คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เมื่อเผชิญหน้า
ตอนที่ 2
.เมื่อเผชิญหน้า
ขณะเดียวกันที่สี่สาวสังเกตการณ์อยู่เบื้องบน ณ ร้านอาหารที่ลูซี่ นัดพบกับนักฆ่าสาวนั้น..
“เธอโอเครึเปล่าน่ะ” เจเน็ทเอ่ยถามเอมี่ด้วยความเป็นห่วง โดยที่หญิงสาวผมบรอนด์พยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงตอบรับ
“เฮ้..ลูซี่มาแล้ว” โดมินิค เอ่ยอย่างตื่นเต้น ขณะที่ทั้งสี่สาวจ้องดูอย่างใจจดใจจ่อ เอมี่ลืมเรื่องสะเทือนใจทุกอย่างหมดสิ้นเมื่อลูซี่ก้าวเข้ามาในร้าน
“โอเคเราเห็นแล้ว” แม็กส์ส่องกล้องทางไกลจับตาดูลูซี่ขณะที่ โดมินิคดักฟังอยู่อย่างระแวดระวัง
ที่โต๊ะอาหารที่ลูซี่นัดนักฆ่าไว้
“สวัสดี ขอโทษทีที่ฉันมาช้า บังเอิญรถมันติดน่ะ” ลูซี่ทักทายนักฆ่าที่เพิ่งพานพบกัน เธอปลดเสื้อคลุมออกวางบนพนักพิงเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าคู่สนทนา
“ไม่เป็นไร ฉันมาเร็วไปเอง” ฟีนอสชิกาพูดกลับไปด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเปล่งๆของเธอ
ลูซี่ยิ้มให้คู่สนทนา ก่อนที่จะหันไปทางบริกรที่มารอรับออร์เดอร์
“เอ่อ..ฉันขอน้ำเปล่ากับ ไวน์นะ เอ่อ..แล้วเธอเอาอะไรล่ะ” ลูซี่หันมาถามอย่างกันเอง
“อืม ฉันขอ วอดการ์ วอดการ์น่ะ” หญิงนักฆ่าตอบด้วยสำเนียงแปลกหูตามเคย ลูซี่พยายามจับใจความได้ว่าวอดการ์ ก่อนจะหันไปบอกบริกรผู้นั้น
ขณะนั้นเอมี่ได้ส่องกล้องไปมองที่ลูซี่ก่อนจะอุทานออกมา..
“ว้าว ...ลูซี่ ไดมอนด์เธอ” เอมี่พูดค้างแค่นั้น
“อะไร” แม็กซ์ถามอย่างฉงน
“เธอช่าง เป็นจริง ฉันไม่เคยคิดว่าจะเจอตัวจริงเค้า” เอมี่นึกคำพูดได้แค่นี้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ใจจริงเธออยากจะพูดว่าลูซี่เธอนั้นสวยมากเหลือเกิน
“ตกลงว่าเธอเป็นมือสังหาร” ลูซี่พูดเป็นเชิงถามคู่สนทนา
“ใช่” สาวนักฆ่าตอบมาอย่างแม่นยำชัดเจน
“งานเป็นยังไงล่ะ” ลูซี่ถามต่อ
“ส่วนใหญ่ก็เป็นอิสระ”
“แล้วปกติเธอฆ่าใครก็ได้หรอ” ลูซี่หาเรื่องคุยต่อ
“ทำให้พิการ...ได้เงินมากกว่า” นักฆ่าสาวตอบอย่างเลือดเย็นพร้อมจิบวอดก้าร์อย่างสำราญใจ
ทางด้านสี่สาวที่แอบซุ่มอยู่
“พวกเค้าคุยอะไรกัน” เจเน็ทหลุดถามโดมินิคที่ดักฟังอยู่
“พวกเค้าคุยเรื่องการฆ่า จะฆ่ายังไง แล้ว..จะฆ่าใคร” โดมินิคตอบพาซื่อ
“โอ..พระเจ้า” เอมี่ได้ยินถึงกับอุทานออกมา ลูซี่น่ากลัวกว่าที่คิดนักเธอรู้สึกแบบนั้น
“แต่ฉันทำเพื่อจ่ายค่าบิลเท่านั้น” ฟีนอสชิกาพูดต่อ
“จริงหรอ” ลูซี่ยิ้มขันๆกับมุขของคู่สนทนาของเธอ
