คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : -6 ความคิดหลุดกรอบกับการออกนอกสถานที่ 6-
ตอนที่12
ความคิดหลุดกรอบกับการออกนอกสถานที่
เดินท่อมๆเรียงเดี่ยวไปตามกระดานไม้ที่ปูอยู่ในป่าหญ้าธูปฤาษี เบื้องหน้าของวศินคืออาจารย์สุธี ข้างหลังของเขาคือเพื่อนๆ ตำรวจและมูลนิธิ
เป้าหมายคือบ้านไม้หลังเล็กที่ตั้งโดดเดี่ยวกลางป่าหญ้าธูปฤาษี
"สวัสดีครับ" อาจารย์กล่าวพร้อมยกมือรับไหว้คนในบ้านที่ยกมือไหว้ออกมา ก่อนจะถอดรองเท้าไว้ที่ข้างหน้าชาน ... เมื่อเดินเข้าไป ในนั้นมีร่างๆหนึ่งนอนไม่ไหวติงในมุ้ง มือทั้งสองข้างประสานที่หน้าอกโดยมีดอกไม้ธูปเทียนเสียบคาไว้
"เดี๋ยวให้อาจารย์ชันสูตรศพเสร็จแล้วก็ค่อยเอาไปที่วัดนะ" ตำรวจบอก " ไปจองศาลาหรือยัง?"
แทนคำตอบรับหญิงชราที่นั่งข้างๆศพนั้นพยักหน้า ... วรรณเหลือบมองตำรวจเล็กน้อยก่อนที่อาจารย์จะเดินเข้าไปที่มุ้ง
"ผมชื่อนายแพทย์สุธี นะครับ ส่วนที่ตามมานี่คือนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 " อาจารย์แนะนำตัว "ปีหน้าพวกเค้าจะต้องออกไปทำงานข้างนอกแล้ว วันนี้ผมเลยพามาร่วมในการชันสูตรด้วยเป็นการเรียนรู้ ขออนุญาตญาติๆด้วยนะครับ"
หญิงชรายิ้มให้อาจารย์ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"คุณวาริน เดิมเป็นคนไข้ที่รพ.อยู่แล้ว ตามประวัติที่มีก็คือเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย" อาจารย์เปิดแฟ้มประวัติไล่อ่าน "ก่อนนี้ได้รักษาด้วยการผ่าตัด ฉายรังสี และเคมีบำบัดแล้ว ส่วนแผลที่เต้านมยังต้องทำอยู่เป็นประจำ จากในนี้มีประวัติว่าญาติมารับยาและชุดทำแผลเพื่อมาทำแผลที่บ้านเดือนละ ครั้ง"
"ใช่ครับ ก็มีผมแล้วก็ลูกผลัดกันทำแผล" ชายวัยกลางคนในเสื้อยืดสีแดงที่นั่งข้างๆศพกล่าว
"ส่วนยาที่ได้กินก็มียาแก้ปวดอยู่3ตัว มีมอร์ฟีนแบบน้ำ แล้วก็ยานอนหลับ กับยาตามอาการอื่นๆ " อาจารย์พูดต่อไป "ช่วงหลังๆอาการเป็นอย่างไรบ้างครับ ตั้งแต่ไปรับยาครั้งสุดท้ายมาจนถึงวันนี้"
"อาการก็เรื่อยๆ ก็บ่นปวดทุกวัน แต่ยาพวกนี้กินเยอะก็ไม่ไหวเพราะเค้าบ่นว่าถ่ายไม่ออก ... เมื่อวานนี้รู้สึกว่าช่วงบ่ายจะนอนมากหน่อยไม่ลุกมากินข้าว เมื่อคืนนี้ก็เลยปิดมุ้งนอนตั้งแต่ตอนสองทุ่ม ... พอตื่นเข้ามาจะปลุกให้ขึ้นมากินข้าวก็เห็นว่าตัวเย็นไปเสียแล้ว"
อาจารย์ปิดแฟ้มลงและเดินไปที่ข้างฟูก จากนั้นก็กวักมือเรียกวศินและนักศึกษาแพทย์คนอื่นๆให้เข้าไปล้อมวงใกล้ๆ
"งั้นเดี๋ยวเราจะเริ่มตรวจสภาพศพกันก่อน" อาจารย์พูดโดยมองไปที่ทุกคน ญาติผู้ตายพยักหน้าให้อาจารย์ก่อนจะถอยไปรวมกันที่ผนังอีกด้านหนึ่งเพื่อ เปิดทางให้นักศึกษาแพทย์ที่จะต้องเข้ามา
