เพราะ...ฉันรัก - เพราะ...ฉันรัก นิยาย เพราะ...ฉันรัก : Dek-D.com - Writer

    เพราะ...ฉันรัก

    นิยายรักเรื่องแรก ลองเขียนคร่าวๆดูว่าควรเขียนเรื่องเต็มไหม เพื่อนๆทุกคนให้ความเห็นทีนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    124

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    124

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ก.ย. 52 / 15:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      บนความแตกต่าง

       

       

       

      ถ้าหากคนเราคิดอะไร ชอบอะไร เหมือนกันหมดทุกอย่าง

      เราก็คงไม่รู้จักคำว่าแตกต่าง

      เพราะฉันกับเขา รักกันบนความแตกต่างนี่แหละ

       

       

       

       

       

                      เพราะความคิดความชอบของฉันและเขาไม่เหมือนกัน เรื่องที่ทำให้เขามีความสุข เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันอึดอัดและทุกข์ใจที่สุด

       

      คนหนึ่งพร้อมที่จะดูแลคนที่รัก....อีกคนอึดอัดกับการเอาใจใส่

       

      คนหนึ่งอยากทำอะไรๆดีให้คนที่รัก...อีกคนกลับทำร้ายความพยายามทางอ้อม

       

      คนหนึ่งอยากดูแล...อีกคนอยากครอบครอง

       

      คนหนึ่งให้ได้ทุกอย่าง...อีกคนก็ว่าเขาทำอะไรให้ไม่ได้

       

      คนหนึ่งเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย...อีกคนต้องการมากขึ้น แล้วก็ว่าเขาเปลี่ยนไป

       

                      แต่ความแตกต่างเหล่านี้มันก็มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันและเขา ยอมทนซึ่งกันและกัน นั่นก็เพราะ รัก

       

       

       

                      เมื่อมีคนร้อน มันต้องมีคนเย็น ทั้งๆที่ฉันอยากเป็นคนที่ใจเย็น แต่ผลสุดท้ายฉันก็กลายเป็นความร้อนสำหรับรักครั้งนี้ซะแล้ว

                ฉันอยู่ม.ต้น เขาอยู่ม.ปลาย ฉันเรียนโรงเรียนรัฐ เขาเรียนโรงเรียนเอกชน ฉันโง่ เขาเก่ง ฉันจน เขารวย ฉันไม่สวย เขาหล่อพูดถึงทุกๆเรื่องของฉันกับเขา เราต่างกันมากต่างกันเกือบทุกเรื่อง

      เพราะอะไรที่เขารักฉัน ...ฉันไม่รู้

      ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรักฉัน พอๆกับที่ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรักเขาน่ะแหละ อาจเป็นเพราะว่าฉันเป็นคนที่ทนอะไรๆที่มันอึดอัดใจนานๆไม่ได้น่ะสิ ทุกอย่างมันมีขีดจำกัดของมัน

      ฉันบังเอิญเจอเขาในงานแข่งขันวิชาการนักเรียนซึ่งเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ขาย ส่วนนิทรรศการต่างๆของเหล่านักเรียนแทบไม่มีให้เห็นเลย งานที่จัดขึ้นเพื่อความแลกเปลี่ยนความรู้ของเด็ก กลายเป็นตลาดนัดชั่วคราวไปเรียบร้อยแล้วผู้คนต่างวิ่งกรูเข้าไปจับจ่ายใช้สอยสินค้าต่างๆในงาน คนพลุกพล่านอย่างกับมดหนีน้ำอะไรประมาณนั้น ฉันจำไม่ได้แล้วสิว่าประโยคแรกที่ฉันพูดกับเขาคืออะไร ฉันไม่ได้ไปงานนั้นคนเดียว แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนหายไปไหนแล้ว ด้วยความซุ่มซ่ามที่เพื่อนชอบว่าฉัน แต่ฉันก็ว่ามันอุบัติเหตุอยู่ดี ฉันเดินชนรถจักรยานคันหนึ่งในงาน แต่กลับทำให้รถล้มเป็นสิบๆคันอย่างโดมิโน่เลย ก็มันคันจอดเรียงกันน่ะสิ  หัว-เข่าโดนส่วนไหนของจักรยานก็ไม่รู้เป็นแผลเลือดไหลเลย แต่ก็ไม่ร้องนะ อายคนเยอะ

