ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การแข่งขัน Forever War - อามี่ บลีด

    ลำดับตอนที่ #2 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 52


    .......


    ณ  แหลมที่ยื่นออกไปเป็นหน้าผาริมทะเล...


    หมู่ดาวที่กระจายอยู่เต็มฟากฟ้ากำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่สมควรนิทราลับไป  อาทิตย์แรกส่องมาจากทางทิศตะวันออก สว่างเรืองรองราวกับลำแสงเจิดจรัส ..นกกาเริ่มตื่นตัวและบินออกหากิน  แต่ถึงแม้ว่าแสงแห่งดวงอาทิตย์จะช่วยขจัดความรู้สึกเดียวดาย อ้างว้าง และเงียบเหงาของที่แห่งนี้ไปได้  แต่ก็มิอาจลบมันให้หายไปได้อย่างถาวร   ด้วยว่า ริมฝั่งทะเล เขตนํ้าตื้นที่ริมฝั่งหน้าผา  มีซากเรือมากมายอับปางลงกว่า สิบลำ    ไม้ที่ผุพังและเต็มไปด้วยคราบสีกระดำกระด่างทำให้มันดูอึมครึม ชวนขนลุกชันทุกครั้งที่มอง 

    แต่วันนี้  ท่ามกลางลำเรือที่ดูเก่าเก็บ  มีอยู่เพียงลำหนึ่งที่ที่ยังดูใหม่และสะอาดกว่าลำอื่น... แต่สภาพอื่นๆก็แย่พอกัน..

    บนเรือลำที่ว่า...

    ตึ่ก ! ตึ่ก! ตึ่ก !     

    เสียงรองเท้าบูทหนักๆยํ่าไปบนไม้กระดานที่ใช้ปูพื้นเรือ ...  เด็กหนุ่มอายุราว 17 - 18 ผู้เป็นเจ้าของเสียงเดินนั้น  เดินผ่านร่างโชกเลือดไร้วิญญาณของลูกเรือที่นอนเกะกะอยู่แทบเท้าไปอย่างไม่ใยดี     ทั้งศีรษะก็ชุ่มโชกไปด้วยนํ้า  เส้นผมสีเทาเหลือบนํ้าตาลถูกปล่อยให้ยุ่งไม่เป็นทรง ทิ้งตัวลงมาคลอเคลียไหล่กว้าง  คิ้วคมขมวดมุ่นเล็กน้อยขณะกวาดสายตาไปตามรายทาง  นัยน์ตาสีแดงเดือดไล่สำรวจไปรอบๆ  ใช้เท้าเตะร่างของผู้ที่นอนขวางทางอยู่อย่างไม่ปราณี  ทำแม้กระทั่งก้าวผ่านหรือยํ่าลงไปอย่างไม่ให้เกียรติแก่ผู้ตายที่ดูจากลักษณะภายนอกแล้วจะมีความอาวุโสกว่าหลายสิบปีไม่น้อยกว่านั้น ..ก่อนจะหยุดยืนมองร่างของชายหัวขาดซึ่งรอยเฉือนที่คอยังไม่แห้งสนิทเลยด้วยซํ้านอนเอาหลังพิงประตูที่ใช้ลงไปในท้องเรือไว้   ใช้เวลาคิดไม่นานไม่นานก็ตัดสินใจถีบโครมจนประตูไม้หลุดร่วงเข้าไปด้านใน!ก่อนจะก้าวข้ามร่างนั้นลงไปตามบันไดด้านล่าง  ยํ่าโครมๆโดยไม่สนว่าอาจจะทำให้บันไดนั้นหักหรือพังเสียหาย!

