ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Peccato Prince-ใต้หนามคนบาป

    ลำดับตอนที่ #2 : บาปแรก-ราตรีแห่งหมอก-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 106
      0
      18 ธ.ค. 53

     ผมไม่กลัวความมืด...

    ผมไม่รังเกียจสีดำ

    หากแต่ที่ผมชิงชังคือสีขาวที่แสนบิดเบี้ยว...

     

    1

     

     สายน้ำเชี่ยวกรากดูเป็นสีทึมทึบเมื่อบัดนี้มันคือยามดึกสงัดที่เงียบงันและเต็มไปด้วยไอบางเบาของสายหมอก

    ถ้าเธอกระโดดลงไปก็จะจบสินะ...

    จะได้หนีไปจากภาพของเขาคนนั้นเสียที

    ร่างใต้ชุดกระโปรงมองดูสายน้ำใต้สะพานที่ตนยืนอยู่ หลับตาลงช้าๆ กำลังจะปีนขึ้นไปบนราวสะพานหลังจากที่ตัดสินใจแน่วแน่ดีแล้ว หากไม่ใช่ว่า...

    "จะกระโดดลงไปจริงๆหรอครับ"

    เสียงนุ่มนวลหากแต่เย็นเยียบจับใจเฉกเกล็ดหิมะดังขึ้น ทำให้หญิงสาวนั้นหยุดชะงัก แล้วเบือนสายตาไปมองต้นเสียง

    กลีบกุหลาบสีน้ำเงินไร้ที่มาปลิวว่อน ดูราวกับเป็นฉากหลังให้กับร่างสูงเพรียว

    ใครกันนะ...

    เรือนผมสีทองซีดอ่อนจางจนเกือบเป็นสีเงินยาวนั้นพลิ้วไหวไปตามสายลมอันหนาวยะเยือก รับกับดวงหน้างดงามได้รูปและนัยน์ตาสีไพลินคู่เรียว

    เป็นผู้ชายที่สวยจังเลย...

    หญิงสาวจ้องมองร่างของคนที่เอ่ยเรียกตนที่กำลังจะปลิดชีวิตตัวเองอย่างตื่นตะลึง

    "ถ้าคุณตายไปแบบนั้นแล้วคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้นงั้นหรอครับ"ร่างสูงหากแต่ดูผอมบางนั้นเดินเข้ามาใกล้

    "จะปล่อยให้คนรักของคุณกับผู้หญิงคนนั้นมีความสุขโดยที่ตัวเองยอมตายอย่างน่าสมเพชงั้นหรอครับ คิดว่าแบบนั้นมันดีแล้วจริงๆหรือครับ มาเรรีอา โพลย่า"

    "คะ...คุณรู้จักชื่อฉัน ไม่สิ...คุณรู้เรื่องนั้นได้ยังไงกันคะ"

    หญิงสาวเจ้าของชื่อกล่าวถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา อะไรบางอย่างในตัวเธอกู่ร้องดังก้อง

    คนๆนี้อันตราย...

    ชายหนุ่มปริศนาขยับยิ้มที่แม้จะดูงดงามราวภาพวาด หากแต่กลับแฝงไปด้วยกลิ่นไอของความมืด

    นิ้วเรียวเชยคางของมาเรรีอาซึ่งกำลังหวาดกลัว พลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้ พร้อมทั้งกระซิบเบาๆริมหูขาว

    "ผมช่วยคุณได้นะ กำจัดนังคนหน้าไม่อายนั้นให้พ้นๆ ผู้ชายคนนั้นจะได้กลับมารักคุณเหมือนเดิมไงล่ะ..."

    ถ้อยคำนั้นช่างหวานระรื่นหู ดุจคำลวงที่แสนยวนใจของปิศาจร้าย

    มนุษย์นั้นเต็มไปด้วยสิ่งโสมม

    ทั้งความโลภ ความแค้น ความหวาดกลัว ความชิงชัง ความอิจฉาริษยา และ...

    ...ความรัก...

    "คุณ...ช่วยฉันได้หรอคะ"

    เห็นมั้ยละ...มนุษย์น่ะล่อหลอกง่ายจะตาย...

    บุรุษปริศนาหัวเราะอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง

    "ผมช่วยคุณได้แน่นอน ผมสัญญา"

    เอาล่ะ...

    ต่อจากนี้ไปผมจะย้อมน่านฟ้าของคืนนี้ด้วยเสียงกรีดร้องและความลุ่มหลงอันบิดเบี้ยวน่ารังเกลียด...

                                                          ********

     ดวงตากลมโตสีฟ้าใสกระจ่าง ล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนยาวสีทอง จมูกโด่ง รับกับริมฝีปากอิ่มมันวาว เรือนผมสีทองอ่อนนุ่มลอนคลายนั้นเข้ากันกับผิวขาวละเอียดราวกระเบื้องเคลือบ ดูแล้วเหมือนตุ๊กตาไม่ผิด

    นั่นคือเงาสะท้อนของหญิงสาวร่างบางอรชรในกระจก เจ้าหล่อนที่ทั้งสวยและน่ารักบรรจกหวีเส้นผมของตนอย่างเบามือ

    "คุณช่างงดงามเหลือเกินนะครับ มิสเบเร็ตต้า"

    เสียงกระซิบริมใบหูนั้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งตกใจจนเผลอปล่อยแปรงผมตกลงบนพื้น

    ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอย่างลึกลับและเงียบเชียบขยับยิ้มบาง พร้อมทั้งจับเส้นผมสีทองนั้นขึ้นมาจุมพิต

    "คุณนินเฟีย..."

    หญิงสาวเอ่ยชื่อของบุรุษรูปงามตรงหน้าเบาๆ ดวงตาโตนั้นฉายแววตื่นตระหนก เธอสูดลมหายใจลึกๆเพื่อสะกดความกลัวก่อนถามขึ้น

    "คุณมาทำอะไรที่นี่หรอคะ ตอนนั้นคุณบอกว่าจะออกจากลอนดอนแล้วนี่"

    นินเฟียนึกขำท่าทางหวาดกลัวของหญิงสาว เขาเดินอ้อมไปด้านหลังของเธอ พลางแตะลงบนใหล่มลที่สั่นระริก

    "พอดีมี 'เหยื่อ' ไหว้วานมาน่ะครับ"เขาย่อตัวลงเล็กน้อย มือเรียววางบนลำคอระหงที่เกร็งไปหมดของเบเร็ตต้า นัยน์ตาเรียวคมฉายประกายวูบ

    "หึหึ.... ดูคุณสิครับ ดวงตาเหมือนอัญมณี ผิวขาวงาช้าง กับเส้นผมสีทองเหมือนแสงอาทิตย์ เหมือนที่คุณขอทุกอย่างเลยนะครับ การเป็นคนงามที่เพรียบพร้อม"

    เล็บยาวสีดำลากไปตามผิวหน้าของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ทำให้เจ้าหล่อนตัวแข็งทื่อ

    "คะ...คุณต้องการอะไรจากฉันหรอคะ"กลั้นใจถามออกไป ทำให้ชายผู้น่ากลัวขยับยิ้มเย็นออกมา

    นินเฟียมองเงาสะท้อนของตนและเบเร็ตต้าในกระจก ก่อนตอบเสียงเรียบ

    "ผมต้องการเอาสิ่งที่ให้คุณไปคืนมา"

    เพียงเท่านั้น ดวงตาสีฟ้าก็เบิกกว้าง ร่างบางผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ลืมหมดสิ้นทั้งความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

    "คุณจะทำแบบนั้นกับฉันไม่ได้นะ! ค่าตอบแทนฉันก็จ่ายไปแล้ว คุณจะเอาความสวยของฉันไปไม่ได้!!"กรีดร้องดังลั่นพลางกระชากคอเสื้อของอีกฝ่าย

    ช่างเป็นสตรีที่โง่งมเสียจริง

    เขาคิด

    "ผมทำได้ครับ เพราะมีคนจ่ายมากกว่าคุณ กับการให้ผมกำจัดคุณซะ"เขาพูดอย่างเยือกเย็น ก่อนจะใช้แรงที่มากกว่ากดร่างของหญิงสาวลงกับพื้น