"การแข็งตัวของใบหน้าแข็งเต็มที่ มือและข้อศอกแข็งเต็มที่ ตรงที่ข้อสะโพกและข้อไหล่ยังพอจะขยับได้" อาจารย์เอ่ยขึ้นโดยให้โกวิทจด "เปลือกตาไม่มีจุดเลือดออก ... ผิวหนังที่ใบหน้าและลำคอปกติไม่มีบาดแผล"
"ลำคอไม่มีรอยถูกรัด" วรรณพูดขึ้นเบาๆ แต่ดังพอที่อาจารย์จะได้ยินจนชะงักการพูดไป
"บริเวณหน้าอกมีแผลเนื้อตายขอบไม่เรียบ แผลสะอาดดี ... ไหนลองพลิกดูที่ด้านหลังหน่อย" อาจารย์บอกวศินให้ช่วยพลิกตะแคง โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้อีกคนนึงช่วยประคองศีรษะศพไว้
"รอยเลือดตกอยู่ที่บริเวณแผ่นหลัง เรื่อยไปจนถึงขา รอยเลือดตกกดไม่จาง ลักษณะการตกเข้าได้กับท่านอนที่พบ ไม่พบบาดแผลที่ขาส่วนล่าง" อาจารย์ให้สัญญาณเพื่อให้วางศพลงในท่าเดิมและจัดท่าทางแบบเดิมก่อนจะจับดู ตามข้อต่อต่างๆไล่กลับไปที่ลำคอ "กระดูกและข้อต่อต่างๆอยู่ในสภาพปกติ "
อาจารย์ถอดถุงมือออกแล้วรับเอาใบชันสูตรจากโกวิทไปเขียนต่อ อาจารย์เขียนเสร็จก็คุยกับตำรวจอีกสองสามคำก่อนจะหันไปคุยกับญาติผู้ตาย
"ส่วนที่เหลือก็คือญาติต้องไปเอาใบรับรองการตายที่โรงพยาบาล แล้วก็จัดการเรื่องการทำศพตามที่คุณตำรวจเข้าว่าไว้" อาจารย์ยกมือไหว้ญาติๆเป็นการลา "งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อน เสียใจด้วยนะครับ"
เมื่ออาจารย์เดินออกมาก็พอดีกับเห็นวรรณและนวลกำลังช่วยกันถือเข็มฉีดยาและสายสวนกระเพาะอาหารออกจากกระเป๋าชันสูตร
"นั่นอะไรน่ะ" อาจารย์สุธีทำหน้าฉงนเล็กน้อยก่อนจะโบกมือไล่ให้เอาของไปเก็บโดยไม่เปิด โอกาสให้ทั้งสองได้ตอบ ... อาจารย์ไม่พูดอะไรนอกจากเดินตรงไปที่รถตู้แล้วขึ้นรถ
ทุกคนขึ้นรถกันพร้อมแล้ว รถตู้ออกตัวเพื่อไปยังจุดหมายถัดไป ... อาจารย์เลื่อนแผ่นบังระหว่างคนขับและที่นั่งผู้โดยสารก่อนจะนั่งรออะไร บางอย่าง
"ทำไมอาจารย์ไม่ให้เจาะตรวจน้ำในลูกตากับดูดน้ำในกระเพาะไปตรวจคะ" นวลถาม
"ผมอยากรู้เหตุผลของคุณในการส่งเหมือนกัน" อาจารย์ถามกลับ
"ก็เราจะได้ตรวจสาเหตุการตายว่าเกิดจากสารพิษหรือไม่ มีใครวางยาผู้ตายหรือเปล่า" วรรณตอบ " เพราะขนาดว่าคนไข้ไม่กินอะไรซึมลงตั้งแต่เมื่อคืนนี้ยังไม่เห็นมีใครพาไปโรง พยาบาลเลย"
"เดี๋ยวดิวรรณ" โกวิทแย้ง "เธอเห็นประวัติหรือเปล่า ญาติเค้าก็มารับยาทุกเดือน แผลก็มาทำที่บ้าน ...แล้วนี่ก็มะเร็งระยะend stageนะ "
"แล้วเธอเห็นกับตาเหรอว่าเค้าเอายาให้กิน เค้าทำแผลให้ ... ยาพวกที่ให้ก็คือพวกมอร์ฟีน รู้ได้ยังไงว่าไม่ได้เอาไปใช้อย่างอื่น"
....
