คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : summer night (hun&han) - 1 ♔
S U M M E R N I G H T – 1 ♔
“เซฮุน จัดกระเป๋าเสร็จแล้วใช่ไหม”
“เสร็จแล้วครับ” ผมพูดพร้อมกับลากกระเป๋าใบยักษ์ไปไว้ข้างรถ เตรียมแบกมันขึ้นรถอีกที
“เช็คของดูรึยัง ไม่ขาดอะไรแล้วนะ”
“เช็คแล้วน่าคุณนาย ถ้าขาดก็ค่อยไปหาซื้อที่นั่นเองก็ได้นี่ครับ” พูดยังไม่ทันจบประโยคมือหนักๆของคุณนายก็ฟาดลงที่แขนผม ผมลูบแขนตัวเองเบาๆพร้อมกับทำหน้าบึ้งใส่คนตรงหน้า แทนที่ผมทำท่าแบบนั้นแล้วคุณนายจะสงสาร แต่เจ้ากรรมคุณนายกลับตีซ้ำที่แขนผมแรงๆอีกทีจนผมร้องโอดครวญออกมาลั่น
“โอ้ยยยย ! คุณนายอ่ะ”
“ไม่ต้องมาร้องเลยนะตัวแสบ ที่ให้ไปเรียนซัมเมอร์ที่จีนครั้งนี้ฉันจะให้ไปดัดนิสัยการใช้เงินนะอย่าลืมสิ ใช้จ่ายให้ระวังด้วยเข้าใจรึเปล่า ค่าเงินที่นั่นเขาสูงกว่าของเรานะ”
คุณนายร่ายยาวทำเอาผมหน้าบูดกว่าเดิม ..ใช่ครับ ผมกำลังจะไปเรียนซัมเมอร์ที่จีนและเหตุผลสำคัญที่คุณนายส่งผมไปนั้นมาจากสี่เดือนที่ผ่านมาคุณนายเค้าบอกว่าผมใช้เงินเกินความจำเป็น มันมากเกินกว่าที่เด็กที่ยังเรียนไฮสคูลแบบผมจะใช้เงินไปเดือนละหลายล้านวอน ซึ่งผมก็รู้สึกผิดครับที่ช่วงนั้นหน้ามืดใช้เงินไปเยอะแบบนั้น ช่วงนั้นกิเลสตัณหามันเยอะครับผมเที่ยวกลางคืนบ่อย เลี้ยงเพื่อนบ้างแหละ ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมั่วไปหมดเก็บเงินไม่อยู่ คุณนายเค้าไม่ว่าหรอกครับที่ผมเที่ยวกลางคืนเพราะเค้ารู้ว่ายังไงผมก็รู้ขอบเขตอยู่ในกรอบที่ควรอยู่เสมอ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายที่เยอะมหาศาลบานตะไทแบบนี้คุณนายเค้าไม่ยอมครับ คุณนายเลยวางแผนดัดนิสัยผมซึ่งผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ คุณนายตัดสินใจส่งผมจะไปเรียนซัมเมอร์ที่จีนในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนเป็นเวลาสามเดือน แล้วตอนนี้มันก็วนมาถึงพอดี
“อ้อ ลืมบอกว่าไม่ได้ไปส่งเราที่สนามบินนะ คุณฮันโซจูเค้ามีงานด่วนพอดี ไม่ว่าอะไรใช่ไหมหื้อตัวแสบ” คุณนายเดินมากอดแล้วหอมแก้มซ้ายขวาผมฟอดใหญ่
ผมลืมบอกไปครับว่าคุณนายของผมเป็นผู้จัดการทำงานในวงการบันเทิง คุณนายดังมากครับ เรียกได้ว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ‘โอ ยูรา’ แน่นอนครับผมคอนเฟิร์ม เพราะคุณนายรับจ๊อบดูแลศิลปินและดาราหลายคนเหมือนกัน แล้วแต่ละคนที่คุณนายปั้นนั้นดังระเบิดหมดครับ ล่าสุดที่คุณนายดูแลชื่อว่าอะไรน้า.. ซูๆฮยอนๆอะไรซักอย่างนั่นแหละครับ ผมก็จำไม่ค่อยได้ จำได้แค่ว่าแสดงซีรี่ส์เป็นพระเอกเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายกระจู๋ทะเล’ ตอนนี้กำลังติดท็อปอันดับหนึ่งซีรี่ย์ดังเลยล่ะครับ