    "  ......  "

    ห้องด้านล่างเก่าเก็บซะยิ่งกว่ารองเท้าเน่าๆที่ถูกทิ้งให้ร้างมากว่าห้าปี  .... แต่ดูท่าผู้มาเยือนจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น   ก้อนขนมปังแข็งๆแถมยังขึ้นราก็ถูกทิ้งให้กระจัดกระจายอยู่บนพื้นต่อไป  ลูกระเบิด   กระสุนปืน  ดินปืน  มีดดาบ ... สิ่งเหล่านี้ก็ถูกเมินเฉยเช่นเดียวกัน     ผลักประตูบานเก่าเข้าไปอีกห้องก็ขมวดคิ้ว  นี่ท่าทางจะเป็นห้องของกัปตันเรือ  ... แต่สภาพห้องด้านในนี้ต่างกับข้างนอกราวฟ้ากับเหว  ในห้องนี้ทุกอย่างสะอาดสะอ้าน  พรมหนังเสือโคร่งถูกปูไว้ตั้งแต่หน้าประตู  มีขวดไวน์ชั้นเลิศ 4 ขวดตั้งอยู่ข้างๆถ้วยที่ทำจากทองคำบนโต๊ะไม้เนื้อทองแกะสลักลายอย่างประณีต  เตียงนอนเดียวที่ตั้งอยู่ถัดไป   ปูด้วยฟูกที่ทำจากวัสดุเนื้อดี   บุด้วยขนสัตว์สีทองอมนํ้าตาลราคาแพงหูฉี่.. ใต้เตียงมีหีบใบใหญ่อยู่สองใบ  เมื่อลากออกมาดูก็พบกับของมีค่าทั้งทองคำแท่ง  เงิน ไข่มุก  สร้อย และเหรียญทองเต็มหีบ  ....     

    ท่าทางว่าเรือลำนี้จะมีกัปตันที่รํ่ารวยเอาการ...  แต่เหตุใดห้องด้านนอกนั้นจึงได้โสโครกซะยิ่งกว่ารังหนู ?  ช่างน่าสงสัย


    แต่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้สอดรู้สอดเห็นขนาดต้องไปขบคิดถึงคำตอบนั้น...   เพราะสิ่งที่เขาหา... 

    "  สี่ขวดเองเรอะ...   "

    น่าผิดหวังจริงๆ..

    สบถเล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนจะคว้าขวดไวน์ทั้งสี่แล้วเดินกลับออกจากห้องไป


    "   เป็นยังไง   เจออะไรมั่งละ   อามี่  "


    พอขึ้นมาถึงริมฝั่ง  ก็เห็นเงาของชายสองคนซึ่งยืนพิงอยู่หลังเงาของต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งขึ้นอยู่ริมชายป่า    คนพูดเป็นชายหนุ่มผมดำสนิท  นัยน์ตาแสนซุกซนทว่าไร้ซึ่งแววตาของคนเป็นเฉกเช่นเดียวกับคนอีกคนที่เป็นชายหนุ่มผมทองนัยน์ตาฟ้า ใบหูของเขาชี้เฉียง และมีเขี้ยวที่มุมปากทั้งสองข้าง   " ทอม มิเชลลันซ์และเคาท์คริส  โฟรเดอรัส  "

    อามี่ชะงักมือไปนิดหน่อย  ก่อนจะเริ่มออกเดินใหม่อีกรอบ...  

    " ยังไม่ไสหัวลงหลุมไปอีกรึไง  ตะวันขึ้นแล้วนี่ "  เอ่ยเสียงเรียบขณะเดินชนรางทั้งสองร่างที่ยืนขวางอยู่ไปอย่างเอาเรื่อง

    " ขอเพียงแค่มีเงาต้นไม้หรือที่มืดๆ ที่แสงส่องไม่ถึง เราก็อยู่ได้ทุกที่ทุกเวลา   ก็น่าจะรู้ๆอยู่  "  คริสว่าพลางเคลื่อนย้ายร่างนั้นตามหลังผู้ที่ก้าวฉับๆนำหน้าไปโดยไม่เหลียวหลัง แม้เพียงหางตา

