คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ก้าวที่ 4 วางตารางอ่านหนังสือ
4
เรื่องการจัดตารางเวลา เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากค่ะ ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน คือบางคนก็ถนัดอ่านแบบชิวๆ อยากอ่านเมื่อไหร่ก้อ่าน แต่พี่เหลวไหลง่ายค่ะ ถ้าไม่กฎไม่มีระเบียบ พี่เหลวแบบแย่มากค่ะ พี่เลยต้องมีตารางอ่านหนังสือ ทั้งนี้ทั้งนั้นพี่จะแนะแนวการทำตารางก่อนนะคะ แล้วน้องๆก็ปรับใช้ตามสถานการณ์ของตนเองค่ะ อยากให้น้องๆมีอุปกรณ์ด้วย อย่างตัวอย่างพวกนี้จะเป็นที่พี่ทำนะคะ
1.หาสมุดมาเล่มนึงค่ะ เปิดไปหน้าแรก
เขียนเป้าหมายของเราค่ะ ตัวใหญ่ๆเลย จะให้ใครช่วยเขียนให้กำลังใจก็ได้นะคะ
อย่างอันนี้หลังปกพี่เป็นของอาจารย์ปิงค่ะ ท่านมาติวที่โรงเรียนแล้วพี่ได้โอกาสขึ้นไปช่วยเขียนสไลด์บนเวที จารย์ปิงตัวหอมมว๊ากกกกกกกกกก //เห้ย ผิดประเด็น ท่ดๆ 5555 แต่เจออาจารย์ปิงแล้วฟินจริงนะ ปกติได้เรียนแต่คอร์สวีดีโอ ถถถ
2.หน้าถัดไป ให้เขียนเป้าหมายของแต่ละวิชา แบบนี้
แล้วก็เว้นที่ไว้ให้คะแนนที่ทำได้ด้วยนะ
3.หน้าต่อไป เขียนแรงบันดาลใจของตัวเองค่ะ เค้นมันออกมา คิดให้ออกว่าทำไมอยากเข้า ไม่ต้องสนใจหรอกนะว่ามีเหตุผลอะไร อย่างของพี่บอกได้เลยว่าพี่มีเหตุผลเรื่องการขึ้นรถไฟฟ้า BTS ด้วย พี่รู้สึกดีเวลาได้นั่งมันนะ พี่เลยอยากเรียนจุฬา นี่ก็เป็นเหตุผลนึงของพี่ ตลกแต่จริงจังค่ะ 5555
ตอนเขียนน่ะ ขอให้จำความรู้สึกนั้นไว้นะ เวลาที่ท้อหรือหมดหวัง กลับมาดูนะ แล้วน้องจะได้คิดถึง ว่าตอนที่เขียน ตอนที่รู้สึกแบบนั้น น้องมีพลังมากแค่ไหน จะท้อจะหยุดตอนนี้ มันควรแล้วหรอ?
4.ก่อนที่จะเริ่มเขียนตารางอ่านหนังสือ เปิดไปท้ายเล่มค่ะ
ให้เขียนความเจ็บช้ำทั้งหมดที่รู้สึกไม่ดี ถ้าใครไม่มี ให้เขียนความคิดที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้น ตอนที่น้องคิดว่าน้องจะไม่ติดคณะและมหาลัยที่หวังค่ะ จำความกลัวตอนที่จินตนาการไว้นะคะ ท้อหรือขี้เกียจอ่านเมื่อไหร่ กลับมาอ่านหน้านี้ค่ะ คิดดูค่ะว่าถ้าไม่ติดจะรู้สึกแย่แค่ไหน หรือเขียนความผิดพลาดที่เรารู้ตัวว่าจะเป็นอุปสรรคของเราในการสอบเข้าก็ได้ แล้วน้องก็เขียนวิธีแก้ไขมัน แต่ถ้าน้องคนไหนไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแบบนี้ ไม่ต้องเขียนก็ได้ค่ะ อันนี้เป็นวิธีใช้ความกลัวจากจินตนาการสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมากดดันให้เราไม่อยากพบเจอสภาพนั้นค่ะ
