ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Longing [Thor x Loki]

    ลำดับตอนที่ #1 : Longing Part1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.39K
      74
      30 ม.ค. 56


    Author : OujiKitsu

     

    Title : Longing [ปรารถนา]

     

    Pairing : Thor x Loki

     

    Rate : PG-15

     

     

      เงียบ และมืดสนิท....

    ไม่มีสิ่งใดที่เขารับรู้ นอกจากความรู้สึกแสบร้อนของพิษที่หยาดหยดลงสู่ผิวหน้า และกาลเวลาที่เคลื่อนผ่านไปก็ดูไร้ค่า

    เหลือเกิน...

    ขาของเขาถูกพันธนาการด้วยตร่วนเหล็ก แต่ถึงจะไม่ทำเช่นนี้ บาดแผลจากถูกการทรมาณก็มากเพียงพอที่จะทำให้เขาไม่อาจเดินเหินไปไหนได้อีกแล้ว กระดูกนั้นบิดเบี้ยว บนผิวเนื้อก็เต็มไปด้วยแผลอักเสบกลัดหนองไร้การดูแล

    มันเจ็บ...

    แต่เขาก็ไม่ตาย

    ทั้งพิกลพิการ และถูกพิษร้ายกัดกร่อน

    แต่เขาก็ยังหายใจอยู่...

    โลกิเหยียดยิ้ม สมเพชในชะตากรรมที่ตนกำลังประสบเหลือเกิน นักโทษต่ำทรามในคุกใต้ดิน ถูกคุมขัง ถูกทรมาณ... และอีกไม่นาน ก็จะถูกลืมเลือน...

    ทุกสิ่งที่เขาพยายามทำมันพังทลาย... ช่างไร้ค่าสิ้นดี

    สุดท้ายนี้หลงเหลืออะไรหรือ?

    โลกิถามตนเอง

    ไม่มี... ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ทั้งบ้าน ทั้งความรัก หรืออำนาจใดๆ ไม่เคยมีสิ่งใดสำหรับเขา

    เพราะทั้งหมดนั้นเป็นของธอร์... คนที่เขาเกลียดชังพอๆกับที่รักสุดหัวใจ...

    อาจมีเพียงความพ่ายแพ้กระมังที่เป็นของโลกิอย่างแท้จริง

    ตึก...ตึก...

    โลกิได้ยินเสียงฝีเท้า... ก้าวเดินอย่างมั่นคง หนักแน่น แล้วร่างสูงในชุดเกราะสีเงินและผ้าคลุมสีแดงสดก็ปรากฏขึ้นในสายตา พร้อมกับแสงสว่างที่ทำให้ดวงตาอันคุ้นชินกับความมืดต้องหรี่ลง

    "น้องข้า..."ธอร์เอื้อนเอ่ย ดวงตาสีฟ้ามองเข้าไปภายในห้องขังที่มีเงาตะคุ่มๆอยู่ตรงมุมห้อง

    "น่าแปลกที่ยังทรงเรียกข้าเช่นนั้น ฝ่าบาท"เสียงที่ตอบกลับมานั้นแหบแห้งและสั่นพร่า เงาร่างในความมืดเริ่มเคลื่อนไหว เสียงโซ่กระทบกันดังขึ้นในยามที่โลกิ 'ลาก' ร่างของตนเข้ามาใกล้ลูกกรง

    ภาพที่เห็นทำให้ธอร์แทบอยากเอาโยเนียร์มาพังคุกนี่แล้วพาน้องชายของตนออกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

    โลกินั้นผ่ายผอม... ผิวขาวซีดเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะจากพิษที่หยาดหยดลงมาดั่งเม็ดฝน บางแผลสาหัสจนสามารถมองเห็นกระดูกสีขาวขุ่นภายใน ใบหน้าซูบตอบและมีแผลหลายแห่งเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ กระนั้น... ดวงตาสีเขียวก็ยังคงมีประกายทรนงอันงดงามเหมือนเดิม...

    "ข้าจะไปตามหมอมารักษาเจ้า"เทพสายฟ้าผู้ที่บัดนี้ครองตำแหน่งกษัตริย์เอ่ย ร่างสูงคุกเข่าลงเพื่อให้อยู่ระดับเดียวกับร่างบาง มือทั้งสองกำลูกกรงแน่น

    "แอสการ์ดมีสวัดิการนักโทษขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"โลกิพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนว่าต่อ

    "เปล่าประโยชน์น่า ธอร์... เจ้าก็รู้ว่าถึงรักษาข้าจนหาย แต่สุดท้ายข้าก็ต้องถูกทรมาณอยู่ดี"

    ธอร์รู้สึกเจ็บแปลบในอก

    ทำไมกัน... ทำไมแค่น้องชายคนเดียว เขาก็ยังปกป้องไม่ได้...

    มือกร้านเอื้อมไปแตะผิวหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อหยดพิษทำให้มือเขาแสบร้อนเยี่ยงถูกไฟเผา กระนั้นก็หาได้ชักมือกลับ

    หนึ่งปีเต็มๆ... ที่โลกิถูกทรมาณจากพิษนี่ และจะต้องเป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต

    และสำหรับเทพเจ้า นั่นหมายถึงชั่วกาลปวสาน...

    เจ็บใจนัก!

    "ข้าจะหาทางช่วยเจ้า... เจ้าต้องรอข้านะ โลกิ"

    เจ็บใจยิ่งนัก.... เป็นถึงกษัตริย์ แต่กลับช่วยคนที่ตนรักไม่ได้...

    "เจ้าช่วยข้าไม่ได้หรอก"โลกิเอ่ย มือบางอันไร้เรี่ยวแรงวางทาบบนมือสากของพี่ชายต่างสายเลือด

    "กลับไปเสียเถิด... ฝ่าบาท"

    เขาเกลียดการรอคอย...

    เกลียดมัน เพราะรู้ว่าเขามิเคยได้สิ่งใดเลย ถึงแม้จะรอนานเพียงไร ก็ราวกับมันไม่เคยมาถึง

    ร่างอันพิกลพิการถดกายออกห่าง คลานกลับเข้าไปสู่เงามืดตรงมุมห้อง

    ธอร์ได้แต่มอง และกัดฟันแน่น ดวงตาสีฟ้าสะท้อนความเจ็บปวดเด่นชัด

    "รอข้าอีกหน่อยเถิด... น้องข้า รอ... ข้าจะหาทางลดโทษให้เจ้า"

    ธอร์พูดเช่นนั้นแล้วเดินจากไป สู่แสงสว่างภายนอก

    แสงสว่าง... ที่คู่ควรกับเจ้า

    โลกินอนขดตัว รอยยิ้มฉาบบนเรียวปาก

    ใช่... แสงเป็นของธอร์ ส่วนความมืดนั้นเป็นของโลกิ

    หยาดหยดของน้ำตาไหลรินอย่างเงียบงัน หยดแล้วหยดเล่า...

    รองั้นหรือ... จะให้รอสิ่งใดเล่า ในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าทำอะไรไม่ได้ แล้วใยจึงต้องบอกให้ข้ารอ...

    เพื่ออะไร ธอร์... ให้ความหวังลมๆแล้งๆนี้กับข้าเพื่ออะไร

    ก้อนสะอื้นจุกอยู่ในลำคอ หากโลกิยังคงเหลือศักดิ์ศรีพอจะไม่เปล่งเสียงออกมา

    จึงมีเพียงหยาดน้ำตาที่รินไหลจนกระทั่งพิษไข้นั้นทำให้เขาหลับไป...

     

    ********

     

       เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาณอย่างแสนสาหัสดังก้อง ทำให้ผู้ที่ได้ยินร่ำไห้ออกมา

    พระนางฟริก้าซบหน้าลงกับฝ่ามือ ซ่อนดวงเนตรอันชุ่มโชกด้วยอัสสุชล

    นั่นคือเสียงของบุตรชายคนเล็กของนาง แม้เสียงนี้อาจไม่มีใครได้ยิน หากนางได้ยิน... และบางทีโอดินและธอร์ก็คงได้ยินเช่นกัน

    โทษของโลกิคือถูกจองจำตลอดชีวิตในคุกใต้ดิน ถูกทรมาณด้วยพิษยามกลางวันและเงามืดในยามกลางคืน

    เงามืดนั้นจะฉีกทึ้งร่างกาย... ทำให้เกิดบาดแผลแสนสาหัส แต่ไม่ถึงกับตาย เช่นเดียวกับพิษ...