       

      ฮ่าๆๆๆ นี่เด็กน้อยไม่สวยแล้วยังซุ่มซ่ามอีกนะ

       

      เสียงมันดังมาจากกลุ่มชายฉกรรจ์สามสี่คน

      เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันร้องไห้โฮเลยล่ะ ไม่ใช่เพราะเจ็บแผลหรอกนะ แต่เพราะเจ็บใจที่อีตานั่นบอกไม่สวย ไม่รู้ว่าใคร ไม่ได้มองหน้า น้ำตาก็เต็มตามองไรไม่เห็น

       

      เฮ้ย...ไอ้เอ็กซ์ เคลียร์เอาละกันนะพวกข้าไม่เกี่ยวเดี๋ยวเขาหาว่าพวกข้าแกล้งเด็กอีก ไปละเพื่อน

      อ้าว ทิ้งกันง่ายงี้เลยนะ

       

      ฉันได้ยินอย่างนั้นนะ รู้สึกเหมือนคนรอบข้างกำลังมอง สายตาไม่ได้เล็งมาที่ฉันคนเดียวหรอก แต่เล็งไปที่คนที่ชื่อเอ็กซ์ซะมากกว่าคนแถวนั้นคงคิดว่าอีตานี่แกล้งฉันละมั๊ง ฉันเหลือบเห็นเขาทำอะไรไม่ถูกหน้านี่เหว๋อเลย +0+  ยิ่งเห็นเขาทำหน้าอย่างนั้นฉันยิ่งสะใจ ร้องดังกว่าเดิมอีก 555+++ ฉันก็แสบใช่เล่นนะ ((((((((กรี๊ด)))))))

       เขาจับมือฉัน กึ่งจูงกึ่งลาก ฮือๆๆเขาจะฆ่าฉันมั๊ยเนี่ย นี่นาย...ฉันไม่ได้ตั้งใจแกล้งนายนะ มางานเพื่อนก็ไม่รู้อยู่ไหนนายสงสารฉันเถอะนะ นายอย่าฆ่าฉันเลยนะ แล้วก็คำบรรยายอีกนับไม่ถ้วนที่ออกมาจากปากของฉัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังฉันเลย คงถึงคราวแล้วล่ะมั๊งชีวิต

       

      !!!...หยุดแล้ว...!!!

       เขาหยุดดึงฉันแล้ว น้ำตาก็เต็มตาอยู่ไม่รู้จะทำไง ไม่กล้าร้องให้ใครช่วย ไม่กล้าดึงมือออกจากมือเขา มือเขาใหญ่มากจนสามารถกุมมือฉันมิดเลย คิดว่าตอนนั้นคงดึงไม่ออกแน่เลย ฉันไม่มีสติเลยคิดอะไรก็ไม่ออก บอกตรงๆตอนนั้นก็กลัวมาก แต่รู้สึกไว้ใจเขาอย่างไงก็ไม่รู้ รับรองว่าไม่เคยเจอกันมาก่อนแน่นอน

       

      เธอนี่ทำพี่วุ่นวายเลยนะ...ขึ้นไปบนรถซะ จะไปส่งบ้าน

      โธ่ๆๆๆๆ  พ่อคุ๊ณณณณ  ใครจะกล้าขึ้นล่ะ แล้วเล่นมาสั่งฉันงี้นึกว่าฉันจะยอมเหรอ

      ---ปัง---

      เสียงฉันปิดประตูรถ ตอนแรกบอกตรงๆไม่กล้าขึ้นหรอก  แต่ไม่รู้ทำไม่ถึงทำตามที่เขาบอก เอาเหอะ ไหนๆก็ขึ้นมาแล้ว เพื่อนก็ทิ้ง ไม่เหลือใครแล้วนิ