    "  เฮ้!  ไอ้โจรปล้นเรือ   "   ทอมเอ่ยอีกครั้งด้วยเสียงเซ็งๆ   "  สุสานมันเริ่มแออัดไปด้วยวิญญาณที่นายฆ่าจนฉันหายใจไม่ออกแล้วนะเฟ้ย    " 

    "  แกหายใจได้เรอะ ? "   คริสหันไปมองอย่างสงสัย  เลยโดนสายตาคมวับค้อนกลับมา   "  ฉันเปรียบเทียบเฟ้ย  "  ทอมคำรามตํ่าๆ

    "  ก็ไสหัวไปเกิดซะสิ   "   อามี่ว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งเอาหลังพิงโคนต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาผลิดอกออกผลเพราะได้ปุ๋ยอย่างดีที่ฝังอยู่ใกล้ๆโคนต้น  เปิดไวน์ที่นำติดตัวมาด้วยแล้วกระดกเข้าปากลิ้มรสชาติของมันให้เต็มที่  สมเป็นของชั้นเลิศที่หาได้ยากยิ่ง...

    " ไปได้ง่ายๆก็ดีสิเฟ้ย  ไอ้เด็กยมทูตฮาร์ทเน็ต มันบอกว่าฉันตายก่อนหมดอายุขัย  ต้องรออีก 9 ปีถึงจะหมด  โฮกกกก.... เพื่ออะไรเนี่ย  "   ทอมคราง  " ตื้อเป็นสิบๆรอบมันก็บอกว่าไม่ได้ๆ "

    " ทำใจซะเหอะ   "   คริสตบบ่า    " ส่วนฉันต้องรอให้มีคนไปขุดศพแล้วแกะหมุดที่ตรึงอกไว้ออกก่อนถึงจะไปได้  ..... เฮ้อออ... ไอ้คนแถวนี้ก็ใจดำซะ.. ขอให้ช่วยก็ทำเมินตลอด "

    นัยน์ตาคมกริบสีฟ้าจางไร้แววเหลือบมองคนที่นั่งสบายๆกระดกขวดไวน์ขวดที่สองไปอย่างไม่สนใจ

    " นายนี่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็เอาแต่สร้างปัญหาตลอด ฉันชักทนไม่ไหวแล้วนะเว้ยเฮ้ย   "    ทอมเชิดหน้าขึ้นแล้วหรี่ตามอง   ขณะที่อีกฝ่ายก็ตวัดนัยน์ตาสีแดงเดือดมาจ้องตอบเช่นกัน

    " ฉันก็ชักจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...  "   อามี่เอ่ยเสียงเย็นๆ  ก่อนจะตะคอกด้วยเสียงดังลั่น!!  " รีบไสหัวไป ก่อนที่ฉันจะทำให้วิญญาณพวกแกแหลกคามือ  ไป๊ !!!! "

    " หยาบคายและสถุลเหลือเกินนะ  "   คริสเลิกคิ้ว   ขณะที่ทอมกอดอกมอง   " เฮ้ คริส..  "  ทอมเรียก

    " หืม ? "

    " ฉันรู้สึกอยากต่อยมันจริงๆเลยว่ะ..  "

    " เย็นไว้น่า..  เพื่อชีวิตหลังความตายที่ยังเหลืออยู่ของเรา   "   คริสเหมือนจะกำลังพยายามห้าม..   " ฉันว่าเราไปดีกว่า... ก่อนที่มันจะเอาขวดในมือนั่นปาหัวเรา "  เขามองไปยังอามี่ที่มองหน้าเขากับทอมแล้วกำขวดในมือแน่นจนเริ่มร้าว 

    " กลัวอะไรวะ เราตายแล้วนะเฟ้ย   "  ทอมสงสัย   แต่คริสส่ายหน้าน้อยๆอย่างระอา   " เพราะมันเป็นขวดที่อยู่ในมือเจ้านี่น่ะสิฉันถึงกลัว .. "   คริสว่าพลางดันไหล่ทอม " แดดก็เริ่มแรงแล้วด้วย.. ไปเหอะ  "

    ทอมมองคริสอย่างไม่พอใจนิดๆ สลับกับใบหน้ากวนส้นของไอ้โจรปล้นเรือที่กำลังจ้องหน้าเขาเขม็ง 

    " เออ..  ไปก็ได้ฟะ   "    ทอมสบถเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด  ก่อนที่ทั้งสองจะหายไปในเงาดำๆใต้ร่มไม้   ปล่อยให้เจ้าคนตาขวางนั่งอยู่ที่ใต้ร่มไม้คนเดียวต่อไป..