“ส่วนใหญ่ ฉันอยากเป็นแด้นเซอร์” พูดจบเธอก็ทำท่าทางนักเต้นให้ลูซี่ดู ทำให้สาวนักโจรกรรมถึงกับยิ้มออกมาด้วยความขบขัน
ทางด้านสี่สาว ตอนนี้บ๊อบบี้ก็ลงมาคุยกับเอมี่ต่อ หญิงสาวตกใจอีกระรอก
“เธอมาทำอะไรอีกล่ะ บ๊อบบี้” เอมี่พูดไม่ถูกเลยที่ถูกขัดจังหวะขนาดนี้
“ฉันแค่อยากได้สร้อยข้อมือคืนน่ะนะ นั่นน่ะ” บ๊อบบี้ชี้ไปที่สร้อยข้อมือที่เค้าเคยให้เอมี่สมัยรักกันใหม่ๆ
“ให้ตายเถอะ” เอมี่รีบแกะสร้อยเส้นอย่างหงุดหงิด ก่อนที่บ๊อบบี้จะช่วยแกะด้วยความร้อนรน
ทางด้านลูซี่ พูดคุยกับนักฆ่าอย่างดูเชิง แต่ไปๆมาๆแล้ว ฟีนอสชิกา กลับพูดแต่เรื่องน่าเบื่อจนเธอไม่อาจทนฟังอยู่ต่อได้อีก
“เออ..ฉันคิดว่าอาหารคงเป็นพิษแล้วล่ะ” ลูซี่แสร้งทำสีหน้าเบี้ยว
“อะไรนะ เธอเป็นอะไร” อีกฝ่ายถามกลับมาด้วยความร้อนใจ
“อาหารเป็นพิษน่ะ ฉันต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ” ลูซี่แกล้งทรมานโดยเอามือมากุมท้อง
“เธอจะทิ้งฉันหรอ” ฟีนอสชิกาเอ่ยอย่างรู้ทัน
“อะไรนะ..!!” ลูซี่หน้าตื่น
“เธอ จะ ทิ้ง ฉัน แล้ว ใช่มั้ย” ฟีนอสชิกา เอ่ยอย่างน้อยใจ
“ไม่จริงนะ เปล่า เปล่าเลย” ลูซี่แก้ตัวพัลวัน เธอไม่เคยคิดเลยว่าคู่บอดเธอคนนี้ฉลาดทันกับเธอ
เป็นขณะเดียวกันกับที่ทั้งเอมี่และบ๊อบบี้ยื้อแย่งกันแกะสร้อยข้อมืออยู่นั้น เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง สร้อยข้อมือเจ้ากรรมค่อยๆหลุดหล่นลงไปเบื้องล่าง ที่ตรงกับชามไวน์ที่ลูซี่กำลังจะตักชิมพอดี
“เป้ง” เสียงมันหล่นลงเบื้องหน้าลูซี่ เธอตกใจอย่างมากเอาช้อนตักมันขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้าไปมองต้นทางของสร้อยข้อมือชิ้นนี้ แล้วเธอก็ต้องตกใจอย่างหนักเมื่อเห็นสายลับทั้งหลายดักโจมตีเธออยู่ ลูซี่ค่อยๆเอื้อมมือล้วงปืนพกจากเสื้อนอกของเธออย่างช้าๆ ขณะที่สาวๆข้างบนก็ตกใจไม่แพ้กัน พวกเธอจับปืนออกมาทำท่าเตรียมยิงสวน เหตุการณ์เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะระเบิดออกมาจากจุกขวดไวน์ที่เปิดออกมาชนแก้วบนโต๊ะลูซี่แตกละเอียด
แล้วไม่นานเสียงปืนนัดแรกก็ดังตามมาจากด้านบน ลูซี่และนักฆ่ารีบจ้ำอ้าวหนีไปแอบตรงหลังบาร์เหล้า ก่อนที่พวกเด๊บส์จะโหนตัวลงมายิงปะทะกับพวกเธออย่างดุเดือด ผู้คนในร้านส่งเสียงกรีดร้องสนั่นหวั่นไหว ต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันโกลาหลไปหมด
สี่สาวเด็บส์รีบโหนตัวลงมายิงสกัดไปตลอดทาง ขณะที่ทั้งลูซี่และนักฆ่าสาวช่วยกันยิงโต้กลับออกไป ก่อนที่จะหลบลงมานั่งตรงบาร์เหล้าที่เป็นเกราะคุ้มกันสองสาวไว้
