ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Extern เราจะข้ามผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน

    ลำดับตอนที่ #16 : -6 กลืนไม่เข้า คายไม่ออก 6-

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 52


    ตอนที่ 16
    กลืนไม่เข้า คายไม่ออก



    ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั่วกาย วศินลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเกียจ คร้านก่อนจะเดินไปอาบน้ำ ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดexternแล้วหยิบหนังสือเด็กกดลิฟท์ลงไปที่ชั้น1 แม้ว่าเมื่อคืนจะอยู่เวรจนดึกและตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่ทันส่องเต็มที่ดีเลย แต่งานก็คืองาน

    ชายหนุ่มเดินไปถึงตึกเด็กที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโรงพยาบาลและกดลิฟท์ขึ้นไป ที่หอผู้ป่วยเด็กแล้วก็เดินเข้าไปดูคนไข้ที่ตนเองรับ วศินตัดสินใจดูเด็กคนที่ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจและต้องพ่นยาถี่ๆก่อนเพราะ คิดว่าหากหายใจได้ไม่ดีก็อาจจะต้องจัดการตั้งแต่ก่อนที่พี่แพทย์ประจำบ้านจะ มาถึง
    เป็นอย่างที่คาดไว้ เพราะว่าเด็กหายใจหอบอยู่เนื่องจากยังไม่ได้พ่นยาในช่วงเช้า วศินเลยเดินเข้าไปถามพี่พยาบาลเกี่ยวกับยา
    "externต้องผสมยาเองนะ ยาอยู่ที่ตรงตู้นั้น ส่วนหลอดดูดยาก็อยู่ตรงนั้น "พยาบาลชี้ให้ "เด็กคนนี้ต้องพ่นยาสลับกัน2ตัวทุก2ชั่วโมง เพื่อนหมอบอกแล้วใช่ไหม"
    วศินผละไปทางตู้ยาแล้วก็เปิดออกดู เขาหยิบหลอดดูดยาออกมาแล้วดูดน้ำยาออกมาใส่กระเปาะสำหรับพ่นยาอย่างระมัด ระวังไม่ให้สัมผัสเข็มโดนกัน
    ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่ายาจะเข้าไปที่ปอดโดยตรง หากไม่ระวังก็อาจจะนำเอาเชื้อโรคเข้าไปอยู่ในตัวยาและเข้าสู่ตัวเด็กได้

    วศินกำลังจะวางเข็มแล้ว และเขาก็นึกขึ้นได้
    เด็กคนนี้ต้องพ่นยาทุกสองชั่วโมง ดังนั้นเขาต้องผสมยานี้อีก 4 ครั้งในช่วงเช้า ... จะดีไหมถ้าเขาจะผสมรวดเดียวไปเลยแล้วแช่ตู้เย็นไว้จะได้เสร็จเร็วๆและไม่ ต้องมาเสียเวลาอีก
    แต่คิดแล้วเขาก็สลัดความคิดดังกล่าวทิ้งไป เพราะว่ารู้อยู่เต็มอกว่าการผสมยากับน้ำเกลือแล้วเก็บไว้ ก็มีความเสี่ยงที่เชื้อโรคจะปนเปื้อนเข้าไปได้

    เก็บเครื่องมือแล้วนำกระเปาะพ่นยาไปที่เด็ก วศินครอบที่พ่นยาไปที่เด็กและเปิดออกซิเจนให้ตัวยาพ่นออกมา เสียงออกซิเจนวิ่งผ่านกระเปาะดังว้ดพร้อมกับควันสีขาวที่ลอยออกมา เด็กน้อยบิดตัวหนีให้หลุดจากยา ... วศินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคอยจับหน้ากากพ่นยาให้อยู่กับที่เพื่อไม่ ให้เด็กดิ้นหลุดจากยาได้

    หมดไป 20 นาทีแล้วสำหรับเช้านี้ แต่วศินเพิ่งดูคนไข้ได้แค่คนเดียวเอง

    คนต่อมาคือเด็กที่มีแผลไฟไหม้ทั่วตัว ... วศินเดินไปที่อ่างล้างมือแล้วล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะกลับไปตรวจร่างกาย เด็ก คำนวณเรื่องน้ำเกลือที่จะให้ จากนั้นกลับไปล้างมือและเดินไปดูเคสต่อไปต่อ

