ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Longing [Thor x Loki]

    ลำดับตอนที่ #5 : [ตอนพิเศษ1] Chirs/Tom [Thor/Loki]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.67K
      46
      27 ธ.ค. 56

         

          อั้ยยะ มาอัพต่อเร็วมาก 555 ตอนพิเศษสั้นๆ ถือว่าเป็นของแถมละกันค่ะ แต่งไม่ได้ดีมากหรอกเพราะอยู่ๆก็เวิ่นขึ้นมาระหว่างเรียน แล้วอาจารย์บรรยายถึงเช็คสเปียร์ ฟิคนี้จึงผุดฮร่ะ (ส่วนไอเอิร์นฟรอสต์รอหน่อยนะตะเอง เก๊าติดสอบอ่ะ ไหนจะงานทับถม จมกองหนังสือที่ยืมมา..แต่ไม่ได้อ่าน 555) ดังนั้นถ้ามันดูกร่อยๆไร้แก่นสารก็ขออำภัยด้วยใจรักมา ณ ที่นี้ฮร่ะ

    แล้วก็สุขสันต์วันปีใหม่(ล่วงหน้า)ค่าาาา โชคY เอ้ย! โชคดีกันถ้วนหน้านะฮร้า ทั้งเรื่องเรียนเรื่องงานเรื่องรักเรื่องทุกเรื่อง ใครที่กำลังจะสอบเข้าที่ไหนก็ขอให้ติดที่ที่หวัง ใครที่แกลบก็ขอให้มั่งมี ใครเหงาอยู่บนคานก็ขอให้มีคนมารับลงไปด้านล่าง ส่วนใครที่ยังไม่ต้องการลงจากคานก็มาเพ้อหนุ่มๆกับไรท์เตอร์นะคะ 555

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกคนที่ตามอ่านค่ะ ไปเที่ยวปีใหม่ที่ไหนก็เดินทางระวังๆกันด้วยนะคะ

    ด้วยรัก จาก ชินอัยย์ สถิต ณ ใจพี่ลี (อะไรของเอ็งงง)


     


    Title: Longing [ปรารถนา]

    Pairing: Thor/Loki , Chirs/Tom

    Author: MiniRin

    Rate: PG-13


     

                    วิลเลี่ยม เช็คเสปียร์ คือนักประพันธ์ชาวอังกฤษที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายคริสต์ศัตวรรษที่สิบหกจนถึงต้นคริสต์ศัตวรรษที่สิบเจ็ด เขาเขียนผลงานออกมาหลายเล่มที่แม้ดูผิวเผินจะเต็มไปด้วยความคิดอันสุดแสนจะคอนเซอเวทีฟ หากแต่เมื่อมองลึกลงไปจะพบถึงความมีมิติของตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์อย่างสมจริงอยู่มากเมื่อเทียบกับวรรณกรรมอื่นๆในสมัยนั้น โดยเฉพาะเรื่องแม็คเบ็ท ที่ดำเนินเรื่องโดยนายทหารผู้กล้า วันหนึ่งหลังจากที่เม็ทเบ็ททำศึกชนะ เขาได้พบกับแม่มดสามตนที่มอบคำทำนายให้แก่เขาคนละข้อ ข้อแรก คือเขาจะได้เป็นกษัตริย์ ข้อที่สอง คือสหายสนิทของเขาเป็นคนอาภัพ แต่บุตรชายมีวาสนาได้เป็นกษัตริย์ และข้อสุดท้าย คือแม็คเบ็ทจะไม่มีวันตายตราบใดที่ต้นไม้ยังเดินไม่ได้ แม็คเบ็ทไม่ได้เชื่อคำทำนายเหล่านั้น หากเป็นภรรยาของเขาที่เชื่อและยุยงให้เขาก่อการกบฏ เมื่อสำเร็จและได้มาซึ่งอำนาจ ต่อมาก็เกิดกบฏล้มล้างเขา ทหารพวกนั้นที่รู้คำทำนายต่างเอาต้นไม้มาทำเป็นหมวก นั่นคือต้นไม้เดินได้ หากแต่แม็คเบ็ทไม่เชื่อคำทำนาย และต่อสู้แม้สุดท้ายจะสิ้นชีพไปในที่สุด ใช่ เนื้อเรื่องอาจไม่มีอะไร เป็นเพียงนิยายสงครามจืดชืดของผู้ที่ต้องตายเพราะความทะเยอทะยาน แต่เมื่อมองลึกลงไปจะเห็นถึงความต้องการสื่อว่าชะตากรรมเป็นของมนุษย์ที่เลือกเอง ไม่ใช่พระเจ้า แม็คเบ็ทเลือกไม่ทำตามคำทำนายได้ แต่เขาก็เลือกจะทำ และสุดท้ายเขาก็เลือกไม่เชื่อคำทำนายที่ว่าตัวเองจะต้องตายเมื่อต้นไม้เดินได้ ไม่เชื่อว่าพระเจ้าคือผู้กำหนดชะตาทั้งหมด เป็นความคิดที่หลุดพ้นจากการครอบงำของศาสนจักร และนั่นทำให้เช็คเสปียร์ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักคิดสมัยใหม่