“ไม่เป็นไรน่าคุณนาย ผมโตแล้วทำอะไรก็ได้” ผมพูดพร้อมยิ้มจนตาปิด ทำเอาคนตรงหน้าหมั่นไส้จนต้องเขกหัวผมไปทีนึง
“พอถึงจีนจะมีคุณครูคนมารับนะ ฉันบอกให้เค้าชูป้าย ‘โอเซฮุน’ตัวใหญ่ๆรอเลยล่ะ”
“โหย คุณนายผมอายนะ..” พูดเสร็จก็เอาคางเกยไหล่
“อายกับเค้าด้วยเหรอห้ะตัวแสบ นี่รีบไปได้แล้วตกเครื่องฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“ก็ดีสิครับ จะได้ไม่ต้องไป.. โอ้ยย ! คุณนายอ่ะ”
ป้าบ ! พูดจบก็เจอฝ่ามืออรหันต์ตีเข้าที่กลางหลัง คุณนายมองผมตาเขียวปั๊ดทำผมต้องรีบแจ้นขึ้นรถที่คุณลุงคนขับรถแสตนด์บายรอนานแล้ว ผมโบกมือบ๊ายบายแม่ก่อนจะปิดประตูรถลง คุณนายยิ้มตอบแล้วก็บ๊ายบายตอบผมก่อนรถจะเคลื่อนที่แล้วออกจากบ้านในที่สุด
ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน
คุณลุงคนขับรถมาส่งผมที่สนามบินเสร็จก็บึ่งรถกลับบ้านทันที หลังจากถึงสนามบินได้ไม่นานผมก็ต่อสายโทรหาคุณนายอีกครั้ง คุณนายย้ำผมเรื่องของใช้หลายๆอย่างรวมถึงย้ำเรื่องจะเรื่องเงินด้วย คุณนายบอกว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีให้คุณครูที่ดูแลผมที่นู่นเดือนละแปดแสนวอน (ตีเป็นเงินไทยประมาณสองหมื่นบาท) ซึ่งคุณนายคิดว่าน่าจะพอดีกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อเดือน ถ้าไม่พอใช้ก็อยู่แบบอดๆอยากๆไป ฟังดูนรกดีนะครับ และที่คุณนายฝากเงินไว้ที่คุณครู.. นั่นหมายความว่าผมจะรูดบัตรใช้เงินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
หลังจากคุยโทรศัพท์กับคุณนายเสร็จผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบแล้วเลื่อนหาเบอร์ ‘มินซอก’ ก่อนจะกดโทรออก อ้อ ลืมบอกไปครับ.. ไปเรียนซัมเมอร์ที่จีนครั้งนี้ผมไม่ยอมไปคนเดียวหรอกครับ ผมขอคุณนายให้เพื่อนไปอยู่เป็นเพื่อนผมด้วยอีกคนนึง นั่นก็คือ ‘มินซอก’ ครับ เพื่อนซี้นิสัยต่างดาวของผมเอง แต่ที่มินซอกไปครั้งนี้มันหวังจะไปเที่ยว ไปส่องผู้ชายจีนมากกว่าไปเรียนครับ แรกๆก็ไม่ยอมหรอกครับ จนผมหลอกล่อบอกผู้ชายจีนหล่อเท่านั้นแหละครับมันเก็บกระเป๋ารอทันทีตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว
พูดถึงไม่ทันไรสายตาผมก็เหลือบไปเห็นมินซอกที่กำลังแบกหน้ากลมๆลากกระเป๋าวิ่งมาทางผมพอดี เห็นแบบนั้นผมจึงกดวางสายมันแล้วยัดโทรศัพท์เก็บลงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตัวเองแทน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนตัวเอง ..แล้วนี่อะไรครับ มันแต่งตัวอะไรของมัน ผมมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า จะไปจีนหรือจะไปเดินแคทวอล์ค ดูแต่งตัวสิครับ หมวกไหมพรมสีดำลายขาว มองเห็นตั้งแต่สิบเมตร เสื้อโค้ทที่ยาวจะเกือบจะลากพื้น ไหนจะผ้าพันคอที่พันจนจะปิดหน้ามันอีกครับ .. นี่มึงจะไปเรียนซัมเมอร์นะครับไม่ได้จะพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ เพื่อนผมชักจะสี่มิติเกินไปแล้ว โอเซฮุนเพลียครับ
“โทษมึง พอดีกูตื่นสายอ่ะ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย นี่รีบแต่งตัวออกเพื่อมึงเลยนะ” มันพูดพร้อมกับจัดระเบียบเสื้อผ้าหน้าผมมันอีกทีหลังจากวิ่งหลุนๆลากกระเป๋ามาหาผม ..นี่ขนาดมันรีบแต่งตัวแล้วนะคุณ
“นี่ขนาดมึงรีบแต่งตัวแล้วนะ ถ้ามึงตั้งใจแต่งตัววิคตอเรียซีเคร็ทไม่ต้องทำงานกันแล้ว แต่งตัวห่าอะไรทำอย่างกับจะไปเดินแฟชั่นโชว์ มึงจะไปเรียนซัมเมอร์นะครับ ไม่ได้จะไปปั้นมนุษย์หิมะกับเอลซ่าที่ปักกิ่ง”
“มึงนี่ไม่เทรนด์เลยอ่ะเซฮุน เป็นลูกผู้จัดการดาราซะเปล่าดูแต่งตัวดิ๊ เสียชื่อแม่มึงหมด อ้อ ! แล้วก็วิคตอเรียซีเคร็ทน่ะมันแฟชั่นชุดชั้นในผู้หญิงครับไอ้สัด” มันพูดพร้อมกับส่งสายตาสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนที่ผมทำกับมันก่อนหน้านี้ ผมใส่เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ธรรมดา ก็จริงอย่างที่มันพูดครับผมไม่ชอบแต่งตัวอะไร ถึงจะไม่แต่งตัวอะไรแต่ก็มีผู้หญิงเข้าหาผมไม่ขาดสายอยู่ดี ..คนมันหน้าหล่อทำยังไงก็หล่อไม่ต้องพยายามหล่อ แค่นี้ก็มีคนเข้าหา
“พูดมากอยู่ได้มึง ไปเช็คอินกันได้แล้ว” ผมพูดตัดบทก่อนที่มันจะยืดเยื้อกว่านี้ ผมกับมินซอกจึงเดินไปที่จุดเช็คอินหลังจากนั้นก็โหลดกระเป๋ารอขึ้นเครื่องเดินทางไปปักกิ่งกัน
ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง
ใช้เวลาไปสองชั่วโมงกว่าเครื่องจะแลนดิ้งวิ่งลงสู่ภาคพื้นดิน.. ผมกับมินซอกถึงปักกิ่งแล้วครับ ! หลังจากผมกับมินซอกลงจากเครื่องก็รีบลงมาเอากระเป๋าเดินทางแล้วออกตามหาคุณครูตามที่คุณนายบอกทันที แต่เนื่องจากความใหญ่ของสนามบินทำให้การตามหาของผมกับมินซอกนั้นลำบากเล็กน้อย
“เซฮุน มึงจะเดินเร็วไปไหน พักก่อนได้ป่ะวะ” มินซอกดึงแขนเสื้อผมพร้อมกับบ่นกระปอดกระแปด จนทำให้ผมต้องหันกลับไปมองมันที่กำลังทรุดตัวลงนั่งขัตสมาธิบนพื้น
“เห้ย ! มึงลุกขึ้นมาดิวะไปทำอะไรบนพื้น อายชาวบ้านเค้าหน่อยดิมึงมองกันใหญ่แล้ว” ผมพื้นพร้อมกับดึงแขนมินซอกให้ยืนขึ้น มันทำหน้างอปากคว่ำใส่ผมแล้วบ่นออกมาอีกรอบ ทำหน้าแบบนี้มึงคิดว่ามึงน่ารักมากสินะ !
