 3 ปีก่อน เรื่องที่ผ่านมา ทำให้ลู่หานต้องยิ้มทั้งน้ำตา ไม่นานลู่หานก็ลุกขึ้น ไปหยิบชาเขียวที่อยู่ในตู้เย็นมาดื่มเพื่อให้บรรยากาศคล้ายวันนั้น วันที่ลู่หานยังมีเซฮุนอยู่ข้างกาย

            กริ๊งงงงๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  เสียงกริ่งบ้านลู่หานดังขี้นมา ลู่หานจึงรีบเดินไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน 

            “อันยองฮาเซโย”ลู่หานพูดพร้อมกับเปิดประตูออกไป

            “หวัดดีลู่หาน”เซฮุนทักทายลู่หาน

            “เข้ามาก่อนสิ”ลู่หานชวนเซฮุนมานั่งในบ้าน และวันนี้เซฮุนก็ซื้อชานมไข่มุกรสชาเขียวมากินกับลู่หาน

            “นายจำได้แล้วหรอ”

            “อะไรหรอ?จำได้อะไร?”เซฮุนถามอย่างงงๆ

            “ก็ชานมไข่มุก”

            “ทำไมอ่ะ”

            “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกฉันพูดไปเรื่อยเปื่อยอ่ะ”ลู่หานผิดหวังเล็กน้อย

            “แล้วนายรู้จักหอพักของฉันได้ไงเนี่ย”ลู่หานถามด้วยความสงสัย

            “ก็แอบตามนายมาตอนเลิกเรียนน่ะ”เซฮุนยิ้มอย่างกวนๆ

            “มาฉันอยากกินจะแย่ละ กินชานมกันเถอะ”

            ตอนนี้มีชานมไข่มุก 2 แก้ววางอยู่ตรงหน้าเซฮุนและลู่หาน  ลู่หานและเซฮุนนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกัน  ไม่นานเกินรอเซฮุนก็จัดเตรียมชานมแก้วใหญ่พิเศษให้ลู่หาน ลู่หานไม่อาจเก็บความรู้สึกได้อีกต่อไป

            “นายร้องไห้ทำไม เป็นอะไรบอกฉันมา ฉันช่วยนายได้มั้ย?”เซฮุนพูดด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับลุกออกจากเก้าอี้และรีบไปกอดลู่หานไว้ ลู่หานก็กอดเซฮุนไว้เหมือนกัน แต่คำถามของเซฮุนที่ผ่านมามันทำให้ลู่หานยิ่งร้องไห้หนัก และยิ่งกอดเซฮุนไว้แน่นกว่าเดิม

            “ช่วยบอกฉันได้มั้ย?ว่านายเป็นอะไร ลู่หาน”เซฮุนยิ่งเป็นห่วงลู่หานมากขึ้นทุกที

            “เมื่อ 3 ปีก่อนฉันมีแฟนอยู่คนนึง เวลาเรา2คนว่าง เราชอบไปที่ร้านชานมไข่มุก และก่อนที่แฟนฉันจะหายไปจากฉัน เขาก็พาฉันไปที่ร้านชานมและสั่งทางร้านให้ทำแหวนเยลลี่ให้ฉัน เขาบอกว่าหมั้นฉันไว้ก่อน และพอวันต่อมาเขาก็หายไปไม่กลับมาอีกเลย เขาย้ายบ้านออกไปโดยไม่บอกฉันสักคำ” ลู่หานกอดเซฮุนแน่นพร้อมกับเล่าเรื่องในอดีตเผื่อเซฮุนจะนึกสงสารและกลับมาสนใจเขาบ้าง

            “แล้วทำไมแฟนนายย้ายบ้านล่ะ”เซฮุนถามขึ้นมาด้วยความสงสารและเห็นใจ  ตอนนี้   ลู่หานเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เซฮุนทำคงไม่ใช่เพราะอยากลืมเขาแล้วแหละ แต่คงเป็นเพราะว่าต้องเกิดอะไรกับเซฮุนแน่ๆ  แต่ลู่หานยังไม่เชื่อสนิทใจเท่านั้นเอง

            “แฟนฉันโกรธฉันที่ฉันจะไปเรียนต่อที่อังกฤษโดยที่ไม่บอกเขาสักคำ เขาเลยย้ายบ้านหนีฉันไป และตอนนี้ฉันก็ตามหาเขาจนเจอแล้ว แต่ว่าเขาจำฉันไม่ได้” ลู่หานปล่อยมือที่กอดเซฮุนและเช็ดน้ำตา