“เป็นเพราะฉันไม่ดีใช่มั้ย” นักฆ่าสาวไม่วายเถียงออกมาด้วยความน้อยใจ
“ไม่ ไม่เลย เธอออกจะดี ฉันเอง คือ คือฉันเพิ่งหลุดออกมาจากความสัมพันธ์น่ะ” ลูซี่เอ่ยอย่างร้อนรน
“แต่ ฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์อะไร” นักฆ่าสาวบ่นออกมาอย่างหัวเสีย ขณะที่ลูซี่ควักระเบิดแล้วไม่รอช้าที่จะเขวี้ยงออกไปตรงจุดที่สี่สาวหมอบอยู่
“พวก พวกเรา” เจเน็ทเห็นระเบิดที่หล่นมาตรงหน้ารีบบอกเรียกเพื่อน ทันทีที่เห็นทั้งสี่สาวรีบวิ่งออกไปจากจุดนั้นทันที ก่อนระเบิดจะดังสนั่นหวั่นไหวลั่นร้านอาหาร
“คือ คือฉันแค่ไม่สนใจ..” ลูซี่พูดตัดบท เธอฉุนเฉียวกับการตามล่าของพวกตำรวจยิ่งนัก
“งั้น... เธอต้องตาย..คนเดียว” ฟีนอสชิกาตะโกนเข้าหูลูซี่อย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเปิดแนบออกไป ทิ้งไว้ให้สาวสวยนักโจรกรรมต้องเผชิญเหตุการณ์อยู่คนเดียว
ลูซี่ได้แต่มองตามสาวนักฆ่าด้วยความหงุดหงิด เธอไม่ได้คิดหวาดกลัวกับสงครามย่อยในร้านอาหารนี้นัก และไม่นานเมื่อเธอหันไปอีกทางก็เห็นทีมของเด็บส์ซึ่งนำโดยแม็กซ์ เดินอย่างหมายอาฆาตมาที่เธอ ลูซี่นั่งยองๆลงเตรียมพร้อมเต็มที่ เธอดันกระสุนชุดใหม่เข้าในปืนอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะลุกขึ้นเล็งไปที่แม็กซ์ที่เข้ามาถึงคนแรก
“ปัง...!!” เสียงนั้นกระแทกเสาทันทีที่แม็กซ์หลบได้หวุดหวิดก่อนจะยิงสวนตอบกลับมาอย่างดุเดือด
“ปังๆๆ” ลูซี่ไวไม่แพ้กันเธอนั่งลงหลบหลังบาร์อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะมองเห็นโต๊ะเหล็กด้านข้าง เธอคิดอย่างรวดเร็วที่จะออกไปจากตรงบริเวณอันตรายนี้ ลูซี่รื้อผ้าปูโต๊ะออกก่อนจะยกขาโต๊ะขึ้นมาบังกระสุน เธอวิ่งฝ่าดงห่ากระสุนที่ทั้งเด็บส์ และรัฐบาล หน่วยงานต่างๆที่ระดมยิงใส่เธอ ลูซี่วิ่งออกไปทางหลังร้านได้ทัน เธอไวปานจรวด
ขณะเดียวกันสี่สาวเด็บส์วิ่งออกตามหาสาวนักโจรกรรมนั้น
“เอมี่..เจเน็ท พวกเธอแยกกันไปทางนั้นนะ ฉันกับโดมจะไปทางนี้” แม็กซ์พูดเตรียมวิ่งออกไป แต่ไม่ทันกับที่เจเน็ทค้านออกมาก่อน
“แต่คุณพีสั่งไม่ให้พวกเราเผชิญหน้าลูซี่ ไดมอนด์โดยลำพังนะ” เธอเอ่ยออกมาด้วยความไม่มั่นใจนัก
“เจเน็ท..เธอคิดว่าพวกเราในนี้มีใครที่จะยังเรียนไม่จบ” แม็กซ์พูดอย่างหัวเสียสุดๆ
“ฉัน” เจเน็ทตอบกลับอย่างร้อนรน ขณะที่ทั้งสองสาวมองหน้ากันอย่างอึดอัด และมองนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนรน
“เพราะเธอยังไม่ได้ไอ้นี่ใช่มั้ย” แม็กซ์สะบัดผมให้เจเน็ทดูแถบสีน้ำเงินอันเล็กที่ติดแน่นอยู่บนเสื้อเครื่องแบบเธอ แถบที่แม็กซ์เป็นคนเดียวที่มีสิทธ์เสนอชื่อให้ได้มันมาเพื่อการเรียนจบ
