ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Extern เราจะข้ามผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน

    ลำดับตอนที่ #10 : -6 ถึงไม่ได้เป็นนิติเวช คุณก็ต้องรู้เรื่องนิติเวช 6-

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 52


    ตอนที่ 10
    ถึงไม่ได้เป็นนิติเวช คุณก็ต้องรู้เรื่องนิติเวช

    วศินขึ้นเรียนนิติเวชได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทุกอย่างเข้าสู่รูปแบบเดิมอีกครั้งนั่นคือ เรียน เรียน เรียน และเรียน

    ตอน เช้ามีการเข้ากลุ่มฟังประชุมตอนเช้าจากพี่แพทย์ประจำบ้านที่ไปตรวจชันสูตร จากข้างนอกก่อนจะนำกลับมารายงานให้กับอาจารย์ว่าได้พบอะไรบ้าง ได้ทำอะไรไปบ้าง

    สิ่งที่อาจจะได้มาแล้วเปลี่ยนแปลงความคิดเล็กน้อยก็คือเรื่องนิติเวชเป็นอะไรที่ใกล้ตัวพวกเค้ามากที่คิด


    "ทำไมเราต้องเรียนนิติเวชศาสตร์ด้วยครับอาจารย์" โกวิทถาม "ในเมื่อเราจบออกไปก็ทำงานรักษาคน แล้วเวลาเกิดเหตุก็ต้องส่งให้หมอนิติเวชตรวจตลอด"

    "ทำไมคุณถึงคิดว่าทุกศพต้องส่งชันสูตรกับแพทย์นิติเวช" อาจารย์ถามกลับ "การตายแบบใดบ้างที่ต้องส่งชันสูตร"


    โกวิทไล่เรียงการตายทั้งห้าลักษณะที่ผิดธรรมชาติอันต้องอาศัยการตรวจทางนิติเวชเพื่อประกอบผลทางกฎหมาย

    "คุณคิดว่าในประเทศไทยมีแพทย์ที่จบทางด้านนี้โดยตรงกี่คน" อาจารย์ถามย้ำอีกครั้ง "สมมุติว่าคุณไปอยู่ในโรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่งในภาคกลาง ผมถามว่าถ้าส่งศพมาที่กรุงเทพฯเพื่อผ่าชันสูตรทุกรายจะเป็นอย่างไรบ้าง" อาจารย์กล่าว "ถ้าว่ากันตามหลักการ ก็จริงที่เราควรจะต้องส่งให้แพทย์นิติเวชตรวจทุกราย แต่ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้วมันทำได้หรือไม่"

    "ถ้าคุณส่งศพทุกศพที่ตายมากรุงเทพ ต้องมีค่ารถ ค่าเดินทาง ผมตีเงินให้ได้ว่าแต่ละศพที่ส่งเข้ามาใช้ค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่าห้าพันบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ในบางครอบครัวใช้ได้เป็นเดือน .... "

    "หน้าที่ของคุณทั้งหลายก็คือ ให้ความยุติธรรมกับคนตาย โดยอย่าลืมคนเป็น" อาจารย์สรุป


    แน่ นอนว่าหลายคนในห้องอบไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ ซึ่งไม่แปลกนัก เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ให้ความสนใจเรื่องเกี่ยว กับนิติเวชสูง และมีข่าวที่ดึงคำพูดจากแพทย์บางท่านที่สื่อออกมาว่การตรวจในปัจจุบันที่ใช้ แพทย์ทั่วไปไม่เพียงพอและหลายคดีก็พลาดไปเพราะว่าผู้ตรวจไม่ใช่แพทย์นิติเวช


    หรือแม้แต่เรื่องประกันชีวิตก็เช่นกัน เรื่องที่ดูไม่สลับซับซ้อนก็กลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากจนได้

    นิติเวช ใช่แค่ต้องรู้เรื่องการผ่าศพเท่านั้น หากแต่ต้องมีความรู้ด้านอื่นๆด้วย


    "ตัวอย่างเคสที่เกี่ยวกับประกันเคสนี้ ... " อาจารย์หยิบแผ่นเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์สมองขึ้นมา "คือผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุล้มในห้องน้ำหัวฟาดขอบอ่าง"

    แผ่นเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์สมองแสดงถึงกระโหลกที่แตกและมีเลือดคั่งในสมอง

    "รายนี้ทำประกันอุบัติเหตุไว้ ... พวกคุณคิดว่ารายนี้สมควรจะได้ค่าชดเชยหรือไม่ " อาจารย์ถาม "ใครคิดว่าน่าจะไม่ได้ให้ยกมือขึ้น"

    ทุกคนนิ่งกันหมดยกเว้นโกวิทที่ยกมือขึ้น

    "งั้นคนที่ไม่ยกมือไหนลองบอกหน่อยซิว่าทำไมรายนี้ถึงควรได้รับค่าชดเชย" อาจารย์ถามกลับ ทุกคนหันหน้ามองกันก่อนที่วรรณจะตอบ