            “ตอนที่ฉันไปอยู่อังกฤษ ฉันพยายามจะโทรหาเขาแต่ก็โทรไม่ติด ฉันไปอยู่ที่นั่นได้       1 อาทิตย์แม่ฉันก็เสียฉันจึงกลับมาอยู่ที่นี่ ฉันกลับมาจัดการเรื่องศพแม่แต่ฉันก็ไม่เห็นเขา ฉันคิดว่าเขาไปธุระ แต่ความจริงเขาย้ายบ้านไปแล้ว  ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะได้เจอเขา แต่เขาก็ยังจำฉันไม่ได้”

            “นายบอกฉันไม่ได้จริงๆหรอว่าคนนั้นคือใคร” เซฮุนสงสารลู่หานจับใจ ลู่หานลุกขึ้นยืนมองหน้าเซฮุนและกอดไว้แน่น

            “นายไม่รู้หรอก ถ้านายลืมเรื่องบางเรื่องไป ถึงฉันบอกว่าคือใครนายก็จำไม่ได้”

            “พรุ่งนี้ตอนเย็นฉันจะพานายไปร้านชานมไข่มุกที่ฉันชอบบ้างนะ ฉันอยากกินชานมไข่มุกกับนาย แต่วันนี้คงกินไม่ได้แล้วแหละ เพราะมันคงจืดหมด”เซฮุนยิ้ม แล้วเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้ลู่หาน

            “ก็ดี ฉันอยากไปที่ร้านชานมไข่มุกอีกสักครั้ง”

            “นายจะไปจริงๆหรอ”เซฮุนดีใจ เขารู้สึกดีกับลู่หานจริงๆแต่เขาไม่รู้ตัวเลย

            “ก็นายชวนฉันนี่ ฉันก็อยากไปเหมือนกันถ้าสิ่งที่ฉันคิดมันเป็นจริง”ลู่หานหวังว่าการไปร้านชานมไข่มุกกับเซฮุนครั้งนี้ ถ้าเซฮุนจำอะไรไม่ได้จริงๆจะได้ช่วยฟื้นความจำให้เซฮุนบ้าง

            “ตกลงแล้วนะครับ เสี่ยวลู่”เขาไม่รู้ตัวเองเลยว่าเรียก ลู่หานว่า “เสี่ยวลู่” จิตใต้สำนึกของเขามันบอกอย่างนั้นเอง แต่คำว่า “เสี่ยวลู่” มันทำให้ลู่หานต้องสะดุ้งและหันมองเซฮุน

            “ทำไม? ทำไมเรียกฉันว่าเสี่ยวลู่”

            “ไม่รู้อยู่ดีๆก็อยากเรียก”เซฮุนตอบแบบกวนๆแต่คำพูดนี้มันทำให้ลู่หานมีความหวังจริงๆ

            “งั้น ฉันกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”

            “อืม” ลู่หานพูดจบเซฮุนก็เดินออกไป

            “เดินทางปลอดภัยนะ”ลู่หานตะโกนบอกเซฮุนที่เดินออกไปไกลด้วยความเป็นห่วง

            “ขอบใจนะ จะเดินทางให้ปลอดภัย”เซฮุนรับปากและเดินไปตามถนน ลู่หานเฝ้ามองเซฮุนจนลับสายตาไป

     

            ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดกับเซฮุนก็ตาม ต่อให้มันรุนแรงมากแค่ไหน อาจจะรุนแรงมากจนทำให้เขาลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเอง แต่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ตาม ความรักที่เขามีให้ต่อลู่หานคนที่เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตเขา ก็ยังมั่นคงไม่เปลี่ยนไป ต่อให้เขาจำอะไรไม่ได้ แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อลู่หานก็ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหน เพียงแต่เขาไม่รู้สึกตัวเองเท่านั้น  บ่อยครั้งที่เขามักจะฝันถึงแฟนของเขาในอดีต นั่นเป็นเพราะในใจส่วนลึกของเขานั้น “ไม่เคยสั่ง ให้ลืมลู่หานเลย”

     

    “”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””’”””

                โรงเรียนเลิกแล้ว 2 ชม.ผ่านไป คริสยังคงวุ่นอยู่กับการรวบรวมแบบสอบถามเกี่ยวกับ งาน party ที่จะมาถึงในอาทิตย์หน้า