"EXTERN" อาจารย์สุธีพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ... คำว่า EXTERN นี้ดูเป็นทางการมาก ไม่เหลือความเป็นกันเองแบบตอนที่นั่งรถขามาเลย
" เวลาเราชันสูตร สิ่งที่สำคัญเริ่มตั้งแต่ประวัติที่ได้มาจากที่ต่างๆ ในที่นี้ก็คือประวัติจากเวชระเบียน ... ที่ดูแล้วญาติเอาใจใส่ดีมาตลอดตั้งแต่การเริ่มรักษาแรกๆ , ประวัติที่ได้จากตำรวจซึ่งต้องมาตรวจสอบก่อนที่พวกเราจะมา , และประวัติที่ผมถามญาติที่อยู่ในเหตุการณ์" อาจารย์กล่าว " ที่เหลือก็คือการตรวจชันสูตรตามที่ได้ทำไป ซึ่งหากผลที่ได้ไม่มีอะไรขัดกันกับประวัติที่ได้ก็ไม่น่าจะต้องตรวจหาอะไรเพิ่มเติมอีก"
"การตรวจที่ตรวจไป หากเราซักประวัติแล้วพบสิ่งที่ผิดปกติ ตรวจได้ไม่ตรงกับประวัติที่ได้และไม่สามารถหาคำอธิบายอื่นๆมารองรับ นั่นก็จะเพิ่มความสงสัยให้การตรวจ ให้เรายิ่งต้องละเอียดมากขึ้น" อาจารย์เว้นช่วงการพูดเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทุกคน "นั่นก็เป็นเหตุหนึ่งที่เราต้องมีพนักงานสอบสวนเช่นตำรวจมาร่วมในการชันสูตร เพราะว่าทางนั้นก็จะต้องหาข้อสงสัยอื่นๆที่อาจจะพบด้วยวิธีการตรวจทางการสอบ สวนมาเพิ่มเติมเพื่อให้เราตรวจเน้นหนักไปทางนั้นมากขึ้น"
"งั้นอาจารย์ก็ยอมรับสิคะว่า ยังมีโอกาสที่จะเป็นการฆาตกรรมโดยการวางยา แล้วญาติตบตาตำรวจได้ ... แถมอาจารย์ก็ไม่ได้ส่งตรวจสารพิษทั้งที่เป็นทางเดียวที่จะพิสูจน์และให้ความ เป็นธรรมกับผู้ตายได้ " หญิงสาวถามขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา
"ใช่"
อาจารย์ตอบ ... ก่อนที่จะพูดต่อ "ถ้าหากกรณีนี้เป็นคดีฆาตกรรม ที่ก่อโดยคนในบ้านซึ่งมีประวัติว่าพาผู้ป่วยไปรักษาโรคนี้ตั้งแต่5ปีก่อน ร่วมอยู่ในแผนการรักษามาตลอด ทำแผลให้อย่างดีจนไม่มีการติดเชื้อ แถมแม่ผู้ตาย สามีผู้ตาย และลูกผู้ตาย นั่งอยู่ในบ้านร่วมกันโดยไม่บอกตำรวจหรือหมอเลย .... ผมก็คงพลาดไปจริงๆ"
ทุกคนนิ่งไปเมื่อเห็นว่าน้ำเสียงของอาจารย์เริ่มแสดงความไม่พอใจออกมา
"ถามอะไรหน่อยดิวรรณ" โกวิทเอ่ย "แล้วเธอคิดว่าเอาน้ำออกมาจะตรวจอะไร"
