คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความสุขของกะทิ
เริ่มตอนแรกด้วยเรื่อง ความสุขของกะทิ โดย งามพรรณ เวชชาชีวะ
เล่มนี้เคยได้ยินชื่อ แต่รู้สึกอยากอ่านตอนที่ได้รางวัลซีไรท์
พอไปเจอที่งานสัปดาห์หนังสือครั้งที่แล้ว ก็เลยซื้อมา
ตอนแรกจะซื้อเล่มที่ 2 ด้วยคือ ตอน ตามหาพระจันทร์
แต่ว่าในบูทนายอินทร์หมดพอดี ก็เลยไม่ได้ซื้อ
ก็เลยกะว่าลองอ่านเล่มแรกก่อนแล้วกัน ถ้าชอบค่อยหาเล่ม 2
ของพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกก่อน เราชอบนะ ทำปกและภาพประกอบสวยดี
ขนาดเล่มก็เล็กกะทัดรัด มีเนื้อหาแค่ ร้อยกว่าหน้า
แต่เนื้อหาที่อยู่ข้างในมันมากกว่ารูปเล่มเยอะ
ในส่วนเนื้อเรื่อง สำหรับเรื่องย่อเราอ่านแล้วไม่รู้จะย่อยังไงดี
ที่จะไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องมากเกินไป
ก็เลยอยากจะขอยกข้อความในคำนำสำนักพิมพ์
ที่พูดถึงเรื่องนี้ อ่านแล้วเราคิดว่าใช่เลย คือ
"ความสุขของกะทิ บอกเล่าเรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งในสังคมแบบชนบท
ที่ดำเนินไปอย่างเนิบช้าและสงบงาม
เป็นชีวิตที่ผู้คนจำนวนมากในเมืองต่างโหยหา
แต่ลึกลงไปในใจของเด็กหญิง
แม้จะมีทั้งตาและยายคอยให้ความรักและใส่ใจ
เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ แม่ผู้เก็บความลับในชีวิตของเธอเอาไว้
แม่ผู้บอกได้ว่าทำไมเธอถึงต้องมาอยู่กับตายาย
แทนที่จะอบอุ่นในบ้านที่มีทั้งพ่อและแม่
แม่ผู้จะตอบคำถามในใจของกะทิได้ทั้งหมด แม้ว่าบางคำถาม
กะทิจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าต้องการจะรู้หรือไม่ก็ตาม"
เราจะไม่พูดถึงการใช้คำ ลักษณะการเขียนต่างๆ
เพราะเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวรรณศิลป์
แต่จะขอพูดถึงสิ่งที่เราชอบและได้จากเรื่องนี้ เพื่อจะบอกว่า
หนังสือเล่มนี้น่าอ่านยังไง และทำไมเราถึงแนะนำให้ไปหามาอ่าน
เปิดเรื่องมาก็บรรยายถึงความเป็นอยู่ของกะทิ
ที่จะถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงกระทะและตะหลิวของยาย
เราชอบบรรยากาศของบ้านริมคลองในเรื่อง
เช้ามาก็มีพระพายเรือมารับบิณฑบาต
แล้วเด็กต่างก็เอาปิ่นโตกันไปกินข้าวกลางวันที่โรงเรียน
เวลาอ่านการ์ตูนหรือดูละครญี่ปุ่น ก็จะเห็นว่าเด็กเค้าก็เอาปิ่นโต
หรือข้าวกล่องไปกินกัน เดี๋ยวนี้เราว่าคงไม่ค่อยมีแล้ว
โดนเฉพาะเด็กในเมือง อย่างตัวเราเอง ก็ไม่เคยเอาปิ่นโตไปกินที่โรงเรียน
ตอนประถมก็กินอาหารใส่ถาดของโรงเรียน พออยู่มัธยม
ก็ซื้ออาหารในโรงอาหารกิน เราว่าส่วนหนึ่งที่คนไม่เอาปิ่นโตไปกิน
ก็คงเพราะแม่บ้านไม่มีเวลาทำ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้หญิงทำงานนอกบ้านกันเยอะ
นอกจากนี้บางคนก็อาจจะบอกว่าปิ่นโตมันดูเฉย แล้วก็อาจจะหิ้วลำบาก
ลำพังแค่หิ้วกระเป๋าเบียดอยู่บนรถเมล์ก็แย่แล้ว เราว่าอีกเหตุผลก็น่าจะเป็นเพราะ
อากาศเมืองไทยมันร้อน เอาปิ่นโตมาก็อาจจะเสียก่อนได้กินก็ได้
แล้วก็บางตอนก็ทำให้เราร้องไห้ ความรักที่แม่มีต่อลูกนี้มันยิ่งใหญ่จังเลยนะ
เราไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะพูดไปพูดมาจะกลายเป็นบอกเรื่องทั้งหมด
เรื่องสุดท้ายที่อยากจะพูดคือ การตัดสินใจของกะทิ
ถ้าเป็นเราอาจจะไม่ทำแบบนั้น
แต่เราคิดว่าการตัดสินใจแบบนั้นอาจจะดีที่สุดก็ได้
ถ้าอยากรู้ว่ากะทิต้องตัดสินใจอะไร ก็ไปตามอ่านใน "ความสุขของกะทิ"
ใครอ่านแล้วรู้สึกยังไง ก็บอกกันบ้างนะ
ความคิดเห็น