            “คริส ไม่ซ้อมบาสหรอวันนี้”มินโฮเพื่อนร่วมทีมบาส มาชวนคริสไปซ้อมบาส

            “ไม่หรอก วันนี้ต้องทำงานโรงเรียนก่อนน่ะ ไว้วันหลังละกัน”

            “เออ งั้นหน้าที่กัปตันขอก่อนนะโว้ย วันนี้”

            “เอาไปเถอะ ฉันรับหลายหน้าที่เหลือเกินว่ะ”คริสพูดจบ มินโฮก็เดินไปซ้อมบาสกับเพื่อนๆในทีมต่อ

            “ครบทุกห้องแล้วนี่ ขาดห้องไหนห้องนึงวะ”คริสบ่นกับตัวเอง เมื่อเขาสำรวจดีแล้วก็พบว่า ห้องเรียนข้างๆเขานี่เองที่ยังไม่เอาแบบสอบถามมาส่ง  ห้องนั้นก็ห้องของชานยอลนั่นแหละ

                ......................................................................................................................................................

            “ชานยอลเสร็จยังล่ะ เหลือของนายแผ่นเดียวแล้วนะ จะเฝ้าโรงเรียนหรอไง ทั้งโรงเรียนเหลือเราแค่ 2 คนแล้วมั้งเนี่ย ลู่หานก็กลับบ้านไปแล้วด้วย”ดีโอพูด สักพักก็ได้ยินเสียงประตูตึกปิดลง

            “ไอ้หยอย!!!! ตึกปิดแล้วเร็วดิ”ดีโอตะโกนเรียกชานยอล

            “เออ ถ้าไม่ทันก็นอนนี่แหละ”

            “ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ”

            “เออน่า เอาเถอะ ว่าแต่ตึกปิดจริงๆหรอ”

            “ก็ได้ยินเสียงไม่เนี่ย ฉันจะตะโกนบอกลุงก็แล้วกัน”

            “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวลุงก็หาว่าเรามาขโมยของพอดี ป่ะ...เนี่ยเห็นมั้ยเสร็จแล้ว”แต่พอชานยอลเดินมาถึงประตู ประตูก็ปิดมืดหมดทุกด้านแล้ว

            “ช่วยด้วย ใครอยู่ข้างนอกเปิดประตูให้ฉันหน่อย ลุง ลุงเปิดประตูให้ผมหน่อย”

            “ไหนบอกว่าไม่เป็นไร แมนขึ้นทันทีเลยนะนางหยอย”ดีโอพูด

            “ไม่ต้องพูดมากเลยหาทางช่วยกันดีกว่าจะได้ออกจากที่นี่”

                   ...................................................................................................................................................................................................

            ขณะเดียวกันคริสก็เดินมาเก็บแบบสอบถามห้องของชานยอล ที่ตึกแต่ก็พบว่าตึกปิดแล้ว

            “ไว้วันพรุ่งนี้ก็ได้ค่อยมาเก็บ”คริสบ่นกับตัวเองแล้วกำลังจะเดินกลับ แต่เขาก็ได้หยุดฝีเท้าที่กำลังจะย่างก้าวไปในแต่ละก้าวลง เพราะคริสได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือจากข้างในตึก คริสไม่รอที่จะเดินเข้าไปให้ความช่วยเหลือ

            “รอผมแป๊ปนึงนะครับ”คริสพูดจบก็วิ่งไปเอากุญแจสำรองที่ตึกพิเศษมา

            “ทำไมช้าจังคุณฉันร้อนจะแย่อยู่แล้ว”ชานยอลตะโกนใส่ผู้ให้ความช่วยเหลือโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นคริส

            “ถ้าคุณร้อนก็ขึ้นไปห้องเรียนของคุณแล้วเปิดพัดลมรอสิ ถ้าผมเปิดประตูได้แล้วผมจะเรียกคุณเอง”คริสอย่างกวนประสาท

            “บ้าหรอ ฉันก็ไม่ใช่คนไร้น้ำใจแก่ผู้ให้ความช่วยเหลือนะ ฉันจะอยู่ตรงนี้แหละ”

            “ก็เพราะเสียงคุณนี่แหละรบกวนประสาทผม ผมก็หากุญแจไม่เจอสักที”

            “นี่คุณว่าฉันกวนประสาทหรอ”

            “พอแล้วชานยอลเขามาช่วยเรานะ”คริสหากุญแจเจอแล้ว แต่พอเปิดประตูออกมาก็พบกับชานยอล คริสแทบอยากจะปิดประตูลงแล้วล็อคกลอนไว้เหมือนเดิม แต่คริสก็เห็นใจดีโอที่ยืนตาโตอยู่ข้างหลังชานยอล