    ก็เพราะทั้งหมดนี้ทำให้วิลเลี่ยม เช็คเสปียร์ เป็นนักเขียนที่เขาโปรดปรานที่สุด เขามักคิดอยู่เสอมว่าพระเจ้าไม่ได้กำหนดชะตา เป็นคนต่างหากที่เลือกสิ่งต่างๆด้วยตนเอง

    ทอม ฮิดเดิลสตันสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้าย เป็นฝันที่คอยตามหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ นั่นทำให้ผ้าห่มที่ใครบางคนคลุมไว้ให้เลื่อนหลุดจากไหล่

    “ฝันร้ายอีกแล้วหรอ ทอม”

    เสียงของคนตัวโตที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำว่า มือใหญ่ขยี้เส้นผมสีทองที่เปียกชุ่ม เหมือนกับว่าจะทำให้มันแห้งเร็วๆ

    “อืม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะคริส”นักแสดงชาวอังกฤษถาม พลางแย่งผ้าเช็ดตัวในมืออีกฝ่ายมาช่วยซับเส้นผมเปียกๆนั่นอย่างนุ่มนวล

    “ก็ไม่นานเท่าไหร่”เสียงห้าวเว้นจังหวะไปชั่วครู่ เมื่อเหลือบไปเห็นหนังสือที่ถูกกางทิ้งไว้บนโต๊ะ แล้วส่ายหน้าไปมา

    “แม็คเบ็ท? เช็คสเปียร์อีกแล้ว เพราะอ่านแต่หนังสือแบบนี้ไงถึงได้ชอบฝันร้ายอยู่เรื่อย”

    ประโยคที่ทำให้คนโดนว่าหมั่นไส้ จึงได้ผลักหัวโตๆไปหนึ่งที ไม่ลืมพูดแก้ต่างให้นักเขียนคนโปรด

    “ใช่ที่ไหน เช็คเสปียร์ทำให้ฉันผ่อนคลายนะคริส เรื่องที่เขาแต่งทั้ง….

    พูดยังไม่ทันจบ หนุ่มออซซี่ก็จัดการปิดปากเล็กๆที่ตั้งท่าจะพล่ามยาวด้วยจูบร้อนแรง ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงและประท้วงเต็มที่ของอีกฝ่าย

    “นุ่มนวลแต่ก็มีความดิบ มีทั้งโศกนาฏกรรมที่งดงามในความรวดร้าว ฉันรู้น่ะทอม นายบอกฉันเป็นร้อยๆรอบได้แล้วมั้ง”คริสพูดล้อเลียนขำๆเมื่อถอนจูบออก

    นั่นทำให้แก้มของทอมร้อนซู่ ดวงตาสีเขียวเบือนหลบไปอีกทาง แล้วหยิบหนังสือมาอ่านต่อแก้เขิน แม้ว่าความจริงเขาจะอ่านจบมาเป็นสิบๆรอบได้แล้วก็ตาม

    ท่าทางแบบนั้นทำให้คริสหัวเราะออกมา ให้ตายสิ ทอมของเขาน่ารักชะมัดเลย!

    “จะทำอะไรน่ะคริส!”คราวนี้ทอมร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆพ่อหมีก็อุ้มเขาตัวลอย ทั้งยังจับหนังสือโยนไปอีกทาง พนันได้เลยว่าถ้ามันบุบสลายส่วนไหนล่ะก็ คริสต้องถูกเขาสวดยับแน่

    แต่ความคิดนั้นต้องเก็บไว้ก่อน เมื่อแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของเตียง และน้ำหนักของร่างหนาที่ทาบทับลงมา

    “ทำโทษไง”คริสว่า ดวงตาสีฟ้าพราบระยับ ทำเอาคนถูกมองทั้งเขินทั้งอายจนต้องหลบตาไปอีกทาง ปากก็ร้องโวยวาย

    “ทำโทษอะไรกัน ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย อื้อ”ประโยคที่เอ่ยไม่ทันจบกลืนหายไปใต้เรียวปากที่ประทับลงมา พร้อมลิ้นร้อนที่ฉกฉวยเรี่ยวแรงที่กำลังขัดขืนอยู่ไปจนหมด

    “ทำผิดสิ”นักแสดงหนุ่มชาวออซซี่กระซิบแผ่ว มือหนาเสยเส้นผมสีน้ำตาลของอีกฝ่ายออก แนบหน้าผากลงกับหัวเหม่งๆ พร้อมมองลึกลงไปในดวงตาสีเขียว ก่อนพูดต่อ