    หลังจากผีสองตนนั้นหายไป...  อะไรบางอย่างก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง  

    คิ้วคมถึงคราวขมวดมันลงอีกครา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างงงๆเล็กน้อย  เมื่อนภากาศเริ่มแปรเปลี่ยน มวลเมฆาสีดำทะมึนก่อตัวแล้วเคลื่อนเข้าบดบังแสงอาทิตย์ยามสาย  ต่อมาก็มืดสนิท   และ สุดท้าย

    ซ่าาา !!!

    ฝนไล่ช้างตกลงมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  สาดกระหนํ่าอย่างไร้ปราณีลงสู่เบื้องล่าง   

    "  ....   "   อามี่นั่งมองสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย   แค่เปียกนิดๆหน่อยมันไม่ใช่ปัญหา เพราะผมเขามันก็เปียกชุ่มตลอดเวลาอยู่แล้ว   ปัญหาคือ ..  ทำไมมันมาตกเอาตอนนี้!!

    " ไม่สบอารมณ์เลยเฟ้ย    "   เจ้าตัวกัดฟันกรอด ปาขวดไวน์ที่ยังเหลืออยู่ทิ้งไป  ลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มสาวเท้าฝ่าสายฝนออกไปทั้งๆอย่างนั้น  มุ่งหน้าไปยังที่ๆแหลมริมทะเล  ลัดเลาะไปทางร่องแตกๆของหน้าผาเข้าไปด้านใน ...  

    บริเวณโซนลึกเข้าไป เป็นเสมือนห้องลับที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจของฝีมือมนุษย์   ใช้เท้าเตะโครงกระดูกผุๆที่นอนขวางอยู่ให้พ้นทาง  กวาดสายตามองผ่านความมืดสลัวไปรอบๆห้อง   ผนังหินสูงชันถูกกัดกร่อนด้วยสายลมทะเลที่พัดผ่านเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นบางครั้ง  กลิ่นเกลือจางๆให้ความรู้สึกประหลาด  แต่เขาไม่สนใจ  ตัดสินใจปักหลักหลบฝนมันในนี้แหละ  .... 

    "  บ้าเอ๊ย ฝนงี่เง่า  ทำไมมาตกเอาตอนนี้วะเนี่ยยย    "

    และขณะที่กำลังตะแคงรองเท้าให้นํ้าที่ขังอยู่ไหลออกอยู่นั่นเอง ก็มีแขกโผล่เข้ามาพร้อมกับเสียงบ่น.  อามี่ตวัดสายตาขวับ  ก่อนจะขมวดคิ้วคำรามตํ่าๆ

    " ฮาร์ทเน็ต    "

    "  ว่าไง  อามี่   "   เด็กหนุ่มผมยาวยุ่งๆสีทองสว่างโบกมือทักทายอย่างเป็นกันเอง   "  เซ็งสุดยอด   "   ฮาร์ทเน็ตบ่นพลางปักสามง่ามลงกับพื้นทรายแล้วถอดผ้าคลุมยมทูตสีดำทมิฬของตนออกสะบัดๆขณะเดียวกันปากก็ยังขยับไม่ยอมหยุด     "  สภาพของสะสมอันล่าสุดของนายน่าดูชมทีเดียวนะ หึๆ  "   ริมฝีปากแต้มสีดำขยับยิ้มบางๆ ขณะเหลือบนัยน์ตาสีเงินมอง "เจ้าของของสะสม"  คนดังกล่าวที่กำลังบิดนํ้าออกจากเสื้อยืดสีดำพลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ

    " นายคิดจะอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยรึไง  "

    คำพูดเริ่มหัวข้อที่ฟังดูแปลกๆของยมทูตทำให้อามี่ขมวดคิ้ว

    " ปล้นฆ่า สูบเลือดเนื้อ ..  ฉันเห็นนายทำอย่างงี้มาเป็นปีๆ  ไม่เบื่อบ้างรึไง "   ฮาร์ทเน็ต  อเล็กซานเดอร์ หัวเราะเบาๆ

    "  แล้วแกล่ะ   "   อามี่พึมพำ  

    " ฉันเลือกไม่ได้นี่หว่า  ดันเกิดมาแบบนี้ ต้องเป็นยมทูตตลอดชาติ โคตรเซ็ง   "   ยมทูตผมทองถอนหายใจเฮือก  "  แต่แกเลือกได้    "

    " ยุ่งน่า  "   นัยน์ตาสีโลหิตมองอีกฝ่ายนิ่งๆ    "  แกอยากจะพูดอะไรกันแน่   "

    ฮาร์ทเน็ตชะงัก  ทำตาโตแล้วกระพริบตาถี่ๆพูดด้วยเสียงที่ดูประหลาดใจ   " โอ้วว  ฉลาดดด  รู้ได้ไงเนี่ย ปกติโคตรโง่  "

    " แกอยากตายรึไงหา! "   อามี่จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่พร้อมมีเรื่องได้ทุกเมื่อ

    " ฉันชมนะเฟ้ย ฮะๆๆ   "     ฮาร์ทเน็ตหัวเราะ  ทั้งๆที่ฟังยังไงก็หลอกด่าชัดๆ   แต่เมื่อเห็นว่าถ้ายังขืนเล่นต่อละก็ กำปั้นหนักๆของอสูรโลหิตคงมาเยือนเป็นแน่จึงหันมาพูดให้ดูเป็นจริงเป็นจังขึ้น

    "   ไอ้นี่น่ะ...     "   

    "  ?  "    กระดาษแผ่นนึงถูกยื่นมาตรงหน้า   มันคือ.. ใบประกาศที่เปียกไปแล้วพอสมควร   ตัวอักษรเด่นหราเขียนว่า   " การประลอง... Forever  War  รับสมัครผู้เข้าแข่งขัน "

    "  นายลงนะ    "    ยมทูตผมทองฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันซี่แหลมเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ  นัยน์ตาสีเงินเป็นประกายวิบวับ

    "  .....    "     อามี่มองหน้ากวนโอ๊ยนั่นสลับกับกระดาษในมือ.. แล้วทำไมแกไม่ลงเองฟะ  ?

    " ฉันโดนสั่งพักงานชั่วคราวว่ะสงสัยหัวหน้าจะกลัวว่าฉันจะรวยเกินหน้าเกินตา.. ก็เลยว่าง  กะว่าจะชวนนายไปเที่ยวเล่นซักหน่อย บริหารตังค์ในธนาคารหน่อย     " 

    มันก็ยังมองไม่เห็นคำตอบอยู่ดีว่าทำไมแกไม่ลง...   อามี่ยังสงสัย


    "   นะ.... นะ... นะ.... น๊าาาา     "    ฮาร์ทเน็ต  อเล็กซานเดอร์ส่งเสียงอ้อน...     " ฉันจะเป็นพี่เลี้ยงให้เอง  "

    Forever War งั้นเหรอ  ?


    นัยน์ตาสีแดงเดือดทอดมองกระดาษในมือและข้อความในนั้นนิ่ง...


    มันจะทำให้ชีวิตแบบนี้ของเขาเปลี่ยนไปรึเปล่านะ...

    การต่อสู้งั้นเหรอ...


    ตกลงนี่เขาต้องลงให้มันใช่มั๊ยนี่?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×