    "เพราะว่ารายนี้ทำประกันอุบัติเหตุไว้ไงคะอาจารย์ ในเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาและมีผลยืนยันชัดเจนว่าเกิดเลือดออกในสมองชัดเจนก็สมควรที่เค้าจะได้ค่าชดเชยตามสัญญา"

    "แล้วทำไมคุณถึงไม่เห็นด้วย" อาจารย์ถามโกวิทซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย

    "จริงๆแล้วถ้าหากเหตุชัดเจนว่าเกิดจากอุบัติเหตุ พอแพทย์ที่ลงสาเหตุการเสียชีวิตออกใบมรณบัตรให้ ทางบริษัทก็น่าจะจัดการให้ทันทีครับ" โกวิทตอบ "ดังนั้นในรายนี้หากอาจารย์เอามาถามพวกเรา แปลว่าน่าจะมีปัญหาอย่างอื่นที่ทำให้ทางบริษัทยังสงสัย อย่างเช่นว่าผู้ป่วยเองอาจจะมีโรคประจำตัวบางอย่างที่ทำให้เกิดเสียชีวิตก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ "

    "ถ้าดูจากเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่อาจารย์ให้มา ตรงนั้นมีรอยของคลิปที่ใช้ในผู้ป่วยที่เคยเลือดออกในสมอง ตำแหน่งเลือดออกของรายนี้ก็ไม่ค่อยสัมพันธ์กับกระโหลกที่แตก" เขาชี้ "ดังนั้นรายนี้เราคงต้องหาสาเหตุว่าเลือดที่ออกมาเกิดจากเส้นเลือดในสมองแตกจากโรคประจำตัว แล้วจึงเกิดอุบัติเหตุ หรือว่าเกิดอุบัติเหตุแล้วจึงเกิดเลือดออกในสมองครับ"



    "นั่นแหละประเด็นที่ผมต้องการบอก" อาจารย์ยิ้มอย่างยินดีที่อย่างน้อยก็มีคนนึงที่ตามทัน "คำว่าอุบัติเหตุที่ผมบอกไป คือการที่ญาติไปพบว่าผู้ตายนอนในห้องน้ำโดยที่มีร่องรอยว่าล้มไปฟาดขอบอ่าง แต่ว่าสาเหตุจริงๆของรายนี้เชื่อว่าเกิดจากเลือดออกในสมองอย่างเฉียบพลันจนกระทั่งล้มลงไปฟาดขอบอ่าง ... กระโหลกตำแหน่งที่แตกก็เป็นเพียงรอยแตกร้าวโดยไม่มีเลือดออกใต้ส่วนที่กระทบ แต่เลือดกลับไปออกตรงบริเวณส่วนในของสมอง ผู้ป่วยเองมีประวัติว่าเคยผ่าตัดเส้นเลือดโป่งพองในสมองมาก่อนและช่วงหลังมานี้ไม่ได้รับยาความดันติดต่อกันมาแล้วสามเดือน"


    "อาจารย์ก็น่าจะบอกรายละเอียดให้หมดสิคะ" นวลบ่น เพราะมั่นใจ่าหากอาจารย์บอกแต่ต้นว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอะไรเพื่อนเธอก็ย่อมต้องตอบได้แน่นอน


    "แต่คุณเองก็ไม่ได้ถามผม ... ทั้งที่นี่คือสิ่งที่คุณควรจะรู้ก่อนที่จะตัดสินใจฟันธงว่าเหตุการตายเกิดจากอะไร"

    "ถ้าผมย้อนกลับมาที่เรื่องเมื่อเช้าที่เราคุยกัน ... ผมได้บอกไว้แล้วว่าคุณไม่ต้องส่งทุกรายเข้ามาในกรุงเทพฯก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ต้องมีความรู้เพียงพอที่จะไปแยกจำแนกว่าสาเหตุการตายนั้นน่าจะเกิดจากอะไรมากที่สุด ถ้าหากไม่ทราบสาเหตุการตายหรือคลุมเครือจริงๆ นั่นแหละคุณจะต้องคิดแล้วว่าจะต้องส่งหรือไม่"


    หลังออกจากห้อง การจับกลุ่มคุยวิจารณ์ก็มีตามปกติ

    "แล้วอาจารย์แน่ใจได้ไงว่าตายจากเลือดออกในสมอง ไม่ใช่ว่าไปล้มแล้วมันแตกซ้ำล่ะ" วรรณพูดกับเพื่อนๆที่หน้าห้องหลังจากอาจารย์เดินไปแล้ว "พูดเหมือนกับว่ามั่นใจ100% ไม่รู้จะเข้าข้างบริษัทประกันไปทำไม"


    "แล้วทำไมเธอไม่ถามอาจารย์ไปล่ะ" โกวิทถาม น้ำเสียงปกติไม่ได้แสดงท่าทีอะไร


    ไม่มีใครตอบอะไรนอกจากมองหน้ากันไปมา ... แล้วก็วงแตก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×