       

      ยัยเปี๊ยก บ้านเธออยู่ไหนพี่จะไปส่ง เออ แล้วอย่าคิดว่าพี่พิศวาสอะไรเธอล่ะ พี่แค่รู้สึกผิดที่ทำเธอร้องไห้น่ะ เข้าใจมั๊ย

       

       ลำพังก็ไม่ได้คิดหรอกค่ะ แล้วปัญหามันติดตรงที่ว่า มาเรียกฉัน ยัยเปี๊ยก ไม่ทราบว่าฉันไปเตี้ยทับที่ดินของใครเหรอคะ แต่ก็ไม่อยากพูดมากหรอกพูดไปก็แค่นั้น ดีซะอีกให้ไปส่งบ้านแล้วก็จะได้อยู่ไกลๆนายสักที อยู่ใกล้แล้วรู้สึกจะเจอแต่เรื่องไม่ดี

       

      อยู่ท่าพระ ขับไปเหอะ เดี๋ยวบอกทาง ไม่ได้พิศวาสไรนายเหมือนกันนะ ฉะนั้นอย่างมาเรียกฉันยัยเปี๊ยกอีก ฉันไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้น ขับไปแล้วห้ามพูดไรด้วย

       

      แล้วฉันก็นิสัยเสียขึ้นสมอง ให้เขาไปส่ง นั่งรถเขา แถมสั่งเขาห้ามพูดอีก อะไรนักหนาก็ไม่รู้  แต่ช่างเถอะ ยังไงฉันก็เจอเขาแค่ครั้งเดียวแหละ ไม่เห็นต้องสนใจเลย

      ประมาณครึ่งชั่วโมงฉันก็ถึงบ้าน ฉันเปิดประตูรถออกมาแล้วก็ไม่หันไปขอบคุณเขาสักคำ

       

      นี่จะไม่ขอบคุณพี่หน่อยเหรอ

      ฉันมีพี่ชายคนเดียว ขนาดนายว่าฉันยัยเปี๊ยกนายยังไม่ขอโทษฉันเลย เรื่องไรฉันต้องขอบคุณ ไปๆ กลับไปได้แล้ว

       

      พูดไม่พูดเปล่าฉันยังหันหลังให้ ไม่ได้ดูสีหน้าเขาว่าเขาทำหน้ายังไง ไม่ได้ดูว่าเขากลับรึยัง ไม่ได้ถามชื่อ คงชื่อเอ็กซ์มั๊ง ไม่ได้สนใจ เดินขึ้นห้องนอนตัวเองเฉยเลย แถมโทรไปหาเพื่อนที่ไปงานด้วยกัน แต่พวกมันกลับทิ้งฉันไว้คนเดียว ด่ามันสักพัก เหนื่อยมากๆ ร้อนแดด ดูเหมือนจะไม่สบาย พรุ่งนี้ก็ต้องไปแข่งรำอีก ตัดสินใจนอนพักก่อนจะได้มีแรงไปแข่งพรุ่งนี้

      ความรู้สึกตอนนั้นมันนอนไม่หลับ เจอกันไม่ถึงสองชั่วโมง นายนั่นมีอิทธิพลต่อสมองฉันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าไม่คิด แต่ฉันกลับจำเรื่องเกี่ยวกับเขา

       

       

      ... ไม่รู้ว่าจำเรื่องอะไร ไม่ได้สนใจ แต่ก็ยังจำ...