    “นายเป็นแฟนฉันนะทอม ไม่ใช่เช็คสเปียร์”

    คำพูดที่ทำให้คนฟังชะงักไปชั่วครู่ ทอมมองดูคนตัวโต ดวงตาคู่สวยกระพริบปริบๆ ก่อนที่ครู่ต่อมาเสียงหัวเราะจะดังขึ้นอย่างสุดกลั้น

    “โธ่ คริส อย่าบอกนะว่านายหึง”

    “ก็ทั้งวันนายเอาแต่พูดถึงเช็คสเปียร์นี่หน่า”คนถูกหัวเราะทำหน้ามุ่ย พร้อมบีบจมูกคนกำลังขำด้วยความหมั่นเขี้ยว

    ทอมเบือนหน้าหนีมือหนา ปากก็ยังหัวเราะไม่หยุด

    คนตัวโตๆอย่างคริสทำไมถึงคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้นะ

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังหัวเราะไม่หยุด พ่อหมีจึงขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนพูด“หัวเราะแบบนี้ต้องยิ่งเพิ่มโทษนะทอม”

    นั่นทำให้ทอมหุบปากไปในทันที แต่ไม่ทันแล้ว เมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากร้อนผ่าวลากไล่จากเรียวปากไปถึงลำคอ และต่ำลงเรื่อยๆ

    “คริส อย่าพรุ่งนี้ฉันมีงานนะ”ร่างผอมรีบห้าม เมื่อพบว่าเสื้อเชิร์ตของตนแทบจะไม่อยู่ติดตัวแล้ว

    มือไวชะมัด เขาคิด พลางดันอกแกร่งให้ถอยห่าง แต่ก็นั่นแหละ ถึงส่วนสูงจะใกล้เคียงแต่ขนาดตัวยังห่างชั้น แล้วเขาจะไปสู้แรงอีกฝ่ายได้ยังไง

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปส่ง”คริสว่า ทอมอยากเถียงสุดใจว่าตนไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่ก็จนปัญญาเมื่อเรียวปากถูกครอบครองอีกครั้ง จูบคราวนี้ลึกล้ำและอ่อนหวานจนเขาแทบหลอมละลาย

    “ทอม นายได้ยินมั้ย”เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม เมื่อใบหน้าหล่อเหลาผละออกห่าง มือใหญ่จับมือเรียวของทอมวางแนบลงบนอก

    ทอมสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างหนักแน่น ดวงตาสีฟ้าที่มองมาสวยงามมั่นคง สะกดให้เขานิ่งงัน

    “เสียงหัวใจฉันคือชื่อของนาย ทอม คือชื่อของโลกิ และจะไม่มีวันมีใครอยู่ในนี้อีก”คริสว่า น้ำเสียงนั้นนุ่มทุ้มอ่อนโยน ทำให้ขอบตาของทอมร้อนผ่าว

    “เพราะฉนั้นเลิกฝันร้ายได้แล้ว”

    เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุม คริสรู้มาตลอดว่าเขาฝันถึงอะไร รู้ว่าเขากลัวแค่ไหนที่จะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าทุกอย่างเป็นแค่ฝัน ไม่มีคริส เฮมส์เวิร์ธ ไม่มีทอม ฮิดเดิลสตัน มีเพียงธอร์ที่เกลียดชังโลกิอย่างสุดหัวใจ และโลกิที่ไม่มีใครต้องการ

    “ฉันรักนายนะทอม ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันเคยทำกับนายจะทำให้นายยากที่จะเชื่อก็เถอะ แต่ว่า”พูดยังไม่ทันจบ ทอมก็ยกมือขึ้นปิดปากของอีกฝ่าย

    “พอแล้ว พอแล้วคริส ฉันเชื่อฉันก็รักนาย รักมากกว่าเช็คสเปียร์ด้วยนะ”ทอมพูดขำๆ เขายิ้มทั้งน้ำตา ความอ่อนหวานก่อตัวขึ้นในใจอย่างนุ่มนวล

    คริสหัวเราะ แน่นอนว่าเขาดีใจ เพราะปกติก็หาเวลาว่างตรงกันได้น้อยอยู่แล้ว แถมหนึ่งในสามของเวลานั้น ทอมยังเลือกขลุกอยู่กับหนังสือมากกว่าออกไปไหนมาไหนกับเขา ซึ่งนั่นทำให้เขาแอบอิจฉาเจ้ามิสเตอร์วิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ อย่างช่วยไม่ได้

    “ทีนี้นายจะยอมไม่ทำโทษฉันแล้วใช่มั้ย”ทอมถาม แต่เมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าที่ทอประกายวิบวับคู่นั้นแล้วก็อดร้อนๆหนาวๆไม่ได้