            “ขอบใจนะที่มาช่วยพวกฉัน ถ้าไม่ได้นายคงแย่”ดีโอขอบใจคริส

            “ใช่ ฉันมาช่วยนายชานยอล หัดมีมารยาทเหมือนเพื่อนเธอมั่งสิ”

            “นายรู้ชื่อฉันได้ไงคริส”

            “แล้วนายรู้ชื่อฉันได้ไงชานยอล”

            “ก็ได้งั้นหายกัน นี่แบบสอบถามเอาไปเลย”ชานยอลทำหน้างอแล้วยื่นให้คริส

            “ขอบคุณครับ ที่อุตส่าห์เอามาให้ผมทั้งๆที่ผมบอกแล้วว่าให้เอาไปส่งที่ห้องผม”คริสกัดฟันพูดอย่างโมโห

            “รู้จักขอบคุณด้วยหรอ? ก็ฉันยังทำไม่เสร็จ”

            “ก็ผมมีมารยาทที่รู้จักขอบคุณไม่เหมือนใครบางคนที่ไม่ยอมขอบคุณสักคำคนอุตส่าห์ช่วยไว้  แล้วอีกอย่างถ้านายยังทำไม่เสร็จก็ควรนำของเพื่อนทั้งห้องมาส่งให้ฉันก่อน ไม่ใช่ต้องให้รอนายอยู่คนเดียวทั้งห้อง มันเสียชี่อห้องหมด ฉันจะบอกให้”

            “เชอะ ไม่ใช่พ่อฉันอย่ามาสอนฉันเลย”ชานยอลพูดพร้อมกับดึงแขนดีโอที่ยืนเงียบอยู่กลับบ้าน แต่ชานยอลคงต้องเดินคนเดียว เพราะไคขี่มอเตอร์ไซค์สุดหรูมารับดีโอไปเที่ยวซะแล้ว

            “เป็นไง เดินกลับคนเดียว เพื่อนทิ้งหรอกลับกับฉันมั้ย?”คริสถาม

            “ฉันไม่ไว้ใจนายหรอก”ทำไมฉันไม่เอานายไปข่มขืนหรอกน่า

            “ไม่ ยังไงฉันก็ไม่กลับ”

            “เออ ฉันขอบใจนะที่ช่วยแนะนำเรื่องงาน party ได้เยอะเลยอ่ะ”คริสพูดกวนประสาท

            “ก็ไม่ได้เขียนชื่อแล้วนาย รู้ได้ไงว่าเป็นของฉัน”

            “ก็ฉันเห็นว่านายพูดมาก ก็น่าจะคิดมากแล้วก็คงเขียนมากล่ะมั้ง?” 

            kevin wu” ชานยอลทำเสียงใหญ่

            “ก็ในห้องไม่มีใครที่กวนประสาทฉันเท่านายเพราะฉะนั้นแผ่นนั้นก็เป็นของนายชัวร์”คริสพูดอย่างมั่นใจ พร้อมกับเปิดประตูรถลงมาแล้วลากชานยอลขึ้นรถไป

            “ไอ้บ้าจะพาฉันไปไหนวะ”

            “นายสิบ้า ฉันก็จะพานายไปส่งที่บ้านไง”

            “นายรู้ทางไปบ้านฉันหรอ ฉันไม่บอกนายหรอก”

            “ถ้าไม่บอกฉันก็คงต้องพานายไปพักที่คอนโดกับฉันล่ะนะ”

            “ตรงไป แยกหน้าเลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆแล้วจอดที่ป้ายรถเมล์ป้ายที่ 2 หอพักฉันอยู่ตรงข้ามป้ายรถเมล์นั่นแหละ”

            “รีบบอกเชียวฉันนึกว่าอยากไปนอนกับฉันซะอีกนะ”

            “ห้องไหน ฉันจะถือของไปส่ง”

            368” ชานยอลเผลอหลุดปากบอกคริสไป

            “เฮ้ยหลุดได้ไงวะเนี่ย”ชานยอลบ่นกับตัวเองคริสถือของมาส่งที่ห้องชานยอลแล้วก็กลับขึ้นไปบนรถเก๋ง Hyundai สุดหรู คริสกำลังจะออกรถแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