“แต่ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมเธอไม่เสนอ...” เจเน็ทพูดไม่ทันขาดคำก่อนที่แม็กซ์จะทำมือให้หยุดพูดไปเสีย เจเน็ทกระส่ำกระส่ายอย่างมาก “งั้น..ฉันต้องพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาไม่ว่าจะหนักสักแค่ไหน” เจเน็ทพูด
“ใช่ งั้นเธอหุบปากซะ แล้วรีบไปกับเอมี่นะ แค่นี้” แม็กซ์พูดจบก่อนจะออกวิ่งโดยมีโดมินิคตามหลังไปติดๆ
เอมี่และเจเน็ทวิ่งแยกออกมาได้สักครู่ ทั้งสองสาวมาถึงทางแยกระหว่างด้านหน้าของร้านและลานจอดรถ..
“เอาล่ะเจเน็ท เธอไปทางนั้นนะ ส่วนฉันจะไปทางลานจอดรถนั่น” เอมี่เตรียมวิ่งไปแต่เจเน็ทคว้าแขนหล่อนได้ทัน
“เอ่อ เอมี่ฉัน” เจเน็ทดูท่าไม่มั่นใจนัก
“ฟังนะเจเน็ท เธอต้องทำได้ แล้วอยู่ในระยะที่ติดต่อกันได้ด้วยนะ” เอมี่สบตาเพื่อนสาวอย่างสร้างกำลังใจก่อนจะรีบวิ่งไปในทางที่ตรงกับที่ ลูซี่ ไดมอนด์วิ่งไปก่อนแล้วนั้น แล้วเธอวิ่งผ่านลานจอดรถไปยังโกดัง เอมี่รีบเปิดประตูเข้าไปในทันที..
ขณะที่เอมี่เดินเงียบๆอย่างระวังตัวเข้ามาในโกดังนี้ ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ลูซี่เดินย่องกุมปืนมาอีกด้านหนึ่ง โดยที่ทั้งสองสาวต่างไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังอยู่ในสถานที่เดียวกัน
“ฮัลโหล เจเน็ท เธออยู่หรือเปล่า” เอมี่พูดเสียงแผ่วเบาใส่วิทยุดัดแปลงจากนาฬิกาข้อมือเป็นเครื่องใช้สื่อสาร แต่สัญญาณได้ขาดหายไปแล้ว เอมี่สุดแสนจะเบื่อที่เจเน็ทหลุดวงโคจรไปอีกจนได้
เอมี่เดินมาเรื่อยๆจนมองเห็นปลายทางเดินที่เป็นประตูทางหนีไฟ ขณะเดียวกับที่ลูซี่ก็เห็นแบบเดียวกัน ไม่รอช้าทั้งสองสาวรีบจ้ำอ้าวไปที่ประตู จนมาจุดนัดพบ สาวทั้งสองก็ปะทะชนกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ปืนของทั้งสองต่างกระเด็นตกลงมาในบริเวณใกล้เคียงนั้น
“เอ้อ ขอโทษที”
“อุ้ย ขอโทษ” ทั้งสองสาวเอ่ยมาพร้อมๆกันขณะกำลังก้มลงควานหาปืนของตัวเอง โดยที่ไม่ทันได้มองหน้ากัน
และเมื่อต่างหยิบปืนของตัวเองขึ้นมาได้ แล้วหันมาเผชิญหน้ากันตรง สองสาวต่างแทบช็อคที่ได้เจอกับอีกฝ่าย
“โอ้ยให้ตาย” ลูซี่อุทานออกมา ตาอันคมเข้มของเธอเบิ่งกว้างออกด้วยความตกใจ
“โอ้ว พระเจ้า” เอมี่อุทานแทบจะพร้อมๆกัน สองสาวหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆโดยมือยกปืนเล็งไปที่ทรวงอกของทั้งสองฝ่าย
“เธอคือ ลูซี่ ไดมอนด์” เอมี่เอ่ยออกมาด้วยความระมัดระวัง
