คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : I
I
“กรี๊ดดช่วยด้วย!” เสียงของผู้หญิงร่างท้วมคนหนึ่งดังขึ้นกลางซอนของหมู่บ้านในยามเช้า หลังจากถูกโจรโฉบกระเป๋าสะพายก่อนที่จะขับรถมอเตอร์ไซค์หนีไป ชายหนุ่มคนหนึ่งผงะมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าหากแต่ยังไม่ทันทำอะไรคนข้างตัวก็วิ่งออกไปกระโดดถีบเจ้าโจรห้าร้อยจนตัวปลิว
“หัดทำมาหากินเองบ้างซิโว้ย” เด็กหนุ่มผู้นั้นพูดก่อนที่จะกระชากกระเป๋าถือออกจากมือของของโจรผู้อับโชคแล้วประเคนบาทากับลำตัวจนมันจุกลุกไม่ขึ้น
“นี่ของป้ารึเปล่าครับ” เขาเดินเอากระเป๋าไปคืนป้าแกก่อนที่จะค่อยๆเดินกลับมาหาพี่ชายที่มองดูเหตุการณ์เงียบๆ
“ไม่โหดไปหน่อยรึไงวะไอ้ปะทะ”
“แหมพี่ราวีก็...” แต่ยังไม่ทันที่น้องชายจะพูดอะไรโจรร้ายที่นอนไปกองเมื่อครู่ก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับมีดพกสีเงินวาวับพร้อมจะล้างแค้นเต็มที
“ไอ้ทะระวัง” ราวีพูดพร้อมกับผลักร่างของน้องชายออกไปจากวิถีการโจมตีแล้วออกหมัดขวาที่มีสนับมือสีเงินไปที่หน้าของมัน สนับมือกระแทกเข้ากับหมวกนิรภัยจนกระจกกันลมแตกกระจาย มีดหลุดร่วงลงจากมือแล้วหล่นกระทบพื้นพร้อมกับร่างโชกเลือดของผู้เป็นเจ้าของ
“ไปเถอะ วันนี้เป็นวันสำคัญนะ” ราวีพูดกับน้องชายแล้วเริ่มออกเดินไปบนถนนของหมู่บ้านที่เงียบเหงา
เวลาเจ็ดโมงเช้าร่างของทั้งสองพี่น้องก็มาถึงโรงเรียนโดยสวัสดีภาพ เวลานี้ไม่เช้ามากนักอีกทั้งอากาศยังไม่ค่อยมีแดดจึงมีคนพลุกพล่านเป็นธรรมดา แต่ทั้งสองพี่น้องกลับไม่เฉียดใกล้ประตูโรงเรียนแล้วไปเข้าร้านคาราโอเกะที่อยู่ซอยข้างๆแทน
ภายในร้านมีคนราวห้าสิบคนมีเสียงพูดคุยอย่างสนิทชิดเชื้อดังมาเป็นระยะ ไม่นานก็มีบางคนสังเกตเห็นคนทั้งสองที่พึ่งเข้าร้านมา
“ไอ้วีมาแล้วเหรอวะ” เจ้าของเสียงเป็นเด็กชายในชุดมัธยมต้นรูปร่างสันทัดเช่นเดียวกับสองพี่น้อง แต่เขานั้นมีใบหน้าเปื้อนยิ้มและแววตาซุกซนตลอดเวลา
“อืมดีวะเป็นไงมั่งวะไอ้พงศ์” ราวียิ้มแล้วเอ่ยทักทายตอบกลับไป
“ก็ดี เอ็งว่าใครจะเป็นหัวหน้าแก๊งคนต่อไปวะ”
“พี่สีชาดมั้ง” ราวีพูดแล้วยักไหล่เล็กน้อย แล้วในตอนนั้นก็มีอาคันตุกะใหม่เพิ่มเข้ามาในร้าน เมื่อหันไปมองก็เป็นคนคุ้นเคยของทั้งสามคน
“ไปทำอะไรมาวะไอ้แทน อย่างกับไปฟัดกับหมามา” ราวีเอ่ยทักเพื่อนเมื่อเห็นเขามาในสภาพสะบักสะบอมเต็มที่
“ข้าก็ไปฟัดกับหมามานั้นแหละ หมาปากซอยบ้านข้าเอง” แล้วในขณะที่ทั้งสี่คนกำลังสนทนากันอยู่ที่หน้าประตูก็ปรากฏร่างของกลุ่มพี่ม.6ที่เดินเข้ามา ทุกสรรพสิ่งในห้องต่างเงียบกริบมีแต่เพียงเสียงฝีเท้าและเสียงลมหายใจเท่านั่นที่บ่งบอกถึงการมีตัวตน
