คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - I -
Title ::: WRECK
Genre ::: Drama,Entangle,Unconcious and MPEG
Rate ::: PG - NC
Author ::: Eclipse
Talk ::: ขอกราบเท้างามๆ เลยค่ะ พ่อแม่พี่น้อง ไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ ฮี่ๆ เชิญสาปแอนด์แช่งกันได้ตามสบาย ลืมจริงๆค่ะ มึนกับ essay มากมาย ไม่ไหวแร้ว กลับมาถึงบ้านนอนมันตลอด รู้สึกหมดพลังงานค่ะ แต่ตอนนี้ กลับมาแล้วค่ะ มาพร้อมตอนใหม่ ตอนนี้ไม่กล้าสัญยิงสัญญา อะไรกับคนอ่านแล้วค่ะ ขอโทษผู้อ่านที่ติดตามทุกคนอีกครั้งค่า ปล.คอมเม้นท์คือกำลังใจสำคัญนะคะ
------------------------------------ WRECK --------------------------------------
1
“แจจุง ทำอะไรอยู่ลูกเดี๋ยวจะสายเอานะ วันนี้เปิดเทอมวันแรกด้วยนะ เป็นเด็กมอปลายแล้ว ลูกต้องรู้จักจัดการเวลาให้มากกว่านี้นะ”
“คุณแม่อย่าว่าแจจุงสิ เพราะว่าคุณแม่ว่าแจจุงแบบนี้ไง ไอ้ลูกเมียน้อย มันถึงทำตัวเด่น มีดี เดินชูคออยู่ในบ้านนี้ได้ทุกวี่วันน่ะ วันหลังคุณแม่ต้องหัดชมแจจุงต่อหน้าคุณพ่อบ้างนะ”
“ค่ะ ค่ะ คุณแม่รู้แล้ว ลูกแจรีบๆ แต่งตัวเถอะค่ะ จะได้ไปทานอาหารเช้ากันซะที”
เสียงเจื้อยแจ้วของคุณหนูคนเล็กของบ้าน ดังออกมาตามระหว่างทางเดิน พลันสายตาคู่งามก็ไปสะดุดเข้ากับบุคคลที่เดินอยู่ข้างหน้า ดวงตากลมโตฉายแววตกใจระคนตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด
“คุณแม่ฮะ ทำไม วันนี้ เมดถึงปล่อยให้สุนัขตัวใหญ่มาเดินเพ่นพ่านอย่างนี้ล่ะฮะ เดี๋ยวถ้าเกิดมันไปนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกับเรา แจจุงคงจะกินอะไรไม่ลงเลยล่ะฮะ” เสียงใสเอ่ยวาจาเสียดสีอย่างรุนแรงกับบุคคลร่วมเดินทางไปยังห้องรับประทานอาหาร ร่างสูงที่ถูกพูดจาประชดประชัน กำมือแน่นและขบกรามอย่างระงับอารมณ์โกรธไว้อย่างเต็มที่ ร่างสูงคิดว่า กาลเวลาอาจเปลี่ยนให้บุคคลที่มีนิสัยเสียติดตัวมาแต่เกิดอย่างแจจุงถูกกล่อมเกลาให้ดีขึ้นบ้าง แต่เปล่าเลย ร่างสูงคิดได้ว่า ยังไงแจจุงก็ยังคงเป็นแจจุงเด็กน้อยที่น่ารังเกียจอยู่วันยังค่ำ
“ยุนโฮไปเถอะลูก เดี๋ยวคุณพ่อจะรอ” ร่างสูงเกือบระงับอารมณ์โกรธไม่อยู่ เกือบตวาดกลับสวนออกไป แต่ดีที่มีมารดาคอยเอาน้ำเย็นเข้าลูบ จึงระงับความโกรธลงได้ แต่ไม่วายหันไปจ้องตาร่างบางอย่างโกรธเคือง