    "ลูกแม่... แม่สงสารเจ้าเหลือเกิน"เสียงของนางสั่นเครือ

    โลกิเจ็บเท่าไหร่ หทัยแม่เจ็บยิ่งกว่า แต่ถึงกระนั้น... นางก็ไม่อาจขอให้โอดินยกเลิกโทษนี้ได้

    นางไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่จะไปเยี่ยมลูกในคุกด้วยซ้ำ

    "โลกิ... แม่รักเจ้า"

     

    *********

     

       มันผ่านไปแล้ว... เงามืดพวกนั้นหายไปแล้ว...

    โลกิพยายามยันกายขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก สองแขนที่ถูกทรมาณจนกระดูกหักห้อยทิ้งข้างลำตัว

    เจ็บ...

    หยาดน้ำตารินไหลจากนัยน์ตาสีเขียว

    พลังแห่งเทพจะช่วยให้แผลของเขาดีขึ้นในไม่ช้า... เพื่อรอรับการทรมาณครั้งต่อไป...

    หนาว...

    โลกิหลับตาลง พิษไข้นั้นทำให้สมองของเขาหนักอึ้ง อีกทั้งยังหนาวเสียดกระดูก

    "ฮึก..."

    ไม่ว่าด้วยความเจ็บปวดหรือเพราะไข้ก็ตาม หากเขากลับเริ่มสะอึกสะอื้นอย่างน่าสมเพช

    'โลกิ...'เสียงหนึ่งแว่วขึ้นริมโสต อ่อนหวานและอบอุ่น กระนั้นก็แฝงด้วยความรวดร้าว

    เสียงของฟริก้า...

    'โลกิ... แม่รักเจ้า'

    เขาคงประสาทหลอนไปแล้ว...

    โลกิคิด แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธ ว่าลึกๆในใจเขายังคงปรารถนาอ้อมกอดอันอบอุ่นของพระมารดา ปรารถนาจะเป็นที่รัก...

    "ฮึก... ท่านแม่... ท่านแม่..."

    เสียงสะอื้นแหบแห้งดังขึ้น น้ำตายิ่งหลั่งรินลงมา

    "ท่านแม่... ขะ... ข้าเจ็บ ท่านแม่..."

    คืนนั้น ข้าเรียกหาพระมารดา... แม้รู้ว่านางไม่ได้ยิน

    ข้าโหยหาอ้อมกอดแสนอบอุ่น... ที่จะไม่มีวันหวนคืนมาตลอดกาล...

     

    *******

     

       เคร้ง!

    เสียงของถาดเหล็กบรรจุอาหารถูกวางอย่างแรง ทำให้ดวงตาคู่สวยปรือเปิดขึ้นอย่างอ่อนล้า

    ร่างเพรียวสะบักสะบอมค่อยๆขยับ แม้จะทำให้เจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่บาดแผลก็ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนมาก

    มีเพียงแค่อาหารที่ยังคงหรูหราเช่นที่เขาเคยทานตอนเป็นเจ้าชาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้นึกอยากกินมันเลยสักนิด

    มือบางหยิบแก้วไวน์ จิบเพียงเล็กน้อยให้ลำคอแห้งผากได้ชุ่มชื้น ก่อนจะวางลง และไม่นึกสนใจมันอีก

    โลกินั่งพิงกำแพงสกปรก ใบหน้าซูบเซียวแหงนขึ้น จ้องมองกำแพงอันมืดมิด

    การจะหนีออกไปจากที่นี่มันไม่ยากเลย... ถ้าหากเขายังเป็นจอมคาถาเช่นวันวาน ไม่ใช่ตอนนี้ที่ถูกผนึกพลังเวทย์ทั้งหมดเอาไว้

    หลับตาลง... รับหยาดพิษที่ตกต้องสู่ใบหน้า

    บาดแผลบนกายนั้นเจ็บจนชา...

    แต่ใจเล่า? เหตุใดจึงยังไม่ชินกับความเจ็บปวดเสียที...

    "ธอร์..."

    เขาเอ่ย... เรียกชื่อหนึ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

    อีกแล้ว... ทำไมต้องเป็นเจ้า...

    โลกิซบหน้าลงกับเข่า ขอบตาร้อนผ่าว

    ทำไมข้าจึงต้องโหยหาเจ้า ทั้งๆที่เจ้าไม่เคยสนใจข้า...

    ทั้งๆที่เกลียดเจ้าที่สุด แต่ก็รักเจ้าเหลือเกิน... รักแม้จะรู้ว่าใจเจ้าไม่เคยเป็นของข้า

    ให้ตายสิ! ร้องไห้อีกแล้ว! อ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน โลกิ?

    เขาถามตัวเอง แล้วยิ้มอย่างขมขื่น

    'น้องข้า...'

    ใช่... คำนั้นแหละ ที่เจ้าใช้เรียกข้ามาตลอด จนรู้ว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย เจ้าก็ยังเรียกข้าเหมือนเดิม เห็นว่าข้าเป็นน้องเหมือนเดิม...

    นั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ข้าเกลียดเจ้า ธอร์...

    น้ำตาไหลปะปนกับเลือด และหยดพิษ...

    "ข้า...ไม่ใช่...น้องเจ้า..."

     

    ********

     

       ในราชวังแอสการ์ดวันนี้ทุกอย่างวุ่นวาย เหล่าข้าราชบริพานต่างทำงานกันเป็นมือระวิงเพื่อจัดเตรียมพิธีอันเป็นมงคลยิ่ง งานอภิเสกของกษัตริย์กับหญิงสาวจากแอสการ์ด

    "คุณดูไม่ค่อยสบายใจเลยนะ ธอร์ ไม่ดีใจที่จะได้แต่งงานกับฉันหรอ"เจน ฟรอสเตอร์ เอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งหน้าอมทุกข์อยู่ปลายเตียง

    "นั่นย่อมไม่เป็นความจริง เจน ข้ามีความสุขที่สุดที่จะได้มีเจ้าเป็นราชินีข้างกายข้า แต่..."เทพสายฟ้าพูดถึงตรงนี้แล้วก็มีสีหน้าปั้นยาก ด้วยไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดต่อไปยังไงดี

    เมื่อเห็นดังนั้นเจนจึงวางมือจากเครื่องประดับทั้งหลายบนโต๊ะ แล้วเดินมานั่งข้างๆร่างสูง

    "เรื่องโลกิใช่มั้ย ฉันรู้น่า... มีแต่เรื่องของเขาแหละที่ทำให้คุณใจลอยได้ขนาดนี้"เธอพูด พร้อมกุมมือหนาเบาๆ

    "ทำไมคุณไม่ลืมเขาไปล่ะธอร์ คิดซะว่าเขาได้รับโทษสาสมกับสิ่งที่ทำลงไป แล้วคุณจะสบายใจขึ้นนะ"

    ธอร์ถอนหายใจยาว ดวงตาสีฟ้าฉายความลำบากใจ

    ใช่... ถ้าคิดแบบนั้นได้เขาก็คงจะไม่ต้องทุกข์ แต่มันไม่เหมือนกัน เจนเป็นชาวมิดการ์ด โลกิพยายามทำลายโลกของนาง นางจึงคิดเช่นนั้นได้ แต่เขาไม่ใช่... ต่อให้สิ่งที่โลกิทำลงไปจะเลวร้าย แต่ความเป็นพี่น้องนั้นตัดไม่ขาด

    "เจ้าไม่เข้าใจ... โลกิเป็นน้องของข้า"

    "ค่ะ ฉันไม่เข้าใจ"เจนพูด เธอยิ้มบางๆ

    "แต่ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ฉันก็จะอยู่ข้างๆคุณเสมอนะธอร์"

    "เจน..."กษัตริย์แห่งแอสการ์ดสบตากับคนรัก ก่อนยิ้มออกมา แล้วรวบร่างบางมากอดแน่น

    "ขอบคุณเจ้ามาก... ที่รักของข้า"

     

    *********

     

      โลกิร้องไห้... อีกครั้งและอีกครั้ง จนดวงตาแดงก่ำ

    เขาได้ยินเหล่าทหารยามพูดกัน และแม้จะรู้ดีว่าสักวันมันจะมาถึง แต่เขาก็ไม่ปรารถนาจะรับรู้

    งานอภิเสกของธอร์กับเจน ฟรอสเตอร์...