“ที่เรามารวมกันวันนี้ ก็เป็นธรรมเนียมแต่เดิมของพวกเรา” ชายร่างสูงใหญ่พูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงโดยมีชายอีกสองคนนั่งขนาบข้าง
“แต่ก่อนที่ข้าจะโอนอำนาจให้ใคร ขอกล่าวอะไรหน่อย แม้ว่าพวกข้าจะออกไปแล้ว แต่ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกข้าได้เสมอ เย็นนี้ม.6มีปาร์ตี้ ใครแน่จริงก็มาร่วมได้ แต่ขอบอกว่าปาร์ตี้ครั้งนี้พวกไอ้เนตรมันมาร่วมด้วย ใครป๊อดก็ไม่ต้องมา”เมื่อได้ยินทุกคนต่างก็ร้อนๆหนาวๆไปตามๆกัน เพราะต่างก็รู้ดีกว่าไอ้เนตรที่พูดถึงเป็นหัวหน้าของอีกแก๊งหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกขั้วอำนาจก็ว่าได้ และนี้ก็จะเป็นปาร์ตี้สั่งลาของหัวหน้าของทั้งสองแก๊งที่จะน่ากลัวที่สุด
“เอาละ ต่อไปเป็นจุดประสงค์ของงานนี้...สีชาดมานี่ที”
“ครับพี่เต้” ชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงหน้าตาคมคายพูดขึ้นพร้อมกับไปนั่งตรงหน้ารุ่นพี่เต้หัวหน้าแก๊งคนปัจจุบัน ซึ่งใครๆก็คงพอจะเดาออกอยู่แล้วว่ารุ่นพี่สีชาดจะได้รับตำแหน่งนี้ พี่เต้ค่อยๆหยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วถอดฝักวางบนโต๊ะ เมื่อพี่สีชาดเห็นก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่
“มีดเล่มนี้ลงอักขระที่ใบมีด ด้ามมีดฉลุลายมังกร ปลอกมีดเป็นงาช้างประดับด้วยเงิน แม้มีดเล่มนี้จะสูงค่าเพียงใด แต่อำนาจของมันสูงค่ามากกว่า พี่เชื่อว่าเอ็งสามารถดูแลมีดและพวกพ้องได้ เอ็งเป็นคนกล้าหาญสีชาด ข้าจึงเลือกเอ็งมาแทนข้า อย่าทำให้ข้าผิดหวัง” พี่เต้พูดพร้อมกับเก็บมีดเข้าฝักแล้วยื่นให้พี่สีชาด เขารับมาอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อรับมาแล้วก็นำมีดมาแนบไว้กับอกแล้วลุกขึ้นยืน
“ทุกคนทำความเคารพ” พี่สีชาดตะโกนขึ้นแล้วทุกคนก็โก่งโค้งอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อสิ้นสุดการทำความเคารพ พี่สีชาดก็ค่อยๆหันมาทางพรรคพวก
“บัดนี้ ข้าได้เป็นหัวหน้า ข้าสัญญาว่าข้าจะดูแลพวกเอ็งให้ดีที่สุด พวกเราจะไม่ทิ้งกัน แต่หากใครนำความเดือดร้อนมาสู่พวกเรา ข้าก็จะไม่ไว้หน้า จงอย่าหาเรื่องใครก่อน นี่เป็นคำขาด” เมื่อจบคำของรุ่นพี่ทุกคนต่างก็ตบมือขึ้น พี่สีชาดหันไปมองเพื่อนทั้งสอง
“สิงห์ ซัน เอ็งสองคนจะมาอยู่ข้า” จบคำของสีชาด ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มก็ลุกขึ้นพร้อมกับถุงดาบเคนโด้ในมือ กับชายท่าทางไม่สมชายแต่ยามโกรธนั่นน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ ก็มายืนขนาบข้าง
“วันนี้ใครอยากจะร่วมวงกับพี่เต้เดินมาหาข้าข้างหน้า” ความเงียบปรากฏขึ้นทุกอณูของพื้นที่ เหตุเพราะทุกคนล้วนต่างก็รู้กิติศัพท์ของรุ่นพี่เนตรดี หากแต่ความหวาดหวั่นนั้นไม่เกิดกับสองพี่น้อง ราวีและปะทะ แม้แต่น้อย