“อ้าว มากันพร้อมแล้วใช่ไหม นั่งสิๆ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะยุนโฮลูกชายของพ่อ แกกลับมาเรียนปีสุดท้ายที่นี่ก็ดีแล้วล่ะยุนโฮ แกจะได้มีเพื่อนมีรุ่นอยู่ที่นี่ เวลาทำธุรกิจจะได้มีคนคอยสนับสนุนให้ธุรกิจราบรื่น นี่แหละคือเหตุผลที่ชั้นให้แกกลับมาเรียนปีสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยโซล” ชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา ซึ่งไม่เหมาะกับอายุอานามจริงที่ปาเข้าไปเกือบจะห้าสิบแล้ว เอ่ยชักชวนบรรดาผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นๆให้นั่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดนั่งลงทานอาหารเลยสักคน
“อื้ม งั้นก็ลงมือทานอาหารได้ แจจุง วันนี้แกเป็นเด็กนักเรียนมอปลายแล้วสิ ตั้งใจเรียนล่ะ อย่าให้ขายหน้าตระกูลเราเข้าใจไหม จะทำตัวแบบสมัยอยู่มอต้น น่ะ ไม่ได้แล้วนะ ไอ้จะไปโรงเรียนด้วยการซ้อนมอเตอร์ไซด์คันเก่าของเพื่อนสุดสถุลของแกน่ะอย่าทำอีก อีกหน่อยแกก็ต้องถูกเปิดตัว แล้วถ้ามีคนขุดคุ้ยพฤติกรรมทรามๆที่แกเคยทำเอาไว้น่ะ มันจะพากันล่มจมกันทั้งตระกูล เอาตัวอย่างยุนโฮบ้าง เดี๋ยวอีกปีเดียวมันก็จะจบมหาวิทยาลัยแล้ว แถมพ่วงเกียรตินิยมมาด้วยนะ” แจฮวาน พูดออกมาด้วยท่าทีภูมิใจอย่างมาก ถึงแม้ยุนโฮจะไม่ใช่ลูกของเค้า แต่เค้าก็รักยุนโฮและเลี้ยงดูยุนโฮมาตั้งแต่ยุนโฮยังเด็ก ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก
“ครืด” เสียงลากเก้าอี้อย่างดัง บ่งบอกถึงความไม่พอใจของผู้กระทำได้เป็นอย่างดี
“แจจุงไม่กินแล้ว ไม่หิว อยากจะอ้วก สวัสดีคุณพ่อ คุณแม่ แจไปนะ” พูดจบก็กระแทกเท้าปึงปังเดินออกไปทันที
“ลูกแจ ลูกแจขา รอคุณแม่ด้วย ลืมเสื้อสูทตัวนอกค่ะลูก” คนเป็นแม่ที่เห็นลูกลืมเสื้อสูทรีบวิ่งตามออกไปทันที
“แจจุง นั่นแกจะไปไหนน่ะ แกทำไมไม่ไปพร้อมยุนโฮ ฮะ ไอ้ลูกคนนี้ นี่มันจริงๆเลย แจวอน ถ้ามันลืมเสื้อสูทก็ปล่อยมัน มันก็เข้าไปทำพิธีปฐมนิเทศไม่ได้หรอก” แจฮวานกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่แฝงความโกรธหรือความขี้เล่นใดๆ ในน้ำเสียง
“คุณพ่อครับ งั้นผมขอตัวนะครับ เดี๋ยวคงต้องรีบตามแจจุงไปน่ะครับ สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็ คุณน้า เอ่อคุณน้าครับผมขออนุญาตนำเสื้อสูตรไปให้น้องเองนะครับ”
“ขอบใจแกมากนะ แล้วส่งให้ถึงมือลูกชายของชั้นล่ะ”
“จ้า ขับรถดีๆนะลูก รีบไปเร็วเข้า เดี๋ยวตามน้องไม่ทันนะ ไม่รู้ป่านนี้จะไปโรงเรียนยังไง เพราะว่าคนขับรถยังไม่ทันได้ออกรถเลย หนูแจจุงก็รีบออกไปก่อนซะแล้ว” เสียงมารดาพูดเร่งด้วยความอ่อนหวาน ยุนโฮพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น หลังจากเดินพ้นมาจนถึงอาคารจอดรถแล้ว ชายหนุ่มรีบขับแลมโบคินี่สีดำคันงามออกไปอย่างเร็วทันที