      *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

      พรหมลิขิต(มั๊ง)

       

       

      คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม

      หรือ

      คุณคิดว่ามันบังเอิญ

       

       

       

      วันนี้ฉันต้องไปแข่งนาฎศิลป์ไทยประยุกต์ ไม่มีฟลอร์ยกระดับพื้นสักนิดเดียว ผู้คนที่มายืนดูต่างยืนเป็นวงกลม ในวงกลมนั้นมีพื้นที่ว่างมากพอสมควร มีโต๊ะ แล้วก็มีผู้หญิงวัยกลางคนสองคน วัยเกือบชราหนึ่งคนและผู้ชายอีกสองคนนั่งอยู่ ท่าว่าจะเป็นกรรมการตัดสินล่ะมั๊ง ฉันตื่นเต้นมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้แข่งขันงานระดับจังหวัดมีคนมารอชมการแข่งขันฉันเยอะแยะไปหมด ฉันกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณนั้นพลางไปสะดุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง สูง หน้าตาคุ้นๆเขากำลังจะหันหน้ามาทางฉัน ฉันหลบก่อนละกัน ไปนั่งนึกก่อนว่าใคร

      อ๋อ...ไอ้คนที่เรียกฉันว่ายัยเปี๊ยกนั่นน่ะเอง หนอย!! นิสัยเสียขนาดนั้นดูของสวยๆงามๆตามมารยาทไทยเป็นด้วย เชอะ!ช่างเถอะ ยังไงฉันก็คงเจอแค่วันนี้วันสุดท้ายแล้วล่ะ แล้วฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะจำฉันได้ด้วยเพราะตอนนี้ฉันแต่งหน้าอยู่ เพราะถึงฉันไม่แต่งหน้าเขาก็จำไม่ได้อยู่ดี ฉันไม่ได้กังวลอะไรแล้ว ถือซะว่าจะเจอวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะ

      ฉันตัดสินใจสู้หน้ากับเขาเพราะคิดว่าเขาคงจำไม่ได้ ฉันหันไปหาเขาแต่กลับไม่เห็นซะแล้วสงสัยจะไปแล้วมั๊ง

       

      โรงเรียนท่าพระวิทยายนรายงานตัวด้วยค่ะ

       

      เสียงประกาศเรียก ยายบัวก็เป็นคนให้ฉันไปรายงานตัวส่วนคนอื่นๆก็นั่งรอกันอยู่ที่บริเวณข้างเวที ฉันเดินไปรายงานตัวคนเดียวพอลงชื่อเสร็จก็เดินกลับ แล้วอยู่ๆก็มีคนดึงแขน

       

      นี่ ยัยเปี๊ยก มาแข่งรำหรือเป็นผีมาจากแม่น้ำไหนเนี่ย ฟ้ามาเลยนะ 

      อ้าวทำไมจำได้ล่ะ นึกว่าจำไม่ได้ซะอีก แล้วไม่ทราบว่ามาทักฉันทำไม แล้วฉันก็ไม่ได้ชื่อยัยเปี๊ยกด้วย ฟังภาษาคนรู้เรื่องไหมพี่ชาย ห๊ะ

      แหมๆๆ ก็เธอเล่นตัวเตี้ยเป็นเอกลักษณ์ ขาก็สั้นซะขนาดนั้น ใครจะจำไม่ได้ล่ะ

       

      ความจริงฉันไม่ได้เตี้ยหรอกนะ ตอนนั้นอยู่ม.ต้น สูงประมาณ 157 ซม.แต่เทียบกับเขาแล้วก็สูงเกือบถึงไหล่เขาแหละแต่ก็ต่ำกว่าไหล่เขาไม่มากหรอก

       

      แล้วนี่มาทักทำไม ไม่ได้อยากทำความรู้จักเลย

      ก็แค่เมื่อวานลืมขอเบอร์น่ะ ไม่ได้จีบนะ แต่เห็นเธอแก่นดี พี่เป็นลูกคนเดียวเลยอยากมีน้องสาวนะนะนะนะ                 

      เรื่องไรจะให้ละ ขืนให้นายก็ตามมาจองล้างจองผลาญฉันน่ะสิ ฉันไม่ได้อยากถูกเรียกว่ายัยเปี๊ยกตลอดชีวิตหรอกนะ ไม่ให้ฉันก็ไม่เจอนายอยู่ดี

