คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Azamuku [หลอกลวง] 100% ซะที^^
--4--
あざむく [หลอกลวง]
“นี่....โทชิโร่คุง”
เสียงนุ่มที่ดังขึ้น กลับได้รับคำตอบเป็นเพียงความเงียบงัน....
“นี่ๆ โทชิโร่คุง”
คนถูกเรียกยังคงเงียบ
“โทชิ...”
“นี่เจ้าจะเลิกเรียกชื่อข้าได้รึยังหา! อิชิมารุ”คราวนี้คนถูกเรียกหันมาตวาดดังลั่น พร้อมนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่เริ่มทอแววเรืองๆ เรียกรอยยิ้มจางๆให้ฉาบไปทั่วใบหน้าของคนถูกว่า
ฮึซึกายะละพู่กันในมือที่ถูกบีบแน่นจนแทบหักลง ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่จู่ๆก็โดดงานของตัวเองมานั่งยั่วเขาเล่น ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเจือความหงุดหงิด
“แล้วตกลงว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม งานของหน่วยสามมันว่างขนาดนั้นเลยหรอ”
“งานน่ะมันมี แต่ให้อิซึรุทำแทน”คนโยนงานให้คนอื่นพูดหน้าระรื่น ทำให้เจ้าของคำถามชักสงสารคิระขึ้นมาที่ต้องมีหัวหน้าหน่วยแบบนี้
“เจ้ายังไม่ตอบเลยว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม”
งินทำหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เรียวปากบางจะขยับยิ้มพราย ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า...ไม่น่าไว้ใจ
“ไม่มีอะไร...แค่คิดถึง”
ประโยคที่เรียกสีเลือดให้กระจายไปทั่วใบหน้าอ่อนวัย และเสียงหัวเราะเบาๆจากเจ้าของผลงานที่ดูจะสนุกสนานจนน่าหมั่นไส้เหลือเกิน...
“อย่ามาไร้สาระ ตอบมาดีๆ ไม่งั้นก็กลับหน่วยสามไปซะ”คนตัวเล็กกว่าพูดเสียงต่ำ พร้อมแววตาที่บ่งบอกถึงความอารมณ์เสียเป็นที่สุด
ดวงตาสีแดงของคนชอบแกล้งมองภาพเบื้องหน้าก่อนจะหยุดหัวเราะ พลางชูมือขาวยอมแพ้
ต่อค่าาา
“ก็ผมมาชวนโทชิโร่คุงไปงานดอกไม้ไฟน่ะสิ”
คำตอบที่ทำให้คิ้วเรียวบนใบหน้าขาวนั้นขมวดเข้าหากันน้อยๆ
“งานดอกไม้ไฟ? น่าสนใจตรงไหนกัน”
ทว่างินกลับหัวเราะ นิ้วเรียวนั้นยกขึ้นแตะปากเบาๆ นัยน์ตาพราวระยับ
“ก็เพราะว่ามันเป็นงานตอนฤดูใบไม้ผลิน่ะสิครับ ยังไงก็มาได้แล้วกันนะ”สิ้นเสียง ร่างของคนตัวสูงก็กระโดดผลุบออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้ฮิซึกายะต้องอ้าปากที่กำลังจะเอ่ยปฏิเศษค้างเอาไว้
ให้ตายสิ... งานดอกไม้ไฟนี่ จัดหน้าร้อนก็ดีอยู่แล้ว จะมาจัดตอนนี้ทำไมกัน
ความคิดไล่ไปถึงสาวน้อยที่มาชวนเขาไปงานคืนนี้เช่นเดียวกับคนที่เพิ่งจากไป ด้วยเหตุผลเดียวกันแป๊ะ
อิชิมารุก็เหมือนกัน.... ทำไมไม่ยอมอยู่ฟังคำตอบก่อน
ดวงตาสีเขียวปนฟ้าทอแววเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนที่เขาจะสะบัดหัวแรงๆ
แล้วนี่... เขาจะไปกังวลกับเรื่องของคนพรรค์นั้นทำไมกัน.....?
***********
“ว่าว! ยอดเลยฮิซึกายะคุง เหมือนเซอิจินโนฮิ (成人の日=วันบรรลุนิติภาวะ) เลย”เสียงใสๆของเด็กสาวผมสีดำในชุดกิโมโนลายต้นไผ่สีขาว ทำให้ขมับของคนที่เดิมก็ไม่อยากมาอยู่แล้วเต้นตุบๆ
“น้อยๆหน่อย ฮินาโมริ ข้าก็เป็นหัวหน้าคนหนึ่งเหมือนกันนะ”คำพูดที่ดูจะไม่เข้าหูของคนโดนปรามเลยแม้แต่น้อย เมื่อเจ้าหล่อนลากแขนของคนผมสีเงินเดินเข้าไปในงานที่มีร้านค้าต่างๆมากมายอย่างสนุกสนาน ผิดกับนัยน์ตาสีเขียวที่เริ่มสะท้อนประกายเบื่อหน่าย
เขาไม่ค่อยชอบงานเทศกาลเอาซะเลย...
แล้วตอนนี้... อิชิมารุจะทำอะไรอยู่นะ ตั้งแต่เมื่อช้าวก็ยังไม่ได้บอกเลยว่าไปไม่ได้...
พลัน ความคิดเพลินๆก็ต้องหยุดชะงัก ฮิซึกายะส่ายหน้าเร็วๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอคิดอะไรออกไป
นี่เขาจะรู้สึกผิดไปทำไมกัน...
กับอีแค่ไม่ไปตามนัดของเจ้าคนเจ้าเล่ห์นั่น...