“เธอ..คือ เด๊บส์” ลูซี่พูดจ้องฝ่ายตรงข้ามเขม็ง ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เอมี่จะเป็นฝ่ายเริ่มเปิดการสนทนาออกมาก่อน
“เอาล่ะ คือว่า” เอมี่เอ่ยลนๆ
“ว่าไง!!” ลูซี่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ฉันยังไม่พร้อมที่จะตาย” เอมี่เริ่มกล้าพูด
“ฉันก็เหมือนกัน” ลูซี่เอ่ยอย่างรอบคอบ ตายังมองที่เอมี่ไม่วางตา
“ฉันว่า..ทางที่ดี เธอควรวางปืนลงก่อนจะดีมั้ย” เอมี่มองลูซี่อย่างประหม่า
“แล้วทำไมเธอไม่วางปืนของเธอลงก่อนล่ะ” ลูซี่พูดด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“แต่..ในทางเทคนิคแล้ว เธอเป็นผู้ร้าย ส่วนฉันเป็นตำรวจ ฉันน่าจะเชื่อมั่นได้มากกว่า” เอมี่เถียงตามเหตุผล
“แล้วทำไมเล่า ฉันไม่รู้ว่าทำไมนะพวกเธอถึงเข้ามาป่วนเวลาที่ฉันกำลังนัดบอดโง่ๆนี่ด้วยนะ” ลูซี่พูดอย่างหัวเสีย ขณะที่เอมี่มองลูซี่ตาโต เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยินมานัก
“เดี๋ยวนะ” เอมี่ลดปืนลง แล้วเปลี่ยนท่าทีมาเท้าสะเอว “เธอกำลังนัดบอดอยู่หรอ กับแม่สาวรัสเซียอะไรนั่นน่ะนะ” เอมี่เอ่ยอมยิ้มอย่างประหลาดใจ
“อะไร..!!” ลูซี่เบื่อหน่ายที่จะตอบ
“ก็ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเป็น...” เอมีพูดแล้วมองลูซี่หัวจรดเท้า
“ก็แล้วทำไมเล่า” ลูซี่ลดปืนลงมาต่อกรกับสาวเด็บส์ที่เธอต่อกรด้วยอยู่เบื้องหน้า
“โอ้..พระเจ้า..นี่เธอทำให้วิทยานิพนธ์ฉันเสียหมดเลย” เอมี่บ่นอย่างอื้ออึง
“วิทยานิพนธ์อะไร” ลูซี่ถาม ตอนนี้เธอเริ่มเบี่ยงเบนมาสนใจฝ่ายตรงข้าม
“ฉันกำลังทำเขียนรายงานเรื่องเธอ มันเป็นวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับจิตวิทยาการฆ่า ที่ตอนนี้เป็นที่สนใจมากในชั้นเรียน แต่มันยากเพราะมีหลักฐานเกี่ยวกับตัวเธอน้อยมาก แทบจะไม่มีใครได้พูดคุยกับเธอเลย” เอมี่อธิบายหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะที่ลูซี่นึกสนใจหญิงสาวตรงหน้าในบัดดล
“จนตอนนี้หรอ” ลูซี่มองเอมี่ไม่วางตาอย่างสนใจ
“ใช่จนตอนนี้” เอมี่ตอบยิ้มน้อยๆ เธอรู้สึกถูกชะตากับจอมวายร้ายคนนี้อยู่ลึกๆ ทั้งสองต่างสบตากันนานสักครู่ก่อนที่ลูซี่จะเริ่มเข้าสู่การสนทนาต่อไป
“เออ..ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย” ลูซี่เอ่ยถามอย่างเริ่มเป็นกันเอง
“ฉันเอมี่ แบรดชอร์ เด๊บส์ เซ็นเตอร์ 1” เอมี่ยื่นมือไปจับลูซี่ด้วยมิตรภาพใหม่ที่เกิดขึ้นโดยลืมเรื่องภาระหน้าที่ไปชั่วคราว
“ฉัน..ลูซี่ ไดมอนด์” จอมโจรสาวพูด ขณะที่มองมาที่เอมี่ไม่วางตาอย่างสนใจ