      พี่ไปบ้านเธอถูกนะ ถ้าไม่ให้พี่ไปขอที่บ้านเธอเลย ถ้าเธอให้พี่จะเลิกเรียกเธอว่ายัยเปี๊ยกก็ได้ โอเคมั๊ย

      ก็ได้ 0432625XX  ชื่อนินจา ไม่ใช้ยัยเปี๊ยก

      ได้ๆๆ ไอ้ตัวเล็ก เดี๋ยวพี่โทรไปคุยด้วย

       

      ไม่มีอะไรจะคุยด้วยโว๊ยยยย  เลิกเรียกยัยเปี๊ยก มาเรียกไอ้ตัวเล็กแทน ขยันตั้งชื่อให้ชาวบ้านชาวช่องเขาจริงๆนะพ่อคุณ

      พอถึงเวลาแข่งขันโรงเรียนฉันก็ทำได้ใบอ่อนจริงๆ(สุดยอดอ่ะ) แล้วก็ยังคว้ารางวัลเหรียญทองได้อีกความรู้สึกตอนนั้น เจ๋งสุดๆไปเลยล่ะ พอกลับมาถึงโรงเรียนก็วิ่งแจ้นไปที่ห้องนาฎศิลป์เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็กลับมาอาบน้ำที่บ้าน พออาบน้ำเสร็จแล้วก็นอนดูทีวีที่บ้าน กำลังจะหลับเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดัง

       

      ~ ~ ~  กริ๊งๆๆๆๆ ~ ~ ~

       

      สวัสดีค่ะ ขอสายใครคะ

      ไอ้ตัวเล็กเหรอ พี่เอ็กซ์นะ

      อ้าว ซวยแล้วตูลืมไปว่าเอาเบอร์ให้เขาไปแล้ว รับสายแล้วด้วย

      ไม่รู้คุยอะไรกัน เรื่อง ทั่วไปมั๊ง แต่จับใจความไม่ได้ คุยเป็นชั่วโมง แต่ไม่มีสาระ ไม่ได้อยากวาง ไม่ได้รำคาญแล้ว กำลังสนุก

      งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่จะไปกินข้าวแล้ว

      ยังไม่อยากวางเลย อย่าเพิ่งวางไม่ได้เหรอไม่รู้ว่าทำไมพูดออกไปอย่างนั้น

      อ้อนก่อนสิ แล้วจะได้ไม่วาง

      อย่าวางนะ อ้อนไม่เป็น

      ก็ได้ครับพี่ไม่วางแล้ว

      ไม่เอาดีกว่า คุยนานแล้ว ไม่ได้เป็นไรกันซะหน่อย เดี๋ยวแม่ด่า แค่นี้แหละนะ ผีเข้า ผีออกอีกแล้วตู

      อ้าว เมื่อกี้อ้อนพี่ไม่ให้วางอยู่เลยนะ ไม่เป็นไรก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่โทรหาใหม่นะ

       

      สิ้นเสียงฉันก็วางหู แล้วก็รู้สึกว่าจะนั่งคิดอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว คิดไปก็เผลอหลับไปช่างมันเถอะ จะอะไรก็ช่างมัน เรื่องจะเป็นไงต่อก็ช่างมัน

      เขาโทรมาหาทุกวันเป็นเวลาหลายเดือน จนปีใหม่แม่เขาชวนไปฉลองที่บ้านเขา ไอ้เราก็ไม่กล้าไป แต่แม่เขามาขออนุญาตพ่อให้ถึงที่บ้านก็เลยยอมไป ไม่กลัวอะไรหรอก รู้ว่าเขาไว้ใจได้ พ่อแม่เขาก็อยู่ พ่อแม่เราก็รู้ว่าไปไหน แต่เราสิไม่รู้ว่าไปในฐานะอะไร