    "เริ่มจากดวงตาสีอความารีนของคุณก่อนแล้วกันนะครับ...หึหึ"เขาไล่นิ้วจากแก้มไปยังดวงตาที่มีหยาดน้ำเอ่อคลอ และโดยไม่สนใจเสียอ้อนวอนอันน่าสงสาร เขาก็จัดการควักลูกตานั้นออกมา

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

    เบเร็ตต้ากรีดร้องลั่น แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ ทั้งยังยิ้มออกมาอย่างงดงาม

    เลือนสดๆไหลออกมาจากเบ้าตาที่ว่างเปล่า ย้อมผิวสีงาช้างให้กลายเป็นสีแดงฉาน

    เขาควักลูกตาอีกข้างออกมาอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล ก่อนบีบมันจนแตกคามือ

    "ต่อไปอะไรดีนะ... อา ใช่แล้ว ผิวขาวๆของคุณไงล่ะ"

    "ขอร้องล่ะค่ะ พอเถอะ ปะ...ปล่อยฉันไปเถอะ"

    คำอ้อนวอนที่หาได้ผลกับปิศาจผู้งดงา

     มหากแต่โหดร้าย

    "ไม่ได้ครับ"ตอบพลางลูบผิวขาวเนียนละเอียดนั้น ก่อนจะใช้เล็บแหลมกรีดลงไป ทำให้เลือดนั้นใหลซึม

    สวยงาม...สวยงามเหลือเกิน สีแดง สีขาว และเสียงกรีดร้อง เป็นศิลปะที่สวยงามเหลือเกิน

    "น่าเสียดายนะครับ ผมลืมไปเลย น่าจะเหลือตาไว้ให้คุณมองดูด้วย เพราะตอนนี้คุณสวยมากเลยล่ะ"

    ว่าอย่างเปรมปรี ก่อนจะจิกเล็บลงไป แล้วฉีกกระชากผิวหนังออกมา

    โลหิตสาดกระเซ็น หนังที่ถูกลอกออกไปนั้นเผยให้เห็นเนื้อในสีแดงสดที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด

    "งดงาม.... งดงามจริงๆ ฮ่ะๆๆๆๆ"

    โดยไม่สนใจร่างที่กำลังดิ้นทุรนทุราย เขาจัดการฉีกกระชากผิวหนังของหญิงสาวอย่างสนุกสนาน ก่อนจะจับเส้นผมอ่อนนุ่มที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดอันคาวคลุ้งขึ้นมา

    "ความลุ่มหลงของคุณน่ะ บิดเบี้ยวจังเลยนะครับ อยากได้มาซึ่งรักของผู้อื่น อิจฉาและริษยา ดำมืด...น่ารังเกลียด"

    "ฮึก....ได้โปรด เอาความสวยของฉันคืนมา ฉันต้องการมัน ฉันต้องการมัน"

    น่าสังเวชนัก...

    นินเฟียคิด ก่อนจะกระชากเส้นผมของหญิงสาวสุดแรง

    เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเรือนผมสีทองนั้นหลุดออกมา แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะหนังศรีษะก็ถูกกระชากออกมาพร้อมกัน เผยให้เห็นมันสมองสีขาวที่อยู่ภายใน หากแต่เธอก็ยังไม่ตาย

    เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ปล่อยเส้นผมสีทองของหญิงสาวทิ้งลงบนพื้น

    "ปิศาจ...แกมันปิศาจ!!"

    หญิงสาวที่เคยงามดุจตุ๊กตาบัดนี้กลายเป็นเพียงเศษซากร่างมนุษย์ชุ่มเลือดสีชาดก่นด่าออกมา เธอรู้สึกทรมาณเสียยิ่งกว่าตาย เพราะตอนนี้เธอไม่เหลือความสวยที่ต้องการเสียแล้ว

    "นั่นสินะ คุณพูดได้ถูกต้องที่สุดเลยล่ะ"ร่างสูงเพรียวเดินไปตรงหน้าต่างพลางยิ้มขึ้นตรงมุมปาก พร้อมปีกสีดำสนิทที่งอกออกมาจากแผ่นหลัง

    "ผมนี่แหละ ปิศาจของแท้"

    ดวงตาคู่สวยมองดูห้องที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด ก่อนที่เขาจะหันขวับ แล้วโผบินออกไปยังผืนนภาสีขมุกขมัว...