“พวกเอ็งไม่กลัวรึไง ยังอยู่แค่ม.ต้นอยู่เลยนี่” สีชาดพูดแล้วยิ้มอย่างพอใจ ในขณะเดียวกันเต้ก็มองสองพี่น้องอย่างสนอกสนใจด้วยเช่นกัน
“เอ็งชื่ออะไรวะ” เต้พูดขึ้นพร้อมกับมองมาทางราวี
“ผมชื่อราวี ส่วนนี่น้องผมชื่อปะทะ”
“ชื่อพวกแกนี่มงคลชิบหายเลยวะ” สิงห์พูดขึ้นแล้วหัวเราะอย่างขบขัน ขณะนั้นเองก็มีเด็กมัธยมต้นอีกสองคนเดินผ่านฝูงชนมาข้างหน้าพอดี
“ผมแทนไท ร่วมด้วยแล้วกันพี่” สีชาดมองผู้มาใหม่ เด็กชายร่างสูงใหญ่กว่าสองพี่น้องเล็กน้อยทรงผมสีน้ำตาลแดงกับหน้าหล่อชวนฝันที่ไม่เหมาะที่จะเป็นนักเลงเท่าไรนัก
“ส่วนผมพงศ์ ปาร์ตี้ท่าทางน่าสนุก เอาด้วยคนครับพี่” เด็กชายอีกคนที่มารูปร่างสันทัดพอๆกับพี่น้อง แต่มีใบหน้าเปื้อนยิ้มและแววตาซุกซนต่างออกไป แล้วในตอนนั้นเด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง หน้าตาธรรมดารูปร่างสูงใหญ่พอสมควรทรงผมที่ไฮไลย์สีทองก็ทำให้สะดุดตา
“ผมเมษ ถ้าไม่รังเกียจผมจะไปร่วมด้วย” เต้ยิ้มอย่างพอใจแล้วลุกขึ้นยืน
“ดีข้าชอบพวกเอ็ง ข้าชอบคนแบบนี้ เดี๋ยวเย็นนี้เจอกัน ตอนนี้จะแปดโมงแล้วเข้าโรงเรียนเถอะ” จบคำพูดกลุ่มคนที่ออกันอยู่ก็หลีกทางให้ เหมือนกับโมเสกแหวกมหาสมุทร เต้และพรรคพวกเดินออกจากร้านไปตามด้วยเหล่าพวกของสีชาด อีกไม่นานปาร์ตี้ก็จะเริ่มแล้ว
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของมัธยมต้น และช่วงเย็นจะมีพิธีมอบวุฒิบัตรให้กับเหล่านักเรียนชั้นมัธยมหก แล้วก็จะมีการกินเลี้ยงเล็กๆ หลังจากนั้นก็จะเป็น...งานปาร์ตี้
“ไอ้แทนเอ็งมั่นใจรึเปล่าวะ ตีกับพวกพี่เนตรนะ” ราวีเอ่ยขึ้นหลังจากกินน้ำหวานเข้าไปแล้ว
“มั่นไม่มั่นไม่รู้ แต่ข้าเอาแน่วะ” ส่วนแทนไทก็ตอบกลับมาอย่างไม่สนใจเท่าไรนัก
“พี่วีเชื่อเปล่า ถ้าทะบอกว่าทะกลัวนะ”
“กลัวบ้านเตี่ยเอ็งซิวะ เมื่อเช้าพึ่งทำวีรกรรมสุดแสบไว้ ไอ้นี่” ราวีพูดแล้วตบหัวน้องชายอย่างมั่นใส่ แล้วในตอนนั้นแทนไทก็พูดขึ้นมา
“เฮ้ย มีใครเห็นพี่เมษมั่งเปล่าวะ”
“เห็นว่าจะไปเตรียมของขวัญสุดพิเศษให้กับพวกพี่เนตรนะ” พงศ์กล่าวเรียบๆแล้วหันไปจัดการกับแกงส้มตรงหน้าต่อ
แล้วในขณะที่ทั้งสี่กำลังพูดคุยกันอยู่เพลินๆนั้นสิงห์ก็เดินเข้ามาขัดจังหวะของทั้งกลุ่ม เมื่อพวกของราวีมองมา สิงห์ก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ
“ไปซอยหลังโรงเรียน” พูดจบเขาก็เดินนำออกไป ทั้งสี่มองหน้ากันซักพักก็ออกเดินตาม