    คนต่อๆมา ทั้งเด็กที่มีฮอร์โมนจากสมองผิดปกติ เด็กโรคเมตาโบลิค เด็กโรคทางระบบประสาท .... วศินถามคนเฝ้าเรื่องอาการที่เป็นในตอนนี้และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้
    วศินกำลังตวงปัสสาวะและเอาไปส่องในเครื่องพอดี ตอนที่นวล วรรณ และแก้ว เดินเข้ามาในวอร์ด

     

    "วศินราวน์คนไข้เสร็จหรือยัง" วรรณถาม
    "เกือบแล้วแหละ ของเราเหลือตรวจฉี่คนไข้คนนี้แล้วก็ไปตรวจน้ำตาลเด็กคนนั้น" วศินบอก "ถ้าสั่งยาสองคนนี้เสร็จก็หมดแล้วล่ะ"
    สามสาวไม่ตอบอะไรแต่ต่างแยกย้ายไปดูคนไข้ของตน วศินจดตัวเลขที่อ่านได้จากนั้นนำเครื่องมือไปล้างก่อนที่จะไปเปิดหนังสือดู ตัวยาที่จะสั่ง

    "DDAVP .... สั่งยังไงฟระ" เขารำพึงกับตัวเองก่อนที่จะมีมือมาจับที่บ่า
    "ราวน์เสร็จหรือยัง" เสียงทุ้มๆดังขึ้นจากด้านหลัง ... พี่ธราธิปนั่นเอง
    "เสร็จแล้วครับพี่ แต่เหลือต้องปรับยาพ่นจมูก" วศินตอบ " ผมไม่รู้จักยาตัวนี้ เลยยังไม่รู้จะสั่งยังไง "
    "ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเรามาราวน์รวมกันก่อนแล้วเดี๋ยวดูกันทีละเคส" พี่บอก

    จากนั้นก็เริ่มการราวน์ผู้ป่วยที่ละราย ทั้งกลุ่มเดินไปทีละเตียงและดูเด็กที่ป่วยแต่ละคนๆ เคสของวศินทางพี่แพทย์ประจำบ้านออกจะดูผ่านๆเร็วๆหน่อย เพราะส่วนหนึ่งวศินได้มาดูไว้ก่อนแต่เช้าแล้ว จะเหลือก็แต่ปรับยา
    อีกส่วนหนึ่งคือ เคสเหล่านี้นอนในตึกมานานแล้ว ทำให้การรักษามีแผนที่วางไว้แล้วชัดเจนไม่ต้องทำอะไร

    ... จะว่าไปถือเป็นสองด้านที่ถ่วงกันอยู่ ด้านนึงเมื่อวานนี้วศินต้องอ่านประวัติและนั่งหลังขดหลังแข็งวิเคราะห์สรุป ประวัติมากมายสองสามหน้ากระดาษ แต่อีกด้านนึงงานที่วศินได้ทำตอนที่รับคนไข้ไว้ในความดูแลก็น้อยลงตามไปด้วย ...
    ถือเป็นโชคดีในโชคร้ายที่สามคนนั้นโยนเคสมาให้วศิน!

    "เอ้า ราวน์ไปถึงไหนแล้ว" เสียงดังมาจากทางเดินในขณะที่ทั้งกลุ่มอยู่ในห้องคนไข้ห้องสุดท้าย

    ในเมื่อแพทย์ประจำบ้านปี 1 แพทย์ประจำบ้านปี 3 และ นักศึกษาแพทย์ปี6 อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก

    "สวัสดีครับอาจารย์" พี่ธราธิปโค้งให้อาจารย์พร้อมกับน้องคนอื่นๆ
    "ไหนใครได้เคสอะไรพรีเซนท์ให้ฟังหน่อยสิ" อาจารย์พรไสวเอ่ยขึ้นพลางหยิบเอาชาร์ทผู้ป่วยห้องดังกล่าวมาดู วรรณซึ่งเป็นเจ้าของเคสเล่าประวัติคนไข้ให้ฟังอย่างไม่ตกหล่น อาจารย์พยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะเดินไปที่เตียงอื่นๆ
    ถึงเคสของวศินก็ปราศจากปัญหาเช่นกัน เพราะว่าวศินเพิ่งสรุปประวัติผู้ป่วยเมื่อคืนนี้มา
    "ทำไมเคสของเธอมีแต่เคสแบบนี้ล่ะ" อาจารย์ทัก "ทำไมมีแต่เคสเรื้อรังทั้งนั้นเลย"
    แต่อาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เดินต่อไปยังเคสของนวลและแก้ว
    แต่มาถึงนวลกับแก้วปัญหาก็เกิดเพราะทั้งสองยังราวน์คนไข้ไม่เสร็จ และเขียนรับเมื่อคืนนี้ก็ไม่ทันเสร็จดี