“อย่าหวังเลยว่าคนอย่างชั้นจะช่วยแกไปทุกเรื่องน่ะ คิม แจจุง มีปัญญาจนล้นออกมาจากหัวสมองนัก ก็หาทางไปเอาเองสิ แต่ถ้าจะช่วยป่วนจนทำให้แกต้องเป็นบ้าตายล่ะก็ไม่แน่ ฮึฮึ” ร่างสูงยิ้มเย็นออกมา พลางคิดถึงแผนการที่จะทำให้ร่างบางต้องวุ่นวายให้เร็วที่สุด
------------------------------------ WRECK --------------------------------
1
“ชางมิน แกจะรีบไปตายที่ไหนฮะ ขับให้มันช้ากว่านี้หน่อย ชั้นจะตกเจ้าคุณปู่เน่าๆของแกแล้ว” เวสป้าสีแดงคันเก่า แต่เก๋าในเกมส์ถนนวิ่งฉวัดเฉวียนอยู่บนถนนที่กำลังเกิดการจราจรติดขัดอย่างรุนแรงในกรุงโซลตอนเช้าๆแบบนี้ แต่ด้วยความที่คันเล็กกว่า ก็ย่อมจะคล่องตัวกว่าเป็นธรรมดา
“อะไรนะ แจจุง พูดอะไรอ่ะ เสียงดังกว่านี้หน่อยดิ” ร่างสูงที่กำลังขับรถอย่างใช้สมาธิไม่ได้ยินเสียงที่ร่างบางพูดเพราะต้องเจียดสมาธิทั้งหมดให้กับการแซงซ้ายปาดขวา และแล้วเวสป้าสีแดงสดก็ต้องเบรคอย่างรุนแรง
“โอ้ย หยุดทำบ้าอะไรวะ แล้วจะหยุดทำไมไม่บอกฮะ......ไอ้บ้าชางมิน” ร่างบางตะโกนออกมาอย่างดัง เมื่อปากกระจับน้อยสีแดงสด ต้องจูบหลังของเพื่อนอย่างกะทันหัน พลันสายตาก็เหลือบมองไปข้างหน้าอย่างงุนงง ว่าเพื่อนรักต้องเบรกรถอย่างกะทันหันเพื่ออะไร
“เฮ้ย ไมขับรถงี้อ่าพี่ ปาดหน้าชาวบ้านอย่างนี้ได้ไง ลงมาคุยกันเลย เฮ้ย!!! พี่ยุนโฮ” ชางมินหนุ่มจอมทะเล้น พูดเสียงดังลั่นถนนอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะว่ารถเก๋งยี่ห้อดังที่ดูยังไงมันก็น่านั่งเสียจริงๆ ขับมาปาดหน้ารถเค้าอย่างกะทันหัน ทันใดนั้น คนในรถที่สวมแว่นตาดำใส่สูทมหาวิทยาลัยชื่อดังเดินลงมาจากรถทันที ดังกับคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้ามาอย่างดิบดีแล้ว
“อะ อะ ไอ้บ้ายุนโฮ แกมาขับรถปาดหน้ามอเตอร์ไซด์เพื่อนชั้นแบบนี้ได้ยังไง ชั้นยิ่งต้องรีบไปโรงเรียนอยู่ด้วย” ร่างบางตาโตตกใจเป็นอย่างมาก ที่โลกบูดๆเบี้ยวๆใบนี้มันช่างกลมเสียจริงๆ ทำให้คนที่เค้าเกลียดขี้หน้ามากที่สุดมายืนอยู่ข้างหน้าเค้าอย่างกับหายตัว
“เมื่อเช้า นายไม่ได้จำที่คุณพ่อบอกหรือไง แล้วอีกอย่างนายก็ลืมเสื้อสูทด้วย ถ้าไม่มีชั้น นายคงไม่ได้เรียนมอปลายหรอก ฮึ ฮึ ฮึ” ร่างสูงว่าเสียงเย็นพร้อมกับใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับน้ำแข็ง ตั้งแต่อยู่บ้านเดียวกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ร่างบางเห็นร่างสูงทำหน้าไม่กี่แบบเท่านั้น แต่ที่เห็นมากที่สุด คงจะเป็นใบหน้าเฉยชานี่แหละที่เห็นบ่อยที่สุด บางทีร่างบางก็นึกอยากจะยั่วโมโหให้ร่างสูงโกรธบ้าง แต่อย่างไรก็ไม่สามารถทำได้ซะที