    เมื่อเจ้ามีนาง... เจ้าก็จะลืมข้า

    ทำไมกันล่ะ ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งเสมอ

    หยุดเสียที...

    เขาพร่ำบอกตนเองอยู่เสมอ

    หยุดเสียที หยุดรัก หยุดอาลัย แล้วใจจะได้ไม่เจ็บ

    แต่เขาก็ไม่เคยหยุด...

    ไม่ยุติธรรมเลย... ทำไมเป็นนางล่ะที่ได้หัวใจของเจ้าไป ทำไมถึงไม่เป็นข้าล่ะ ทำไม!!

    โลกิรู้สึกเจ็บในอกจนอยากควักหัวใจออกมาขยี้ทิ้ง และคงทำไปแล้วหากว่ามีมีดตกอยู่แถวนี้

    ร่างบางขดตัวอยู่มุมห้อง สั่นระริกด้วยความหนาวและความโกรธแค้น

    ไม่... ไม่... ข้าไม่ยอม!!

    พลัน... โลกิก็รู้สึกได้ว่าพิษที่เคยหยดหยาดลงมานั้น อยู่ๆก็หายไป

    ไม่สิ... มันไม่ได้หายไปไหน แต่มัน 'เปลี่ยนสภาพ' ไปต่างหาก

    ดวงตาสีเขียวมองดูละออกน้ำแข็งที่กระจายอยู่รอบกาย แล้วจึงก้มลงมองมือของตน

    สีน้ำเงิน... บัดนี้ผิวหนังของเขากลายเป็นสีน้ำเงิน

    อา... จริงสิ...

    ลืมไปได้ยังไงกัน ว่าเขายังมีพลังนี้อยู่ พลังของชาติกำเนิดที่แท้จริงอันน่าชิงชัง

    ดวงตาปรือปิดลง รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฏบนเรียวปากบาง

    เจน ฟรอสเตอร์ ข้าขอสาปส่งเจ้า!!

    โลกิลืมตาขึ้นอีกครั้ง... บัดนี้มันกลายเป็นสีแดงฉานที่แสนงดงามและอำมหิต...

     

    ********

     

       วันแต่งงาน... คือสิ่งที่สาวๆแทบทุกคนไฝ่ฝัน เจนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

    หญิงสาวยิ้มไม่หยุด ในขณะที่มองภาพสะท้อนของตนในกระจก

    แถมเธอยังไม่ได้แต่งงานกับคนธรรมดา แต่เป็นเทพเจ้าสายฟ้า กษัตริย์แห่งเทพทั้งปวงเชียวนะ! ไปเล่าให้คนอื่นฟังคงจะถูกหาว่าบ้าล่ะมั้ง

    ประตูห้องเปิดออก พร้อมร่างของนางกำนันในชุดสีขาวครีมผู้หนึ่งได้ก้าวเข้ามา แล้วยอบกายลงอย่านอบน้อม

    "ข้ามาเกล้าผมให้ท่านเพคะ องค์หญิง"นางพูด พร้อมเดินเข้ามาใกล้ หยิบหวีขึ้นสางเส้นผมสีน้ำตาลเข้มอย่างเบามือ

    "ขอบคุณค่ะ"เจนกล่าวพร้อมยิ้มบางๆ นางกำนันผู้นี้มีผ้าแพรคลุมใบหน้าครึ่งล่าง เผยให้เห็นแค่ดวงตาสีเขียวเท่านั้น

    เส้นผมถูกแบ่งเป็นช่อ ถักทอและเกล้าสูง ติดประดับด้วยอัญมณีรูปดอกไม้สีสวย

    "งดงามมาก"อีกฝ่ายเอ่ย ก่อนโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูเธอ

    "ไม่น่า... ธอร์ถึงได้หลงเจ้านักหนา"

    ประโยคนั้นทำให้เจนเบิกตากว้าง ร่างบางรีบผละหนีห่าง

    เธอนึกออกแล้วว่าเคยเห็นดวงตาสีเขียวคู่นี้ที่ไหนมาก่อน

    ...โลกิ...

    "ตกใจที่ได้พบข้าถึงขนาดนั้นเลยหรือ... พระเชษฐนี"โลกิในคราบนางกำนันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ดวงตาที่จ้องมองสตรีตรงหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

    นังผู้หญิงที่ทำให้ธอร์เปลี่ยนไป...

    "คุณต้องการอะไร โล..."ยังมิทันพูดจบ เสียงของเจนก็ขาดหายไป หญิงสาวเบิกตากว้าง พยายามกรีดร้องออกมา หากแต่ไร้เสียง มีดสั้นเล่มหนึ่งถูกซัดเข้าปักกลางลำคอของเธอ ตัดหลอดลมอย่างแม่นยำ

    "อย่าเอ่ยนามของข้า เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย!"โลกิพูดเสียงกร้าว ร่างผอมบางสาวเท้าเข้ามาใกล้เจนที่ทรุดอยู่บนพื้น ย่อตัวลงนั่งยองๆ เฝ้ามองมนุษย์ตรงหน้าที่พยายามเปล่งเสียง แต่สิ่งที่ออกมามีเพียงโลหิตแดงสดเท่านั้น

    "ถามว่าข้าต้องการอะไรน่ะหรอ..."เขาเอ่ย มือวางลงบนด้ามมีดที่ยังคงปักอยู่กลางลำคอของเจน พร้อมยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน ผิดกับการกระทำอันอำมหิต

    "ข้า-ต้อง-การ-ธอร์"สิ้นประโยคที่พูดอย่างเนิบช้า ชัดถ้อยชัดคำ มือเรียวก็กระชากมีดออกอย่างแรง

    โลหิตทะลักออกจากบาดแผลราวกับสายน้ำ เปรอะเปื้อนชุดเจ้าสาวสีขาวจนกลายเป็นสีชาด

    โลกิลุกขึ้นยืน ปาดเลือดโสโครกที่กระเซ็นโดนหน้า

    "ลาก่อน พระเชษฐนี"พูดจบ เขาก็หันหลังกลับ แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

    เจนรู้สึกถึงดวงตาที่เริ่มพร่ามัว เลือดของเธอยังคงไหลริน ร่างกายเย็นลงเรื่อยๆ

    นี่เธอต้องมาตายในวันแต่งงานของเธอหรือนี่...

    หญิงสาวหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เธอได้ยินเสียงของประตูที่ถูกผลักออกอย่างแรง และความอบอุ่นของอ้อมแขนแกร่งที่กอดเธอเอาไว้

    ธอร์... สินะ?

    แต่น่าเสียดายที่เธอลืมตาไม่ขึ้นเสียแล้ว

    "ไม่... เจน... อย่าจากข้าไป ลืมตาเถอะ ได้โปรด" ธอร์กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาประทับจุมพิตบนหน้าผากของคนรัก กระชับอ้อมกอดแน่น มองเจนในชุดแต่งงานสีขาวอันเปื้อนไปด้วยเลือด

    ทั้งๆที่เจ้างดงามถึงเพียงนี้... ทั้งๆที่เราควรจะได้เอ่ยคำสาบานรักต่อกัน และจะมีเจ้าเท่านั้นที่เคียงข้างบรรลังก์แห่งข้า

    "อย่าจากข้าไป..."เทพสายฟ้าได้แต่วิงวอน กับความตายนั้น... ต่อให้เป็นถึงกษัตริย์ก็มิอาจต่อกรด้วยได้

    มือบางที่สั่นระริกแตะลงบนใบหน้าของธอร์ หญิงสาวมิได้ทำอะไรมากกว่านั้น เพราะในวินาทีต่อมา ลมหายใจของเธอก็หลุดลอยไป

    "ไม่! เจนนนนนนนนน!!!!"