“ฉันดีใจจริงๆที่ได้รู้จักเธอน่ะ” เอมี่เอ่ยยิ้มๆ ขณะที่ลูซี่มองเธออย่างสนใจมากขึ้น
ก่อนที่ทั้งคู่จะพูดคุยอะไรกันต่อ
“เอมี่ ..!! เธออยู่หรือเปล่า” เสียงเจเน็ทดังแว่วมาแต่ไกลขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่
“เธอปล่อยฉันไปได้นะ” ลูซี่แสร้งเอ่ยลองเชิง
“ฉัน..ฉันทำไม่ได้น่ะ” เอมี่ตอบอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่เอาน่า..เธอไม่เคยทำอะไรที่ไม่ควรทำบ้างเลยหรอไง” ลูซี่เอ่ยมองมาที่เอมี่อย่างท้าทาย
“เอ...มี่..!!” เสียงเจเน็ทดังใกล้เข้ามาแล้ว
“ฉันอยู่นี่” เอมี่หันไปตะโกนหาเพื่อน ก่อนที่จะหันกลับมาที่ลูซี่ แต่สายไปเสียแล้ว ลูซี่ไวเกินกว่าเธอจะคาดคิด จอมโจรสาวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...
“ให้ตายสิ” เอมี่กระทืบเท้าอย่างหัวเสียที่เธอปล่อยให้จอมวายร้ายหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย
เป็นเวลาเดียวกันกับที่ทั้งเจเน็ท แม็กซ์ แล้วก็ โดมินิคโผล่ออกมาหาเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วงพอดี เมื่อทั้งสามสาวเห็นว่าเอมี่กำลังยืนงงอยู่กับที่ เจเน็ทเริ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงขึ้นมาก่อนใครเพื่อน
“เอมี่ เธอไม่เป็นไรนะ” เจเน็ทมองเพื่อนสาวตลอดตัวเพื่อดูบาดแผล
“เปล่า ไม่ ไม่ ฉันไม่เป็นไร เธออยู่นี่ล่ะ” เอมี่เอ่ยอย่างตื่นเต้น
“อะไรนะ..!!” โดมินิคเอ่ยออกมาอย่างสนเท่ห์
“ลูซี่ ไดมอนด์ เธออยู่นี่ กับฉันเมื่อกี้นี้เอง” เอมี่เอ่ยยิ้มอย่างดีใจ
“ไม่จริงน่ะ ไม่งั้นเธอก็ต้องตายไปแล้วแน่ๆ” แม็กซ์ส่ายหัวเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เฮ้ พวกเราดูนี่สิ” เจเน็ทพูดขึ้นเมื่อเธอก้มลงไปหยิบเพชรเม็ดเล็กที่หล่อนเกลื่อนอยู่เต็มพื้น แสดงถึงสัญลักษณ์ว่าลูซี่ ไดมอนด์เธอมาที่นี่จริงๆ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย” แม็กซ์เอ่ย เอมี่ยิ้มไม่หุบ เธอเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
“เธอรู้อะไรมั้ย” โดมินิคพูดมองตาเอมี่อย่างพิศวง “นี่มันหมายความว่า เธอเป็นคนเดียว ที่..สู้กับลูซี่ ไดมอนด์ แล้วยังมีชีวิตรอดกลับมาได้” โดมินิคพูดให้กระจ่างทั้งๆที่ตัวเธอเองก็แปลกใจอย่างมาก
เอมี่นิ่งคิดอยู่ในใจคนเดียวถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆที่เธอ ได้เผชิญหน้าและพูดคุยกับลูซี่ ไดมอนด์ ซึ่งเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยในชีวิตว่าจะมีโอกาสนี้เกิดขึ้นกับเด็บส์อย่างเธอ...
ความคิดเห็น