“นี่แกอย่าบอกนะ ว่าแกจะให้ชั้นนั่งรถไปกับแกน่ะ ชั้นรู้แกมันก็ไม่ได้อยากจะให้ชั้นนั่งรถไปด้วยเท่าไหร่นักหรอก แกอยากจะแกล้งอะไรชั้นล่ะสิ เพราะฉะนั้นหลีกไป ไอ้ขี้ข้า” ร่างบางตะโกนเสียงดัง แข่งกับเสียงรถราที่วิ่งสวนกันไปมาอยู่บนถนน ผู้คนวัยทำงานที่ยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้าย หันมามองเหตุการณ์ ริมฟุตบาทอย่างสนอกสนใจ
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ คุณหนูคิม เราไม่เจอกันตั้งเดือนนึง พูดจาให้มันเพราะๆ หน่อยสิครับ ไม่คิดถึงพี่ชายคนนี้หรือยังไง เป็นถึงตระกูลผู้ดีมีเงิน แต่มารยาททรามแบบนี้ น่าส่งไปเรียนโรงเรียนดัดสันดานเสียจริงๆ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ชั้นกลับมาแล้ว และสิทธิ์ขาดในการดูแลบ้าน บริษัท รวมถึงสวัสดิภาพของแกก็จะต้องอยู่ในกำมือชั้นในเร็ววันนี้ ฮึฮึฮึ แล้วชั้นจะทำให้แกรู้ว่าถ้าแกไปโรงเรียนดัดสันดานเองซะตั้งแต่แรก มันยังดีกว่าการต้องอยู่ภายในกำมือของชั้น” ยุนโฮก้าวเดินเข้าไปประชิดร่างบอบบางของแจจุงพร้อมกับโอบที่ไหล่บางด้วยความรักหากมองภายใต้สายตาของผู้อื่น หากแต่ริมฝีปากกลับกระซิบถ้อยคำร้ายกาจที่ริมใบหูของร่างบอบบาง ร่างสูงที่มีความสามารถสูงในการพูดเสียดสีอย่างเจ็บแสบแต่หน้ายังคงนิ่งสนิท พร้อมทั้งยังสามารถยั่วโมโหให้คนร่างบางนั้นโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ร่างกายสั่นเทิ้มเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เท้าร่างบางกลับไม่ขยับเขยื้อน
ยุนโฮที่เคยอ่อนโยนหายไปไหนนะ
ไม่สิ
นั่นไม่ใช่ยุนโฮ นั่นคือตัวละครที่ยุนโฮเคยสร้างมาหลอกเขาต่างหาก
แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ชั้นจะไม่ยอมตกอยู่ในกำมือของใครหรอก
“เอ่อ พี่ยุนโฮครับ สวัสดีครับ พี่กลับมาแล้วเหรอครับเนี่ย ผมขอโทษด้วยนะครับ คือวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ผมขออนุญาตไปปฐมนิเทศให้ทันก่อนนะครับ เพราะว่าถ้าให้แจจุงไปรถของพี่ ผมกลัวว่าจะไปไม่ทันน่ะครับ เพราะรถคงจะติดอีกนาน” ร่างสูงของชางมินที่เห็นสถานการณ์เริ่มที่จะแย่ลงเรื่อยๆ รีบจับตัวร่างบางให้ไปซ้อนเวสป้าเจ้าคุณปู่ทันที แจจุงทำท่าฮึดฮัดอยู่สักพักแต่ก็ยอมกอดเอวเพื่อนชายไปแต่โดยดี
