ตอนที่ 19
"น้องวศิน งานวอร์ดเสร็จหรือยัง " พี่ธราธิปถาม
"เสร็จแล้วครับพี่ " วศินตอบ "เหลือแต่เขียนรายงานประจำวันเท่านั้น"
" ดีเลย งั้นเดี๋ยวเราไปที่ตึกพระศรีฯกัน เดี๋ยวจะมีประชุมสูติ-เด็ก "
สูติ-เด็ก conference หรือการประชุมสูติ-เด็ก คือการประชุมระหว่าภาควิชากุมารเวชศาสตร์และสูตินรีเวช ซึ่งเหตุที่ต้องมีการประชุมนี้ก็เนื่องจากอาจารย์เห็นว่าเรื่องของทารกและมารดาต่างเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน โรคที่พบในทารกหลายโรคก็มีส่วนที่เกี่ยวเนื่องมาจากการตั้งครรภ์ของมารดา
การประชุมร่วมกันจึงถือเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างแพทย์และนักศึกษาที่เรียนอยู่คนละสาขา เพื่อที่จะใช้ในการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น
พี่ธราธิปบอกพยาบาลว่าทุกคนกำลังจะไปประชุมที่ตึกพระศรี และฝากเบอร์โทรศัพท์ไว้เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินให้ต้องตามตัว จากนั้นทุกคนก็เดินมุ่งหน้าไปที่ตึกภาควิชาสูติศาสตร์ที่อยู่ข้างเคียงกัน กดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นห้องประชุม
" วันนี้ประชุมเรื่องอะไรเหรอ " วศินถามสุขฤทัย เพื่อนที่เรียนอยู่ภาควิชากุมารฯ
" เรื่องAnencephalyน่ะวศิน " หญิงสาวตอบ " แม่เด็กมารับยาต้านไวรัสแต่รับไม่ครบตามนัดแล้วก็ยังไม่ต้องการรักษาต่อหลังจากคลอดลูกแล้ว "
วศินพยักหน้าในคำตอบที่ได้รับ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องแล้วจับจองที่บริเวณหลังห้องด้านในสุด ที่ต้องนั่งด้านหลังสุดก็เพราะเผื่อว่าโกวิทและสุรศักดิ์ที่ตามมาเกิดมาสาย จะได้ไม่ต้องเดินผ่านคนเข้ามามากนัก
" เฮ้ยวศิน วันนี้เรื่องอะไรวะ " โกวิทถามขณะที่หย่อนตัวลงที่เก้าอี้ " ทำไมคนเต็มห้องอย่างนี้เนี่ย "
" เรื่องAnencephaly " วศินตอบพลางมองตาม มีพยาบาลเข้าร่วมฟังด้วยนี่เองจึงทำให้ห้องนี้แคบลงไปถนัดตา โดยปกติแล้วพยาบาลจะไม่ได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างภาควิชากัน แต่บังเอิญว่าเรื่องที่พูดวันนี้มีส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับพยาบาล ได้แก้ การฝากครรภ์ การให้คำแนะนำระหว่างตั้งครรภ์ การดูแลเหลังคลอด และการติดตามหลังจากกลับบ้าน ... ทำให้มีพยาบาลจากหลายๆแผนกเข้ารับฟังด้วย
ห้องนี้จุคนได้ราวๆสามร้อยคน ซึ่งตอนนี้ด้านหลังถูกจับจองจนเต็มเกือบหมดแล้ว เหลือแต่สองแถวทางด้านหน้าที่ยังว่างอยู่ตามแบบฉบับการประชุมแบบไทยๆ
การประชุมเริ่มต้นตามเวลา โดยมีพี่แพทย์ประจำบ้านสูติศาสตร์ชั้นปีที่3เป็นคนดำเนินการพูด
เรื่องราวก็เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเจอกัน ได้บ่อยๆก็คือสูติแพทย์ตรวจพบระหว่างการทำอัลตราซาวน์ว่าเด็กที่อยู่ในท้อง มีกะโหลกไม่ครบและไม่มีส่วนของสมอง ซึ่งเด็กคนนี้ไม่มีทางที่จะเกิดมาแล้วมีชีวิตต่อไปได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือในการฝากครรภ์นี้มารดามาฝากตอนที่อายุครรภ์มากแล้ว ซึ่งประเด็นที่เป็นปัญหาคือ ตามปกติกรณีเช่นนี้จะปล่อยให้การตั้งครรภ์และการคลอดเป็นไปตามปกติ ในขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงจิตใจของมารดาที่เมื่อคลอดออกมาแล้วเด็กก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ชั่วโมง