      ฉันนั่งในรถเขาเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ มันไกลมาก บ้านฉันอยู่ท่าพระ แต่บ้านเขาอยู่เขื่อนอุบลรัตน์ มันคนละทวีปเลย แล้วแม่เขาก็ใจดีขนาดกับมารับฉันด้วยนี่นะ มันคงเกินไปแล้วล่ะมั๊ง ลำพังฉันทำพี่เอ็กซ์ลำบากคนเดียวไม่ได้คิดหนักใจอะไรหรอก แต่นี่แม่เขาก็ต้องนั่งรถมารับอีกรู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่ดียังไงไม่รู้สิ

      บ้านเขาหลังใหญ่มาก เป็นบ้านไม้ ทั้งงานมีคนอยู่สี่คน ฉัน พี่เอ็กซ์ แล้วก็พ่อแม่ของเขาแค่นั้นของกินเยอะแยะมากมาย แต่ฉันเป็นคนไม่กินข้าวเย็น เพราะท้องจะเสีย แต่วันนั้นก็ต้องกิน ก็เกรงใจผู้ใหญ่น่ะสิ

      สี่ทุ่มครึ่งแล้วก็เลยบอกเขาไปส่งกลับบ้าน บ้านมันไกลกัน นานกว่าจะถึงบ้าน ฉันก็เลยไปบอกแม่เขาว่าไม่ต้องไปด้วยก็ได้เพราะเป็นห่วงแม่ของเขา และก็เกรงใจมากๆด้วย ทั้งๆไม่ใช่ญาติแต่เขาต้องมารับมาส่ง

       

      เอ็กซ์ ขับช้าๆนะลูกดูแลน้องเค้าดีๆล่ะ

      กลับก่อนนะคะคุณป้า กลับก่อนนะคะคุณลุง สวัสดีค่ะ

       

      ฉันไหว้แล้วก็เดินขึ้นรถ เขาก็ไปส่งบ้านอยู่บนรถกับเขาห้านาทีไม่พูดอะไรเลย อึดอัดมากแต่ไม่รู้จะทำไง

       

      นี่พี่เอ็กซ์ คิดไงกับเค้า

      แล้วจะให้พูดความจริง หรือโกหกล่ะ

       

      แล้วเขาก็ยังมีเวลามากวน Teen ฉันอีก

       

      เอาความจริงดิ

      พี่ก็ชอบเราไง

       

      ? ? ? ห๋า? ? ?

       บอกตรงๆเลยนะแล้วทีนี้จะทำไงล่ะคิดไรไม่ออก มืดแปดด้าน ฉันเงียบไม่พูดอะไรเลยนานมากเลยล่ะ  ไม่มองหน้า เพราะไม่กล้าสบตา กลัว!!กลัวใจตัวเอง ไม่ได้กลัวเขาหรอก

      โกรธพี่เหรอ

      ฉันไม่ตอบจนถึงบ้าน พอถึงบ้านฉันก็เปิดประตูรถและก็หันกลับไปบอกเขา

      ชอบเหมือนกัน

      ---ปัง---

      พอได้บอกไปอย่างนั้นก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ เพราะเขายอมรับเลยไม่ทำให้เราอึดอัด เพราะเราก็คิดเหมือนเขา

      *** เพราะเรารักกัน ***

      อาบน้ำ แต่งตัว เตรียมจะนอน แต่ไม่รู้ทำไมถึงนอนไม่หลับ ไม่ได้ทุกข์ใจ ไม่ได้นอนไม่หลับเพราะไม่สบายใจ แต่เป็นเพราะสบายใจ มีความสุข รู้สึกว่าโลกนี้น่ารักน่าอยู่ขึ้นเป็นกองเลยเป็นครั้งแรกที่ได้ทำความรู้จักกับคำว่ารัก บางครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองบ้า นั่งยิ้ม นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว

       