“แจจุงครับ ตอนเย็นรอพี่นะ เดี๋ยวพี่จะไปรับ”
------------------------------------ WRECK --------------------------------
1
“แจจุง ชางมิน ทางนี้ๆ ดูสิพวกแกมาสายเสมอเลยนะ อย่างว่าล่ะ นั่งมอเตอร์ไซด์เศษเหล็กอย่างนั้น ฮิฮิฮิ” จุนซูหนึ่งในเพื่อนสนิทของแก๊งสามสหายออกมาต้อนรับ เพื่อนอีกสองคนที่มาสายเกือบจะไม่ทันพิธีปฐมนิเทศ แต่ก็ไม่วายจิกกัดเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอตามนิสัยคนขี้จุกจิก แบบคุณหนูเอาแต่ใจ
“ใครจะไปสุขสบายเหมือนแกล่ะจุนซู ฮึ มีคนคอยมารับมาส่งสะดวกสบาย นั่งอยู่บนกองเงินกองทอง ไม่ต้องทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ก็มีกินไปทั้งชาติ” หัวกะทิหนึ่งเดียวของกลุ่มอย่างชางมิน กล่าวเสียดสีกลับไปอย่างเจ็บแสบกว่า ชนิดที่ว่าแทงซ้ำแล้วเอาแอลกอฮอล์ราดลงบนแผลที่กำลังถูกมีดปักเอาไว้
“แหมชางมิน ชั้นแค่แซวมอเตอร์ไซด์ของทวดแกหน่อยเดียวเนี่ย ด่าชั้นอย่างกับจะฆ่ากันเลยนะ” จุนซูพูดตอบกลับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่ใครจะรู้ล่ะว่าร่างบางแอบคอยหาทางแก้แค้นทางคำพูดตอนไหน
“มันก็แน่ล่ะ ใครแรงมา ชั้นก็แรงกลับ แบบนี้ถึงค่อยเหมาะสมหน่อย เออว่าแต่แกเถอะจุนซู คราวนี้ เพื่อให้ได้ตามมาราวีแจจุง เอ้ย มาอยู่ร่วมโรงเรียนมอปลายกับแจจุงและก็ชั้น พ่อแกหมดเงินในการสมนาคุณโรงเรียนนี้ไปเท่าไหร่วะ” หนุ่มร่างสูงยิงคำตอบได้ตรงขั้วหัวใจของจุนซูอีกครั้ง แบบชนิดลั่นไกครั้งเดียวก็ตัดผ่านขั้วหัวใจทันที พร้อมกับทำให้ร่างบางหน้าซีด อึ้งจนพูดไม่ออก ก่อนเดินเลี่ยงนำไปขึ้นตึกของโบสถ์ที่ใช้ทำพิธีอันศักสิทธิ์ของโรงเรียนคริสต์ อย่างพิธีปฐมนิเทศในวันนี้
“เอาน่า วันนี้วันเปิดเทอมวันแรก พวกแกอย่าทะเลาะกันเลยนะ ชั้นว่า เราเข้าไปในโบสถ์เหอะ เราสายกันมากแล้ว” ร่างบอบบางที่สุดของกลุ่มเอ่ยเตือนสติเพื่อนต่างความสูง ให้หยุดกัดกันเสียที เพราะนี่ก็เลยเวลาในกำหนดการมานานมากแล้ว
“เออ นี่ แจจุง แกไปลอนดอนมาเหรอปิดเทอมน่ะ สนุกรึเปล่า บ้านที่นั้นของแกใหญ่ใช่มั๊ย แล้วถ้าปิดเทอมนี้ เราขนเพื่อนๆของเราไปปาร์ตี้ที่นั่นได้มั๊ย เพราะว่าบ้านที่ลอนดอนของชั้น คุณปู่พักอยู่น่ะ และคำถามสำคัญนะ พี่ยุนโฮสบายดีรึป่าว”