“ก็กูเหนื่อยอ่ะ ใครบอกให้มึงเดินเร็ว ..ดูสิขาน้อยๆของกูระบมไปหมดแล้ว”พูดไปก็เอามือลูบขาไปป้อยๆ เห็นแล้วหมั่นไส้ครับเดี๋ยวแกล้งพามันวิ่งรอบสนามบินแม่ง
“กูไม่ได้เดินเร็ว มึงอ่ะขาสั้นเอง” พอผมพูดจบมินซอกก็มองค้อนใส่ผมใหญ่ครับ จี้ปมนิดเดียวแยกเขี้ยวทำตัวเป็นยักษ์ทันที “งั้นไปพักนู่นกันก่อนละกัน” ผมพูดพร้อมกับชี้ไปตรงที่นั่งใกล้ๆ มินซอกพยักหน้าหงึกๆก่อนจะลากกระเป๋าใบโตของมันไปนั่งพักตรงนั้นทันที ผมกำลังจะเดินตามไปแต่เหลือบไปเห็นคนถือป้ายว่า ‘โอเซฮุน’ ซะก่อนเลยรีบวิ่งไปหาคนที่กำลังถือป้ายอยู่ ..แต่เอ๊ะ ทำไมคนถือป้ายดูเด็กๆ แถมยังตัวเล็กแบบนั้น ไหนคุณนายบอกว่าเป็นคุณครูสอนวูซูไงครับไหงตัวเล็กไร้กล้ามแบบนั้น จังหวะเดียวกันนั้นเองผู้ชายคนนั้นก็หันหน้ามาทางผมพอดี.. แล้วเราก็สบสายตากันปิ๊งๆทันที เหมือนในละครหลังข่าวอะไรอะไรเทือกนั้น .. ชักจะน้ำเน่าเกินไปแล้วครับคุณ แล้วผมก็ต้องผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นชัดๆ
‘ผู้ชายอะไรหน้าอย่างกับบาร์บี้’
มันเป็นคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองหลังจากที่ผมเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นชัดๆ เค้าหน้าตาจิ้มลิ้มมากครับดูไม่ใช่คุณครูสอนวูซู .. แต่เอ๊ะ หรือจะใช่ครับ
ผมยิ้มแห้งๆให้อีกคนตรงหน้าแต่ไม่ยักจะยิ้มตอบผมแหะ ทำไมดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังคงยิ้มให้ต่อไปครับ ดูเหมือนจะหน้าด้านแต่ผมต้องสร้างความประทับใจแรกนะ !
“คุณ ..เอ่อ ใช่คุณครูไหมครับ” ผมถามอึกอั่กเป็นภาษาเกาหลี ก็คุณนายเค้าบอกผมว่าคุณครูที่มารับพูด เขียน อ่าน ภาษาเกาหลีออกผมก็เลยถามเป็นภาษาเกาหลีซะเลยเพราะสกิลการใช้ภาษาอังกฤษของผมห่วยมาก แล้วภาษาจีนผมก็พูดไม่ได้อีก
“&E*@#(&*RE@(@#)*#@”
ผมนิ่งไปสองวินาทีหลังจากได้ฟังคำตอบฉ้งเฉ้งๆกลับมา ..ให้ตายเถอะครับ ! ไหนคุณนายบอกผมว่าคุณครูพูดภาษาเกาหลีได้ยังไงกัน
“อ.. อา ยู อะ ทีเชอร์ ?” ผมรวบรวมสติก่อนจะถามออกไปอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงบ้านเกิด ..รู้สึกอายชะมัดครับที่ต้องมาพูดภาษาอังกฤษง่อยๆกับคนอื่นแบบนี้ สัญญาเลยครับต่อไปผมจะไม่โดดเรียนคาบภาษาอังกฤษอีก
“@#$^^($%^)+_*)__*(^&*^@#!” คำตอบที่สวนกลับมาทำเอาผมแทบหงายหลัง ให้ตายเถอะพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นรึไง ! นี่มันยุค 4G แล้วนะครับ หัดเทรนด์ซะบ้างสิคุณบาร์บี้