5.พอพร้อมทุกอย่าง ก่อนเริ่มลงมือเขียนตาราง ขอให้น้องที่เขียนวางแผนอื่นที่ไม่ใช่ในสมุดเล่มนี้นะคะ เราแค่จะร่างอะไรนิดหน่อย เก็บสมุดเล่มนี้ไปก่อน แล้วมาจัดการกับกระดาษอื่นๆตรงหน้าค่ะ
อันดับแรก
น้องต้องรู้เวลาชีวิตของตนเอง ว่าตัวเองอ่านหนังสือได้ดีช่วงเช้า หรือช่วงดึก เช่นบางคนถนัดอ่านกลางคืน ตั้งแต่3ทุ่ม ถึงตี2 อะไรแบบนี้ หรือบางคนนอนถนัดอ่านเวลาเย็นๆ อย่างของพี่อ่านดึกไม่ได้ แม่ไม่อนุญาติค่ะ5555 พี่เลยวางเวลาอ่านหนังสือ ตั้งแต่ 6โมงเย็นถึง 5ทุ่ม แล้วก็นอนตื่นมาอ่านตอนเช้าตอนตี3 ถึง 6 โมงเช้าใหม่ พี่ก็จะได้อ่านเต็มๆวันละ 8 ชม. ไม่นับอ่านที่โรงเรียนนะ
ต่อไป น้องต้องจัดเวลาของน้อง ว่าน้องเลิกเรียนกี่โมง มีเรียนพิเศษตอนไหน แล้วก็ปรับการอ่านหนังสือให้เข้ากับมัน ปรับชีวิตให้เข้ากับมัน วางตารางเวลาดีๆ เขียนเลยว่า เวลานี้ทำอะไร เวลานี้ทำอะไร การทำกิจกรรมแต่ละอย่างใช้เวลาเท่าไหร่ คนที่ทำอะไรช้า ลองปรับมาเป็นคนทำอะไรเร็วๆดูสิคะ น้องจะมีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มนะ พอน้องรู้ว่าเวลาไหนทำอะไร น้องจะมีเวลาว่างเป็นของตนเอง ยัดการอ่านหนังสือลงไปที่ช่องว่างนั้นค่ะ อย่างของพี่ พี่เน้นเรียนพิเศษวันเสาร์อาทิตย์เพราะเรียนแบบผ่านคอม เลือกเวลาเอง พี่ก็เรียนรัวๆไป วันเสาร์ 14-15 ชั่วโมงเลย แล้ววันธรรมดาจะได้ว่าง เพราะพี่เหนื่อยค่ะ ถ้าต้องเรียนที่โรงเรียน เรียนพิเศษต่อ แล้วกลับบ้านมาอ่านหนังสือ พลังชีวิตพี่หมดค่ะ หลอด HP กะ MP พี่มันน้อยค่ะ อิอิ แนะนำให้น้องเรียนเสาร์อาทิตย์เหมือนกันถ้าสะดวก **** เดือนแรกที่เริ่มทำ ไม่ต้องหักโหมนะลูก ช่วงแรกพี่ก็ค่อยๆอ่านนิดๆ แล้วถัดไปก็เพิ่มเวลาเอา ให้ร่างกายมันค่อยๆชินไป
พอเราได้ช่องว่างสำหรับอ่านหนังสือแล้ว ต่อไปก็จัดการจัดวิชาลงไปค่ะ จะอ่านแบบวันละวิชายาวๆ หรือจะอ่านวันละ2-3วิชา วิชาละ ชั่วโมง-2ชั่วโมงก็ได้ แล้วแต่น้องเลย
ที่สำคัญ ตารางอ่านหนังสือ แต่ละเดือนไม่เหมือนกันหรอกนะคะ เพราะว่าการสอบแต่ละอย่างวิชาที่ใช้มันก็ไม่เหมือนกันอ่ะเนาะ ยกตัวอย่างของพี่นะคะ
พี่มีสอบ มศว.เดือนกันยา เลือกสอบคณะ มนุษย์เอกภาษาไทย กศบ วิชาที่ใช้สอบ ไทย อังกฤษ ความถนัดทั่วไป ความถนัดทางวิชาชีพครู เพราะฉะนั้น ช่วงเดือน กรกฎา สิงหา พี่จะเน้นอ่าน ภาษาไทย อังกฤษ และความถนัด
พี่มีสอบแกทแพทเดือนธันวา ตอนนั้นยังไม่เลื่อน และพี่อ่านอังกฤษกับเยอรมันพร้อมกันไม่ได้ พี่เลยอ่านทุ่มแค่แพทเยอค่ะ เพราะฉะนั้น ช่วงหลังสอบมศว.เสร็จ รวมถึงตุลา พฤศจิกา พี่จะอ่านภาษาเยอรมัน แล้วก็ไทย สังคม