    อสุนีบาตคำรามลั่น พร้อมกับเสียงตะโกนก้องของเทพสายฟ้าที่หัวใจแทบแหลกสลาย เขาซบหน้าร่ำไห้กับไหล่ของคนรักผู้ถูกพรากไปจากเขาตลอดกาล

    แล้วธอร์ก็เหลือบไปเห็น... มีดสั้นที่ประดับด้วยอัญมณีสีเขียว

    เขาจำได้ในทันทีว่ามันเป็นของใคร

    ...โลกิ...

    สายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งพลันขาดสะบั้น ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยโทสะและความคั่งแค้น

    โลกิ... ข้าขอสาปส่งเจ้า!!

     

    **********

     

      ร่างบางก้าวเดินไปตามเส้นทางอันคุ้นเคย สัมผัสถึงอากาศสดชื่นที่ผิดกับในคุกใต้ดินลิบลับ

    ทุกครั้งที่ปลายเท้าแตะพื้น ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนั้นก็กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง

    พลังแห่งโยธันไฮม์ที่ครั้งนึงเขาเคยเกลียดชัง แต่ตอนนี้กลับไม่สนใจอีกแล้ว ขอเพียงเป็นสิ่งที่จะพาเขาไปสู่จุดหมาย โลกิพร้อมจะรับมันไว้ทั้งนั้น

    "ข้านึกแล้วว่าสักวันท่านต้องมา องค์ชาย"นายทวารในชุดเกราะทองเอ่ยขึ้น

    โลกิยิ้มรับ พร้อมยักไหล่

    "ใช่สิ เจ้ามันพวกรู้ไปหมด"ดวงตาสวยเสมองไปยังผืนฟ้า มองเห็นกลุ่มก้อนของพายุที่เริ่มตั้งเค้า

    ธอร์คงรู้เรื่องแล้ว และกำลังโกรธเขามาก...

    "เลือกมา ไฮม์ดัล จะเปิดประตูให้ข้าลงไปหรือไม่ ข้าไม่มีเวลาคุยกับเจ้ามากนักหรอกนะ"

    นายทวารถอนหายใจ ยกดาบขึ้น เปิดประตูสู่มิดการ์ดให้อีกฝ่าย

    "ที่ข้ายอมเปิดให้ก็เพราะนี่คือโชคชะตาของท่าน แต่ข้าก็คิดว่าการที่ท่านทำเช่นนี้ไม่ฉลาดเลย โลกิ"

    เทพมุสาเหยียดยิ้ม ก่อนจะเดินผ่านอีกฝ่ายไป พร้อมเอ่ยกระซิบ

    "ข้าไม่สนวิธีหรอก... ผลลัพธ์ต่างหากที่ข้าสน"พูดจบ ร่างเพรียวก็หายเข้าไปในประตูมิติ  ทิ้งให้ผู้อาวุโสกว่าถอนหายใจ

    "นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าหวั่นกลัว..."

     

    ************

     

      เขาว่าเรื่องซวยๆมักมาต่อกันเป็นทอดๆ ซึ่งเขาก็ไม่เคยจะเชื่อหรอกนะ กระทั่งมาเจอกับตัวจะๆนี่แหละ...

    โครม!!!

    เสียงดังลั่นกลางดึก ทำให้คนที่กำลังจิบเตกีล่าย้อมใจอยู่สะดุ้งโหยง

    "ให้ตายเถอะ! ตึกพังไปรอบเพิ่งซ่อมเสร็จ ทะเลาะกับแฟน แล้วคราวนี้ยังมีเรื่องอะไรอีก! เอเลี่ยนบุกหรือไง"สบถลั่นก่อนจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน

    ร่างบางในชุดโชกเลือดนอนสลบอยู่บนพื้นที่ยุบเป็นแอ่งจากการกระแทกอันรุนแรง มองเผินๆก็เหมือนจะเป็นผู้หญิง แต่พอเห็นหน้านี่สิ...

    "จาร์วิส"เขาเอ่ยถามกับสมองกลคอมพิวเตอร์ เพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาคิด

    'ครับคุณสตาร์ค ตามลักษณะของคนคนนี้ตรงกับแฟ้มของโลกิ'

    นั่นทำให้โทนี่อยากจะร้องออกมา มีเทพตกลงมาบนดาดฟ้าตึกเขา! แถมยังเป็นไอ้คนที่ถล่มตึกเขาซะยับเยินเมื่อปีก่อนอีก!

    'จะทำยังไงกับเขาดีครับ'

    "ปล่อยให้นอนตายอยู่ตรงนั้นแหละ"โทนี่พูดได้อย่างโคตรไร้น้ำใจ ก่อนจะหันกลับ คิดจะไปดื่มต่อ หากไม่ติดว่ามีมือเย็นๆล็อคคอเขาไว้

    "ที่นี่ที่ไหน"เสียงแหบแห้งกระซิบริมโสต

    "เฮ้ๆ ไม่เจอกันหนึ่งปีกลายเป็นเทพความจำเสื่อมไปแล้วหรือไง"

    คำถามที่ถูกตอบกลับด้วยคำถาม ทำให้โลกิรู้สึกขัดใจ ดวงตาสีเขียวมองไปรอบกายที่รู้สึกคุ้นๆอยู่บ้าง ประมวลผลอย่างรวดเร็วแล้วจึงเอ่ย

    "เจ้า... โทนี่ สตาร์ค"

    ไอ้มนุษย์หุ่นกระป๋องที่เคยรุมกระทืบเขา!

    ด้วยความแค้นทำให้แขนบางที่ล็อคคออีกฝ่ายอยู่เพิ่มแรงขึ้นจนโทนี่ชักหายใจไม่ออก

    "รู้ว่าคิดถึง แต่อย่าร้อนแรงกับเค้านักซี่"เขายังกวนไปตามประสา แต่ก็เริ่มรู้สึกผิกที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาป้องกันตัว แถมเจ้าเทพกุ้งแห้งนี่ก็แรงเยอะจนเขาดิ้นไม่หลุด ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหน

    "เจ้าต้องช่วยข้า"

    "อ๋อ ดีนี่ ทำตึกฉันวอดไปทั้งหลังแล้วอยู่ๆก็โผล่มาล็อคคอแล้วบอกให้ช่วย ง่ายดีเนอะ... อ้าว! เฮ้ย!"จากที่กำลังร่ายยาวก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจแทน เมื่ออยู่ๆร่างผอมก็สลบล้มไปกองกับพื้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    'เอายังไงต่อดีครับ'จาร์วิสถามอีกครั้ง

    โทนี่เกาท้ายทอยแกรกๆ ก่อนจะตัดสินใจอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมา

    "ให้อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ปล่อยไว้เดี๋ยวหมอนี่สติแตกคิดทำลายโลกอีกจะยุ่ง อ่อ ยังไม่ต้องติดต่อพวกชิลล์นะ รอให้โลกิตื่นก่อนค่อยว่ากัน"

    เขามองดูใบหน้าซูบซีดของคนในอ้อมแขน

    หวังว่าคราวนี้คงไม่มีอะไรมากกว่าพื้นดาดฟ้าบุบหรอกนะ...

    ***********

       มันเป็นภาพความฝันที่งดงามที่สุด...

    ตัวเขาเดินอยู่ในสวนของแอสการ์ด มีธอร์อยู่เคียงข้าง ธอร์ที่ยิ้มให้เขา โอบกอดเขา โดยที่เขามีทุกสิ่งทัดเทียมกับธอร์ทุกอย่าง

    และกลางสวนนั้น ฟริก้ากับโอดิลกำลังส่งยิ้มและทักทายเขาอย่างอบอุ่น

    ฝันที่เป็นผู้เป็นที่รัก... มีบ้าน มีครอบครัว มันงดงาม แต่ก็โหดร้ายนัก

    เพราะเขารู้ดีว่ามันไม่มีวันเป็นจริง...