“นี่ๆ ฮิซึกายะคุง น่ารักมั้ย”เสียงของฮินาโมริที่ดังขึ้น เรียกให้เขาหันไปมอง
ภาพของเพื่อนสมัยเด็กที่ใส่หน้ากากสุนัขจิ้งจอกสีขาว เหมือนเด็กเล็กๆจนเขาอดยิ้มออกมาน้อยๆไม่ได้
“ยัยบ๊องเอ๊ย...”
ทว่า.... ดวงตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อปลายหางตาพลันมองเห็นอะไรบางอย่าง
คิระกับ....
คนตาสีแดง....
หัวสมองพลันขาวโพลน หูอื้ออึงจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงจอแจของผู้คน ดวงตารับรู้เพียง...
ภาพของคนสองคน กำลังเดินและหัวเราะอยู่ข้างกันอย่างสนุกสนาน...
นั่นหรือ.... คือสิ่งที่ทำให้เขากังวล...
กังวลว่าจะทำให้อีกคนรู้สึกผิดหวังที่เขาไม่ไปตามนัดหมาย กังวลไปต่างๆนาๆ
ในขณะที่ข้ากำลังรู้สึกผิด.... เจ้ากลับมาหัวเราะอยู่ตรงนี้น่ะหรือ อิชิมารุ...
พลัน ดวงตาสีแดงสดก็เบือนมา ทำให้เขาเผลอก้าวถอยหลังตามสัญชาติญาณบางอย่างในกาย
“ขอโทษนะ ฮินาโมริ ข้าคงต้องกลับแล้ว”โดยไม่รอคำตอบ ร่างเล็กสาวเท้าเร็วๆออกมาจากงาน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
“โทชิโร่คุง!”โสตพลันแว่วเสียงของคนที่อยากจะรีบเดินหนีไปให้พ้น เขาจึงต้องรีบเร่งฝีเม้าขึ้น หากแต่ก็ไม่ทันเมื่อแขนของเขาถูกมือขาวนั้นคว้าเอาไว้
“ฮึซึกายะคุง... คือข้า...”
ดวงตาสีเขียวปนฟ้าเบือนมามองช้าๆ พร้อมเรียวปากบางที่เอื้อนเอ่ยประโยคซึ่งแม้จะแผ่วเบาหากแต่กลับกังวานในสมองของผู้ฟัง...
"ทั้งๆที่ข้าน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าทุกอย่างที่เจ้าพูด ทุกสิ่งที่เจ้ากระทำ ล้วนแต่เป็นเรื่องลวง แต่ทำไม... ถึงได้โกรธเจ้าถึงขนาดนี้ อิชิมารุ ข้าเคยคิดว่าเกลียดเจ้า แต่ตอนนี้... ข้าชิงชังเจ้าที่สุด"สิ้นเสียง ร่างเล็กก็สะบัดมือออกจากการเกาะกุม ก่อนจะวิ่งหายไปในความมืดโดยที่คนตัวสูงกว่ามิอาจรั้งไว้....
เพราะคำพูดนั้น... ช่างราวกับมีดเล่มบาง...
เฉือดเฉือนได้เพียงคราละน้อย หากแต่รอยแผลที่ทิ้งไว้กลับเจ็บปวดยาวนาน.....
ดวงตาสีโลหิตเบือนขึ้นไปมองท้องฟ้า ในแววตาที่เคยพราวระยับบัดนี้ปรากฏเค้าของความโศกเศร้าจางๆ
“แล้วทำไม...ถึงไม่ยอมฟังผมบ้างล่ะ....”
ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นสู่ท้องนภาสีดำยามค่ำ ก่อนจะแตกกระจาย ทอประกายจรัสในความมืด
“รู้มั้ยว่าวันนี้เป็นวันที่สิบกันยา...”ดวงตานั้นปรือปิดลง พร้อมประโยคแผ่วเบาที่แว่วผ่านเรียวปาก
“เป็นวันที่ผม... อยากอยู่กับเธอมากที่สุด ถึงได้มารอ.... แต่.... เธอก็ไม่มา”
ใช่... วันที่สิบกันยายน...
....วันเกิดของเขา...
ดอกไม้ไฟแตกกระจาย ดอกแล้ว ดอกเล่า
แสงของมันเจิดจ้า.... แต่มิอาจ....
ส่องถึงหัวใจที่รวดร้าวได้...
วัตสันต์....ได้จากเขาไปแล้ว
ทิ้งไว้เพียงเงาของพิรุณที่โปรยปรายเท่านั้น.....
--Azamuku จบ---
...เเผ่นหลังของทั้งสองที่ห่างไกลกันออกไป...
มิอาจกลับมาเเนบชิดกันได้หรือ?
เฉก... วัตสันต์ที่ถูกดูดกลืนด้วยสายฝน จักสามารถคืนสู่กาลสดใสได้อีกหรือไม่...??
Hitsuyuki to Ginkitsune ตอนต่อไป 'Hanabi to Semi'
"ข้า...ขอโทษ..."
พีเอส// ในที่สุดก็จบบทนี้!! เย้ๆๆ ๆ แล้วก็ขออภัยด้วยค่ะที่ไม่ได้เอาบทต่อไปมาลงตามที่สัญญาT.T เพราะว่าตอนนี้ก็ดึกล่ะ ง่วงนอนๆ(พรุ่งนี้เรียนพิเศษเเต่เช้าอีก>0<)
ไว้มีเวลา พรุ่งนี้จะมาต่อบทไหม่น่อ~ ไม่โกรธกันน้าาาาา^^
ความคิดเห็น