"ก็ตรวจดูพวกสารพิษ กับยาเสพติด ดูว่ามีสารพิษหรือพวกมอร์ฟีนเกินขนาดหรือเปล่า"
"ไม่ตรวจtetradotoxinในปลาปักเป้าเหรอ" โกวิทเย้า
"ตรวจทำไม"
"แล้วเธอรู้ได้ไงว่าญาติไม่ได้เอาปลาปักเป้าให้กิน ... อย่างนี้เธอไม่ได้ส่งตรวจก็ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับคนตายสิ" โกวิทพูดด้วยหน้าตาขึงขัง "แล้วตะกั่วเธอก็ไม่ได้ตรวจ ... ญาติเขาอาจจะเอาตะกั่วให้กินวันละนิดๆ จนมาออกฤทธิ์วันนี้ก็ได้"
"สารหนูด้วย" สุรศักดิ์บอก
"ยางน่องด้วย" โกวิทเย้า
"รากแมนเดรก" สุรศักดิ์เอ่ยก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับคนอื่นๆในรถ
"นี่เธออ่านหนังสือนิยายนักสืบมากไปหรือเปล่า" วรรณสวนกลับอย่างฉุนเฉียวพลางทุบนวลที่นั่งเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะอยู่
"แต่เราว่าเธออ่านพ๊อคเกตบุ๊คนิติเวชมากไปนะ" โกวิทตอบ ... ด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่จริงจัง "ถ้าจะให้ตรวจสารพิษทั้งหมดมันก็ไม่มีทางพอแค่ของในกระเพาะอยู่แล้ว ... อย่างกรณีนี้ถ้าเธอจะตรวจเธอคงต้องเอาเนื้อเยื่อออกจากปอดหัวใจตับไตม้าม เลือดไขกระดูกเส้นผม แล้วไปแยกหาสารพิษทั้งหมดในสากลจักรวาล ... เธอทำได้ไหมล่ะ เพื่อความยุติธรรมของผู้ตาย"
วรรณนิ่งไปไม่พูดอะไร ใบหน้าแสดงความไม่พอใจแต่ก็พูดไม่ออก นวลที่เห็นท่าทางเพื่อนของตนที่ถูกรุมเช่นนี้จึงหันมาทางวศิน ... ซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่แรก
"วศิน แล้วเธอว่ายังไงล่ะ"นวลถาม ... นักศึกษาแพทย์หนุ่มขยับตัวเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่ครุ่นคิดอยู่
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ... ถามว่ามีเหตุผลไหม วรรณก็มีเหตุผลของวรรณ " วศินตอบเรียบๆ "แต่เราสงสัยอยู่อย่างนึงที่ยังคิดไม่ตก"
"อะไรล่ะ"
"เราแค่อยากรู้ว่า ถ้าเมื่อกี้วรรณจะไปเก็บสิ่งส่งตรวจเหล่านั้นมาส่ง วรรณจะบอกเหตุผลกับญาติคนตายและตำรวจยังไง?"
วรรณนั่งนิ่งไม่มีใครให้คำตอบอะไรอีก ... และรถตู้ก็วิ่งไปตามเส้นทางของมัน
*****************************
ความคิดเห็น