    เปลือกตาที่หนักอึ้งปรือเปิดขึ้น ก่อนหรี่ลงเมื่อแสงสว่างส่องแยงตา

    ที่นี่... มิดการ์ดสินะ ที่ตึกของมนุษย์กระป๋อง

    มือบางพยายามขยับ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อพบว่าตนขยับไม่ได้ ไม่ใช่เฉพาะกับแขน แต่ทุกส่วนของร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้เลยสักนิด

    โลกิกรอกตาไปมา นึกก่นด่าคนที่ทำแบบนี้กับเขาอยู่ในใจ ซึ่งมันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โทนี่ สตาร์ก ไอ้คนที่ตอนนี้เข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มอันน่าหงุดหงิดใจนั่น!

    "ฟื้นแล้วนี่คุณชาย ชอบห้องใหม่มั้ย วัสดุชั้นเยี่ยม กันได้กระทั่งระเบิดเชียวนะ"โทนี่พูด พร้อมเคาะๆบนกำแพงด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

    "ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!"

    "อ้าว ไม่ชอบหรอเนี่ย"เขาถาม พลางนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเตียงที่โลกิถูกล็อคติดกระดิกไม่ได้อยู่

    "รู้มั้ย พอขยับไม่ได้แบบนี้นายดูเซ็กซี่เป็นบ้า"

    คำพูดกวนๆที่ทำให้โลกิโกรธหน้าดำหน้าแดง ดวงตาสีเขียวจ้องอีกฝ่ายเขม็งจนแทบถลนออกมา

    "เจ้าทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ!"

    "ก็ต้องกันไว้ก่อนน่ะ เผื่อนายคลั่งถล่มตึกฉันอีกจะทำยังไง"โทนี่ว่า ก่อนยกแก้วกาแฟในมือขึ้น

    "กาแฟมั้ย?"

    แต่ที่ได้กลับมาคือแววตาอาฆาตของอีกฝ่าย เขาจึงยักไหล่ ก่อนพูดเข้าเรื่อง

    "นายมาที่นี่ทำไม เกิดอะไรขึ้นบนแอสการ์ด พวกเทพเขาคงไม่ปล่อยนายลงมาทัศนะศึกษาที่นี่สบายใจเฉิบหรอกนะ"

    "ทำไมข้าต้องเล่าให้เจ้าฟัง!"โลกิกระชากเสียง รู้สึกเกลียดขี้หน้าอีกฝ่ายสุดๆ

    ตกที่ไหนไม่ตก ดันตกลงมาบนตึกของพวกไม่เต็มแบบนี้!

    "ก็นายบอกว่าอยากให้ช่วย คงยังจำได้นะ หรือความจำเสื่อมไปแล้ว"

    "เจ้าก็แค่ทำตามที่ข้าสั่ง ที่เหลือไม่จำเป็นต้องรู้"

    โทนี่ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนลุกขึ้น

    "นายไม่เล่า ฉันไม่ช่วย แฟร์ๆดี บาย"

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเดินออกจากห้องไปจริงๆ โลกิก็กรอกตาอย่างขัดใจ เรียวปากบางเม้มแน่น ก่อนจะร้องห้าม

    "หยุด! ข้าจะเล่า"

    โทนี่หยุดชะงัก หันมามอง เอียงคอน้อยๆ ยิ้มหวาน

    "อะไรนะ ไม่ได้ยิน สงสัยจะหูแว่วไปเอง"

    ท่าทางที่ทำให้โลกิอยากตรงเข้าไปอัดสักรอบ... ถ้าขยับได้ล่ะนะ สำหรับตอนนี้จึงได้แต่หาสารพัดคำด่าอีกฝ่ายในใจ และพูดย้ำอีกครั้ง

    "ข้าบอกว่า ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง กลับมานั่งแล้วฟังซะ คุณสตาร์ค"

    โทนี่ดูจะสนุกกับการเห็นหน้าตอบๆนั่นซีดบ้างแดงบ้าง จึงได้หัวเราะเบาๆ แล้วกลับมานั่ง

    ให้ตายเถอะจาร์วิส! หมอนี่น่ารักชะมัด!

     

       "สรุปว่า นายแหกคุกออกมา ฆ่าเมียพี่นายทิ้ง แล้วพี่นายก็โกรธ จนนายต้องลงมาหลบที่โลกสินะ?"โทนี่สรุป หลังจากฟังเรื่องราวจากปากโลกิ

    คุณพระ! ละครหลังข่าวชัดๆ!

    "ก็ประมาณนั้น"โลกิว่า

    ที่เขาเล่าไปก็ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดหรอก อย่างความรู้สึกของเขาหรือเหตุผลที่ฆ่าเจน ฟรอสเตอร์ ของแบบนั้นใครจะไปเล่าให้หมอนี่ฟังกัน!

    "แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไง แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าให้ไปสู้กับธอร์ฉันไม่เอาด้วยหรอก"

    โลกิคลี่ยิ้มละไม ก่อนตอบ

    "มันเป็นเรื่องที่แม้แต่คนสติไม่เต็มอย่างเจ้าก็ทำได้ แน่นอน มันจะไม่ทำให้ตึกเจ้าพัง เพียงแค่ให้ข้าอยู่ที่นี่เงียบๆ ไม่ต้องบอกเรื่องข้ากัลใคร รอจนกว่าธอร์จะมา และข้าจะไปคุยกับเขา"

     "แค่นี้?"โทนี่ถามย้ำ ก่อนลุกขึ้นยืน

    "โอเค ป๋าจัดให้"

    "เดี๋ยวก่อน!"โลกิขัดเขาที่กำลังจะเดินออกจากห้องอีกครั้ง

    "เอาอุปกรณ์บ้าๆพวกนี้ออกไปที"ร่างผอมบอก หมายถึงปลอกสีขาวที่ยึดร่างเขาไว้กับเตียง

    "นึกว่าจะลืมไปแล้วนะเนี่ย"โทนี่พูดอย่างเสียดาย ก่อนจะกดรีโมตปลดล็อคอุปกรณ์ออก

    "แต่ฉันว่านายตอนขยับไม่ได้เซ็กซี่จริงๆนะ"พูดทิ้งท้ายแล้วก็ออกจากห้องไป แต่ก็ทันได้ยินเสียงก่นด่าสารพัดจากอีกฝ่าย

     

    "ฉันว่าต่อไปควรปิดปากด้วยดีกว่า ว่ามั้ยจาร์วิส"

    'เห็นด้วยครับ'สมองกลตอบ ก่อนจะพูดต่อ

    'คุณไว้ใจเขาหรอครับ'

    "โลกิน่ะหรอ ฉันก็ว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่"

    'คนที่เกือบทำให้แมนฮัตตันวอดวายเป็นคนดีสินะครับ'จาร์วิสประชดด้วยเสียงสังเคราะห์อันสุภาพ ดูไม่เข้ากันเอาซะเลย

    "เอาน่า ไว้ถ้าเขาทำตัวมีพิรุธเมื่อไหร่ค่อยแจ้งชิลด์ก็ได้ ตอนนี้นายก็เฝ้าโลกิไว้ละกัน"

     

    ********

     

       โลกิมองสำรวจร่างกายของตนเอง ถึงพลังเวทย์จะถูกสะกดไว้ แต่ร่างของเขาก็ยังคงเป็นทั้งเทพและยักษ์น้ำแข็ง นั่นช่วยให้เขาฟื้นตัวเร็วมาก จากที่ออกมาจากแอสการ์ดยังมีแผลใหญ่ๆ และกระดูกขายังไม่เข้าที่นัก แต่ตอนนี้ทั้งตัวเขาเหลือเพียงรอยแผลเล็กๆไม่กี่รอยเท่านั้น

    และถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ... เขาคิดว่าที่แผลหายเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากยาของพวกมนุษย์ด้วย

    โลกิคว้าเสื้อจากตู้ที่โทนี่เตรียมไว้ให้ขึ้นสวม แม้มันจะเป็นไซส์ที่เขาเคยใส่ได้ตามแฟ้มข้อมูลของเจ้าสิ่งประดิษฐ์ที่ชื่อจาร์วิสก็ตาม แต่เขากลับพบว่ามันหลวมโพรก

    แน่ล่ะ... ก็หนึ่งปีมานี้เขาผอมลงตั้งเยอะ

    เขาคิด ก่อนจะเลิกสนใจกับเสื้อผ้า แล้วนั่งลงบนเตียง

    โทนี่ สตาร์ค ให้เขาอยู่แต่ในห้องนี้เท่านั้น ซึ่งก็ดีกว่าต้องตามเจ้าคนกวนประสาทไปไหนมาไหน เสียแต่ว่าการอยู่แต่ในห้องนี้มันออกจะน่าเบื่อไปหน่อย

    มือเรียวพลิกหน้าหนังสือที่โทนี่ขนมาให้เขาอ่านฆ่าเวลาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

    มีแต่หนังสือทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเขาอ่านไม่รู้เรื่อง วิทยาศาสตร์ในโลกนี้ก็คล้ายคลึงกับเวทย์มนต์ของแอสการ์ด แต่น่าเบื่อกว่ากันมาก...