                                                          ********

     เสื้อโค้ทเปื้อนเลือดถูกอดทิ้งไว้บนพื้นอย่างลวกๆ เช่นเดียวกับอาภรณ์อื่นๆ เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะซึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นสีชมพูจางๆ

    "วันนี้คุณก็กลับมาพร้อมกลิ่นเลือดอีกแล้วสินะครับ"ชายหนุ่มร่างสูงพูดเสียงเรียบนิ่ง ในขณะที่สวมเสื้อคลุมให้กับร่างผอมบาง

    "ก็มันเป็นงานของฉันนี่"

    ล่อลวงมนุษย์ด้วยคำหวานระรื่นหู ทำตามคำขอโดยแลกเปลี่ยนกับความรู้สึกด้านลบในจิตใจ

    นินเฟียนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ไม้แกะสลัก ดวงตาคู่งามสีไพลินมองดูกรอบรูปบนโต๊ะอย่างเลื่อนลอย

    เพราะนับแต่เมื่อเก้าปีก่อน เขาก็ไม่ใช่มนุษย์ หากแต่คือปิศาจที่คงร่างอยู่ได้โดยอาศัยพลังความมืดในใจของผู้คน

    "แล้วได้เบาะแสของ 'เบียนโก้' รึเปล่าครับ"ข้ารับใช้แห่งปิศาจถาม พลางถอดต่างหูของผู้เป็นนายออก

    และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แววตาของคนถูกถามจึงได้เปลี่ยนไป

    มันคือความโกรธแค้นและคลุ้มคลั่ง...

    "เราตามกลิ่นเจ้านั่นออกจากเอเซียกลับมาลอนดอน แต่เราก็ช้ากว่ามันอีกแล้ว"

    "หมายความว่า..."

    ชายหนุ่มหน้าสวยกัดฟันกรอด มือเรียวบีบกรอบรูปแน่นจนห้อเลือด

    "มันออกจากลอนดอนไปแล้ว"

    ทำไมกัน...

    ทำไมกันนะ...

    ทำไมผมถึงต้องช้ากว่ามันทุกที

    สิ่งที่อยู่ในกรอบรูปนั้นก็คือขนนก...

    ขนนกสีขาว...

                                                          ********

    เสียงนาฬิกาจากหอนาฬิกาใหญ่แผดเสียง ทำให้เหล่าอีกาสีดำที่เกาะอยู่ต่างบินว่อน

    "คิก.... มันต้องอย่างนี้สิ"แว่วเสียงหัวเราะเสนาะใสของหญิงสาวบนสะพาน

    "อา...นังแพศยานั่นโดนกำจัดไปแล้ว ดีจังเลยนะ..."มือบางโอบกอดร่างสูงกำยำของบุรุษผู้หนึ่งแน่นด้วยความรักใคร่

    ร่างที่เย็นเฉียบไร้วิญญาณ...

    มาเรรีอาผู้เสียสติยอมแลกชีวิตของคนรักเพื่อกำจัดศัตรูหัวใจ

    หากว่าฉันไม่ได้ครอบครองคุณ...สู้ทำให้คุณตายไปแล้วกลายมาเป็นของของฉันยังดีซะกว่า

    หญิงสาวคิดพลางยิ้ม ก่อนแนบใบหน้าลงบนแก้มเย็นชืดของศพในอ้อมกอด

    "ฉันรักคุณนะคะ...ริชาร์ด"

    ท่ามกลางหมอกสกปรกของลอนดอน ได้แว่วเสียงหัวเราะลั่นของมาเรรีอาตลอดทั้งคืน...

    ปิศาจ....ไม่เคยช่วยเหลือใคร

    มนุษย์โง่เง่าที่อ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากปิศาจ ย่อมต้องตกนรกบนดินจากความบิดเบี้ยวในใจของตนเอง...

                                                     **********


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×