“แกค่อยๆถามชั้นทีละคำถามได้มั๊ยจุนซู ถามมารวดเดียวแบบนั้นชั้นจะไปตอบทันได้ยังไง เออ ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณพ่อลากชั้นไปนะ ชั้นกับคุณแม่ก็ไม่มีทางที่จะไปเยี่ยมไอ้ลูกเมียน้อยนั่นหรอก อย่าพูดถึงมันเลย พาลทำให้อารมณ์เสียซะเปล่าๆ อืม...ที่อังกฤษตอนนี้น่ะ อากาศกำลังสบายเลย ก็ฤดูใบไม้ผลิน่ะ ชั้นไปช็อปที่แฮร็อททุกวันเลยนะแก ที่นั่นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า คอลเล็คชั่นใหม่กว่าที่นี่เยอะ แบบลิมิเต็ดเอดิชั่นด้วยนะแก แกก็รู้ว่าชั้นไม่ชอบใช้ของซ้ำแบบใคร เออบ้านชั้นที่ลอนดอนน่ะเหรอ เกรงว่าอย่าจะดีกว่าเรื่องจัดปาร์ตี้น่ะ จัดที่นี่เถอะ แค่เช่าห้องสูทหรูๆในโรงแรมห้าดาว ตำรวจก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว ตำรวจที่นู่นน่ะเข้มงวดกว่าที่เกาหลีเยอะ ยัดตังค์ก็ไม่ได้ ถ้าอายุไม่ถึง มันไม่ให้ดื่มเด็ดขาดเลยเหล้าน่ะ เออจุนซูแกรู้มั๊ยว่าชั้นน่ะ ได้ฝรั่งติดมือมาด้วยนะ เค้าว่าจะบินตามชั้นกลับมาทีหลังน่ะ เป็นฝรั่งแต่หน้าตาเอเชียชะมัดเลยล่ะ และที่สำคัญเป็นคู่ค้าคนสำคัญของพ่อชั้นด้วยนะจะบอกให้ แต่เค้าอายุมากกว่าชั้นตั้งหลายปี นี่เห็นว่าจะกลับมาเกาหลีเพราะพ่อสั่งมั้ง เห็นว่าต้องกลับมารับช่วงต่อ เลยจะกลับมาเรียนมหาลัยปีสุดท้ายที่นี่น่ะ คนนี้ชั้นว่าคงคบได้นานหน่อยเพราะแม่ชั้นว่าให้คบนานๆเพื่อเค้าจะได้ทำการค้ากับเรานานๆ ฮิฮิฮิ” เมื่อคำพูดยืดยาวถูกตอบออกมาจากริมฝีปากอิ่มสวย จุนซูจึงไม่อยากถามอะไรต่ออีก เพราะเห็นท่าทีฮึดฮัดเมื่อยามที่ร่างบางของแจจุงเอ่ยปากถึงพี่ชายต่างมารดา จุนซูรู้ดีว่าพี่ชายของแจจุงรูปงามขนาดไหน ซ้ำยังหัวดีเรียนเก่ง จะหยิบจับอะไรก็ดูจะเลิศเลอเพอเฟ็คไปซะหมด แม่ของเขายังเคยเล่าให้ฟังว่า ตระกูลคิมต้องการจะให้ยุนโฮรับช่วงต่อเป็นทายาทสืบทอดกิจการทั้งหลาย เพราะดูจากความสามารถของแจจุงแล้ว เทียบไม่ได้เลยกับพี่ชาย จุนซูรู้จักกับครอบครัวของแจจุงตั้งแต่ยังเด็ก แต่ด้วยความที่บ้านมีฐานะดีทั้งคู่ จุนซูกับแจจุงเลยเรียกได้ว่า เป็นเพื่อนรักเพื่อนแค้นกันอย่างสมบูรณ์ ชิงดีชิงเด่นกันทุกอย่าง เรียกได้ว่าถึงจะคบกันมาตั้งแต่เด็กจนถึงป่านนี้ ก็ไม่มีใครซักคนที่จะสนิทใจกับฝ่ายตรงข้าม เพราะต่างคนก็ต่างคิดว่าคนที่เป็นหนึ่งมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำสะดุดก้อนหินตามทางละก็ อีกฝ่ายก็จะเหยียบซ้ำแล้วผลักให้ตกไหล่ทางไปเลยทีเดียว
------------------------------------ WRECK --------------------------------
1
“แจจุง พี่ยุนโฮมารับแล้ว” เสียงใสราวกับจะทำให้แก้วแตกได้โดยพลัน เอ่ยออกมาอย่างเริงร่า เมื่อเห็นพี่ชายรูปหล่อของเพื่อนเข้าอย่างจัง