บริเวณหลังโรงเรียนในช่วงใกล้ค่ำนั้นเป็นสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยว ท้องฟ้าเป็นสีแดงชาดกอปรกับลมเย็นที่พัดผ่านอย่างแผ่วเบาทำให้รู้สึกหนาวขึ้นถึงสันหลังอย่างหวาดหวั่น ใกล้ๆนั้นก็มีคลองสายเล็กๆสีใสสะอาด ในที่นี้มีคนอยู่กว่าครึ่งร้อย แต่จำนวนคนนั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“แมร่งเอ๊ย คนน้อยกว่าแบบนี้เสียเปรียบเห็นๆ” ราวีพูดอย่างหัวเสียเมื่อพบว่าจำนวนคนฝ่ายตนมีเพียงยี่สิบกว่าคน ส่วนอีกฝ่ายนั้นมีถึงสามสิบกว่าคนเลยทีเดียว
“พี่เมษก็ยังไม่มาเลย” ปะทะพูดขึ้นเพราะมองแล้วก็ยังไม่เห็นเงาร่างของเมษเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้เต้เอ็งจะเอาไง จะชนกันเลยมั้ยละ” เนตรเริ่มเปิดบทสนทนา แล้วในตอนนั้นเองที่มีสายลมเย็นพัดโชยมาทำให้รู้สึกหนาวกันทั่วหน้า แต่เหงื่อกายก็ยังคงไหลออกมาจากความร้อนลุ่มภายใน
“ข้าเองก็ไม่หวั่นวะ แล้วเอ็งนะจะกล้ารึไง” เต้เริ่มโต้กลับไป การพูดคุยกึ่งด่าทอยังคงดำเนินต่อไป แล้วไม่นานก็เริ่มเป็นการผลักไหล่ กว่าทุกคนจะรู้ตัวก็มีเสียงแก้วแตกดังขึ้นเสียแล้ว
“อะไรวะ” ราวีพูดขึ้นแล้วหันไป นั้นคือภาพของเต้ใช้ขวดเบียร์ในมือฟาดไปที่หัวของเนตรจนเลือดสีแดงสุดไหลออกมา แล้วหมัดขวาก็ของผู้ที่ถูกกระทำก็สวนกลับมาแล้วทั้งสองก็ผละออกจากกัน
“เรามาดวลกันซักตั้งดีกว่า” เต้พูดขึ้นแล้วทิ้งขวดปากฉลามในมือตั้งการ์ดเตรียมพร้อม ในตอนนั้นเนตรก็วิ่งเข้ามาถีบจากระยะไกลแต่ก็พลาด โดนสวนด้วยคมศอกแต่ก็แค่เฉี่ยวหลังไปเล็กน้อย ในจังหวะที่เนตรชะงักนั้นเต้ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดไป จัดการเหวี่ยงขาอัดกลางลำตัวจนอีกฝ่ายล้มลงไปกอง
“พวกเรา ยำมันเลย” เสียงของใครคนหนึ่งในกลุ่มของเนตรดังขึ้น แล้วพวกมันทั้งหมดก็โถมกันเข้ามา เมื่อเป็นเช่นนั้นอีกกลุ่มก็วิ่งเข้าประจัญบานทันที
“ลุยเลยไอ้ทะ” ราวีตะโกนก้องแล้วโถมสนับมือใส่รุ่นพี่คนหนึ่งที่วิ่งเข้ามา เช่นเดียวกับปะทะที่กระโดดถีบไปสุดแรง การโรมรันของเด็กนักเรียนเริ่มขึ้นแล้ว แทนไทหยิบไม้หน้าสามขึ้นมาฟาดไปกลางหัวของศัตรูคนแรกที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วอัดฝ่าเท่ายันเข้าไป สิงห์ใช้ท่อนแขนแข็งแรงจัดการกับรุ่นน้องที่ตัวเล็กกว่าแล้วใช้ลูกถีบตรงกับม.5คนหนึ่ง ใกล้ๆกันซันที่ตอนนี้กำลังคลั่งได้ที่ก็เหวี่ยงตัวผู้โชคร้ายอัดกับต้นไม้แล้วตรงไปกระทืบซ้ำอย่างสะใจ การโรมรันผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีแล้วฝ่ายที่มีน้อยกว่าก็เริ่มอ่อนกำลังลง
“ไม่ไหววะ พวกมันเยอะเกินไป” ราวีพูดแล้วใช้มือกันลูกถีบที่ถีบเอามาแล้วสวนกลับไปด้วยสนับมือจนเลือดสาดกระเซ็นติดแขน
“ผมก็จะไม่ไหวแล้วพี่” ปะทะพูดตอบแต่ก็ยังคงกลั้นใจถีบคนที่อยู่ตรงหน้าจนตัวปลิว
“ตายเป็นตายโว้ย” ราวีตะโกนขึ้นแล้วโถมหมัดใส่คนตรงหน้าเต็มแรง