    ธอร์... เมื่อไหร่เจ้าจะมาซะทีนะ

    โลกิพลิกหน้ากระดาษอย่างเลื่อนลอย

    สามเดือนแล้ว เจ้าคงกำลังไว้ทุกข์ให้นาง แต่ใจเจ้าคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นข้า

    แต่ไม่เป็นไรหรอก ดีแล้วที่เจ้าโกรธเกลียดข้า เพราะว่านั่นหมายถึง เจ้าจะไม่มีวันลืมข้า ดังนั้น ดีแล้วล่ะ...

    โลกิปิดหนังสือลง เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออก พร้อมเจ้าของตึกสตาร์กที่เดินเข้ามา

    "หนังสือสนุกมั้ย"

    โทนี่ถาม แม้ใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายจะลอยเด่นมาแทนคำตอบมาแล้วก็ตาม

    "สนุกมากเลย"โลกิประชด แต่อีกฝ่ายกลับยิ้ม

    "แหม คิดไว้แล้วว่านายต้องชอบ ก็ฉันมันอัจฉริยะนี่นะ"โทนี่ยักไหล่ ก่อนที่จะต้องก้มหัวหลบหนังสือที่ลอยละลิ่วเข้ามาหา แล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    นั่นแหละ เขาชอบเห็นอีกฝ่ายโกรธ โดยเฉพาะตอนที่หน้าซีดๆเริ่มขึ้นสีเพราะความโกรธและอึกอักพูดไม่ออกนั้น มันดูตลก แต่ก็น่ารักชะมัด

    "เข้ามาทำไม"โลกิกระชากเสียงถาม ถึงแม้ตนจะอยู่ที่นี่ในฐานะผู้อาศัย แต่ก็ไม่คิดจะญาติดีกับคนตรงหน้าหรอกนะ

    "นี่มันบ้านฉันนะคุณชาย จะมาห้ามกันได้ยังไง"

    เทพมุสาหัวเราะในลำคอ เชิดหน้าขึ้นน้อยๆ

    "ใช่! บ้านเจ้า แต่นี่ห้องข้า ดังนั้นเจ้าไม่มีสิทธิ"

    ตรรกะแปลกๆที่ทำให้โทนี่ยกมือทำท่า 'ยอมแล้วจ้า' ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

    "นี่ก็สามเดือนแล้วนะ เมื่อไหร่พี่ชายสุดที่รักนายจะมาซะที"

    คำพูดแทงใจเทพมุสาอย่างจัง ใบหน้าซูบที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้างเสมองไปทางอื่น

    "เพิ่งจะสามเดือนเท่านั้น ธอร์คงไว้อาลัยให้เจน ฟรอสเตออยู่ คงอีกสักพักเขาถึงจะมา แล้วจะต้องให้ข้าบอกอีกกี่ครั้งว่าธอร์ไม่ใช่พี่ข้า โทนี่ สตาร์ก"

    โลกิตอบ แม้ใจจริงอยากจะพูดว่า 'ตั้งสามเดือน' ก็ตาม

    ผู้หญิงคนนั้น ถึงตายไปแล้วก็ยังรั้งธอร์ไว้ได้ ทั้งๆที่ธอร์ควรรีบมาตามหาเขาแท้ๆ

    "งั้นแสดงว่ายังมีเวลา"โทนี่พูด ก่อนจะคว้าแขนอีกฝ่ายไว้

    "จะทำอะไร?!"โลกิถาม พยายามชักมือกลับ

    "ไปข้างนอกกัน"โทนี่ตอบ ยังคงกำข้อมือบางแน่น

    "เจ้าเป็นคนบอกเองว่าให้ข้าอยู่แต่ในนี้"

     และข้าก็ไม่อยากไปไหนกับเจ้าทั้งนั้น!

    อันนี้ได้แต่คิดอยู่ในใจ

    แต่เจ้าของตึกกลับถามหน้าตาย

    "เคยบอกด้วยหรอ?"

    เคยสิโว้ยยย!

    โลกินึกอยากหาอะไรทุ่มใส่โทนี่ แต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้แค่นั้นเมื่อเขาโดนบังคับลากออกมาจากห้อง

    "งั้นเปลี่ยนใหม่เป็น... ถ้าวันไหนฉันอยากพานายออกไปข้างนอก นายก็ต้องไป ตกลงมั้ย"

    "ไม่!!"

    โลกิปฏิเสธทันที

    แต่นั่นละ...

    โทนี่ สตาร์ค เคยฟังใครที่ไหน

     

    ********

     

      ผู้คนพลุ่งพล่าน เดินสวนกันไปสวนกันมา และสายตาที่จ้องมองอย่างสงสันไคร่รู้คือสิ่งที่โลกิเกลียดมาตลอด

    และยิ่งทวีความเกลียดเมื่อคนที่เดินอยู่ข้างเขาคือโทนี่ สตาร์ค!

    "เขามองนายเพราะนายกำลังเดินอยู่กับเพอร์เฟ็กต์แมนอย่างฉันไงล่ะ"โทนี่ว่า

    ใช่! เพอร์เฟ็กต์แมนในด้านขี้โอ่ หลงตัวเองสุดๆไงล่ะ!

    โลกิคิด ใบหน้าบึ้งตึงบ่งบอกถึงความอารมณ์บูดสุดๆ

    "ข้าจะกลับ!"

    โลกิพูดขึ้นเป็นรอบที่สิบเอ็ดนับตั้งแต่โทนี่ลากเขาออกมาจากห้อง

    "เดี๋ยวสิ ฉันอุส่าต์สละเวลาอันมีค่าเพื่อนายเชียวนะ!"

    และโทนี่ก็รั้งเขาไว้เป็นรอบที่สิบเอ็ดเช่นกัน

    "งั้นก็เชิญใช้เวลาอันสำคัญยิ่งของเจ้าไปคนเดียวเถอะ!"พูดจบก็เดินหนีไปอีกทาง จนโทนี่ต้องกระวี่กระวาดไปคว้าแขนไว้ กลัวคุณท่านจะไปก่อเรื่องอะไรเข้า

    "เอาน่า แค่พานายมาซื้อเสื้อผ้าเอง อย่าซีเรียสสิ"

    "ไม่จำเป็น แค่ที่มีอยู่ก็พอแล้ว"โลกิว่า

    "ไม่เอาอะ ชุดพวกนั้นหลวมจะตาย"

     และยังไม่ทันที่โลกิจะได้เถียงต่อ โทนี่ก็จัดการลากเขาเข้าไปยังร้านเสื้อผ้าทันที

    ตลอดทั้งบ่าย โทนี่พา(ลาก)โลกิเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ไปเรื่อย และนอกจากเสื้อผ้าแล้ว โทนี่ยังซื้อเหล้ามาอีกเพียบ แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนคงโดนเป็ปเปอร์ แฟนเก่าและอดีตเลขาบ่นใส่จนหูชา

    ร้านสุดท้ายที่โทนี่แวะเป็นร้านหนังสือ ซึ่งเขาก็ตั้งใจจะพาโลกิมาแต่แรกแล้ว เพราะดูอีกฝ่ายจะเบื่อหนังสือของเขาเต็มทน

    โลกิมองดูชั้นสูงที่เต็มไปด้วยหนังสือ ทั้งใหม่และเก่า ดวงตาสีเขียวทอประกายขึ้นเล็กน้อย

    ในไม่กี่สิ่งที่เขาชอบ หนังสือเป็นหนึ่งในนั้น

    "เลือกตามสบายเลย ต่อให้ซื้อหมดนี่ขนหน้าแข้งฉันก็ไม่ร่วงหรอก"โทนี่พูด ถึงจะแอบนึกกลัวอยู่ในใจว่าโลกิคงไม่ซื้อทั้งหมดนี่เป็นการแกล้งเขาหรอกนะ...