            “ไม่ใช่ของเรานี่ ของใครวะวางไปละ”คริสบ่นกับตัวเอง

            “อ้าวของชานยอลนี่” คริสก็เลยฉวยโอกาสเอาโทรศัพท์ชานยอลโทรเข้าเครื่องตัวเองแล้วก็เดินเอาไปคืน

            “มาทำไมอีก”ชานยอลเริ่มโมโหคริสแล้ว

            “ก็เอาโทรศัพท์มาคืนนายไง”

            “เออ ขอบใจ ไปได้ละ”

            พอคริสขับรถไปถึงคอนโด คริสก็นึกอะไรสนุกๆได้ คริสส่ง mms ให้ชานยอลเป็นวีดีโอรูปหัวใจและส่ง sms ไปว่า “ฝันดีนะครับที่รักของผม”

            “ชานยอลกำลังดูเพลิน จนอยากรู้ว่าใครกันนะที่ส่งไอ้พวกนี้มา”

            แต่พอชานยอลดูจบก็มี mms จากเบอร์เดิมส่งเข้ามาอีก ชานยอลยิ้มและกดดูแต่ปรากฎว่าไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ คราวนี้มาทั้งเสียงทั้งภาพ เป็นภาพผีหัวขาดที่คริสส่งมาแกล้ง ชานยอลไม่รอรีบโทรไปเบอร์นั้นทันที

            Hello”คริสรับโทรศัพท์อย่างสุภาพ

            “นี่นายเองหรอคริสรู้เบอร์ฉันได้ไง แล้วนายแกล้งฉันใช่มั้ย?”

            “ป่าวนะ ไม่ได้แกล้ง”

            “ไม่ได้แกล้งบ้าอะไรส่งข้อความมาสารภาพรักแล้วตบท้ายด้วยภาพผีอ่ะนะ”

            “อ๋อ 2 อันแรกสงสัยฉันกดผิดน่ะ แต่อันสุดท้ายตั้งใจให้นาย 5555”คริสหัวเราะ

            “ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้คริสบ้า”ชานยอลตะโกนใส่โทรศัพท์

            “ฝันดีนะครับ ปาร์ก ชานยอล”

            “ไอ้บ้า” ไม่ทันเสียแล้วเพราะคริสพูดจบก็วางโทรศัพท์ไปเลย

             เมื่อทำอะไรคริสไม่ได้ชานยอลก็ไปอาบน้ำนอน  เขาดูเหมือนจะมีความสุขเวลาที่ได้ทะเลาะกับคริส แต่เขาไม่รู้ตัวเองเลย  คริสก็เช่นกันจากชายหนุ่มที่สุภาพ อ่อนโยน สุขุม รอบคอบ เมื่อเขาได้เจอชานยอลสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ คริสเปลี่ยนไปเป็นคนละคน คือ คริสเป็นคนกวนประสาทสุดๆ แต่เบื้องลึกของคริสการได้กวนประสาทชานยอล นี่ก็คงเป็นสิ่งใหม่ในชีวิตของเขา ที่ทำให้เขามีความสุข

            ....................................................................................................................................................................................

            “สนุกมั้ยดีโอ”ไคถามดีโอหลังจากที่พากันไปเที่ยวช็อปปิ้งแถวเมียงดงมา

            “สนุกสิ” ดีโอตอบ

            “ขอบใจนะที่พาฉันมาเที่ยวน่ะ”

            “ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงฉันอยากจะพานายไปเที่ยวทุกวันเลย แต่ไม่ว่าง”คำพูดของไคทำให้ดีโอเขินจนหน้าแดง

            “งั้นเดี๋ยวฉันถือของไปส่ง ห้องอยู่ไหนล่ะ”

            369” ดีโอบอกไค

            “ส่วนห้อง368 ห้องชานยอล แล้วห้อง 370น่ะห้องของลู่หาน”ดีโอบอกไค

            ไคเดินมาถึงหน้าห้องของดีโอ ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างชานยอล และ ลู่หาน

            “ฉันส่งแค่นี้นะ ฝันดีล่ะ”

            “ขอบใจมาก ฝันดีเช่นกันนะ”

             การไปเที่ยวกับไคครั้งนี้ทำให้ดีโอมีความสุข ทุกก้าวของชีวิตดีโอ ถ้ามีไคเคียงข้างดีโอก็พอใจที่สุดในชีวิตแล้ว ก็เป็นเช่นเดียวกับไค ที่อยากขอเคียงข้างดีโอไปตลอดชีวิตแต่เขายังไม่กล้าก็เท่านั้นเอง

    ........................................................................................................................................................................................................

           

     

           

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×