“เออ เดียวนะ บอกให้มันรอแป๊บ เก็บของก่อน ไปนะ....ชางมิน ต่อไปนี้ ชั้นกับแก คงจะไม่ได้กลับด้วยกันอีกแน่เลย จนกว่าไอ้บ้านั่นจะเรียนจบน่ะแหละ ชั้นคงต้องคิดถึงเวสป้าคันเก่าๆ ที่ท่อไอเสียจะหลุดไม่หลุดแหล่ๆแน่ๆเลยอ่า ฮ่าๆๆๆ” ร่างบางกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะเสียงดัง แล้ววิ่งออกไปยังลานจอดรถยนต์ส่วนบุคคลของโรงเรียน
ในวินาทีที่ร่างบอบบางได้เดินไกลออกไป ชางมินรู้สึกเหมือนหัวใจของเขามีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ร่างกายชาขยับไม่ได้ และความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ ทำให้ชางมินมีลางสังหรณ์ว่า เหตุการณ์บางอย่าง จะทำให้รอบยิ้มสดใสของร่างบอบบางหายไปอีกนานแสนนาน
“อ๊ะ แจจุงมาแล้ว งั้นจุนซูไปก่อนนะฮะ พี่ยุนโฮ สวัสดีฮะ แจจุง บ๊ายบายจ้ะ”
“เออ....นะ วันนี้ท่าจะฝนตกใหญ่ซะแล้ว คิมจุนซู พูดจา จ้ะ จ๋า ขนลุกว่ะ” ร่างบางของแจจุง พูดจิกกัดตามสไตล์ของความเป็นคนเอาแต่ใจ
“ทำไมชั้นจะพูดจ้ะ จ๋าไม่ได้ล่ะแจจุง” จุนซูแสร้งปั้นหน้าหน้าสงสาร แล้วก้มหน้าลง พร้อมกับเดินออกห่างออกไปทางอาคารเรียนหลังใหญ่
“กว่าจะมาได้นะ นังตัวแสบ มัวแต่อ่อยผู้ชายอยู่ล่ะซิท่า” ดวงตาคมวาวโรจน์เมื่อหันไปสบตาเข้ากับดวงตาสีดำกลมโตที่มองมาทางตนอย่าสงสัย ปนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“แกจะบ้าหรือไง ฮะ ชั้นไม่ใช่แกนะ ที่จะมั่วผู้หญิงไปทั่วน่ะ อย่าคิดว่าแกจะปิดคุณพ่อได้แล้วแกจะมาปิดหูปิดตาชั้นนะ แกมันก็แค่คนที่เล่นละครเร่ตามถนน ใส่หน้ากากไปวันๆนั่นล่ะ ชองยุนโฮ แกอย่าคิดเอาตัวเองมาเทียบคนอย่างชั้นนะ ไอ้ลูกเมียน้อย สักวันธาตุแท้ของแกจะต้องถูกสวรรค์เปิดเผย” เมื่อแรงมา จำต้องแรงกลับไปอย่างกลัวที่จะเสียศักดิ์ศรี คิมแจจุงผู้ไม่ยอมใครคนนี้น่ะเหรอจะยอมคนอย่างชองยุนโฮ
“อย่างน้อยอีกแค่ปีเดียว ชั้นก็จะได้กำตระกูลคิมเอาไว้ด้วยมือของชั้นแล้ว แต่แกน่ะ เอาตัวให้รอดก่อนเถอะ เรียนให้มันจบมอปลายก่อนละกัน อย่าพลาดมีผัวไปซะก่อนละ ฮะ ฮะ ฮะ” เสียงหัวเราะ อย่างเป็นต่อ ทำเอาร่างบอบบางของแจจุงนั่งนิ่งเงียบอยู่ภายในรถสปอร์ตคันหรู อย่างอดกลั้น ในวินาทีนี้ร่างบางนับถอบหลังพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่หากสวรรค์คงจะเป็นใจ ทำให้รถคันหรู ขับข้ามผ่านมายังโถงทางเข้าของบ้านหลังตระการตา และคงเป็นอีกวันที่ร่างบอบบางของแจจุงต้องทำใจให้ระเบิดเวลา ถูกกักเก็บไว้ภายในก้นบึ้งของหัวใจอันบอบช้ำไปด้วยร่องรอยของความเคียดแค้น พร้อมรอเวลาปะทุ ได้ทุกเมื่อ
TBC in part 2
ความคิดเห็น