“นี่คุณ พูดภาษาอังกฤษไม่เป็นรึไง !” หลังพูดเสร็จคนตรงหน้าผมก็คิ้วขมวดทันทีครับ จีนมาผมก็เกาหลีกลับดิครับ อยากกวนตีนผมดีนัก ได้ครับโอเซฮุนจัดให้ รัวเกาหลีใส่แม่ง
“ผมอ่ะถามว่าคุณน่ะใช่คุณครูรึเปล่า แล้วคุณฟังภาษาอังกฤษผมไม่รู้เรื่องเหรอครับ ทำไมตอบผมเป็นแต่ภาษาจีน แม่ผมเค้าจ้างให้คุณมาดูแลผมนะครับไม่ได้ให้มากวนตีนผม พูดเกาหลี พูดอังกฤษได้ก็พูดเถอะ ไม่ต้องมาแอ๊บจีนใส่”
แร็ปเก่งได้ขนาดนี้เพราะผมเป็นแฟนคลับมักเน่วงเอ็กโซนะผมบอกไว้ก่อนเลย ผมมั่นใจมากครับว่าแม่งฟังไม่ออก หลังจากรัวเกาหลีใส่เสร็จคิ้วของอีกคนที่ขมวดอยู่แล้วตอนนี้แทบจะผูกเป็นโบว์เลยล่ะครับ สมน้ำหน้า ! อยากกวนตีนผม ต้องเจอแบบนี้ไง อ้าวแล้วนี่จะทำอะไรอีก เอามือเท้าสะเอวแล้วเชิดหน้าแล้วมองผมแบบนี้ คิดว่าตัวเองเป็นอาเจ๊เก็บค่าแชร์เหรอครับ
“ผมไม่ใช่คุณครูอะไรทั้งนั้น แล้วก็นั่นน่ะคุณครูตัวจริงมาแล้ว” พูดแล้วก็ชี้ไปทางผู้ชายตัวใหญ่ๆ กล้ามบึ้กที่กำลังเดินตรงเข้ามาที่ผมกับปีศาจบาร์บี้ข้างๆ
อ๋อ คนนั้นสินะคุณครูที่จะดูแลผม ..แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ขอกลอมเทปไปเมื่อสิบวินาทีที่แล้ว ..เมื่อกี้ไอ้บาร์บี้มันพูดว่าอะไรนะครับ ? ทำไมผมฟังออก พอนึกได้ก็หันขวับไปทางคนข้างๆ
“เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ”
“นั่นไงคุณครู” มันตอบเป็นภาษาเกาหลีพร้อมกับส่งหน้าตายมาให้ผมครับ..
“พูดภาษาเกาหลีได้ทำไมไม่พูดแต่แรกวะ” ผมขมวดคิ้วแล้วมองอีกคน นี่ไม่คิดเลยว่ามาถึงจีนวันแรกจะต้องเล่นสงครามประสาทกับเจ้าถิ่นซะแล้ว
“ขอโทษด้วยนะครูเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย ดูเหมือนสองคนนี้จะรู้จักกันแล้วใช่ไหมเห็นยืนคุยกันแบบนี้” คุณครูที่เพิ่งเดินมาถึงเราสองคนแทรกขึ้น
“ไม่ใช่ครับ !/ ไม่ครับ” ผมกับไอ้บาร์บี้ตอบพร้อมกัน
“อ้าว.. งั้นรู้จักกันไว้นะ เซฮุนนี่ลู่หาน ส่วนลู่หานนี่เซฮุน ส่วนครูชื่อ เลี่ยงซู”
“ครับ” ไอ้บาร์บี้ปีศาจข้างๆผมตอบรับพร้อมพยักหน้าหงึกๆ
ลู่หาน ? คุณครูพูดจบผมจดเข้าซีรีบรัมเลยครับ คนนี้ตัวอันตรายอยู่ด้วยกันนานไม่ได้
“แล้วนี่เซฮุนมาคนเดียวเหรอ ? ไหนคุณยูราเค้าบอกว่าคุณพาเพื่อนมาด้วย”
“ฉิบหาย !” ผมอุทานแล้ววิ่งไปหามินซอกทันที เกือบลืมไปเลยครับว่าเอาหมูกระต่ายมาจีนด้วย พอวิ่งไปถึงที่มันพักผมก็เห็นมันนอนหนุนกระเป๋าเป้ผมอยู่ ..ผมใช้นิ้วสะกิดแขนมันให้ตื่น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่