“สู้โว้ย” ปะทะตะโกนเช่นเดียวกันแล้วหยิบไม้หน้าสามขึ้นจากพื้นแล้วตรงไปไล่ฟาดรุ่นพี่มัธยมปลายที่ดาหน้าเข้ามาสองคน
ส่วนทางด้านเต้ที่โดนรุมสามคนอยู่นั่นก็ดูท่าจะแย่ไม่ เนตรกับพวกอีกสามคนล้อมกรอบเต้เอาไว้แล้วเริ่มเปิดฉากการโจมตี
“ไอ้เต้ วันนี้แหละเอ็งจะเหลือแต่ชื่อ” เนตรพูดพร้อมกับอัดหมัดเข้ากกหู แต่ก็โดนหมายขาอัดไปเต็มๆเชิงกรามจนล้มลง อีกคนพยายามเข้าจากด้านหลังก็โดนศองกลับไปเต็มรัก
“จัดไปหนึ่งดอก” อีกฝ่ายพูดแล้วกระโดดถีบเต้จนเซล้มลงไป
“แบบนี้ต้องซ้ำ” มันพูดพร้อมกับยกขาขึ้นเตรียมกระทืบ แต่ซันก็วิ่งเข้ามาเหวี่ยงขาเตะอัดกลางหลังจนมันล้มกลิ้งลงไป
“ซ้ำคนล้มหรือวะเอ็ง” จบคำซันก็ซัดหมัดแข็งไปเต็มกระพุ้งแก้มจนฟันแทบร่วง
“เอ็ง ตาย” อีกคนที่ล้มลงไปลุกขึ้นมาถือไม้ตรงไปหาซัน แต่ก็ถูกเต้รั้งไว้ พร้อมกับจับเอาเข่ากระทุ้งท้องจนจุกลุกไม่ขึ้น แล้วตอนนั้นเองที่เนตรลุกขึ้นมา พร้อมกับพรรคพวกอีกกว่าห้าคน
“ไอ้เต้ เอ็งตาย” จบคำพูดของเนตร พวกมันห้าคนก็ดาหน้าเข้ามา คนแรกวิ่งเงื้อหมัดมาแต่ไกล ก็โดนเตะอัดกลางลำล้มลงไป คนที่สองวิ่งเข้ามาพลาดท่าโดนศอกกลับลงไปนอนเลือดกลบปาก อีกสามคนเริ่มลังเลใจแล้วคนหนึ่งวิ่งไปทางซันที่อยู่อีกด้านแทน แต่ก็โดนเสยคางสลบคาที่ แล้วเต้กับซันก็พร้อมใจกันวิ่งไปหาพวกมันอีกสองคน ไม่กี่วินาทีต่อมาพวกมันก็ได้นอนเป็นศพบนพื้น
“เหลือแต่เอ็งแล้ววะไอ้เนตร” เต้พูดพร้อมกับย่างสามขุมเข้าไป
“อย่าดูถูกกันให้มากนะไอ้สัตว์” เนตรตะโกนอย่างบ้าคลั่ง พอเดินเข้ามาในระย้ะเนตรก็ออกหมัดเสยคางแล้วต่อยที่กกหูจนอีกฝ่ายล้มลงไป ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปเตะปลายค้างซ้ำจนเต้นั้นลงไปกองกับพื้น
“หนอย ไอ้เวร” ซันสบถพร้อมกับวิ่งไปกระแทกต่อยกลางหน้ามัน แต่ก็โดนแค่เฉียดๆเนตรสวนด้วยหมัดขวาเข้ากลางลำตัว ไอ้ที่สลบลงไปเมื่อครู่ก็ลุกขึ้นมาล๊อคซันจากด้านหลัง
“ไปตายซะไอ้ตุ๊ด” เนตรตะโกนใส่หน้าพร้อมกับลงมือจัดการกับซันจนหมดสภาพ แล้วก็เดินไปหยิบไม้คมแฝกที่พื้นเดินไปหาสิงห์ที่กำลังหันหลังให้อยู่ไม่ทันตั้งตัวก็โดนฟาดไปที่หัว ทรุดฮวบลงไปทันที
“พวกเอ็งนะ ตายๆไปซะเถอะ” เนตรพูดพร้อมกับเงื้อไม้เตรียมฟาดล้างบาง
“หยุดนะไอ้สัตว์” สีชาดวิ่งเข้ามากระโดดถีบกลางลำตัวจนกระเด็นไปไกล แล้วคนที่ตามมาคือมือขวาและซ้ายของเต้
“พี่สองคนไปช่วยพี่เต้ก่อน เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง” รุ่นพี่ทั้งสองคนรีบวิ่งไปช่วยเต้และซันที่กำลังโดนสมุนสี่ห้าคนกระทืบอยู่ ส่วนสีชาดก็ยืนประจันหน้ากับรุ่นพี่เนตรตัวต่อตัว
“ไงไอ้น้อง ได้ข่าวว่าเอ็งเป็นหัวหน้าใหญ่คนใหม่รึ”
“ผมว่า ผมไม่มีความจำเป็นต้องตอบอะไรพี่นะ” สีชาดพูด ในมือก็ดำดาบเคนโด้ของสิงห์ไว้แน่น