วศินนั่งฟังการประชุมอย่างเบื่อๆ เพราะว่าเรื่องราวที่เขามานั่งฟังวันนี้ไม่ใช่เรื่องของวิชาการเสียทีเดียวแต่เน้นหนักไปในเรื่องของการตัดสินใจ การให้คำปรึกษา และเรื่องของจิตใจ
ใช่ว่าวศินจะสนใจแต่เรื่องทางวิชาการจนไม่สนใจเรื่องจิตใจ แต่ว่าเขาคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่มีหลักเกณฑ์ทางวิชาการอยู่แล้ว แต่การจะตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ขึ้นกับแต่ละกรณี
วศินกำลังเบื่อๆอยู่พอดี ขณะที่ประตูด้านหน้าห้องประชุมเปิดขึ้นพร้อมกับเสียงอุทานอย่างตกใจ
"ว้าย " เสียงร้องของหญิงสาวทางด้านหน้าห้องทำให้หลายคนหันไปมองรวมทั้งวศิน แต่เพียงครู่เดียวทุกคนก็ไม่สนใจ เพราะว่าทุกคนรู้กันดีว่าห้องประชุมของตึกนี้มีประตูหน้าห้องและหลังห้องเหมือนกัน และมักจะมีคนเปิดผิดแล้วไปโผล่ที่หน้าเวทีอยู่บ่อยๆโดยเฉพาะเด็กmu่ไม่เคยมาห้องประชุมนี้มาก่อน
ขณะที่ทุกคนหันไปสนใจการรายงานของแพทย์เจ้าของเคส วศินกลับใจเต้นอย่าไม่เป็นส่ำ เพราะเสียงที่เขาได้ยินเมื่อครู่นี้ช่างคุ้นหู
และเมื่อมองให้ดี หญิงสาวที่เดินเข้ามาและหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้แถวหน้าสุดเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน
หากแต่เป็นหญิงสาวที่เขาพบที่ศูนย์หนังสือจุฬาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนี่เอง
'เธอขื่ออะไรนะ' วศินคิดในใจ ... 'น่าจะชื่อลูกตาล' ถ้าความจำของวศินไม่ผิดเธอบอกชื่อนี้ไว้ก่อนที่จะแยกกันที่ร้านหนังสือ
คำถามคือเธอคือใคร ทำไมถึงมาโผล่ที่ห้องนี้?
" โกวิทๆ นายเห็นผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้หรือเปล่า " วศินสะกิดถามเพื่อนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
" อือฮึ ทำไมเหรอ "
"นายเคยเห็นหน้ามาก่อนหรือเปล่า "
โกวิทนั่งนึกอยู่อึดใจหนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
" ไม่เคยหรอก ... นายรู้จักไหม "
สุรศักดิ์ส่ายหน้าเช่นกัน
" เราว่าคงเป็นน้องปี 4 ... เหตุผลก็คือ 1.ไม่ใช่รุ่นเราแน่นอน 2.เข้าร่วมประชุมนี้ แปลว่าต้องเป็นปีสี่ขึ้นไป 3.ใส่ชุดนักศึกษาซึ่งแปลว่าน่าจะเป็นเด็กปีสี่หรือไม่ก็ห้า และสุดท้าย ข้อ4.เข้าห้องประชุมผิดทางเป็นตัวตัดว่าน่าจะเป็นเด็กปีสี่ที่ไม่เคยเข้าประชุมที่ห้องนี้มาก่อน "
คุยจบแล้วทั้งสุรศักดิ์และโกวิทก็หันกลับไปสนใจในหัวข้อประชุมต่อ ในขณะที่วศินในขณะนี้ไม่ได้นึกถึงเรื่องหัวข้อประชุมเลยสักนิด
เธอคนนั้นเป็นคนที่เขาเจอที่ร้านหนังสือไม่ผิดแน่
และบังเอิญจริงๆที่เธอก็เรียนที่เดียวกับเขา แต่นั่นไม่สำคัญแล้วสำหรับตอนนี้ เพราะว่าอย่างไรเสียเธอก็คงเรียนที่นี่แน่
...
...
...
...
'เดี๋ยวสิ' วศินคิด ... แล้วเขาจะมาสนใจทำไมว่าผู้หญิงคนนี้เรียนที่เดียวกับเขาหรือไม่
การที่ไปศูนย์หนังสือซื้อหนังสือ แล้วก็เจอรุ่นพี่รุ่นน้องคณะเดียวกันมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรนี่นา
แล้วทำไมเขาต้องมานั่งคิดอะไรมากมาย ก็แค่คนคณะเดียวกันไม่ใช่เหรอ
วศินสลัดความคิดดังกล่าวออกไปได้ไม่ถึง วินาทีก่อนที่จะอดไม่ได้ที่จะนึกอีก ...
