คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : -6 วันเวลาที่รอคอย 6-
ตอนที่ 4
วันเวลาที่รอคอย
"ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์ ...." เสียงดังมาจากระเบียงชั้นบน วศินที่นอนฟังเพลงอยู่ตรงระเบียงเลื่อนหน้าออกไปดู ... ก่อนจะกลับมากลับมาสนใจเพลงที่กำลังฟังอยู่ต่อ
ห้องที่เสียงร้องดังออกมาเป็นห้องของเพื่อนร่วมรุ่นเขาเอง
วันนี้คือคืนวันเสาร์ หากแต่ว่าบรรยากาศเหมือนคืนวันอาทิตย์อันซึมเซา เนื่องจากหลายๆคนกำลังเตรียมตัวเพื่อการขึ้นแผนกวันแรกแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ศัลยกรรม อายุรกรรม และเด็ก ที่จะต้องไปรับส่งเวรจากพี่ปี6ที่กำลังจะจบการทำงานบนตึกผู้ป่วยเป็นวันสุด ท้ายในเย็นวันเสาร์ .....
ตั้งแต่เย็นมาวศินเห็นความเครียดของเพื่อนๆร่วมรุ่นหลายคน ....
เริ่มจากกลุ่มไหนไม่รู้ที่เล่นบอลตรงระเบียงทางเดินจนรองเท้ากระจายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
สักพักก็มีเพื่อนกลุ่มนึงเดินมาเคาะประตูชวนไปกินเหล้า ... วศิน โกวิท สุรศักดิ์ และ ชาย ปฏิเสธอย่างแข็งขันเพราะกำลังอ่านหนังสือ
สักพักใหญ่ๆ ทุกคนในห้องก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาจากสระน้ำก่อนจะได้ยินเสียงโดดน้ำในสระ น้ำที่อยู่ถัดไปจากหอพัก (โอเค สระปิดแล้ว แต่คงปีนลงไปกัน)
และถ้าใครที่ว่างสักหน่อย หากลองนั่งรอฟังดีๆจะได้ยินเสียงคนร้องตะโกนปลดปล่อยอารมณ์ออกมาจากห้องๆ หนึ่ง แล้วก็จะมีคนตะโกนแบบเดียวกันรับต่อไปเป็นทอดๆ
จะว่าเว่อร์เกินเหตุก็คงไม่ใช่ ถ้าหากจะลองคิดดีๆแล้วความเครียดตรงส่วนนี้อาจจะมากกว่าตอนที่เข้ามาเรียนปีหนึ่งเสียอีก
ตอนปีหนึ่งอาจจะเครียดเรื่องการปรับตัวมาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แต่ว่าเมื่อเข้ามาเรียนได้สักระยะหนึ่งความรู้สึกก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อสมัยที่เป็นนักเรียนมัธยมมากนัก แม้กระทั่งเมื่อเรียนมาถึงชั้นปี 4-5 แล้วก็ตาม ได้ขึ้นตึกผู้ป่วยก็แล้ว แต่ความรับผิดชอบในงานก็ขึ้นกับพี่แพทย์ประจำบ้านและพี่ปี6
พรุ่งนี้จะเป็นวันที่หลายๆคนจะต้องเปลี่ยนจากเด็กที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร มาเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเต็มที่แล้ว ...
ชีวิตการเรียนแพทย์ที่ฝันไว้เมื่อตอนอยู่ม.ปลาย กำลังจะเริ่มจริงๆพรุ่งนี้!
"เฮ้ย กูนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า" ชายพูดก่อนจะปีนขึ้นเตียงชั้นบน แล้วก็คลุมโปงอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้เพื่อนคนอื่นปิดไฟห้อง ... ชายต้องขึ้นตึกอายุรกรรมพรุ่งนี้แล้ว
วศิน โกวิท และสุรศักดิ์ มองหน้ากัน ... ทั้งสามไม่ต้องรีบนอนเนื่องจากแผนกที่ต้องขึ้นคือแผนกจิตเวชซึ่งจะเปิดสอน ตอนเช้าวันจันทร์ หากแต่ว่าวศินก็เดินไปปิดไฟเพดานห้องเพื่อให้ชายได้นอนอย่างเต็มที่
"เอาไงดี" สุรศักดิ์พูดขึ้น ... นั่งมองเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งกันตรงกลางห้องมืดๆ "เล่นไพ่?"