“หึ...งั้นก็ไปเฝ้ายมบาลซะเถอะเอ็ง” จบคำเนตรก็เหวี่ยงคมแฝงจะฟาดหน้าสีชาด แต่ก็พลาดและถูกสวนกลับด้วยเคนโด้อย่างจัง
“ตายซะเถอะเอ็ง” สีชาดพูดแล้วตรงไปกระทืบซ้ำ แต่เนตรก็จับขาไว้ได้ แล้วกระชากจนเสียหลักล้มลง
“สงสัยนี่จะเป็นช่วงขาลงของแกละมั้ง” เนตรพูดแล้วก็ยกเท้าขึ้นแต่ก่อนที่จะย่ำลงมา สีชาดก็กลิ้งตัวหลบแล้วยืนขึ้นมาได้เสียก่อน
“ผมไม่เสียทีพี่ง่ายๆหรอก” พูดจบก็พุ่งตัวเข้าไปใช้ดาบฟาดแต่เนตรเองกันเอาไว้ได้ แล้วใช้คมแฝกตีกลางลำ สีชาดก็สวนหมัดเอากลางหน้าทันที จนเลือดสีข้นไหลเป็นทางออกมาจากจมูก
“แมร่ง เอาซะเลือดออกเลย เวรเอ๊ย” เนตรเอามือแตะเลือดมาดูแล้วหันมาหลบดาบที่ฟาดมาจากสีชาดอย่างฉิวเฉียด
“ตายซะเถอะเอ็ง” เนตรพูดแล้วฟาดคมแฝกฟาดเข้าตรงไล่ของสีชาดจนทรุดลงไป
“เป็นอะไรเอ็ง ไหล่หลุดเหรอ” เนตรพูดแล้วเดินตรงไปกำคอเสื้อของคู่กรณี แต่ก็ถูกหมัดสวนกลับมาจนต้องผละออกจากกัน
“มาต่อกันอีกซักยกมั้ยละ” สีชาดเอ่ยแล้วฟาดดาบออกไปแต่ก็พลาด โดนถีบสวนกลับมา ด้วยสัญชาตญาณท่อนแขนแข็งแรงก็จัดการล๊อคขาอีกฝ่ายไว้แล้วใช้แขนอีกข้างที่ทิ้งดาบลงไปแล้วกระทุ้งศอกเข้าไปเต็มแรง จนทำให้อีกฝ่ายร้องเสียงหลง แต่เนตรเองก็ไว้ลายมิใช่น้อยฟาดท่อนคมแฝกเต็มแรงไปที่แขนของสีชาด ก่อนที่คั้งคู่จะผละออกจากกัน
“เป็นไง เจ็บแขนละซิเอ็ง” เนตรพูดแม้หน้าตาจะไม่แสดงอาการอะไร แต่ร่างกายก็เจ็บระบมและเหนื่อยมากเช่นเดียวกับสีชาด
“ไม่เท่าไหร่หรอกวะ” สีชาดแม้จะทำปากเก่งไปแบบนั้น แต่ตอนนี้แขนทั้งสองข้างของเขาแทบจะยกไม่ขึ้นอยู่แล้ว สีชาดมองเนตรตาเขม็ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เฮ้ย แต่ข้าว่าเอ็งไม่ไหวแล้ววะ กลับบ้านไปกินนมดีกว่ามั้ง”
“งั้นก็ลองดูหน่อยแล้วกัน” สีชาดพูดจบก็วิ่งออกไปกระโดดถีบเนตรกลางอากาศ แต่ก็โดนเนตรสวนด้วยคมแฝกไปกลางหัว ร่างของสีชาดล้มลงกับพื้น เลือดสีแดงสดไหลออกมาร่างนั้นนอนแน่นิ่งอย่างน่ากลัว
“ลูกถีบเมื่อกี้ของเอ็งล่อซะข้าแทบลงเลยวะ แต่ขอโทษถ้าไม่ลงง่ายๆ” เนตรพูดแล้วก็เอาเท้าย่ำร่างของสีชาดซ้ำๆ
“ไอ้เนตร เอ็ง” แทนไทวิ่งมาจากข้างหลัง กระโดดถีบเนตรหัวแทบคว่ำ แต่ก็หันกลับมาสวิงเข้ากลางลำจนร่างของแทนไทกระเด็นไปไกล
“เสือกไม่เข้าเรื่องนะเอ็ง” เนตรย่ำเท้าเข้าที่หัวแต่แทนไทก็กลิ่งหลบได้แล้วลุกขึ้นมาต่อยไปที่หน้าของรุ่นพี่เนตรแล้วเตะเจาะยาง แต่ก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดอะไรให้เนตรได้มากนัก แทนไทผงะไปชั่วครู่แล้วถูกเนตรเสยคางแล้วโดนอัดหมัดกับกกหูจนมันนอนหมดสภาพกับพื้น
“ถุย ตายซะเถอะเอ็ง” เนตรพูดแล้วกำลังจะจัดการอย่างเด็ดขาด แต่พงศ์ของรีบวิ่งมาล๊อคไว้จากด้านหลัง เมื่อเห็นแบบนั้นปะทะที่อยู่ใกล้ๆก็รีบวิ่งมาเอาไม้หน้าสามฟาดที่กลางท้อง