      - - กริ๊ง - -

      เสียงโทรศัพท์บ้านดัง ฉันรีบรับไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร แต่คิดว่าคงเป็นเขาคนนั้น แล้วก็เป็นเขาจริงๆด้วย ฉันไม่รู้จะพูดอะไร ถือสายสักพักฉันก็บอกว่าจะวาง ประโยคสุดท้ายที่พูดกันคืนนั้นคือ

      ฝันดีนะ ฝันถึงนินจาด้วย นินจารักพี่เอ็กซ์นะ

      ห๋า...พูดว่ารักเหรอ

      ตู๊ดๆ...ๆ...ๆ...ๆ

      ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ ไหนๆก็น่าจะเป็นแฟนกันแล้วนี่น่า บอกรักก็เป็นเรื่องปกติล่ะมั๊ง

      หลังจากคืนนั้นฉันก็ไม่กล้ารับโทรศัพท์เขาเกือบสัปดาห์เพราะไม่กล้าพูดกับเขา แล้ววันเสาร์เขาก็มาหาฉันที่บ้านแต่วันนั้นฉันไปทำงานที่บ้านเพื่อนเขารอตั้งแต่แปดโมงเช้าจนบ่ายสามโมงเย็น แต่ฉันก็ยังไม่กลับ พ่อถามว่าทะเลาะกันเหรอ ฉันก็บอกไปว่าเปล่า แล้วหนึ่งทุ่มของวันนั้นเขาก็โทรมาหาฉัน ฉันรับสายและบอกขอโทษที่ไม่รับ เพราะฉันสับสน ทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไงดี เขาหัวเราะ แล้วก็บอกว่าไม่ต้องทำอะไร เขาดูแลคนที่เขารักได้ ไม่ต้องทำอะไรเลยสักอย่าง ขอแค่รักเขาคนเดียวก็พอแล้ว ฉันรับปาก

       

      สัญญาว่าจะไม่มีคนอื่น ถ้าไม่จำเป็น

      อ้าว...ทำไมต้องจำเป็นด้วยล่ะ

      ไม่รู้สิ...เอาน่าอย่าทำเขาเสียใจสิ แล้วเขาจะไม่ได้จำเป็นต้องมีคนอื่นเขาใจมั๊ย ไอ้เบื๊อก

       


      แล้วเราสองคนก็รักกันนานมาก ไม่เคยทะเลาะกันเลย เพราะพี่เอ็กซ์หล่อก็เลยมีคนมาตามจีบเขา แต่เราก็ไม่สนใจเพราะเราไม่อยากหึงมากมายหึงมากก็เจ็บใจไปเปล่าๆ ปล่อยเขาไปเราก็คงมีดีของเราที่จะทำให้เขาอยู่กับเราได้อยู่แล้ว

       

      ไม่เคยกลัวเขาจะนอกใจเลยสักครั้งเดียว

                                                         เพราะ...ไว้ใจ
      *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

       

       

      นี่เหรอ...เหตุผล?

       

       

      ทั้งๆที่รักกัน ทั้งๆที่เชื่อใจ

      แต่ทำไมเหตุผลที่เลิกกัน

      เพราะเชื่อคนอื่นมากกว่าคนรักล่ะ

       

       

      คำที่คนอื่นบอกเขาว่าฉันมีคนใหม่ ฉันนอกใจเขา เขาเชื่อ

      ฉันบอกว่าฉันไม่มีใคร ฉันมีแค่เขา เขาไม่เชื่อ

      ถ้าเชื่อคนอื่นมากกว่าคนที่เป็นแฟนกัน ก็ไปคบกับเขาสิ เมื่อไม่เชื่อใจกันจะคบกันทำไม

       

      เลิกกันไปเลย

       