จะเข้าไปทักอย่างไรดี ... จะเดินเข้าไปตรงหน้าแล้วยิ้มให้เฉยๆ ... ไม่ดีมั้ง ... เอาเป็นเดินเข้าไปแล้วทักเลยดีกว่า ... นั่นแหละ ........
'เอ๊ะๆๆๆ เด๊่ยวๆ นี่เราจะมานั่งนึกถึงวิธีการเข้าไปทักทายเธออีกทำไม' วศินคิดในใจอีกครั้งหนึ่ง .... ก่อนจะได้ข้อสรุปออกมาในชั่วอึดใจว่าเป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนี้มีรสนิยมบางอย่างที่ถูกคอกับเขา ... ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะรู้สึกดีเมื่อได้พบคนที่มีรสนิยมคล้ายกัน ชอบหนังสือเหมือนๆกัน และชอบอ่านหนังสือคล้ายๆกัน
เมื่อหาเหตุผลให้ตัวเองได้แล้วชายหนุ่มก็นั่งฟังการบรรยายต่อไปด้วยใจที่สงบมากขึ้น
...
และรอว่าเมื่อไหร่จะจบชั่วโมงนี้เสียที
...
"ขอบคุณสำหรับทางภาควิชาสูตินรีเวช สำหรับสถานที่ประชุมในวันนี้ สำหรับครั้งหน้าเราจะจัดอีกครั้งในสองสัปดาห์หน้า ดูตารางได้ที่หน้าห้องนะครับ"
สิ้นเสียงของแพทย์ประจำบ้านปีที่3ของภาควิชากุมารฯ ทุกคนในห้องต่างเก็บข้าวของเพื่อจะกลับไปทำงานของตนต่อ วศินลุกขึ้นแล้วรีบลุกเดินไปหน้าห้องประชุม ... แต่กว่าจะเดินแหวกผู้คนในห้องได้เธอก็เดินเลี้ยวออกไปนอกห้องแล้ว .... วศินเร่งฝีเท้าเดินตามไป ... เมื่อพ้นประตู เขาก็มองไปทางลิฟท์
เธออยู่นั่นไง ถึงแม้จะเห็นเพียงแต่ด้านหลังที่เป็นเสื้อกาวน์ยาว แต่เขาก็จำเธอได้
วศินรีบเดินกึ่งวิ่งไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว ... ก่อนที่จะมีมือมาจับที่ไหล่ซ้ายของเขา
"วศิน ... ผมขอเวลาคุยแป๊บนึง"
แม้ว่านักศึกษาแพทย์หนุ่มจะไม่เต็มใจที่จะหยุดคุย แต่ว่าต่อหน้าอาจารย์พิพัฒน์ ยังไงเขาก็ต้องคุยด้วยก่อนแหละ
" กลุ่มของคุณมีกำหนดพรีเซนท์งานกับผมอาทิตย์หน้าใช่ไหม " อาจารย์เอ่ยขึ้น "แต่อาทิตย์หน้าผมไม่อยู่กรุงเทพฯ ต้องไปประชุมที่เชียงใหม่ ถ้ายังไงจะให้กลุ่มคุณเลื่อนการพรีเซ็นท์งานมาเป็นวันศุกร์ช่วงเช้าแล้วกัน "
วศินพยักหน้ารับเพราะอย่างไรก็ตามอาจารย์ก็ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว ... และตอนนี้เขาก็กำลังรีบซะด้วย
อาจารย์เดินไปแล้ว ส่วนเขาก็รีบหันกลับเดินไปยังโถงของชั้นซึ่งทุกคนต่างเดินไปรอลิฟท์กันอยู่
สิ่งที่วศินเห็นเมื่อเดินไปถึงคือ ลิฟท์ทุกตัวลงไปแล้ว ... และเธอไม่ได้ยืนรอลิฟท์อยู่
เธอลงไปแล้วโดยที่เขายังไม่ทันได้ทักอย่างที่ตั้งใจไว้
"วศิน กลับวอร์ดกัน " เสียงพี่ธราธิปดังมาจากด้านหลัง "เมื่อกี้ที่วอร์ดโทรมาบอกว่ามีเคสรับใหม่ ... เดี๋ยวเราไปรับกัน"
ลงจากตึกสูติศาสตร์แล้วชายหนุ่มเดินกลับพร้อมกับรุ่นพี่สองคนเหมือนกับขามา
แต่หลังจากนี้ ทุกอยางจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ความคิดเห็น