“ทีใครทีมันเฟ้ย” ปะทะว่าแล้วเอาไม้ฟาดไปที่กกหู แต่พงศ์ก็ล๊อคไว้ไม่ได้นานโดนสะบัดหลุดซะก่อน แล้วเนตรก็ใช้ท่อนแขนแข็งแรงที่ผ่านการมีศึกอย่างโชกโชน รับท่อนไม้ไว้ก่อนปล่อยหมัดเข้าเต็มหน้าปะทะแล้วฟันศอกใส่ไอ้พงศ์ที่อยู่ด้านหลัง แล้วกระโดดหมุนสวิงขาฟาดก้านคอไอ้พงศ์จนลงไปนับเดือนนับดาวที่พื้น
“เออวะ ท่าจะจริงของแก ทีใครทีมันจริงๆ” เนตรพูดแล้วก็จัดการซัดหมัดขวาใส่ปะทะ แต่ก็พลาดไปเพียงเล็กน้อย เนตรได้ทีเสยคางแล้วต่อยท้องเต็มๆ จนลงไปนอนกลิ้งบนพื้น
“ไอ้ทะ แมร่งเอ๊ย” ราวีตะโกนลั่นที่เห็นน้องชายลงไปนอนหมดสภาพเช่นเดียวกับคนอื่น รีบวิ่งเข้าไปขวางรุ่นพี่เนตรที่เตรียมจะซ้ำทันที
“หึ เอ็งจะลองดีกับข้ารึไง ไม่เห็นเหรอ ว่าหัวหน้าพวกเอ็งนะลงไปนอนแล้ว” เนตรพูดพร้อมกับชี้ไปที่สีชาดที่ลงไปนอนจมกองเลือดที่พื้น
“ใช่ ผมอาจจะกลัวถ้าหัวหน้าผมลงไปกอง แต่ผมจะแค้นที่เพื่อนและน้องของผม นอนกองอยู่เช่นกัน” ราวีพูด แล้วมองไปรอบๆตัว แทนไท พงศ์ และปะทะ ต่างก็ถูกชายตรงหน้าทำร้ายจนหมดสภาพ สนับในมือของเขาถูกกำแน่น เตรียมพร้อมใช้งานทุกเมื่อ
“หึ...ถ้าแค้นนัก ก็มาจัดการข้าให้ได้เซ่” เนตรปล่อยมัดออกมากระแทกกับใบหน้าของราวีจนร่างกระเด็ดออกไป แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนลุกขึ้นมามองตาเขม็ง เนตรเห็นแบบนี้ก็รุกไล่ขึ้นไปหวังซ้ำอีกครั้งให้เด็ดขาด แต่ก็ช้าเกินเพราะร่างที่เล็กกว่าพุ่งมาอยู่ตรงหน้าแล้วสนับมือสีเงินที่สะท้อนแสงจันทร์ก็ถูกใช้กระแทกใบหน้าของตนเองเสียแล้ว เลือดสีโรหิตกลิ่นคาวไหลออกจากบาดแผลปริแตกที่หน้าผาก แล้วหมัดอีกข้างของราวีก็โจมตีซ้ำที่เชิงกรามอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่เซลงไปแต่ก็ยังไม่ถึงกับล้ม หมัดขวาที่มีสนับมือจึงถูกปล่อยออกมากระแทกเข้าที่ลิ้นปี่จนเนตรตัวงอล้มลงไป แต่ก่อนที่ร่างจะถึงพื้นท่อนขาขนาดใหญ่ก็กระแทกกับร่างเล็กสุดกำลัง จนราวีล้มลงไป แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหามากนัก เมื่อเขาลุกขึ้นยืนก็ได้มองไปบนท้องฟ้ามองดวงจันทร์สีเหลืองนวลบนฟากฟ้าแล้วมองร่างที่นอนสงบนิ่งบนพื้นตรงหน้า แล้วเขาก็สูดหายใจดื่มด่ำกับชัยชนะที่ได้มา จนกระทั่ง
“โอ๊ย!!!” ราวีร้องเสียงหลงเมื่อท่อเหล็กมากระทบกับหัวอย่างจัง ร่างทรุดลงทันที เมื่อมองดูผู้ที่มาปองร้าย ก็รู้ทันทีว่าเป็นพวกของเนตร และเมื่อมองไปรอบๆ ก็เจอพวกนี้กว่าสิบคน ส่วนพวกของเต้และสีชาดต่างลงไปนอนหมดสภาพกันหมดแล้ว...
“หึหึหึ พวกแกนะแพ้พวกข้าแล้ววะ หึหึหึหึ” เสียงหัวเราะของเนตรดังขึ้น พร้อมกับร่างของมันที่โชกเลือดค่อยๆลุกขึ้นมา และก็จริงอย่างที่มันพูด บัดนี่พวกเราได้พ่ายแพ้แล้ว...