พี่มีสอบ 7 วิชาสามัญเดือนมกรา วิชาที่ใช้สอบมี ไทย สังคม อังกฤษ ช่วงเดือนธันวา หลังรู้ว่าเลื่อนแกทแพท พี่ก็อ่านภาษาไทย สังคม อังกฤษ
พี่มีสอบโอเน็ตเดือนกุมภาพันธ์ หลังสอบ7วิชาสามัญ พี่อ่านแต่เยอรมันค่ะ จนอาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบโอเน็ตพี่ถึงเริ่มอ่านโอเน็ต ชิวกะโอเน็ตมากจ้า 55
พี่มีสอบแกทแพทเดือนมีนา เพิ่งได้สอบ หลังจากจบโอเน็ต พี่อ่านแต่เยอรมันเลยค่ะ ชีวิตมีแต่เยอรมัน
พี่มีสอบแกทแพทรอบ 2 เดือนเมษา พี่ไม่ได้อ่านเชี้ยไรไปสอบเลยค่ะ 555555555555555555555555 ขี้เกียจว่ะ ทิ้งเลยค่ะ หลังจบแกทแพทรอบแรกเดือนมีนา พี่ก็เล่นเกมส์กระจายค่ะ 6โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พี่เป็นเด็กติดเกมส์ว่ะ โทดเท 555
ดังนั้นน้องควรจะเขียนนะคะว่ามีสอบเดือนอะไรบ้าง ใช้อะไรสอบบ้างจะได้อ่านถูก วางแผนดีๆค่ะ ต่อไปจะเป็นแต่ละเดือนแบบละเอียดของพี่นะคะ พี่วางแผนแต่ละเดือนตามการสอบของพี่ข้างต้นค่ะ วางเวลาอ่านไม่พอนะคะ ต้องมีเป้าหมายแต่ละเดือนด้วย มันทำให้เรารู้สึกว่าสำเร็จไปอีกขั้นค่ะ ถือเป็นการให้กำลังใจตัวเองอย่างนึง ถ้าน้องสามารถบรรลุเป้าหมายเล็กๆที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเป้าหมายหลักได้ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่น้องฝันไว้ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ
เอาล่ะ อธิบายอาจจะเห็นภาพไม่ชัด เรามาดูกันแบบจัดเต็มเลยดีก่าา
เดือนกรกฎา พี่เพิ่งกลับมาไทย เริ่มแยกหนังสืออ่าน กับหนังสือทำข้อสอบ
เดือนกรกฎาทั้งเดือนพี่อ่านหนังสืออ่านจบหมดทุดเล่มค่ะ เป็นเดือนแห่งการอ่านจริงๆ
เดือนสิงหา พี่เน้นอ่านไทย อังกฤษ ความถนัด พี่ทำ AX วันละ 2 ฉบับค่ะ ไอ้อ้วนนั่น เห็นแล้วเหนื่อยค่ะ บอกเลย ใหญ่มากจริงๆ แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันก็ดูลดไปเรื่อยๆนะคะ สนุกดี
เดือนกันยา พี่เตรียมพร้อมสำหรับสอบที่ มศว. พอสอบเสร็จพี่ก็อ่านเยอรมันแทนอังกฤษเลยค่ะ แล้วก็เพิ่ม ไทย สังคมด้วย
เดือนตุลา พี่เรียนคอร์ส TURBO ของดาว้อง อ่านไทย สังคม เยอรมันค่ะ
เดือนพฤศจิกายน อ่านแต่เยอรมันค่ะ
เดือนธันวาช่วงก่อนสอบมีการทำตารางพิเศษค่ะ อ่านแต่เยอรมัน ก่อนสอบคิดว่า ถ้าสอบตอนนั้นมั่นใจว่าเกิน 210 แต่ไม่น่าถึง 230 ที่ตั้งเป้าไว้ พี่เลยหยุดอยู่บ้าน ไม่ไปโรงเรียนอาทิตย์นึงเลยค่ะ แต่สุดท้ายเลื่อนสอบบ อื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม หยุดเพื่อ? เซงง 55