    "เมื่อเช้าหนูยังทำหัตถการไม่เสร็จเลยค่ะอาจารย์ เคสพวกหนูสองคนมีเจาะเลือดมีแล็ปที่ต้องทำหลายอย่าง" นวลพูดขึ้น
    "เธอพูดมีเหตุผล แต่มันฟังไม่ขึ้นนะ" อาจารย์พูด "ยังไงรับเคสไว้แล้วก็ต้องทำให้เรียบร้อย พวกเธอมากันกี่โมงล่ะ รับกันแค่คนละ 6 เคส น่าจะทันนะ"
    ทั้งสองคนยืนเงียบไม่พูดอะไร อาจารย์หันมาทางวศิน
    "ส่วนเธอ เคสเธอเองก็มีแต่เคสที่ซับซ้อน ถ้าเธอรับเคสแบบนี้ในมือแล้วคนไข้ยังไม่กลับ เธอก็จะไม่ได้คนไข้รายอื่นมาดู การเรียนรู้ก็จะไม่สู้เพื่อนๆ" อาจารย์พูดเสียงเข้ม "คิดยังไงเธอถึงรับแต่เคสแบบนี้ .... เดี๋ยวเธอเอาเคสของเธอไปแลกกับเพื่อนสองคนนี้ กระจายให้เค้าไปแล้วเอาเคสเค้ามา จะได้เรียนรู้เท่าๆกัน"

    อาจารย์ไปแล้ว ... ทั้งสี่คนกลับไปที่ห้องพักแพทย์ที่ด้านหน้าวอร์ดแล้วแบ่งเคสกัน

    "วศินเอาเคสโรคด้านฮอร์โมน โรคเมตาบอลิกกับเด็กแผลไฟไหม้มาให้เราสองคนแล้วกัน" นวลเอ่ยขึ้นหลังจากเปิดดูชาร์ท "แล้วเดี๋ยวเราแบ่งเคสไปให้สามเคส"
    วศินไม่ว่าอะไร ... นึกเสียดายเหมือนกันที่อุตส่าห์นั่งอ่านประวัติไปร่วมๆ 4 ชั่วโมงเมื่อเย็นวาน แต่จะทำอย่างไรได้ ก็อาจารย์สั่งมานี่นา
    เขารับเอาเคสของสามสาวมาคนละเคส ... และเปิดออกอ่านดูเพื่อจะพบว่า ทั้งสามเคสยังไม่ได้เขียนรับเลย
    "เมื่อวานเราเขียนรับไม่ทันน่ะ" แก้วตอบ

    วศินไม่ว่ากระไร นอกจากก้หน้ารับชะตากรรมต่อไป  ...  นี่เขาต้องมานั่งอ่านประวัติคนไข้ใหม่หมดอีกสามคนเลยหรือนี่

    หลังเลิกตอน 4 โมงเย็น วศินเขียนรับเคสทั้งสามเสร็จแล้วและเดินไปล้างมือ
    เขามองไปที่ถังขยะตรงนั้น ... และเห็นกระดาษอะไรบางอย่างถูกขยำ

    เขาหยิบมันขึ้นมาดู

    กระดาษที่มีลายมือของเขา 6 แผ่น ถูกขยำทิ้งไว้ในถังขยะ!

    ชายหนุ่มเปิดอ่านดูคร่าวๆ มันคือกระดาษที่เขาเขียนสรุปเคสสามเคสที่เพิ่งยกให้เพื่อนทั้งสามคนไปนี่เอง ... เขาเดินไปหยิบชาร์ทผู้ป่วยของนวลมาดู ... เปิดอ่านหน้ารับคนไข้ ภายในมีใบรับผู้ป่วยที่เขียนไว้ ... ทั้งหมดเป็นสำนวนและสิ่งที่เขาสรุปไว้
    นวลแค่ลอกมันลงไป จากนั้นเอาต้นฉบับของเขาทิ้งถังขยะ

    ....
    ....
    ....
    ถามว่าผิดไหม
    มันไม่ผิดหรอก
    แต่ว่าวศินรู้สึกเสียความรู้สึกอยู่บ้าง ... ทำไมต้องดึงของเขาออกด้วยล่ะ ... ปล่อยทิ้งไว้ก็ได้ไม่ใช่หรือ

    ....

    แล้วเขาก็ขยำใบรับผู้ป่วยทั้ง 6 ใบนั้นทิ้งลงถังขยะใบเดิมก่อนจะเดินออกจากวอร์ด

     

     

    ****************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×