    “แน่นอน ฉันไม่ทำโทษนายเพราะเช็คสเปียร์อะไรนั่นแล้ว”หนุ่มออซซี่ว่า หน้าหล่อๆโน้มลงมาต่ำ ก่อนกระซิบแผ่วเบาที่ริมหู

    “แต่จะทำโทษเพราะนายน่ารักแทน

    ########

                    สุดท้ายแล้วทอมก็ไปทำงานสายในวันรุ่งขึ้น แถมยังต้องโดนคนทั้งกองแซวเรื่องคิสมาร์คแดงๆที่คนทำไม่ได้ทุกข์ร้อน แต่เป็นเขาที่อายจนแทบหาที่มุดหนี ทั้งยังนึกโกรธตัวเองที่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับสายตาหวานๆที่มองออดอ้อนนั่นทุกครั้งไป

    มือเรียวพลิกเปิดหน้ากระดาษเก่าเหลืองของหนังสือ กลิ่นกระดาษเก่าที่แม้จะฉุนกึก แต่ก็ทำให้รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ซึ่งนั่นคงเป็นเพราะเขาเป็นหนอนหนังสือ

    เขาคิดเสมอว่าโชคชะตาไม่ได้เป็นตัวกำหนดชีวิตคน มันเป็นเพียงเส้นทางที่ปูรออยู่เบื้องหน้า และเป็นคนที่จะตัดสินใจว่า จะเดินไปตามทางที่ถูกปูไว้ หรือจะเลือกออกนอกเส้นทาง ซึ่งเขาเลือกอย่างหลัง

    แม้ว่าเราไม่อาจรู้ว่าเส้นทางที่ชะตาไม่ได้กำหนดจะเป็นอย่างไร จะขรุขระ หรือสวยงาม แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่เคยนึกเสียใจที่ได้ตัดสินใจเลือกเส้นทางด้วยตัวเอง เพราะหากเขาปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามชะตา หายนะแห่งแร็คนาร็อคจะคร่าทุกสรรพชีวิต และคงไม่มีคริส เฮมเวิร์ธ ไม่มีทอม ฮิดเดิลสตัน ไม่มีช่วงเวลาที่เขารู้สึกเป็นสุขอย่างนี้

    ความคิดทั้งหมดพลันสะดุดลง เมื่อแขนแข็งแรงโอบกอดจากด้านหลัง พร้อมคางที่วางลงบนใหล่

    “ไหนว่ารักฉันมากกว่าเช็คสเปียร์ไงทอม ทำไมถึงยังเอาแต่อ่านหนังสืออยู่อีก”คนพูดทำหน้าตาเหมือนหมีถูกทิ้ง ทำให้เขาหัวเราะ พร้อมกระทุ้งศอกใส่คนตัวใหญ่แรงๆด้วยความหมั่นไส้

    “ฉันกำลังจะเอาหนังสือไปเก็บต่างหาก ทำไมนายขี้งอนอย่างงี้ล่ะคริส”พูดพลางเดินไปยังชั้นไม้ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือ

    “นี่ถ้าฉันอ่านหนังสือทั้งวันจริงๆ นายจะทำยังไง”ทอมลองถามดู เมื่อแรกนั้นคริสทำหน้ามุ่ย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง มือใหญ่กว่าฉวยหนังสือจากหนุ่มบริทิชไปเก็บบนที่ว่างบนชั้นให้ แล้วถือโอกาสกักอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขน

    “ฉันก็จะไปขุดสุสานเขาแล้วบอกว่า”คริสก้มหน้าลง แนบหน้าผากลงชิดกับอีกฝ่าย มองสบลงในดวงตาสีเขียว

    “เช็คสเปียร์ ถอยไปห่างๆแฟนฉันนะเว้ย”

    ประโยคที่ทำให้ทอมหัวเราะออกมา แม้ว่าจะนึกขอโทษนักเขียนคนโปรดอยู่ในใจเป็นร้อยรอบ แต่ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้จริงๆ เพราะรู้ว่าคริสหวงเขาแค่ไหน

    “นายคงไม่ต้องไปรบกวนเขาหรอกคริส”เขาพูด เอื้อมมือไปแตะใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงคืบ รอยยิ้มหวานแต่งแต้มบนเรียวปาก

    “เพราะถึงฉันจะชอบเช็คสเปียร์ยังไง แฟนฉันก็สำคัญที่สุดอยู่ดี”

    -End-

     

     จบจ้ะ ฟิคนี้เวิ่นเว้อมากจริงๆ ตอนแรกกะไม่ลงละเพราะรู้สึกแต่งได้แย่ แต่ก็อยากแวะมาทักทายสวัสดีปีใหม่ทุกคน เลยเอามาลงในที่สุด ฮา

    ขอบคุณที่อ่านจนจบค่า

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×