"อย่าเลย เล่นแบบเงียบๆไม่สนุกหรอก" โกวิทส่ายหน้า
"งั้นไปสนามหลวง" วศินเอ่ยขึ้นในที่สุด
...
...
...
...
ความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วไปทั้งห้อง มีเพียงเสียงเรือข้ามฟากที่ลอยมาจากทางระเบียง
" ไม่มีทั้งทีวี ซีดี เครื่องเล่น .... แล้วจะไปยังไงวะ " สุรศักดิ์ส่ายหน้าก่อนจะโดนวศินตบหัว
" สนามหลวงจริงโว้ย ... ไม่ใช่ดูAV ... ตกลงจะไปไม่ไป" วศินกระซิบ " รีบไปหน่อยเรือข้ามฟากยังไม่ทันปิดหรอก "
ทั้งสามออกจากห้องแล้วเดินลงบันได ที่ชั้นสองยังมีบางคนเล่นพูลหรือดูทีวีกันอยู่ประปราย ... ลงไปที่ชั้นล่าง ร้านขายของใต้หอก็ปิดไฟเงียบเชียบพร้อมป้าย"หยุดหนึ่งวัน"ที่แปะไว้ตรงกระจก
เดินเรื่อยๆตามทางเดินที่มีแสงสลัว ผ่านตึกอำนวยการก่อนที่จะเดินไปถึงที่ท่าน้ำ วศินควักตั๋วออกมาสามใบยื่นให้ที่ท่าก่อนจะเดินไปลงเรือ ... ลงจากเรือแล้วก็เดินเลียบไปทางกำแพงเก่าก่อนจะไปโผล่ใกล้ๆกับสนามหลวง
หลังจากที่เดินไปดูที่นั่นที่นี่จนเบื่อแล้วทั้งสามก็เดินเข้าไปในพื้นที่สนามหญ้าก่อนที่จะหาที่เหมาะนั่งลง
"ตอนเด็กๆเราเคยมาเที่ยวที่นี่กับพ่อแม่ตอนดึกๆ" วศินเอ่ย "ตอนนั้นงานวันที่ 5 ธันวาคม จำได้ว่าไฟสวยมาก คนเต็มไปหมด"
"ดูไฟเหรอ ตอนเด็กๆเราก็เคยมาดู ... แต่มันนานจนจำไม่ได้แล้วว่ามาดูครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ " สุรศักดิ์พูด " แต่ก่อนนายสองคนชอบถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ ไม่ได้แวะมาเลยหรือไง"
"จะมาได้ยังไง ก็อยู่เวรพร้อมๆกัน" โกวิทตอบ
นึกดูดีๆ ปีที่ผ่านๆมาทั้งสามคนแทบจะไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะพอลงจากตึกก็มักจะมืดแล้วหรือไม่ก็มีงานที่ต้องส่งในวันรุ่งขึ้นจนไม่ มีเวลาไปไหนไกลๆ ... เทศกาลปีใหม่ คริสต์มาส หรือวันหยุดราชการหลายๆครั้งที่ผ่านมาก็มักจะต้องอยู่เวรยาวๆกัน
และนั่นคือชีวิตนักศึกษาแพทย์ปี 4-5 ... ซึ่งพรุ่งนี้ไปเขาจะเป็นปี 6 เต็มตัวแล้ว
"นายเคยเสียใจที่มาเรียนหมอไหม" วศินถามขึ้น "เสียดายไหมที่มาเรียนแบบนี้แล้วช่วงชีวิตมหาลัยแบบคนอื่นๆหายไป"
"แต่ก่อนผิดหวังว่ะ" โกวิทตอบ " นายก็รู้ว่าตอนสอบสัมภาษณ์เราบอกอะไรอาจารย์ไป ... ถ้าตอนนั้นรู้มาก่อนว่าเรียนแล้วเป็นยังไง เราอาจจะไม่เลือกคณะนี้แล้วก็ได้"