เดือนธันวาถึงต้นมกรา บอกเลยว่าพอรู้ว่าเลื่อนสอบแกทแพทพี่เคว้งมาก หยุดอ่านหนังสือไปประมาณ 10 วันเลยค่ะ คือหยุดนั้นไม่ได้หมายถึงไม่ได้อ่านเลยนะคะ แต่อ่านแบบ วันละ4 ชั่วโมง ไม่ได้อ่านจริงจังมาก คือแอบรู้สึกแย่ที่มันเลื่อน บวกกับเหนื่อยๆด้วยค่ะ นอนวันละ 4 ชั่วโมงมาตั้งเกือบ 6 เดือน เพลียมากจริงๆ แต่พอวันที่ 20 ธันวาเท่านั้นค่ะ รู้สึกตัวว่าไฟลนก้น เหมือนกันขี้เกียจมานาน รู้สึกผิดมากๆ ตอนนั้นตั้งแต่วันที่ 20 ธันวา จนถึงวันที่ 3 มกรา อ่านแหลกเลยค่ะ อดนอนอ่ะ บอกเลย คือมันรู้สึกว่า ถ้าไม่ทำแบบนี้ จะชดเชยส่วนที่ขี้เกียจไป 10 วันนั้นไม่ได้อ่ะค่ะ รู้สึกแย่แบบมากๆ เลยพยามยามอ่านให้มากที่สุด อ่านแบบ4วันติดๆไม่ได้นอน แล้วก็พักนอน 6 ชั่วโมง มาอ่านต่อหลายๆวันติดๆกัน จนพ่อว่าค่ะ โดนไล่ไปนอน TT พ่อบอกห้ามอ่านเลยค่ะ ก็เข้าใจนะว่าเป็นห่วง แต่หนูรู้สึกแย่ที่ขี้เกียจอ๊า โถ่ววว พอวันที่ 2 นี่ก็เอามาอ่านๆทวนๆค่ะ แล้วพ่อก็ไล่ไปนอน วันที่ 3 ก็ไม่ทำอะไรเลยค่ะ อยู่ว่างๆ กดดันเหมือนกัน เป็นสนามแรก เพราะมันต้องใช้คะแนนที่จะยื่นเข้าอักษร ฬ สรุปวันที่ 3 ก็นอนไม่หลับค่ะ 55555555555 วันที่ 4 ไปสอบไทย สอบเสร็จก็โดด ไม่สอบวิชาวิทย์อะไรต่อ กลับบ้านอ่านสังคมกับอังกฤษต่อค่ะ 555 แล้วการสอบ 7 วิชาสามัญก็ผ่านไป
เดือนมกรา อ่านแต่เยอรมันค่ะ
เดือนกุมภา อ่านโอเน็ตก่อนสอบ 1 อาทิตย์ อ่านผ่านๆด้วย เบื่ออมาก เป็นอีก1 อาทิตย์ที่ขี้เกียจ พอสอบโอเน็ตเสร็จก็มาลุยเยอรมันต่อเลยย
20 กุมภา- 11มีนา เดือนนี้ไม่มีตารางนะคะ ตอนนี้พี่ไม่มีเวลาทำจริงๆ อ่านแต่เยอรมัน ชีวิตมีแต่เยอรมัน เยอรมันคนเดียว นอกจากเยอรมันไม่แลเหลียวครายย ตอนนั้นเยอรมันหลอกหลอนมากค่ะ ฝันเป็นภาษาเยอรมัน คือในหัวมีแต่เยอรมันค่ะ ไทย อิ๊งลืมมันหมดเลย
หลังจากสอบเสร็จ พี่ก็เล่นเกมส์ ยัดหนังสือทุกอย่างเข้าชั้นค่ะ เอียนสัส ไอ่ห่า จะอ้วกกก คือเบื่อมันมากค่ะ บอกเลย ตลอดเวลาช่วงม.6 พี่เอาไอโฟนให้แม่ใช้ เปลี่ยนไปใช้ซัมซุงฮีโร่ พี่จะได้ไม่ติดโซเชี่ยว ไม่ติดแอพอะไร เกมส์ไม่ได้เล่น หนังไม่ได้ดู เฟซบุ๊คอะไรไม่มีเลย ละครไม่ได้กรี๊ด นิยายไม่ได้อ่าน การ์ตูนไม่ได้ดู ไร้ความบันเทิงใจใดๆ ความสุขที่สุดคือการได้นอนค่ะ คือชีวิตช่วงนั้นมีแต่หนังสือเลย ตื่นมาจะกินจะนอนจะยืนจะเดินจะนั่ง คิดแต่เรื่องอ่านหนังสือ ตอนเช้านาฬิกาปลุกตี 3 จะไม่ลุกก็ไม่ได้ คำว่าอักษร จุฬา มันติดอยู่ตลอดเวลา คิดว่าถ้าไม่ลุกมาอ่านก็จะเข้าไม่ได้ พออ่านๆง่วงๆจะหลับก็ต้องลุกมากระโดดๆ ให้ตัวเองตื่น คิดแค่ถ้าเราหลับ ก็ไม่ติด พอจะไปโรงเรียน