“ไอ้หมิน ตื่นเว้ยเจอครูแล้ว” เปลี่ยนจากใช้นิ้วสะกิดแขนเป็นเขย่าแขนแทน แล้วก็ดูเหมือนมันจะรู้ตัว เปลือกตามันค่อยๆขยับก่อนจะลืมตาหันหน้ามาทางผม
“ไอ้สัด กูเห็นมึงวิ่งไปทางห้องน้ำ กูนึกว่ามึงไปขี้” มินซอกมันพูดพร้อมกับยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งดีๆ “แล้วไหนอ่ะครู ?” มันหันหน้ามามองผมอีกรอบแล้วถาม
“อยู่นู่น”ผมชี้ไปอีกฝั่งที่มีคนสองคนยืนอยู่ มินซอกมองตามมือผมพยักหน้าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อครับ มันลุกขึ้นจับกระเป๋าลากเดินไปหาคุณครูเลี่ยงซูกับบาร์บี้ทิ้งผมนั่งตรงนี้ไว้คนเดียว พอเห็นอย่างนั้นผมเลยรีบลากกระเป๋าของผมเดินตามมันไปบ้าง
พอผมเดินไปถึงก็ดูเหมือนคุณครูจะแนะนำให้มินซอกมันรู้จักกับบาร์บี้ปีศาจแล้ว แต่ที่แปลกกว่านั้นทำไมมินซอกมันดูเขินๆกับไอ้บาร์บี้วะ มองจนจะกินไอ้บาร์บี้เข้าไปได้ทั้งตัว แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรไปมากกว่านั้น และหลังจากนั้นไม่นานนักคุณครูก็พอเราทั้งสามคนเดินไปขึ้นรถตู้ของทางโรงเรียนที่มาจัดเตรียมไว้ เพื่อเดินทางไปยังหอพัก ..ที่ผมต้องอยู่กันถึง 3 เดือน
ตอนนี้ผมนั่งหน้าบูดอยู่บนเตียงในห้องพักเรียบร้อยแล้วครับ ..สงสัยใช่ไหมครับว่าทำไมผมถึงหน้าบูด ? ..ก็ตั้งแต่ออกจากสนามบินมามินซอกมันเอาแต่นั่งมองลู่หานแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เดี๋ยวก็เอามือมาตีผม มาหยิกแขนผมบ้างแหละ วุ่นวายไปหมด ทำเอาผมแทบทนไม่ไหวเกือบจะจัดภาษาดอกไม้ใส่มันไปสักดอกสองดอก เอาให้แม่งชื่นใจจนสำลักความหอมไปเลยครับ แล้วพอมาถึงที่หอพักครูเลี่ยงซูก็จัดให้ผมกับมินซอกพักห้องเดียวกับลู่หานครับ บอกจะให้ลู่หานดูแลผมกับมินซอกสองคน พอรู้อย่างนั้นโอเซฮุนคนหล่อเข่าอ่อนแทบเป็นลมล้มพับครับ ..อยู่ห้องกับคนไร้มนุษย์สัมพันธ์แบบนั้นน่ะนะครับ ? เฟิร์สอิมเพรสชั่นก็ไม่มี .. แต่ระหว่างที่ผมกำลังไม่พอใจกับห้องพักก็มีอีกคนครับ ที่แม่งดูมีความสุขกับการจัดรูมเมทห้องพักนี้มาก จะเป็นใครไปไม่ได้ครับนอกจากไอ้หมูกระต่ายที่นั่งยิ้มหน้าบานข้างผมตอนนี้
“มึงยิ้มเหี้ยไรมากมายเนี่ย ไม่เคยยิ้มเหรอสัด”ผมถามมันที่ยังนั่งยิ้มมองลู่หานนอนเล่นเกมส์อยู่ ผมชักไม่กลัวลู่หานแล้วล่ะสิครับ ชักจะกลัวไอ้เพื่อนข้างๆคนนี้แทน.. มินซอกหันขวับมามองผมด้วยใบหน้าหงุดหงิด ก่อนจะยกมือขึ้นป้องข้างหูผมแล้วกระซิบเบาๆ