ทั้งสามรู้ดีว่าคำพูดตอนสัมภาษณ์ของโกวิทคืออะไร ... เพราะเมื่อตอนที่อาจารย์ถามโกวิทว่าทำไมเขาถึงอยากเรียนแพทย์ คำตอบที่โกวิทให้อาจารย์คือ
"ผมคิดว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มั่นคงที่สุด และทำเงินดีที่สุดครับ"
"ตอนนั้นเราคิดผิดว่ะ ... ถ้าจะหาอาชีพทำเงินต้องไปหาอาชีพอื่น ... เห็นเพื่อนๆสมัยมัธยมตั้งหลายคนมันทำงานแล้วอิจฉา เวลาว่างมันมากกว่าเราเรียนอีก" โกวิทบอก "ถ้าตอนสอบเรารู้ว่าเป็นอย่างนี้นะ เราเปลี่ยนไปสอบเนติแล้ว"
"แล้วถ้าให้ย้อนเวลาได้ตอนนี้เลย ... นายจะยังมาสอบหมอไหม" สุรศักดิ์เอ่ยขึ้น ตายังจับจ้องไปที่แสงไฟข้างหน้า
"ถ้าให้ย้อนกลับไปได้เหรอ " โกวิทพูดทวนประโยคที่ถูกถาม " ถ้าย้อนกลับไปได้ จะกี่ครั้งเราก็จะเอนท์หมอ"
" แต่ก่อนเราเคยคิดว่าอาชีพนี้มั่นคงและทำเงินนะ แต่พอมาเรียนแล้ว เห็นพี่ๆที่ไปทำงานแล้ว เราก็รู้ว่ามันไม่ใช่เลย" เขาบอกต่อ " อาชีพนี้โดนฟ้องก็ง่าย รายได้คิดเป็นต่อชั่วโมงยังน้อยกว่าลูกจ้างของแม่เราเสียอีก"
"ถ้ามันแย่อย่างนั้นจะยังมาเรียนทำไมวะ" สุรศักดิ์หัวเราะใส่ โกวิทหันมามองหน้าเพื่อนทั้งสองแวบนึงก่อนที่จะมองไปเบื้องหน้า
" พอเราได้มาเรียนที่นี่ เราเพิ่งรู้ว่าเราอยากเป็นหมอออกไปช่วยเหลือผู้คนว่ะ"
ทั้งสามคนเงียบไม่พูดอะไรต่อ และรับรู้ถึงคำตอบดังกล่าวที่เหมือนกันทั้งสามคน
คำตอบที่ควรจะพูดออกไปในวันสอบสัมภาษณ์ หากไม่ได้พูดออกไปเพราะวันนั้นไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
แต่เป็นคำตอบที่ได้กล่าวออกมาเฉพาะต่อหน้าเพื่อนในวันนี้ ที่คำพูดที่ดูดีไม่ได้เป็นคะแนนใดๆทั้งสิ้น
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
"กลับเหอะ" วศินลุกขึ้นยืน "เดี๋ยวนายสองคนออกค่ารถเมล์ให้ด้วยนะเว้ย เมื่อกี้เราออกค่าเรือไปแล้ว"
"อ้าว แล้วไม่กลับเรือล่ะ มีตั๋วคูปองไม่ใช่เหรอ" สุรศักดิ์ถามกลับก่อนจะชะงักเมื่อวศินชี้ให้ดูนาฬิกาข้อมือที่ชี้เข็มไปที่ เวลาเที่ยงคืนห้านาที
"ไม่มีว่ะ" โกวิทปลิ้นกระเป๋ากางเกงออก
สุรศักดิ์ปลิ้นกระเป๋าเสื้อและกางเกงให้เพื่อนทั้งสองดู"เราก็ไม่มีเหมือนกัน .... ตะกี้นึกว่านายสองคนพกกระเป๋าตังค์มาซะอีก"
....
....
....
เอาเหอะ ถือซะว่าเราสามคนตั้งใจมาดูวิวโรงพยาบาลจากสะพานแล้วกัน
-_-' แต่เดินตั้งสามกิโลแถมต้องข้ามสะพานตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ -_-'
ความคิดเห็น