“อะไรกันพี่น้อง ผมมาช้าแค่ชั่วโมงกว่า ลงไปกองกันแล้วรึไงกัน” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น เสมือนมีเปลวไฟสว่างขึ้นที่ปลายแห่งอันธกาล
“พี่...เมษ” คนที่ปรากฏตัวขึ้นในยามนี้ ก็คือเมษนั้นเอง หากแต่ถ้ามาคนเดียวก็คงจะไม่ต่างมากเท่าไรนัก แต่ข้างหลังของเขานั้นก็ปรากฏร่างของคนอีกเกือบยี่สิบคน
“เอาเลยมั้นวะไอ้เมษ” ชายผิวขาวข้างกายของเมษพูดขึ้น
“ช้าก่อนไอ้เพื่อนยาก รอไอ้วิสมาก่อน จะได้เก็บเนียนๆ ระหว่างนี้ก็ล้อมมัน กับช่วยคนเจ็บไปก่อน” เมษพูดขึ้นอย่างใจเย็น ระหว่างนั้นกลุ่มของเขาก็ค่อยๆล้อมเหล่าพวกของเนตรไว้ และจัดการเอาร่างของพวกสีชาดทุกคนออกมาจากวงล้อม และระหว่างนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้นในความมืด เมษมองไปทางปากซอยปากก็พึมพำว่า
“ไอ้วิสมาแล้ว” ราวีมองไปทางปากซอยที่มืดมิดไม่ช้าก็มีแสงไฟสว่างขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของรถบีเอ็มซีรี่ห้า สีบรอนด์เงินสะท้อนกับแสงจันทร์ยามค่ำคืน ล้อแม็กซ์สีเดียวกับตัวรถตัดกับสียางที่ดำสนิท และแสงไฟนีออนตัดสายหมอกที่สว่างจ้าแสบตาที่บ่งบอกถึงการมาถึงของเจ้าของตัวรถได้เป็นอย่างดี เสียงเพลงจังหวะร๊อคที่ดังออกมาจากรถ แสดงให้เห็นคุณภาพของเครื่องเสียงที่น่าจะแพงหูฉี่ เสียงเบสหนักๆกับกลองที่ดังกระหึ่มยิ่งทำให้รถคันนี้น่าสนใจ และด้านหลังของรถคันนี้ยังมีบรรดารถคันงามอีกสามคันขับตามมา ไม่ช้ารถทั้งสี่ก็จอดลงพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์และดนตรีที่ดับตามไป ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาเปิดประตูออกมาจากด้านคนขับของรถคันแรกพร้อมกับมองไปรอบๆ
“ไงวิส พร้อมจะ ‘เก็บกวาด’ รึยัง” เมษเดินเข้าไปทักทายคนที่เดินออกมา ก่อนที่จะเดินมาทางวงล้อม พร้อมๆกับคนอีกสิบกว่าคนที่มากับขบวนรถเมื่อครู่ และตอนนี้พวกของเนตรที่ฟื้นขึ้นมาก็ถูกจับเอาเข้าไปกลางวงล้อมซึ่งตอนนี้มีรวมๆยี่สิบคน ส่วนพวกของเมษกับวิสที่มาสมทบกับพวกสีชาดที่ฟื้นขึ้นมารวมๆแล้วก็ได้ร่วมสี่สิบคน และดูท่าพวกนั้นก็ไม่ได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์แบบนี้เสียด้วย
“เอาละทุกคน ปิดงานปาร์ตี้ด้วยการเฉลิมฉลองกันได้” เมษพูดแล้วถือไม้เบสบอลเหล็กบุกเข้าสู่กลางวงล้อมฟาดหน้าไอ้เนตร แล้วคนรอบๆก็สมทบร่วมสหบาทากลุ่มคนตรงหน้าทันที
ยามบ่ายคล้อยของร้านคาราโอเกะข้างโรงเรียน ตอนนี้ได้ปิดเทอมไปแล้ว แต่พวกที่ไปร่วมวงปาร์ตี้เมื่อคืนต่างก็มาในวันนี้ คนกว่าห้าสิบคนได้มาพร้อมหน้ากัน ตามคำเชิญของเต้ เสียงเพลงดังขึ้นอยู่เนื่องๆพร้อมกับเหล้ายาปลาปิ้ง ที่สร้างความสนุกสนานบันเทิงใจให้กับทุกคน
“เมษ ขอบใจวะที่แกเอาพวกมาช่วย ไม่งั้นก็คงแพ้เพราะจำนวนคนที่น้อยกว่าไปแล้ว” เสียงเต้พูดขึ้นที่โต๊ะข้างๆกลุ่มของราวี
“ผมก็น้อมรับในคำชมนะครับแต่พวกพี่เจ็บหนักหมดเลย มีแต่ผมที่ไม่เป็นอะไรเลยเหมือนเห็นแก่ตัวจัง” เมษผงกหัวพร้อมกับดื่มเหล้าที่รุ่นพี่เต้ชงให้
“อย่าคิดมากน่า แกช่วยพวกพี่ตั่งเยอะ” รุ่นพี่อีกคนพูดขึ้นบ้าง แล้วในตอนนั้นสีชาดก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของกลุ่มของราวี
“ข้าถูกใจพวกเอ็งขึ้นทุกวันวะ ไอ้แทนไอ้พงศ์ ขอบใจเว้ยที่มาช่วยไอ้ทะด้วยส่วนเอ็งไอ้วี เก๋าไม่เลววะกล้าเดี่ยวกับพี่เนตร”
“ก็ไม่หรอกครับ เห็นไอ้ทะกับไอ้พวกนี้ลงไปนอนก็เลือดขึ้นหน้าแล้ว” ราวีได้แต่เกาหัวอย่างเก้อๆ แล้วสีชาดก็เดินไปที่วงของตัวเอง ในตอนนี้ ราวีไม่รู้เลยว่าศึกครั้งนี้มันจิ๊บจ๊อยมาก เมื่อเทียบกับในอนาคตที่จะมาถึง...
คอมเมนต์ ติ สับ อะไรก็สุดแต่ท่านเถอะครับ
ความคิดเห็น