ตอนนั่งรถก็อ่านหนังสือท่องศัพท์ไปด้วย พอเดินไปไหนในโรงเรียนก็เอาเพลงเยอรมันที่แต่งหรือเพลงเมมโมโลดี้มาฟัง ก่อนเข้าเรียนครูยังไม่มา เพื่อนนั่งคุยก็ต้องอดใจไม่คุย หยิบหนังสือมาอ่าน ในชั่วโมงเรียนก็ต้องตั้งใจเรียนจะได้เข้าใจเลย ไม่ต้องเสียเวลาทบทวนทีหลัง ถ้าตอนไหนครูพูดนอกเรื่องก็รีบหลับซะ จะได้มีแรงอ่านหนังสือเพิ่ม มีการบ้านก็ต้องรีบทำให้เสร็จ กลับบ้านจะได้อ่านหนังสือได้เลย ตอนกลางวันได้พักเที่ยงก็ต้องรีบๆกินข้าว เพื่อให้มีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มอีกนิดก็ยังดี พอเลิกเรียนรอพ่อแม่มารับก็เอาหนังสือเอาข้อสอบ เอาศัพท์มาท่องมาฟัง พอขึ้นรถ ก็หลับสักครึ่งชั่วโมง เพื่อที่ว่าอีก5ชั่วโมงต่อมาจะได้มีแรงอ่านหนังสือ พอถึงบ้านก็ต้องรีบๆกินข้าว รีบๆอาบน้ำ จะได้มาอ่านหนังสือ พอถึง 5ทุ่ม เวลานอน ก็รีบๆเข้านอน ได้นอนสัก 4 ชั่วโมงยาวๆ ก็ยังดี พอตี 3 จะได้ตื่นมาอ่าน เริ่มวันใหม่ ตอนนั้นคิดแต่ว่า ต้องอ่านให้มากที่สุด เพราะในขณะที่เราอ่านเท่านี้ยังมีคนอ่านมากกว่าเรา ยิ่งรู้ว่าตัวเองโง่ขนาดไหน ยิ่งต้องขยันเพื่อให้เก่งขึ้น เลยต้องใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่า ต้องอ่านหนังสือ ต้องทำข้อสอบให้มากที่สุด พี่คิดแค่นั้นจริงๆ
และนี่คือชีวิตพี่ตลอด 8 เดือนก่อนที่พี่จะติด อักษร ฬ บอกได้เลยว่า พอคิดย้อนไป ทึ่งในตัวเองมากๆ ว่าทำไปได้ยังไง มันเป็นชีวิตในอุดมคติของพี่มากเลยนะ เป็นตัวพี่ที่ขยันมากๆ เป็นคนที่พี่ไม่ค่อยเชื่อเลยว่านั่นคือพี่ พี่ไม่เคยคิดหรอกว่าตัวเองจะขยัน จะอดทน อดเกมส์อดความบันเทิงได้นานขนาดนั้น พี่ชอบตัวเองตอนนั้นมากเลยๆนะ รู้สึกว่าได้ทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจที่เห็นเราตั้งใจอ่านหนังสือ เป็นเด็กที่ใช้ชีวิตอย่างบ้าพลังดีจริงๆ 55555555
คิดไปคิดมา #จริงๆตอนนั้นก็ดีนะ #ดีพ่องงง กุเหนื่อยสัส ไอ้ห่า ไม่เอาแล้วววว แอดอีกรอบกุตายได้ จบนะ พอออออออออ 5555555555
____________________________________________________________________________________
#Moyaki
ตอนหน้าจะเป็นเรื่องการสอบแต่ละที่ แต่ละสนาม อย่าลืมติดตามกันเนาะ จะได้เตรียมรับมือถูก เย่
เพิ่มเติม เรื่องหนังสือจากตอนที่ 3 น้องที่สนใจทิ้งไลน์ไว้ แล้วพี่จะแอดกลับไปนะค๊าา
เอากี่เล่มก็ได้ ตามใจน้องเลย คนไหนสะดวกมารับที่จุฬาก็จะดีมาก
ถ้าไม่สะดวก ต้องรบกวนให้น้องๆโอนค่าส่งให้พี่เนาะ
ยังไง คุยกันในไลน์อีกที ^^ สงสัยอะไร ถามได้เลยจ้าา
ไว้เจอกั้ลลล
ความคิดเห็น