“ลู่หานเด็กเทรนค่ายเอสเอ็มไงมึง” ผมขมวดคิ้ว “แล้วที่สำคัญนะกูได้ข่าวมาว่า คนนี้ก็เป็นเด็กอยู่ในสังกัดแม่มึงเหมือนกัน จะเดบิวท์ปีหน้านี้ล่ะมั้ง”
“แล้วทำไมกูไม่เคยรู้วะ” ผมถามเสร็จก็หันหน้าไปหาคนข้างๆที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนอยากจะปาดคอผมให้ตายซะเดี๋ยวนี้
“มึงเคยรู้ห่าอะไรบ้างวะเซฮุน” ได้ยินคำตอบผมก็ชูนิ้วกลางใส่มันไปทีนึง
“อ้าว แล้วเนี่ยมึงจะไปไหน” ถามทันทีครับพอมันทำท่าจะลุกขึ้น
“กูว่าจะไปเดินสำรวจข้างล่างแล้วก็หาอะไรกินสักหน่อย มึงไปป่ะ?”
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มแล้วหยิบโทรศัพท์มานอนเล่น พอได้คำตอบมินซอกมันก็ไม่สนใจผมอีกเลยครับแต่หันไปถามลู่หานที่นอนเล่นเกมส์อยู่แทน
“ล.. ลู่หาน” ผมเหล่มองมินซอกมันที่ตอนนี้แม่งยืนบิดจนตัวจะเป็นเกลียว ลู่หานพอได้ยินมินซอกเรียกก็หันหน้าไปเลิกคิ้วใส่ ทำหน้าถามประมาณว่า ‘มีอะไรเหรอ’
“คือ.. ร้านขายของมันอยู่ตรงไหนเหรอ” มินซอกก้มหน้าเขินทั้งๆที่ลู่หานมันยังไม่ทำห่า อ้าปากตอบอะไรออกมาเลย ..โธ่ ผมชักจะกลัวมันจริงๆแล้วล่ะครับ
“อ๋อ.. เดินออกจากหอเลี้ยวขวาครับ ตรงไปอีกนิดหน่อยก็เจอ” ลู่หานตอบเสร็จก็ยิ้มให้เพื่อนผม ก่อนจะหันไปสนใจเกมส์ในมือต่อ ..แล้วก็ไม่ต้องเดาครับว่าตอนนี้ไอ้หมูกระต่ายทำหน้ายังไง หน้าแม่งฟินไปอีกกาแล็กซี่แล้วครับ ได้คำตอบปุ๊บก็แจ้นออกจากห้องทันที และแน่นอนว่าความเงียบก็เข้าปกคลุมบรรยากาศในห้องทันทีเหมือนกัน
แล้วผมก็เริ่มทำการสำรวจห้อง.. ห้องพักห้องนี้กว้างพอที่จะอยู่กันได้ถึง 4 คนครับ (แต่อยู่กันแค่ 3 คน) มีห้องครัวและมีห้องน้ำในตัว มีเตียงสองชั้น 2 ตัว และมีโต๊ะทำงานให้อีก 4 ตัว โชคดีที่ห้องนี้อยู่ฝั่งแม่น้ำครับ แถมมีระเบียงข้างนอก ทำให้ผมคิดแพลนไว้ว่าถ้าเครียดๆอาจจะออกไปนั่งตากลมที่ระเบียงตอนกลางคืน มันคงผ่อนคลายและสบายมากแน่ๆในความคิดผม
แล้วผมก็หันกลับไปมองลู่หานที่ยังนอนเล่นเกมส์แบบไม่สนใจโลก ผมคิดว่าผมควรชวนลู่หานคุยเพื่อสร้างมิตรภาพอันดีงามครับ ถึงแม้ว่าเฟิร์สอิมเพรสชั่นของผมกับเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็ตาม เพราะอย่างน้อยผมต้องอยู่เป็นรูมเมทกับเขาอีกตั้งสามเดือน
“บาร์บี้ ทำไรอยู่” เป็นคำถามโง่ๆครับ จริงๆผมก็เห็นแม่งเล่นเกมส์อยู่อ่ะแหละแต่อยากชวนคุยไงครับ แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ ..