      ประโยคนี้ออกมาจากปากของฉัน ฉันเป็นคนบอกเลิกเขา แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกเจ็บตรงที่อกซ้าย ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอยากร้องไห้ อยากบอกว่าขอโทษที่บอกเลิก อยากขอให้เรารักกันเหมือนเดิม เลยตัดสินใจไปง้อเขาทั้งๆที่ไม่ผิด ให้พ่อไปส่งที่บ้านเขาตั้งแต่เช้า พ่อเขาไปทำงานที่ต่างประเทศกับแม่ของเขา เขาอยู่บ้านคนเดียว พี่ฝนคนดูแลเขาเดินออกมาบอกฉันว่าเขาไม่อยากเจอฉัน แต่ฉันก็ไม่กลับ อยู่รอจนกว่าจะได้อธิบายอะไรให้เขาฟัง รอจนสองทุ่ม ข้าวไม่ได้กิน ไม่ได้หิวด้วย แต่คงทำได้แค่นี้ล่ะมั๊ง ในเมื่อเขาไม่ฟังก็คงต้องปล่อยเขาไป

      นับจากวันนั้นมาประมาณสองอาทิตย์เขากลับมาขอโทษที่เขาไม่ฟังฉัน เขารู้ความจริงแล้ว่าฉันไม่ได้มีคนอื่น ฉันไม่ถามว่าใครบอก ฉันไม่ถามว่ารู้ได้ไง ฉันไม่ถามว่ากลับมาทำไม

       

      ฉันไม่ยกโทษให้เขา

      ตัดสินใจไปแล้ว ตัดใจจากเขาไปแล้ว เวลาที่ทำใจมันยากเกินไป มันทรมานเกินไปที่จะหวนกลับไปหาเวลาเดิมๆแล้ว เมื่อมีครั้งแรกมันก็ต้องมีครั้งที่สอง เจ็บมากขนาดไหนตอนนั้นยังจำได้ดี ตอนนี้ไม่อยากเจ็บอีกแล้วพอกันทีกับรักห่วยๆอย่างนั้น พอกันที

      ความรักมันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่จะทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีรสชาติ ทั้งเปรี้ยว หวาน มัน ฮา รวมถึงรสขมที่สุดในชีวิต ฉันรู้สึกอ่อนแอ ทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆที่ฉันเป็นคนบอกเลิกเอง บอกเลิกทั้งๆที่ยังรักอยู่ มันเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ

       

       

       

      พยายามรวบรวบสติแล้วคิดว่าฉันไม่ได้อ่อนแอเพราะมีเขา แต่ฉันอ่อนแอตั้งแต่มีเขาแล้ว การที่ฉันไม่มีความสุขคนที่รักฉัน คนรอบข้างฉันเขากลับมีความทุกข์มากกว่าฉันเป็นร้อยเท่าพันเท่า เมื่อฉันหยิบยื่นโอกาสสุดท้ายที่จะทำให้เรารักกันเหมือนเดิม เขากลับไม่ไขว่ขว้าเอาไว้ หากมันจะจบเพราะเขาเชื่อคนอื่นมากกว่าฉัน ฉันคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะปล่อยให้ความรักครั้งนี้หายไปกับสายลม และแสงแดดของวันวาน ฉันมาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปให้โอกาสเขาแล้ว แม้ทุกวันนี้เขายังรอการกลับไปขอฉันก็ตาม ในเมื่อ

       

      คนหนึ่งยื่นโอกาสให้กลับมารักกัน...อีกคนเลือกที่จะทิ้งโอกาสนั้น

       

      ช่วงเวลาที่มีเขาดูแล ฉันมีความสุขมาก เวลาที่มีเขาฉันไม่เคยกลัวอะไร เพราะคิดว่าเขาปกป้องฉันได้ตอนนี้ไม่มีเขา ฉันต้องปกป้องตัวเอง ฉันจะแข็งแรงขึ้น ขอบคุณทุกอย่างที่เคยให้ ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่ารักความผูกพันที่มีมาด้วยกัน ความทรงจำเหล่านั้นสัญญาว่าจะเก็บรักษาทุกเรื่องไว้ในกล่องความทรงจำของฉัน หากเธอได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนี้รู้ไว้ว่า เรื่องของเราคงเป็นไปไม่ได้แล้ว

       

       

      ลาก่อน...ที่รัก

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×