    ร่างเพรียวบางเดินไปยังหมวดวรรณกรรม ถึงแม้โลกิจะคิดว่าตำราความรู้ของมิดการ์ดเป็นเรื่องน่าขำขันและเบื่อหน่าย แต่ไม่ใช่กับงานวรรณกรรม เมื่อปีก่อนที่มาโลกนี้ เขาเคยอ่านอยู่สองสามเล่ม และพบว่ามนุษย์มีการเขียนถ่ายทอดจินตนากานของตนเองได้อย่าง...น่าสนใจ

    โลกิใช้เวลาเลือกหนังสืออยู่นานจนโทนี่แทบยืนหลับไปทั้งอย่างนั้น ร่างบางเดินเอาหนังสือไปวางบนเคาท์เตอร์ ก่อนกลับเข้าไปเลือก และเอาไปวางอีก จนได้ประมาณยี่สิบกว่าเล่มจึงหยุด

    "จะซื้อไปอ่านทั้งชีวิตเลยหรือไง"โทนี่บ่นติดจะกวนๆ ซึ่งก็ได้รับสายตาเชือดเฉือนจากโลกิเป็นการตอบแทน

    ทั้งสองถือของพะรุงพะรังไปไว้ในรถ แต่ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถนั้น ดวงตาสีเขียวก็มองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

    ผืนฟ้าที่นี่ต่างกับแอสการ์ด มันเป็นสีฟ้า... เหมือนสีตาของธอร์ 

    "ที่นี่ก็ไม่ได้แย่ใช่มั้ยละ"โทนี่เท้าแขนกับรถ ก่อนพูดต่อ

    "อยู่ไปนานๆแล้วนายอาจจะชอบก็ได้นะ"

    โลกิขยับยิ้ม ก่อนตอบ ชัดถ้อยชัดคำ

    "ไม่มีวัน"

    หากโทนี่กลับหัวเราะ

    "แล้วจะคอยดู"

                                                    

    *********

     

      "ธอร์ เจ้าจะไปมิดการ์ดหรือ"พระนางฟริก้าเอ่ยถามบุตรชายที่ปลดชุดไว้ทุกข์ออก แล้วสวมชุดเกราะเงินดังเดิม

    "ข้าจะลงไปจับโลกิ นี่ก็ผ่านมาสามเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้เขาจะไปก่อเรื่องชั่วช้าอะไรอีก"

    ฟริก้ามองดูบุตรชายของนาง เมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าที่เต็มไปด้วยความคั่งแค้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางก็รู้สึกหวาดหวั่นแทนโลกิจับใจ

    นางรักโลกิ... เหมือนลูกแท้ๆ รักพอๆกับธอร์ และถึงโลกิจะก่อเรื่องไว้มากเหลือเกิน ถึงจะสังหารว่าที่ราชินีแห่งแอสการ์ด แต่นางก็ยังคงรักและเป็นห่วงโลกิเสมอ

    "เมตตาน้องเจ้าด้วยเถิด ธอร์"ฟริก้าว่า มือบางแตะแขนของธอร์เบาๆ

    "ข้าไม่ฆ่าเขาหรอก ท่านแม่"กษัตริย์แห่งแอสการ์ดกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวในประโยคถัดมา

    "แต่ข้าก็ไม่อาจอภัยให้คนที่ฆ่าเจนด้วยเช่นกัน!"

     

       ธอร์ควบม้ามุ่งไปยังสะพานไบฟรอสต์ ในใจสุมแน่นด้วยเพลิงโทสะและเมล็ตพันธ์แห่งความเกลียดชังที่เพาะบ่มอยู่เกือบสี่เดือน

    "ส่งข้าไปมิดการ์ด"ธอร์กล่าวกับไฮม์ดัล

    "กษัตริย์ข้า..."

    ยังไม่ทันที่นายทวารจะพูดอะไร เทพสายฟ้าก็ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังก้อง

    "อย่ามาห้ามข้า ไฮม์ดัล เปิดประตู!"

    "ท่านทำตัวเหมือนเด็กคนหนึ่งที่มาขอให้ข้าเปิดมิติสู่โยธันไฮม์เมื่อสามปีก่อน... สงบใจลงเถิด ข้าไม่ได้จะห้ามท่าน"

    ไฮม์ดัลรอจนเห็นว่าธอร์ใจเย็นลงแล้ว จึงได้เอ่ยถามคำถามหนึ่ง

    "ความปรารถนาของโลกิคือสิ่งใด"

    ธอร์ขมวดคิ้ว นึกสงสัยในคำถามของอีกฝ่าย แต่ก็ยังตอบออกไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิด

    "อำนาจไงล่ะ เขาอยากได้ครองทั้งเก้าโลก"

    หากเจ้าของคำถามเพียงส่ายหน้า

    "นั่นไม่ได้ใกล้เคียงกับคำตอบที่ถูกต้องเลย"ไฮม์ดัลว่า แต่ก็ยอมเปิดประตูมิติให้แต่โดยดี

    "หวังว่าท่านจะพบคำตอบที่ถูกต้องในเร็ววัน ไม่งั้นมันจะไม่มีวันจบ เรื่องราวนี้จะวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนำไปสู่

    แร็คนาร็อค..."

     

    ********

     

      วันเวลายังคงผ่านไปอย่างจืดชืดและเชื่องช้าเช่นเคย

    โลกินอนอยู่บนเตียง ฟุบหน้าลงกับหนังสือเล่มหนาที่เพิ่งอ่านจบไป

    มันเป็นเล่มสุดท้ายแล้ว... และธอร์ก็ยังไม่มา

    เขาน่าจะหยิบหนังสือมาเยอะกว่านี้

    คิดพลางถอนหายใจยาว ก่อนพลิกกายขึ้น ดวงตาสีเขียวจ้องมองเพดานอย่างเลื่อนลอย

    ธอร์... เจ้ารีบๆมาซะทีสิ

    เมื่อไหร่เจ้าจะมา... ทั้งๆที่ข้าทำให้เจ้าโกรธขนาดนั้น เจ้าก็ควรรีบๆมาหาข้าสิ

    หรือว่าแม้กระทั่งตอนนี้... ก็ยังไม่อยากเจอข้า

    หยาดน้ำตาอุ่นๆไหลรินออกมาจากนัยน์ตาสีเขียว

    บ้าจริง... ทำไมนึกถึงเจ้าทีไร ข้าต้องร้องไห้ทุกทีเลย

    โลกิเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อหูได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ และในไม่กี่อึดใจต่อมา ประตูก็เปิดออก

    "คุณพี่มาแล้วแหนะ"โทนี่พูด เป็นครั้งแรกที่โลกิดีใจที่ได้เจออีกฝ่าย

    "ที่ไหน!?"

    โทนี่รีบส่งภาพถ่ายของกลุ่มพายุไปให้อีกฝ่าย เกรงว่าถ้าไม่รีบคงถูกโลกิบีบคอแน่ๆ

    "ไม่ไกลจากตึกนี้เท่าไหร่"เขาบอก

    โลกิมองดูรูปในมือ ดวงตาสีเขียวสะท้อนความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งดีใจ โหยหา และ...หวาดกลัว?

    ไม่ผิดแน่! นี่คือพายุของธอร์!!