เงียบ... ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“บาร์บี้ ได้ยินป่ะ” ผมพูดเสียงดังขึ้น
....... ยังคงเงียบเหมือนเดิม ผมกดเสียงให้ต่ำลงก่อนจะถามอีกรอบ
“ลู่หานนนนน”
“อะไร” อ้าว แม่งก็พูดได้นี่หว่า ทำเป็นหยิ่ง.. คิดว่าเป็นว่าที่ศิลปินแล้วต้องหยิ่งเหรอ
“ถามว่าทำอะไรอยู่”
“ก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าผมเล่นเกมส์” ตอบเสียงโดยไม่มองหน้าผมแม้แต่น้อย ..ผมเริ่มหัวเสียนิดหน่อย นี่จะคุยกันดีๆไม่ได้เลยใช่ไหมครับ - -
“คุยดีๆเป็นไหม”
“นี่ไม่เรียกว่าดีเหรอ ไม่มีคำหยาบออกจากปากผมสักหน่อย”
“นายกวนประสาท ผมถามตอนแรกนายไม่ตอบ”
“นายถามบาร์บี้ แต่ผมชื่อลู่หานไม่ตอบก็ถูกแล้วนี่” พูดจบหยิบหูฟังในกระเป๋ากางเกงออกมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์ที่เล่นไปเมื่อกี้ แล้วก็ไม่สนใจผมอีกเลย.. อือหืม ผมอยากเอาหัวโขกกำแพงเป็นจังหวะเพลงปีเตอร์แพนแรงๆสักสองสามนาทีครับ ไม่เคยเจอใครกวนส้นตีนได้เท่านี้มาก่อนครับนี่พูดเลย ผมชวนคุยนี่ก็ไม่คิดจะชวนคุยต่อเลยเหรอวะ มนุษย์สัมพันธ์แย่ที่สุด บริษัทที่ไหนเค้าเทรนให้ศิลปินมันหยิ่งแบบนี้วะ ! แต่เอาวะครับยังไงก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ นี่ก็รูมเมทครับ เพื่อนร่วมห้อง.. ไม่สิครับเรียกว่าผู้ร่วมเวรร่วมกรรมมากกว่าถึงจะถูก ที่ผมต้องทำในตอนนี้ก็คือต้องอดทน.. อดทนแค่สามเดือนโอเซฮุน
‘ตั้งสามเดือนสิโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!’
TALK WITH ME FREE NEXT CHAPTER
จบไปแล้วสำหรับตอนแรก... ไม่มีอะไรจะบรรยาย
ที่บอกฟรีเน็กส์แชปนี่ก็ไม่รู้จะมีใครอ่านไหม 55555555555555555
ไม่อ่านก็จะแต่งไปเรื่อยๆ ... เพราะเราคิดทุกอย่างจบแล้ว
แต่เขียนไม่ออกแล้วก็ขี้เกียจ บัดซบไหมล่ะ 55555555555555
ไม่รู้ว่ามันสนุกรึเปล่า ติชมได้นะเห้ย ไม่ว่าจะเม้นหรือเวิ่นในแท็กแล้วแต่สะดวก
ไม่เม้นก็ไม่เป็นไรค่ะ เข้ามาดูยอดวิวขึ้นก็ใจชื่นบานแล้ว
สุดท้ายนี้ สวัสดีปีใหม่ค่ะ 55555555555555555555555 ♥
ความคิดเห็น