คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : -6 โรคประสาท? โรคแกล้งทำ? 6-
ตอนที่ 3
โรคประสาท? โรคแกล้งทำ?
'ถ้ารู้ว่าต้องมานั่งตรงนี้ น่าจะลองใส่เสื้อคลุมมาก่อนดีไหมนะ' วศินคิดในใจขณะนั่งพัดให้หญิงสาวที่นอนอยู่ตรงหน้า
1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
"เฮ้ย วศิน เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วไปซื้อเทปกัน" โกวิทเรียก
"ไม่ไปตอนเย็นดีกว่าเหรอ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันล่ะยุ่งเลยนะเว้ย" วศินตอบ
"เอาเหอะ ไปซื้อแล้วก็กลับเลย ทันอยู่แล้ว"
วศินมองดูชุดตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจว่าแค่ข้ามไปฝั่งตรงข้ามไม่ใช่กลับบ้าน คงไม่ต้องใส่เสื้อคลุมก็ได้มั้ง ไปทั้งชุดนี้แล้วกัน
เรื่องแรกที่ผิดพลาดเลยก็คือ แทนที่จะขึ้นเรือไปทางท่าพระจันทร์ เขาทั้งสองคนดันขึ้นเรือไปทางท่าช้างแทน
เรื่องที่สองที่ผิดพลาดคือ เขาดันไปเสียเวลาเดินหาเทปในร้านแรกอยู่นาน ก่อนที่รู้ว่าเทปใต้ดินชุดที่ว่าไม่มีในร้านนี้ ต้องไปตรงร้านที่อยู่ตรงท่าน้ำ
เรื่องที่สามที่ผิดพลาด ... นั่นคือพวกเขาตัดสินใจมาซื้อเทปตอนกลางวัน ! ! !
"ทำไมคนเยอะวะ" โกวิทถาม "ไหนนายว่าเทปมันออกนานแล้วไม่ใช่เหรอ"
"สงสัยวันนี้มีเทปชุดใหม่ออกล่ะมั้ง" วศินพูดพลางมองคนที่มุงกันจนเต็มหน้าร้านเทปจนล้นออกมาพลางกังวลใจว่าถ้าคนมากขนาดนี้จะซื้อเทปได้ทันกลับไปเรียนหรือไม่ แต่น่าแปลกที่คนที่ออกันอยู่เปิดทางให้เขาทั้งสองเดินเข้าไปได้โดยง่าย
แล้วความแปลกใจก็หายไปทันทีที่เดินเข้าไปในร้านแล้วมีร่างหญิงสาวคนนึงนอนอยู่ ทันทีที่ก้าวเข้าไปเจ้าของร้านก็เรียกขึ้นทันที
"น้องมาพอดีเลย ช่วยพี่หน่อย " เจ้าของร้านว่า "น้องผู้หญิงคนนี้เข้ามาในร้านแล้วจู่ๆก็เป็นลม พี่ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน"
โกวิทเข้าไปนั่งลงข้างๆโดยวศินเดินตามติดเข้าไป หญิงสาวผมยาวในชุดนักศึกษานอนอยู่ที่พื้นโดยศีรษะพิงอยู่ที่ผนัง ข้างๆนั้นคือเพื่อนนักศึกษาผู้หยิงที่ยืนอยู่
"เป็นยังไงบ้างครับ" โกวิทถาม เป็นคำถามที่ถามทั้งคนที่นอนอยู่และเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ
" หนะ.... หนะ.... เหนื่อย...." หญิงสาวที่นอนอยู่พูดอย่างตะกุกตะกัก ทรวงอกที่เคลื่อนขึ้นลงอย่างเร็วเป็นจังหวะแสดงให้เห็นว่าเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหายใจเข้าออก วศินจับชีพจรของหญิงสาวดู
"เป็นอย่างนี้หลายครั้งแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวเอาถุงครอบแป๊บนึงก็หาย" เพื่อนที่ยืนอยู่กล่าวขึ้น คนที่นอนอยู่ก็พยักหน้า
"มีชามือชาเท้าหรือยัง" วศินถาม นักศึกษาสาวพยักหน้ารับโดยไม่ลืมตา โกวิทร้องขอถุงกระดาษ ซึ่งมีคนเดินไปขอถุงกระดาษจากร้านขายของข้างนอกมา
"หายใจเข้าออกช้าๆนะครับ" โกวิทครอบถุงลงไปให้แล้วให้เธอจับถุงเอง "น่าจะhyperventนะ"
จากนั้นโกวิทก็สอบถามทั้งเรื่องว่ามีไข้ไม่สบายหรือว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เพื่อหาว่ามีอาการใดที่จะทำให้เป็นได้บ้าง นอกจากนั้นก็พูดคุยเพื่อจะบีบกลายๆให้เธอต้องคุย จะได้ไม่หายใจเร็ว
สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเป็นว่าเธอเดินมาอากาศร้อนๆเหนื่อยๆ พอหายใจเร็วขึ้นจากอากาศที่ร้อนระอุ สักพักก็เกิดอาการหายใจเร็วขึ้นมาและแน่นหน้าอกขึ้น
คนป่วยเริ่มหายใจช้าลงแล้ว วศินให้เอากระดาษที่ครอบออกและเตรียมให้ลองลุกนั่ง ทันใดนั้นเพื่อนเธอก็พูดขึ้นมา
"บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร เป็นแค่โรคประสาทธรรมดา บอกหลายครั้งแล้วว่าให้ไปหาจิตแพทย์ก็ไม่ยอมไป"
พลันนั้นเองหญิงสาวก็ทำท่าจะร้องไห้แล้วก็เกิดอาการหายใจเร็วขึ้นมาอีก โกวิทเอาถุงกระดาษครอบไปใหม่อีกครั้งแล้วปลอบให้หายใจช้าลงใหม่ ส่วนวศินก็ลุกขึ้นแล้วก็พยาบามอธิบาย
"เรื่องหายใจเร็วแบบนี้ตัวคนป่วยเค้าไม่ได้แกล้งทำนะครับ ถึงมันจะเป็นโรคที่ไม่ได้มีความผิดปกติรุนแรงอะไร แต่ว่าอาการพวกนี้เค้าไม่สามารถควบคุมได้ไม่ได้ตั้งใจให้เป็น"
"แล้วถ้าร่างกายไม่ได้เป็นอะไร มันก็แปลว่าเป็นโรคประสาทไม่ใช่เหรอ" นักศึกษาชายคนนึงพูดแทรกมาจากด้านหลัง "แต่งตัวอย่างนี้แต่ไม่รู้เรื่องอะไร อย่างนี้คงจะเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ใช่ไม๊"
"วศิน ไม่ต้องไปคุยด้วยหรอก อธิบายไปก็ไม่เข้าใจหรอก" โกวิทโบกมือ ก่อนจะลองเอาถุงกระดาษออกอีกครั้ง
"อาการหายใจเร็วแบบนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ บางคนเกิดจากมีอาการเหนื่อยด้วยสาเหตุอื่นแล้วหายใจเร็ว พอหายใจเร็วขึ้นระบบประสาทก็จะแปลผลผิดปกติไปแล้วกระตุ้นให้หายใจเร็วขึ้นเอง" โกวิทบอกทั้งเพื่อนและคนป่วย " เวลาเป็นแล้วจะเกิดอาการเหมือนคนที่เหนื่อย จะมีอาการแน่นหน้าอกมาก และชามือชาเท้า ความรู้สึกเหมือนจะจมน้ำ ... ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้แกล้งทำ"
"ดังนั้นผมว่าถ้ามีอาการแบบนี้บ่อยน่าจะลองหาเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาลครับ เราต้องแยกโรคที่ผิดปกติทางร้างกายให้ได้ก่อน ถ้าไม่เจอแล้วค่อยว่ากันอีกที " โกวิทอธิบายต่อไปตาเหลือบไปทางนักศึกษาชายกลุ่มนั้น " อาการนี้ส่วนนึงเกิดจากความเครียดได้ก็จริง แต่มีไม่น้อยเกิดจากเหตุอื่นๆซึ่งการตรวจร่างกายหรือฟังอาการเฉยๆไม่สามารถแยกได้ ดังนั้นไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรผมว่าคุณหาเวลาว่างไปตรวจดูสักครั้งจะดีกว่าครับ"
นักศึกษาคนนั้นพอจะลุกขึ้นได้บ้างแล้ว เพื่อนของเธอก็ดูเข้าใจขึ้นบ้างและบอกกับวศินว่าแต่ก่อนเธอไม่เคยทราบเลยว่าอาการที่ว่านี้มันเป็นอย่างไร จากความเข้าใจทางสื่อต่างๆที่ได้ยินมา เธอเข้าใจมาตลอดว่าเพื่อนของเธอทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ
วศินและโกวิทคิดในใจเหมือนกันว่าเพื่อนคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีคนนึง เพราะว่าแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจและพูดสิ่งที่ทำให้อาการแย่ลง แต่ขนาดเธอคิดอย่างนั้น เธอยังคอยดูแลเพื่อนคนนี้อย่างดี ...
อย่างไรก็ตาม แม้การรักและเป็นห่วงจะเป็นสิ่งที่ดี แต่นักศึกษาแพทย์ทั้งสองเชื่อว่าความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้การเป็นห่วงหรือดูแลดียิ่งขึ้น
"เฮ้ย กี่โมงแล้ววศิน" โกวิทร้องอย่างตกใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นนาฬิกาบอกเวลา บ่ายโมงครึ่ง .... สายขนาดนี้อาจารย์ไม่ให้เข้าแน่ๆ
"พี่ครับ งั้นผมขอนามบัตรร้านพี่หน่อยนะครับ" วศินรีบบอกพี่เจ้าของร้าน
"ขอทำไมวะ" โกวิทท้วง "ช้าขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ"
"ก็เดี๋ยวไปถึงห้องเรียน จะได้ให้อาจารย์โทรมาเช็คไงว่าตกลงเราไม่ได้อู้"
ปล. แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่ได้เข้าห้องอยู่ดี -_-' กลัวเข้าไปแล้วอาจารย์กินหัว
ความคิดเห็น