    และโดยไม่พูดอะไรอีก โลกิออกวิ่ง สุดกำลังเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย

    ในที่สุดเจ้าก็มา... เจ้ามาหาข้าสินะธอร์

    ไม่ว่าเจ้าจะมาเพราะความโกรธแค้นหรืออะไร ข้าไม่สนใจทั้งนั้น ข้าดีใจ... ในที่สุดเจ้าก็เห็นว่าข้ามีตัวตน ในที่สุดเจ้าก็สนใจข้า!

    โลกิวิ่งออกจากตึกไปตามท้องถนน ไม่สนใจว่าตนจะตกเป็นเป้าสายตา ไม่สนแม้กระทั่งความเหนื่อยหอบของร่างกาย ในตอนนี้มีสิ่งเดียวที่เขาสนใจ คนที่เขาโหยหามาตลอด

    'ธอร์'

    ร่างบางวิ่งมาหยุดอยู่บนดาดฟ้าของตึกร้างแห่งหนึ่ง หอบหายใจจนตัวโยนด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่เรียวปากนั้นประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเขาเห็นคนที่อยู่ตรงหน้า

    ร่างสูงสง่า เจ้าของใบหน้าราวรูปสลักที่ดูโทรมกว่าครั้งสุดท้ายที่พบเจอ กระนั้นก็ยังคงความสง่างามแห่งกษัตริย์

    "โลกิ..."ธอร์เอ่ยชื่อคนตรงหน้า

    น่าแปลกนักที่โลกิมาหาเขาถึงที่ หรือจะมีแผนการอะไร?

    "ธอร์ ในที่สุดเจ้าก็มา"เทพมุสาว่า ร่างบางเดินเข้าไปใกล้ เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายที่สูงกว่า

    ดวงตาเจ้ามีแต่ความคั่งแค้น ธอร์... มันทำให้ข้าเจ็บ

    กระนั้นข้าก็ดีใจ... เพราะอย่างน้อย ดวงตาของเจ้าก็จับจ้องมาที่ข้า

    "คราวนี้มาลากตัวข้ากลับไปอีกแล้วสินะ หรือมาฆ่าข้าล่ะ เหมือนที่ข้าทำกับนังผู้หญิงโสโครกนั่น"

    ประโยคที่ทำให้โทสะของเทพเจ้าชายฟ้าประทุขึ้น ผืนนภาขุ่นมัวด้วยเมฆฝน และอสุนีบาตก็คำรามก้องดั่งเกิดอาเพศ

    "อย่าเรียกเจนเช่นนั้น โลกิ!!"

    เทพมุสาหาได้หวั่นต่อความพิโรธตรงหน้าไม่ เขายังคงเหยียดยิ้ม

    "อ๋อ... นางชื่อเจนนี่นะ เจน ฟรอสเตอร์ ผู้หญิงที่ทำให้เจ้าเปลี่ยนไป"

    เกลียดชังข้าให้มากกว่านี้สิธอร์...

    ยิ่งเจ้าเกลียดข้ามากเท่าไหร่... เจ้าก็จะยิ่งสนใจข้ามากขึ้นเท่านั้น

    "เจนไม่ได้ทำให้ข้าเปลี่ยนไป แต่เป็นเจ้า!"ธอร์ตะโกน มือแกร่งบีบไหล่บางแน่นจนโลกิต้องครางออกมาด้วยความเจ็บ

    "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน... โลกิที่ข้ารู้จักหายไปไหน"เขาเอ่ยถาม สบลึกลงไปในดวงตาสีเขียวของจอมโป้ปด

    "โลกิที่เจ้ารู้จักนั้นมิใช่โลกิ ธอร์... ข้าที่อยู่ต่อหน้าเจ้านี่ไง คือโลกิ"ร่างบางเอ่ย มือขาวซีดยกขึ้นแตะใบหน้าแกร่ง ลูบไปตามไรหนวดสากๆ

    "ข้าขอถามเจ้าบ้าง ธอร์"เขาเว้นจังหวะชั่วครู่ สบตาอีกฝ่าย จึงเอ่ยถาม

    "ถึงตอนนี้ยังคิดว่าข้าเป็นน้องของเจ้าอยู่รึเปล่า"

    คำถามนั้นทำให้เทพสายฟ้านิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนที่จะยิ้มออกมา ด้วยรอยยิ้มที่แสนเจ็บปวดแบบที่โลกิไม่เคยเห็นมาก่อน

    "ไม่... คนที่เป็นน้องชายข้า คือโลกิคนก่อนที่ข้ารู้จัก คนที่เจ้าบอกว่าไม่ใช่โลกิ"มือแกร่งวางทาบบนมือบาง

    เขาตัดสินใจแล้ว...

    "และหากคนตรงหน้าข้าคือโลกิ โลกิก็ไม่ใช่น้องข้า เป็นได้แค่ฆาตกรที่ข้าเกลียดชัง!"ธอร์พูด พร้อมผลักร่างบางออกห่าง

    "วันนี้ข้าจะยังไม่ทำอะไรเจ้า เพราะข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีแผนชั่วช้าอะไร แต่หากครั้งหน้า... อย่าหวังว่าข้าจะปราณี โลกิ!!"สิ้นเสียง ธอร์ก็แกว่งโยเนียร์ เหาะหายไปในพายุฝน

    แน่ล่ะ... ว่าธอร์ไม่เห็น น้ำตาหยดเล็กๆที่ไหลรินจากดวงตาสีเขียว

    เพราะหากธอร์เห็น... เรื่องราวอันแสนเจ็บปวดต่อจากนี้ก็จะไม่เกิด

    หรือบางที... ถ้าหากธอร์เห็นน้ำตาของโลกิตั้งแต่แรก เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ผ่านมาก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น และจะไม่มีโลกิที่น่าชิงชัง

    ใช่... แค่เพียงว่าธอร์จะเห็น...

     

    ********

     

      โลกิเดินกลับมาถึงตึกสตาร์ค และมาถึงห้องของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    ทำไมถึงเหม่อลอยขนาดนี้ได้นะ

    ประตูเปิดออก และโลกิก็ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าโทนี่อยู่ในนั้น

    "ว่าไง คุณพี่ไม่ยอมพากับบ้านหรอ มาซบอกป๋ามั้ย"โทนี่กวน... เหมือนทุกครั้งแหละ แต่ตอนนี้เขาไม่คิดสนใจ ร่างบางนั่งลงที่ปลายเตียง

    "ธอร์บอกว่าข้าไม่ใช่น้องเขา"โลกิพูดขึ้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเล่าให้อีกฝ่ายฟังทำไม

    "มันเป็นไปตามแผนของข้าด้วยดี"

    ใช่... ธอร์ไม่เห็นว่าเขาเป็นน้องอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไป ธอร์จะเห็นว่าเขาเป็น 'โลกิ' เทพที่ทัดเทียมกัน และสักวันธอร์ก็จะรักเขา...

    โทนี่มองอีกฝ่ายที่พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา คล้ายกับย้ำให้ตัวเองฟังมากกว่า ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิด

    "อ้อ.... ฟังดูดีนี่"เขาพูด มองดวงตาสีเขียวที่ไม่ได้สบตากับเขา

    "ถ้าอย่างนั้น... นายร้องไห้ทำไมกัน"

    ประโยคที่ทำให้โลกิชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองโทนี่อย่างงุนงง

    ใครร้องไห้? เขากำลังมีความสุข จะร้องไห้... ได้ยังไง

    หยาดน้ำอุ่นๆไหลรินจากนัยน์ตาสีเขียว

    แย่ที่สุด...

    นี่เขากำลังร้องไห้งั้นหรอ แถมยังต่อหน้าคนอื่นซะด้วย

    "ข้าไม่รู้..."

    โลกิตอบ เสียงนั้นสั่นเครือ

    "ข้าดีใจ... แต่ข้าก็ร้องไห้ และก็ไม่ได้ร้องเพราะดีใจด้วย โทนี่ มนุษย์เรียกความรู้สึกเช่นนี้ว่าอะไรกัน"

     

    TBC.

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×